คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทพิเศษ (ตอนแรก)
หนึ่งปีผ่านไป เมื่อคุโรโกะและคางามิขึ้นปี 2
หลังจากการแข่งขันวินเทอร์คัฟจบลง เหล่าลิงเซย์รินวางแผนจะไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อฉลองชัยชนะและหลังจากทะเลาะกันอยู่นานว่าจะไปประเทศอะไรก็ยังไม่ได้ข้อยุติซักที
“ไม่โว้ยยยยยยย ฉันจะไปออสเตรเลีย”ริโกะโว้ยวาย “ฉันเป็นโค้ดนะ พวกแกต้องเชื่อฟังฉัน”
“นี้ เธอจะไปทำอะไรที่นั้น…………….”คางามิบ่น ใจจริงเขาอยากไปอเมริกามากกว่า เผื่อจะได้ไปเจอเพื่อนเก่าๆด้วย แต่ยัยโค้ดกับยืนยันจะไปออสเตรเลีย
“ฉันจะไปดูจิงโจ้”
“แค่ส่องกระจก เธอก็เห็นแล้ว”ฮิวกะบ่นลอยๆแต่จงใจให้เด็กสาวได้ยิน
“ไอ้บ้าฮิวกะ!!! นี้นายว่าฉันเป็นจิงโจ้หรอ?”ลองเท้าขาวๆลอยไปโดนหัวฮิวกะจนหน้าทิ่ม
“แต่ฉันอยากไปจีนนี้”อิสึกิร้อง “น้า พวกเราไปจีนกัน”
“แกไปคนเดียวเถอะ!!!”หลายคนแผ่รังสีหน้ากลัวมาให้อิสึกิ การไปจีนคครั้งที่แล้วทำให้พวกเขาเข็ดไปอีกนานเพราะยัยริโกะดันไปเลือกเที่ยวในเขตชนบทของจีน กินก็ยาก นอนก็ยาก
“ก็สาวจีนสวยนิ”เจ้าของความคิดบ่นอย่างน้อยใจ
“เราไปอเมริกากันไหม?”คางามิหันไปถามทุกคน “ฉันอยากกลับบ้านอ่ะ”
“ก็ได้……………….”คำตอบจากเด็กสาวเรียกยิ้มจากคนผมแดงแต่ประโยคต่อไปทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ “งั้นแกจ่ายเงินค่าเครื่องบิน”
“ไปที่อื่นก็ได้วะ!!!”
“ไปสิงคโปร์กันเถอะ ฉันอยากเห็นสิงโต”โคงาเนะส่งสายตาวิ้งๆไปให้ริโกะ
“สิงโต?”ริโกะเลิกคิ้วสูง “นี้แกโง่รึโง่กัน ที่ญี่ปุ่นก็มีจะถ่อสังขารไปถึงสิงคโปร์ แล้วไอ้ที่แกบอกว่าสิ่งโตมันชื่อ เมอร์ไลอ้อนโว้ยยยยยย”รองเท้าข้างที่เหลือลอยไปโดนหัวโคงาเนะอิล้มคว่ำไปอีกคน
“แล้วเธอจะไปไหนล่ะ ที่นี้ก็ไม่เอา โน้นก็ไม่เอา”
“ออสเตรเลีย!!! ไปดูจิงโจ้กัน”
“อเมริกาดิ ฉันจะกลับบ้าน!!”
“จีนเถ๊อะ สาวสวยน้า”
“สิงคโปร์ ฉันอยากไปดูสิงโตมีหาง………………”
แล้วสงครามน้ำลายย่อยๆก็เกิดขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความเหนื่อยหน่ายของเด็กปีหนึ่งและอีกหลายๆคน พวกเขาคิดถูกคิดผิดที่เข้าทีมบาสเซย์รินเนี่ย
“เฮ้ คุยอะไรกันน่าสนุกเชียว”
“คุย นี้มันเรียกว่าคุยกันหรอะ!!!”ทุกคนต่างคิดเป็นเสียเดียวกันพลางมองเจ้าของวลีเมื่อครู่ คนที่มองโลกในแง่ดีแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก คิโยชิ รุ่นพี่ปีสามโลกสวยคนนี้ นี้เอง
“นี้คิโยชิช่วยเลือกดิ ว่าพวกเราจะไปประเทศไหนดี”ฮิวกะหนีวิ่งมาหลบหลังเมื่อเห็นว่าริโกะเก็บรองเท้าและเตรียมโยนมาทางเขา “ฉันว่านายน่าจะเลือกได้ดีที่สุด ”ตอนนี้ในสายตาทุกคนคิโยชิเป็นผู้ที่จะช่วยหยุดสงครามน้ำลายอันยาวนานของสมาชิกในทีมได้ด้วยนิสัยใจเย็นและมีเหตุผลอย่างแบบนั้น
“อืม…………………………ฉันว่าเราไปอินเดียกันเถอะ”
“ขอถอนคำพูด!!! แกมันช่วยอะไรไม่ได้เลยเว้ยยยยยย”
“งั้นโหวดเป็นไง ใครอยากไปประเทศอะไรยกมือ”คางามิเอ่ยขึ้นทำให้เด็กปีหนึ่งพยักหน้าเห็นด้วย
“เอาล่ะ ใครจะไปอเมริกาบ้างงงงง”
ไร้เสียงตอบรับจากเหล่าสมาชิกเซย์ริน…………………………………. (ไอ้พวกไร้รสนิยม)
“งั้นออสเตรเลียล่ะ ไปดูโคอาร่ากับจิงโจ้”
วิ้วววววววววว มีเพียงความเงียบและเสียสายลม…………………………… (เจ้าพวกไม่รักสัตว์)
“จีนไหม ไปจีนกันเถ๊อะ”
ทุกคนได้แต่เบือนหน้าหนี……………………………………………………… (ใจร้ายที่สู๊ดดดดด)
“ไปสิงคโปร์กัน ไปดูสิงโตมีหาง เออ ฉันหมายถึงเมอร์ไลอ้อนอ่ะนะ”
สิงโต พวกเราดูจนเบื่อแล้วล่ะรุ่นพี่ และก็เหมือนเดิม ไม่มีใครลงความเห็น……… (ให้ตายสิ ก็ฉันไม่เคยเห็นนี้)
“ไปอินเดียกันไหมพวกเรา”
ใครก็ได้เอาไอ้นี้ไปเก็บที………………………………………………………. (ก็ฉันอยากไปอ่ะ)
สรุปสุดท้ายทีมเซย์รินผู้สามัคคี (!!?!!) ก็ยังเลือกไม่ได้ว่าจะไปที่ไหน
“ทุกคน ทำไมนั่งน่าเครียดอย่างนั้นล่ะครับ”คุโรโกะเดินเข้ามาพร้อมถือหนังสือที่ชอบอ่านเป็นประจำในมือ “ยังเลือกไม่ได้หรอว่าจะไปที่ไหน?”
“ก็ใช่อ่ะดิ พวกเราตกลงกันไม่ได้ว่าจะเที่ยวไหนดีอ่ะ”ริโกะนั่งลงอย่างเหนื่อยๆ
“งั้นก็ไม่ต้องไปสิครับ”คุโรโกะบอกอย่างขวานฝ่าซาก “อยู่ญี่ปุ่นนี้แหละ”
“ไม่อ่าววววววว ฉันจะไปเที่ยวต่างประเทศ”คางามิท้าวคางบนไหล่คนตัวเล็ก “นายก็เลือกดิ”
“ผมอยากอยู่ญี่ปุ่นนี้ครับ”คนผมฟ้าเอ่ยเรียบๆก่อนหันไปอ่านหนังสือในมือต่อ
“นี้ นายก็เย็นชาเกินไป พวกปีหนึ่งอยากไปเที่ยวกัน”คุโรโกะกวาดตามองเด็กปีหนึ่งตาดำๆสี่หน้าคนที่ทำหน้าอยากไปเที่ยวต่างประเทศ “เห็นไหม น่าสงสารออก”
“อืม งั้นพวกนายก็เลือกสิ ว่าอยากไปไหน”เสียงหวานเอ่ย “ถ้าให้พวกปีสองกับปีสามเลือกคงไม่ได้ไปหรอก”
“รุ่นพี่…………………….”สายตาซาบซึ้งถูกส่งมาให้คุโรโกะ นี้แหละรุ่นพี่ที่พึ่งพาได้ที่สุดในทีมเซย์ริน “พวกเราอยากไปมาเลเซียครับ”
“มาเลเซีย?”คุโรโกะเลิกคิ้วกับคำตอบ“ ก็ได้งั้นเราไปมาเลเซียกัน หวังว่าทุกคนคงไม่ขัดใช่ไหมครับ”พูดพลางคนตัวเล็กก็หันไปถามเหล่าปีสองปีสามพร้อมยิ้มหวานแต่น่ากลัวพิลึก พวกเขารู้สึกถึงไอ้เย็นๆที่บอกว่าถ้าไม่ ok อาจเจ็บตัวได้
“มะ………………มาเลเซียก็ได้…………”คิโยชิถอยห่างไปหลบหลังฮิวกะเพื่อความปลอดภัยในชีวิต “ไหมพวกเรา”
“ก็ได้ ไปมาเลเซียกัน โอ้วววว!!!”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ที่นี้มันมาเลเซียหรอ ?”ทีมบาสเซย์รินก้าวเข้ามาในอากาศยานขนาดใหญ่ที่มีคนพลุ่งพล่านดวงตาทุกคู่กวาดตามองภูมิประเทศแปลกตาและผู้คนที่ไม่เคยเห็น ก็แน่ล่ะ!! นี้มันต่างประเทศนี้………………….แต่มันไม่เห็นเหมือนคนมาเลเซียที่พวกเขาเห็นในอินเทอร์เน็ตเลย
“คางามิ นายลองไปถามพนักงานดิว่าที่นี้มันที่ไหน”ริโกะหันไปสั่งคนที่ภาษาอังกฤษแข็งแรงที่สุดในทีม
“ทำไมต้องฉันล่ะ?”คางามิหน้าเหวอ
“ก็นายพูดภาษาอังกฤษเก่งสุดนี้หว่า”
“เออๆๆๆ”แล้วคางามิก็จำต้องเดินไปหาพนักงานสาวสวยที่อยู่ไม่ไกลโดยมีสายตาเพื่อนรวมทีมมองอย่างเป็นห่วงไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับใบหน้าเคร่งเครียด “นี้พวกนาย……………..คือที่นี้ไม่ใช่มาเลเซียอ่ะ”
“เอ๋!!……………”ทุกคนร้อง
“ที่นี้คือประเทศไทย”
“ไหงมาโผล่ที่ไทยได้อ่ะ ใครเป็นคนจองตั๋วว่ะ”ริโกะหันไปถามทุกคนหนึ่งในนั้นคือ คิโยชิ ซึ่งยกมืออย่างรู้สึกผิด รอยยิ้มเจือๆน่าสงสารถูกส่งมาทำให้ทุกคนโกรธเขาไม่ลงจริงๆ
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ไหงมาที่นี้ได้หว่า”
“ไอ้คุณคิโยชิ”
“โทษทีน้า”
“ไม่เป็นไรหรอกครับรุ่นพี่ ถึงบ่นไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร”คุโรโกะเอ่ยก่อนที่รุ่นพี่ผู้น่าสงสารจะถูกสวดยับ
“ก็จริงอย่างที่คุโรโกะพูด คางามินายไปถามเที่ยวบินที่จะไปมาเลเซียดิ”
“เอ้า แล้วทำไมต้องฉันอีกล่ะ!!!”คางามิอิดออดเหมือนเด็กๆ
“นี้แก ถ้าแกไม่ทำแล้วใครมันจะทำห๊า!!! ในนี้ก็มีแต่นายคนเดี๋ยวที่พูดอังกฤษได้”
“แล้วทำไมเธอไม่ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษเล่า”คนผมแดงบ่นอุบอิบ “คุโรโกะไปด้วยกันหน่อยสิ”พลางหันไปขอความช่วยเหลือจากคนตัวเล็ก
“ดูเหมือนรอบที่จะไปมาเลเซียจะถูกระงับไปอย่างไม่มีกำหนดเพราะมีพายุเข้าน่ะครับ เครื่องบินเลยมาลงที่นี้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร”
“นายรู้ได้ยังไง”
“ก็เขาประกาศก่อนลงจอดนิครับ”
“เห็นไหม ฉันไม่ได้จองเที่ยวบินผิด”คิโซชิกอดคอคุโรโกะแน่นอย่างดีใจ “ขอบใจมากคุโรโกะ”
“แล้วทำไมพวกเราไม่ได้ยิน”ฮิวกะขมวดคิ้วอย่างสงสัย หรือว่าจะหลับไป
“ไม่รู้สิครับ อาจเป็นเพราะพวกรุ่นพี่หลับไปล่ะมั้ง”
“เอาเถอะอย่ามัวทะเลาะกันเลย ฉันว่าพวกเราไปหาที่พักกันก่อนดีกว่า ไม่งั้นคืนนี้มีหวังได้ไปนอนข้างถนนแน่” โคงาเนอิเอ่ยพลางเดินออกประตูไปอย่างเซ็งๆ “เดี๋ยวฉันไปหาแท็กซี่ให้นะ”
“เฮ้ย รอพวกเราด้วยดิ”
ไม่กี่นาทีต่อมาทีมเซย์รินสิบเอ็ดคนก็ไปอัดกันอยู่ในรถแท็กซี่สีชมพูคันเล็กๆเหตุผลคือเงินค่าจองโรงแรมที่มาเลเซียหมดไปแล้ว ณ เวลานี้จึงต้องใช้เงินอย่างประหยัดที่สุดและในฐานะที่ริโกะเป็นผู้หญิงเลยไม่เหมาะที่จะนั่งเบียดเสียดกับผู้ชายอีกสิบชีวิตแต่สุดท้ายก็ต้องให้หนึ่งในเด็กปีหนึ่งไปนั่งด้วย
“นี้คางามิ นายจับอะไรเนี่ย”คุโรโกะเอ่ยด้วยใจหน้าเขินอายก่อนดันมือคางามิออกจากต้นขาของตัวเอง “ลามกชะมัดเลย”
“นายจะให้ฉันทำยังไงเล่า มันเบียดนี้”
“ก็อย่าจับขาผมสิ!!”
“อย่าดุ๊กดิ๊กสิ ฉันปวดขานะ”ยิ่งคุโรโกะบ่นคางามิยิ่งกอดเอวบางๆแน่นขึ้น“แล้วก็หยุดบ่นด้วย”
“ก็ไม่ได้อยากนั่งตักนายซักหน่อย”ร่างบางบ่นพึมพำ
“เฮ้ยคิโยชิ ด้านหลังฉันมันคืออะไรว่ะนั่น”ฮิวกะที่จำเป็นต้องนั่งตักคิโยชิทำหน้าแหยๆเมื่อคิดถึงสิ่งที่ด้านหลัง
“ก็โทรศัพท์ไง นายคิดอะไรอ่ะ”
“ก็นึกว่า……………”ฮิวกะหน้าแดงแจ๋ด้วยความเขินอาย “ก็โทรศัพท์นั้นแหละ”
“จริ๊งงงงงง”
“ก็จริงดิ เซ้าซี้อยู่ได้”คนผมดำสะบัดหน้า “ฉันจะไปนั่งกับโคงาเนอิเล่า!!!”
“หยุดเลยยยยยยย ตรงนี้ก็ไม่มีที่นั่งแล้วนะ”อิสึกิบ่นอุบอิบพลางมองคนที่นั่งขดอยู่ปลายเท้า “ใช่ม้าโคงาเนอิ”
“แล้วทำไมฉันต้องนั่งตรงนี้ด้วยล่ะ”คนที่ดูเหมือนจะโชคร้ายที่สุดคือโคงาเนอิเพราะเขาต้องนั่งขดอยู่ตรงปลายเท้าของอิสึกิ เห็นแล้วอนาถในจริงๆ ส่วนเด็กปีหนึ่งสองคนก็ต้องนั่งตักกันเองคนสุดท้ายต้องนั่งตักอิสึกิไปตามระเบียบ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ห๊า โรงแรมเต็ม!!”นี้ก็เป็นหนึ่งในความโชคร้ายของเซย์รินที่ประเทศไทย หลังลงจากแท็กซี่จู่ๆคนก็กรูเข้ามาสาดน้ำปะแป้งพวกเขาซึ่งได้แต่ยืนนิ่งอย่างงงๆแต่ที่แย่กว่านั้นก็คือโรงแรมบริเวณนี้เต็มหมด แถมแม้แต่ห้องพักเล็กๆก็ไม่มีที่เหลืออยู่เลย ตอนนี้เสื้อผ้าก็เปียก ที่นอนก็ไม่มี เงินก็จะหมด พวกเขาจะทำยังไงกันดี ?
“ไหงงั้นอ่ะ”ฮิวกะโอดครวญ
“เห็นเขาบอกว่ามันอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์อะไรนี้แหละ ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนักหรอกแต่ดูเหมือนนักท่องเที่ยวจะมากันมากเลยไม่มีห้องพัก”คางามิอธิบายหน้าเซ็ง “แล้วจะทำยังไงดี”
“งั้นเราลองไปโรงแรมตรงโน้น”คิโยชิชี้ไปที่โรงแรมใหญ่ฝังตรงข้าม “ดูท่าจะมีห้องเหลืออยู่นะ”
“นั้นสิ งั้นเราไปกันเถอะ”ริโกะลากกระเป๋าตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อนนี้เป็นโรงแรมที่สิบเอ็ดแล้วหลังจากหามาทั้งวัน หวังว่ามันคงจะว่างนะ “ถ้ามันไม่ว่าฉันจะนอนข้างถนนแล้วนะเฟ้ย!!!”ดวงตาสีน้ำตาลเหล่มองคุโรโกะอย่างอิจฉาเพราะอะไรน่ะหรอ? เพราะคนหัวฟ้ามีคางามิคอยถือกระเป๋าให้ส่วนเจ้าตัวก็เดินถือหนังสือสบายในเฉิบ
“นี้คางามิ ถือกระเป๋าให้ฉันมั่งดิ”อิสึกะยื่นกระเป๋าไปให้
“ไม่เอาอ่ะ ฉันหนัก”คางามิเบ้นหน้า
“แล้วทำไมคุโรโกะถึงถือให้อ่ะ………………………”
“ไม่รู้สิ”คนผมแดงหยุดคิด “แล้วทำไมต้องถือให้คุโรโกะด้วยอ่ะ!!”
“เมื่อไหร่จะไปกันคะ คุณชายทั้งหลาย”เสียงแหลๆของริโกะตะโกนมาจากอีกฟากของถนน “เร็วๆๆๆ”
ขณะก้มหน้าก้มตาเดิน พลันสายตาของเหล่าเซย์รินก็ไปเห็นร่างของคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ด้วยสภาพเปียกปอนไม่แพ้กันใบหน้าแต่ละคนบ่งบอกว่าเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางและหาโรงแรมพักไม่ได้ หนึ่งในนั้นหันมาทางอีกฝากของถนน ดวงตาสีเขียวใต้กรอบแว่นสบกับดวงตาสีแดงเพลิงของคางามิพอดิบพอดี “เฮ้ย!!!!!!”
“เซย์ริน!!”
“ชูโตคุ!!”
บรรยากาศโดยรอบเลวร้ายลงจนเห็นได้ชัด คนผู้คนรอบๆผละออกสองข้างด้วยความตกใจว่าเหล่านักเรียนญี่ปุ่นพวกนี้จะลงทุนยกพวกตีกันถึงไทยเลยรึไง ?
“ไอ้ลิง!!!”
“ไอ้แว่น!!!!”เซย์รินกรูกันข้ามไปอีกฟากของถนน “มาทำอะไรที่นี้วะ”
“ก็มาพักผ่อนสิ จะให้ฉันมาทำอะไรล่ะ?”
“หึ ก็นึกว่าจะมาฉลองความพ่ายแพ้ของพวกแก”คางามิยิ้มเยาะ
“ไอ้ลิง นี้มันจะมากไปแล้วนะเฟ้ย!!”มิโดริมะกระชากคอเสื้อคนผมแดง
“ทั้งสองคน พอเถอะครับ”คุโรโกะเข้ามาขวางตรงกลาง “คนอื่นเขามองกันหมดแล้ว อีกอย่างที่นี้ไม่ใช่ประเทศของเราด้วย จะทำอะไรก็เกรงใจหน่อย”เสียงหวานเอ่ยเรียบๆแต่ทำให้ทั้งสองคนหน้าเจือลง
“ก็ได้”คางามิสะบัดตัวเดินเข้าไปในโรงแรม “งั้นฉันไปจองห้องก่อนแล้วกัน”
“เออ…………”มิโดริมะเอ่ยก่อนเดินตามคางามิเข้าไปในโรงแรม
“ขอโทษแทนชินจังด้วยนะ คุโรโกะ”ทาคาโอะเพื่อนสนิทของมิโดริมะเข้ามาขอโทษขอโผย “เจ้านั้นอารมณ์เสียที่แพ้พวกนายน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ขอโทษแทนคางามิเหมือนกัน เขาอารมณ์ขึ้นๆลงๆน่ะ”
“นั้นสิ ว่าแต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้ล่ะ”
“เที่ยวบินของเรา มีมรสุมน่ะ เลยต้องลงที่นี้”ริโกะตอบแทน “พวกนายล่ะ”
“พวกเราจะไปสิงคโปร์แต่เจ้ามิโดริมะดันบอกว่าจะมาไทย เลยต้องเปลี่ยนเที่ยวบินกะทันหัน”คนผมดำบ่น“ฉันว่าพวกเราเข้าไปในโรงแรมดีกว่านะ”
“นั้นสิครับ”คุโรโกะยกกระเป๋าของตัวเองและทั้งคางามิเข้าไปในโรงแรมแต่ยังไม่ทันที่ขาจะก้าวเข้าประตูเสียงทะเลาะระหว่างคนสองคนก็ดังขึ้นอีกทำเอาทุกคนถอนหายใจหน่ายๆ ให้ตายสิเจ้าคู่นี้จะกัดกันไปถึงไหนนะ? “เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย คางามิคุง มิโดริมะคุง”
“ไอ้ลิงหัวแดง ฉันจองก่อนนะเฟ้ย!!”
“แกจองเป็นภาษญี่ปุ่นแล้วพนักงานเขาจะรู้เรื่องไหม”
“มันเรื่องของฉัน ยังไงฉันก็จองก่อน”
“แต่พนักงานฟังแกไม่รู้เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นกุญแจห้องก็ต้องเป็นของฉัน”คางามิฉวยกุญแจจากเคาเตอร์
“เอามานะเฟ้ย!!! พนักงานยังไม่ได้บอกเลยว่าใครจะได้ห้อง”มิโดริมะฉวยกุญแจคืน
“ทั้งสองคน นี้มันก็ไรอีกเนี่ย ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทะเลาะกัน”คุโรโกะตวาดจนทุกคนสะดุ้ง “มันเกิดอะไรขึ้น”
“โรงแรมนี้มันเหลือห้องใหญ่กับห้องเล็กสองห้องอ่ะ”เสียงทุ้มรีบตอบเมื่อเห็นว่าคุโรโกะเริ่มโกรธ
“ห้องใหญ่มันควรจะเป็นของชูโตคุเพราะฉันจองก่อน”มิโดริมะแทรกเรียกสายตาไม่พอใจจากคางามิ
“ฉันจองก่อน”
“ฉัน!!”
“ฉันเฟ้ยยยยยยยยย!!!”
“เออ…….คุณลูกค้าคะ ตกลงจะเอายังไงคะ เพราะมีลูกค้าอีกท่านมาจองแล้วนะคะ”พนักงานสาวถามเป็นภาษาอังกฤษด้วยอาการหวาดกลัวเล็กน้อย (writer อังกฤษอ่อนแอ ขออภัยด้วยนะครับ (ขี้เกลียดล่ะสิแก ) )
สายตานับสิบคู่หันมองคนที่เข้ามาจองใหม่ด้วยสายตาหน้ากลัวโดยมีบรรยากาศหดหู่รอบๆเป็นแบล็คกราว นี้ถ้าไม่ติดว่าคนๆนั้นเคยเห็นสายตาแบบนี้มาก่อนเขาอาจจะตกใจวิ่งออกนอกโรงแรมไปแล้ว แน่นอน!!! คนๆนั้นคุ้นเคยสายตาแบบนี้เป็นอย่างดี เขาถอดหมวกออกซึ่งเผยให้เห็นเรือนผมสีทองสว่างและใบหน้าหล่อเหลาราวพระเอกหนัง
“คิเสะ!!!”
“อ้าวทุกคน นัดรวมญาติกันหรอ?”คิเสะถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“รวมญาติบ้านแกสิ!!!”
“แล้วมาทำอะไรกันอ่ะ”
“พักผ่อน”คุโรโกะตอบเรียบๆ “ว่าแต่คิเสะคุงมาทำอะไร”
“ออ พอดีฉันต้องมาถ่ายแบบแต่พอดีว่าเกิดผิดพลาดเรื่องวันถ่ายนิดหน่อยเลยต้องหาที่พักเองก่อน”คิเสะตอบพลางยิ้มร่า เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเจอคนตัวเล็กในที่นี้ ช่างเป็นพรมลิขิตจริงๆ “โชคดีจริงๆที่ยังมีห้องว่าง”
“ใครว่าว่าง มันเป็นของพวกเราแล้วววววววว”มิโดริมะและคางามิโพล่งขึ้นพร้อมกัน
“เอ๋!!....................พวกนายหมายความว่ายังไง”คิเสะหน้าเหวอ
“ก็หมายความว่าฉันจองห้องพวกนั้นแล้วไง”คางามิตอบ
“แต่ฉันก็กำลังจะจองนี้!!”คนผมทองโวยวาย
“แต่ฉันจอง”
“ของฉันต่างหาก”
“ม่ายยยยยยย ของฉัน”
ตุ๊บ!!
ลูกบาสสามลูกลอยไปกระทบหัวทั้งสามคนอย่างจงใจทำให้สงครามน้ำลายย่อยๆยุติลงอย่างง่ายดาย คุโรโกะมองร่างสูงทั้งสามที่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาและใบหน้าเย็นยะเยือกหลายคนอดสงสารทั้งสามไม่ได้ พวกเขาไม่เคยเห็นคุโรโกะโกรธมาก่อนและดูเหมือวันนี้เป็นบุญตาที่ได้เห็นคนตัวเล็กระเบิดอารมณ์
“จะหยุดได้รึยัง”เสียงหวานถามห้วนๆแต่เต็มไปด้วยความหน้ากลัว
“ครับ”ทั้งสามคนตอบพร้อมกัน
“รู้ไหมว่าคนอื่นเขาเดือดร้อน”
“ขอโทษครับ”เสียงทุ้มตอบด้วยท่าทางสลด จนหลายคนอดสมเพช……เอ้ย!!! สงสาร ไม่ได้ คุโรโกะสามารถทำให้เสาหลักของทีมบาสระดับประเทศ สลดได้ขนาดนี้นับว่าเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ “ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้วครับ”
“งั้นก็ลุกขึ้น แต่ไปนี้อย่าทะเลาะกันอีกนะครับ”
“นี้คุโรโกะนายงอนฉันหรอ?”คางามิเข้าไปง้อคนตัวเล็กที่งอนตุ๊บป่อง “ขอโทษน้า อย่างอนฉันเลย”
“แล้วมันน่างอนรึเปล่า ผมบอกคางามิแล้วว่าอย่าทะเลาะกับคนอื่น ถ้านายโดนทำร้ายมาจะทำยังไง”คุโรโกะสะบัดตัวหนี
“นี้นายเป็นห่วงฉันหรอ”
“นายก็รู้นี้ครับ”คนผมฟ้าแก้มป่องอย่างน่ารัก “แล้วยังจะทำ”
“ขอโทษน้า”คางามิกอดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง “ดีกันเถอะ”
มันช่างเป็นการง้อที่น่ารักน่าเอ็ดดูที่สุดในสายตาของทุกคนเว้นเพียงคนผมดำที่เดินเข้ามาใหญ่ ดวงตาสีเดียวกันตกใจไม่น้อยที่เจอญาติๆ (!!?!!) มารวมตัวกันตรงนี้แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าคือเจ้าคางามิกำลังกอดคุโรโกะ “ไอ้ลิง!!!!”
เสียงทุ้มแหวกผ่านอากาศพร้อมๆกับหนังสือโป๊ในมือที่พุ่งเข้ามาอย่างประสงค์ร้ายและตรงเป้าหมายพอดี
“อาโอมิเนะคุง!!!”
“เท็ตสึยะออกมา เดี๋ยวลิงกัด!!”อาโอมิเนะดึงคุโรโกะออกจากคางามิ
“แกว่าใครลิง”คางามิจะเข้าไปขยุ้มอคเสื้อคนผมดำแต่โดนคุโรโกะห้ามไว้
“ก็แกไง”
“ไอ้หื่นเอ๊ยยยยยย”
“ออกให้ห่างจากเท็ตสึยะ เดี๋ยวเห็บติด”อาโอมิเนะดึงคุโรโกะเข้ามากอด “ไม่เป็นไรใช่ไหม มันไม่กัดนายนะ เดี๋ยวฉันพาไปอาบยาฆ่าเห็บ”
“ทำไมคุณมาโผล่ที่นี้ได้ล่ะครับ อาโอมิเนะคุง”คุโรโกะเงยหน้าถาม “อย่าบอกนะว่ามาเที่ยว”
“ก็มาเที่ยวนั้นแหละ”
“แล้วเพื่อนๆอาโอมิเนะคุงหายไปไหนกันหมด”
“เจ้าพวกนั้นดันขึ้นตกเครื่องทิ้งให้ฉันอยู่กับยัยโมโมอิสองคน”เสียงทุ้มบ่น “แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่โชคร้ายกว่าเรื่องนี้”อาโอมิเนะกระซิบข้างหูคุโรโกะ “ฉันเจออาคาชิกับอัตสึซิด้วย”
“พวกเขา มาทำอะไร?”
“เที่ยวมั้ง แต่พวกเขาไม่เห็นฉันหรอก”ดวงตาสีดำมองซ้ายมองขวาอย่างระแวง “หวังว่าพวกนั้นคงไปแถวอื่น”
“สาธุ”คิเสะและมิโดริมะซึ่งแอบฟัง เกาะไหล่อาโอมิเนะพลางทำหน้ากลุ้มๆ “อย่าให้พวกนั้นเจอเราเลยเนอะ”
“แล้วโมโมอิล่ะครับ”
ยังไม่ทันขาดคำเด็กสามผมชมพูก็วิ่งกระหืดกระหอมเข้ามาในโรงแรมในสภาพเปียกโชกจนเสื้อบางๆของเธอแนบเนื้อทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไรทำให้ผู้ชายจากเซย์รินและชูโตคุต่างปาดเลือดที่ไหลออกจากจมูกกันเป็นแถว พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมอาโอมิเนะถึงทิ้งผู้หญิงน่ารักๆอย่างนั้นไว้คนเดียว
“อาโอมิเนะ ทำไมถึงทิ้งฉันไว้คนเดียวเล่า!!”โมโมอิเหวี่ยงสัมภาระคนผมดำคืนอย่างอารมณ์เสีย“โชคดีนะที่ฉันเจออาคาชิคุงน่ะ”
“เธอเจออาคาชิ?”อาโอมิเนะเริ่มหน้าเสีย “เจ้านั้นอยู่ไหน”
“นั้นไง”เธอชี้ไปยังร่างสองร่างที่ยืนอยู่ไม่ไกล คนหนึ่งคือเด็กหนุ่มผมสีม่วงตัวสูง 207 ซม. ในมือของเขาหอบขนมพะรุงพะรังและอีกคนคือเด็กหนุ่มผมสีแดงซึ่งทำหน้าตาเย็นชาตลอดเวลา คนผมแดงส่งสายตาเย็นชามาให้พวกเขาก่อนหยิบกรรไกรขึ้นตัดถุงขนมคนผมม่วง
“ชิปแล้ว!!!”
“นายเห็นอะไรไหม!”คิเสะกระซิบ “แค่ท่าตัดถุงขนมยังน่ากลัวเลยยยยยย”
“ทำไมต้องกลัวอาคาชิคุงด้วยครับ”
“นี้นายไม่ได้รับจดหมายหรอ?”มิโดริมะเลิกคิ้วสูง “อาคาชิชวนเราไปเที่ยวหลังแข่งเสร็จแต่เพราะช่วงนั้นวุ่นวายมากฉันเลยลืมตอบจดหมายกลับ ส่วนเจ้าคิเสะติดถ่ายแบบ”
“จดหมาย”คุโรโกะหวนคิดถึงตู้จดหมายหน้าบ้าน ตอนเขาออกไปหยิบบิลค่าไฟก็เห็นจดมายฉบับหนึ่งอยู่แต่คิดว่าเป็นของพ่อเลยไม่ได้หยิบออกมา “จำได้แล้ว”
“นี้เป็นเนื้อหาในจดหมาย”อาโอมิเนะสิ่งที่ไม่น่าจะเรียกว่าจดหมายพลางกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
“ไปเที่ยวกับฉัน ไม่งั้นพวกเอ็งตายยยย!!!”
“!!เฮือกกกก!!”
“ว่าไง พวกนาย”เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังทั้งสี่คนทำเอาขนลุกซู่ “ดีใจที่ได้เจอ”
“สะ…สวัสดีอาคาชิคุง ดีใจที่ได้เจอ”คุโรโกะยิ้มแหย่ๆให้คนผมแดง “ทำไมมาอยู่ที่นี้ได้ล่ะครับ”
“ฉันก็มาเที่ยวไงล่ะ”อาคาชิตอบด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม “กับอัตซึสิ”
“ก็ปกติดีนิ มิโดริมะ”คิเสะหันไปกระซิบ
“นั้นสิ ไหงงั้นอ่ะ”
“พวกเรา….ดะ…ดีใจที่ได้เจอนาย”อาโอมิเนะหลบอยู่หลังคุโรโกะพร้อมด้วยมิโดริมะและคิเสะ ช่างเป็นบุคคลที่มาดแมนจริงๆ “ว่าแต่มาเที่ยวถึงนี้เลยหรอ”
“ใช่”อาคาชิตอบก่อนหันไปที่เคาเตอร์ “จองห้องครับ”
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้าแต่ว่าตอนนี้มีคมมาจองห้องพร้อมๆกับถึงสี่คน ฉันไม่รู้ว่าควรจะให้สิทธิ์ใครในการเข้าพัก ดูเหมือนพวกคุณจะเป็นเพื่อนกัน ยังไงก็ช่วยตกลงกันแล้วแจ้งทางเราได้ไหมคะ”พนักงานกล่าวแล้วลอบมองทุกคนเป็นระยะๆ เธอสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องในนี้จริงๆ
“พวกนาย จะเอายังไง”อาคาชิถามเย็นเยือก “จะพักกันไหม ?”
“นี้ พวกเราจองก่อน เฉพาะฉะนั้นเซย์รินต้องได้พัก”คางามิผู้ไม่รู้เรื่องโพล่งขึ้นเรียกสายตาสองสีตวัดมองเขาด้วยความไม่พอใจ คุโรโกะดันตัวคางามิให้ถอยห่างอาคาชิเพื่อความปลอดภัยของนผมแดง
“ดูเหมือนจะไม่มีใครยอมใครเลยน่ะ ชินจังพวกเราไปที่อื่นก็ได้”ทาคาโอะเข้าไปกระซิบกับมิโดริมะ เขาเองก็กลัวจะเกิดเรื่องเหมือนกัน “เนอะพวกเรา”
“ไม่ ยังไงซะชูโตคุต้องได้พักที่นี้”
“เอาอย่างงี้สิ เรามาแข่งกันดีกว่า”ริโกะก้าวเข้าไปยืนประจัญหน้ากับอาคาชิก่อนกวาดตามองทุกคน “ใครชนะ เอาห้องพักนี้ไปเลย!!!”
“เธอหมายความว่ายังไง?”อาคาชิหรี่ตามมองเด็กสาว “ต้องการจะแข่งบาสกับฉันงั้นหรอ”
“ไม่ใช่บาส”คำตอบทำให้ทุกคนเลิกคิ้วสูง “เรามาแข่งอะไรที่คนประเทศนี้เขาทำกันดีกว่า”
“อะไรของเธอ”อาโอมิเนะบ่นอย่างหงุดหงิด
สงกรานต์ไงล่ะ!!
“เอ๋!!! นี้เธอจะแข่งสาดน้ำรึไง”
“ใช่แล้ว!!”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีครับ นี้ก็เลยสงกรานต์มานานแล้วแต่ไม่รู้ทำไมถึงยังอย่างเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ เนอะ555
ตอนพิเศษนี้แต่งเพราะรู้สึกว่าเรื่องหลักมันจิตตกเกิน พยายามแต่งให้ดูสดใสที่สุด (!!?!!) แต่ไม่รู้ว่าสนุกรึเปล่าเพราะไม่เคย แต่งแนนนี้มากก่อนและผมอยากให้ทุกคนมองตัวละครในมุมอื่นๆดูด้วย 555 โดยเฉพาะคางามิบางทีก็แอบสงสารเฮียแกเหมือนกัน
หวังว่ามีความมสุขกับการอ่านนะครับ
ความคิดเห็น