ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket] เพราะผม..........คือเงา [KagaxKuro]

    ลำดับตอนที่ #12 : Quarter 8

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 56




















    เมื่อม่านสีแดงถูกเปิดขึ้น บทละครที่เป็นเหมือนดังชีวิตจริงก็ได้เริ่มบรรเลงไปช้าๆตามบทที่ทุกคนได้รับ “เจ้าหญิงจันทรา” เรื่องราวของเจ้าหญิงซึ่งเป็นเหตุของสงครามระหว่างสองประเทศ แม้จะเป็นเพียงเจ้าหญิงจากประเทศเล็กๆถึงทั้งอ่อนแอและตาบอก แต่เธอก็เป็นสาเหตุแห่งมหาสงครามซึ่งสุดท้าย สิ่งที่เหลืออยู่คือการสูญเสีย

    และฉากสุดท้ายของเรื่องนี้ คือ……………………………………..

     

    “ท่านราชาแอลแซต ปล่อยมือจากข้าเสียเถอะ”เสียงหวานเอ่ย ลมหายใจเริ่มแผ่วลงไปทุกขณะอย่างหน้าใจหายพร้อมๆกับผิวเนียนที่เย็นยืดลงเหมือนดังหิมะที่กำลังร่วงหล่นลงมา  แอลแซตหาได้สนใจความเยือกเย็นรอบกายไม่ สิ่งที่เขาสนคือร่างเล็กๆในอ้อมแขนกำลังจะจากไปต่อหน้าต่อตาเท่านั้น ร่างสูงตระกองกอดคนรักแน่นหวังเพียงให้ไออุ่นจากกายช่วยเพิ่มพูนลมหายใจให้กับเจ้าหญิง

    “ไม่ เจ้าต้องไม่เป็นไร!!!”แอลแซตก้มกระซิบข้างหูคนในอ้อมกอด กระแสเสียงสั่นเทาพร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ไหลรินรดอาบหน้าผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าจิตใจแข็งแกร่งดั่งภูผา  ยามนี้เขากลับต้องมาเสียงน้ำตาให้เจ้าหญิงน้อยผู้อ่อนแอ“สัญญากับข้าสิ ว่าเจ้าต้องไม่เป็นอะไร”

    “อ………..แอลแซต เรา………….”เจ้าหญิงน้อยพยายามเปล่งวาจาที่เหมือนจะกลืนหายพร้อมๆกับลมหายใจหอบถี่ “เรา…………ขอ………โทษ..

    “อย่าพูดยามนี้………………….”ราชาละล่ำละลัก

    “ไม่ได้หรอ แอลแซต……………..เจ้าก็รู้ว่าเราผืนชะตากรรมไม่ได้…..

    “ไม่!!!! ชะตากรรมอะไรนั้น ข้าไม่สน”เสียงทุ้มกระกาศกร้าว “ที่ข้าสนคือเจ้า……………………….

    “เรา………………ขอโทษ…………..ที่รักเจ้า………ฮึก……..ไม่ได้…..”คนตัวเล็กเอื้อนเอ่ยอย่างยากลำบาก มือเล็กๆลูบไล้ใบหน้าคร้าม เอลแซตเกลียด เกลียดสัมผัสอันเย็นชืดอย่างนี้จากร่างเล็ก

     

    “ชะตากรรม”

     

     “ได้โปรด เอาแสงสว่างของข้าคือมา”

     

    “ได้โปรด เอาชีวิตของข้าคืนมา”

     

    “ได้โปรด เอาหัวใจข้าคืนมา”

     “เจ้าไม่รักข้าก็ไม่ป็นไร แต่เจ้าห้ามตายนะ!!!

    “เราดีใจนะ ที่ได้พบเจ้า………………………………”รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าสวย “ขอบคุณ สำหรับทุกอย่าง”

    ร่างสูงก้มลงมองจุมพิตลงบนริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีอีกแล้วริมฝีปากอุ่นละมุนที่เขามักได้สัมผัส ไม่มีอีกแล้วพวกแก้มขาวซึ่งมักขั้นสีแดงเมื่อยามเขิน ไม่มีอีกแล้วเสียงหวานเชื่อมเสนาะหูซึ่งมักเรียกขานชื่อเขา ไม่มีอีกแล้วหญิงที่รักสุดหัวใจ เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าและเศษซากจากสงคราม

    “แคโล!!!!!!

     

     

    ดวงตาสีแดงฉาบประกายด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้ชายที่นั่งกอดร่างไร้วิญญาณของคนรัก เจ้าหญิงน้อยจากไปเสียแล้วด้วนน้ำมือของเขาเอง!!!  ดาร์ทเนตได้ตามองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจปวดร้าวยากเกินบรรยาย ทั้งๆที่แคโลรักเขาแต่เขากับไม่สนใจ ได้แต่ทำร้ายจิตใจคนตัวเล็กจนบอบช้ำ

     

    ………………..แต่เมื่อเสียนางไป เขากับเจ็บปวดจนแทบบ้า…………………

     

     

    “ถ้าข้ารักเจ้า ทุกอย่างคงไม่เกิด สงครามคงไม่เกิด และเจ้าจะไม่ตายแคโล”เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเอง “ข้าขอโทษ”

     

    แต่แม้จะเอ่ยขอโทษซักเพียงใด  ชะตากรรมก็ไม่เคยหวนกลับมา

     

    “มีคำหนึ่งที่ข้าคิดว่าเจ้าคงอย่าจะได้ยิน แคโล”

     

    “ข้า รัก เจ้า”

     

     

     

    ม่านถูกปิดลงช้าๆพร้อมกับโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่สิ้นสุดลง แต่สิ่งที่กำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้คือ ช่วงเวลาที่เลวร้ายกว่าการพลักพราก หนึ่ง ราชาแห่งแดงสว่าง และ อีกหนึ่ง ราชาแห่งความมืด ต้องทุกข์ทนอยู่กับความทรมานที่เรียกได้ว่าตายทั้งเป็นกับการที่ต้องอยู่กับความเดียวดาย 

     

     

     

     

     

    “เท็ตสึยะ นายกำลังจะไปไหน?”คำถามทำให้คุโรโกะสะดุ้งเฮือก ร่างเล็กหันมองต้นเสียงในทันทีคนที่เขาพบคือร่างสูงของอดีตคู่หูคนสำคัญนั้นเอง

    “อาโอมิเนะคุง”

    “นายกำลังจะไปไหน”อาโอมิเนะถามซ้ำ

    ……….…ไป……..…..”คุโรโกะเอ่ยเสียงแผ่วเบา  ก่อนหลบสายตาสีน้ำเงินนั้น “เดินเล่นรับลมครับ”คุโรโกะหลบตาคนตรงหน้า เพราะเรื่องครั้งตอนอยู่ทีมคิเซกิยังคงฝั่งใจ ทำให้เขาไม่อยากจบหน้าอาโอมิเนะอีก“ผมขอตัว”

    “เดี๋ยว”อาโอมิเนะจับใบหน้าติดหวานให้เงยสบตากับตัวเอง “จะรีบไปไหน”

    “ปล่อยผมนะครับ”

    “ทำไมล่ะ นายลืมฉันไปแล้วหรอ”

    “ผมไม่มีทางลืมอาโอมิเนะคุงได้หรอก”

    “แล้วทำไมล่ะ ทำไมต้องหลบหน้าฉัน”ร่างสูงยังคงซักไซ้ “เพราะเจ้าคางามิใช่ไหม นายรักมัน?”

    “อาโอมิเนะคุง…………………………..รู้ได้ยังไง”

    “สายตาของนาย มันฟ้อง”มือใหญ่ลูบใบหน้าติดหวานเบาๆ ตัวอาโอมิเนะเองก็พอจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของคุโรโกะและอาโอมิเนะจากปากของยัยริโกะและนั้นทำให้เขาเจ็บพอๆกับการที่คุโรโกะหนีมาเซย์ริน

    “อือ”ร่างบางรับคำสั้นๆแต่ดวงตาคู่สวยกับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอยากจะทนรับไหว “ผมรักเขา รักมาก………………….แต่เขาไม่รักผม”

    “งั้นนายมาอยู่กับฉันสิเท็ตสึยะ”อาโอมิเนะก้มจุมพิตหน้าผากมนเบาๆ “ถึงเจ้านั้นจะไม่รักนาย แต่ฉันรักนายนะ”

    “อย่าทำอย่างนี้สิครับ”แม้เสียงหวานจะร้องประท้วงแต่ร่างสูงก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการกระทำ เขาถือโอกาสที่ร่างเล็กเผลอโอบเอวบางก่อนดึงมาชินแนบกาย  ริมฝีปากประทับลงบนเรียวปากนุ่มของคนตัวเล็ก

     

     

     

    คางามิซึ่งกำลังเดินออกมานองงานเพื่อรับลมเย็นๆ หลังจากที่ลงมาจากเวทีเขาก็โดนสาวน้อยสาวใหญ่ล้อมเต็มไปหมดจนแทบหายใจไม่ออก พอมารู้ตัวอีกที คุโรโกะก็หายตัวไปเสียแล้ว ไม่รู้เพราะอะไรแต่สมองของเขามันสั่งให้ออกเดินตามหาคนตัวเล็กไปทั่วงาน  ดวงตาสีแดงสอดส่องไปรอบๆจนไปสะดุดอยู่ที่ร่างสองร่างซึ่งถูกต้นปิดบังเอาไว้ แต่เขาก็จำได้ทันทีว่าคนที่อยู่ตรงนั้นคือคุโรโกะ เร็วเท่าความคิดคางามิก็ตรงไปที่นั้นแต่ต้องหยุดนิ่งเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

    คุโรโกะ กับ อาโอมิเนะ กำลังจูบกัน!!!!

     

     สวบ!!!

    คนผมแดงแหวกต้นไม้เข้าไปก่อนดึงร่างเล็กให้ออกห่างคนผมดำ  ดวงตาแดงฉานฉายแววเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างสูงตรงเข้าไปประเคนหมัดลงบนหน้าคมคายของอาโอมิเนะอย่างไม่ยั่งมือจนคุโรโกะต้องเขามาห้าม

    “หยุดนะ!!!!”คุโรโกะตวาด

    “ทำไม!!!”คางามิตวัดตามอง “รักมันมากรึไง!!!!

    “หุปปากไป ไอ้คนไร้สมองอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาด่าฉัน”อาโอมิเนะดึงคุโรโกะไปด้านหลังก่อนปาดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก

    “คุโรโกะ มานี้!!!”คางามิตวาด เขาไม่ต้องการให้คุโรโกะอยู่ใกล้ตัวอันตราอย่างอาโอมิเนะ

    “ลิงอย่างแก”คนผมดำยิ้มเย้ย “มันโง่ คิดไม่เป็นรึไงว่านายเอาชนะฉันไม่ได้!!!

    “ลิงแล้วไงว่ะ!!!”คางามิทำท่าจะเข้าไปซ้ำแต่ถูกคนตัวเล็กขวางไว้ 

    คุโรโกะผลักคางามิจนล้มไปลงกองกับพื้นผิดกับดวงตาสีฟ้าจะฉายแววเจ็บปวด คนผมแดงได้แต่มองการกระทำเมื่อครู่อย่างอึ้งๆ นี้คุโรโกะยอมทำร้ายเขาเพื่อเจ้าอาโอมิเนะ……………………………

    “อย่ามายุ่งกับผมอีก!!!!

    “คุโรโกะ………………..

     

    “ผมเกลียดนาย!!!!

     

    สิ้นคำร่างเพรียวก็วิ่งออกจากที่นั้นทันทีโดยมีอาโอมิเนะวิ่งตามไม่ห่าง ดวงตาสีแดงเพลิงมองตามแผ่นหลังเล็กที่กำลังห่างออกไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันทั้งเจ็บ ทั้งเศร้าปะปนกันไปจนแยกไม่ออกแต่ที่แน่ๆคือหัวใจของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากมีเข็มนับพันทิ่มแทง น้ำเสียงสั่นสะอื้นที่บอกว่าเกลียดชัง ดวงตาสีฟ้าเปื้อนน้ำตา และการกระทำเมื่อครู่มันกำลังฆ่าเขาโดยไม่รู้ตัว

     

     

    “คุโรโกะ”

     

     

    เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ภายในสายตาสองสีที่ยืนนิ่งตรงพุ่มไม้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างมีชัยก่อนจะเดินหายไปในความมืด

    “เรื่องนี้น่าสนุกแล้วสิ”

     

     

     

    เม็ดฝนโปรยปรายลงมาท่ามกลางงานเทศกาลทำให้หลายคนต่างวิ่งหลบฝนกันชุลมุนพลางบ่นให้ฝนเจ้ากรรมที่ทำให้พวกเขาหมดสนุกแต่แม้ไม่มีเม็ดฝนมาขัดจังหวะ บางคนก็ไม่สนุกกับงานวันนี้เอาซะเลยเพราะมันน่าเบื่อ น่าเบื่อมากกกกกกกกกกก ร่างสูงของคนผมสีเขียวดินเอื่อยๆตากฝนไปยังที่ลับตาคน นี้ถ้าอาโอมิเนะไม่ลากเขามา เขาก็คงไม่มากให้หรอก แต่มันขัดไม่ได้จริงๆ

    มิโดริมะมาหยุดอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ซึ่งจำได้ว่าตอนเดิมผ่านมันมีศาลาม้านั่งที่พอจะหลบฝนได้อยู่ เขาคงนั่งเล่นอยู่ตรงนี้รออาโอมิเนะจนกว่าจะเลิกงานแล้วกัน คิดพรางหยิบหนังสือออกมาแต่เขาต้องชะมักเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นจากอีกฟากของศาลา………เฮ้ยยยยยยย……….ผี หรอ?  ถึงจะนั่งจินตนาการไปก็หลอกตัวเองเปล่าๆสู้เดินไปดูให้เห็นกับตาเลยดีว่า

     

    “คุโรโกะ”ภาพที่เห็นคือคนตัวเล็กกำลังนั่งร่างไห้สะอึกสะอื้นอยู่ มิโดริมะได้แต่ถอนหายใจหน่ายๆก่อนทิ้งตัวนั่งข้างๆคนผมฟ้า “เป็นอะไร”

    “เปล่าครับ”คนตัวเล็กหลบสายตา ก่อนรีบปาดหยดน้ำใสๆออก “แล้วมิโดริมะคุงมาทำอะไร”

    “ออกมาเดินเล่น”เสียงทุ้มตอบเรียบๆพลางอ่านนิตยสารในมือ โดยไม่สนใจคุโรโกะ “บอกฉันได้รึยังว่าร้องไห้ทำไม”

     “คือ……………………………..”คุโรโกะอ้ำอึ้ง

    “เรื่อง อาโอมิเนะล่ะสิ”ไม่ต้องบอกเขาก็พอจะรู้ว่าการที่คุโรโกะร้องไห้คงไม่พ้นเรื่องอาโอมิเนะแน่นอน เจ้าคนหัวรั้นนั้นชอบทำให้คุโรโกะร้องไห้ ถึงตัวเขาจะไม่ค่อยถูกกับคนตัวเล็กเท่าไหร่แต่พอมาเห็นสภาพนี้ก็อดสงสารไม่ได้

    มือใหญ่ลูบหัวร่างบางเบาๆอย่างเก้งๆกังๆ เขาไม่ค่อยปลอบใครจึงไม่รู้ว่าควรทำยังไงในสถานการแบบนี้

    “อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงไปหน่อยสิ………………………”มิโดริมะพยายามคิดหาคำพูดที่พอจะทำให้คุโรโกะหายเศร้าแต่สิ่งที่ออกจากปากมันไม่ตรงกับใจเล๊ยยยยย ให้ตายสิ

    “มิโดริมะคุง……………..”ดวงตากลมโตมองคนผมเขียวด้วยความแปลกใจ “ขอบคุณครับ”พูดไปแขนเรียวก็กอดคนตรงหน้าแน่นพลางซุกศีรษะเล็กลงบนอกก่อนหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน“ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ”

    “อะ…………….เอาสิ……………”ร่างสูงประหม่าไม่น้อยที่จู่ๆคนตัวเล็กก็เข้ามากอดแต่พอให้เห็นใบหน้ายามสงบอย่างนั้นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ เขาได้แต่รอบยิ้มบางๆกับตัวเองแล้วยกมือขึ้นลูบไล้เรือนผมสีฟ้าเพื่อปลอบโยน “มีอะไรก็ปรึกษาฉันนะ…………ยังไงซะ เราก็เป็นเพื่อนกัน”

    “ครับ มิโดริมะคุง……….”คุโรโกะตอบทั้งๆที่ตายังหลับ “ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”

    “ไม่เป็นไร”

    เพียงแค่นั้นบทสนทนาของทั้งครู่ก็ขาดช่วง คุโรโกะได้แต่นอนหลับตาอยู่บนอกของมิโดริมะส่วนเจ้าตัวก็เอาแต่อ่านนิตยสารในมือนิ่งๆแต่ตอนนี้ในใจเขาว้าวุ่นไม่น้อย ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้คุโรโกะนอนซบอกหรอกนะ แต่เขาทำตัวไม่ถูกต่างหากล่ะ ยิ่งเห็นใบหน้าน่ารักๆอย่างนั้นแล้วยิ่งอยากกอด อ๊ากกกกก………………………….

    คุโรโกะเหมือนจะเห็นท่าทางผิดสังเกตจึงเงยหน้ามองร่างสูงช้าๆ

    “ผมทำให้อึดอัดหรอ?”

    “เปล่าหรอก”คุโรโกะทำท่าจะลุกเพราะกลัวร่างสูงอึดอัดแต่ถูกมือใหญ่กดหัวไว้ “ไม่เป็น นอนไปเถอะถ้ามันทำให้นายสบายใจ”

    “แต่มิโดริมะคุง อึดอัด”ใบหน้าหวาเศร้าลง

    “ให้ตายสิ!! นายจะทำหน้าอย่างนั้นทำไม”มิโดริมะประคองใบหน้าติดหวานขึ้นให้สบตากับตัวเองพลางยิ้มกว้างๆให้ร่างเล็กที่กำลังอยู่ในอาการเศร้า “ถ้านายยิ้ม นางฟ้าแห่งโชคชะตาจะอวยพรนายนะ”

    “ครับ”คุโรโกะยิ้มฝืนๆให้คนผมเขียวแต่ร่างสูงก็ยังไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนดีดหน้าผากมนเบาๆ “ยิ้มไม่เป็นรึไง”เสียงทุ้มบ่นแล้วยกนิ้วดันแก้มขาวๆข้างหนึ่งขึ้นก่อนใช้มือข้างที่เหลือดันอีกข้าง “นี้เขาเรียกว่ายิ้มเข้าใจไหม”ใบหน้าที่มักเคร่งขรึมหลุดขำกับท่าทางตลกๆของคนผมฟ้า 

    “อย่าแกล้งผมสิ”คุโรโกะแก้มป่อง

    “ไม่ได้แกล้งซักหน่อย”

    “แต่นายทำอย่างนี้มันเจ็บนิ”เสียงหวานอิดออด

    “ขอโทษแล้วกัน”มิโดริมะถอดหายใจ “ว่าแต่ตอนนี้นายอยู่กับใคร เจ้าคางามิหรอ?”

    “ไม่ใช่ ผมอยู่กับคิเสะ”เสียงหวานตอบแผ่ว

    “ทำไมอ่ะ”

     “คือ…………………………..”ร่างบางอ้ำอึ้ง

    “ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร”คนผมเขียวพูดพลางยิ้มก่อนพูดเฉไฉไปเรื่องอื่น“ว่าแต่ วันนี้ฝนตกหนักแฮะ ไม่เห็นพยากรอากาศบอกเลยว่าจะมีฝนตก”

    “ครับ”คุโรโกะตอบพลางหายใจแผ่วๆ ร่างสูงเห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากของคนตัวเล็กแล้วก็สงสารแต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้ก็เพียงลูบหัวคุโรโกะเพื่อปลอบใจเท่านั้น

    คุโรโกะพิงหัวลงบนอกคนมิโดริมะอีกครั้งพลางหลับตาลง…………………………………  

    “หลับซะคุโรโกะ เดี๋ยวฉันพานายไปส่งให้เจ้าคิเสะเอง”

    “ขอบคุณครับ มิโดริมะ”

     

     

    สุดท้ายมิโดริมะก็ต้องมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องตัวเองพลางปากก็บ่นคนหัวทองที่มีถ่ายแบบกะทันหันทำให้เจ้าตัวกุลีกุจอขึ้นรถแต่ไม่วายหันมาสั่งให้เขาดูแลคุโรโกะแทนเพราะไม่กล้าฝากคนตัวเล็กไว้กับใครแม้กระทั้งคนในเซย์ริน ดวงตาสีเขียวมองร่างคนตัวเล็กในอ้อมแขนมีซึ่งหลับสนิทจนเขาไม่กล้าปลุก ทั้งผมสีฟ้าและตัวเล็กๆยังเปียกฝนอีกถ้าไม่รีบเปลี่ยนเสื้ออาจจะป่วยได้

    “ให้ตายสิ ได้บ้าคิเสะเอ๊ยยยยยยย”

     

    มิโดริมะว่างคุโรโกะลงบนเตียงอย่างเบามือ ควงตาใต้กรอบแว่นยืนคิดว่าเขาจะปลุกคุโรโกะมาอาบน้ำดีไหม เครื่องสำอางก็ยังไม่ได้ล้างเลย มือใหญ่สะกิดให้คนตัวเล็กตื่นแต่ท่าทางคุโรโกะจะไม่ยอมตื่นง่ายๆ…………

    “คุโรโกะ ตื่น”

    “อืมๆ………………….”คุโรโกะร้องในคอเนื่องๆก่อนจะพลิกตัวหนี

    “เฮ้!! ตื่นไปอาบน้ำสิ หน้านายยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางเลยนะ”

    “งืมๆๆ…………

    “นี้ ตื่นได้แล้ว ไม่งั้นฉันอุ้มนายเข้าห้องน้ำจริงๆนะ”มิโดริมะก้มกระซิบข้างหูคนตื่นยาก “ฉันพูดจริงๆนะคุโรโกะ”เขาเขี่ยแก้มใสๆเพื่อกวนให้ตื่นและดูเหมือนจะได้ผลด้วยเมื่อคุโรโกะขยับตัวหนีก่อนลืมตาขึ้นช้าๆ

    “เช้าแล้วหรอครับ?”คนผมฟ้าถามอย่างงัวเงีย

    “ยังไม่เช้าหรอก นี้เพิ่งเที่ยงคืนน่ะ”ดวงตาสีเขียวมองนาฬิกาบนผนังห้อง “แต่นายต้องไปอาบน้ำ”

    “ไม่อ่าววววววว ผมง่วงนี้”

    “เครื่องสำอางยังล้างไม่หมดเลย เดี๋ยวแพ้หรอก”

    “นั้นสิ”คุโรโกะแตะที่หน้าตัวเองเบาๆ “รู้สึกคันๆแล้วแฮะ”

    “งั้นก็ไปอาบน้ำ สบู่กับยาสระผมอยู่ในห้องน้ำนั้นแหละ ผ้าขนหนูอยู่ในตู้เสื้อผ้า”

    “ครับ”ร่างบางเดินตรงไปยังห้องน้ำเอื่อยๆ เพราะเรื่องวันนี้ทำให้เขารู้สึกเพลียมากจริงๆ

     

    ขณะที่กำลังนั่งรอคุโรโกะอาบน้ำ สายตาของมิโดริมะก็ไปหยุดอยู่ตรงโทรศัพท์มือถือของคนตัวเล็กซึ่งวางอยู่ข้างกระเป๋าบนโต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมาก่อนกดเปิดเครื่อง สายที่ไม่ได้รับก็เด้งขึ้นมาทันที่ที่เครื่องบู๊ทการทำงานเสร็จ หน้าจอขึ้นชื่อของ คางามิ เกือบๆสามสิบสาย

    “เจ้าคางามิมันเป็นไก่รึไง?”มิโดริมะมองชื่อสายที่ไม่ได้รับ “สามสิบสาม สายที่ไม่ได้รับ”ยังไม่ทันสิ้นคำโทรศัพท์ของคุโรโกะก็ดังขึ้นอีกครั้งและก็ไม่พ้นเจ้าของสามสิบสามสายแต่มิโดริมะก็กดตัดสายไปแล้วแต่สุดท้ายสิ่งที่ส่งมาคือข้อความฉบับหนึ่งจากคนผมแดง

     

    “คุโรโกะ ฉันขอโทษ”

     

    ดวงตาสีเขียวอ่านข้าความในโทรศัพท์พลางขมวดคิ้ว คนที่ทำให้คุโรโกะร้องไห้ไม่ใช่อาโอมิเนะ แต่เป็นคางามิ ถึงว่าเจ้าคุโรโกะไม่ยอมรับสายไอ้หัวแดงนั้นแถมยังปิดเครื่องหนี

    “คางามิ แกเองสินะที่ทำให้คุโรโกะร้องไห้”เสียงทุ้มพึมพำก่อนกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์มือกดลบข้อความทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนกดปิดเครื่องอีกครั้ง“สะใจชะมัด”

     

     

    “นี้คุเสะคุง จะกลับวันไหนหรอ”

    [ขอโทษน้า คุโรโกะจิ พอดีมีงานด่วนอาจจะอีกสองสามวันเลยล่ะ]

    “จริงหรอ”คุโรโกะถามเสียงเศร้า

    [อืม…….คุโรโกะจิจะเข้าห้องไหม เดี๋ยวฉันให้คนเอากุญแจมาส่งให้ก่อน]

    “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่กับมิโดริมะ คิเสะคุงไม่ต้องลำบากหรอก”

    [ไม่ลำบากน้า เพื่อคุโรโกะจิลำบากกว่านี้ฉันก็ยอม ฮ่า ฮ่า ฮ่า]

    ………..อะ……………อืม……รีบกลับนะ…….

    [คิดถึงฉันหรอ?]

    “เปล่าๆ คือการบ้านผมอยู่ในห้องคิเสะน่ะ”

    [คร้าบบบบบ เดี๋ยวจะรีบกลับไปหาคุโรโกะจิน้า]

    “ดูแลสุขภาพด้วยนะ”

    [คร้าบบบบ อ่ะ!! ผู้จักการเรียกแล้วฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย]

     

    คุโรโกะวางสายจากคิเสะก่อนถอนหายใจเบาๆเพราะคิเสะไม่อยู่เลยทำให้เขาไม่มีชุดเปลี่ยน ของมิโดริมะก็ตัวใหญ่เกินไป จะซื้อใหม่ก็เสียดายตังค์ค่าขนมที่แม่ให้มามีทางเดียวคือต้องกลับไปเอาที่ห้องคางามิแต่ว่าถ้ากลับไปตอนนี้ก็ต้องเห็นหน้าคนๆนั้นอีก…………………………..

    “เป็นอะไร คุโรโกะ”มิโดริมะซึ่งนั่งอ่านนิตยสารข้างๆเห็นความผิดปกติของคนตัวเล็กถามขึ้น

    “ไม่มีอะไรครับ”

    “โกหก หน้าอย่างนี้ไม่บอกก็รู้ว่ามีเรื่องไม่สบายใจ”

    “คะ………………………..คือเรื่องชุดนักเรียนผม ไม่มีเปลี่ยนแล้ว”

    “หืม? ฉันซื้อให้ก็ได้นิ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย”ร่างสูงเอ่ยเรียบๆ

    “ไม่เอาครับ ผมรบกวนมิโดริมะคุงมากแล้ว อย่าลำบากเพราะเลย”คุโรโกะรีบปฏิเสธ

    “ไม่เป็นไรหรอก”

    “เดี๋ยวผมกลับไปเอาที่ห้องก็ได้ครับ”

    “นายแน่ใจหรอ? ว่าจะกลับไปที่นั้น”คำถามทำให้คุโรโกะมองหน้าร่างสูงอย่างสงสัย เขาไม่ได้บอกมิโดริมะว่าทะเลาะกับคางามินี้

    “ครับ แค่แปปเดี๋ยวคงไม่เป็นไรหรอก”


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    สวัสดีคร้าบบบบบ หลังจากที่หายหน้าหายตาไปน๊านนาน ผมคนเดิมก็กลับมาแล้ว >/////< คิดถึงนักอ่านทุกคนนะครับ

    หลังจากนั่งแต่งตอนนี้แล้อยากให้มิโดริมะคุงเป็นพี่ชายผู้แสนดี แต่งไปก็แอบอยากมีพี่ชายแบบนี้มั่ง 555+  

    ปล.มีความสุขกับการอ่านนะครับทุกคน ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×