ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket] เพราะผม..........คือเงา [KagaxKuro]

    ลำดับตอนที่ #7 : Quarter 5

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 56


    “นี้ ตัวนายอุ่นๆนะ ป่วยรึเปล่า”มือใหญ่แตะบนหน้าผาดมนเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิ ดูเหมือนคนตัวเล็กตรงหน้าจะไม่สบาย ก็แน่ล่ะ พักนี้คุโรโกะเล่นซ้อมบาสหนักแถมยังนอนดึกอีก ร่างกายคงรับไม่ไหวเลยเริ่มไม่สบายล่ะมั้งแ”นี้พักนี้นายนอนดึงจังนะคุโรโกะ”

    “ก็เพราะใครล่ะ”เสียงหวานบ่น “ใครที่ชอบกลับดึกๆดื่นๆ ผมเลยต้องรอเปิดห้องให้นาย”

    “นี้นายโทษฉันหรอ”

    “ก็ใช่น่ะสิ นายน่ะชอบเมาตลอดเลย”คุโรโกะแก้มป่องแรกเสียงตัวเราะจากคนผมแดง

    “โทษทีๆๆ ฉันจะพยายามไม่เมาแล้วกันนะ”นิ้วเรียวจิ้มบนแก้มใสเพื่อง้อ “สัญญา”

    “ไม่สัญญา เพราะผมรู้ว่านายทำไม่ได้หรอก”

    “เอ๋!!! นายนี้มัน………ขวานผ่าซากจริงๆ…………..

     

     

    สิ้นคำคางามิก็หายเข้าไปในห้องน้ำซักใหญ่ก่อนกลับออกมาพร้อมกับอ่างน้ำและผ้าขนหนู

     

    “นายเอามันมาทำไม”

    “ก็จะเช็ดตัวให้นายไง”

    “ผมไม่ได้ป่วยนะ”

    “ไม่เอา ”ร่างสูงวางอ่างน้ำลงบนโต๊ะข้างตัวเตียงและจุ่มผ้าขนหนูลงจนชุ่มก่อนบิดมันให้น้ำออกพอหมาดๆ “ถอดเสื้อ”

    “ไม่เอา”

    “ถอดเร็วสิ”

    “ไม่ไม่ไม่ เว้ย”

    “ไม่ถอดใช่ไหม”รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏบนใบหน้าคร้ามแดง “เดี๋ยวฉันถอดให้”ยังไม่ทันตั้งตัวร่างทั้งร่างของคางามิก็โถมเข้ามาก่อนคร่อมเหนือร่างคุโรโกะเอาไว้ เขาใช้มือทั้งสองข้างตรึงข้อมือเล็กไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน

    “นี้ ลงไปนะ”

    “ไม่ลง”

    “แต่ถ้านายตรึงผมไว้อย่างนี้ นายจะถอดเสื้อผมได้ยังไงล่ะ”ร่างบางพยายามโน้มน้าวใจร่างสูงให้ถอยออกไป

    “ทำไมไม่ได้ล่ะ”คางามิยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนก้มลงไปจนจมูกโด่งๆแนบชิดกับแก้มใส ริมฝีปากร้อนเลื่อนลงไปถึงซอกคอและกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตัวบาง เขาใช้ปากค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของคนตรงหน้าออกทีละเม็ด ทีละเม็ดจนครบร่างสูงปล่อยมือจากข้อมือก่อนแผ่ชายเสื้อออกเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนผู้หญิง มีรอยช้ำเป็นจ้ำๆเพราะต้องเข้าชนกับนักกีฬาบาสตัวใหญ่ ดวงตาสีแดงเพลิงไล่มองสัดส่วนคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง คุโรโกะทั้งผอมบาง ดูอ่อนแอและบอบบางกว่าที่เขาคิดไว้มาก ทำไมถึงบอบบางขนาดนี้ว้าาาา

    “ผอมลงรึเปล่า คุโรโกะ”

    “ก็นิดหน่อย”คนตัวเล็กตอบพลางหลบสายตาคมกริบข้างหน้า  “คางามิ ปล่อยผมเถอะ”

    “เออนี้……………………………”จู่ๆคางามิก็ก้มซุกซุกไซ้ซอกคอระหงส์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “นายแอบใช้สบู่ฉันหรอ”

    ………คะ……คือ….เมื่อกลางวัน ตอนซ้อมเสร็จผมลืมพกสบู่ไปที่โรงยิมด้วย…………….” คุโรโกะตอบอย่างตกใจ “ขอโทษแล้วกัน เดี๋ยวผมซื้อใช้ให้นะ”

    “ไม่เป็นไร ฉันแค่คิดว่า……………….………..”เสียงทุ้มทิ้งห้วงเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “เวลาฉันใช้……..ทำไม……..มันไม่หอมเท่านายใช่ว่ะ ทั้งๆกลิ่นมันน่าจะจางไปแล้วแท้ๆ”เขาไม่อยากเชื่อว่าคุโรโกะจะตัวหอมได้ขนาดนี้ กลิ่นสบู่ซึ่งเขามักใช้เป็นประจำมันติดตามผิวกายเนียนนุ่มนั้น ทำไม ทำไมถึง อยากให้ร่างบางติดตรึงไปด้วยกลิ่นของเขา

    “อื๊ม อย่าเอาจมูกนายมาซุกซอกคอผมสิ”ใบหน้าหวานซึ่งขั้นสีแดงแจ๋เมินหนี  “มันจักกะจี้นะ”

    “นี้นายบ้าจี้หรอ”คางามิเงยหน้าขึ้นก่อนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ทำเอาคุโรโกะอดหวาดๆไม่ได้ว่าร่างสูงกำลังจะทำอะไรกับตัวเอง และก็อย่างที่คิดเมื่อคางามิจิ้มเอวทั้งสองข้างของเขาเบาๆแต่นั้นทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือก

    “นี้ อย่านะ ผมจักกะจี้”มือเล็กตีต้นแขนคนผมแดง

    “นี้ ฉันเจ็บนะเฟ้ย”ดวงตาสีแดงตวัดมองดุๆ “ทำร้าย ฉัน นายต้องโดนลงโทษษษษษษษษ”สิ้นคำคางามิก็กดร่างบางให้นอนราบลงบนที่นอนอีกครั้งก่อนปลดเน็คไทบนคอมาพันธนาการข้อมือคนตรงหน้าไว้ก่อนโยงติดกับหัวเตียงแม้คุโรโกะจะดิ้นซักเพียงใดก็ไม่สามารถต้านแรงอันมหาศาลของชายผู้ได้ขึ้นชื่อว่าแรงกระบืออย่างคางามิได้ “อยู่นิ่งๆสิ จะได้ไม่เจ็บมาก”

    ยามนี้ร่างเล็กอยู่ในสภาพเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด มือทั้งสองข้างถูกมันติดกับหัวเตียงจนตรงผิวเป็นรอยแดงเป็นเส้นๆ เสื้อทั้งสองข้างถูกแผ่ออกทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนส่วนกางเกงนักเรียกก็ถูกเจ้าคนหัวแดงกระชากหลุดไปเมื่อกี้เหลือเพียงกางเกงขาสั้นสีขาว ที่ริโกะซื้อมาให้เมื่อวันเกิดเดือนก่อน (ยัยนี้ไม่มีเซ็นในการเลือกซื้อของให้ผู้ชายจริงๆ)ตัวเดียวเท่านั้น

     “นี้ๆๆๆ ไหนนายบอกว่าจะเช็ดตัวให้ผมไง”คุโรโกะเฉไฉไปเรื่องอื่นแต่เหมือนร่างสูงจนไม่สนแล้ว

    “ขานายเล็กจังว่ะ อย่างนี้จะวิ่งไหวหรอ”

     “มันเรื่องของผม”คนตัวเล็กตอบก่อนแก้มป่อง  “นายก็อย่างมองสิ”

    “ปากเก่งจังนะ”ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆ

    “ปะ…….. ปล่อย นะ”ร่างบางสะท้านเมื่อมือใหญ่จักจี้เอวส่วนอีกข้างลูบไล้ตรงซอกคอซึ่งเป็นจุดอ่อนของตัวเอง “ฮ่า ฮ่า จักกะจี้ ปล่อยผมนะคนบ้า!

    “ไม่มีทาง”คางามิมองใบหน้าหวานซึ่งกำลังหัวเราะคิกคัก ใบหน้าขาวขึ้นเสียงแดงฉานจากการหัวเราะ………… ทำไม ยิ่งมอง ยิ่งน่ารัก

    “น้า นะ…………..ผมจะไม่ไหวแล้วนะ”คุโรโกะได้แต่หอบหายใจถี่ๆ

    “ตรงไหนอีกดีน้า”ร่างสูงไล่มองตามเรือนร่างผอมบาง “ตรงเท้าสินะ”

    “อย่านะ ตรงเท้าไม่เอา”ร่างเล็กขยับหนี 

    “น่าสนุกชะมัด ถ้าฉันทำนายตรงนั้น นายจะเป็นยังไงน้า”

    “ผมก็จะใช้มันยันหน้านายไง !!!

    “อยากโดนแล้วสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”คางามิพูดทีเล่นทีจริงก่อนจับข้อเท้าข้างขึ้นของคุโรโกะขึ้น “เอาสิ ไหนบอกว่าจะยันหน้าฉันไง ฮึ”

    “ปล่อยนะๆๆๆ”

    “ไม่”สิ้นคำริมฝีปากร้อนๆก็ขบกัดตรงหน่องเรียวเบาๆก่อนสูงขึ้นจนถึงข้อพับ เขาขบหยอกมันเล่นเบาๆแต่สร้างความตกใจให้คนตัวเล็กไม่น้อย คุโรโกะไม่เข้าใจว่าคางามิต้องการทำอะไรกันแน่

    “นายจะทำอะไรน่ะ คางามิ”

    “ก็กำลังลงโทษนายอยู่ไง ถามได้”คางามิตอบอย่างไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนผิดกับคนผมฟ้าซึ่งใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อจู่ๆริมฝีปากร้อนของร่างสูงขยับสูงขึ้น สูงขึ้น มาทุกที เสียงหวานหลุดครางออกมาเบาๆแต่ต้องรีบกัดริมฝีปากตัวเองเอาไงเพราะกลัวคนผมแดงได้ยิน

    ………………..อะ…………..ตรงนั้น…………”ไหล่แคบกระตุกเฮือกเมื่อคากามิรุกเร้าขึ้นมาจนถึงซอกขาขาว เขาดึงกางเกงขาสั้นที่ขวางออกช้าๆจนถึงเข่าเหลือเพียงกางเกงขาสั้นที่ปกปิดร่างบางจากสายตาคมกริบนั้น คางามิเงยหน้ามองใบหน้าขาวซึ่งแดงระเรื่อ ริมฝีปากบางเผยออกเพื่อหอบหายใจหอบๆ ดวงตาสีฟ้าสดมีหยดน้ำตาใสๆเปรอะดูเย้ายวน

    “นี้นาย มีอารมณ์กับฉันรึไง?”

    “ปะ………….เปล่า……………..

     

     

    “พวกนายยยยยยยยยยยยยยย ฉันเอา บะ…………..บท……………”ริโกะที่ผลักประตูเข้ามาอย่างแรงต้องยืนหน้าเหวอเมื่อเห็นภาพตรงหน้า คนผมฟ้าในสภาพกึ่งเปลือยและร่างสูงผมแดงซึ่งกำลังจูบพรมซอกขาขาวสะท้อนในดวงตาสีหน้าตาล เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นแจ็กพล็อดอย่างนี้ โฮกกกกกกกกกกกก  (เป็นบุญตาของฉานนนนน)

    “ริโกะ!!!”คางามิรีบถอยห่างจากคุโรโกะก่อนดึงผ้าห่มมาคลุมตัวคนตัวเล็กเอาไว้ “เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”

    “พวกเราเคาะแล้วนะ แต่พวกนายไม่ยอมออกมาเปิดเอง แถมประตูไม่ได้ล็อค เราเลยถือวิสาสะเข้ามา”ฮิวกะตอบอย่างอึ้งๆ แต่คนที่ดูเหมือนจะสติแตกกับเรื่องนี้มากที่สุดคือคนหัวทองซึ่งเพิ่งวิ่งเข้ามาเมื่อกี้

    “คุโรโกะจิ ไม่น้าาาาาาาาาาาา เจ้าคางามิงี่เง่ามันทำอะไรนาย”คิเสะรีบตรงเข้าไปปลดเน็คไทที่พันธนาการร่างบางออก "มันจะข่มขืนคุโรโกะจี้ของฉันหรอ ไอ้คิงคองเอ๊ยยยยยยยย“

    “ไม่ใช่เว้ย!!!! ฉันไม่คิดพิศวาสเจ้านี้หรอก”คางามิตอบแทน

    “แล้วเมื่อกี้มันอะไรเล่า!!!

    “ก็……………..ก็แค่…………….”สายตาทุกคูกำลังจับจ้องไปที่คนผมแดงซึ่งคิดไม่ออกจริงๆว่าเมื่อกี้เขาตั้งใจจะทำอะไรกับคุโรโกะกันแน่ เมื่อกี้มันอารมณ์ไหนว้า “แค่เล่นกัน”

    “นี้แกเล่นแรงไปหน่อยนะ คางามิ”ริโกะตบไหล่ร่างสูงเบาๆ แต่ใครจะรู้ว่าเวลานี้เธอกำลังแอบยิ้มอย่างสะใจ หึ หึ หึ  ฉันน่าจะเอากล้องมา

    “ใช้ๆๆๆ แรงมาก”คิเสะติดกระดุมเม็ดสุดท้ายในคุโรโกะก่อนดึงคนตัวเล็กมากอดอย่างหวงแหนแล้วลูบผมสีฟ้าเบาๆเพื่อปลอบโยน  นั้นทำให้คางามิไม่พอใจเช่นกัน “ไม่เป็นไรนะ คุโรโกะจิ”

    “อืม ผมไม่เป็นไร อย่าไปว่าคางามิเลยนะครับ”

    “หึ น่าหมั้นไส้ซะมัด”เสียงทุ้มพึมพำ“เป็นห่วงกันเข้าไปเถอะ”

    “เออออออออออออ อย่าคิดทำอะไรอกุศลกับคุโรโกะจิของฉันแล้วกัน”

    “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่พิศวาสเจ้านี้!!

    “จำคำของนายเอาไว้ให้ดีล่ะ”

    “เออ”เสียงทุ้มประชด “แล้วพวกนายมีธุระอะไร”

    “พวกเราเอาบทมาให้นายสองคนน่ะ”ริโกะพูดพลางยื่นหนังสือเล่มหนาให้ทั้งคู่ “ปกสีฟ้าของคุโรโกะ ส่วนปกสีแดงของนาย อ่านแล้วรีบจำไว้ซะนะ”

    “เอ๋!!!..............................แล้วทำไมของฉันมันหนาจังเล่า”คางามิเหล่มองหนังสือปกสีฟ้าในเสือคนตัวเล็กอย่างอิจฉา นั้นมันแค่แผ่นกระดาษบางๆไม่เรียกว่าบทด้วยซ้ำ

    “ก็คุโรโกะไม่ค่อยได้พูดนิ”

    “ไม่ปงไม่เป็นล่ะ เจ้าชายอ่ะ ฉันจะเป็นเจ้าหญิงเอง”คางามิเอ่ยทำให้ทุกคนขนลุกเมื่อคิดสภาพคนอย่างคางามิใส่กระโปงฟูฟ่องเหมือนเจ้าหญิงในนิทาน

    “เจ้าบ้า!!”ริโกะตบหัวแดงๆอย่างแรง “แกเป็นบ้ารึไงฟะ”

    “ก็มันพูดน้อยนิ”

    “ถ้าแถเป็นแล้วใครมันจะกล้าดู”

    “เอาเถอะๆๆๆ ใครจะเป็นอะไรฉันไม่สนหรอกนะ แต่นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปทุกคนตั้งไปซ้อมที่เดิม เวลา สี่โมงเช้าถึงสี่โมงเย็นเข้าใจไหม”คิเสะตัดบท “เออ อีกแล้ว คืนนี้คุโรโกะจิต้องไปนอนห้องฉัน ฉันไม่ไว้ใจเจ้าคางามิ”

    “ทำไมคุโรโกะต้องไปนอนกับนายด้วย คิเสะ”ฮิวกะเอ่ยขัดคอ “ไปนอนกับคนอื่นก็ได้นี้”

    “พวกแก ฉันมันไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยรึไง”

    “ก็ใช่น่ะสิ”สองเสียงตอบพร้อมกัน

    “ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรมันเจ้านี้หรอก”

    “ให้มันจริงเหอะ”

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    “เอาล่ะ ฉากต่อไปๆๆๆ”เสียงตะโกนโหวกเหวกของริโกะดังเป็นระยะๆเมื่อการแสดงของฉากที่ผ่านมาจบลง เธอได้รับหน้าที่ผู้กำกับจำเป็นโดยทุกคนให้เหตุผลว่าเธอเสียงดังและน่ากลัวที่สุดในทีม “ต่อไปก็ฉากที่สามนะ ตอนที่เจ้าชายเอลแซตได้พบกับเจ้าหญิงครั้งแรกนะเฟ้ย”

    “เออ  ต่อไปๆเจ้าคิเสะเดินออกมาจากประตู”ยูกิโอะสั่ง เจ้านี้ได้รับนอกจากแสดงละครแล้วยังเป็นคนคุมช่วยริโกะอีกด้วยเพราะเขาดูพึ่งพาได้ที่สุด“แล้วต่อมาคุโรโกะก็เดินเข้ามาเหมือนกัน แต่ทำให้เหมือนคนตาบอดด้วย”

    “ครับ”คุโรโกะรับคำสั้นๆก่อนทำตามคำสั่ง คนตัวเล็กค่อยๆก้าวตรงไปยังคิเสะช้าๆเหมือนคนที่มองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง แต่เพราะมีพื้นไม้ที่เป็นรูทำให้คุโรโกะสะดุดแทบหน้าทิ่ม ถ้าไม่ติดตรงที่มีคิเสะคอยรับไว้ล่ะก็

    “ไม่เป็นไรนะ คุโรโกจจี้”คิเสะก้มกระซิบข้างคนในอ้อมแขน “ไปพักก่อนดีไหม”

    “ไม่เป็นไรครับ”ร่างเล็กผลักออกจากอ้อมแขนแต่ต้องทรุดลงอีกครั้งเมื่อความรู้สึกเจ็บแปรบจากข้าเท้ารวดแล่นเข้ามาทำร้าย

    “ดูสิ ไหนบอกว่าไม่เป็นไรไง”เสียงทุ้มเอ็ดเล็กน้อยก่อนช้อนอุ้มคนตัวเล็กขึ้น  “ไปพักก่อนนะ”รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้คุโรโกะ

    คิเสะตรงไปยังโต๊ะ ทุกคนในที่นั้นต่างกรูเข้ามาดูอาการของคุโรโกะกันจ้าละหวันเว้นเพียงคนผมแดงซึ่งนั่งมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกฉุนเฉียวอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งภาพที่คิเสะกำลังคุกเข่าตรงหน้าร่างบางและทายาบนข้าเท้าเล็กๆนั้น มันช่างบาดตาซะจริงโว้ย!!!!

    “อืมมมมมมม ดูสิ ข้อเท้านายแพลงนะ”

    “เจ็บ”คุโรโกะนิ่วหน้า

    “ขอโทษนะ”คิเสะมองใบหน้าขาวซึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “เดินไหวไหม”

    “ไหวๆๆ ไม่ต้องห่วงครับ”ใบหน้าหวานยิ้มกว้างให้กับคนผมทอง รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและไร้เดียงสา

    “คุโรโกะจิ ยิ้มอย่างนี้น่ารักนะ”

    “หะ….เห้..…ไม่หรอกครับ…..

    “จะจีบกันอีกนานไหม!!!!”คนผมแดงที่นั่งอยู่ไม่ห่างตะโกนถามด้วยความหงุดหงิด “เสียเวลา”

    “ผมว่าเราซ้อมต่อเถอะครับ นะ”คุโรโกะเอ่ยก่อนพยุงตัวลุกขึ้น “คิเสะคุง ถึงไหนแล้วนะ”

    “อย่าฝืนดี คุโรโกะจิ”คิเสะเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่หรอกครับ ผมยังไหว”

    “จริงนะ”ร่างเล็กยิ้มให้คิเสะแทบคำตอบ ร่างสูงได้แต่ถอดหายใจเหนื่อยๆ คุโรโกะจิเป็นอย่างนี้ทุกที ถึงจะเจ็บแค่ไหนปากก็บอกว่าไม่เป็นไร “นายมันหัวรันจริง”

    “ถ้าคุโรโกะยืนยันว่าจะซ้อมต่อฉันก็ไม่ขัดหรอกนะ แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกล่ะ เดือนหน้านายมีแข่ง ฉันไม่อย่างให้คนในทีมต้องบาดเจ็บเข้าใจไหม”ริโกะสั่งเสียงดุ

    “ครับ รุ่นพี่”

    “อืม งั้นก็เข้าที่ซะ ฉันจะซ้อมต่อแล้ว”

    “ครับ”

    “ข้ามฉันคุโรโกะกับคิเสะไปก่อนแล้วกัน เอาเจ้าคางามิเข้ามา ฉันจะซ้อมฉากต่อไป”

     

    “เดี๋ยวคะ”เสียงหนึ่งดังขึ้นหน้าประตู ทุกคนต่างหันตาม หญิงสาวผมดำยาวสลวยในชุดเดรสสีชมพูหวานหยดย้อยก้าวตรงไปหาคางามิที่นั่งอยู่ “คางามิ ฉันคิดถึงคุณจัง”เธอโอบรอบเอวร่างสูงอย่างไม่เกรงใจสายตาคนรอบข้าง

    “ใครปล่อยยัยบ้านี้เข้ามา”ริโกะส่งสายตาอาฆาตให้ฮิวกะ “ฉันบอกให้นายเฝ้าประตูไว้ไม่ใช่รึไงยะ”

    “นาโอมิ เธอมาทำอะไรที่นี้”

    “ฉันจะมาหาคนรักของฉันไม่ได้หรอคะ”

     

    “อ้วกว่ะ”ริโกะหันไปกระซิบกับคิเสะ เด็กหนุ่มพยักหน้ารับด้วยความเห็นด้วย ผู้หญิงอะไรช่างไร้ยางอาย“นายว่ามันจะคบกันได้นานแค่ไหน”

    “ฉันให้เวลาสามอาทิตย์”ฮิวกะเข้ามาร่วมวงสนทนา

    “ฉันให้สองอาทิตย์”คนผมทองแย้ง

    “อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ”คุโรโกะเอ่ยเสียงแผ่ว “เขาอาจจะคบกันนานก็ได้นะ”

    “พนันกันไหมล่ะ”คิเสะยกยิ้มเจ้าเล่ห์

    “พนันอะไรครับ”ดวงตาสีฟ้าช้อนมองร่างสูงอย่างสงสัย

    “”ก็ ถ้าเจ้าสองคนนั้นคบกันได้เกินสามอาทิตย์ ฉันจะยอมทำตามที่คุโรโกะจิทุกอย่างเป็นเวลาสามวัน”ร่างเสียงเอ่ยก่อนย่างสามขุมเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก รังสีอำมหิตบางอย่างแผ่ออมาจากด้านหลังของคิเสะ คุโรโกะพยายามถอยหนีคนตรงหน้าแต่ถอยจนหลังชนกำแพงเสียงแล้ว ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้ๆจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดบนแก้วใส “แต่ถ้าไม่ คุโรโกะจิต้องยอมเป็นของฉัน สามวัน เอาไหม ?”

    “ไอ้โรคจิต ออกมาเลย”ฮิวกะดึงคอเสี้อคนผมทองออก “แกนี้เผลอไม่ได้เลยนะ”เขาล่ะทนดูไอ้คนเจ้าเล่ห์ลวงเกินเด็กน้อยผมฟ้าไม่ได้ แต่มันยังทำอะไรไม่กระดากสายตาชาวบ้านชาวช่อง ดูสิคนอื่นเขามองกันทั้งโรงยิมแล้ว

    แต่หนึ่งในนั้นย่อมมีคนผมแดงด้วย  ดวงตาสีแดงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ มวลอารมณ์ซึ่งคางามิก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรประดังประเดเข้ามาทำให้จิตใจเขาว้าวุ่น เขาอยากจะตรงเข้าไปต่อยเจ้าคิเสะซักทีสองทีและดึงคุโรโกะออกมา แต่ทำไม่ได้เพราะมีมืออีกคู่ฉุดรั้งไว้

    “คางามิคะ เหม่อไรเนี่ย”นาโอมิสะกิดร่างสูงแต่เหมือนเขาจะไม่รู้สึก “คางามิ!!!

    “ฮะ………….มีอะไรหรอ”

    “นายได้ยินที่ฉันพูดไหมคะ”

    “เธอ…………..พูดอะไร……….

    “คางามิ!!! นี้นายไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยรึไงห๊ะ!!

    “ขอโทษที”

    “นี้คุณเหม่อหาใครอยู่!!”เธอตีต้นแขนคางามิอย่างแรง “ใคร!!!!!

    “เปล่า ไม่มีใคร”เสียงทุ้มตอบตัดรำคาญ

    “ไม่เชื่อ!!! เจ้านั้นใช่ไหม”เธอชี้มือไปยังคุโรโกะ “ไอ้หัวฟ้านั้นใช่ไหม ที่นายมอง!

    “ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่สิ (นี้ฉันยังไม่ได้ขึ้นเสียงเลยนะ - -“ให้ตายเถอะยัยนี้อารมณ์ร้ายจริงๆ)”

    “นาย ขึ้นเสียงใส่ฉันหรอ”เสียงหวานหวีดร้อง “หึ มันไม่จบแค่นี้หรอกนะ”เธอพึมพำกับตัวเองก่อนสะบัดตัวออกไปด้วยความไม่พอใจโดยหวังจะให้คางามิตามมาเหมือนครั้งก่อนๆ แต่มันไม่ใช่ ร่างสูงไม่ได้ตามเธอมาอย่างที่คิด คางามิยืนมองหญิงสาวด้วยสีหน้าเจ็บปวด

    ……………………ทำไมกัน……ทำไมถึงไม่วิ่งตามฉันมาล่ะ? ………………….

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×