ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 : Impression : Part 2
“ทำไมไม่ไล่ตามพวกนั้นไปล่ะ?”
“มาจิกับปาคูบาดเจ็บน่ะสิ”
“แล้วไง?”
“ไอ้หมอนั่นมีฮันเตอร์มืออาชีพอยู่ฝ่ายมัน ขนาดไอ้เด็กสองตัวนี้ยังรับมือด้วยยากเลย เรื่องฝีมือการต่อสู้น่ะ”
“แล้วไง?”
“อ่านข้อความให้ดีๆ สิวะ! มันพิสูจน์ว่าสองคนนี้มีค่าเป็นตัวประกัน ตราบเท่าที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ เราก็มีโอกาสเอาหัวหน้าคืนมาได้”
“แล้วไง?”
“ถ้าพวกมันหนี พวกเราก็ไม่มีอะไรไปต่อรองน่ะสิ! ไอ้ชั่วช้าที่มันเอาตัวหัวหน้าไปคือเจ้าคนใช้โซ่นะ ขนาดอุโบกินยังเอาชนะมันไม่ได้เลย!”
“แกกลัวเหรอ?”
ปาคูโนด้าถอนหายใจ เชื่อสิว่าฟิงคส์กับเฟย์ตันต้องทำให้โนบุนากะโมโหไฟลุกแน่ ความตึงเครียดระหว่างทั้งสามคนเริ่มก่อตัวใหญ่ขึ้นทุกวินาทีหลังจากที่พวกสมาชิกที่เหลือมาถึงโรงแรม เธอมองโนบุนากะที่หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เส้นเลือดแถวขมับปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ได้ยินที่พูดรึไง!? ก็ไฟมันดับ! กว่าสายตาจะปรับตัวได้ หัวหน้าก็หายไปแล้ว! พวกเราอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้เลย แหกตาดูซะมั่งสิ!”
เฟย์ตันหัวเราะด้วยน้ำเสียงเหมือนดูถูกปนยั่วโมโห ปาคูโนด้าไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าทำไมนักสู้ไซส์เด็กคนนี้ถึงพูดจาเยาะเย้ยโนบุนากะที่กำลังไม่สบอารมณ์ได้อย่างไม่หยุดหย่อน พวกนั้นไม่น่าทำแบบนี้เลย... พวกเขาไม่ควรสู้กันเองในกลุ่มแบบนี้ ไม่ใช่ในเวลาที่ชีวิตหัวหน้าของตนแขวนอยู่บนเส้นด้าย... โอ๊ย ตาย... ฟิงคส์เพิ่งทำให้ความอดทนของโนบุนากะเกือบถึงขีดสุด ด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ตอนที่เธอคลาดสายตาไป ซามูไรเอานิ้วแตะดาบ ขณะที่อีกมือยังคงยึดตัวเด็กผมขาวไว้แน่น ปาคูโนด้าเตรียมตัวให้พร้อมจะยับยั้งโนบุนากะ เผื่อเขาคิดจะโถมเข้าใส่คนที่กำลังกวนโมโหเขาอยู่ เสียงเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมากะทันหันก่อนที่ใครคนอื่นจะสามารถทำอะไรต่อไปได้
“เรื่องอื่นช่างมันก่อนเถอะ เรามาประชุมกันดีกว่า เราต้องมีแผนรับมือกับเรื่องนี้นะ”
ปาคูโนด้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย ชาร์นาร์ค หนึ่งในนักวางแผนของกลุ่ม พูดด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นและมีเหตุผลเหมือนเคย แม้จะมีหน้าตาเหมือนเด็กไม่มีพิษภัย แต่ชาร์นาร์คเป็นนักคิดที่น่ากลัว ทั้งยังเป็นนักสู้ที่เหี้ยมโหดได้ถ้าเขาอยากจะเป็น มือถือที่ดูไร้พิษภัยซึ่งห้อยอยู่ข้างเข็มขัดของเขาเป็นหลักฐานสำหรับเรื่องนั้น เขาเป็นเป็นเลิศเรื่องการหาข้อมูล ยอดเยี่ยมเรื่องการวางแผน และเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้กลยุทธในการต่อสู้กับศัตรูที่ต้องเอาชนะด้วยสติปัญญา เขาก็ตามมาเป็นที่สามถัดจากหัวหน้าและปาคู ยามใดที่เขาพูด ทุกคนก็จะหยุดฟัง
“จากนี้ไป พวกเราต้องทำงานกันเป็นทีม ดูแลอาการบาดเจ็บของมาจิกับปาคูก่อน แล้วเราค่อยเริ่มตามรอยเจ้าคนใช้โซ่ไป ปาคู เธอเข้าใจนะ?”
“อืม”
ความจริงแล้วเธอไม่เห็นด้วย หากเรื่องราวจะดำเนินไปตามลำดับเหตุการ์ที่เธอคิดไว้หลายนาทีก่อนหน้านี้ เธอจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของชาร์นาร์ค หรือคำสั่งของใครทั้งนั้นแน่ เนื่องด้วยสาเหตุนั่น เธอฟังพนักงานโรงแรม ซึ่งพยายามเอาใจบรรดาแขก อย่างไม่ค่อยใส่ใจ แล้วจึงมุ่งความสนใจกลับไปที่ชาร์นาร์ค ซึ่งเริ่มแจกแจงเนื้อหาของยุทธการที่เขาวางเอาไว้ให้เพื่อนๆ ฟัง
“ถ้ามีใครเจอรถที่หัวหน้านั่งอยู่ ก็ – ”
ตรู๊ดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์มือถือของเธอเอง ไอ้ของบ้าๆ ที่ต้องดังทุกครั้งในเวลาที่ไม่เหมาะสมที่สุด มันดังเป็นครั้งที่สอง เสียงดังโหยหวนท่ามกลางความเงียบกะทันหันที่ก่อตัวขึ้นในกลุ่ม
เธอเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ค่อยๆเอามือถือออกมาจากกระเป๋า ด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้ผ่อนคลายขึ้นเลยแม้แต่น้อย เธอจ้องมองจอแอลซีดีที่กำลังเรืองแสง
“เบอร์ของหัวหน้า” เธอประกาศอย่างใจเย็นโดยไม่ละสายตาออกจากของต้องสาปชิ้นนี้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
เสียงโทรศัพท์ดีงขึ้นอีกครั้ง และเธอยังคงไม่กดปุ่มตอบรับ แต่เท่าที่มองจากสีหน้าของเพื่อนๆแล้ว ดูท่าทางพวกนั้นก็ไม่อยากให้เธอรับเหมือนกัน พวกเขารู้ว่ามันเป็นสายจากเจ้าคนใช้โซ่ ที่โทรมาแจ้งให้ทราบถึงชะตากรรมของหัวหน้า
/โอ๊ย พระเจ้า ฉันยังไม่พร้อมนะ/
โทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่ 5 และชาร์นาร์คพยักหน้า ทำท่าทางบอกใบ้เหมือนให้เธอยอมรับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และรับโทรศัพท์ซะที ปาคูโนด้าสูดหายใจลึก - /แค่นี้ยังไม่พอหรอก!/ ใจเธอกรีดร้อง และตัดใจรับโทรศัพท์ก่อนที่มันจะดังเป็นครั้งที่ 6
“กว่าจะรับได้นานเลยนะ”
“หัวหน้า!?”
“ปาคู? ยังอยู่ที่โรงแรมรึเปล่า? กลับไปที่รังของพวกเราเดี๋ยวนี้เลยนะ บอกทุกคนให้รออยู่ที่รังด้วย เดี๋ยวฉันจะตามไป”
“หัวหน้า เกิดอะไรขึ้น? หัวหน้าอยู่ที่ไหน?”
เงียบลงชั่วขณะ เหมือนหัวหน้ากลุ่มกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง “ฉันจะอธิบายทีหลัง” และก่อนที่เธอจะเอ่ยถาม “อย่าเป็นห่วงไปเลย ฉันได้ตัวเจ้าคนใช้โซ่แล้ว”
อันที่จริง เธอน่าจะต้องเข่าอ่อนด้วยความโล่งอกแน่ๆ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอตั้งตัวไม่ติด ที่หางตาของเธอ เธอเห็นเด็กชายชื่อคิรัวร์ตัวแข็งทื่อ เด็กนั่นต้องได้ยินประโยคสุดท้ายแน่ๆ ประสาทการรับฟังของเขาสูงกว่าที่พวกเธอคาดเอาไว้
“เข้าใจใช่มั๊ย ปาคู? กลับรัง เดี๋ยวนี้ ห้ามอยู่ที่โรงแรมต่อ”
“ค่ะ – หัวหน้า เดี๋ยวก่อน!” เธอรีบพูดต่อ เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะวางสายไป “แล้วเราจะทำยังไงกับตัวประกันดีคะ?”
“เอาตัวพวกนั้นมาด้วย ฉันมีแผนบางอย่างในใจแล้ว”
หลังจากนั้นสายก็ดับลง
เธอวางโทรศัพท์ และเอามันใส่กลับเข้ากระเป๋าข้างด้วยการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าจนดูน่าเจ็บปวดแทน เธอเงยหน้าขึ้นมอง เพื่อนๆ ทำท่าเหมือนพร้อมจะกระโจนใส่เธอเพื่อคาดคั้นหาคำตอบ
“หัวหน้าโทรมา” เธอกล่าวอย่างเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก เสียงที่ราบเรียบไม่มีสูงต่ำบ่งบอกว่าปากของเธอกำลังทำงานไม่ประสานกับจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งตอนนี้ใจของเธอรู้สึกเหมือนตกลงไปในขุมนรกชั้นที่ 7
“หัวหน้าบอกให้พวกเรากลับไปรอที่รัง เขาพูดว่าจะไปเจอพวกเราที่นั่น”
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“ไม่รู้ หัวหน้าไม่ยอมพูดอะไรเลย” และก่อนที่จะถูกใครกระโจนเข้าใส่ เธอก็บอกสิ่งที่ทุกคนกำลังตั้งตารอจะได้ยิน “เขาพูดเองว่า เขาจับเจ้าคนใช้โซ่ได้แล้ว”
เชื่อเลยว่าหัวหน้าของพวกเขาพลิกสามารถสถานการณ์กลับมาได้
เดี๋ยวก่อน... แล้วเรื่อง “แผนในใจ” ที่ว่านั่นล่ะ...?
“มาจิกับปาคูบาดเจ็บน่ะสิ”
“แล้วไง?”
“ไอ้หมอนั่นมีฮันเตอร์มืออาชีพอยู่ฝ่ายมัน ขนาดไอ้เด็กสองตัวนี้ยังรับมือด้วยยากเลย เรื่องฝีมือการต่อสู้น่ะ”
“แล้วไง?”
“อ่านข้อความให้ดีๆ สิวะ! มันพิสูจน์ว่าสองคนนี้มีค่าเป็นตัวประกัน ตราบเท่าที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ เราก็มีโอกาสเอาหัวหน้าคืนมาได้”
“แล้วไง?”
“ถ้าพวกมันหนี พวกเราก็ไม่มีอะไรไปต่อรองน่ะสิ! ไอ้ชั่วช้าที่มันเอาตัวหัวหน้าไปคือเจ้าคนใช้โซ่นะ ขนาดอุโบกินยังเอาชนะมันไม่ได้เลย!”
“แกกลัวเหรอ?”
ปาคูโนด้าถอนหายใจ เชื่อสิว่าฟิงคส์กับเฟย์ตันต้องทำให้โนบุนากะโมโหไฟลุกแน่ ความตึงเครียดระหว่างทั้งสามคนเริ่มก่อตัวใหญ่ขึ้นทุกวินาทีหลังจากที่พวกสมาชิกที่เหลือมาถึงโรงแรม เธอมองโนบุนากะที่หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เส้นเลือดแถวขมับปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ได้ยินที่พูดรึไง!? ก็ไฟมันดับ! กว่าสายตาจะปรับตัวได้ หัวหน้าก็หายไปแล้ว! พวกเราอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้เลย แหกตาดูซะมั่งสิ!”
เฟย์ตันหัวเราะด้วยน้ำเสียงเหมือนดูถูกปนยั่วโมโห ปาคูโนด้าไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าทำไมนักสู้ไซส์เด็กคนนี้ถึงพูดจาเยาะเย้ยโนบุนากะที่กำลังไม่สบอารมณ์ได้อย่างไม่หยุดหย่อน พวกนั้นไม่น่าทำแบบนี้เลย... พวกเขาไม่ควรสู้กันเองในกลุ่มแบบนี้ ไม่ใช่ในเวลาที่ชีวิตหัวหน้าของตนแขวนอยู่บนเส้นด้าย... โอ๊ย ตาย... ฟิงคส์เพิ่งทำให้ความอดทนของโนบุนากะเกือบถึงขีดสุด ด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ตอนที่เธอคลาดสายตาไป ซามูไรเอานิ้วแตะดาบ ขณะที่อีกมือยังคงยึดตัวเด็กผมขาวไว้แน่น ปาคูโนด้าเตรียมตัวให้พร้อมจะยับยั้งโนบุนากะ เผื่อเขาคิดจะโถมเข้าใส่คนที่กำลังกวนโมโหเขาอยู่ เสียงเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมากะทันหันก่อนที่ใครคนอื่นจะสามารถทำอะไรต่อไปได้
“เรื่องอื่นช่างมันก่อนเถอะ เรามาประชุมกันดีกว่า เราต้องมีแผนรับมือกับเรื่องนี้นะ”
ปาคูโนด้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย ชาร์นาร์ค หนึ่งในนักวางแผนของกลุ่ม พูดด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นและมีเหตุผลเหมือนเคย แม้จะมีหน้าตาเหมือนเด็กไม่มีพิษภัย แต่ชาร์นาร์คเป็นนักคิดที่น่ากลัว ทั้งยังเป็นนักสู้ที่เหี้ยมโหดได้ถ้าเขาอยากจะเป็น มือถือที่ดูไร้พิษภัยซึ่งห้อยอยู่ข้างเข็มขัดของเขาเป็นหลักฐานสำหรับเรื่องนั้น เขาเป็นเป็นเลิศเรื่องการหาข้อมูล ยอดเยี่ยมเรื่องการวางแผน และเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้กลยุทธในการต่อสู้กับศัตรูที่ต้องเอาชนะด้วยสติปัญญา เขาก็ตามมาเป็นที่สามถัดจากหัวหน้าและปาคู ยามใดที่เขาพูด ทุกคนก็จะหยุดฟัง
“จากนี้ไป พวกเราต้องทำงานกันเป็นทีม ดูแลอาการบาดเจ็บของมาจิกับปาคูก่อน แล้วเราค่อยเริ่มตามรอยเจ้าคนใช้โซ่ไป ปาคู เธอเข้าใจนะ?”
“อืม”
ความจริงแล้วเธอไม่เห็นด้วย หากเรื่องราวจะดำเนินไปตามลำดับเหตุการ์ที่เธอคิดไว้หลายนาทีก่อนหน้านี้ เธอจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของชาร์นาร์ค หรือคำสั่งของใครทั้งนั้นแน่ เนื่องด้วยสาเหตุนั่น เธอฟังพนักงานโรงแรม ซึ่งพยายามเอาใจบรรดาแขก อย่างไม่ค่อยใส่ใจ แล้วจึงมุ่งความสนใจกลับไปที่ชาร์นาร์ค ซึ่งเริ่มแจกแจงเนื้อหาของยุทธการที่เขาวางเอาไว้ให้เพื่อนๆ ฟัง
“ถ้ามีใครเจอรถที่หัวหน้านั่งอยู่ ก็ – ”
ตรู๊ดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์มือถือของเธอเอง ไอ้ของบ้าๆ ที่ต้องดังทุกครั้งในเวลาที่ไม่เหมาะสมที่สุด มันดังเป็นครั้งที่สอง เสียงดังโหยหวนท่ามกลางความเงียบกะทันหันที่ก่อตัวขึ้นในกลุ่ม
เธอเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ค่อยๆเอามือถือออกมาจากกระเป๋า ด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้ผ่อนคลายขึ้นเลยแม้แต่น้อย เธอจ้องมองจอแอลซีดีที่กำลังเรืองแสง
“เบอร์ของหัวหน้า” เธอประกาศอย่างใจเย็นโดยไม่ละสายตาออกจากของต้องสาปชิ้นนี้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
เสียงโทรศัพท์ดีงขึ้นอีกครั้ง และเธอยังคงไม่กดปุ่มตอบรับ แต่เท่าที่มองจากสีหน้าของเพื่อนๆแล้ว ดูท่าทางพวกนั้นก็ไม่อยากให้เธอรับเหมือนกัน พวกเขารู้ว่ามันเป็นสายจากเจ้าคนใช้โซ่ ที่โทรมาแจ้งให้ทราบถึงชะตากรรมของหัวหน้า
/โอ๊ย พระเจ้า ฉันยังไม่พร้อมนะ/
โทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่ 5 และชาร์นาร์คพยักหน้า ทำท่าทางบอกใบ้เหมือนให้เธอยอมรับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และรับโทรศัพท์ซะที ปาคูโนด้าสูดหายใจลึก - /แค่นี้ยังไม่พอหรอก!/ ใจเธอกรีดร้อง และตัดใจรับโทรศัพท์ก่อนที่มันจะดังเป็นครั้งที่ 6
“กว่าจะรับได้นานเลยนะ”
“หัวหน้า!?”
“ปาคู? ยังอยู่ที่โรงแรมรึเปล่า? กลับไปที่รังของพวกเราเดี๋ยวนี้เลยนะ บอกทุกคนให้รออยู่ที่รังด้วย เดี๋ยวฉันจะตามไป”
“หัวหน้า เกิดอะไรขึ้น? หัวหน้าอยู่ที่ไหน?”
เงียบลงชั่วขณะ เหมือนหัวหน้ากลุ่มกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง “ฉันจะอธิบายทีหลัง” และก่อนที่เธอจะเอ่ยถาม “อย่าเป็นห่วงไปเลย ฉันได้ตัวเจ้าคนใช้โซ่แล้ว”
อันที่จริง เธอน่าจะต้องเข่าอ่อนด้วยความโล่งอกแน่ๆ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอตั้งตัวไม่ติด ที่หางตาของเธอ เธอเห็นเด็กชายชื่อคิรัวร์ตัวแข็งทื่อ เด็กนั่นต้องได้ยินประโยคสุดท้ายแน่ๆ ประสาทการรับฟังของเขาสูงกว่าที่พวกเธอคาดเอาไว้
“เข้าใจใช่มั๊ย ปาคู? กลับรัง เดี๋ยวนี้ ห้ามอยู่ที่โรงแรมต่อ”
“ค่ะ – หัวหน้า เดี๋ยวก่อน!” เธอรีบพูดต่อ เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะวางสายไป “แล้วเราจะทำยังไงกับตัวประกันดีคะ?”
“เอาตัวพวกนั้นมาด้วย ฉันมีแผนบางอย่างในใจแล้ว”
หลังจากนั้นสายก็ดับลง
เธอวางโทรศัพท์ และเอามันใส่กลับเข้ากระเป๋าข้างด้วยการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าจนดูน่าเจ็บปวดแทน เธอเงยหน้าขึ้นมอง เพื่อนๆ ทำท่าเหมือนพร้อมจะกระโจนใส่เธอเพื่อคาดคั้นหาคำตอบ
“หัวหน้าโทรมา” เธอกล่าวอย่างเรียบเฉย ไร้ความรู้สึก เสียงที่ราบเรียบไม่มีสูงต่ำบ่งบอกว่าปากของเธอกำลังทำงานไม่ประสานกับจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งตอนนี้ใจของเธอรู้สึกเหมือนตกลงไปในขุมนรกชั้นที่ 7
“หัวหน้าบอกให้พวกเรากลับไปรอที่รัง เขาพูดว่าจะไปเจอพวกเราที่นั่น”
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“ไม่รู้ หัวหน้าไม่ยอมพูดอะไรเลย” และก่อนที่จะถูกใครกระโจนเข้าใส่ เธอก็บอกสิ่งที่ทุกคนกำลังตั้งตารอจะได้ยิน “เขาพูดเองว่า เขาจับเจ้าคนใช้โซ่ได้แล้ว”
เชื่อเลยว่าหัวหน้าของพวกเขาพลิกสามารถสถานการณ์กลับมาได้
เดี๋ยวก่อน... แล้วเรื่อง “แผนในใจ” ที่ว่านั่นล่ะ...?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น