ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket] เพราะผม..........คือเงา [KagaxKuro]

    ลำดับตอนที่ #14 : Quarter 10

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 56























    แพขนตาลืมขึ้นช้าๆก่อนกระพริบถี่ๆเพื่อไร้ความมึนงง ความรู้สึกปวดแปล้บที่สะโพกทำให้เขาต้องทรุดนอนลงอีกครั้งคุโรโกะหวนคิดถึงเรื่องสุดท้ายที่จำได้ มันคือภาพการกระทำอันโหดร้ายของคนผมแดงที่เขาพยายามจะลบเท่าไหร่ก็ลบไม่ออกซักที มือเล็กจับบนริมฝีปากที่ช้ำของตัวเองเบาๆ มันเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนถึงความอัปยศที่ได้รับ แต่ทำไมเขากลับเกลียดมันไม่ลงล่ะ
     

    “คางามิคุง ทำไมนายต้องใจร้ายกับผม”เสียงหวานพึมพำท่ามกลางความเสียในห้องสีขาวของโรงพยาบาล

     

    “แล้วอยากลืมรึเปล่าล่ะ?”เสียงทุ้มดังขึ้นจากอีกมุมหนึ่งของห้องที่ซึ่งคุโรโกะไม่ทันสังเกต ร่างหนึ่งเดินออกมาจากมุมมืดในห้อง รอยยิ้มและดวงตาสองสีแบบนั้นนี้ร่างบางจำมันได้ดี


                                                                                             “อาคาชิคุง”




     

     

    “ตกใจขนาดนั้นเชียว”ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ๆก่อนนั่งลงข้างเตียง “นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้เจอกัน เท็ตสึยะ”

    “ทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ครับ”คุโรโกะหลบสายตาเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้า เพราะมันทำให้เขารู้สึกกลัว

    “ก็แค่มาเยี่ยมน่ะ”อาคาชิเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ “แต่ดูเหมือนจะเจอเรื่องสนุกๆแล้วล่ะ”

    “อะไรครับ”คุโรโกะพยายามขยับตัวหนีแต่พอรู้ตัวอีกทีท่อนแขนแกร่งก็กอดเอวเขาไว้แน่เสียแล้ว “ปล่อยผมนะอาคาชิคุง”ร่างบางดันอกคนตรงหน้าให้ถอยห่างแต่ทำไม่ได้ นิ้วเรียวไล่เกี่ยวเชือกของชุดผู้ป่วยลงช้าๆจนสุด

    “นายคงเกลียดร่างกายตัวเองมากใช่ไหม เท็ตสึยะ”คำถามทำให้เหมือนดังมีดกรีดลงบนใจของคุโรโกะ……ใช่ เขาเกลียดร่างกายตัวเอง เกลียดริมฝีปาก เกลียดความรู้สึกในตอนนั้น แต่ทำไมเขากลับเกลียดคนที่ทำให้เกิดรอยพวกนี้ไม่ลง

    “หยุดนะ อาคาชิคุง”เสียงหวานร้องปรามเมื่อมือของคนผมแดงดึงเสื้อตัวเองลง “นายต้องการจะทำอะไรกันแน่”

    “ก็แค่อยากรู้ว่าเจ้านั้นทำอะไรกับนายมั่ง”เสียงทุ้มตอบก่อนเงยหน้าสบกับดวงตาสีฟ้าที่สั่นกลัว “ดูเหมือนเจ้าลิงนั้นจะทำร้ายนายไว้ไม่น้อยเลยสินะ”

    “อาคาชิคุง อย่าทำแบบนี้เลย”ดูเหมือนคำขอร้องของคนตัวเล็กจะไม่มีผลเมื่ออาคาชิดันคุโรโกะให้นอนราบไปบนเตียงก่อนก้มเลียริมฝีปากที่แดงช้ำอย่างแผ่วเบาจนอดหวั่นไหวไม่ได้

    “นายเกลียดเจ้าลิงนั้นไหม?”อาคาชิถามเสียงจริงจัง

    “ผมไม่เคยเกลียดคางามิคุงแต่ผมก็ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว”คุโรโกะเริ่มร้องไห้ “ทุกครั้งที่ผมอยู่กับเขา ผมมีความสุขแต่มันก็ทุกข์พอๆกัน”

    “แล้วอยากลืมไหมล่ะ?”

    “ครับ”ดวงตาสีฟ้าที่เต็มไปด้วยม่านน้ำตาสบกับคนที่ทาบทับเหนือร่างตัวเอง “ผมอยากลืมเขา”

    “งั้นฉันจะช่วยนาย”อาคาชิเปลี่ยนสีหน้ามายิ้มอ่อนโยน “ฉันจะทำให้นายลืมเจ้าลิงนั้นเอง”

    “จริงๆหรอ”

    “แต่ต้องมีของแลกเปลี่ยน”

    “อะไรครับ”

    “ก็ตัวนายไงล่ะ”ดวงตาสองสีมองร่างบางอย่างไม่ละสายตาไม่ว่าตอนไหนคุโรโกะยังหน้าหลงใหลไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะริมฝีปากหรือผิวขาวๆเขาก็อยากครอบครองไปซะหมด 

    “อาคาชิคุง”คุโรโกะเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ

    “ตกลงไหม”

    “ผม…………………..

    “ฉันสัญญาว่าจะทำให้เจ้านั้นหายไปจากชีวิตนายแน่นอน”

    “ได้ ผมตกลง”เสียงหวานตอบอ่อยอิ่ง ตอนนี้หัวใจของเขามันเจ็บจนด้านชาไปแล้ว ไม่ว่าจะอยู่กับใครมันก็ไม่มีค่าอยู่ดี ขอเพียงคางามิหายไปจากชีวิตไปก็พอ

    “ต้องให้ได้อย่างนี้สิ เด็กดีของฉัน”อาคาชิก้มหน้าลงไปอีกรอบก่อนจะประกบกลีบปากแดงนั้นแต่ถูกเสียงหนึ่งขัดไว้เสียก่อน

                                                      

                                                                                    “เท็ตสึยะ!!!

     

    บาดประตูถูกผลักเข้ามาอย่างแรงโดยคนผมเขียวที่เพิ่งรู้ว่าคุโรโกะฟื้นแล้วจากนางพยาบาลแต่พอเปิดประตูเขามากลับเห็นอะไรเกินคาด เขายืนค้างเติ่งอยู่ตรงประตูด้วยความตกใจ มิโดริมะไม่อยากเชื่อว่าจะเจออาคาชิในสภาพแบบนี้และที่สำคัญเจ้านั้นรู้ได้ยังไงว่าคุโรโกะอยู่ที่นี้

    “ชิ องครักษ์นายมาแล้ว”อาคาชิพูดอย่างเสียดาย “งั้นฉันไปล่ะ”

    “ดะ………….เดี๋ยว…..นายมา……”ยังไม่ทันจะพูดจบอาคาชิก็เดินออกประตูไปโดยไม่สนใจคนผมเขียว“เจ้านั้นไม่ได้ทำอะไรนายใช่ไหม”

    “ไม่ครับ”

    “เจ็บตรงไหนรึเปล่า”

    “ไม่ครับ”

    “ถ้านายเป็นอะไรไป เจ้าอาโอมิเนะเอาฉันตายแน่ๆ”มิโดริมะเข้ามาดูคุโรโกะอย่างเป็นห่วง “เออ………เจ้าคิเสะมันโทรมาบอกว่าเป็นห่วงนายมาก”

    “ฝากบอกคิเสะคุงด้วยว่าผมไม่เป็นไรครับ”

    “ไม่ต้องบอกหรอก เพราะเจ้านั้นนั่งเครื่องบินมาหานายแล้ว ตอนนี้ถึงถึงสนามบินแล้วล่ะมั้ง”ดวงตาใต้กรอบแว่นมองนาฬิกา “เจ้านั้นยกเลิกงานทุกอย่างเลยนะ”

    “คิเสะคุงต้องลำบากเพราะผม”

    “ไม่หรอก เจ้านั้นเป็นห่วงนายมากนะ”มิโดริมะถอนหายใจ “ส่วนเจ้าอาโอมิเนะว่าก็ไม่เป็นอันกินอันนอน ไม่ยอมซ้อมเอาแต่มาเฝ้านายเนี่ย”

    “ขอโทษนะครับ ที่ต้องทำให้ทุกคนลำบาก”

    “ไม่หรอก พวกเราเต็มใจช่วยนายเสมอ”

    “มิโดริมะคุง”คุโรโกะมองหน้าคนผมเขียวก่อนจะกอดเขาแน่น “ขอบคุณที่อยู่ข้างๆผมนะ”

    “นี้ จะร้องไห้ทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ”มิโดริมะปาดน้ำตาออกจากแก้มคนตัวเล็ก“ดูดิ ร้องไห้มากๆเดี๋ยวเป็นหวัดนะ”

    “ไม่เห็นเกี่ยวเลย”ร่างเล็กปาดน้ำตา

    “เกี่ยวสิ”

    “ไม่เกี่ยววววว ”

    “เอ๊ะ!!! คนป่วยอย่างนายจะรู้อะไร ฮึ!!”ร่างสูงพูดพลางดึงจมูกคนตัวเล็กไปมา “เข้า ใจ ไหม เจ้า บ้า”

    “มิโดริมะ ผมเจ็บนะ”

    “คราวหน้าอย่าเถียงฉัน”

    “ขอโทษก็ได้”คุโรโกะหน้ามุ่ย 

     

    “คุโรโกะจิ!!!!!!!”จู่ๆคนผมทองที่น่าจะอยู่ต่างประเทศก็ดันประตูเสียงดังปั้งเข้ามาและไม่วายดันมิโดริมะให้ออกห่างก่อนกอดคนบนเตียงแน่นด้วยความความคิดถึง  “นายเป็นยังไงบ้าง”

    “คิเสะคุง มาที่นี้ได้ยังไง”คุโรโกะถามพลางหันไปทางมิโดริมะ เขาบอกทุกคนแล้วว่าห้ามบอกคิเสะเด็ดขาดเพราะรู้ว่าถ้าคิเสะรู้เข้าจะต้องรีบกลับมาจากต่างประเทศมาหาเขา “มิโดริมะคุงบอกหรอ?”

    “ฉันเปล่านะ”

    “อาโอมิเนะเป็นคนโทรบอกฉัน”คิเสะตอบพลางหมุนไหล่คุโรโกะไปมาเพื่อดูว่าคนตัวเล็กไม่เป็นอะไรมาก “เจ้าคางามิใจร้ายนั้นทำร้ายอะไรนายบ้าง”คำถามทำให้คนตัวเล็กหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

    “คิเสะ”มิโดริมะเอาศอกกระทุ้งทองคนผมทอง“นายจะตอกย้ำทำไมว่ะ”เขากระซิบพลางกัดฟันกรอดๆ

    “ขอโทษนะคุโรโกะจิ ฉันลืมตัว”คิเสะขอโทษหน้าเศร้า

    “ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าคิเสะคุงหวังดีกับผม”ร่างบางยิ้มเศร้าๆ ยิ่งคิเสะเห็นใบหน้าแบบนั้นเขายิ่งรู้สึกเจ็บร่างสูงกอดคนตัวเล็กแน่นๆก่อนลูบเรือนผมสีฟ้านั้นเพื่อปลอบประโลม นั้นทำให้คุโรโกะรู้สึกอุ่นใจขึ้นไม่น้อย“ขอบคุณคิเสะคุง”

     

    ดวงตาสีน้ำเงินมองภาพนั้นผ่านกระจกประตู ความรู้สึกเจ็บเหมือนเข็มนับพันเล่มกำลังทิ่มแทง เขาอยากดึงคุโรโกะออกมาจากอ้อมแขนแกร่งของคนผมเหลืองและชกเจ้าคิเสะแรงๆแต่พอเห็นใบหน้าติดหวานยิ้มออกมามันทำให้เขาทำมันไม่ลง อาโอมิเนะถอนหายใจเหนื่อยอ่อน เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแพ้……………นี้หรือคือความรู้สึกของผู้แพ้ มันเจ็บปวดชะมัด

    “เท็ตสึยะ”อาโอมิเนะผลักประตูเข้าไปพร้อมกระเช้าดอกไม้ในมือ เขายิ้มกว้างเพื่อทำให้คนตัวเล็กสบายใจ“ฉันมาเยี่ยม อาการนายเป็นยังไงบ้าง ฮึ”

    “ไม่เป็นไรแล้ว”มิโดริมะรับกระเช้าดอกไม้ไปวางบนโต๊ะ

    “ฉันไม่ได้ถามแก”

    “อ้าววว  ฉันอุตส่าห์ตอบนะเฟ้ย”คนผมเขียวหยิบแอปเปิ้ลจากตะกร้าออกมา “ผลไม้พวกนี้ล้างรึยัง”

    “ยัง”

    “แกนี้มันไม่รอบคอบ ถ้าคุโรโกะกินขึ้นมาจะว่ายังไงแล้วแกทำไมไม่ปลอกมาเลย เจ้านี้จะได้กินง่ายๆ”มิโดริมะบ่นเสียงดังออกมาจากห้องน้ำ เขาจัดการปลอกเปลือกผลไม้ก่อนหั่นใส่จานเป็นชิ้นๆให้คนตัวเล็กได้กินง่ายๆ

    “โห้ย น่ากิน”คิเสะทำท่าจะหยิบแต่โดนคนผมเขียวตีมือไว้

    “ไม่ได้ นี้ของคุโรโกะ”

    “ใจร้าย”

    “ขอบคุณครับ มิโดริมะคุง”

    “กินดีๆล่ะ เดี๋ยวติดคอตายขึ้นมา”เขาหันไปหยิบน้ำมาให้คุโรโกะ

    “แหมะๆๆๆ ดูแลกันดีเหลือกเกินนะ”อาโอมิเนะประชดประชันก่อนส่งสายตาไม่พอใจ “อิจฉาโว้ย”ว่าแล้วอาโอมิเนะก็หยิบแอปเปิ้ลในจากไปกินเป็นการแก้แค้น

    “ฉันบอกให้คุโรโกะกินก่อน!!”มิโดริมะส่งจากให้คิเสะก่อนตบหลังคนผมน้ำเงินอย่างแรกเรียกสายตาไม่พอใจจากอาโอมิเนะ

    “แกตีฉัน ไอ้แว่น!!!

    “ก็เออดิ นึกว่าฉันเตะรึไงห๊า”

    “เดี๋ยวนี้แกเถียงฉันหรอ!!!

    “ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันเลย”คิเสะพยายามห้ามสงครามระหว่างทั้งสอง

    ดวงตาสีฟ้ามองภาพนั้นพลางหัวเราะเบาๆ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เห็นทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง………….

     

     



     

    คางามิเดินไปเดินมาอยู่ในโรงยิมท่ามกลางสายตาของเซย์รินที่ไม่เข้าใจว่าคนผมแดงจะทำอย่างนี้ทำไมหลายวันมานี้คางามิดูไม่มีสมาธิในการซ้อมและเอาแต่นั่งเหม่อตลอดเวลาเรียกได้ว่าอาการน่าเป็นห่วงมาก เมื่อสองสามวันก่อนก็เหมือนทะเลาะกับยัยนาโอมิยกใหญ่แล้วโดนตบจนหน้าหันมาแล้วด้วย ที่สำคัญคุโรโกะก็หายตัวไปอีกนี้มันวิบัติอะไรของเซย์รินกันแน่!!!

    “นี้ฮิวกะ ไปตามคางามิมาซ้อมเดี๋ยวนี้!!!”ริโกะสั่งเสียงดังทำเอาคนโดนสั่งสะดุ้งเฮือก “ถ้าตามมาไม่ได้ฉันจะตบนาย เข้าใจ๊”

    “ทำไมต้องฉันอ่ะ คนอื่นมีตั้งเยอะแยะ”ฮิวกะร้องครวญ

    “ก็นายเป็นกัปตันนิ”เด็กสาวยังคงตอบตัวน้ำเสียงอย่างเดิม “ไปๆๆๆๆ เดี๋ยวนี้”

     

    ทุกคนมองฮิวกะผู้โชคร้ายที่เดินเข้าไปในคางามิอย่างเป็นห่วง ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าใกล้คนผมแดงเกินสามก้าวจะโดรสายตาอาฆาตและรังสีเย็นยะเยือกพุ่งใส่จนหนีออกมาแทบไม่ทันและฮิวกะก็เป็นหนึ่งในนั้น

    “ฉันทำไมได้”

    “อะไรกันว่ะ นี้นายเป็นกัปตันจริงๆรึเปล่าเนี้ย”ริโกะบ่น

    “งั้นฉันยกตำแหน่งกัปตันให้อิสึกิเลย”

    “ไม่เอา ฉันอยู่อย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว”อิสึกิส่ายหน้ารัว“งั้นเธอก็ไปเองดิ”

    “ไม่ ฉันขี้เกลียด”

     

    “คางามิ!!!!”เสียงแหลๆของใครบางคนดังขึ้นตรงหน้าตูพร้อมกับร่างของหญิงสาวผมดำซึ่งก้าวเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ ในมือถือโทรศัพท์เครื่องแพงก่อนปามันลงพื้นอย่างอารมณ์เสีย เธอก้าวฉับๆไปที่คนผมแดงซึ่งนั่งเหม่ออยู่อีกฟากของสนามก่อนดึงไหล่ร่างสูงให้หันมาสบตาด้วย ท่ามกลางสายตาของทุกคนพวกเขารู้สึกถึงลางร้ายที่กำลังจะปรากฏ  

    “อะไร”คางามิถามเสียงเย็น

    “ฉันโทรไปทำไมไม่รับสาย!!! นี้รู้ไหมว่าฉันโทรมาเกือบสิบสายแล้ว”

    “อืม”เสียงทุ้มเอ่ยสั้นๆก่อนเดินหนี

    “อย่ามาเมินฉันนะ!!!

    “แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง”

    “ก็รับสายฉันซะสิ!!!!”นาโอมิตะโกนไล่หลัง

     

    RRRRRRRRRRR

    ริโกะที่กำลังสงครามระหว่างสองคนนั้นมารับโทรศัพท์ เบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอทำให้เธอแปลกใจเพราะมันเป็นเบอร์ที่เธอไม่คุ้นเคยมาก่อน แล้วใครจะโทรมาหาเธอ?

    “ฮัลโล่ ใคร”

                    [ฉัน อาคาชิ]

                    “อาคาชิ!!”เธอทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ทำไมอาคาชิถึงโทรมาล่ะ “นายมีอะไรรึเปล่า”

    [นี้ เธอไม่คิดมาเยี่ยมเท็ตสึยะหน่อยรึไง]

    “ทำไมอ่ะ”

    [ก็เจ้านี้อยู่โรงพยาบาล นี้พวกเธอไม่รู้หรอ??] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

    “ห๊า คุโรโกะอยู่โรงพยาบาล!!!

     

     

    วลีเมื่อครู่ทำให้คางามิหันขวับ เขาเดินตรงไปที่ริโกะโดยไม่สนใจหญิงสาวที่กำลังพร่ำด่าตรงหน้า“คุโรโกะเป็นอะไร!!!”เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
     

    “คะ…………..คือ”ริโกะอ้ำอึ้ง “คือว่าคุโรโกะ…………..”ยังไม่ทันสิ้นคำคางามิก็ฉวยโทรศัพท์ของเธอไปเสียแล้ว

     

    “คุโรโกะเป็นอะไร!!

    [คางามิ…………..]

    “ฉันถามว่าคุโรโกะเป็นอะไร!!!”คางามิถามเสียงดังขึ้น

    [นายก็น่าจะรู้ตัวดีนี้ ว่าทำอะไรเท็ตสึยะ]

    “นี้แก!!!

    [แทนใจดำสินะ……………แกรู้ไหมว่าเท็ตสึยะเจ็บปวดขนาดไหน แกรู้ไหมว่าเจ้านั้นร้องไห้กี่ครั้งแล้วมันเพราะใครล่ะ ก็เพราะแกไม่ใช่หรอ]

    “แล้วตอนนี้ เจ้านั้นอยู่ไหน”

    [โรงพยาบาล XXX]

    “ฉันจะไป”

    [พอเถอะคางามิ อย่าทำให้เท็ตสึยะต้องเจ็บปวดอีกเลย ออกจากชีวิตของเจ้านั้นไปซะ!!]

    “นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”

    [นี้ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นการของร้อง ถ้าแกรักเท็ตสึยะจริง อย่าทำให้เขาเจ็บปวดอีก]

    ………………รัก……………….”คางามินิ่งงันกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ก่อนที่อาคาชิจะวางสายไปทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดในใจของคนผมแดง

     

    “คางามิ!!! ฉันบอกว่าอย่ามาเมินฉัน”นาโอมิคว้าโทรศัพท์ริโกะก่อนโยนไปไกลๆโชคดีที่ฮิวกะรับทันทำให้มันไม่เสียหายอะไรนัก

    คางามิไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเด็กสาว เขาเอาแต่ยืนเงียบและนึกถึงเรื่องที่คุยกับอาคาชิเมื่อครู่นั้นยิ่งทำให้นาโอมิโกรธมากกว่าเก่า เธอดึงคางามิให้หันมาก่อนตบบนใบหน้าคมคายฉากใหญ่

    “เฮ้ยยยย ”หลายคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเอาแต่เฝ้ามองว่าคางามิจะโกรธไหมแต่ก็ผิดคาดเมื่อคางามิเงยหน้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม

    “นายเคยสนใจฉันบ้างไหม ห๊า!!! ฉันไม่น่ามาเสียเวลากับผู้ชายอย่างนายเลย ไทกะ คางามิ”


                                   

                                                
    “ถ้ามันเสียเวลานัก………………ก็เลิกกันเถอะ”



     

    คำพูดของคางามิทำให้หลายคนอึ้งไม่เว้นแม้แต่นาโอมิ เธอไม่เชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะกล้าบอกเลิกเธอ

    “นี้นาย บอกเลิกฉัน?”

    “ใช่”

    “คางามิ นายกล้ามาก ไม่มีใครเคยบอกเลิกฉัน!!!!!”เธอยิ้มเหี้ยม “หึ!! อยากเลิกก็เลิก แต่จำเอาไว้ใครก็ตามที่ทำฉันเจ็บ มันต้องเจ็บปว่าเป็นพันเท่า!!!!

    “ไม่มีอะไรเจ็บปวดอีกแล้วล่ะ เพราะฉันได้เจอสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวดที่สุด”

     

                                  
                                                “คนที่ทำให้ฉันเจ็บที่สุดคือนาย คุโรโกะ”



     

     

    ดวงตาสองสีลอบมองเหตุการณ์ที่เกิดผ่านทางช่องประตู ก่อนยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าช้าๆพลางยิ้มอย่างพอใจกับผลตอบรับที่เกิดคาดเมื่อครู่……………………………………….. “ฉันจะทำให้นายมีความสุขเท็ตสึยะที่รัก”   



    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    หลังจากดูคอมเม้นรู้สึกว่า "คางามิทำไม มุงเลวจังว่ะ" และก็สงสารคุโรโกะเบาๆ

    อาคาชิมาอล้วรู้สึก ฮึดๆๆๆ อยากแต่งต่อเร็วๆ เดี๋ยวตอนเย็นๆจะมาอัพเพิ่มอีกบทนะครับ ^________________^ 

    ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ อย่าเครียดๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×