ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic kuroko no basket] เพราะผม..........คือเงา [KagaxKuro]

    ลำดับตอนที่ #10 : บทพิเศษ (ตอนจบ)

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 56


    ทุกคนเดินตามริโกะมายังบริเวณที่ไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านอย่างงงๆว่าเด็กสาวต้องการจะทำอะไรกันแน่ เธอหยุดยืนพลางกระตุกยิ้มบางๆบนใบหน้า ด้านหน้าเป็นคล้ายๆกะละมังซึ่งบรรจุน้ำสี แดง ฟ้า ดำ เหลือง เขียว ไว้ห้าลูก ดวงตาสีน้ำตาลฉายแววสนุกผิดกับหลายคนที่เริ่มเหนื่อยและอยากกลับห้องพัก ทำไมพวกเราต้องมาเจอชะตากรรมอะไรอย่างนี้ด้วยนะ

    “นี้เธอกำลังจะทำอะไร”ฮิวกะบ่นกะปอดกะแปด

    “ในเมื่อพวกนายตัดสินกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นคนพัก ฉันก็จะใช้เจ้านี้ตัดสิน”เธอหยิบปืนฉีดน้ำออกมา “ฉันจะแบ่งออกเป็นห้าทีมตามโรงเรียนที่นายอยู่ โรงเรียนไหนก็ตามที่เปียกเป็นคนสุดท้ายจะได้ห้องพักไป”

    “ห๊า!! งั้นฉันต้องอยู่คนเดียวหรอ?”คิเสะเอ่ย “ไหงงั้นอ่ะ”

    “ทำไงได้ แกอย่าปลีกวิเวกมาคนเดียวทำไมเล่า?”

    “โถ้…..คุโรโกะจิ ดูยัยนั้นแกล้งฉันสิ”คนผมทองทำท่าจะเข้าไปกอดคนตัวเล็กแต่โดนอาโอมิเนะดึงคอเสื้อเอาไว้

    “ยังไง?”

    “ตรงหน้าพวกนายคือน้ำที่จะใช้ในการแข่ง ชูโตคุสีเขียว คิเสะสีเหลือง อาโอมิเนะสีดำ เซย์รินสีฟ้าและ อาคาชิสีแดง ทีมไหนที่เปียกช้าคือผู้ชนะ แต่ฉันไม่บังคับ ใครจะแข่งก็แข่งส่งตัวแทนมาแล้วกัน”คำประกาศทำให้เด็กปีหนึ่งทั้งชูโตคุและเซย์รินร้องเฮ 

     

    “น่าสนุกดีนิ”อาคาชิกระตุกยิ้มเหี้ยม “เอาด้วยไหมอัตสึชิ”

    “อืมได้”

     

    “ชินจัง นายจะแข่งจริงๆหรอ”

    “เพื่อเกียรติของชูโตคุฉันจะเป็นตัวแทน”มิโดริมะก้าวออกมา ในมือถือไอเท็มประจำตัวนั้นคือน้องหมาใส่กระโปงฮาวาย ท่ามกลางสายตาเป็นประกายจากรุ่นน้องและทาคาโอะ นี้สิถึงเรียกว่าเสาหลังของชูโตคุ !!!“และแกก็ต้องไปกับฉันทาคาโอะ”

    “ง่า ไม่เอา”

     

    “นี้ฮิวกะ นายสนใจจะแข่งคู่กับฉันไหม?”คิโยชิหันไปถามคนข้างๆ

    “เอาดิ เพื่อห้อง”

     

    “คุโรโกะ เขาเอาด้วยไหม”

    “ไม่ ขี้เกลียด”

    “ไปแข่งกับฉันเถ๊อะ นายไม่แข่งฉันไม่มีกำลังใจ”คางามิดึงมือคุโรโกะให้หันมาทางตัวเอง “เชื่อใจฉัน ฉันจะไม่ทำให้นายแพ้”

    “คางามิคุง……………..”คุโรโกะสบตาคางามินิ่ง ก่อนจะเอ่ยเน้นทีและพยางค์ “นาย เชื่อ ใจ ไม่ ได้”

    “คุโรโกะ นายมันขวานฝ่าซากจริงๆ”

     

    “โมโมอิ เธอถอนตัวซะ ฉันขี้เกลียดแข่งคู่กับเธอ”

    “อะไรยะ อาโอมิเนะคุง ฉันก็อยากสนุกด้วยนิ”

    “ตัวถ่วงจริงๆ”

     

    “แล้วทำไมฉันต้องอยู่คนเดียวเนี่ยยยยยยยย”คิเสะซับน้ำตา “รู้อย่างนี้เอารุ่นพี่มาด้วยดีกว่า”

     

    “ฉันก็จะลงแข่งด้วย”ริโกะเอ่ย ที่เธอลงแข่งเพราะมีเรื่องที่อยากสะสางซักหน่อย

     

     

    และแล้วการแข่งขันสาดน้ำก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ !!!

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

     

    คิเสะเดินด่อมๆมองๆอย่างระมัดระวังในมือถือปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่สีเหลืองซึ่งซื้อมาจากร้านขายเมื่อครู่กว่าคิเสะจะผ่านฝูงชนที่เล่นน้ำตลอดทั้งสองข้างทางได้ก็กินเวลานานหลายนาทีโดยเฉพาะสาวๆที่รุมปะแป้ง ตอนนี้ทุกคนคงหนีกันไปไกลแล้วมีแต่เขานี้แหละที่ยังไปไม่ถึงไหน ก็งี้คนมันหล่อ………….

    ดวงตาสีเหลืองทองไปสบกับร่างคนผมม่วงซึ่งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางฝูงชน ด้วยขนาดตัวที่สูงผิดคนปกติทำให้เขาคนนั้นโดดเด่นและหาไม่ยาก คิเสะยิ้มเจ้าเล่ห์ เหยื่อของเขามาแล้ว เจ้านั้นกำลังยืนมองแม่ค้าขายขนมที่รถเข็นโดยไม่สนใจอันตรายรอบตัวเลยแม้แต่น้อยนั้นเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้โจมตี!!!

    “เอาล่ะ เขามาจบเกมกันเถ๊อะ เพื่อน”เสียงทุ้มพึมพำพลางกระชับกระบอกปืนขึ้นแนบอกแล้วเดินย่องๆเข้าไปใกล้คนผมม่วง “ประมาทอย่างนี้มันใช้ไม่ได้นะ”

    อัตสึชิไม่ได้รู้สึกถึงภัยร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่นาย เขามัวมองแม่ค้าทอดบางสิ่งในกระทะอย่างสนอก สนใจเป็นพิเศษ เมื่อเขาหันหลับไปอีกทีก็พบร่างคนผมทองยืนยิ้มร่าตรงหน้า ในมือเป็นกระบอกปืนฉีดน้ำซึ่งบรรจุของเหลวสีเหลืองไว้จนเต็มตั้งท่าจะโจมตีเขา แต่คนผมม่วงก็ยังคงทำหน้านิ่งพลางส่งขนมในมือให้คิเสะ

     

     

    “ไว้กินก่อนตายนะ……..

     

    สิ้นคำคิเสะก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ด้านหลังของตัวเองหยดน้ำสีแดงไหลลงเป็นสายเปื้อนเสื้อเชิ้ตสีขาวก่อนท่วมนองพื้น คนผมเหลืองไม่กล้าแม้แต่จะหันหลับไปมองว่าเกิดอะไรขึ้นเขาทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งหน้าซีดเผือกอย่างตกใจเท่านั้น “นี้มัน…………..”คิเสะทรุดลงไปกองกับพื้นพลางเงยหน้ามองมัจจุราชผมแดงตรงหน้า

    “ฟิ้ว………”อาคาชิเป่ากระบอกปืนตัวเองเบาๆ “ประมาทพวกฉันมาเกินไปนะ เรียวตะ”

     “ฉันแพ้……….

    “ฉันให้อัตสึชิเป็นเหยื่อล่อแต่ไม่คิดว่าจะมีคนตกหลุมพรางปัญญาอ่อนอย่างนี้จริงๆ”

    “เฮือกกกก ฉันตกหลุมพรางปัญญาอ่อนรึเนี่ย”

    “เอาล่ะพวเราไปหาเหยื่อรายต่อไปกัน”อาคาชิเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะสนคนผมเหลือง “ทิ้งพวกกระจอกไว้อย่างนั้นแหละ”

    “อืม ฉันเห็นขนมอร่อยๆตรงโน้นด้วย”

    “ถ้าเราชนะ ฉันจะให้รางวัลนาย”อาคาชิเอ่ยพลางยิ้มให้อัตสึชิ “อยากกินอะไรล่ะ”

    “นาย”

    “บ้า”

     

    ________________________________________________________________________

     

    “ฮิวกะ ฉันยังไม่เห็นพวกนั้นเลยอ่ะ”คิโยชิหันไปถามคนที่ตัวเล็กกว่า “รึจะโดนกำจัดไปหมดแล้วน่ะ”

    “ยังหรอก ฉันเชื่อว่าเจ้าพวกนั้นคงไม่แพ้ง่ายขนาดนั้น โดยฉะเพราะคนที่ชื่ออาคาชิ เจ้านั้นไม่ธรรมดาแน่”

    “เฮ้ย นั้นอะไรอ่ะ”คิโยชิชี้ไปทางคนผมเหลือซึ่งนอนหมดอาลัยตายอยากอยู่บนพื้นถนนโดยมีไทยมุม มุมดูด้วยความเป็นห่วง “คิเสะนิ ดูเหมือนจะแพ้แล้วด้วย”

    “เข้าไปดูเจ้านั้นหน่อยแล้วกัน”ฮิวกะดึงคิโยชิไปดูอาการคิเสะผู้น่าสงสาร

     

    “ฉันตกหลุมพรางปัญญาอ่อน ฉันมันกระจอก ฉันตกหลุมพรางปัญญาอ่อน ฉันมันกระจอก ม่ายยยยยย”ฮิวกะมองคิเสะด้วนสายตาสังเวชไม่คิดว่าเจ้าคนผมเหลือจะเป็นเอามากขนาดนี้ เขาก้มลงไปสะกิดร่างสูงเบาๆ

                    “กลับโรงแรมกันไหม เดี๋ยวเราพาไปส่ง”

    “ไม่อ่าววววว อย่ามาใกล้ฉัน เดี๋ยวเชื้อกระจอกติด”

    “ดูเหมือนเจ้านี้จะเป็นเอามากนะ เราเอาไปส่งที่โรงแรมก่อนเถอะ”ฮิวกะประคองคนผมทองขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะขนาดตัวค่อนข้างห่างกันเล็กน้อยและเพราะฮิวกะมัวแต่สนใจคิเสะทำให้เขาไม่ทันระวังตัว ดวงตาสีเขียวใต้กรอบแว่นซึ่งมองจากพุ่มไม้ข้างๆฉาบแว่วเย็นชาวูบหนึ่งก่อนเจ้าตัวจะยิ้มมุมปาง ปลายประบอกปืนโผล่พ้นจากพุ่มไม้เล็กน้อยสะท้อนกับแสงแดดแวววับ 

    ดูเหมือนคิโยชิจะรับรู้ถึงความผิดปกติเขาหันตัวกลับอย่างรวดเร็วแต่สายไปเสียแล้วเมื่อกระแสน้ำสีเขียวๆพุ่งตรงมายังคนผมดำตัวเล็กข้างๆ ร่างสูงตัดสินใจใช้ตัวรับภัยร้ายที่พุ่งมายังตัวฮิวกะโดยกอดคนผมดำแน่นจากด้านหลัง เป็นผลให้เสื้อของเขาโฉลมไปด้วยน้ำสีเขียวๆ

     

    “โอ้ยยย!!”คิเสะซึ่งถูกทิ้งลงอย่างไม่ใยดีกลับไม่นอนกลิ้งบนพื้นด้วยอาการหมดอาลัยเหมือนเดิม

     

    “คิโยชิ!!!”ฮิวกะเข้ามาประคองร่างสูงไว้เป็นตัก “นายเป็นอะไรมากรึเปล่า”

    “ขอโทษด้วยนะฮิวกะ แต่ฉันคงปกป้องนายไม่ได้อีกแล้ว เฮือกกกก…………….ฉันแพ้แล้วล่ะ”

    “ไม่ได้นะเว้ย นายจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ!!

    “อย่าร้องไห้สิฮิวกะ”

    “ไม่ได้ร้อง!! น้ำมันเข้าตาเฟ้ยเจ้าบ้า”

    “ฉันคงอยู่กับนายได้แค่นี้ลาก่อน”

    “ไม่น้าาาาา”

    “ฉันขอโทษ แอร๊ค…………….”แล้วคิโยชิก็สิ้นลมไปข้างๆคิเสะ (!!?!!)

     

    มิโดริมะมองโศกนาฏกรรมตรงหน้าโดยตัวเองเป็นผู้ก่อ เจ้าสองคนนั้นทำอย่างกะจะตายจากกันไปจริงๆอย่างนั้นแหละ เซย์ริมมันเวอร์อย่างนั้นทุกคนรึเปล่า?

     

    “พวกแก พวกแก พวกแก พวกแกกกกกกกกกกก!!!!!”ฮิวกะตวัดตาพลางระเบิดไอโกรธไปยังพุ่มไม่ซึ่งกำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว “ตายยยยยยย”คนผมดำคว้าปืนของคิโยชิและตัวเองมาถือไว้ในมือก่อนระดมยิ่งเข้าไปในพุ่งไม้อย่างไม่ยั่งมือ “แกตาย ตาย ตาย ตาย ตาย”

    มิโดริมะซึ่งต้องหนีตายสุดชีวิตพร้อมน้องหมาใส่กระโปงฮาวาย วิ่งเข้าไปในตรอกเล็กๆโดยมีฮิวกะวิ่งตามมาติดๆ และในที่สุดเขาก็จนมุมจนได้ คนผมเขียวพยายามคิดหาทางออกจากตรอกนี้แต่ก็ทำไม่ได้ กำแพงรอบตัวสูงเกินที่เขาจะปีนและตอนนี้หลังก็ติดกำแพงเสียแล้ว เงาสีดำดั่งมัจจุราชทอดยาวเหนือร่างมิโดริมะ “นี้ฉันกำลังจะหมดท่าจริงๆหรอ?”

     

    “แกต้องเจ็บปวดเหมือนที่คิโยชิโดน!!

    “อะไร ฉันยังไม่ได้ทำให้เจ้านั้นเจ็บเลยนะเฟ้ยยยยยย”มิโดริมะเถียง “นั้นมันน้ำเขียวไม่ใช่รึไง?”

    “เตรียมตัวตายยยยย!!”ก่อนที่น้ำสีฟ้าจากปืนจะออกมาจากประบอกปืน เงาบางอย่างลอยผ่านหัวทั้งสองไปพร้อมกับรถซึ่งลงมาจอดขวางระหว่างฮิวกะและมิโดริมะพร้อมฝุ่นตลบอบอวนไปหมด

     

    “ซาเล้ง!!!

     

    “ชินจัง!!!!”ทาคาโอะรีบเข้าไปประคองมิโดริมะในระว่างที่ฮิวกะไอแค่กๆเพราะฝุ่น “ขึ้นมาเร็วววววว”

    กว่าฮิวกะจะรู้ตัวทั้งสองก็ขับซาเล้งซึ่งทาส(รัก)อุ๊บ……….ทาคาโอะไปยืม (ขโมย) ลุงตรงปากซอยมาใช้ชั่วคราวหนีไปเรียบร้อยแล้วเห็นเพียงกระโปงพริ้มๆของน้องหมาเป็นการเยาะเย้ย แต่มีหรือที่หนุ่มแว่นผมดำของเราจะยอม แต่จะให้วิ่งตามไปดูเหมือนจะไม่ทัน ฮิวกะหันซ้ายหันขวาก่อนจะรถมอไซต์คันหนึ่งซึ่งมีคนใส่เสื้อกั๊กสีส้มสะท้อนแสง

    “เพ่!! ไปไหนวันนี้สงกรานต์ผมลดให้ ยี่สิบบาท”

    “แกพูดอะไรว่ะ!!”ฮิวกะพึมพำกับตัวเองแต่ดูท่าทางเจ้านี้อยากไปส่งเขา เอาก็เอาๆ!! เพื่อคิโยชิ เขาชี้ที่รถซาเล้งเป็นเชิงให้ตามไป

    “วินจัดให้!!!

    วินมอไซต์บิดคันเร่งจนเข็มไมล์ชี้เลข 100 km/hr แต่ทำยังไงก็ตามซาเล้งตรงหน้าไม่ทันซักนี้ นับว่าสกิลการปั่นของทาคาโอะนับว่าอยู่ในระดับสูงเกินมนุษย์ปกติทั่วไปเพราะฝึกฝนทุกวี่ทุกวัน นั้นคือข้อดีที่เขาเป่ายิงฉุบแพ้มิโดริมะบ่อยๆ “ไอ้ซาเล้งคันนั้นมันทำได้ยังไง”

    “มิโดริมะ ฮิวกะตามเรามาแล้วนะ”

    “ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง”คนผมเขียวเทน้ำบางส่วนจากกระบอกปืนลงไปยังลูกโป่งสามลูกซึ่งติดกระเป๋ามาก่อนมัดปาก เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางโยนลูกโป่งน้ำเล่น “ชะลอความเร็ว”

    “ได้”คาทาโอะหยุดปั่นทำให้ซาเล้งของพวกเขาลงความเร็วลงจนเท่ามอไซต์ของฮิวกะ ลูกโป่งน้ำถูกโยนเข้าใส่     ฮิวกะแต่เขาหลบได้เฉียวฉิว

    “แกๆ!!”ฮิวกะตอบโต้โดยฉีดน้ำใส่

     

    ศึกดวลระหว่างรถสองคันไม่สามารถรอดพ้นสายตาของชายในชุดสีกากีซึ่งตั้งด่านตรวจอยู่ข้างทาง กล้องตรวจจับความเร็วบอกถึงความเร็วของรถทั้งคู่ “มีค่ากาแฟแล้วเรา”

    “พี่ๆๆ น้ำมันผมนะหมดแล้วนะครับ”

    “นี้มิโดริมะ ฉันเหนื่อยแล้วววววว”ทาคาโอะบ่น

     

    เสียงหวอดังตามหลังรถทั้งสองคันทำเอาเจ้าของรถสะดุ้งเฮือกก่อนเร่งสปีดให้เร็วขึ้นเพื่อหนีการจับกุมจากตำรวจ

    “หยุดนะพวกเธอ”

    “เขาพวกอะไรอ่ะ มิโดริมะ”

    “ฉันจะไปรู้ไหม? ฉันไม่ใช่คนไทยนะเว้ย!!

    “ดูเหมือนเขาจะจับเราเลยนะ”

    “ช่างมัน ตอนนี้คือเราต้องเอาชนะเจ้านี้ให้ได้”

    “เฮ้ยยยยย มิโดริมะ ตุ๊กตาหมาน้องของนายล่ะ”ทาคาโอะหันไปถามคนผมเขียวทำให้เขาเหมือนจะคิดได้          มิโดริมะหันไปมองตุ๊กตาหมาที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้ารถ หมาน้อยเปรอะไปด้วยน้ำสีฟ้าเรียกหยดน้ำให้ไหลจากดวงตาของร่างสูง

    “น้องหมาของฉานนนนนนนนน”มิโดริมะทรุดนั่งบนซาเล้งพลางตระกองกอดมันไว้อย่างหวงแหน “หมาน้อยยย”

    “เฮ้ๆๆๆ มีสติหน่อยสิ นายกำลังสู้กับฮิวกะอยู่นะ”

    “ไม่ ฉันแพ้แล้ว ฉันแพ้แล้ววววววว น้องหมาของฉันตายแล้ว”

    “แต่นายไม่ตายซักหน่อย”

    “นายจะเข้าใจอะไรเล่า!! ฉันกำลังจะโชคร้าย”

    ทาคาโอะได้แต่ถอนหายใจกับสภาพของเพื่อนแต่เพื่อห้องพักและชูโตคุเขาต้องชนะการแข่งนี้ให้ได้ คนผมน้ำตาลตัดสินใจภายในเสี้ยววินาทีหันหลังกลับไปพร้อมๆสายน้ำเขียวพุ่งทะยานข้ามหัววินมอไซต์ไปโดนฮิวกะเต็มๆ

    “เยสสสสส”ทาคาโอะร้องอย่างดีใจก่อนหันกลับไปแต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือชายในชุดสีกากีราวๆห้าคนตั้งด่านกักเอาไว้ เขาเบรกจนตัวโก่งเพื่อไม่ให้ชนราวกั้นตรงหน้าทำให้คนผมเขียวซึ่งนอนกอดตุ๊กตาหน้าทิ่มไปด้วยส่วนฮิวกะนั้นหันหัวรถกลับไปอย่างไม่ใยดีและไม่วายบ๊ายบายทั้งคู่ ทิ้งให้ตัวแทนชูโตคุประจัญหน้ากับตำรวจเพียงลำพัง

    “โชคดี เพื่อนนนนนนนนนนนนน”

     

    “มิโดริมะและทาคาโอะถูกปรับแพ้เพราะสร้างความเดือดร้อนในคนอื่น”

     

     

    จากการแข่งขัน คนที่เหลืออยู่คือ

    อาคาชิและอัตซึชิ

    คุโรโกะ คางามิ

    อาโอมิเนะและโมโมอิ

    และสุดท้ายริโกะ

      

     

     

     “ในที่สุดเราก็ได้ดวลกันซักทีนะ โมโมอิ”

    “นั้นสิ ริโกะ ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว”

    เสียงท้าทายดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดของผู้คนโดยรอบ ขนาดคนไทยที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นดูแล้วยังเครียดตามไม่น้อย หญิงสาวร่างอรชรสองคนยืนประจัญหน้ากัน ในมือพวกเธอมีอาวุธที่คนใช้สำหรับสาดน้ำครบชุด ดวงตาทั้งสอบสบกันนิ่งถ้าคุโรโกะมองไม่ผิดเขาเห็นสายฟ้าเปรี๊ยะๆระหว่างทั้งสองด้วย

    คางามิ คุโรโกะ อาโอมิเนะตกลงสงบศึกกันชั่วคราวเพื่อหยุดดูการแข่งระหว่างดอกไม้งามแห่งสองทีม เซย์รินส่ง  ริโกะ หญิงสาวผู้แข่งแกร่งเหนือหญิงใดในโรงเรียน เธออยู่ท่ามกลางชายหนุ่มมากมายมาตั้งแต่เกิดจึงทำให้เธอนิสัยคล้ายผู้ชายโดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจยิ่งเหมือนผู้ชายเข้าไปใหญ่ (Writer: โดนตบ - ,, -)

                    ส่วนอีกฝ่ายโมโมอิ เธอคือเด็กสาวอัจฉริยะผู้สามารถรวบรวมข้อมูลของคู่ต่อสู้ได้ละเอียดและแม่นยำแต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ หุ่น 36-24-ผิดกับริโกะริบลับ ใบหน้าน่ารักๆและผมสีชมพูสลวยมัดใจหนุ่มที่ยืนเล่นน้ำอยู่รอบๆ 

     

                    “แค่หน่มน้ม เธอก็แพ้ฉันแล้ว ริโกะ”

                    “อย่าวัดกันที่หน้าอกหน้าใจสิยะ มาวัดที่ความสามารถดีกว่า”สิ้นคำ ริโกะตีลังกากลางอากาศเรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนโดยรอบ น้ำสีฟ้าออกจากปลายกระบอกปืนเป็นภาพสโลว์และพุ่งไปที่เด็กสาวผมชมพูแต่โมโมอิไหวตัวทัน เธอหมุนตัวหลับได้อย่างสวยงาม

    “เก่งนะ แต่ยังไม่พอ!!!”โมโมอิตะโกนพลางกลับหลังฉีดน้ำใส่เด็กสาวผมสั้นที่ลอยค้างบนอากาศในเสี้ยววินาที เวลานี้เธอไม่สามารถหลบได้เลย ริโกะคิดหนักว่าจะหลบน้ำนี้ยังไงพลันก็จำได้ว่ามีผ้าเช็ดหน้าอยู่ในกระเป๋า เธอกระชากมันออกมาให้แผ่กลางอากาศเพื่อบังตัวเองและน้ำที่พุ่งตรงมาก็โดนผ้าเช็ดหน้านั้นพอดี “ชิ โชคดีล่ะสิ”

    “หึ เธอก็ไม่เบาแต่ก็ยังสู้ฉันไม่ได้”เด็กสาวผมน้ำตาลดีดตัวจากพื้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้พุ่งไปยังโมโมอิโดยที่คนผมชมพูไม่ทันได้ตั้งตัว

    “ฉันไม่ได้มีแค่นี้เหมือนกัน”โมโมอิก็พุ่งตรงไปยังริโกะเหมือนกันโดยไม่กลัวเกรงคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย “ระวังตัวให้ดี ริโกะ”

    “อย่าหวังว่าจะชนะฉัน”เด็กสาวผมน้ำตาลกระตุกยิ้มพลางเบี่ยงตัวหลบทำให้โมโมอิพลาดเป้าและล้มหน้าคว่ำ   ริโกะใช้โอกาสนั้นโจมตีคนผมชมพู แต่โมโมอิไหวตัวทันจึงหลบได้เฉียดฉิว

    เด็กสาวสองคนผลัดกันรุกผลัดกันรับโดยไม่มีใครยอมใคร จนทั้งคู่เหนื่อยหอกแฮ่กๆและเปรอะเปื้อนไปด้วยดินจากการล้มกลิ้งไปกลิ้งมาแต่แม้จะเหนื่อยแค่ไหนพวกเธอก็ไม่มีทางยอม สามบุรุษนั่งมองเด็กสาวตัวสั่น ไม่อยากเชื่อว่าพวกเธอจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจจริงๆที่ยัยพวกนี้ไม่มีแฟน นี้ขนาดเล่นน้ำนะเฟ้ย!!!

     

    ………..น่ากลัวเป็นบ้า………………

     

    ในที่สุดการแข่งขันก็เกือบมาถึงจุดสิ้นสุดเพราะน้ำในกระบอกปืนของทั้งคู่เหลือเพียงนิดเดียวและเพียงพอแค่ยิงกันคนละนัดเท่านั้น เด็กสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เราจะพลาดไม่ได้ เอาล่ะตัดสินตัวต่อตัวแล้วกัน!!!”ทั้งสองคิดในใจก่อนกระโดดออกจากที่กำบัง น้ำสีฟ้าและดำพุ่งออกจากปลายกระบอกเป็นภาพสโลว์ ทุกคนต่างหยุดหายใจชั่ววินาที ดูว่าใครเล่าจะเป็นฝ่ายชนะ ต่อไปนี้ต้องพึ่งดวงแล้ว!!…………………….

     

    “แปะ”น้ำจากริโกะลอยไปโดนเสื้อของโมโมอิพอดิบพอดีแต่น้ำสีของโมโมอิล่ะ โดนใคร ?

     

    “อัตสึชิ!!!

     

    คนผมม่วงมองเสื้อตัวเองอย่าง งงๆ น้ำสีดำตรงตำแหน่งหัวใจไหลย้อยไปเปื้อนขนมในอ้อมแขนคนตัวสูง เขาแค่เดินออกมาล่อเหยื่อให้อาคาชิเองนะ?

    “อัตสึชิ!!”อาคาชิที่ซุ่มอยู่มุมตึกพึมพำกับตัวเอง เพราะเขารู้ว่าริโกะกับโมโมอิต้องสู้กันจึงให้อัตสึชิไปล่อเจ้าคางามิกับอาโอมิเนะออกมาจัดการก่อนแล้วค่อยไปจัดการพวกที่เหลือทีหลัง ใครจะคิดว่าเจ้านั้นจะเดินไปให้โดนยิง“ฉันจะล้างแค้นให้นายเอง”

    สิ้นคำน้ำเสียแดงจากอาคาชิก็พุ่งไปโดนหน้าริโกะ เธอและพวกที่เหลือได้แต่หันซ้ายหันขวาว่าน้ำแดงนี้มาจากตำแหน่งไหนแต่ไม่ทันได้รู้ตัวน้ำแดงอีกนับสิบก็กระหน่ำยิงลงมาจากด่านฟ้าตึกข้างๆอย่างไม่น่าจะมีใครรอดจากการโจมตีนี้ แต่มีหรือที่เสาหลักอย่างพวกอาโอมิเนะและคางามิจะแพ้

    “คุโรโกะ!!!”คางามิร้องเรียกคนตัวเล็กแต่ไม่มีแม้เสียงตอบรับท่ามกลางห่าฝน (!!?!!) สีเลือดนั้น คางามิทรุดนั่งอย่างหมดหวังและพยายามจะเข้าไปหาคุโรโกะแต่ถูกริโกะดึงเอาไว้

    “เจ้าบ้า นายจะเข้าไปตายรึไง!!!!

    “แต่คุโรโกะอยู่ในนั้น”

    “แต่ถ้านายเข้าไปนายต้องแพ้แน่”

    “ฉันไม่สนใจแล้วโว้ยยยยย คุโรโกะสำคัญกว่า”

    “คางามิ นายฟังฉัน ตอนนี้เซย์รินเหลือแค่นายคนเดียว ถ้านายแพ้ เราจะไม่เหลืออะไรเลย”ริโกะถอนหายใจ “แต่ถ้านายชนะ……….มันก็คุ้มค่ากับการเสียสละของคุโรโกะ”

    “ฮึก……..คุโรโกะ”คางามิก้มหน้านิ่งพลางปาดน้ำตา “ฉันจะล้างแค้นให้นาย โว้ยยยยยยย!!”เด็กสาวได้แต่มองร่างสูงที่วิ่งหายไปท่ามกลางผู้คน เธอรู้สึกเหมือนมีรุ่นน้องเป็นคนบ้ายังไงก็ไม่รู้สิ เฮือกกกก

     

     

     

     

    “เฮ้ยยยย นั้นมันคิเสะ คิโยชิกับฮิวกะ ไอ้สองหน่อชูโตคุ อยู่ครบเลยนี้หว่า”อาโอมิเนะพึมพำกับตัวเองเบาๆ ดวงตาสีดำมองเพื่อนร่วมโลกที่น่าสังเวชนั้น เจ้าคิเสะก็เอาแต่นอนหมดอาลัย เจ้าฮิวกะกับคิโยชิมันจะล่ำลากันไปไหน ส่วนเจ้ามิโดริมะกับทาคาโอะโดนตำรวจจับ ยังช็อคไม่หาย เจ้าพวกนี้มันไปเล่นกันอีกท่าไหนว่ะ……………… เอาเถอะๆมันไม่เกี่ยวกับฉันเดี๋ยวแข่งจบแล้วจะมาหานะ

    อาโอมิเนะเดินไปเรื่อยๆจนถึงแหล่งที่ดูเหมือนจะมีคนมากกว่าปกติแต่เอาเถอะ คนเยอะๆเจ้าอาคาชิจะได้ตามหาตัวยากๆแถมสาวหุ่นแจ่มเยอะดีด้วย

     

    “เจ้าอาโอมิเนะนี้หว่า”คางามิบ่นกับตัวเอง เขาเลือกใช้เส้นนี้ก็เพราะเห็นว่าคนเยอะหยุดคิดแผนได้ง่ายแต่ตั้งมาเจอโจทย์เก่าแบบนี้ไม่ดีซักนิด คางามินั่งหลับอยู่หลังโอ่งน้ำหวังว่ามันจะมิดพอที่เจ้าอาโอมิเนะจะไม่เห็นนะ “ให้ตายสิ แกจะมาอะไรตรงนี้ว่ะไอ้ดำ”

     

    “ฮัดชิ้ววววว ใครนินทาตูว่ะ”อาโอมิเนะถูจมูก

     

    “เฮ้ย เซนต์มันดีว่ะ ด่าแค่นี้แม่งรู้ตัว”คนผมแดงบ่น “แล้วฉันจะทำยังไงดี”

     

                    คางามิคิดแล้วคิดอีก็ไม่รู้จะจัดการอาโอมิเนะยังไงดี  “ยังไงดี ยังไงดีไอ้คางามิ คิดให้ออกสิว่ะเพื่อคุโรโกะ”แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดดวงตาสีแดงก็เห็นรองเท้าแตะสีชมพูอร่ามผิดกับผิวดำ เขาไล่มองขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงหน้าขาวๆ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคางามิคือ อาโอมิเนะ!!! บุรุษผู้โชกโชนไปด้วยแป้งเต็มหน้าจนจำไม่ได้

     

                    “อุ๊บ”คางามิกั้นหัวเราะ

    “ไม่ต้องมาหัวเราะไอ้ลิง คนไม่หล่ออย่างแกไม่มีทางโดนแบบฉันหรอก”อาโอมิเนะตะโกนด้วยความเขินอาย

    “ฉันขอไม่หล่อแล้วกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูสภาพแกดิ”

    “หยุด!!!”คนผมดำตวาดก่อนจ่อปืนตรงหน้าคางามิ

    “อึก………..”คนผมแดงกลืนน้ำลายเอือกพลางมองปืนตรงหน้า นี้เขาจะแพ้จริงๆหรอเนี่ย ไม่มีทางเขาต้องไม่แพ้เพื่อคุโรโกะและเซย์ริน!!!  “นั้น UFO

    UFO บ้านแกดิ !!! ฉันไม่โง่นะเฟ้ย”

    “อ้าว ก็นึกว่าโง่ เอ๊ยยยยย นึกว่าจะเชื่อ”คางามิหน้าเจือก่อนขยับตัวจนหลังชิดกับโอ่งน้ำอย่างน่าสงสาร “นั้นๆๆๆ เครื่องบิน!!”คนผมแดงชี้ไปบนฟ้า

    “ลิงเห่าเครื่องบินด้วยหรอว่ะ”อาโอมิเนะกระตุกยิ้มสังเวช นี้คือเสาหลักของเซย์รินหรอ ? จิตนิ่มจริงๆ

    “เออ………………….”คางามิคิดหนัก ไอ้อาโอมิเนะมันชอบอะไรวะ“โถ้เว้ย ถ้าคุโรโกะฉันแพ้ขอโทษด้วยนะ”

                    “เตรียมใจตายแล้วใช่ไหม ไอ้ลิง เอาล่ะสวดภาวนาซะ”

                    “จะทำยังไงดีคางามิ คิดดิ คิดดิ”คางามิกระชับปืนในมือแน่น “เอาล่ะนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ลองเสี่ยงดู”

                   

                    “เฮ้ย นั้นคุโรโกะแก้ผ้า!!!!

     

                    “ไหนว่ะ!!!

     

                    “เสร็จ!!”คางามิใช้ช่วงที่คนผมดำหันมองยันเขาหน้าล้มลงพลางยิ้มอย่างมีชัยและไม่พูดพล่ามทำเพลง เขาฉีดน้ำสีฟ้าใส่หน้าอาโอมิเนะไม่ยั้งมือ นี้แหนะแก ไอ้หัวดำ!! แกว่าฉันจิตนิ่ม!! แกมันหลงตัวเอง!! ตายซะเถอะ

                    “ไหนล่ะ คุโรโกะแก้ผ้า”

                    “นี้แกยังเชื่ออีกหรอ ไอ้โรคจิต วิปริต หื่นกาม!!!

                    “หยุดสิวะ นี้แกตั้งใจจะยิงฉันให้หมดกระบอกเลยรึไง”อาโอมิเนะวิ่งหนีไปทางที่พวกฮิวกะอยู่เผื่อพวกนั้นจะช่วยหยุดลิงสติแตกได้ “เจ็บเฟ้ย!!

                    “ไม่หยุดเว้ย”คางามิย่างสามขุมเข้าไปที่อาโอมิเนะที่หกล้มแถวๆเดี๋ยวกับพวกคิเสะ ดวงตาสีน้ำเงินอมดำมองเขาด้วยความหวาดกลัว พลางถกตัวหนีจนชนกับฮิวกะและคิโยชิ น้ำในกระบอกใกล้จะหมดเต็มทีแล้วแต่คางามิไม่มีท่าทีจะหยุดเลย เจ้าบ้านี้มันสติแตกตั้งแต่คุโรโกะโดนโจมตีแล้ว และคางามิก็ได้ยิงน้ำสีฟ้าใส่อาโอมิเนะจนหมดกระบอก

                    “ในที่สุดก็หยุด”อาโอมิเนะถอนหายใจก่อนจะเงยหน้ามองคางามิด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “ในที่สุดน้ำแกก็หมดสินะ”

                    “สายตาแบบนั้น……………แกจะทำอะไร”

                    “อยากรู้ใช่ไหม ลองหันไปสิ”เสียงทุ้มเอ่ยเย็นยะเยือก คางามิหันตามคำบอกช้าๆเขารู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตบางอย่างที่แผ่ออกมาจากด้านหลัง

                    ดวงตาสีแดงเบิกกว้างเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังดวงตาสองสีมองเข้าอย่างมุ่งร้ายและเย็นชา ในมือถือปีนที่เต็มไปด้วยน้ำสีแดงเลือดสอง อาคาชิคือปิศาจในสายตาของคางามิ เขาตัวสั่นเพราะมัจจุราชอยู่ใกล้ตัวจนแทบรู้สึกได้ถึงลมหายใจ คนตัวเล็กผมแดงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนยกยิ้มน่าสยดสยอง

                    “ตาย…………”น้ำแดงๆยิงเข้ากลางแสกหน้าของคางามิจนล้มตึง

                    “นะ……..นี้มันอะไรกัน”

                    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า อาคาชิว่างแผนล่อให้นายใช้น้ำจนหมดก่อนจัดการแกทีหลัง แต่ผิดคาดนิดหน่อยที่อัตสึชิโดนโมโมอิยิงซะก่อน”คนผมดำหันไปยิ้มให้อาคาชิ “เราร่วมมือกัน”

                    “ขี้โกง!!!

                    “สงครามไม่มีคำว่าขี้โกง ไอ้ลิง มีแต่คำว่าชนะกับแพ้”

                    “แก!!

                    “ฉันไม่เคยแพ้”อาคาชิเอ่ยเรียบๆก่อนโยนปืนฉีดน้ำใส่คางามิ “จบแล้วสินะ”

    “ฉันขอโทษ คุโรโกะ”คางามิพึมพำ “ฉันมันไม่ดี ปกป้องนายก็ไม่ได้แถมยังทำให้เซย์รินผิดหวัง”

     

    “อาคาชิคุง”เสียงหนึ่งดังข้างหลังอาคาชิ

     

    “ปัง”

    น้ำฟ้าจากปีนฉีดน้ำเล็กๆยิงใส่ตาอาคาชิ ใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนปกติที่มักเป็นทุกวัน มืออีกข้างถือร่มที่เปรอะไปด้วยน้ำสีแดง

    “เท็ตสึยะ!!!”อาโอมิเนะและอาคาชิพูดพร้อมกัน เขาไม่อยากเชื่อว่าคุโรโกะจะรอดจากฝนสีเลือดได้ ทำไมกัน

    “บังเอิญผมเคยอ่านเจอว่าประเทศไทยจะมีฝนตกช่วงสงกรานต์น่ะครับเลยเตรียมร่มไว้”คุโรโกะเฉลยข้อข้องใจ “และพวกนายคิดหรอ ว่าผมจะติดกับดักกระจอกอย่างนั้น”

    “กับดักกระจอก? ฉันนั่งคิดทั้งวันเลยนะ”อาคาชิทวนคำอย่างช็อคๆ “กระจอก ฉันกระจอก ไม่น้าาาาา”ทุกคนเชื่อเรื่องกรรมตามสนองไหมเอ่ย ถ้าจำไม่ได้ลองคิดถึงคิเสะผู้น่าสงสารดูสิ ตอนนี้สภาพของอาคาชิไม่ต่างอะไรกับคิเสะ “ฉันกระจอกหรอ?”

    “ใจเย็นๆ”อัตสึชิตตบหลังคนผมแดงเบาๆ “กินน้ำแข็งไสไหม?”

    “ไม่เว้ย”

    “ไอศกรีมล่ะ”

    “ไม่เอา”

    “งั้นเดี๋ยวพากลับโรงแรมก่อนนะ”คนผมม่วงเอ่ยเรียบๆก่อนอุ้มอาคาชิที่นั่งซึมกลับโรงแรมไปหาพวกที่เหลือ “เดี๋ยวฉันเอาขนมอร่อยๆให้กิน จะได้อารมณ์ดี”

    “ไม่”

    “หืม อยากกินหวานเย็นสินะ งั้นเดี๋ยวซื้อให้”

    “ฉันบอกว่าไม่อยากกินอะไร”

    “อ่ะๆๆ งั้นเดี๋ยวพาไปน้ำปั่น”

    “อะไรของนายเนี่ย ฉันบอกกว่าฉันไม่หิว ไม่กิน อารมณ์ไม่ดี”

    “แต่นายหัวร้อนนิ”

    “หมายความว่ายังไง”

    “ตอนนี้ในหัวนายร้อนเพราะความโกรธ เพราะฉะนั้นต้องกินอะไรเย็นๆดับร้อน ไม่งั้นหัวระเบิดฉันไม่รู้นะ”อัตสึชิยังพูดด้วยท่าทางเรียบนิ่งเหมือนเดิมแต่คำตอบกับทำให้อาคาชิอึ้งไม่น้อย ว่าตัวเองจะควบคุมตัวเองไม่ได้และต้องให้เด็กโข่งมาสั่งสอน“เราไปกินไอศกรีมกัน”

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    “นี้ จะเองยังไงคุโรโกะ ในฐานะที่นายเป็นผู้ชนะฉันจะให้นายเลือกว่าจะจัดการยังไงกับพวกแพ้”ริโกะยิ้มอย่างมีชัยกับท่าทางระห้อยของบรรดาผู้แพ้ผิดกับดวงตาสีฟ้าที่ฉายแววสงสารทุกคนไม่น้อย วันนี้พวกเขาต้องเดินทางไกลข้ามน้ำข้ามทะเล เข้าแข่งในศึกบ้าๆบอกว่าจะจบก็เย็นครั้นจะไปหาโรงแรมใหม่ก็คงไม่ทัน ทุกคนคงเหนื่อยแย่ “ให้พวกนี้ไปหาโรงแรมอื่นเลยดีไหม”

    “ผมมีวิธีที่ดีกว่านั้น”คุโรโกะยิ้มพราย “ทุกคนจะพักที่นี้”

    “ห๊า!!!!

    “ฉันไม่มีทางอยู่ร่วมห้องกับลิงหรอก”อาโอมิเนะบ่น

    “ฉันก็ไม่อยากอยู่กับพวกบ้าดวงเหมือนกัน”คิเสะพึมพำ

    “แล้วใครว่าฉันอยากอยู่กับแกว่ะ!!!”มิโดริสวนกลับ

    “ฉันไม่อยู่ห้องเดี๋ยวกับคนหลงตัวเองหรอก”คางามิเอ่ยพลางหลิ่วตาไปทางอาโอมิเนะ

    “ฉันเกลียดพวกแก”อาคาชิกล่าวเย็น

    “กินขนมกันเถอะ”นั้นนี้ไม่ต้องบอกว่าใครพูดหรอกเนอะ

    “แต่รุ่นพี่ครับ พวกเราเหนื่อยมาก แถมตังค์ไม่ค่อยมีแล้วโรงแรมก็อนุญาตเพราะเห็นว่าทุกที่เต็มหมด เราควรพักที่นี้นะ แค่คืนเดียวก็ได้”เด็กปีหนึ่งโอดครวญ

     

    “ไม่เว้ย!!!”แล้วทีนี้พร้อมใจกันตอบ

     

    “เอาแต่ใจ!!! ทุกคนไม่สงสารรุ่นน้องกันมั่งรึไง พวกนายเป็นรุ่นพี่ที่ไม่ได้เรื่องที่สุด!!!!”คนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะฟิวล์ขาดด่ากราดใส่บรรดาคนเอาแต่ใจตรงหน้า

                    สุดท้ายทุกคนก็ได้พักโรงแรมเดียวกันเพราะคุโรโกะเกิดวีนแตกใส่บรรดาคิเซกิและคางามิจอมเอาแต่ใจทำให้ทุกคนต้องนั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่หน้าโรงแรมเกือบครึ่งชั่วโมงส่วนพวกปีหนึ่ง ริโกะ โมโมอิ  ฮิวกะและคิโยชิ คุโรโกะบอกให้พักกับห้องใหญ่ ถ้าพวกปีหนึ่งเกิดหื่นกะทันหันจะได้มีฮิวกะคอยช่วยส่วนพวกหกหน่อนี้ คนตัวเล็กกับทาคาโอะจะดูแลเอง

                   

                    “แกลงไปนอนข้างล่าง ฉันจะนอนบนเตียง”อาโอมิเนะยันมิโดริมะที่นอนอยู่บนเตียงลงไปพร้อมๆกับคิเสะ “ที่ของพวกแกคือข้างล่าง”

                    “อะไรอ่ะ พวกเราขึ้นมานอนก่อนนะเฟ้ย” ทั้งคู่โวย

                    “แต่นี้มันที่ฉัน”คนผมดำตอบก่อนหยิบหนึ่งสือโป๊ขึ้นมาอ่านโดยไม่สนใจสายตาอาฆาตของสองคน

                    “นี้มิโดริมะ ฉันจะนอนระหว่างเตียง นายไปนอนหน้าห้องน้ำไป๊”คิเสะคว้าหมอนไปนอนระหว่างเตียงสองหลัง “กับทาสรักของนายน่ะ”

                    “นายหมายถึงใคร”

                    “ก็ทาคาโอะไงล่ะ”

                    “ไม่ใช่เว้ย!! นั้นไม่ใช่ทาสรักของฉัน”มิโดริมะตอบหน้าแดงก่อนคว้าหมอนอีกใบแล้วในนอนข้างทาคาโอะที่กำลังเล่นมือถืออยู่ “เจ้าพวกบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้”

                    “น้าาาา เขินรึไงแก หน้าแดงเชียง”อาโอมิเนะที่โผล่หัวมาจากเตียงแซว

                    “ทาคาโอะ ขยับไปดิฉันจะนอน”

                    “อะไรเล่าชินจัง ฉันนอนก่อนน้า”

                    “จะหุบปากกันได้รึยัง ฉันจะนอน”อาคาชิจากเตียงข้างๆกล่าวพลางตัดกรรไกร ฉับๆอย่างน่ากลัว พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไม อัตสึชิถึงกล้าไปนอนกับคนอย่างนั้น

                    “นี้ ตัดถึงขนมให้หน่อยสิ มันเปิดยาก”

                    “เดี๋ยวก็ฟันผุหรอก”

                    “น้า”

                    “อืมๆ ก็ได้”และในที่สุดพวกอาโอมิเนะก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอาคาชิต้องพกกรรไกร (รู้สึกจะไม่เกี่ยวนะ)

                    “นี้ทุกคน ทำไมให้คางามิไปนอนนั้นล่ะน่าสงสารออก”ทาคาโอะชี้ไปที่ระเบียงนอนห้องซึ่งคนผมแดงนอนขลุกอยู่อย่างน่าสงสาร “ผ้าห่มก็บาง หมอนก็ไม่มีแถมฝนยังเหมือนจะตกอีก”

     

                    “ช่างมัน!!!”คิเซกิตอบพร้อมกันก่อนเมินหน้าหนี

                   

                    “คางามิคุงทำไมไปนอนตรงนั้น”คุโรโกะซึ่งเดินออกมาจาห้องน้ำถามเมื่อเห็นคางามิตรงระเบียง คนตัวเล็กเดินไปหยิบสัมภาระที่ดูมากมายผิดปกติก่อนเดินข้ามคิเสะและตรงไปที่คนผมแดง “เดี๋ยวฝนก็ตกใส่หรอก”   

    “ก็ฉันไม่มีที่นอนนิ”คางามิบ่นอุบอิบเหมือนเด็กๆ “นายรีบเข้าไปนอนเถอะ อากาศมันแปรปันเดี๋ยวเป็นหวัด”

    “คุโรโกะจิ มานอนข้างๆฉันก็ได้น้า”

    “ข้างฉันดีว่าเท็ตสึยะ บนเตียงสบายดี”อาโอมิเนะตบบนที่ว่างข้างตัว

    “ไม่ครับ”คุโรโกะตอบเสียงเรียบ “ผมจะนอนตรงระเบียบกับคางามิ”

    “ทำไมอ้า”

    “ลมมันเย็น”

    “งั้นคางามิฉันให้นายนอนเตียงก็ได้”คนผมดำยอมสละเตียงให้คางามิแต่มีหรือที่คนหัวแดงจะเอา

    “ไม่เอาเฟ้ย!!!

    “คุโรโกะจิ มานอนกับฉันเถอะ ฉันนอนคนเดียวเหง๊าเหงา”  

    “เท็ตสึยะ นอนข้างฉันก็ได้”อาคาชิเอ่ยเรียบๆ

    “แล้วฉันอ่ะ”อัตสึชิร้อง

    “ไปนอนข้างล่าง”อาคาชิตอบด้วยน้ำเสียเย็นชา

    “ใจร้าย >^<

    “รึจะไม่ไป”

    “ก็ได้”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมนอนกับคางามินี้แหละ”คุโรโกะพูดพลางดึงผ้าห่มออกมาจากกระเป๋าที่เตรียมมา “คางามิคุง มีผ้าห่มแค่ผืนเดียวเอง”

    “งั้นนายก็ใช้ไปสิ เดี๋ยวเป็นหวัด”คางามิตบหัวคนตัวเล็กอย่างเอ็นดูก่อนดึงจมูกโด่งๆเล่น “เนอะ”

     

    “โว้ยยยยยย อิจฉามันว่ะ!!!!”บรรดาพวกที่อยู่ในห้องร้องในใจ 

     

    “เอาเป็นว่านายใช้กับผมแล้วกัน”คุโรโกะบอกเรียบๆก่อนจะซุกตัวใต้ผ้าห่มทันที “ฝันดีคางามิคุง ฝันดีทุกคน”

    “อืม……………………”คนในห้องรับคำเรียบๆก่อนดับไฟแต่ไม่วายส่งสายตาอาฆาตให้คางามิที่กำลังยิ้มระรื่น

     

    หลังจากดับไฟไปซักพักหลายคนในห้องน่าจะหลับไปได้แล้วแต่ยังมีบางคนยังคนตาสว่างอยู่ไม่ใช่เพราะคุโรโกะนอนเบียด แต่คางามิไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่

    “เน้ คุโรโกะ”คางามิเอ่ยตามกลางความมืด

    “มีอะไรครับ”คุโรโกะเอ่ยงัวเงีย “ไม่ง่วงหรอครับ”

    “อืม ฉันนอนไม่หลับ”

    “แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ”คุโรโกะพลิกตัวมาทางคางามิ “ฮึ”

    “ดูดาวเป็นเพื่อนหน่อยสิ”คางามิเอ่ยพลางมองดวงดาวบนท้องฟ้าเพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดทำให้พวกเขาเห็นดาวได้อย่างชัดเจน “สวยจัง”

    “ใช่ครับ น่าอิจฉา”

    “อิจฉาทำไม?”

    “อิจฉาที่ดาวบนฟ้ามีเพื่อนเยอะและไม่ว่าวันไหนพวกเขาก็จะอยู่เคียงข้างกันเสมอ ผมอยากมีเพื่อนเยอะๆแบบดวงดาวบ้าง”

    “หึ นายนี้เพ้อฝันจริงๆคุโรโกะ”คางามิยิ้มอย่างขบขัน “แต่ก็จริงนะ ถึงฉันจะดูไม่ออกว่าดวงไหนเป็นดวงไหนก็เถอะ…………..

    “คางามิคุง นายอยากเป็นดวงจันทร์หรือดวงดาว”จู่ๆคุโรโกะก็ถามขึ้นด้วงสีหน้าจริงจัง

    “ไม่รู้สิ แล้วนายล่ะคุโรโกะ อยากเป็นอะไร”

    “มันอยากเป็นดวงดาวนะ”คนตัวเล็กตอบเสียงแผ่ว

    “ทำไมนายไม่เป็นดวงจันทร์ล่ะ แสงมันสว่างจะตาย”

    “เพราะแสงมันสว่างเกิดไปไงครับ ทุกคนก็รู้ว่าแสงของดวงจันทร์สว่างจนกลบของดวงดาว นั้นทำให้มันโดดเดียวและน่าสงสารเกินกว่าจะสง่างาม ก็เหมือนกับคิเซกิในตอนแรก”คุโรโกะเอ่ยเบาๆกับคางามิ “พวกเขาทั้งโดดเดียวและน่าสงสารเพราะพวกเขาเอาตัวเองไปเปรียบกับแสงของดวงจันทร์”

    “คุโรโกะ ตอนนั้นนายคงเศร้ามากสินะ”คางามิกอดคุโรโกะแน่นๆ

    “คางามิคุงก็ ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ผมไม่ได้เศร้าขนาดนั้นหรอก”รอยยิ้มบางๆปรากฏบนริมฝีปากแดง “และตอนนี้ทุกคนก็เปลี่ยนไปแล้วด้วย พวกเขายอมลดแสงของตัวเองทำให้สามารถมองเห็นคนรอบข้างมากขึ้น นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข”

    ดวงตาในความมืดทุกคู่กระตุกวาบกับคำพวกของคนตัวเล็ก ก่อนรอยยิ้มบางๆปรากฏบนริมฝีปาก อาโอมิเนะซึ่งเหม่อมองร่างเล็กที่นอนอยู่ด้านนอกในขณะที่คิเสะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู มันคือข้อความจากใครบางคนที่ญี่ปุ่น บนหน้าจอมีอักษรที่บอกว่า ซามัตสึ ยูกิโอะ

     

    ดูแลสุขภาพด้วย แล้วรีบกลับมาล่ะไม่งั้นโดนเตะ ^_____^

     

                    “รุ่นพี่…………………

     

                    มิโดริมะเหล่มองเพื่อนตัวยุ่งที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนจะลูบหัวเบาๆเจ้านี้อยู่กับเขาตลอดเวลาถึงแม้จะโดนแกล้งหนักๆก็ไม่เคยบ่นซักคำ “ไอ้ตัวยุ่ง ขอบใจที่อยู่กับฉัน”

                    “อือ”ทาคาโอะส่งเสียงตอบทั้งๆที่ตายังหลับ

                   

                    อาคาชินอนขดอยู่ข้างๆอัตสึชิ เขานอนมองแผ่นหลังกว้างก่อนจะใช้กรรไกลจิ้มๆหลังคนผมม่วงให้หันมาทางตัวเอง อัตสึชิหันไปหาอาคาชิอย่างรำคาญแต่บ่นไม่ได้เพราะกรรไกรอยู่ตรงหน้า

                    “นี้……………………..

    “หืม”

    “ขอบคุณนะ”วลีของอาคาชิทำให้คนผมม่วงอึ้งไม่น้อยคนอย่างอาคาชิหรอจะมาขอบคุณเขา “ขอบคุณที่อยู่ข้างฉัน”

    “อืม ไม่เป็นไร”อัตสึชิเอ่ยเบาๆเพื่อไม่ให้ทุกคนได้ยินก่อนจะลูบหัวอาคาชิ “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่านายจะแพ้จนยับเยินหรือตกต่ำแค่ไหน ฉันก็จะอยู่ข้างๆนาย”

     

     

     

    “การที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าที่ให้ผมมีความสุข และตอนนี้ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว……………………….


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ขอโทษที่ลงช้าไปนิดครับเพราะตอนนี้ writer ป่วยงอมงแมแถมหน้าเห่อเพราะแพ้น้ำอีกเลยต้องให้ผม (ผมเป็นเพื่อนอ่ะนะ) ลงให้ก่อน ตอนนี้ก็นอนหลับเป็นตายอยู่ในห้องนั้นแหละ ช่วยเป็นกำลังใจให้ writer ด้วยนะครับ 

    writer ฝากบอกว่า มีความสุขกับการอ่านครับ ^^ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×