ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket] เพราะผม..........คือเงา [KagaxKuro]

    ลำดับตอนที่ #11 : Quarter 7

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 56



















    วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ในที่สุดวันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง  โรงยิมของโรงเรียนเซย์รินซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงานเพราะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะการแข่งขันเต็มไปด้วยนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศร่วมซึ่งตัวเซย์รินที่กำลังจัดร้านร่วงข้าวของไว้ขายให้แต่ผู้ที่มาร่วมงาน ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม มากมาย นับว่านี้เป็นงานช้างอีกงานของโรงเรียนเลยก็ว่าได้

    “โหววววววว งานใหญ่กว่าทีคิดอีกนะเนี่ย”ฮิวกะพูดพลางมองซุ้มต่างๆ

    “ก็แน่สิยะ นี้มันงานช้างนิ ทีมทุกทีมทั่วประเทศต่างก็มาร่วมตัวอยู่ที่โรงเรียนเรา”ริโกะตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจ สำหรับฮิวกะอาจไม่ค่อยเห็นงานอย่างนี้เพราะเซย์รินไม่เคยชนะการแข่งแต่กับเธอเห็นมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อเป็นนักวิชาการด้านกีฬาเลยได้ติดสอยห้อยตามพ่อบ่อยๆ“เออ ว่าแต่เราแสดงรอบไหนเนี่ย”

    “ก็รอบสุดท้ายอ่ะ”อิสึกิตอบ สองมือของเขาเต็มไปด้วยถุงขนมและแก้วน้ำที่ซื้อมาระหว่างเดิน“เจ้าคิเสะดันจับฉลากได้ที่สุดท้ายเลย”

    “เหลือเวลาอีกสามชั่วโมงก่อนถึงงานเลี้ยง ในเวลานั้นก็จะมีการแสดงไปเรื่อยๆ ฉันว่าฉันไปเตรียมของกันดีกว่า”

    “ก็เจ้าพวกคิเสะขนของมาหมดแล้วไม่ใช่หรอ”

    “ก็ใช่ แต่ฉันมีเรื่องที่ต้องไปเตรียมต่างหากน่ะ”ริโกะยิ้มอย่างมีเลศนัย “โฮะโฮะโฮะ”

    “อะไรของเธอเนี่ย”

    “ค่อยดูเถอะยะ”

     

     

     

     

    “เฮ้ย จะได้เวลาแล้วน่ะเฟ้ย!!! รีบมาสิวะเจ้าคิเสะ”ริโกะแหกปากด่าคนในโทรศัพท์จนคนรอบๆต้องหันมองเป็นตาเดียว เธอปิดโทรศัพท์ลงอย่างเซ็งๆก่อนหันไปบ่นกับฮิวกะ “ให้ตายสิ เจ้าคิเสะ นี้มันจะถึงเวลาแล้วนะ”เธอถลกกระโปงสีชมพูฟูฟ่องทิ้งตัวนั่งอย่างไม่สมกุลสตรี

    “เธอจะรีบร้องอะไรนักหนา อีกนานกว่าเราจะแสดงนะ”ฮิวกะเอ่ยพลางจัดเน็คไทให้เข้าที่ เขาอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตาเหมาะกับบุคลิกของเจ้าตัว ผมดำสนิทถูกเซ็ตให้เรียบแปล้ไปด้านหลัง

    “มันไม่ใช่เรื่องแสดงละครน่ะสิยะ”ริโกะตอบอย่างลืมตัว เธอรีบยกมือขึ้นตะคลุบปากตัวเองเอาไว้แน่น

    “เธอว่าอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ถนัด”

    “ป๊าววววววว”

    “เสียงสูง”

    “ไม่มีอะไรหรอกน่า”เด็กสาวรีบแก้ตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่สายตาลสีน้ำตาลหันไปมองคนที่กำลังเดินเข้ามา ร่างสูงในชุดสูทสีน้ำสนิทรับกับผิวแทน ข้างๆดันเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าบ้าเรื่องดวงสุดๆอย่างมิโดริมะ มาในชุดสีชมพูเด่นสะดุดเพราะสีวันนี้ของราศีกรกฏสีชมพู (อายแทนเนอะ)

    “พวกนาย มาด้วยหรอ”ฮิวกะเอ่ย

    “แน่นอน พลาดได้ยังไงล่ะ”อาโอมิเนะตอบ “แล้วเท็ตสึยะล่ะ”

    “แหม่ๆๆๆมาถึงก็ถามหาคุโรโกะเลยนะ ไม่คิดจะทักทายฉันมั่งรึไง”ริโกะประชด

    “หวัดดี”มิโดริมะ เอ่ยอย่างขอไปทีก่อนหันไปบอกให้อาโอมิเนะเข้าไปในงาน สงสัยเจ้านี้ยังโกรธเรื่องแพ้การแข่งอยู่มั่งเนี่ย

    “เออ”อาโอมิเนะรับคำสั้นๆก่อนขอแยกเข้าไปในงาน

    “เฮ้ยๆๆๆ ว่าแต่พวกนายแสดงละครเรื่องอะไรกัน”

    “ของฉัน โรมิโอกับจูเลียน ส่วนเจ้าอาโอมิเนะ ฉันไม่รู้อ่ะ”คนผมเขียวตอบ

    “ออ พวกเราจะรอดูนะ”

    “เหมือนกัน”

     

     

    “นี้ๆๆพวกเธอ ขอโทษที่ต้องทำให้รอนาน”คิเสะวิ่งกระหืดระหอบไปยังร่างของคนทั้งสอง ร่างสูงในชุดราชาเอลแซตสีขาวบริสุทธิ์และเสื้อคลุมสีเดียวกันขลิบปลายด้วยดิ้นทอง รับกับเรือนผมสีทองที่มัดรวบเอาไว้อย่างลวกๆ ทั้งหมดนั้นประกอบความสง่างามดั่งราชาจริงๆทำให้สาวๆมองเขาตาไม่กระพริบ

    “นี้!! แล้วคุโรโกะคุงของฉันล่ะยะ”มีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้สนใจกับความหล่อนั้น ริโกะตะโกนกรอกหูคิเสะเสียงดังจนเอามือปิดหูแทบไม่ทัน

    “เออ…………….คือว่ายังแต่งตัวไม่เสร็จน่ะ ช่างแต่งหน้าของฉันบอกว่าจะพาตัวมาทีหลัง”

    “ช่างแต่งหน้า ?”ฮิวกะทวนคำพลางเลิกคิ้วสูง “ทำไมต้องให้ช่างแต่งหน้าพามาด้วยล่ะ”

    “เออ…………………”ริโกะรีบปิดปากคิเสะแน่น

    “ออ ฉันให้คุโรโกะไปช่วยนางเอกแต่งหน้าน่ะเลยจะตามมาทีหลัง”คิเสะแก้ต่าง

    “จริง?”

    “จริงสิๆ ฉันว่าเรารีบเข้าไปในงานดีกว่านะ”ริโกะรีบดึงทั้งสองคนเข้าไปในงาน

     

     

    เสียงพูดคุยเงียบลงฉับพลันเมื่อร่างสองๆร่างปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูโรงยิมที่ถูกประดับไว้อย่างสวยงามราวกับซุ้มประตูในราชวัง ทุกสายตาต่างจ้องมองที่ทั้งสองเป็นตาเดียว ร่างสูงของคนผมแดงในชุดราชาดาร์ทเนส สีดำสนิทเหมือนรัตติกาล คอปกตั้งขลิบด้วยดิ้นสีทองยาวลงไปตามขอบเสื้อ กางเกงสีเดียวกันตรงเอวมีกระบี่ยาวเหน็บเอาไว้ เรือนผมสีแดงถูกปาดจนเรียบ ดวงตาสีแดงเพลิงฉายแววเย็นชาตลอดเวลาจนดูหน้ากลัวแต่ก็มีเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน นั้นคือคางามิ เซ็นเตอร์แห่งทีมเซย์รินที่ชอบทำตัวไร้สาระแต่บัดนี้ร่างสูงดูสง่าน่าเกรงขามผิดความจริงข้างๆกันเป็นหญิงสาวเรือนผมสีดำสนิทซึ่งถูกดัดเป็นลอนคลอเคลียบนไหล่และเนินอกขาวที่ถูกเปิดเผยจากชุดราตรีสีน้ำเงินแนบเนื้อยาวเหนือตัวเข้าเป็นประกายระยิบระยับซึ่งออกแบบโดยดีไซต์เนอร์มือดีของประเทศดวงตาสีนิทเรียวคมกริบเหมือนางพญากวาดมองคนโดยรอบอย่างพึงพอใจ เธอดึงแขนแกร่งของคนข้างๆเข้ามาควงก่อนยกยิ้มละลายใจหนุ่มๆ

    “สวยชะมัด”อาโอมิเนะพึมพำแต่มันไม่รอดพ้นประสาทหูของริโกะไปได้ เธอหันขวับไปยังคนผมดำ “เป็นผู้หญิงที่ บูม บูม มาก”ทุกคนแต่มองคนผมดำเป็นตาเดียว หื่นชะมัด!!!

    “ก็งั้นๆแหละยะ”

    “อิจฉาเขารึไง”ฮิวกะเอ่ย “แต่เจ้าคางามิก็หล่อใช่ย่อยนะ”

    “หึ ฉันหล่อว่าอีก”คิเสะบ่น

    “อ่ะจ้า นายน่ะหล่อเสมอพ่อคิเสะ”

    “อย่าไปชมเจ้านี้มาก เดี๋ยวมันลอย”โคงาเนอิตบไหล่คนหลงตัวเองแรงๆ “ใช่ไหมคิเสะ”

    “ไม่ใช่ซักหน่อย มันเรื่องจริงต่างหาก”

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าคางามิหล่อชะมัด ขนาดฉันเป็นผู้ชายยังยอมรับเลยว่ะ”อิสึกิมองร่างคนผมแดงอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่ “ยัยนาโอมิก็สวยจริงๆ”

    “หึ ฉันสวยกว่า”หญิงสาวพูดพลางมองทั้งสองที่กำลังเดินมาทางนี้

    “ว่าไง ทุกคน”คางามิเอ่ยทักก่อนหันไปทางอาโอมิเนะและมิโดริมะ “สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานนะ”

    “สวัสดี”อาโอมินะตอบ “เป็นไง”

    “ก็ดี”

    “แล้วเท็ตสึยะล่ะ”ทุกคนหน้าเศร้าลง ทันทีที่ได้ยินชื่อของคนตัวเล็ก “เท็ตสึยะเป็นยังไงบ้าง”

    “เจ้าคุโรโกะก็สบายดี”ริโกะตอบแทน

    “ออ แล้วเจ้าตัวไปไหนแล้วล่ะ”มิโดริมะ พูดพลางหันซ้ายหันขวามองหาร่างบาง

    “คงไม่กล้ามาล่ะมั้งคะ”นาโอมิแทรกขึ้นก่อนทำหน้าเบ้ “จู่ๆก็หายไปทิ้งบทไว้ให้คนอื่นเล่นอย่างนั้นน่ะ ทำตัวไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี”

    “เธอจะตอกย้ำคนอื่นทำไมนักหนา” ริโกะตะคอก

    “ทำไมต้องเสียงดังด้วยคะ ก็ฉันพูดความจริงนิ”

    “หึ มารยาสิ้นดี”หญิงสาวพึมพำเบาๆ “ว่าแต่เจ้าคุโรโกะเมื่อไหร่จะมาเนี่ย”

    “งั้นเดี๋ยวฉันลองโทรไปตามแล้วกันนะ”ฮิวกะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมากดเบอร์คนผมฟ้าแต่เสียงโทรศัพท์ของคิเสะชิงดังขัดก่อน

    RRRRRRR

     

     

    “ว่าไง”คิเสะเดินเลี่ยงไปคุยตรงบริเวณที่เสียงดังน้อยกว่า ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยผ่อยคลายเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด คิเสะลอบมองกลุ่มเพื่อนที่อยู่ไม่ไกลอย่างกังวน ร่างสูงยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าช้าๆแล้วเดินคอตกไปยังทุกคน

    “มีอะไรหรอ คิเสะ”

    “คือว่า……………………………..”ร่างสูงอ้ำอึ้ง “โรงพยาบาลเขาโทรมาน่ะ”

    “ห๊า !!! คุโรโกะเป็นอะไรหรอ”ริโกะอุทาน

    “คุโรโกะเป็นอะไร!!!!”ทุกคนดูร้อนรนแต่ไม่เท่ากับคนผมแดงซึ่งตรงไปขย้ำคอเสื้อแน่นคิเสะพลางถามเสียงกร้าวผิดกับดวงตาสีแดงที่กำลังสั่นระริกด้วยกลัวคนตัวเล็กจะเป็นอะไรไป “อย่างเงียบสิว่ะ!!!

    “ใจเย็นๆ”คิเสะยิ้มแหย่ๆกับการจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวของร่างสูง“คุโรโกะไม่ได้เป็นอะไรหรอก แต่นางเองละครเราตกบันไดขาหักน่ะ”

    “เฮืออออออ ก็บอกให้มันไว้ๆหน่อยสิเจ้าบ้า ฉันก็คิดว่าคุโรโกะเป็นอะไรไป”โคงาเนอิถอนหายใจยาว

    “พวกนายคิดกันไปเองอ่ะ”ดวงตาสีทองมองมือที่ยังขยุ้มเสื้อตัวเอง “แล้วนายจะปล่อยได้รึยัง คางามิ”

    “เออ”คางามิยอมปล่อยแต่โดยดี เขาโล่งใจไม่น้อยที่คุโรโกะไม่ได้เป็นอะไร

    “แล้วทีนี้เราจะทำยังไงกันดียะ นี้จะถึงเวลาแสดงของพวกเราแล้วนะ นางเอกก็ดันมาขาหักซะนี้”ริโกะบ่น “จะให้ใครมาแสดงแทนล่ะ”

    “นั้นสิ อย่างนี้ก็แย่เลย”อิสึกิลูบคางอย่างใช้ความคิด “ให้นาโอมิแสดงแทนได้ไหม”

    “ไม่ได้หรอกยะ ยัยนั้นน่ะ คนจำบทไม่ทันแน่ๆ”ริโกะตอบ

    “งั้นเธอก็แสดงแทนสิ”ฮิวกะเอ่ยอย่างไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน “เธอจำบทได้นิ”

    “อืม แต่ว่าฉัน……………………………”หญิงสาวหน้าแดง “อายนิ”

    “โถ้เว้ย นี้เธออายเป็นด้วยหรอ”อาโอมิเนะพึมพำเบาๆแต่จงใจให้ทุกคนได้ยิน

    “นี้ ฉันก็อายเป็นนะยะ!!

    “งั้น คุโรโกะเป็นไง”คิเสะโพลงขึ้น “ตอนอยู่ที่หอ คุโรโกะช่วยฉันซ้อมบทตลอดเลยนะ น่าจะจำได้”

    “จริงดิ!!

    “จริงดิ เดี๋ยวฉันโทรถามเจ้านั้นเลยก็ได้”

    “เอาสิ”

    เซย์รินต่างเป็นกังวลกับเหตุการณ์นี้ไม่น้อย ถึงคุโรโกะจะจำบทได้แต่จะแสดงได้รึเปล่าก็ไม่รู้โดยไม่มีใครสังเกตแววตาเจ้าเล่ห์ของริโกะและคิเสะ

     

     

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






     

    “เฮ้ย นั้นมันคุโรโกะใช่ไหม?”เสียงคุยซุบซิบเบาๆดังขั้นอีกระรอบใหญ่ สายตาทุกคู่หันขวับไปตามเสียงอย่างไม่ได้นัดหมายกัน ทุกคนต่างไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันเป็นความจริง ร่างของคนผมฟ้าเดินเข้ามาในโรงยิมด้วยความเขินอายจนแทบเอาหน้ามุดดินหนี  คนตัวเล็กในชุดกระโปงสีขาวบริสุทธิ์ยาวจนคลุมเข่า ไร้แขนเผยให้เห็นเรียวแขนขาวและผิวเนียนละเอียดเหมือนหิมะแรกของปี ปลายกระโปงเป็นลูกไม้และดอกกุหลาบฟูๆที่ทำอย่างประณีตเช่นเดียวกับด้านบนซึ่งเป็นเกาะอกแต่ดอกเล็กกว่ากันเล็กน้อย ตรงคอเป็นโบว์สีชมพูอ่อนจนเกือบขาวมัดไว้ ผมสีฟ้าอ่อนเหมือนท้องฟ้ายามเช้ากูประดับด้วยมงกุฎดอกไม้ซึ่งเน้นเป็นสีขาวและชมพูเป็นหลัก ผมที่ยาวออกมานิดหน่อยจากเมื่อก่อนมัดไว้เป็นแกะทั้งสองด้าน ดูรวมๆร่างบางดูไม่ต่างจากนางฟ้าตัวน้อยๆซึ่งหล่นลงมาจากสรวงสวรรค์ แม้แต่อาโอมิเนะยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ

    “เฮ้ยยยยยย”มิโดริมะ พึมพำอย่างเพ้อๆ “นายแม่งสวยเกินไปแล้ววววววววววว”

    “นั้นนายจริงๆหรอ………………….”ริโกะมองไปยังผู้มาใหม่ เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองและยอมรับว่าคุโรโกะสวยกว่าผู้หญิงบางที่เธอรู้จักซะอีก

    “คุโรโกะจิ”คิเสะถลาเข้าไปหาคุโรโกะก่อนทรุดนั่งคุกเข่าตรงหน้าคนตัวเล็กก่อนจุมพิตลงบนมือเล็กๆนั้นแผ่วเบาท่ามกลางเสียงซุบซิบรอบๆ“มาแล้วหรอ เจ้าหญิงของผม”

    “อย่าทำอย่างนี้สิครับ คิเสะ คนอื่นมองหมดแล้วนะ”คุโรโกะก้มกระซิบ

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็คุโรโกะจิน่ารักนิ”ร่างสูงจูงมือเด็กน้อยไปยังกลุ่มเพื่อนๆที่ยืนแข็งเป็นก้อนหินอยู่

    “อาโอมิเนะคุง”ร่างบางขยับเข้าไปใกล้ๆคนผิวแทนก่อนช้อนตามอง “นายมาด้วยหรอ?”

    “เท็ตสึยะ นายเป็นยังไงบ้าง”มือใหญ่จับลงบนหัวทุยก่อนยีมันเล่น “ฉันคิดถึงนายชะมัด”

    “ผมก็คิดถึงนาย”

    “อืม”อาโอมิเนะกว่างพลางดึงคนตัวเล็กมาก่อนให้หายคิดถึง “คิดถึงมากนะ กลับมาอยู่กับฉันเถอะ”

    “ผม…………………………”คุโรโกะไม่รู้จะตอบยังไง เวลานี้ถึงเขาจะคิดถึงอาโอมิเนะมากเท่าใดก็ไม่สามารถทำตามคำขอได้เพราะตอนนี้เขาเป็นคนของเซย์ริน

    “คุโรโกะคุงต้องอยู่เซย์รินเฟ้ย”ริโกะที่เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังลำบากใจเอ่ยขึ้น “ใช่ม่า ทุกคน”ทุกคนได้แต่พยักหน้าหงึกๆแทนคำตอบ

    “เจ้าหญิงน้อย ฉันว่าเราไปทางโน่นกันดีหว่านะ ดูสิมีขนมอร่อยๆที่นายชอบด้วย”คิเสะรีบจูงมือคุโรโกะไปจากหน้าอาโอมิเนะ เขากลัวว่าอาโอมิเนะจะคิดอะไรกับคนตัวเล็ก

    “เดี๋ยวสิวะ”คางามิรั่งข้อมือคุโรโกะเอาไว้ “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเจ้านี้”

    “ฮะ………เฮ้ๆๆๆ เจ้าหญิงของฉันไม่อยากคุยกับนายนะ”คิเสะตอบก่อนดึงร่างลางไปด้านหลัง “เลิกยุ่งกับคุโรโกะซักทีเถอะ”

    “แก…………….”คนผมแดงกัดฟันกรอดๆ “เจ้านี้เป็นคู่หูของฉัน”

    “แล้วไง? ก็แค่คู่หู”ดวงตาสีทองเย้ยมองคางามิซึ่งกำลังโกรธ “ไม่ใช่คนรักนิ”

    “ทั้งสองคน พอเถอะครับ”เสียงหวานปราม “คิเสะ ผมอยากกินขนมตรงโน่นแล้วไปกันเถอะ”สิ้นคำคนตัวเล็กก็เป็นฝ่ายดึงคิเสะไปยังมุมเครื่องดื่มเสียเอง

    “คุโรโกะ ทำไมนายต้องทำอย่างนี้ด้วย………………………………”เสียงทุ้มได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ “นายกำลังทำให้ฉันเป็นบ้านะเฟ้ย”

    “บางที กว่าที่คนคนหนึ่งจะรู้ความรู้สึกของตัวเอง…………มันก็สายไปซะแล้ว”ริโกะที่เหมือนจะได้ยินคำพูดของร่างสูงเอ่ยลอยๆท่ามกลางความเงียบและบรรยากาศตึงเครียด “เอาล่ะๆๆเราไปเตรียมตัวกันดีกว่า อีกแค่สองทีมก็ถึงตาเราแล้ว”

    “เออ เอาดิ”

    “ว่าแต่สองคนนั้นล่ะ”

    “ปล่อยเขาสองคนไปก่อนแล้วกัน”

     


     

     

    ………………….. “ กว่าจะรู้หัวใจตัวเอง มันก็สายไปซะแล้ว”…………………..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×