ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 2 : He Wakes : Part 2
/โอเค เรานี่ชักจะไปกันใหญ่แล้ว พวกเงามายาไม่ควรมีความรู้สึกเมตตาสงสารเหยื่อนะ.../
ยังไงก็เหอะ ใช่ว่าทุกคนจะสูญเสียความเหี้ยมโหดตามแบบฉบับยามเห็นคนใช้โซ่ที่ป้องกันตัวเองไม่ได้ อย่างเฟย์ตันเป็นตัวอย่าง เขาทำท่าทางเหมือนคันไม้คันมืออยากจะจ้วงมีดลงบนร่างนักโทษคนใหม่รายนี้เต็มทน
“เจ้าเด็กนี่มันจะฆ่าหรือไม่ได้ฆ่าอุโบกินก็ช่างเถอะ ไอ้หนุ่มหน้าสวยคนนี้มันบังอาจมาต่อต้านหัวหน้า ฉันว่ามันสมควรแก่โทษถึงตาย”
“เฟย์ตัน” หัวหน้ากลุ่มเตือน “ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้นหรอก ไม่ จนกว่าเราจะรู้เรื่องของเขามากกว่านี้ และยังต้องรู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอุโบกิน”
เฟย์ตันยักไหล่แล้วเบือนหน้าหนี ยอมฝืนอารมณ์โทสะทำตามคำสั่งด้วยความไม่พอใจ หากเป็นสมาชิกคนอื่นในกลุ่มล่ะก็เขาไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ แบบนี้แน่ ในบรรดาแมงมุมทั้งหมดแล้วเขาเป็นคนที่ซาดิสซ์ที่สุด ในยามปกติ เพื่อนๆ ก็มักจะยกหน้าที่ 'โน้มน้าวใจ' และรีดไถข้อมูลจากนักโทษให้กับเขา
“ชาร์นาร์ค?” คุโรโร่ตะโกนเรียก
“หาข้อมูลใช่มั๊ย?” อีกคนขานตอบ “ได้เลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง”
ชาร์นาร์คก้าวออกมาข้างหน้า ย่อตัวลงแล้วลงมือรื้อค้นเข้าไปในเสื้อผ้าของเด็กผมทอง สมาชิกคนอื่นๆ เริ่มตึงเครียด ต่างตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะโจมตีทันทีหากเขาต้องการความช่วยเหลือ ไม่มีใครบอกได้ว่า คนใช้โซ่มันสลบจริงหรือกำลังแสร้งหลอกตบตาพวกเขาอยู่กันแน่...
ช่วงเวลาสั้นๆ ผ่านพ้นไป ชาร์นาร์คก็ฉวยได้กระเป๋าสตางค์ใบเล็กๆ ด้วยมือข้างหนึ่ง พร้อมทั้งโทรศัพท์มือถือในมืออีกข้าง
“เขาไม่ค่อยพกของติดตัวมากนัก” เขาพึมพำ วางโทรศัพท์ไว้ที่พื้น แล้วเริ่มทำการสำรวจของที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์
“มีแค่ไม่กี่พันเซนนีเอง... ไม่มีไอดี... เฮ้!” อยู่ๆ ชาร์นาร์คก็ร้องเสียงหลง เขากำลังถืออะไรบางอย่างที่ดูเหมือนไพ่ พินิจมองมันอย่างตื่นเต้น หน้าด้านหนึ่งเป็นการ์ดสีแดงมีลายทางสีดำหนึ่งเส้นพาดผ่าน และอีกข้างเป็นสัญลักษณ์รูปตัวเอ็กซ์ (X) สองตัวกับลายเส้นสีขาว
“หมอนี่เป็นฮันเตอร์ล่ะ” เขาประกาศ
นั่นเองเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงดูตื่นเต้นนัก ชาร์นาร์คก็เป็นฮันเตอร์มืออาชีพคนหนึ่งเช่นกัน และเขาได้พยายามโน้มน้าวใจเพื่อนๆ ให้เข้าสมัครสอบฮันเตอร์มาโดยตลอด พร่ำพูดแล้วพูดอีกว่าการเป็นฮันเตอร์ทำให้เราได้เปรียบและมีสิทธิพิเศษมากมายเพียงใด โดยเฉพาะในเรื่องของการเงินกับการเดินทาง แต่เพื่อนๆ ก็ไม่เคยเอาคำแนะนำในเรื่องนี้ไปใส่ใจกันซักคน ก็ทำไมต้องเข้าเล่นเกมส์ปัญญาอ่อนระดับมือสมัครเล่นเพียงแค่จะเอาการ์ดห่วยๆ ด้วยล่ะ? ในเมื่อคนอย่างพวกเขานึกอยากได้เงินหรือวีซ่าก็ขโมยเอาเมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่ที่ใจปรารถนา
“287... เพิ่งออกบัตรปีนี้เอง ฉันเดาว่าเขาคงเพิ่งเรียนรู้วิธีการใช้เน็นได้ไม่นาน...”
ปาคูโนด้าเห็นหูของหัวหน้ากระดิกของจริงเมื่อเขาได้ยินข้อมูลชิ้นนี้
“หมายความว่าไง?”
“เกือบทุกกรณี ผู้สมัครสอบฮันเตอร์มักไม่เคยเรียนวิธีการใช้เน็นมาก่อน – ส่วนใหญ่แล้วไม่รู้ว่ามีเน็นอยู่ในโลกนี้ซะด้วยซ้ำ การสอบจะแบ่งออกเป็นสองช่วง ส่วนแรกคือตัวการสอบฮันเตอร์เอง และส่วนที่สอง คือหลังการสอบ ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขาจะได้เรียนรู้เน็น โดยไม่รู้ว่าสมาพันธ์ฮันเตอร์กำลังจับตาดูความก้าวหน้าของพวกเขาอยู่ เพียงเมื่อเหล่าบัณฑิตได้เรียนรู้พื้นฐานการใช้เน็นจนสำเร็จตามหลักสูตรแล้วเท่านั้น พวกเขาจึงจะถูกยอมรับว่าเป็นฮันเตอร์เต็มตัว การสอบปีละครั้งนี้เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อหกเดือนก่อน” ชาร์นาร์คเว้นช่วง ก้มลงมองเด็กชายผมทองด้วยสีหน้าครุ่นคิด “นั่นก็หมายความว่าเจ้าคนใช้โซ่นี่อาจจะเพิ่งได้รับความสามารถเน็นมาในเวลาที่น้อยกว่าหกเดือน”
“‘อาจจะ’ เหรอ?”
“ก็ มันอาจเป็นไปได้ว่าเขารู้จักการใช้เน็นมาก่อนหน้านั้นแล้ว ฉันเองก็ผ่านการสอบมาด้วยเน็น แต่ความเป็นไปได้นั้นต่ำมาก ปกติแล้วจะมีแค่ไม่ถึงสองสามคนที่ใช้เน็นเป็นต่อการสอบหนึ่งครั้ง”
“เขาไม่มีบัตรประจำตัวอะไรเลยเหรอ?”
ชิซึคุเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบของเพื่อนๆ ที่กำลังจมอยู่กับความคิด
“ไม่ต้องห่วงน่า ชั้นหาข้อมูลที่เราต้องการมาได้แน่ แค่ใช้ไอ้นี่” ชาร์นาร์คให้ความมั่นใจ สะบัดการ์ดฮันเตอร์ในมือเบาๆ เขากุลีกุจอไปที่มุมห้อง ที่ซึ่งเขาซ่อนอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่เขาขโมยมาเอาไว้ – แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์นั่นเอง พร้อมด้วยอุปกรณ์ตัวเสริมที่ใช้สำหรับอ่านข้อมูล เพื่อนๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดันทุรังจะขโมยไอ้อุปกรณ์ที่ว่านี้นักระหว่างการโจมตีเมืองครั้งล่าสุด แต่ตอนนี้ทุกคนต่างมองอย่างสนใจใครรู้เมื่อเขาดึงสายไฟบางเส้นออกมาจากกำแพงตรงที่เขาชกจนเป็นรูโหว่ ต่อมันเข้ากับสายไฟที่เลื้อยออกมาจากแล็ปท็อป เปิดเครื่องคอมพ์ รูดการ์ดผ่านหัวอ่านของอุปกรณ์อ่านข้อมูล และเริ่มลงมือพิมพ์อย่างรวดเร็วราวพายุ ระหว่างที่บ่นพึมพำคำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์
“หัวหน้า?”
“อืม? มีอะไรหรือ?”
ปาคูโนด้าฟังด้วยความประหลาดใจเมื่อกอลโทปี้ตัวจิ๋วเปิดปากพูด การได้ยินเธอพูดจาแสดงความเห็นนั้นเกือบจะหายากพอๆ กับการที่หัวหน้าของพวกเขาบันดาลโทสะเลยทีเดียว
“ฉันเพิ่งนึกออกน่ะ ฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่ชนะการประมูลเนตรสีเพลิง”
“ไอ้ลูกตาน่าขยะแขยงราคา 2 พัน 9 ร้อยล้านนั่นน่ะเหรอ?” ชิซึคุถาม
กอลโทปี้พยักหน้า
“หมายความว่าไอ้หมอนี่ยืนอยู่ตรงนั้นตลอด โดยที่พวกเรามองไม่เห็นมันเนี่ยนะ!?”
อา โนบุนากะเริ่มจะน็อตหลุดอีกครั้งแล้ว หากเขายังคงเกิดอาการเช่นนี้อยู่บ่อยๆ เขาคงตายด้วยโรคความดันโลหิตสูงเป็นแน่
“พูดถึงเนตรสีเพลงแล้ว...” หัวหน้าเริ่มพูด ปาคูโนด้าถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อโนบุนากะหลงลืมความพยาบาทไปชั่วขณะ “นับว่าพวกเราใกล้เคียงมากทีเดียวตอนที่สันนิษฐานว่าคนใช้โซ่เกี่ยวพันกับชนเผ่าคูลท์”
“แค่ ‘ใกล้เคียง’ เองเหรอ?”
“เพราะไม่ใช่เขาแค่เกี่ยวพันกับชนเผ่านั้น เด็กนี่เป็นชาวคูลท์ตัวจริงเลยล่ะ”
“ฉันนึกว่าพวกหัวหน้าฆ่าล้างบางไปหมดแล้วเมื่อหลายปีก่อนซะอีก” ชิซึคุพูด
คุโรโร่ทำคิ้วขมวดใส่ความเถรตรงของเด็กสาว “โดยส่วนตัวแล้ว ฉันจะไม่ขอใช้คำว่า ‘ฆ่าล้างบาง’ นะ”
“แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่พวกนายทำไม่ใช่เรอะ?”
ปาคูโนด้าแทบสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงอ่อนเยาว์พูดขึ้นอย่างกะทันหัน เจ้าเด็กผมดำนั่นเอง คนที่เล่นงัดข้อกับโนบุนากะ หลังจากเผชิญหน้ากับคนใช้โซ่แล้ว เธอก็ลืมเรื่องของตัวประกันเด็กสองคนนี้ไปซะสนิท เด็กทั้งคู่ยืนข้างกัน แขนถูกมัดไพล่หลัง แต่เท้ายังคงเคลื่อนไหวได้อิสระภายในพื้นที่แคบๆ กลางวงล้อมป้องกันของโบโนเรนอฟ ชิซึคุ และฮิโซกะ
“พวกนายฆ่าชาวคูลท์ทุกคนในเผ่าเพียงเพื่อจะเอาลูกตาเท่านั้น”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น