ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hunter X Hunter (Y) : Wild Hearts Can\'t Be Broken

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 1 : Impression : Part 3 (end)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ม.ค. 49


    เมืองยอร์คชินเป็นหนึ่งในมหานครที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ โรงแรมสูงขนาดร้อยชั้นระดับห้าดาว โรงภาพยนตร์โอ่โถง คาสิโนสีสันฉูดฉาด สถานที่ประมูลอันหรูหรา ตลาดที่กว้างขวางใหญ่โต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ที่นี่มีทุกอย่างที่กล่าวมา มากกว่านี้ก็มีเช่นกัน ว่ากันตามตรงมันก็เหมือนสนามเด็กเล่นสำหรับพวกคนรวยกับคนดังนั่นแหละ ผู้คนจากทุกชนชั้นมารวมตัวกันที่นี่ทุกๆ ช่วงของปี ในฐานะผู้เข้าร่วมชมกิจกรรมอันน่าตื่นตาตื่นใจของเมืองทั้งยามกลางวันและกลางคืน



    มันยังเป็นหนึ่งในเมืองอย่างที่เราเรียกกันว่า “ไม่เคยหลับไหล” ป้ายนีออนนั้น มีตั้งแต่แบบที่แสงเคลื่อนไหววูบวาบไปมา จนถึงโคมไฟฟลูออเรสเซนต์แบบพื้นๆ แสงสีทุกชนิดเท่าที่มนุษยชาติจะคิดค้นได้ถูกเปิดขึ้นทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน เมืองนี้พร้อมกางแขนกว้างๆ โอบต้อนรับผู้เข้ามาร่วมงานเลี้ยงฉลองยามค่ำคืนเสมอ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมห้องที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงที่สุดของโรงแรมจึงไม่เคยว่างเลย ยิ่งสูงเท่าไหร่ ค่าห้องก็ยิ่งแพงเท่านั้น และแน่นอนว่าวิวก็ยิ่งสวยงามน่าประทับใจยิ่งขึ้นด้วย



    /และคงไม่มีใครปีนขึ้นมาได้สูงกว่าที่ที่ฉันยืนอยู่ตอนนี้แน่ - แน่ล่ะ หากไม่บินขึ้นมาล่ะก็นะ/ คุโรโร่คิด นั่นไม่ใช่อารมณ์ขันหรอก เพราะเขากำลังโดดจากดาดฟ้าของโรงแรมนึงไปยังดาดฟ้าของอีกโรงแรมนึง ระยะห่างนั้นนับได้เป็นร้อยฟุตต่อการกระโดด 1 ช่วง ความสูงที่ชวนให้หน้ามืดนั้นไม่มีผลกระทบกับเขาแม้แต่น้อย เพราะเขาแค่มองมันผ่านๆ อย่างไม่ใส่ใจ



    ทิวทัศน์ตอนนี้จัดได้ว่าโรแมนติคทีเดียว... ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขามีใครบางคนนอนพาดอยู่บนไหล่ซ้ายของเขาราวกับถุงมันฝรั่งแบบนี้



    ศัตรูคู่อาฆาตของเขา ถ้าให้พูดตรงๆ ล่ะก็นะ คนใช้โซ่ที่ว่า ในเวลานี้กำลังสลบไสลไม่ได้สติ ไม่รู้สึกตัว



    และแม้ยามหมดสติ เจ้าเด็กคนนี้ก็ยังคงรังควาญเขาไม่เลิก บังคับเขาให้ผลักดันฟันเฟืองความคิดให้เคลื่อนไหว ทำให้เขาต้องคิดทบทวนใหม่เรื่องกลยุทธและแผนการ



    ทำไมเขาต้องไว้ชีวิตเด็กผมทองคนนี้ด้วย? เขาน่าจะฆ่าเด็กชายคนนี้ซะ เด็กนี่เป็นคนแรก และหวังว่าจะเป็นคนสุดท้าย ที่สามารถจับตัวคุโรโร่ได้ แม้การจับกุมนั้นจะอยู่ในระยะเวลาสั้นๆ ก็เหอะ



    และคงเป็นเพราะโชคช่วยแท้ๆ ที่เขาสามารถหนีออกจากการจับกุมนั้นมาได้ เขาคิดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ไฟส่องวูบวาบ และดับลงฉับพลัน แสงไฟถนนที่น่าจะสว่างอยู่ตลอดเวลาขาดไปหนึ่งดวง ในตอนที่พวกเขาวิ่งผ่านไป



    บางทีอาจเป็นเพราะคู่ต่อสู้ของเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ได้ หรืออาจเป็นเพราะความประมาท - สงครามจะชนะหรือแพ้ส่วนใหญ่แล้วมักขึ้นอยู่กับความประมาท แต่เท่าที่เขารู้คือ โซ่สีเงินที่พันธนาการรอบตัวเขานั้นหย่อนลงไปเล็กน้อย ในช่วงเสี้ยวเวลาที่ไฟดับลงฉับพลันนั่นแหละ



    เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ คุโรโร่หลุดรอดจากบ่วงโซ่ได้ก่อนที่อีกคนจะรับรู้ถึงความผิดพลาดที่ตนเองก่อขึ้น



    ในตอนนั้น เขากำลังเดินนำหน้าเด็กหนุ่มผมทองอยู่ ดังนั้นเขาจึงต้องหมุนตัวอย่างรวดเร็วบนเท้าซ้าย ก่อนจะส่งลูกเตะที่แรงที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ด้วยเท้าข้างขวา เสียงตุ้บอันน่ารื่นรมย์ยามที่เท้ากระทบท้องเข้าอย่างจังดังกังวานท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นยามค่ำคืน หลอดไฟข้างถนนที่กะพริบวูบวาบส่องกระทบใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและตกตะลึงสุดขีดของคนใช้โซ่



    ลูกถีบนั้นเขาตั้งใจทำให้ถึงพิการ และมันเคยใช้ตัดคอของศัตรูที่อ่อนแอกว่านี้มาแล้ว เพราะงั้นคุโรโร่จึงมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยที่ตู่ต่อสู้ของเขาพยายามพยุงร่างของตนให้ทรงตัวยืนขึ้น และไม่หมดสติหลังจากที่กระเด็นไปไกลถึงห้าฟุต



    เด็กชายสามารถตั้งการ์ดป้องกันส่วนนั้นได้ทัน ฉับพลันที่ลูกถีบเข้าเป้าหมาย แต่การป้องกันนั้นไม่เพียงพอ เด็กชายสูญเสียการควบคุมของกล้ามเนื้อและล้มลงโดยมีมือและเข่ายันร่างกายไว้



    สายโซ่ยาวที่พันรอบตัวคุโรโร่อย่างหละหลวมสลายตัวไป เพราะผู้ใช้อ่อนกำลังลงเกินกว่าจะประคับประคองรูปทรงของมันให้คงสภาพแข็งแรงอยู่ได้

    เขาเคลื่อนกายเข้าหา เพื่อจะส่งการโจมตีสังหารครั้งที่สอง แต่ก่อนที่เขาจะทำอย่างที่คิดไว้ คุโรโร่พบว่าตนเองกำลังจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาสีแดงที่กำลังโกรธเกรี้ยว ความจริงมันก็ไม่ใช่สีแดงซะทีเดียวหรอก สีนัยน์ตานั้นเปลี่ยนไปมา จากสีฟ้าครามกลายเป็นสีแดง และกลับเป็นสีฟ้าอีกครั้ง แต่ละสีราวกับจะบอกว่าเจ้าของดวงตากำลังเดินอยู่ระหว่างเส้นแบ่งเขตของสติสัมปชัญญะกับโลกแห่งการหลับไหล เมื่อชำเลืองมองลงไปยังมือสีขาวซีดจะเห็นอาวุธโซ่ที่ปรากฏตัวและหายไปเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่สีนัยน์ตาเปลี่ยน - ปรากฏขึ้นยามดวงตาเป็นสีแดงวาวโรจน์ และหายไปยามที่มันกลับคืนเป็นสีฟ้าคราม



    เขาจ้องมองดวงตาของอีกฝ่ายด้วยความหลงใหล ความทรงจำที่สลัวและเลือนลางทิ่มแทงเขาในใจ และกว่าเขาจะรู้สึกตัว เขาก็พบว่าเด็กผมทองกำลังแช่งด่าเขา คำสาปส่งแห่งความเคียดแค้นชิงชังถูกสลักเสลาก่อตัวเป็นรูปร่างออกมาจากกลางอากาศ



    มีเพียงผู้ใช้เน็นชั้นสายเสริมพลังเท่านั้น ที่สามารถรอดชีวิตจากการเตะครั้งนั้นได้ และคนใช้โซ่ก็น่าเป็นผู้ใช้เน็นสายแปรสภาพแท้ๆ แต่กลับรอดมาได้ แถมยังมีสติพอจะสบถด่าใส่เขาอีก



    นั่นคงจะเป็นตอนที่คุโรโร่ตัดสินใจไม่ฆ่าเด็กผมทองคนนี้ ด้วยเหตุผลที่คลุมเครืออธิบายไม่ถูกสำหรับเขาในตอนนั้น และยังคงคลุมเครือมาจนถึงตอนนี้



    มันไม่ใช่เพราะเขาอยากจะขโมยความสามารถเน็นจากเด็กหนุ่ม ความคิดนั้นอยู่ล่างสุดของรายการที่เขาคิดจะทำ (การจำกัดภัยคุกคามเป็นอันดับหนึ่งของรายการ) และก็ไม่ใช่เพราะเขาคิดจะแก้แค้นโดยการทรมานให้ตายอย่างช้าๆ และเจ็บปวด (ปกติแล้วนั่นเป็นกิจกรรมยามพักผ่อนหย่อนใจของเฟย์ตัน) หรือจะเป็นเพราะเขาพึงพอใจกันแน่? พึงพอใจในความแข็งแกร่งและความสามารถของเด็กผมทองคนนี้ และเกิดความสนใจ ว่าเขาได้มันมายังไง...?



    เหตุผลมันจะเป็นอะไรก็ตาม มันได้หนีหายไปจากใจเขาแล้ว อย่างเช่นที่มันกำลังทำอยู่ตอนนี้ อย่างไรก็ดี แทนที่เขาจะลงมือปลิดชีพ เขากลับใช้สันมือฟันลงที่หลังคอของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วหมดจด และคนใช้โซ่ก็หยุดการดิ้นรน ล้มลงหมดสติอย่างสิ้นเชิง



    โชคช่วยแท้ๆ สำหรับเขา อาจเป็นความผิดพลาดของคนใช้โซ่ที่ตัดสินใจเลือกทางเดินที่เปลี่ยวไร้ผู้คนก็ได้ ไม่งั้นคงเป็นเรื่องแน่ๆ หากใครเห็นคุโรโร่โน้มตัวลงเหนือร่างที่นอนคว่ำอยู่กลางถนน อย่างที่เขาทำขณะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาปาคูโนด้า



    เขาให้ความสนใจแค่ครึ่งเดียวระหว่างบทสนทนาสั้นๆ สั่งการให้มือรองของเขาเรียกรวมพลและตรงกลับไปที่รัง อีกครึ่งหนึ่งเขาใช้ไปกับการพิจารณา ระหว่างกำลังพินิจร่างของคนใช้โซ่ชื่อกระฉ่อน



    เขาน่าจะฆ่าศัตรูของเขา ล้างแค้นให้กับความตายของอุโบกิน แต่ว่า... เพียงเขามองใบหน้าของนักฆ่าคนนี้แค่ครั้งเดียว โทสะทั้งมวลก็เลือนหายไป



    คนใช้โซ่... ไม่น่าจะเด็กถึงขนาดนี้เลย ดวงตาที่ปิดยามหลับใหล (หมดสติน่าจะคำเป็นคำพูดที่เหมาะสมกว่า แต่มันฟังดูไม่ค่อยดี) ทำให้ศัตรูคนนี้ดูราวกับบุตรแห่งเทพธิดา ทูตสวรรค์ที่ไร้ซึ่งบาปและมลทิน



    หลังจากนั้นอีกไม่นาน เขาก็เพิ่งจะรู้เพศที่แท้จริงของคนใช้โซ่ เขาเข้าใจผิด คิดว่าเด็กหนุ่มผมทอง (สาวผมน้ำตาล ในตอนแรกนะ) คนนี้เป็นผู้หญิง ต้องโทษชุดสาวประชาสัมพันธ์ที่เขาใส่อยู่นั่น แต่เมื่อเขามองดีๆ ก็สังเกตว่ามีบางอย่างไม่ที่เข้าที่เข้าทาง



    เขาย่อตัวลง เอื้อมมือไปคว้าผมที่รวบเป็นหางม้าเอาไว้ กระตุกออก... และจ้องมองด้วยสายตาตกตะลึงเมื่อผมสีทองสยายออกมาจากใต้วิกผมสีน้ำตาล



    หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน เขาก็พลิกร่างของเธอ – หรือของเขา? – เอาเป็นว่า ร่างของคนใช้โซ่ ให้นอนหงาย และใช้แขนเสื้อเช็ดลิปตลิกออก



    ใช่ ชัดเจนว่าเป็นผู้ชาย แม้จะเป็นผู้ชายที่รูปรางหน้าตากระเดียดไปทางผู้หญิงก็เถอะ



    หลังจากผ่านไปประมาณสองสามนาทีแห่งการจ้องมองและขบคิด คุโรโร่ก็ตัดสินใจสั่งลาขาดกับแผนการทุกอย่างที่เขาคิดไว้ แล้วมุ่งตรงไปยังรังซ่อนตัวของพวกเขา เขานึกใคร่ครวญบางสิ่งบางอย่างระหว่างทาง



    อะไรทำให้เขาเป็นได้ถึงขนาดนี้เนี่ย อีกแค่กิโลเดียวก็จะถึงตึกร้างหลังที่พวกเขาเลือกใช้เป็นรังซ่อนตัวแล้ว แต่เขายังไม่รู้เลยว่าจะควรทำอย่างไรกับเด็กหนุ่มผมทองคนนี้ดี



    เท่าที่เขารู้คือ เรื่องที่จะฆ่าคนใช้โซ่นั้นเป็นประเด็นที่ตกไปจากใจเขาเรียบร้อยแล้ว



    ฮัลโหล... ชื่อของอุโบกินไม่ทำให้นายได้สติขึ้นมาเลยรึไง? เสียงอันน่ารำคาญของ นักวิจารณ์ ผู้พิพากษา ลูกขุน ตุลาการ ภายในใจของเขาพากันประสานเสียงประท้วง  นายเกลียดเขา และเขาก็เกลียดนาย เขาจะฆ่านายทันทีที่มีโอกาส มีเหตุผลอะไร ทำไมนายถึงได้ไม่ฆ่าเขาล่ะ?



    /ฉันไม่ได้เกลียดเขา เขาเป็นคนฆ่าอุโบกิน และในฐานะที่ฉันเป็นหัวหน้า มันก็แค่เป็นหน้าที่ของฉันที่จะพาเขากลับไปให้สมาชิกทุกคนตัดสินชะตากรรมของเขาร่วมกัน.../



    หน้าที่เหรอ? การตัดสินใจร่วมกันเหรอ? แม้แต่หูของเขาเอง ยังรู้สึกว่ามันเป็นข้ออ้างที่น่าสมเพชเลย ฟังดูงี่เง่า น่าสมเพช หลอกเด็ก –



    /หุบปากไปเลย ตกลงมั๊ย!?/ เขาคำรามใส่เสียงอวดดีที่ดังมาจากส่วนลึกของจิตใจ /ฉันแค่... ยังไม่รู้เท่านั้นเอง ฉันจะนึกหาเหตุผลทีหลังละกัน... ซักวันนึงล่ะน่า/



    ใช่ นั่นแหละ



    อีกอย่างก็คือ โซ่พวกนั้นควรจะเอามาเก็บไว้ใกล้เตียงให้มากที่สุด



    !?



    ไอ้ความคิดบ้าๆ นั่นมันมาจากไหนกัน!?





    --------------------- The End Of Chapter 1 ----------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×