ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 3 : Caught InThe Spider's Web : Part 2 (end)
ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ คุราปิก้าเหมือนถูกยั่วให้สวนกลับอย่างหยาบคาย บางทีอาจจะช่วยราดน้ำมันบนกองไฟ ให้มันเผาผลาญให้วอดวายจนหมดสิ้น แต่ก่อนที่เขาจะคำรามกลับแทนคำตอบ หัวหน้ากลุ่มเงามายาก็พูดขึ้น
“โนบุนากะ” ด้วยมือที่ยกเป็นเชิงห้ามปราม ท่าทางนั้นบ่งบอกให้ซามูไรที่กำลังเกรี้ยวกราดลดดาบลงข้างกาย
โนบุนากะทำตามอย่างเสียไม่ได้ แต่ต้องหลังจากที่เขาชักสีหน้างุนงงปนโกรธๆ ใส่คนเป็นหัวหน้าเสียก่อน - อารมณ์เดียวกับคุราปิก้าที่มีต่อคำสั่งประหลาดๆ เห็นได้ชัดว่าพวกมันจะไม่ฆ่าเขา – ยังไม่ฆ่าในตอนนี้ – เขายืดตัวตรงอย่าช้าๆ บังคับมือให้ลดลงอยู่ข้างตัว
/อะไรกัน? พวกมันคิดจะทรมานฉันก่อนรึไง?/
เขาคิดว่ามันตลกดีที่เสียงในใจเขายังมีใจจะพูดจาเหน็บแนมเสียดสีในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ และตลกยิ่งกว่าที่เขารู้สึกคล้ายๆ ว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ราวกับว่าไม่ใช่ตัวเขาเองที่ชีวิตตกอยู่ในอันตราย ยอมรับตามตรง เขารู้สึกกลัว บางส่วนในใจครวญครางด้วยความอกสั่นขวัญแขวนอย่างไม่ต้องสงสัย แม้มันจะถูกห้ามปรามไว้ อย่างค่อนข้างเจ็บปวดเลยล่ะ – แต่หากเขาปล่อยให้มันเล็ดรอดออกมา เขาคงต้องร้องไห้อย่างบ้าคลั่งควบคุมไม่อยู่เดี๋ยวนั้นเลยเป็นแน่
ว่ากันว่าความโกรธเป็นแค่อารมณ์วิปริตชั่ววูบ แต่ในกรณีนี้มันดีกว่าความกลัวแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงปล่อยใจให้รับรู้ความโกรธ ความเกลียดชังที่สั่งสมไว้มานานกว่าห้าปี และรู้สึกถึงออร่าโซ่ที่มือขวากระเพื่อมไหวอย่างเห็นอกเห็นใจ
แต่ผ้าคลุมแห่งโทสะกลับแตกกระจาย ปลายสายป่านที่หลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดีโรยราไปเมื่อเขามองใบหน้าเข้มงวดของหัวหน้ากลุ่มโจรเงามายา และเขาต้องใช้สมาธิและฝีมือทั้งมวลในการบังคับให้แววตาเต็มไปด้วยการท้าทายและความจงเกลียดจงชัง แม้เขากำลังมองใบหน้าของผู้จับกุมได้ชัดๆ เป็นครั้งแรก
ผมสีดำเงาแสกไปข้างหลังเพราะใช้เจล ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ล่าที่ไร้ความปราณี ดวงตาค่อนข้างใหญ่ ตรงข้ามกับแบบแผนของตัวร้ายทั่วไปที่มักจะมีตาเรียวเล็ก แต่หากพินิจใกล้ๆ จะเห็นว่ามันเป็นสีดำขลับออบซีเดียน เกือบจะไร้อารมณ์เมื่อถูกบดบังด้วยเงามืด รอยสักกางเขนดูฉูดฉาดประดับกลางหน้าผากกว้าง และหากคุราปิก้าเดินผ่านชายคนนี้ตามท้องถนนโดยไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว เขาคงคิดว่าเสื้อผ้าที่คนๆ นี้ใส่ออกจะดูน่าหัวเราะ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาไม่มีสิทธิ์ไปหัวเราะรสนิยมการแต่งตัวของคนอื่น ด้านที่หยิ่งยโสและถือตัวในใจเขา จู่ๆ ก็ส่งเสียงดังขึ้นเป็นคำบ่นอย่างทะนงตัว ว่าเขาไม่ยอมตายในชุดประชาสัมพันธ์สาวสีชมพูนี้เด็ดขาด และเขาต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อจะกล้ำกลืนอาการสำลักจากความหวาดผวา
เอาล่ะ โดยรวมๆ แล้ว หัวหน้ากลุ่มโจรเงามายาก็นับเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ทีเดียว... หากมันจะช่วยลบรอยยิ้มเยาะน่าโมโหออกจากใบหน้าไปได้ล่ะก็นะ!
“ฉันมีข้อเสนอให้นาย” เป้าหมายการพิจารณาของเขาพูดขึ้นกะทันหัน เสียงทุ้มต่ำลุ่มลึกดังก้องอย่างไม่เป็นธรรมชาติทั่วห้องโถงตึกร้างที่เงียบจนน่าขนลุก
อย่างกับฉันจะทำตามที่นายเสนองั้นแหละ คุราปิก้าเริ่มคิดจะตอบโต้ แต่คำพูดของเขาก็ติดค้างอยู่ในลำคอเมื่ออีกฝ่ายพูดต่อโดยไม่รอฟังคำตอบ
“หากนายสามารถล้มฉันได้ ก่อนที่มาจิหรือฮิโซกะที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะทันทำอันตรายเพื่อนๆ ของนาย ถือว่าตอนนั้นนายเป็นอิสระ”
ประโยคเดียวฟังเหมือนเสียงลั่นระฆังมรณะสำหรับคุราปิก้า
อะไร นี่กำลังพูดจาเพ้อฝันอยู่ใช่ไหม?
/หุบปากน่า!!! เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?!? เรื่องนี้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว! ฉัน... ฉัน.../
ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็คิดออก ว่าเขาไม่มีทางไปช่วยกอร์นกับคิรัวร์ได้ทันเวลา เขาอาจฆ่าตัวหัวหน้าได้ ในเมื่อชายคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในท่าทางผ่อนคลายไม่ป้องกันตัว เห็นได้ชัดว่ายั่วให้เขาจู่โจม แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น ก็เป็นการพิพากษาโทษตายให้กับเพื่อน ไอ้ทรยศฮิโซกะและเด็กผู้หญิงชื่อมาจิคงลงมืออย่างไม่ลังเลทันทีที่เขาขยับตัว และส่งหัวของกอร์นและคิรัวร์ลงไปกลิ้งบนพื้น ไม่ต้องพูดถึงชีวิตของตัวเขาเอง ว่าบรรดาสมาชิกคนอื่นคงฉีกเขาเป็นชิ้นๆ กรรมตามสนองทันควันอันโหดร้าย
“หากนายตกลง ก็ลงมือเลย โจมตีได้ ฉันจะไม่หนีหรือพยายามป้องกันตัวใดๆ ทั้งสิ้น แต่ฉันไม่รับผิดชอบเรื่องที่อาจเกิดกับเพื่อนๆ ของนาย และฉันก็ไม่แคร์ว่าจะเกิดอะไรกับนายหลังจากนั้นด้วย อย่างไรก็ดี หากนายปฏิเสธข้อเสนอนี้ นายก็ต้องยอมจำนน อย่างไม่มีเงื่อนไข อยากได้เวลาไปคิดทบทวนสักหน่อยมั๊ยล่ะ?”
ไอ้รอยยิ้มบ้าๆ น่ารังเกียจนั่นอีกแล้ว
และ ไม่หรอก เขาไม่ต้องการ ‘เวลาคิด’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันถูกเสนอโดยศัตรูของเขา เขารู้คำตอบทั้งหมดอยู่แล้ว และมันเป็นคำตอบสุดท้ายที่จะกลับคืนคำไม่ได้ ตอนนี้พวกมันกำลังเล่นกับเขาอยู่ ล้อเล่นราวกับเขาเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง และเขาไม่สามารถทำอะไรเป็นการตอบโต้ได้เลย
เสียงจากจิตใต้สำนึกของเขาพูดถูก ทุกอย่างเป็นความผิดของเขา ที่ลากพวกกอร์นและคิรัวร์เข้ามาพัวพันกับอันตราย กระทำการบุ่มบ่ามมุทะลุและปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำจิตใจ – โง่เง่า ที่ถึงกับคิดไล่ล่าพวกเงามายาตั้งแต่แรก! หากเขาไม่ผูกมิตรกับสองคนนี้ ถ้าหากเขาเพียงแค่หนีหายไปเมื่อพวกนั้นพยายามติดต่อเขา พวกนั้นคงไม่ต้องมายืนอยู่ ณ จุดนี้ ถูกมัดไว้และอาจถูกเลือกให้ตาย จากจุดที่เขายืนอยู่ เขาเห็นได้ถึงแววตาที่เบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวของเพื่อนๆ เขามองเห็นรอยเส้นสีแดงบางๆ ที่ปรากฏด้านข้างลำคอของกอร์น ใกล้บริเวณเส้นเลือดแดงใหญ่อย่างน่าหวาดเสียว โดยไพ่ที่คมเหมือนใบมีดของฮิโซกะ ส่วนคิรวร์ เท่าที่เห็นนั้นยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่รอบๆ คอมีวงเส้นด้ายสีฟ้าจางพันรอบ มองต่ำลงไปไม่กี่ฟุตจะเห็นผ้าพันแผลพันรอบข้อเท้าของเด็กชาย หลักฐานว่าเป็นบาดแผลเมื่อไม่นานมานี้ ในครั้งแรกสุดที่พวกเขาปะทะกับกลุ่มแมงมุม
สายโซ่ของเขาตอนนี้กระทบกันเสียงดังกรุ๊งกริ๊งอย่างบ้าคลั่งราวกับงูพิษที่ถูกปลุกให้ตื่นจากการงีบหลับ ความกระวนกระวายเลียนแบบสภาพยุ่งเหยิงสับสนภายในใจของเขา ดวงตาได้ปิดลงหลังจากรับฟังคำสั่งจากหัวหน้ากลุ่ม และเขาไม่เห็นเหล่าผู้จับกุมตัวเริ่มตึงเครียดจากเสียงโซ่ที่สั่นกระทบ หรือวิธีที่พวกนั้นมองมายังมือขวาเขาอย่างหวาดหวั่น
ทำไมเขาถึงต้องกลายเป็นตัวถ่วงสำหรับเพื่อนๆ ทุกทีเลยนะ? แม้ในการสอบฮันเตอร์เขายังทำให้พวกนั้นต้องยุ่งยากมากขึ้น เพราะเขาปฏิเสธอย่างดื้อรั้นที่จะจัดการสมาชิกกลุ่มโจรเงามายาตัวปลอมโดยเร็ว
ไม่มีอีกแล้วล่ะ... ทันใดนั้นคุราปิก้าก็รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน เหนื่อยที่จะต่อสู้ เหนื่อยที่จะต้องคอยระวังหลังตลอดเวลา เหนื่อยที่จะต้องฝืนเป็นในสิ่งที่เขาไม่อยากเป็นตั้งแต่แรก... ชะตากรรมเป็นเรื่องโหดร้ายอย่างแท้จริง ที่เลือกให้เขาคนนี้เป็นผู้เหลือรอดคนสุดท้ายของเผ่าคูลท์ เขาเป็นนักปราชญ์ ไม่ใช่นักสู้ ทั้งพ่อ หรือแม้แต่น้องสาวเขาเองยังต่อสู้ได้ดีกว่า เขาน่าจะตายไปพร้อมกับผู้ร่วมเผ่าคนอื่นเมื่อห้าปีที่แล้ว
/เอาล่ะนะ ไม่มีเวลาไหนเหมาะเท่าตอนนี้อีกแล้ว ในการจะแก้ไขอดีตที่ผิดพลาดนั้นให้ถูกต้อง/ คุราปิก้าคิดอย่างขมขื่น
แต่ก่อนอื่น ต้องหาทางให้กอร์นกับคิรัวร์ได้ออกไปจากที่นี่ซะก่อน เขาคงต้องตายตาไม่หลับแน่ๆ หากพวกนั้นต้องมาจบชีวิตตามเขาในสถานที่รกร้างน่าหดหู่เช่นนี้ พวกเขายังเด็ก ยังมีอนาคตที่สดใสรอพวกเขาอยู่ เขาจะไม่ยอมให้เหตุการณ์นี้ทำให้เส้นทางชีวิตของเด็กพวกนั้นต้องแปดเปื้อน
เขาบังคับตัวเองให้สงบลง มันเป็นงานที่ง่ายอย่างน่าประหลาด เพราะการยอมจำนนขัดกับหลักการเอาชีวิตรอดของเขา มันหมายความเพียงอย่างเดียวว่าเขาได้ยอมรับความตายของตนเองแล้ว หลายวินาทีต่อมา เขารู้สึกว่าร่องรอยของเน็นค่อยๆ เบาบางลงจนกระทั่งจางหายไป และร่างกายก็เข้าสู่สภาพที่ไร้ออร่า หรือที่เรียกกันว่า เซ็ตสึ
เหมือนเป็นเรื่องเย้ยหยัน ที่เทคนิคที่เขาวางแผนจะเอามาก่อความหายนะแก่พวกแมงมุมบัดนี้ต้องเอามาใช้เป็นตัวบอกสัญญาณถึงความพ่ายแพ้
“ดี”
ไม่จำเป็นต้องลืมตาเพื่อมองเห็นใบหน้าแสดงความพึงพอใจของมันหรอก คงเป็นการดีกว่าหากเขาหลับตา เขาอาจควบคุมอารมณ์ไม่อยู่หากเขาลืมตาอีกครั้ง
“ปาคู”
และนั่นคงเป็นนักอ่านใจสินะ คุราปิก้ายังคงปิดตา ศีรษะก้มต่ำ ผมม้าตกลู่ลงมาบังใบหน้าเขาไว้ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงรอยเท้าเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้น พวกมันอาจคิดว่าเขาจะจู่โจมกะทันหัน – ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เมื่อการเชื่อใจเขานั้นอาจเป็นความโง่เขลา แต่ไม่หรอก เขาจะไม่โจมตีอีกแล้ว การกลับคำพูดหลังยกธงขาวนั้นไร้ความหมาย และบ่งบอกว่าเขาเองก็ไม่ต่างอะไรจากโจรอย่างพวกมัน
อืม... เขาอาจจะลองทำดูก็ได้... แต่ต้องเป็นหลังจากที่พวกมันยอมปล่อยกอร์นกับคิรัวร์ และต้องหลังจากที่พวกเด็กๆ อยู่ห่างจากบริเวณตึกร้างไปสักสองสามไมล์เสียก่อน
เขาไม่พยายามกลบเกลื่อนอาการผงะหนีเมื่อมือข้างหนึ่งฉวยไหล่ขวาเขาไว้ได้
“อะไรคือเหตุผลที่ทำให้นายตามล่าพวกเรา?” เสียงทุ้มนุ่มของผู้หญิงเอ่ยถาม
/เพราะฉันเกลียดพวกแกและหลักการทุกอย่างของพวกแก.../
แต่คำตอบที่ไม่ได้พูดออกมานั้นเปล่าประโยชน์ เพราะคุราปิก้ารู้ว่าเธอไม่ได้ถามตามนั้นจริงๆ เธอกำลังมองหาความทรงจำของเขามากกว่า ความลับและความคิดทั้งหมดที่เขาอยากปกปิดไว้หลังได้ยินข้อคำถามของเธอ
จบสิ้นแล้ว เขาไม่รู้ว่ามีวิธีใดจะสกัดกั้นการอ่านใจของเธอได้ พวกมันคงรู้ทุกอย่างทั้งความลับของเขา อดีตของเขา และที่เลวร้ายที่สุด... จุดอ่อนของเขา การถูกฆ่าโดยกลุ่มคนที่เขาตามล้างแค้นนั้นพอรับได้ แต่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งหากพวกมันจะฆ่าเขาโดยใช้จุดอ่อนพวกนั้น
เขาคงต้องรอดูอีกที
ผู้หญิงชื่อปาคูโนด้าถามคำถามต่อไป คราวนี้เกี่ยวกับว่าเขาได้ความสามารถมาอย่างไร แต่คุราปิก้าไม่ใส่ใจจะตอบ ยังไงเธอก็อ่านเอาจากความทรงจำเขาได้อยู่แล้ว คงจะเป็นการดีหากเขาหยุดคิด และปล่อยให้เสียงอันว่างเปล่าที่ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ครอบงำเหนือความรู้สึกทั้งมวล ยิ่งคิดยิ่งมีแต่ความเจ็บปวด และย้ำเตือนเขาให้นึกถึงอดีตและความล้มเหลว
หากเป็นแบบนี้ พวกมันจะทำร้ายเขาได้ก็แค่ทางร่างกายเท่านั้น
/ขอโทษครับ ทุกคน... คุณแม่ คุณพ่อ... รอหน่อยนะ ผมกำลังจะไปหาเดี๋ยวนี้ล่ะ.../
--------------------- The End Of Chapter 3 ----------------------
“โนบุนากะ” ด้วยมือที่ยกเป็นเชิงห้ามปราม ท่าทางนั้นบ่งบอกให้ซามูไรที่กำลังเกรี้ยวกราดลดดาบลงข้างกาย
โนบุนากะทำตามอย่างเสียไม่ได้ แต่ต้องหลังจากที่เขาชักสีหน้างุนงงปนโกรธๆ ใส่คนเป็นหัวหน้าเสียก่อน - อารมณ์เดียวกับคุราปิก้าที่มีต่อคำสั่งประหลาดๆ เห็นได้ชัดว่าพวกมันจะไม่ฆ่าเขา – ยังไม่ฆ่าในตอนนี้ – เขายืดตัวตรงอย่าช้าๆ บังคับมือให้ลดลงอยู่ข้างตัว
/อะไรกัน? พวกมันคิดจะทรมานฉันก่อนรึไง?/
เขาคิดว่ามันตลกดีที่เสียงในใจเขายังมีใจจะพูดจาเหน็บแนมเสียดสีในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ และตลกยิ่งกว่าที่เขารู้สึกคล้ายๆ ว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ราวกับว่าไม่ใช่ตัวเขาเองที่ชีวิตตกอยู่ในอันตราย ยอมรับตามตรง เขารู้สึกกลัว บางส่วนในใจครวญครางด้วยความอกสั่นขวัญแขวนอย่างไม่ต้องสงสัย แม้มันจะถูกห้ามปรามไว้ อย่างค่อนข้างเจ็บปวดเลยล่ะ – แต่หากเขาปล่อยให้มันเล็ดรอดออกมา เขาคงต้องร้องไห้อย่างบ้าคลั่งควบคุมไม่อยู่เดี๋ยวนั้นเลยเป็นแน่
ว่ากันว่าความโกรธเป็นแค่อารมณ์วิปริตชั่ววูบ แต่ในกรณีนี้มันดีกว่าความกลัวแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงปล่อยใจให้รับรู้ความโกรธ ความเกลียดชังที่สั่งสมไว้มานานกว่าห้าปี และรู้สึกถึงออร่าโซ่ที่มือขวากระเพื่อมไหวอย่างเห็นอกเห็นใจ
แต่ผ้าคลุมแห่งโทสะกลับแตกกระจาย ปลายสายป่านที่หลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดีโรยราไปเมื่อเขามองใบหน้าเข้มงวดของหัวหน้ากลุ่มโจรเงามายา และเขาต้องใช้สมาธิและฝีมือทั้งมวลในการบังคับให้แววตาเต็มไปด้วยการท้าทายและความจงเกลียดจงชัง แม้เขากำลังมองใบหน้าของผู้จับกุมได้ชัดๆ เป็นครั้งแรก
ผมสีดำเงาแสกไปข้างหลังเพราะใช้เจล ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ล่าที่ไร้ความปราณี ดวงตาค่อนข้างใหญ่ ตรงข้ามกับแบบแผนของตัวร้ายทั่วไปที่มักจะมีตาเรียวเล็ก แต่หากพินิจใกล้ๆ จะเห็นว่ามันเป็นสีดำขลับออบซีเดียน เกือบจะไร้อารมณ์เมื่อถูกบดบังด้วยเงามืด รอยสักกางเขนดูฉูดฉาดประดับกลางหน้าผากกว้าง และหากคุราปิก้าเดินผ่านชายคนนี้ตามท้องถนนโดยไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว เขาคงคิดว่าเสื้อผ้าที่คนๆ นี้ใส่ออกจะดูน่าหัวเราะ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาไม่มีสิทธิ์ไปหัวเราะรสนิยมการแต่งตัวของคนอื่น ด้านที่หยิ่งยโสและถือตัวในใจเขา จู่ๆ ก็ส่งเสียงดังขึ้นเป็นคำบ่นอย่างทะนงตัว ว่าเขาไม่ยอมตายในชุดประชาสัมพันธ์สาวสีชมพูนี้เด็ดขาด และเขาต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อจะกล้ำกลืนอาการสำลักจากความหวาดผวา
เอาล่ะ โดยรวมๆ แล้ว หัวหน้ากลุ่มโจรเงามายาก็นับเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ทีเดียว... หากมันจะช่วยลบรอยยิ้มเยาะน่าโมโหออกจากใบหน้าไปได้ล่ะก็นะ!
“ฉันมีข้อเสนอให้นาย” เป้าหมายการพิจารณาของเขาพูดขึ้นกะทันหัน เสียงทุ้มต่ำลุ่มลึกดังก้องอย่างไม่เป็นธรรมชาติทั่วห้องโถงตึกร้างที่เงียบจนน่าขนลุก
อย่างกับฉันจะทำตามที่นายเสนองั้นแหละ คุราปิก้าเริ่มคิดจะตอบโต้ แต่คำพูดของเขาก็ติดค้างอยู่ในลำคอเมื่ออีกฝ่ายพูดต่อโดยไม่รอฟังคำตอบ
“หากนายสามารถล้มฉันได้ ก่อนที่มาจิหรือฮิโซกะที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะทันทำอันตรายเพื่อนๆ ของนาย ถือว่าตอนนั้นนายเป็นอิสระ”
ประโยคเดียวฟังเหมือนเสียงลั่นระฆังมรณะสำหรับคุราปิก้า
อะไร นี่กำลังพูดจาเพ้อฝันอยู่ใช่ไหม?
/หุบปากน่า!!! เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?!? เรื่องนี้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว! ฉัน... ฉัน.../
ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็คิดออก ว่าเขาไม่มีทางไปช่วยกอร์นกับคิรัวร์ได้ทันเวลา เขาอาจฆ่าตัวหัวหน้าได้ ในเมื่อชายคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในท่าทางผ่อนคลายไม่ป้องกันตัว เห็นได้ชัดว่ายั่วให้เขาจู่โจม แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น ก็เป็นการพิพากษาโทษตายให้กับเพื่อน ไอ้ทรยศฮิโซกะและเด็กผู้หญิงชื่อมาจิคงลงมืออย่างไม่ลังเลทันทีที่เขาขยับตัว และส่งหัวของกอร์นและคิรัวร์ลงไปกลิ้งบนพื้น ไม่ต้องพูดถึงชีวิตของตัวเขาเอง ว่าบรรดาสมาชิกคนอื่นคงฉีกเขาเป็นชิ้นๆ กรรมตามสนองทันควันอันโหดร้าย
“หากนายตกลง ก็ลงมือเลย โจมตีได้ ฉันจะไม่หนีหรือพยายามป้องกันตัวใดๆ ทั้งสิ้น แต่ฉันไม่รับผิดชอบเรื่องที่อาจเกิดกับเพื่อนๆ ของนาย และฉันก็ไม่แคร์ว่าจะเกิดอะไรกับนายหลังจากนั้นด้วย อย่างไรก็ดี หากนายปฏิเสธข้อเสนอนี้ นายก็ต้องยอมจำนน อย่างไม่มีเงื่อนไข อยากได้เวลาไปคิดทบทวนสักหน่อยมั๊ยล่ะ?”
ไอ้รอยยิ้มบ้าๆ น่ารังเกียจนั่นอีกแล้ว
และ ไม่หรอก เขาไม่ต้องการ ‘เวลาคิด’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันถูกเสนอโดยศัตรูของเขา เขารู้คำตอบทั้งหมดอยู่แล้ว และมันเป็นคำตอบสุดท้ายที่จะกลับคืนคำไม่ได้ ตอนนี้พวกมันกำลังเล่นกับเขาอยู่ ล้อเล่นราวกับเขาเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง และเขาไม่สามารถทำอะไรเป็นการตอบโต้ได้เลย
เสียงจากจิตใต้สำนึกของเขาพูดถูก ทุกอย่างเป็นความผิดของเขา ที่ลากพวกกอร์นและคิรัวร์เข้ามาพัวพันกับอันตราย กระทำการบุ่มบ่ามมุทะลุและปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำจิตใจ – โง่เง่า ที่ถึงกับคิดไล่ล่าพวกเงามายาตั้งแต่แรก! หากเขาไม่ผูกมิตรกับสองคนนี้ ถ้าหากเขาเพียงแค่หนีหายไปเมื่อพวกนั้นพยายามติดต่อเขา พวกนั้นคงไม่ต้องมายืนอยู่ ณ จุดนี้ ถูกมัดไว้และอาจถูกเลือกให้ตาย จากจุดที่เขายืนอยู่ เขาเห็นได้ถึงแววตาที่เบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวของเพื่อนๆ เขามองเห็นรอยเส้นสีแดงบางๆ ที่ปรากฏด้านข้างลำคอของกอร์น ใกล้บริเวณเส้นเลือดแดงใหญ่อย่างน่าหวาดเสียว โดยไพ่ที่คมเหมือนใบมีดของฮิโซกะ ส่วนคิรวร์ เท่าที่เห็นนั้นยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่รอบๆ คอมีวงเส้นด้ายสีฟ้าจางพันรอบ มองต่ำลงไปไม่กี่ฟุตจะเห็นผ้าพันแผลพันรอบข้อเท้าของเด็กชาย หลักฐานว่าเป็นบาดแผลเมื่อไม่นานมานี้ ในครั้งแรกสุดที่พวกเขาปะทะกับกลุ่มแมงมุม
สายโซ่ของเขาตอนนี้กระทบกันเสียงดังกรุ๊งกริ๊งอย่างบ้าคลั่งราวกับงูพิษที่ถูกปลุกให้ตื่นจากการงีบหลับ ความกระวนกระวายเลียนแบบสภาพยุ่งเหยิงสับสนภายในใจของเขา ดวงตาได้ปิดลงหลังจากรับฟังคำสั่งจากหัวหน้ากลุ่ม และเขาไม่เห็นเหล่าผู้จับกุมตัวเริ่มตึงเครียดจากเสียงโซ่ที่สั่นกระทบ หรือวิธีที่พวกนั้นมองมายังมือขวาเขาอย่างหวาดหวั่น
ทำไมเขาถึงต้องกลายเป็นตัวถ่วงสำหรับเพื่อนๆ ทุกทีเลยนะ? แม้ในการสอบฮันเตอร์เขายังทำให้พวกนั้นต้องยุ่งยากมากขึ้น เพราะเขาปฏิเสธอย่างดื้อรั้นที่จะจัดการสมาชิกกลุ่มโจรเงามายาตัวปลอมโดยเร็ว
ไม่มีอีกแล้วล่ะ... ทันใดนั้นคุราปิก้าก็รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน เหนื่อยที่จะต่อสู้ เหนื่อยที่จะต้องคอยระวังหลังตลอดเวลา เหนื่อยที่จะต้องฝืนเป็นในสิ่งที่เขาไม่อยากเป็นตั้งแต่แรก... ชะตากรรมเป็นเรื่องโหดร้ายอย่างแท้จริง ที่เลือกให้เขาคนนี้เป็นผู้เหลือรอดคนสุดท้ายของเผ่าคูลท์ เขาเป็นนักปราชญ์ ไม่ใช่นักสู้ ทั้งพ่อ หรือแม้แต่น้องสาวเขาเองยังต่อสู้ได้ดีกว่า เขาน่าจะตายไปพร้อมกับผู้ร่วมเผ่าคนอื่นเมื่อห้าปีที่แล้ว
/เอาล่ะนะ ไม่มีเวลาไหนเหมาะเท่าตอนนี้อีกแล้ว ในการจะแก้ไขอดีตที่ผิดพลาดนั้นให้ถูกต้อง/ คุราปิก้าคิดอย่างขมขื่น
แต่ก่อนอื่น ต้องหาทางให้กอร์นกับคิรัวร์ได้ออกไปจากที่นี่ซะก่อน เขาคงต้องตายตาไม่หลับแน่ๆ หากพวกนั้นต้องมาจบชีวิตตามเขาในสถานที่รกร้างน่าหดหู่เช่นนี้ พวกเขายังเด็ก ยังมีอนาคตที่สดใสรอพวกเขาอยู่ เขาจะไม่ยอมให้เหตุการณ์นี้ทำให้เส้นทางชีวิตของเด็กพวกนั้นต้องแปดเปื้อน
เขาบังคับตัวเองให้สงบลง มันเป็นงานที่ง่ายอย่างน่าประหลาด เพราะการยอมจำนนขัดกับหลักการเอาชีวิตรอดของเขา มันหมายความเพียงอย่างเดียวว่าเขาได้ยอมรับความตายของตนเองแล้ว หลายวินาทีต่อมา เขารู้สึกว่าร่องรอยของเน็นค่อยๆ เบาบางลงจนกระทั่งจางหายไป และร่างกายก็เข้าสู่สภาพที่ไร้ออร่า หรือที่เรียกกันว่า เซ็ตสึ
เหมือนเป็นเรื่องเย้ยหยัน ที่เทคนิคที่เขาวางแผนจะเอามาก่อความหายนะแก่พวกแมงมุมบัดนี้ต้องเอามาใช้เป็นตัวบอกสัญญาณถึงความพ่ายแพ้
“ดี”
ไม่จำเป็นต้องลืมตาเพื่อมองเห็นใบหน้าแสดงความพึงพอใจของมันหรอก คงเป็นการดีกว่าหากเขาหลับตา เขาอาจควบคุมอารมณ์ไม่อยู่หากเขาลืมตาอีกครั้ง
“ปาคู”
และนั่นคงเป็นนักอ่านใจสินะ คุราปิก้ายังคงปิดตา ศีรษะก้มต่ำ ผมม้าตกลู่ลงมาบังใบหน้าเขาไว้ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงรอยเท้าเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้น พวกมันอาจคิดว่าเขาจะจู่โจมกะทันหัน – ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เมื่อการเชื่อใจเขานั้นอาจเป็นความโง่เขลา แต่ไม่หรอก เขาจะไม่โจมตีอีกแล้ว การกลับคำพูดหลังยกธงขาวนั้นไร้ความหมาย และบ่งบอกว่าเขาเองก็ไม่ต่างอะไรจากโจรอย่างพวกมัน
อืม... เขาอาจจะลองทำดูก็ได้... แต่ต้องเป็นหลังจากที่พวกมันยอมปล่อยกอร์นกับคิรัวร์ และต้องหลังจากที่พวกเด็กๆ อยู่ห่างจากบริเวณตึกร้างไปสักสองสามไมล์เสียก่อน
เขาไม่พยายามกลบเกลื่อนอาการผงะหนีเมื่อมือข้างหนึ่งฉวยไหล่ขวาเขาไว้ได้
“อะไรคือเหตุผลที่ทำให้นายตามล่าพวกเรา?” เสียงทุ้มนุ่มของผู้หญิงเอ่ยถาม
/เพราะฉันเกลียดพวกแกและหลักการทุกอย่างของพวกแก.../
แต่คำตอบที่ไม่ได้พูดออกมานั้นเปล่าประโยชน์ เพราะคุราปิก้ารู้ว่าเธอไม่ได้ถามตามนั้นจริงๆ เธอกำลังมองหาความทรงจำของเขามากกว่า ความลับและความคิดทั้งหมดที่เขาอยากปกปิดไว้หลังได้ยินข้อคำถามของเธอ
จบสิ้นแล้ว เขาไม่รู้ว่ามีวิธีใดจะสกัดกั้นการอ่านใจของเธอได้ พวกมันคงรู้ทุกอย่างทั้งความลับของเขา อดีตของเขา และที่เลวร้ายที่สุด... จุดอ่อนของเขา การถูกฆ่าโดยกลุ่มคนที่เขาตามล้างแค้นนั้นพอรับได้ แต่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งหากพวกมันจะฆ่าเขาโดยใช้จุดอ่อนพวกนั้น
เขาคงต้องรอดูอีกที
ผู้หญิงชื่อปาคูโนด้าถามคำถามต่อไป คราวนี้เกี่ยวกับว่าเขาได้ความสามารถมาอย่างไร แต่คุราปิก้าไม่ใส่ใจจะตอบ ยังไงเธอก็อ่านเอาจากความทรงจำเขาได้อยู่แล้ว คงจะเป็นการดีหากเขาหยุดคิด และปล่อยให้เสียงอันว่างเปล่าที่ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ครอบงำเหนือความรู้สึกทั้งมวล ยิ่งคิดยิ่งมีแต่ความเจ็บปวด และย้ำเตือนเขาให้นึกถึงอดีตและความล้มเหลว
หากเป็นแบบนี้ พวกมันจะทำร้ายเขาได้ก็แค่ทางร่างกายเท่านั้น
/ขอโทษครับ ทุกคน... คุณแม่ คุณพ่อ... รอหน่อยนะ ผมกำลังจะไปหาเดี๋ยวนี้ล่ะ.../
--------------------- The End Of Chapter 3 ----------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น