ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ไม่อยากไปซักนิด
ในที่สุด วันเปิดเรียนวันแรกหลังจากงานฉลองใหญ่ก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน นั่นหมายถึงอีกสี่วันที่เหลือก่อนงานเทศกาลดอกไม้ประจำปีกำลังจะเริ่มขึ้น นักเรียนทุกคนไม่มีเวลาพอที่จะเรียนเพราะสี่วันที่เหลือหมดไปกับการ...
    “เร็วๆซิ ถ้าช้าจะไม่ทันน่ะ”ไซคีพูดสั่งอย่างอารมณ์เสีย เพราะรุ่นน้องปีหนึ่ง สายอัศวินในความดูแลของเขาไม่สามารถขนกระถางดอกไม้ขนาดเท่ากะละมังขึ้นมาตามบันไดได้ แต่ถึงตัวเขาจะแบกอยู่ถึงสองอันก็ยังนำกลุ่มเด็กๆขึ้นมาได้สบาย
    “โธ่..รุ่นพี่ครับ รุ่นพี่ตัวสูงกว่าผมตั้งแยะ”เด็กหนุ่มรุ่นน้องคนหนึ่งพูดบ่นขึ้น ก่อนจะแบกกระถางตามไซคีขึ้นไป
    “เป็นผู้ชายให้มันแข็งแรงหน่อยซิ ดูอย่างไคร์ กับเจ้าชายฮิวมัสซะมั่งซิ”ไซคีบอก ก่อนจะชี้ไปที่ไคร์กับฮิวที่โดนใช้ให้
แบกกระถางคนละสามใบ แต่ก็ยังสามารถแบกนำเด็กๆขึ้นไปได้  “พวกน้องแบกคนละใบเอง เร็วๆหน่อยซิเอ้า ไม่งั้นจะไม่ให้พักน่ะ เร็วๆ”เขา
เร่งก่อนจะแบกกระถางเดินตามไคร์กับฮิวได้ทัน ก็แน่หละ ใครจะรู้ความลับที่เขาใช้เวทมนตร์ช่วย
    “อ้าว เพิ่งมาถึงหรอ”เฟิร์นโผล่ออกมาจากห้องข้างๆ ก่อนจะรีบเดินตีเข้ามาร่วมกลุ่มพร้อมกับโดโลเรส
    “ช้าจังเลย เรายังขาดกระถางที่ชั้นสามอีกตั้งสามสิบหกใบแนะ”โดโลเรสบอก ขณะที่เฟิร์นเปิดดูสมุดบัญชี เพราะทุกคนเล็งเห็น
แล้วว่า เธอนี่แหละเหมาะที่จะเป็นสมุห์บัญชีมากที่สุดในสภานักเรียน
    “นี่ เดี๋ยวไปพักได้แล้วน่ะ กระถางคิดว่าครบแล้วหละ แต่เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงก็ช่วยกันแบกผ้าม่านประดับขึ้นมาด้วยละกันน่ะ ชั้น
สองเอาสามสิบพับ ชั้นสามเอาอีกสามสิบพับน่ะ แล้วก็กรรไกรฉันสั่งมาเพิ่ม เอาขึ้นมาสองลังก็พอแล้วหละ แล้วก็ลวดอีก..สิบห้าขดก็พอ ชั้น
สองสิบขดที่ห้องโถงอีกห้าขด พยามเข้าน่ะ”เธอสั่งพลางตบไหล่ไซคีเบาๆ
    “นี่เพิ่งสองโมง ใช้งานกันอย่างกับทาส”ไคร์พูดบ่นๆ ทำไมหนอ..นักเรียนชายปีห้าห้องก.มีตั้งสามสิบกว่าคน ทำไมมีแค่พวกเขา
สามคนที่ต้องมาแบกกระถางพวกนี้ แถมยังต้องคอยคุมพวกเด็กปีหนึ่งอีก
    “นิไซคี ถามจริงทำไมต้องรับหน้าที่แบกกระถางด้วย”ฮิวถามเสียงแห้ง
    “เผอิญว่าตอนเช้าฉันคุยกับเจ้าชายชาพอชมานะ เขาบอกให้รีบรับงานนี้”ไซคีตอบอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เด็กปีหนึ่งได้
ยิน “เพราะเดี๋ยวเจ้าชายเขาจะเอาปีห้าคนอื่นไปขุดลอกคลองหลังโรงเรียน คิดเอาเถอะที่นั่นกว้างก็กว้าง ลึกก็ลึกแถมน้ำแข็งก็ยังไม่ละลาย
แล้วต้องทำทั้งวันด้วย หรือไม่ก็มีอีกงาน เขาให้พวกนายไปนั่งสานเสื่อไม้ไผ่ขนาดเท่าสนามม้าสองแผ่น ทำให้ตายก็ไม่เสร็จในวันเดียว แถม
ต้องสานกลางแจ้ง ลมหนาวกะหิมะก็โปรยลงมาให้หวาดเล่น เพราะสานข้างในมันไม่มีพื้นที่ แต่พวกเราแค่แบกของสองรอบที่เหลือก็สบาย
แฮ่ เลือกอะไรละ”
    “นายก็เลยรีบลงชื่อคุมงานแบกของ แถมยังเกี่ยวฉันกับไคร์มาทำด้วย”ฮิวถาม ไซคีพยักหน้าหงึก
    “ไม่ดีหรือไง”
    “ก็ดีกว่าลอกคลอง”ฮิวตอบ
    ในที่สุด งานแบกของรอบแรกของพวกเขาก็เสร็จที่ชั้นสาม หลังจากแบกกระถางทั้งหมดไปไว้ในที่ที่มันควรอยู่ พวกเขาเลยได้นั่ง
พักกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง โดยมีนักเรียนพยาบาลที่ยูเป็นหัวหน้าคุมงานมาช่วยเสิร์ฟน้ำ
    “เหลือแบกอะไรอีก”ไคร์ถามไซคี ทันทีที่พวกเขาหาที่นั่งได้ตรงหัวบันได
    “เหลือแบกผ้าสองคนละพับจากห้องโถงเล็ก ไปไว้ที่ห้องโถงใหญ่”ไซคีตอบ และวางแก้วน้ำลงข้างตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทักยู
ว่า “ไงคุณหมอ” 
    “อือ ปวดเหมื่อยตรงไหนมั้ย”ยูเดินเข้ามาถาม และนั่งลงต่อจากไซคี
    “ไม่เท่าไหร่”ฮิวตอบ พลางถอนหายใจเบาๆ
    “นี่พวกนายยังดีน่ะ ผู้ชายห้องเราคนอื่นๆโดนจับไปขุดลอกคลองที่หลังโรงเรียน ป่านนี้ยังไม่ขึ้นมาเลย”ยูบอก
    “จริงๆแล้วใช้เวทมนตร์เอาก็ได้”ไคร์บอก แต่ไซคีตบไหล่เขาเบาๆ
    “ใช้ได้เขาก็ทำกันไปแล้วซิ พวกปลาน่ะไม่ชอบเวทมนตร์ พวกมันไวต่อเวทเกินไป ถ้าใช้เวทขุดลอกคลองมันได้ตกใจตายกัน
หมดทั้งคลอง แค่ใช้มือมันยังไม่อยากจะรอดกันเลย”เขาอธิบาย ก่อนจะหันไปถามยูว่า “จริงซิ พวกเธอมาอยู่นี่แล้วอาหารเย็นพวกเราละ ใคร
ทำ”
    “อ๋อ เดี๋ยวค่อยไปน่ะ ทำแค่สองชั่วโมงก็เสร็จแล้ว ตอนนี้รอปลาน่ะ”ยูตอบ “เจาชายชาพอชที่คุมงานขุดลอกคลองบอกว่าวันนี้จะ
เอาปลามาฟาก”
    “ปลาในคลองนะหรอ”ไคร์ถาม ก่อนจะตีหน้าเอียน “ปลาคลองโรงเรียนเรามันปลาธรรมดาที่ไหน มีแต่ปลาประเภทสัตว์ประหลาด
ที่ทางราชการเอามาฝากปล่อยทั้งนั้นน่ะ”
    “กินได้ซิ อร่อยด้วยละ”ยูตอบ ทำเอาสามหนุ่มเหวอขึ้นหน้า “พวกสายอัศวินไม่เคยเรียนทำอาหารเลยไม่รู้เลยซิน่ะ ปลาพวกนั้น
น่ะเนื้อเสต็กราคาแพงเชียวน่ะ ตัวโตๆทั้งนั้นเลยด้วย อย่างต่ำก็ยาวซะหนึ่งฟุตละ”
    “พูดจริงๆน่ะ วิชาคหะกรรมของโคเทียน่าไม่เคยสอนว่าปลาประหลาดทำเสต็กได้”ไซตีตอบ ก่อนจะทำท่าทางขนลุก “มีแต่...เนื้อ
ม้า”
    “แหวะ”ทุกคนสบถขึ้นพร้อมกัน
    “วิชานั้นฉันโดดตลอดกาลเลย รับไม่ได้ สอนทำแต่เนื้อม้า เนื้อปลามังกร ผัดกระดูกงู คั่วไขสันหลังลา”
    “พอๆไซคี แกกำลังทำให้ฉันกินข้าวไม่ลง”ฮิวบอกทำหน้าเหมือนจะอาเจียน
    “แพ้ท้องหรอ”
    “ใช่มั่ง”
    “โธ่..ฮิว แกท้องก็ไม่บอกฉัน พูดมาซิ ใครเป็นพ่อเด็ก”ไซคีแหย่
    “จริงด้วยฮิว แกไม่น่าปิดบังกันเลย”ไคร์ต่อ
    “ตายแล้วฮิว ถ้านายไม่รีบหาพ่อเด็ก ลูกจะเป็นเด็กไม่มีพ่อน่ะฮิว”ยูเอาด้วย
    “ในเมื่อเรื่องมันขนาดนี้แล้ว ฉันสารภาพเลยละกัน”ฮิวเล่นต่อแบบไม่อายใคร “ไซคีนะพ่อเด็กละเธอ!นี่ฉันท้องได้สามเดือนแล้ว
น่ะรู้มั้ย!”
    “หยุดไอ้บ้า โอ้ย ยังจะเล่นต่ออีกขนลุกโว้ย”ไคร์บอก
    “จริงซิ เข้าเรื่องกันดีกว่า”ไซคีเริ่มขึ้น “เมื่อคืนนี้ฉันเพิ่งปะทะกับนักล่ากลุ่มอื่นมา”
    “แกเลยท้อง”
    เท่านั้นละทุกมือก็พุ่งเข้าใส่กระบาลฮิวทันที
    “หยุดเล่นได้แล้ว เอางานเอาการ”ไซคีบอกพร้อมกับแถมลูกตบอีกหนึ่ง “เมื่อคืนนี้นะ มีนักล่าสามคนมาที่นี่ตอนตีสาม แต่มันติด
เขตุอาคมที่ฉันกางทับไว้ที่ห้องของโดโลเรส ฉันเลยออกไปเจรจาได้ ตอนนี้พวกมันวางมือจากโดโลเรสแล้ว แต่กลุ่มอื่น ยังไม่แน่”
    “แสดงว่าข่าวที่เราปล่อยออกไปทีแรก ยังไม่น่าเชื่อถือซินะ”ฮิวพึมพำ 
    “คิดว่าคงจะเป็นอย่างนั้นละ”ไซคีตอบ “ถ้าคอยแต่ตั้งรับแบบนี้ต่อไปจะพลาดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วย โดยเฉพาะตอนงานเทศกาลน่ะ
ป้องกันยากที่สุด จะมีนักฆ่าปนมากับพวกโรงเรียนแม่มดรึเปล่าก็ไม่รู้”
    “แล้วจะทำยังไง”ฮิวถาม
    “ก็....คงต้องรอยันปิดเทรมนะหละ”ไซคีตอบ “ตัดไฟซะแต่ต้นลม ฉันจะพาทีมบุกไปสังหารเจ้าหญิงเมเรน่าที่ซันทีเมียเอง”
    “เล่นอย่างนั้นเลยหรอ”ฮิวพูดอย่างตกใจ “เอาจริงหรอ”
    “ใช่ มันอันตรายน่ะ”ยูเสริม
    “ไปเหยียบถิ่นเขาเชียวน่ะ”ไคร์ต่อ
    “ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ก็มีกลุ่มของฉันกลุ่มเดียวที่มั่นใจว่าเมเรน่าอยู่ในซันทีเมีย พวกนักล่ากลุ่มอื่นยังต้องการข้อมูลจากโดโลเรสอยู่
ถ้ารีบไปจัดการเจ้าหญิงนั่นซะก็สิ้นเรื่อง”ไซคีตอบ
    “แล้วถ้าไป นายจะยกไปกันกี่คน”ฮิวถามอย่างไม่แน่ใจ
    “ไม่รู้ซิ ถ้ามือหนึ่งกับมือสองว่างก็คงต้องเอาพวกเขาไปด้วย”ไซคีตอบ
    “ไปกันแค่สามคนหรอ”ยูเลิกคิ้ว
    “ใช่”
    “ไหวหรอ”ฮิวถามต่อ “ทางรูรูนอยฝีมือไม่ใช่ด้อยๆน่ะ แถมไปยันถิ่นเขาคนต้องเยอะกว่าอยู่แล้วด้วย”
    “ฉันลอบฆ่า ไม่ได้ไปทำสงคราม”ไซคีตอบเหมือนเรื่องปรกติ “ไปแค่สามคนก็ต้องใช้แผนหมาลอบกัดอยู่แล้ว แล้วก็ต้องกัดให้
ตายด้วย”
    “แล้วไหวหรอ”ยูถามซ้ำ ไซคีไหวไหล่ ดูท่าทางมันจะไม่อยากตอบคำถามนี้แต่แรกแล้วด้วย
    “ก็...ถ้าได้ท่านยูเอ็น กับท่านซาเทียไปด้วยก็มีโอกาสสำเร็จสูง แต่สองหนอนั้นเขางานเยอะอยู่แล้ว คงต้องส่งจดหมายจองตัวไว้
ก่อนละ”
    “แล้วถ้าไม่ได้ละ”ไคร์ถาม
    “ก็ไปคนเดียว”ไซคีตอบง่ายๆ “ความสำเร็จก็ยังมีสูงอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยก็โดนจับตัวยาก หรือถ้าไม่งั้นก็คงจะเอามือเลขต้นๆ
ไปด้วยซะสองสามคน อย่างท่านคราย หรือไม่ก็ท่านจิล”
    “แกจะมั่นใจมากไปรึเปล่า”ฮิวดักคอ “ถ้าไม่ไหวฉันกับไคร์จะได้ไปด้วย”
    “อย่าเลย มันอันตราย”ไซคีบอก รู้หละว่าไอ้สองคนนี้ฝีมือมันไม่ใช่ย่อยๆ เพราะการฝึกระดับเจ้าชายมันโหดสนิท อาทิ เจ้าชาย
ทุกพระองค์ตอนอายุสิบเอ็ดจะโดนฝึกแบบเดียวกับทหารอาทิตละห้าวัน อายุสิบสองก็โดนส่งไปฝึกที่ค่ายทหารร่วมกับพวกลูกชายในพลคน
อื่นๆ อายุสิบสามก็ส่งไปฝึกชายแดนปีละสองเดือน เรื่อยมายันปัจจุบัน
    เจ้าชายอย่างหมอนี่ ถึงอายุแค่สิบแปด ฝีมืออย่างต่ำก็ระดับเดียวกับนักล่าระดับสาม แต่ที่น่าสนใจ คงจะเป็นไคร์มากกว่า เพราะ
หมอนี่มีประวัติกับข่าวลือที่ไม่ธรรมดาบ่อยๆ     โดยเฉพาะข่าวลือเรื่องสายเลือด แล้วยิ่งฝีมือมันปัจจุบัน ต่อให้ปะทะกับเจ้าทามัวตรงๆ ไคร์
อาจจะชนะก็ได้
    แต่ จะเอาไอ้สองคนนี้ไปด้วยนะหรอ พวกนี่มันอัศวินไม่ใช่นักฆ่า พวกอัศวินถนัดเรื่องต่อสู้ประชิดตัวแบบซึ่งๆหน้า จะให้มาลอบ
ฆ่าชาวบ้านนะทำได้ที่ไหนเล่า ปลอมตัวยังไม่เป็นกันเลยด้วยซ้ำ
    “อย่าไปเลย บอกตรงๆลำบากเปล่าๆ”ไซคีบอก “แล้วถ้าพวกนายไป ใครจะดูโดโลเรส เฟิร์นหรือไง”
    “คงงั้นนะหละ”ฮิวตอบ
    “แล้วอีกอย่างน่ะ ท่านย่ากับแม่นายคงไม่ยอมหรอก”ไซคียกเหตุผลสุดท้ายขึ้น “ทำเป็นเครียดไปได้ ที่พูดมาเนี่ยมันยังไม่ชัด
หรอกว่าจะไป เพราะแม่อาจจะส่งพวกซาเทียกับทีมอื่นไปทำแทน ฉันคงไปเองไม่ได้หรอก แม่ไม่ยอมแหง แต่ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆคงเลี่ยงไม่
ได้เหมือนกันหละ แล้วดีไม่ดี--”
    “อะ โดโลเรสมา”ยูทัก
    “สรุปว่า ผ้าที่เราขนกันอยู่ชั้นไหนน่ะ”
    สองวันที่เหลือของการเตรียมงาน นักเรียนทุกคนแทบจะไม่ได้ทำอะไรอื่นนอกจากงมอยู่กับการจัดดอกไม้ในกระถางแล้วก็ต้องให้เวทหยุดเวลามันไว้ก่อนอีก(เพราะคนสั่งงานมันสั่งมั่ว ดอกไม้มันต้องจัดวันสุดท้ายแท้ๆ) กับการตกแต่งห้องโถง พูดเหมือนง่าย แต่ห้องโถง
ของโซราเนียมีขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอล เพดารก็สูงร่วมสามชั้น ยังไม่รวมโต๊ะกลมที่ใช้ในงานเพราะต้องจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีเพื่อต้อน
รับแขกต่างโรงเรียน แต่ไม่เข้าใจว่าโรงเรียนจะหาคนงานมาจัดปีละครั้งมันเหนื่อยนักหรือไง ถึงได้ใช้แต่นักเรียนจนแขนของพวกเขาแทบจะ
หลุดจากบ่า ยังไม่รวมที่บรรดาอาจารย์ของพวกเขายังไม่กลับจากการพักร้อนที่กรินฮิว ทำให้งานทั้งหมดตกเป็นหน้าที่ของคนในสภานักเรียน
แต่จากข่าวที่ได้รับ ท่าทางพวกอาจารย์จะมาถึงอย่างเร็วก็อีกสองวันข้างหน้า
แต่ที่มันน่าโมโห ก็คือพวกโรงเรียนแม่มดจะมาถึงในตอนเย็นของวันนี้ ทั้งที่กำหนดการจริงคืออีกสามวัน ทำให้นักเรียนปีห้าและปีหกต้องจำใจ
เจี่ยอาหารเย็นไปทานเวลาอื่น เพื่อใช้เวลาอาหารเย็นของพวกเขาในการทำอาหารในครัวใหญ่ และช่วยกันเสิร์ฟอาหารเย็นให้กับแขกที่มา
ก่อนเวลา
    “เร็วๆซิ เรียงไปโต๊ะละยี่สิบใบเอง อีกสิบนาทีเร็วๆเข้า”เจ้าชายชาพอชพูดเร่งไซคีที่ใช้เวทมนตร์สั่งให้จานสีขาว นับร้อยใบบินร่อน
ลงประจำตำแหน่งของมันที่โต๊ะตัวยาวที่ตั้งเรียงกันกว่าสามร้อยตัว ที่ปรกติพวกเขาใช้มันเฉพาะตอนประชุมนักเรียนเท่านั้น แต่ตอนนี้มันต้อง
ทำหน้าที่เป็นห้องอาหารฉุกเฉินซะแทน
    “แล้วอาหารในครัวละ เสร็จรึยัง”เจ้าชายชาพอชหันไปถามเฟิร์นที่เดินเข้ามาในห้อง
    “เหลือแต่อบไก่งวงเองคะ คงซักห้านาที นอกนั้นพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ”เฟิร์นตอบ
    “งั้นช่างเถอะ เอาอาหารหลักๆออกมาก่อนก็ได้ แล้วค่อยเสิร์ฟเพิ่มทีหลัง”เจ้าชายชาพอชบอก ก่อนจะก้มดูในคลิ๊บบอร์ดของเขา
ว่าขาดเกินอะไร “ลำดับอาหารที่จะเสิร์ฟพร้อมแล้วใช่มั้ย”
    “เรียบร้อยแล้วค่ะ”เฟิร์นตอบ
    “จานกับช้อนส้อมก็เรียงเรียบร้อยแล้ว งั้นพวกเราออกไปกันได้แล้ว เร็วเข้า”เจ้าชายประกาศ แล้วนักเรียนทุกคนก็พากันวิ่ง
เหยาะๆออกไปจากห้องทางประตูเล็กบานต่างๆ เหลือแต่พวกคนในสภานักเรียนคอยต้อนรับแขก และในที่สุดประตูใหญ่ก็เปิดออก
    หญิงร่างสูง สง่างามในชุดคลุมสีดำสนิท สวมหมวกปีกกว้างปลายแหลมสีดำเงา ใบหน้าที่ยังเต่งตึงรวมทั้งมวยผมสีดำขลับ บอก
ให้รู้ว่าเธอคงอายุไม่เกินสามสิบปี
    อาจารย์ใหญ่โรงเรียนไครเซอเว็น อาจารย์แคนนาเดีย มาคาติน
หล่อนเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตูห้องโถง พลางกลาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะโบกมือนำแถวนักเรียนหญิงของเธอ ที่ตัวหนาด้วยชุดฮูดขน
แกะสีดำยาวแทบลากพื้นเข้ามาด้วยท่าทีลังเล ก่อนที่เฟิร์นจะเดินเข้าไปต้อนรับในฐานะประธานนักเรียนหญิง
    “สวัสดีคะอาจารย์มาคาติน ขออภัยที่คงไม่สะดวกเท่าที่ควรคะอาจารย์ เราจัดโต๊ะเฉพาะอาจารย์ที่ด้านหน้าแล้ว ส่วนนักเรียนหนู
จะนำแถวไปนั่งที่โต๊ะทางซ้ายมือเองคะ อาจารย์”เฟิร์นบอก
    “ขอบใจจ้ะ”มาคาตินตอบ ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะด้านหน้า
    “เชิญทางนี้คะ”เฟิร์นบอกกับนักเรียนหญิงผมแดงที่อยู่หัวแถว ให้เดินตามเธอไปที่โต๊ะทางซ้ายสุดของห้อง กระทั่งนักเรียนแม่มด
ทั้งหมดนั่งประจำที่ เจ้าชายชาพอชก็ต้องขึ้นแท่นประรำพิธี และกล่าวคำต้อนรับ
    “ข้าพเจ้า เจ้าชายชาพอช แฟร์คอนเวอร์ ขอกล่าวสวัสดีและขอต้อนรับคณะอาจารย์ และคณะนักเรียนจากโรงเรียนสตรีไครเซ
อเว็นทุกคน สู่โรงเรียนอัศวินหลวง โซราเนีย แห่งกองทัพหลวงแคนโดร่า พวกเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พวกท่านมาร่วมการศึกษาแม้ว่า
จะในเวลาสั้นๆ แต่ต้อง...ขออภัยต่อแขกผู้มีเกียร์ติของเรา เนื่องจากกำหนดการมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทำให้คณะอาจารย์ของพวกเรา
ไม่สามารถมาต้อนรับพวกท่านได้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังไม่สามารถเตรียมการต้อนรับได้ตามแผ่นที่ตั้งไว้ ดังนั้นวันนี้งานและการต้อนรับทั้งหมด
จึงเป็นหน้าที่ของนักเรียนทุกคน ทำให้งานอาจจะออกมาได้ไม่ดี จึงต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เชิญ
แขกผู้มีเกียร์ติของเรารับประทานอาหารมื้อเย็นของวันนี้”เจ้าชายโบกมือไปทางประตูเล็กทั้งสี่บานด้านหลังประรำพิธี ที่จานอาหารและเครื่อง
ดื่มนับร้อยๆจานลอยเรียงแถวร่อนลงสู่โต๊ะทุกโต๊ะในห้องอย่างเป็นระเบียบ “ส่วน เรื่องที่พัก ขอให้พวกท่านสบายใจได้ กระเป๋าและสำพาระ
นักเรียนของเราได้นำมันขึ้นไปไว้ยังห้องโถงเล็กที่ชั้นสองของปราสาททิศใต้ ซึ่งจัดเป็นที่พักของพวกท่านไว้แล้วอย่างดี ขอให้พวกท่านรับ
ประทานอาหารฝีมือนักเรียนของเรากันให้สบายใจเหมือนกับเป็นบ้านของท่านเองน่ะครับ และเมื่อทานเสร็จจะมีนักเรียนของเรามานำท่านไปสู่
ที่พักเอง ขอบคุณครับ”แล้วเจ้าชายก็เดินลงมาจากประรำพิธี ปล่อยไว้ก็แต่เด็กปีสี่ที่ทำหน้าที่(เป็นเด็กเสิร์ฟ)ดูแลแขกเกือบพันคน
   
    “เอาไงต่อดีละชาพอช แบบนี้พวกเราจะคุมต่อไปได้ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”เดแอนถามขึ้น ทันทีที่ทุกคนหลบมาถึงห้องว่างๆ ที่ท่าทาง
พวกเขาคงต้องใช้มันเป็นห้องประชุมฉุกเฉิน
    “คง...ไม่เป็นไรหรอก”เจ้าชายตอบอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะหันไปถามเฟิร์นว่า “เฟิร์น เสบียงที่อยู่ในประสาทตอนนี้พอมั้ย”
    “ไม่คะ พวกแม่ครัวบอกว่าตอนนี้อาหารเหลือพอสำหรับคนสามพันคนได้แค่สามสี่วันเท่านั้นเองละค่ะ เพราะอาหารที่สั่งเพิ่มยังติด
พายุอยู่ที่โทรีเบอร์มาไม่ถึงน่ะค่ะ”เฟิร์นตอบ
    “กำหนดจริงคือมะรืนนี้ แต่ว่าอาหารที่ใช้ในวันงานเราก็เลื่อนมาทำวันนี้เกือบหมดแล้วด้วย แปลว่าเรามีอาหารเหลือไม่พอสำหรับ
วันงานเทศกาล”กรรมการนักเรียนหญิงอีกคนเสริมขึ้น
    “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องงดงานฉลอง”
    “งดไม่ได้น่ะ มันจะทำแขกของเราเสียเที่ยวไปหนึ่งงาน”เดแอนดัก พอดีกับไซคีกับโดโลเรสเดินเข้ามา
    “ขนกระเป๋าเรียบร้อยแล้วครับ ห้องนอนทุกห้องอยู่ในสะภาพพร้อมใช้งาน ไม่มีปัญหาครับ”ไซคีบอก
    “ดีมากไซคี”เจ้าชายชาพอชบอก “จริงซิไซคี นายเดินทางไปกลับจากนี่ไปโทรีเบอร์บ่อยๆใช่มั้ย”
    “ใช่ครับ”ไซคีตอบ ขณะที่ฮิวกับไคร์กำลังทำท่าทำทางแปลกๆใส่เขาอยู่ห่างๆ “ทำไมหรือครับ”
    “ดี งั้นช่วยไปเอาอาหารที่สั่งไว้ให้หน่อยซิ ตอนนี้มันติดพายุอยู่ที่โทรีเบอร์น่ะ ถ้าเป็นนาย วันเดียวก็น่าจะถึงใช่มั้ย”
    “โอ้...พี่ ที่ผมไปกลับได้เร็วกว่าชาวบ้านเพราะผมไปคนเดียว พี่จะให้ผมแบกเสบี่ยงกลับมาด้วยน่ะไม่ไหวหรอกครับ แล้วเสบี่ยง
หนึ่งเดือนสำหรับสามพันคนเนี่ย...เป็นตันเลยนะครับ”ไซคีตอบหน้าเสีย ก่อนจะนึกขึ้นได้ “แต่...เราไปเอาที่โฮดแลนก็ได้นี่ครับ”
    ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองอย่างมีความหวัง
    “ตอนนี้พายุก็หยุดแล้วด้วย ถ้าเป็นที่โฮดแลนละก็ เราล่องเรื่อลงไปแค่หกชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้วน่ะครับ ส่วนตอนกลับเราก็เช่า
มังกรเอาก็ได้นี่ครับ”ไซคีแนะ
    “มันต้องอย่างนี้ซิ!”เจ้าชายชาพอชตบบ่าไซคีแรงๆกับความคิดที่น่าจะนึกออกกันตั้งนานแล้ว “เราซื้อเฉพาะที่ต้องใช้ช่วงที่เสบียง
ยังติดอยู่ที่โทรีเบอร์ก็ได้ ไปกลับโฮดแลนใช้เวลาประมารวันหนึ่ง พรุ่งนี้ประมารบ่ายๆก็น่าจะกลับมาถึงพอดี เราน่าจะขออนุโลมขอใช้เรือจาก
ค่ายทหารได้”
    “งั้นฉันจัดการเรื่องเรือเอง ถ้าแบบฉุกเฉินใช้นามเจ้าชายทั้งสามคนเลยละก็ แค่ชั่วโมงเดียวก็ไปได้แล้วละ”เดแอนบอกอย่างมั่น
ใจ “ส่วนเงิน....คงต้องเจี่ยออกกันไปก่อนนะ ตอนนี้ที่ตัวใครมีอยู่เท่าไหร่มั่ง”
    ทุกสายตาหันไปทางเจ้าชายทั้งสามพระองค์ที่สะดุ้งสุดตัว แน่นอน เจ้าชายย่อมมีค่าขนมมากกว่าประชาชนคนธรรมดา แล้วก็มี
แนวโน้มว่าท้องพระคลังฮาโมเนียจะอนุญาตให้เจ้าชายทั้งสามเบิกได้ตลอดเวลาซะด้วย
    “ฮิว มีอยู่เท่าไหร่”เจ้าชายชาพอชถาม ฮิวยกถุงเงินของตัวเองขึ้นมาดู
    “เอ่อ...หนึ่งสองสาม..หก..เจ็ด เจ็ดพัน...เจ็ดพันกว่าครับ”ฮิวตอบ แต่เฟิร์นกระชากคอเขาพับ “โอเคๆ ผมยังมีสำรองอีกสามหมื่น
อยู่ในห้องครับ”
    “แล้ว ไซคีละ”เจ้าชายชาพอชหันไปถามอีกหนึ่งหนุ่มที่นับตังของตัวเองล่วงหน้า
    “ที่ตัวมีอยู่สองพันกว่าๆครับ แต่ที่มีสำรองก็ประมารสามหมื่นห้า”ไซคีตอบ ก่อนจะเสริมว่า “ซึ่งหมื่นห้าที่เกินมาส่วนของน้องสาว
ผม”
    “ตัวฉันมีอยู่ร่วมสองหมื่น รวมเงินของเดแอนอีกก็ประมารหมื่นหนึ่ง ก็...ประมารแปดหมื่นห้า น่าจะพอ”เจ้าชายชาพอชสรุป แต่ดู
เหมือนว่าเขาจะลืม
    “พี่ๆ”ฮิวทัก “พี่เอาไปหมดเลยหรอ แล้วพวกผมกินไรละทีเนี่ย”
    “จริงด้วยซิ งั้นฮิวพี่เอาแค่สองหมื่นละกัน(ฮิวร้องห๋า) ไซคีพี่เอาสองหมื่นน่ะ รวมกับของพี่อีกสองหมื่น เดแอนอีกหมื่น ตัดไป
เหลือแค่เหลือแค่เจ็ดหมื่นกว่าๆเอง”เจ้าชายพึมพำ
    “บวกค่าเรื่อ ค่าเช่ามังกรกับเสบียงระหว่างทางรึยังคะ”เฟิร์นถาม
    “อืม...นั่นซิ” เจ้าชายชาพอชเหลือบตาขึ้น“ฉันจำได้ว่าเงินเดือนองครักษ์เนี่ย(ไคร์กับเฟิร์นสะดุ้งหยง)ตกเดือนละสามหมื่นหกนี่นา
ใช่มั้ยไคร์(ไคร์หัวเราะแฮะๆ) แต่องค์รักษ์ระดับสองอย่างเธอคงได้เดือนละสี่หมื่นแล้วละมั่ง ส่วนเฟิร์นฉันเอาแค่หมื่นหนึ่งก็พอ ส่วนไคร์เอามา
สองหมื่นละกัน แต่ว่าไซคี เธอน่ะทำงานได้เงินทีไม่น้อยไม่ใช่หรอ เอามาเพิ่มอีกหมื่นละกันเดี๋ยวก็ได้คืนแล้ว(ไซคีร้อง “ก็เงินมันอยู่กะแม่นี่
ครับ”) ส่วนฮิว ฉันจำได้ว่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าชายอย่างเราๆน่ะตกปีละล้านพัมมิสซิน่ะ งั้นเอามาอีกหมื่นละกัน ไม่กินแกรบหรอก”
    โดนกันท้วนหน้า
    “อ๋อ ใช่ ส่วนคนที่ต้องไปซื้อของ”เจ้าชายชาพอชนึกขึ้นได้ ก่อนจะเอื้อมมือเข้าล็อกคอ
    “ปล่อยผม! ผมไม่อยากไป!”ไซคีร้อง ขณะที่เจ้าชายรุ่นพี่ยังเอื้อมมือไปรวบแขนของไคร์และคอของฮิวมาไว้ในอ้อมแขน
“จริงๆพี่ก็อยากจะไปด้วยนะน่ะ แต่ว่ามันไปไม่ได้ ไซคีไปแทนพี่ละกันน่ะ ไคร์กับฮิวก็ด้วยน่า.... เอาสมุห์บัญชีไปด้วยละกัน(เฟิร์นส่ายหน้า
พับๆแต่พี่เดแอนจับไว้แล้ว) ก็ช่วยไม่ได้ ในหมู่พวกนายเท่านั้นละที่เคยล่องเรือไปโฮดแลน แล้วไซคีก็ขี่มังกรเป็นแค่คนเดียวด้วย ไหนๆก็
ไหนๆแล้ว ช่วยๆกันหน่อยน่ะ แต่พี่แถม(ทุกคนหาทางหนี) คูรันก็แล้วกัน คนของโฮดแลนนี่นา งั้นเอาคูรันไปด้วยดีกว่า เท่านี้เราก็ไปกันได้
แล้วเนอะ เด็กๆ”
“ไม่ครับ/คะ!”
   
ถึงปากจะบอกไม่ แต่การแสดงออกมันตรงกันข้าม พวกเขาทุกคนต้องรีบวิ่งขึ้นห้องแล้วรวบรวมสัมพาระกับเงินที่ต้องใช้มารวมกันที่ห้อง
ประชุมสภา เพราะเจ้าชายชาพอชขู่ว่าถ้าพวกเขาไม่ไปจะรายงานชื่อพวกเขาให้กับอาจารย์ใหญ่ ว่าพวกเขาเป็นต้นเหตุทำให้ไม่มีงานเลี้ยงใน
งานเทศกาลดอกไม้
ดังนั้น ท่ามกลางความมืดที่หนาวจัดหน้าโรงเรียน พวกเขาต้องมาช่วยกันจัดม้าจัดเกวียนเตรียมลงเรือจนได้
“โอ้ย หนาวๆ”ไซคีพูดบ่นๆ พลางโยนกระเป๋าของตัวเองขึ้นไปบนเกวียนหนึ่งในสองเล่มที่เจ้าชายชาพอชขอมาให้ ก่อนจะเดินไปขึ้นม้าของตัว
เอง พร้อมกับกลาดตามองเพื่อนๆของเขา
สรุปแล้วคือ เจ้าชายชาพอช ตัดสินใจส่งพวกเขาลงเรือไปโฮดแลน โดยมีใบสั่งชื้อของจากแม่ครัวยาวเป็นกิโล กับเงินทุนที่หา(ไถ)มาได้ร่วม
แล้วหนึ่งแสนกว่าพัมมิส และเบี้ยเลี้ยงคนละร้อยพัมมิส ทั้งที่คนในกลุ่มที่โดนเรียกตัวมาใช้งานคราวนี้มีตั้งแต่เจ้าชายอย่างไซคีกับฮิว องค์
รักษ์อีกสองคนที่โดนลากไปด้วย ไกด์นำทางหนึ่งคน ซึ่งเจ้าชายชาพอชสามารถลากทาคิมาทำหน้าที่ให้ได้ หมออีกหนึ่งคนที่ทุกคนลงความ
เห็นว่ายูต้องไป อีกหนึ่งพนักงานแบกหามซึ่งก็คือซีส แม็กนาส หัวหน้านักเรียนสายเวทมนตร์ อาสามาด้วยตัวเอง เพราะอยากไปเยี่ยมน้อง
สาว และโดโลเรส ที่เจ้าชายชาพอชอนุญาตให้ไปด้วยได้ รวมทั้งหมดหกคน
“เอ้า เรียบร้อยแล้ว”เจ้าชายชาพอชบอก ก่อนจะขึ้นม้าอีกตัว เพราะเขาอุตส่าใจดีพาพวกเขาไปส่งที่ท่าเรือ เพราะเลขาของเขาคงจะขอเรือมา
รอที่ท่าแล้วแน่ๆ
ในที่สุด พวกเขาก็ถูกต้อนมาจนถึงทะเลสาบกว้างนอกเมือง ที่ตอนนี้น้ำในทะเลสาบกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆอยู่ตามชายฝั่ง แต่ที่กลาง
ทะเลสาบนั้นน้ำยังคงไหล่เป็นปรกติ รวมทั้งแม่น้ำที่ยังคงไหลเชี่ยว
ส่วนเรือของพวกเขา จอดรออยู่ที่ปลายสะพานปลาที่ยาวเหยียดออกไป มันเป็นเรือไม้ขนาดกลางขัดเงาสวยงามทั้งลำ ใบเรือสีขาวหุบมัดไว้ที่
เสากระโดงเรือ และสะพานที่ทอดรับพวกเขาอยู่
“ไคร์ๆ”ไซคีที่ยืนชะโงกหน้าออกไปนอกสะพานปลา กวักมือรียกไคร์ให้เดินเข้าไปหา แล้วชี้อะไรบางอย่างในน้ำให้เขาดู “นั่นตัวอะไร”
“ไหน...”ไคร์ถาม ก่อนจะเพ่งตามองลงไปในน้ำที่มืดดำดุจน้ำหมึก ขณะที่คนอื่นๆกำลังเอาเกวียนขึ้นเรือ แล้วไม่นานเขาก็เห็น ถึงจะแค่แวบ
เดียวก่อนที่มันจะดำลึกหายลงไป อะไรซักอย่างที่คล้ายกับก้างปลาอันมหึมาที่เชื่อมติดกันคล้ายพัด แต่ละซี่ยาวกว่าสองเมตร และยังมีพังพืด
สีแดงอมส้มเชื่อมมันอยู่ทั้งหกซี่ แต่ที่น่าสนใจต่อมาคือปากยาวคล้ายจระเข้ก็โผล่ขึ้นเหนือน้ำจรดหัวเรียบเป็นมันสีแดงสด รวมทั้งดวงตาโต
ก่อนที่มันจะเผยเขี้ยวแหลมนับสิบ แล้วดำหายลงไป “ไอ้ตัวเนี่ยนะหรอ”
“ใช่ๆ”ไซคีตอบ และหายใจถี่ๆ เมื่อกี้ไคร์มั่วแต่สนใจสัตว์ประหลาด ไม่ทันสังเกตว่าไซคีมันตกใจรึเปล่า
“ถ้าชื่อจริงๆน่ะ ฉันไม่รู้จักหรอก แต่พวกชาวเรื่อเขาเรียกมันว่าปลาไฟ พวกชาวประมงหรือไม่ก็ชาวเรือเขาจะเลี้ยงกันไว้ตัวสองตัวน่ะ”ไค
ร์ตอบ ก่อนจะเดินนำไซคีเดินขึ้นไปบนเรือ ทันทีที่เกวียนของพวกเขาถูกนำลงไปไว้ใต้ท้องเรือเรียบร้อยแล้ว 
“เลี้ยงไว้ทำไม”ไซคีถามอย่างหวาดๆ
“มันทำได้หลายอย่าง มันคอยไล่พวกฉลามเวลาออกทะเล ฤดูหนาวพวกมันก็ช่วยเผาน้ำแข็งที่ขวางเรือได้ เวลาคนตกน้ำมันก็ช่วยขึ้นมา”ไค
ร์ตอบง่ายๆ ขณะที่เขาและไซคีเดินมาหยุดคุยกันที่ระเบียงเรือ “ทำไมหรอ”
“ถามไว้เป็นความรู้”ไซคีตอบ ก่อนจะโบกมือให้กับเจ้าชายชาพอช พร้อมกับเรือเริ่มเคลื่อนที่ออกจากท่า “แล้วจะรีบกลับครับ!”
“เดี๋ยวจะทำบุญไปให้!”เจ้าชายชาพอชตอบแหย่กลับอย่างไม่น่าฟังเอาซะเลย แต่เรื่อก็เคลื่อนห่างเรื่อยๆจนในที่สุด ความมืดก็กลืนท่าเรื่อและ
เจ้าชายชาพอชออกไปจากสายตา
“เอาอีกแล้ว...”ไซคีหันมาลากเสียงฉุนๆ ทันทีที่ไคร์ยกบุหรี่ขึ้นมาจุด “คราวนี้เครียดอะไร”
“เปล่าเครียด แค่อยาก”ไคร์ตอบอย่างไร้เหตุผล “แล้วคิดว่าขากลับจะเช่ามังกรกลับรึเปล่า เพราะเรือคงจะทวนน้ำขึ้นมาช่วงนี้ไม่ได้ ไม่มีลม
ขึ้น”
“ก็ต้องขี่มังกรกลับนะหละ เช่าตัวเล็กๆก็พอ เปลืองงบ”ไซคีพูดอย่างหัวเสีย “ตัวใหญ่บังคับยากน่าเบื่อ”
“เฮ้ยๆ ถ้าเอาจิ้งจกออกมามันบรรทุกไม่พอนะเว้ย”ไคร์ถามให้แน่ใจปนคำแหย่
“ไอ้บ้า ถ้าจิ้งจกน่ะให้นายขี่”ไซคีพูดสวน ก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ “จะสามทุ่มแล้ว ฉันไปนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องลุยซื้อของแถมต้องขี่
มังกรกลับมาอีก นอนเอาแรงดีกว่า”แล้วเขาก็เดินหาววอดจากไป ปล่อยให้ไคร์ยืนเกาะระเบียงอยู่คนเดียว แต่ในที่สุดเขาก็เดินไปที่ห้องนอน
ของตัวเองในเคบิน แต่พอเปิดเข้าไปในห้อง
ห้องที่เขาคิดว่าได้นอนคนเดียว ไม่ก็ได้นอนห้องละสองคนมันผิดถนัด เมื่อห้องกว้างๆห้องนี้มีเตียงสองชั้นสองชุดวางอยู่คนละมุมห้อง ซึ่งหนึ่ง
ในนั้นทาคิกับซีสยึดไปแล้วเตียงหนึ่ง
“อ้าว ไคร์ ไปสูบบุหรี่มารึไง”ฮิวนอนถามอยู่ชั้นล่างของเตียง และดูท่าทางเขาจะจองชั้นบนไว้ให้ไคร์แล้ว
“อาบน้ำแล้วหรอ”ไคร์ถามเพื่อนๆทั้งสาม ที่เปลี่ยนตัวเองเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว
“ใช่ซิ แกรู้รึเปล่าว่าแกหายไปนานขนาดไหน”ทาคิลุกขึ้นถาม “แกหายไปเกือบชั่วโมงเลยน่ะ”
“หรอ บุหรี่มวนเดียวเอง”ไคร์บอก
“จะไม่รวมที่คุยกับไซคีหรอ”ซีสชะโงกหน้าถามจากชั้นสองของเตียงเหนือตัวทาคิ “หมอนั่นเข้ามาถึงก็ขอย้ายห้องไปนอนห้องอื่น”
“ห้องนี้เตียงเต็มแล้วนี่นา”ไคร์พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ไอ้เตียงเต็มนะโอเค แต่ว่าเรือนี้มีห้องนอนแค่สองห้อง ห้องนึงพวกผู้หญิงก็เอาไปแล้ว อีกห้องก็พวกเรา แต่ไซคีมันลงทุนเอาถุงนอนไปนอน
ที่ห้องเก็บเสบียงใต้ท้องเรือ”ฮิวบอก แต่ไคร์เลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ
“คง..กลัวพวกเรานอนกรนละมั่ง”
      “เฮ้ย!อะไรน่ะ! ทุกคนตื่นก่อนครับ!!”
ไคร์สะดุ้งตื่นจากนิทรา ก่อนจะกระโดดลงจากเตียงสองชั้นที่เขานอนอยู่ชั้นบน พร้อมกับคนอื่นๆพลุบพับลุกขึ้นจากเตียง พร้อมกับซีสจุด
ตะเกียงขึ้นส่องห้องให้สว่าง ขณะที่คนอื่นๆพากันคว้าอาวุธ ก่อนจะวิ่งกันออกไปตามระเบียงเรื่อ แต่ไม่ทันไรเรือก็โคลงเอียงโยนพวกเขากระ
แทรกกับกำแพงเคร์บินเรือ พอดีกับพวกผู้หญิงเปิดประตูออกมา
“นี่อะไรกัน!”เฟิร์นร้องถาม ก่อนจะต้องคว้าขอบประตูหมับเพราะเรือเริ่มโคลงอย่างรุนแรง จนเตียงสองชั้นในห้องของพวกเธอโค้นล้มลงมา ทำ
ให้ยูและโดโลเรสต้องหนีกันออกมาคว้าราวระเบียงด้านนอก
“อย่าออกมา! กลับเข้าไปในห้อง!”เสียงไซคีตะโกนสั่ง แต่เรื่อที่แอนซ้ายแอนขวา ทำให้ทุกคนแทบไม่อยากลุกไปไหน “เร็ว! กลับเข้าไปใน
ห้อง!”
“ข้างนอกมันปลอดภัยกว่านี่หว่า!”ทาคิตะโกนเถียงไซคีจึงต้องออกวิ่งทั้งที่แอนซ้ายแอนขวา แต่สงสัยจะช้าไป
หนวดปลาหมึกขนาดใหญ่พุ่งขึ้นจากน้ำ และคว้าเอาตัวโดโลเรสกระชากเธอหายไปในความมืดนอกเรือ พร้อมกับเสียงน้ำกระพือซ่า ซีสกา
งมือขึ้นยิงลูกไฟขนาดเท่าลูกฟุตบอลนับสิบๆลูกส่องแสงทั่วบริเวณพื้นน้ำ เปิดความมืดให้เห็นผู้หญิงที่มีดวงตาแดงกลำ ผิวกายสีดำสนิทลื่นเป็นเมือก แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่าท่อนล่างของหล่อนที่เป็นหนวดปลาหมึกยั้วเยี้ยไปหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นพับรอดเอวของโดโลเรสไว้ และมันกำลังจะหนี
“หนอย!”ไซคีกัดฟันอย่างแค้นใจ ก่อนจะเหยียบราวระเบียงและกระโดดออกไป แต่ยังไม่ทันที่ใครจะร้องโวยวาย ไซคีก็วิ่งไปบนพื้นที่มองไม่
เห็น ตรงไปที่นางเงือกวิปริตที่อยู่ห่างออกไป
ไม่ต้องรอให้ไซคีเรียก พวกเขากระโดดออกไปนอกเรือและวิ่งตามไซคีไป แต่ดูเหมือนว่าไซคีจะเริ่มก่อน
“แปดคม!”เขาฟาดดาบลง ฉับเดียวหนวดของนางปลาหมึกทั้งแปดหนวดก็โดนตัดกระจาย แต่โดโลเรสที่ตกลงกลับโดนหนวดอันใหม่คว้ากลับ
ขึ้นไป
“ไซคีหลบ!”ซีสบอก ก่อนที่ศรไฟขนาดใหญ่จะพุ่งเข้าแทงนางเงือกที่ปัดมันออกอย่างง่ายดาย
“มันธาตุน้ำ!ใช้เวทธาตุลมซิ!”ไซคีสั่ง
“ไม่มีโว้ย”ซีสตอบ โธ่ๆ ดันมาเจอพ่อมดเฉพาะสายซะอีก แต่ใครจะสน ไคร์วิ่งเข้าไปพร้อมกับวาดดาบฟันหนวดปลาหมึกทุกเส้นอย่างว่องไว
เช่นเดียวกับฮิวที่เร่งหลบหนวดเหล่านั้นพริบตาเดียวเขาก็เข้าถึงตัวโดโลเรส พร้อมกับแทงดาบลงแต่
วูบเดียวเท่านั้นฮิวก็โดนอะไรบางอย่างกระชากลอยตูมหายลงไปในน้ำ ตามด้วยเฟิร์นที่โดนตบปลิวหายไปอีกคน ไม่ทันให้ร้องไซคีกับซีสก็
ถูกกระชากหายลงไปในน้ำลึก แต่ไม่นานฮิวก็กลับขึ้นมาได้ ไม่ทันไรเขาก็ถูกดีดกลับลงไปใหม่
“โธ่!!”ไคร์กัดฟันกรอด ก่อนจะหันไปฟาดดาบใส่อะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นออกห่างจากตัว แต่มันก็พุ่งกลับเข้ามาโจมตีด้วยแรงมหาศาลจน
ไคร์ต้องหลบวูบ แต่หนวดของนางเงือกก็รัดเอาขาของจนตัดแทบไม่ทันยกดาบรับปีศาจล่องหน แล้วพริบตาที่นำสาดกระพือ นางเงือกดำน้ำ
ลงไปแล้ว แต่ไคร์คว้าหนวดของมันไว้ได้เส้นหนึ่ง
    ชั่ววิ ณ จุดเดินนางปลาหมึกก็โดนกระชากลอยขึ้นจากน้ำ ดาบเพียงเล่มเดียวเล่นหนวดทุกเส้นของมันขาดสะบั้นฉีกขาดเป็นแผล
เหวอะหวะทั้งแปดเส้น พร้อมกับเลือดขนดำสาดลงสู่ผิวน้ำ แต่คนที่ควรอยู่กับมันกลับไม่อยู่
    โดโลเรสละ?
    ไม่ต้องตอบก็คงจะรู้กันละ พื้นน้ำที่ควรจะราบเรียบตอนนี้กลับปรากฏหนวดผอมบางนับพันๆเส้นกวัดแกว่งขึ้นจากน้ำ ซึ่งหนึ่งในนั้น
พันรอบโดโลเรสไว้อย่างถะนุถนอม และคลื่นขนาดใหญ่ก็ถูกผลักเปิดออกเพื่อให้ส่วนหัวของสัตว์ประหลาดตัวนี้โผล่พ้นน้ำ มันดูคล้ายกับ
ดอกไม้ที่กลีบทั้งหกกลีบของมันงอเป็นจะงอยแหลมคม และทันทีที่มันหันมาเปิดกว้างทักทายพวกเขา เฟิร์นก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะในปาก
ของมันคือเขี้ยวแปดแถวเรียงกันเป็นใบจักร
    “ตรงนั้น! ข้างหลัง!”โดโลเรสที่เพิ่งหายสำลักน้ำชี้นิ้วไปยังความมืดด้านหลังพวกเขา ที่ซีสหันปลายดาบยิ่งลูกไฟเปิดความมืดให้
เห็นบุรุษในชุดฮูดดำผู้หนึ่งที่ยืนอยู่เหนือผืนน้ำ
    “อา....จับได้ซะแล้วแฮะ เก่งเหมือนกันนี่นา”มันพูดด้วยน้ำเสียงครื้นเครง ก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าพวกเขาเมื่อทุกคนขยับตัว “อะ 
อย่าดีกว่า...ไม่งั้นเพื่อนแกอีกคนจะไม่รอดเอาน่ะ”
    เพื่อนอีกคน? มันไม่น่าฆ่าโดโลเรสตอนนี้ ถ้างั้นใคร
    ไคร์กลาดมองเพื่อนๆของเขาที่ทำอย่างเดียวกันเพื่อหาคนที่หายไป แล้วเขาก็เพิ่งสังเกตว่าไอ้คนที่หวังพึ่งมันไม่อยู่ช่วย
    “ถ้าไม่บอกพวกแกคงไม่รู้ว่าเจ้าชายไซเคอรันว่ายน้ำไม่แข็ง ถ้าเป็นพวกแกโดนฉุดลงไปแค่เจ็ดแปดเมตรเดี๋ยวก็ขึ้นมาได้แล้ว แต่
ในน้ำเย็นๆที่ข้างใต้มีแต่น้ำแข็งลอย...เต็มไปหมดเนี่ย เจ้าชายคงจะขึ้นมายากหน่อย แล้วข้าก็คำนวณไว้แล้วว่าใครเป็นตัวอันตราย ข้าเลยฉุดเจ้าชายลงไปลึกหน่อย...”มันหยุดช่วงหัวเราะเบาๆ “คงจะ ถึงก้มทะเลสาบแล้วละมั่ง มาเล่นกับอสูรข้าอีกตัวเป็นไง”
   
    ทันทีที่มันพูดจบ น่านน้ำทางขวามือของพวกเขาก็เริ่มดันตัวขึ้น ชั่วอึกใจคลื่นน้ำก็ตีเปิดออก ปีกนกแข็งๆที่ราวกับประกอบด้วย
แท่งศิลาแหลมยาวนับร้อยสยายออกจนขนาดใหญ่เสียกว่าใบเรือ และทันทีที่ปีกสะบัดลงส่งตัวเจ้าของปีกขึ้นสู่ฟ้าเกลื่อนดาว แสงจากบอล
ไฟ และพระจันทร์ที่จัดไว้เป็นฉากหลังส่องร่างที่น่าแกรงขามของมันให้เห็นเด่นชัด หัวขนาดเท่าเตียงนอนได้หนึ่งเตียงโชว์เขี้ยวยาวราวเสือ
ดาบแม้ว่ามันจะไม่แสยะปากกว้าง ชูคอยาวไล่ไปถึงลำตัวผอมบางเพรียงลมจรดหางยาวที่ยาวกว่าตัวมันหลายเท่า บางและริบลงตรงปลายคม
จนคล้ายแส้พลิ้วไหวอย่างอิสระ
    พระเจ้า...
    “เร็วๆซิ ถ้าช้าจะไม่ทันน่ะ”ไซคีพูดสั่งอย่างอารมณ์เสีย เพราะรุ่นน้องปีหนึ่ง สายอัศวินในความดูแลของเขาไม่สามารถขนกระถางดอกไม้ขนาดเท่ากะละมังขึ้นมาตามบันไดได้ แต่ถึงตัวเขาจะแบกอยู่ถึงสองอันก็ยังนำกลุ่มเด็กๆขึ้นมาได้สบาย
    “โธ่..รุ่นพี่ครับ รุ่นพี่ตัวสูงกว่าผมตั้งแยะ”เด็กหนุ่มรุ่นน้องคนหนึ่งพูดบ่นขึ้น ก่อนจะแบกกระถางตามไซคีขึ้นไป
    “เป็นผู้ชายให้มันแข็งแรงหน่อยซิ ดูอย่างไคร์ กับเจ้าชายฮิวมัสซะมั่งซิ”ไซคีบอก ก่อนจะชี้ไปที่ไคร์กับฮิวที่โดนใช้ให้
แบกกระถางคนละสามใบ แต่ก็ยังสามารถแบกนำเด็กๆขึ้นไปได้  “พวกน้องแบกคนละใบเอง เร็วๆหน่อยซิเอ้า ไม่งั้นจะไม่ให้พักน่ะ เร็วๆ”เขา
เร่งก่อนจะแบกกระถางเดินตามไคร์กับฮิวได้ทัน ก็แน่หละ ใครจะรู้ความลับที่เขาใช้เวทมนตร์ช่วย
    “อ้าว เพิ่งมาถึงหรอ”เฟิร์นโผล่ออกมาจากห้องข้างๆ ก่อนจะรีบเดินตีเข้ามาร่วมกลุ่มพร้อมกับโดโลเรส
    “ช้าจังเลย เรายังขาดกระถางที่ชั้นสามอีกตั้งสามสิบหกใบแนะ”โดโลเรสบอก ขณะที่เฟิร์นเปิดดูสมุดบัญชี เพราะทุกคนเล็งเห็น
แล้วว่า เธอนี่แหละเหมาะที่จะเป็นสมุห์บัญชีมากที่สุดในสภานักเรียน
    “นี่ เดี๋ยวไปพักได้แล้วน่ะ กระถางคิดว่าครบแล้วหละ แต่เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงก็ช่วยกันแบกผ้าม่านประดับขึ้นมาด้วยละกันน่ะ ชั้น
สองเอาสามสิบพับ ชั้นสามเอาอีกสามสิบพับน่ะ แล้วก็กรรไกรฉันสั่งมาเพิ่ม เอาขึ้นมาสองลังก็พอแล้วหละ แล้วก็ลวดอีก..สิบห้าขดก็พอ ชั้น
สองสิบขดที่ห้องโถงอีกห้าขด พยามเข้าน่ะ”เธอสั่งพลางตบไหล่ไซคีเบาๆ
    “นี่เพิ่งสองโมง ใช้งานกันอย่างกับทาส”ไคร์พูดบ่นๆ ทำไมหนอ..นักเรียนชายปีห้าห้องก.มีตั้งสามสิบกว่าคน ทำไมมีแค่พวกเขา
สามคนที่ต้องมาแบกกระถางพวกนี้ แถมยังต้องคอยคุมพวกเด็กปีหนึ่งอีก
    “นิไซคี ถามจริงทำไมต้องรับหน้าที่แบกกระถางด้วย”ฮิวถามเสียงแห้ง
    “เผอิญว่าตอนเช้าฉันคุยกับเจ้าชายชาพอชมานะ เขาบอกให้รีบรับงานนี้”ไซคีตอบอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เด็กปีหนึ่งได้
ยิน “เพราะเดี๋ยวเจ้าชายเขาจะเอาปีห้าคนอื่นไปขุดลอกคลองหลังโรงเรียน คิดเอาเถอะที่นั่นกว้างก็กว้าง ลึกก็ลึกแถมน้ำแข็งก็ยังไม่ละลาย
แล้วต้องทำทั้งวันด้วย หรือไม่ก็มีอีกงาน เขาให้พวกนายไปนั่งสานเสื่อไม้ไผ่ขนาดเท่าสนามม้าสองแผ่น ทำให้ตายก็ไม่เสร็จในวันเดียว แถม
ต้องสานกลางแจ้ง ลมหนาวกะหิมะก็โปรยลงมาให้หวาดเล่น เพราะสานข้างในมันไม่มีพื้นที่ แต่พวกเราแค่แบกของสองรอบที่เหลือก็สบาย
แฮ่ เลือกอะไรละ”
    “นายก็เลยรีบลงชื่อคุมงานแบกของ แถมยังเกี่ยวฉันกับไคร์มาทำด้วย”ฮิวถาม ไซคีพยักหน้าหงึก
    “ไม่ดีหรือไง”
    “ก็ดีกว่าลอกคลอง”ฮิวตอบ
    ในที่สุด งานแบกของรอบแรกของพวกเขาก็เสร็จที่ชั้นสาม หลังจากแบกกระถางทั้งหมดไปไว้ในที่ที่มันควรอยู่ พวกเขาเลยได้นั่ง
พักกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง โดยมีนักเรียนพยาบาลที่ยูเป็นหัวหน้าคุมงานมาช่วยเสิร์ฟน้ำ
    “เหลือแบกอะไรอีก”ไคร์ถามไซคี ทันทีที่พวกเขาหาที่นั่งได้ตรงหัวบันได
    “เหลือแบกผ้าสองคนละพับจากห้องโถงเล็ก ไปไว้ที่ห้องโถงใหญ่”ไซคีตอบ และวางแก้วน้ำลงข้างตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทักยู
ว่า “ไงคุณหมอ” 
    “อือ ปวดเหมื่อยตรงไหนมั้ย”ยูเดินเข้ามาถาม และนั่งลงต่อจากไซคี
    “ไม่เท่าไหร่”ฮิวตอบ พลางถอนหายใจเบาๆ
    “นี่พวกนายยังดีน่ะ ผู้ชายห้องเราคนอื่นๆโดนจับไปขุดลอกคลองที่หลังโรงเรียน ป่านนี้ยังไม่ขึ้นมาเลย”ยูบอก
    “จริงๆแล้วใช้เวทมนตร์เอาก็ได้”ไคร์บอก แต่ไซคีตบไหล่เขาเบาๆ
    “ใช้ได้เขาก็ทำกันไปแล้วซิ พวกปลาน่ะไม่ชอบเวทมนตร์ พวกมันไวต่อเวทเกินไป ถ้าใช้เวทขุดลอกคลองมันได้ตกใจตายกัน
หมดทั้งคลอง แค่ใช้มือมันยังไม่อยากจะรอดกันเลย”เขาอธิบาย ก่อนจะหันไปถามยูว่า “จริงซิ พวกเธอมาอยู่นี่แล้วอาหารเย็นพวกเราละ ใคร
ทำ”
    “อ๋อ เดี๋ยวค่อยไปน่ะ ทำแค่สองชั่วโมงก็เสร็จแล้ว ตอนนี้รอปลาน่ะ”ยูตอบ “เจาชายชาพอชที่คุมงานขุดลอกคลองบอกว่าวันนี้จะ
เอาปลามาฟาก”
    “ปลาในคลองนะหรอ”ไคร์ถาม ก่อนจะตีหน้าเอียน “ปลาคลองโรงเรียนเรามันปลาธรรมดาที่ไหน มีแต่ปลาประเภทสัตว์ประหลาด
ที่ทางราชการเอามาฝากปล่อยทั้งนั้นน่ะ”
    “กินได้ซิ อร่อยด้วยละ”ยูตอบ ทำเอาสามหนุ่มเหวอขึ้นหน้า “พวกสายอัศวินไม่เคยเรียนทำอาหารเลยไม่รู้เลยซิน่ะ ปลาพวกนั้น
น่ะเนื้อเสต็กราคาแพงเชียวน่ะ ตัวโตๆทั้งนั้นเลยด้วย อย่างต่ำก็ยาวซะหนึ่งฟุตละ”
    “พูดจริงๆน่ะ วิชาคหะกรรมของโคเทียน่าไม่เคยสอนว่าปลาประหลาดทำเสต็กได้”ไซตีตอบ ก่อนจะทำท่าทางขนลุก “มีแต่...เนื้อ
ม้า”
    “แหวะ”ทุกคนสบถขึ้นพร้อมกัน
    “วิชานั้นฉันโดดตลอดกาลเลย รับไม่ได้ สอนทำแต่เนื้อม้า เนื้อปลามังกร ผัดกระดูกงู คั่วไขสันหลังลา”
    “พอๆไซคี แกกำลังทำให้ฉันกินข้าวไม่ลง”ฮิวบอกทำหน้าเหมือนจะอาเจียน
    “แพ้ท้องหรอ”
    “ใช่มั่ง”
    “โธ่..ฮิว แกท้องก็ไม่บอกฉัน พูดมาซิ ใครเป็นพ่อเด็ก”ไซคีแหย่
    “จริงด้วยฮิว แกไม่น่าปิดบังกันเลย”ไคร์ต่อ
    “ตายแล้วฮิว ถ้านายไม่รีบหาพ่อเด็ก ลูกจะเป็นเด็กไม่มีพ่อน่ะฮิว”ยูเอาด้วย
    “ในเมื่อเรื่องมันขนาดนี้แล้ว ฉันสารภาพเลยละกัน”ฮิวเล่นต่อแบบไม่อายใคร “ไซคีนะพ่อเด็กละเธอ!นี่ฉันท้องได้สามเดือนแล้ว
น่ะรู้มั้ย!”
    “หยุดไอ้บ้า โอ้ย ยังจะเล่นต่ออีกขนลุกโว้ย”ไคร์บอก
    “จริงซิ เข้าเรื่องกันดีกว่า”ไซคีเริ่มขึ้น “เมื่อคืนนี้ฉันเพิ่งปะทะกับนักล่ากลุ่มอื่นมา”
    “แกเลยท้อง”
    เท่านั้นละทุกมือก็พุ่งเข้าใส่กระบาลฮิวทันที
    “หยุดเล่นได้แล้ว เอางานเอาการ”ไซคีบอกพร้อมกับแถมลูกตบอีกหนึ่ง “เมื่อคืนนี้นะ มีนักล่าสามคนมาที่นี่ตอนตีสาม แต่มันติด
เขตุอาคมที่ฉันกางทับไว้ที่ห้องของโดโลเรส ฉันเลยออกไปเจรจาได้ ตอนนี้พวกมันวางมือจากโดโลเรสแล้ว แต่กลุ่มอื่น ยังไม่แน่”
    “แสดงว่าข่าวที่เราปล่อยออกไปทีแรก ยังไม่น่าเชื่อถือซินะ”ฮิวพึมพำ 
    “คิดว่าคงจะเป็นอย่างนั้นละ”ไซคีตอบ “ถ้าคอยแต่ตั้งรับแบบนี้ต่อไปจะพลาดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วย โดยเฉพาะตอนงานเทศกาลน่ะ
ป้องกันยากที่สุด จะมีนักฆ่าปนมากับพวกโรงเรียนแม่มดรึเปล่าก็ไม่รู้”
    “แล้วจะทำยังไง”ฮิวถาม
    “ก็....คงต้องรอยันปิดเทรมนะหละ”ไซคีตอบ “ตัดไฟซะแต่ต้นลม ฉันจะพาทีมบุกไปสังหารเจ้าหญิงเมเรน่าที่ซันทีเมียเอง”
    “เล่นอย่างนั้นเลยหรอ”ฮิวพูดอย่างตกใจ “เอาจริงหรอ”
    “ใช่ มันอันตรายน่ะ”ยูเสริม
    “ไปเหยียบถิ่นเขาเชียวน่ะ”ไคร์ต่อ
    “ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ก็มีกลุ่มของฉันกลุ่มเดียวที่มั่นใจว่าเมเรน่าอยู่ในซันทีเมีย พวกนักล่ากลุ่มอื่นยังต้องการข้อมูลจากโดโลเรสอยู่
ถ้ารีบไปจัดการเจ้าหญิงนั่นซะก็สิ้นเรื่อง”ไซคีตอบ
    “แล้วถ้าไป นายจะยกไปกันกี่คน”ฮิวถามอย่างไม่แน่ใจ
    “ไม่รู้ซิ ถ้ามือหนึ่งกับมือสองว่างก็คงต้องเอาพวกเขาไปด้วย”ไซคีตอบ
    “ไปกันแค่สามคนหรอ”ยูเลิกคิ้ว
    “ใช่”
    “ไหวหรอ”ฮิวถามต่อ “ทางรูรูนอยฝีมือไม่ใช่ด้อยๆน่ะ แถมไปยันถิ่นเขาคนต้องเยอะกว่าอยู่แล้วด้วย”
    “ฉันลอบฆ่า ไม่ได้ไปทำสงคราม”ไซคีตอบเหมือนเรื่องปรกติ “ไปแค่สามคนก็ต้องใช้แผนหมาลอบกัดอยู่แล้ว แล้วก็ต้องกัดให้
ตายด้วย”
    “แล้วไหวหรอ”ยูถามซ้ำ ไซคีไหวไหล่ ดูท่าทางมันจะไม่อยากตอบคำถามนี้แต่แรกแล้วด้วย
    “ก็...ถ้าได้ท่านยูเอ็น กับท่านซาเทียไปด้วยก็มีโอกาสสำเร็จสูง แต่สองหนอนั้นเขางานเยอะอยู่แล้ว คงต้องส่งจดหมายจองตัวไว้
ก่อนละ”
    “แล้วถ้าไม่ได้ละ”ไคร์ถาม
    “ก็ไปคนเดียว”ไซคีตอบง่ายๆ “ความสำเร็จก็ยังมีสูงอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยก็โดนจับตัวยาก หรือถ้าไม่งั้นก็คงจะเอามือเลขต้นๆ
ไปด้วยซะสองสามคน อย่างท่านคราย หรือไม่ก็ท่านจิล”
    “แกจะมั่นใจมากไปรึเปล่า”ฮิวดักคอ “ถ้าไม่ไหวฉันกับไคร์จะได้ไปด้วย”
    “อย่าเลย มันอันตราย”ไซคีบอก รู้หละว่าไอ้สองคนนี้ฝีมือมันไม่ใช่ย่อยๆ เพราะการฝึกระดับเจ้าชายมันโหดสนิท อาทิ เจ้าชาย
ทุกพระองค์ตอนอายุสิบเอ็ดจะโดนฝึกแบบเดียวกับทหารอาทิตละห้าวัน อายุสิบสองก็โดนส่งไปฝึกที่ค่ายทหารร่วมกับพวกลูกชายในพลคน
อื่นๆ อายุสิบสามก็ส่งไปฝึกชายแดนปีละสองเดือน เรื่อยมายันปัจจุบัน
    เจ้าชายอย่างหมอนี่ ถึงอายุแค่สิบแปด ฝีมืออย่างต่ำก็ระดับเดียวกับนักล่าระดับสาม แต่ที่น่าสนใจ คงจะเป็นไคร์มากกว่า เพราะ
หมอนี่มีประวัติกับข่าวลือที่ไม่ธรรมดาบ่อยๆ     โดยเฉพาะข่าวลือเรื่องสายเลือด แล้วยิ่งฝีมือมันปัจจุบัน ต่อให้ปะทะกับเจ้าทามัวตรงๆ ไคร์
อาจจะชนะก็ได้
    แต่ จะเอาไอ้สองคนนี้ไปด้วยนะหรอ พวกนี่มันอัศวินไม่ใช่นักฆ่า พวกอัศวินถนัดเรื่องต่อสู้ประชิดตัวแบบซึ่งๆหน้า จะให้มาลอบ
ฆ่าชาวบ้านนะทำได้ที่ไหนเล่า ปลอมตัวยังไม่เป็นกันเลยด้วยซ้ำ
    “อย่าไปเลย บอกตรงๆลำบากเปล่าๆ”ไซคีบอก “แล้วถ้าพวกนายไป ใครจะดูโดโลเรส เฟิร์นหรือไง”
    “คงงั้นนะหละ”ฮิวตอบ
    “แล้วอีกอย่างน่ะ ท่านย่ากับแม่นายคงไม่ยอมหรอก”ไซคียกเหตุผลสุดท้ายขึ้น “ทำเป็นเครียดไปได้ ที่พูดมาเนี่ยมันยังไม่ชัด
หรอกว่าจะไป เพราะแม่อาจจะส่งพวกซาเทียกับทีมอื่นไปทำแทน ฉันคงไปเองไม่ได้หรอก แม่ไม่ยอมแหง แต่ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆคงเลี่ยงไม่
ได้เหมือนกันหละ แล้วดีไม่ดี--”
    “อะ โดโลเรสมา”ยูทัก
    “สรุปว่า ผ้าที่เราขนกันอยู่ชั้นไหนน่ะ”
    สองวันที่เหลือของการเตรียมงาน นักเรียนทุกคนแทบจะไม่ได้ทำอะไรอื่นนอกจากงมอยู่กับการจัดดอกไม้ในกระถางแล้วก็ต้องให้เวทหยุดเวลามันไว้ก่อนอีก(เพราะคนสั่งงานมันสั่งมั่ว ดอกไม้มันต้องจัดวันสุดท้ายแท้ๆ) กับการตกแต่งห้องโถง พูดเหมือนง่าย แต่ห้องโถง
ของโซราเนียมีขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอล เพดารก็สูงร่วมสามชั้น ยังไม่รวมโต๊ะกลมที่ใช้ในงานเพราะต้องจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีเพื่อต้อน
รับแขกต่างโรงเรียน แต่ไม่เข้าใจว่าโรงเรียนจะหาคนงานมาจัดปีละครั้งมันเหนื่อยนักหรือไง ถึงได้ใช้แต่นักเรียนจนแขนของพวกเขาแทบจะ
หลุดจากบ่า ยังไม่รวมที่บรรดาอาจารย์ของพวกเขายังไม่กลับจากการพักร้อนที่กรินฮิว ทำให้งานทั้งหมดตกเป็นหน้าที่ของคนในสภานักเรียน
แต่จากข่าวที่ได้รับ ท่าทางพวกอาจารย์จะมาถึงอย่างเร็วก็อีกสองวันข้างหน้า
แต่ที่มันน่าโมโห ก็คือพวกโรงเรียนแม่มดจะมาถึงในตอนเย็นของวันนี้ ทั้งที่กำหนดการจริงคืออีกสามวัน ทำให้นักเรียนปีห้าและปีหกต้องจำใจ
เจี่ยอาหารเย็นไปทานเวลาอื่น เพื่อใช้เวลาอาหารเย็นของพวกเขาในการทำอาหารในครัวใหญ่ และช่วยกันเสิร์ฟอาหารเย็นให้กับแขกที่มา
ก่อนเวลา
    “เร็วๆซิ เรียงไปโต๊ะละยี่สิบใบเอง อีกสิบนาทีเร็วๆเข้า”เจ้าชายชาพอชพูดเร่งไซคีที่ใช้เวทมนตร์สั่งให้จานสีขาว นับร้อยใบบินร่อน
ลงประจำตำแหน่งของมันที่โต๊ะตัวยาวที่ตั้งเรียงกันกว่าสามร้อยตัว ที่ปรกติพวกเขาใช้มันเฉพาะตอนประชุมนักเรียนเท่านั้น แต่ตอนนี้มันต้อง
ทำหน้าที่เป็นห้องอาหารฉุกเฉินซะแทน
    “แล้วอาหารในครัวละ เสร็จรึยัง”เจ้าชายชาพอชหันไปถามเฟิร์นที่เดินเข้ามาในห้อง
    “เหลือแต่อบไก่งวงเองคะ คงซักห้านาที นอกนั้นพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ”เฟิร์นตอบ
    “งั้นช่างเถอะ เอาอาหารหลักๆออกมาก่อนก็ได้ แล้วค่อยเสิร์ฟเพิ่มทีหลัง”เจ้าชายชาพอชบอก ก่อนจะก้มดูในคลิ๊บบอร์ดของเขา
ว่าขาดเกินอะไร “ลำดับอาหารที่จะเสิร์ฟพร้อมแล้วใช่มั้ย”
    “เรียบร้อยแล้วค่ะ”เฟิร์นตอบ
    “จานกับช้อนส้อมก็เรียงเรียบร้อยแล้ว งั้นพวกเราออกไปกันได้แล้ว เร็วเข้า”เจ้าชายประกาศ แล้วนักเรียนทุกคนก็พากันวิ่ง
เหยาะๆออกไปจากห้องทางประตูเล็กบานต่างๆ เหลือแต่พวกคนในสภานักเรียนคอยต้อนรับแขก และในที่สุดประตูใหญ่ก็เปิดออก
    หญิงร่างสูง สง่างามในชุดคลุมสีดำสนิท สวมหมวกปีกกว้างปลายแหลมสีดำเงา ใบหน้าที่ยังเต่งตึงรวมทั้งมวยผมสีดำขลับ บอก
ให้รู้ว่าเธอคงอายุไม่เกินสามสิบปี
    อาจารย์ใหญ่โรงเรียนไครเซอเว็น อาจารย์แคนนาเดีย มาคาติน
หล่อนเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตูห้องโถง พลางกลาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะโบกมือนำแถวนักเรียนหญิงของเธอ ที่ตัวหนาด้วยชุดฮูดขน
แกะสีดำยาวแทบลากพื้นเข้ามาด้วยท่าทีลังเล ก่อนที่เฟิร์นจะเดินเข้าไปต้อนรับในฐานะประธานนักเรียนหญิง
    “สวัสดีคะอาจารย์มาคาติน ขออภัยที่คงไม่สะดวกเท่าที่ควรคะอาจารย์ เราจัดโต๊ะเฉพาะอาจารย์ที่ด้านหน้าแล้ว ส่วนนักเรียนหนู
จะนำแถวไปนั่งที่โต๊ะทางซ้ายมือเองคะ อาจารย์”เฟิร์นบอก
    “ขอบใจจ้ะ”มาคาตินตอบ ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะด้านหน้า
    “เชิญทางนี้คะ”เฟิร์นบอกกับนักเรียนหญิงผมแดงที่อยู่หัวแถว ให้เดินตามเธอไปที่โต๊ะทางซ้ายสุดของห้อง กระทั่งนักเรียนแม่มด
ทั้งหมดนั่งประจำที่ เจ้าชายชาพอชก็ต้องขึ้นแท่นประรำพิธี และกล่าวคำต้อนรับ
    “ข้าพเจ้า เจ้าชายชาพอช แฟร์คอนเวอร์ ขอกล่าวสวัสดีและขอต้อนรับคณะอาจารย์ และคณะนักเรียนจากโรงเรียนสตรีไครเซ
อเว็นทุกคน สู่โรงเรียนอัศวินหลวง โซราเนีย แห่งกองทัพหลวงแคนโดร่า พวกเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พวกท่านมาร่วมการศึกษาแม้ว่า
จะในเวลาสั้นๆ แต่ต้อง...ขออภัยต่อแขกผู้มีเกียร์ติของเรา เนื่องจากกำหนดการมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ทำให้คณะอาจารย์ของพวกเรา
ไม่สามารถมาต้อนรับพวกท่านได้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังไม่สามารถเตรียมการต้อนรับได้ตามแผ่นที่ตั้งไว้ ดังนั้นวันนี้งานและการต้อนรับทั้งหมด
จึงเป็นหน้าที่ของนักเรียนทุกคน ทำให้งานอาจจะออกมาได้ไม่ดี จึงต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เชิญ
แขกผู้มีเกียร์ติของเรารับประทานอาหารมื้อเย็นของวันนี้”เจ้าชายโบกมือไปทางประตูเล็กทั้งสี่บานด้านหลังประรำพิธี ที่จานอาหารและเครื่อง
ดื่มนับร้อยๆจานลอยเรียงแถวร่อนลงสู่โต๊ะทุกโต๊ะในห้องอย่างเป็นระเบียบ “ส่วน เรื่องที่พัก ขอให้พวกท่านสบายใจได้ กระเป๋าและสำพาระ
นักเรียนของเราได้นำมันขึ้นไปไว้ยังห้องโถงเล็กที่ชั้นสองของปราสาททิศใต้ ซึ่งจัดเป็นที่พักของพวกท่านไว้แล้วอย่างดี ขอให้พวกท่านรับ
ประทานอาหารฝีมือนักเรียนของเรากันให้สบายใจเหมือนกับเป็นบ้านของท่านเองน่ะครับ และเมื่อทานเสร็จจะมีนักเรียนของเรามานำท่านไปสู่
ที่พักเอง ขอบคุณครับ”แล้วเจ้าชายก็เดินลงมาจากประรำพิธี ปล่อยไว้ก็แต่เด็กปีสี่ที่ทำหน้าที่(เป็นเด็กเสิร์ฟ)ดูแลแขกเกือบพันคน
   
    “เอาไงต่อดีละชาพอช แบบนี้พวกเราจะคุมต่อไปได้ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”เดแอนถามขึ้น ทันทีที่ทุกคนหลบมาถึงห้องว่างๆ ที่ท่าทาง
พวกเขาคงต้องใช้มันเป็นห้องประชุมฉุกเฉิน
    “คง...ไม่เป็นไรหรอก”เจ้าชายตอบอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะหันไปถามเฟิร์นว่า “เฟิร์น เสบียงที่อยู่ในประสาทตอนนี้พอมั้ย”
    “ไม่คะ พวกแม่ครัวบอกว่าตอนนี้อาหารเหลือพอสำหรับคนสามพันคนได้แค่สามสี่วันเท่านั้นเองละค่ะ เพราะอาหารที่สั่งเพิ่มยังติด
พายุอยู่ที่โทรีเบอร์มาไม่ถึงน่ะค่ะ”เฟิร์นตอบ
    “กำหนดจริงคือมะรืนนี้ แต่ว่าอาหารที่ใช้ในวันงานเราก็เลื่อนมาทำวันนี้เกือบหมดแล้วด้วย แปลว่าเรามีอาหารเหลือไม่พอสำหรับ
วันงานเทศกาล”กรรมการนักเรียนหญิงอีกคนเสริมขึ้น
    “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องงดงานฉลอง”
    “งดไม่ได้น่ะ มันจะทำแขกของเราเสียเที่ยวไปหนึ่งงาน”เดแอนดัก พอดีกับไซคีกับโดโลเรสเดินเข้ามา
    “ขนกระเป๋าเรียบร้อยแล้วครับ ห้องนอนทุกห้องอยู่ในสะภาพพร้อมใช้งาน ไม่มีปัญหาครับ”ไซคีบอก
    “ดีมากไซคี”เจ้าชายชาพอชบอก “จริงซิไซคี นายเดินทางไปกลับจากนี่ไปโทรีเบอร์บ่อยๆใช่มั้ย”
    “ใช่ครับ”ไซคีตอบ ขณะที่ฮิวกับไคร์กำลังทำท่าทำทางแปลกๆใส่เขาอยู่ห่างๆ “ทำไมหรือครับ”
    “ดี งั้นช่วยไปเอาอาหารที่สั่งไว้ให้หน่อยซิ ตอนนี้มันติดพายุอยู่ที่โทรีเบอร์น่ะ ถ้าเป็นนาย วันเดียวก็น่าจะถึงใช่มั้ย”
    “โอ้...พี่ ที่ผมไปกลับได้เร็วกว่าชาวบ้านเพราะผมไปคนเดียว พี่จะให้ผมแบกเสบี่ยงกลับมาด้วยน่ะไม่ไหวหรอกครับ แล้วเสบี่ยง
หนึ่งเดือนสำหรับสามพันคนเนี่ย...เป็นตันเลยนะครับ”ไซคีตอบหน้าเสีย ก่อนจะนึกขึ้นได้ “แต่...เราไปเอาที่โฮดแลนก็ได้นี่ครับ”
    ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองอย่างมีความหวัง
    “ตอนนี้พายุก็หยุดแล้วด้วย ถ้าเป็นที่โฮดแลนละก็ เราล่องเรื่อลงไปแค่หกชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้วน่ะครับ ส่วนตอนกลับเราก็เช่า
มังกรเอาก็ได้นี่ครับ”ไซคีแนะ
    “มันต้องอย่างนี้ซิ!”เจ้าชายชาพอชตบบ่าไซคีแรงๆกับความคิดที่น่าจะนึกออกกันตั้งนานแล้ว “เราซื้อเฉพาะที่ต้องใช้ช่วงที่เสบียง
ยังติดอยู่ที่โทรีเบอร์ก็ได้ ไปกลับโฮดแลนใช้เวลาประมารวันหนึ่ง พรุ่งนี้ประมารบ่ายๆก็น่าจะกลับมาถึงพอดี เราน่าจะขออนุโลมขอใช้เรือจาก
ค่ายทหารได้”
    “งั้นฉันจัดการเรื่องเรือเอง ถ้าแบบฉุกเฉินใช้นามเจ้าชายทั้งสามคนเลยละก็ แค่ชั่วโมงเดียวก็ไปได้แล้วละ”เดแอนบอกอย่างมั่น
ใจ “ส่วนเงิน....คงต้องเจี่ยออกกันไปก่อนนะ ตอนนี้ที่ตัวใครมีอยู่เท่าไหร่มั่ง”
    ทุกสายตาหันไปทางเจ้าชายทั้งสามพระองค์ที่สะดุ้งสุดตัว แน่นอน เจ้าชายย่อมมีค่าขนมมากกว่าประชาชนคนธรรมดา แล้วก็มี
แนวโน้มว่าท้องพระคลังฮาโมเนียจะอนุญาตให้เจ้าชายทั้งสามเบิกได้ตลอดเวลาซะด้วย
    “ฮิว มีอยู่เท่าไหร่”เจ้าชายชาพอชถาม ฮิวยกถุงเงินของตัวเองขึ้นมาดู
    “เอ่อ...หนึ่งสองสาม..หก..เจ็ด เจ็ดพัน...เจ็ดพันกว่าครับ”ฮิวตอบ แต่เฟิร์นกระชากคอเขาพับ “โอเคๆ ผมยังมีสำรองอีกสามหมื่น
อยู่ในห้องครับ”
    “แล้ว ไซคีละ”เจ้าชายชาพอชหันไปถามอีกหนึ่งหนุ่มที่นับตังของตัวเองล่วงหน้า
    “ที่ตัวมีอยู่สองพันกว่าๆครับ แต่ที่มีสำรองก็ประมารสามหมื่นห้า”ไซคีตอบ ก่อนจะเสริมว่า “ซึ่งหมื่นห้าที่เกินมาส่วนของน้องสาว
ผม”
    “ตัวฉันมีอยู่ร่วมสองหมื่น รวมเงินของเดแอนอีกก็ประมารหมื่นหนึ่ง ก็...ประมารแปดหมื่นห้า น่าจะพอ”เจ้าชายชาพอชสรุป แต่ดู
เหมือนว่าเขาจะลืม
    “พี่ๆ”ฮิวทัก “พี่เอาไปหมดเลยหรอ แล้วพวกผมกินไรละทีเนี่ย”
    “จริงด้วยซิ งั้นฮิวพี่เอาแค่สองหมื่นละกัน(ฮิวร้องห๋า) ไซคีพี่เอาสองหมื่นน่ะ รวมกับของพี่อีกสองหมื่น เดแอนอีกหมื่น ตัดไป
เหลือแค่เหลือแค่เจ็ดหมื่นกว่าๆเอง”เจ้าชายพึมพำ
    “บวกค่าเรื่อ ค่าเช่ามังกรกับเสบียงระหว่างทางรึยังคะ”เฟิร์นถาม
    “อืม...นั่นซิ” เจ้าชายชาพอชเหลือบตาขึ้น“ฉันจำได้ว่าเงินเดือนองครักษ์เนี่ย(ไคร์กับเฟิร์นสะดุ้งหยง)ตกเดือนละสามหมื่นหกนี่นา
ใช่มั้ยไคร์(ไคร์หัวเราะแฮะๆ) แต่องค์รักษ์ระดับสองอย่างเธอคงได้เดือนละสี่หมื่นแล้วละมั่ง ส่วนเฟิร์นฉันเอาแค่หมื่นหนึ่งก็พอ ส่วนไคร์เอามา
สองหมื่นละกัน แต่ว่าไซคี เธอน่ะทำงานได้เงินทีไม่น้อยไม่ใช่หรอ เอามาเพิ่มอีกหมื่นละกันเดี๋ยวก็ได้คืนแล้ว(ไซคีร้อง “ก็เงินมันอยู่กะแม่นี่
ครับ”) ส่วนฮิว ฉันจำได้ว่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าชายอย่างเราๆน่ะตกปีละล้านพัมมิสซิน่ะ งั้นเอามาอีกหมื่นละกัน ไม่กินแกรบหรอก”
    โดนกันท้วนหน้า
    “อ๋อ ใช่ ส่วนคนที่ต้องไปซื้อของ”เจ้าชายชาพอชนึกขึ้นได้ ก่อนจะเอื้อมมือเข้าล็อกคอ
    “ปล่อยผม! ผมไม่อยากไป!”ไซคีร้อง ขณะที่เจ้าชายรุ่นพี่ยังเอื้อมมือไปรวบแขนของไคร์และคอของฮิวมาไว้ในอ้อมแขน
“จริงๆพี่ก็อยากจะไปด้วยนะน่ะ แต่ว่ามันไปไม่ได้ ไซคีไปแทนพี่ละกันน่ะ ไคร์กับฮิวก็ด้วยน่า.... เอาสมุห์บัญชีไปด้วยละกัน(เฟิร์นส่ายหน้า
พับๆแต่พี่เดแอนจับไว้แล้ว) ก็ช่วยไม่ได้ ในหมู่พวกนายเท่านั้นละที่เคยล่องเรือไปโฮดแลน แล้วไซคีก็ขี่มังกรเป็นแค่คนเดียวด้วย ไหนๆก็
ไหนๆแล้ว ช่วยๆกันหน่อยน่ะ แต่พี่แถม(ทุกคนหาทางหนี) คูรันก็แล้วกัน คนของโฮดแลนนี่นา งั้นเอาคูรันไปด้วยดีกว่า เท่านี้เราก็ไปกันได้
แล้วเนอะ เด็กๆ”
“ไม่ครับ/คะ!”
   
ถึงปากจะบอกไม่ แต่การแสดงออกมันตรงกันข้าม พวกเขาทุกคนต้องรีบวิ่งขึ้นห้องแล้วรวบรวมสัมพาระกับเงินที่ต้องใช้มารวมกันที่ห้อง
ประชุมสภา เพราะเจ้าชายชาพอชขู่ว่าถ้าพวกเขาไม่ไปจะรายงานชื่อพวกเขาให้กับอาจารย์ใหญ่ ว่าพวกเขาเป็นต้นเหตุทำให้ไม่มีงานเลี้ยงใน
งานเทศกาลดอกไม้
ดังนั้น ท่ามกลางความมืดที่หนาวจัดหน้าโรงเรียน พวกเขาต้องมาช่วยกันจัดม้าจัดเกวียนเตรียมลงเรือจนได้
“โอ้ย หนาวๆ”ไซคีพูดบ่นๆ พลางโยนกระเป๋าของตัวเองขึ้นไปบนเกวียนหนึ่งในสองเล่มที่เจ้าชายชาพอชขอมาให้ ก่อนจะเดินไปขึ้นม้าของตัว
เอง พร้อมกับกลาดตามองเพื่อนๆของเขา
สรุปแล้วคือ เจ้าชายชาพอช ตัดสินใจส่งพวกเขาลงเรือไปโฮดแลน โดยมีใบสั่งชื้อของจากแม่ครัวยาวเป็นกิโล กับเงินทุนที่หา(ไถ)มาได้ร่วม
แล้วหนึ่งแสนกว่าพัมมิส และเบี้ยเลี้ยงคนละร้อยพัมมิส ทั้งที่คนในกลุ่มที่โดนเรียกตัวมาใช้งานคราวนี้มีตั้งแต่เจ้าชายอย่างไซคีกับฮิว องค์
รักษ์อีกสองคนที่โดนลากไปด้วย ไกด์นำทางหนึ่งคน ซึ่งเจ้าชายชาพอชสามารถลากทาคิมาทำหน้าที่ให้ได้ หมออีกหนึ่งคนที่ทุกคนลงความ
เห็นว่ายูต้องไป อีกหนึ่งพนักงานแบกหามซึ่งก็คือซีส แม็กนาส หัวหน้านักเรียนสายเวทมนตร์ อาสามาด้วยตัวเอง เพราะอยากไปเยี่ยมน้อง
สาว และโดโลเรส ที่เจ้าชายชาพอชอนุญาตให้ไปด้วยได้ รวมทั้งหมดหกคน
“เอ้า เรียบร้อยแล้ว”เจ้าชายชาพอชบอก ก่อนจะขึ้นม้าอีกตัว เพราะเขาอุตส่าใจดีพาพวกเขาไปส่งที่ท่าเรือ เพราะเลขาของเขาคงจะขอเรือมา
รอที่ท่าแล้วแน่ๆ
ในที่สุด พวกเขาก็ถูกต้อนมาจนถึงทะเลสาบกว้างนอกเมือง ที่ตอนนี้น้ำในทะเลสาบกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งบางๆอยู่ตามชายฝั่ง แต่ที่กลาง
ทะเลสาบนั้นน้ำยังคงไหล่เป็นปรกติ รวมทั้งแม่น้ำที่ยังคงไหลเชี่ยว
ส่วนเรือของพวกเขา จอดรออยู่ที่ปลายสะพานปลาที่ยาวเหยียดออกไป มันเป็นเรือไม้ขนาดกลางขัดเงาสวยงามทั้งลำ ใบเรือสีขาวหุบมัดไว้ที่
เสากระโดงเรือ และสะพานที่ทอดรับพวกเขาอยู่
“ไคร์ๆ”ไซคีที่ยืนชะโงกหน้าออกไปนอกสะพานปลา กวักมือรียกไคร์ให้เดินเข้าไปหา แล้วชี้อะไรบางอย่างในน้ำให้เขาดู “นั่นตัวอะไร”
“ไหน...”ไคร์ถาม ก่อนจะเพ่งตามองลงไปในน้ำที่มืดดำดุจน้ำหมึก ขณะที่คนอื่นๆกำลังเอาเกวียนขึ้นเรือ แล้วไม่นานเขาก็เห็น ถึงจะแค่แวบ
เดียวก่อนที่มันจะดำลึกหายลงไป อะไรซักอย่างที่คล้ายกับก้างปลาอันมหึมาที่เชื่อมติดกันคล้ายพัด แต่ละซี่ยาวกว่าสองเมตร และยังมีพังพืด
สีแดงอมส้มเชื่อมมันอยู่ทั้งหกซี่ แต่ที่น่าสนใจต่อมาคือปากยาวคล้ายจระเข้ก็โผล่ขึ้นเหนือน้ำจรดหัวเรียบเป็นมันสีแดงสด รวมทั้งดวงตาโต
ก่อนที่มันจะเผยเขี้ยวแหลมนับสิบ แล้วดำหายลงไป “ไอ้ตัวเนี่ยนะหรอ”
“ใช่ๆ”ไซคีตอบ และหายใจถี่ๆ เมื่อกี้ไคร์มั่วแต่สนใจสัตว์ประหลาด ไม่ทันสังเกตว่าไซคีมันตกใจรึเปล่า
“ถ้าชื่อจริงๆน่ะ ฉันไม่รู้จักหรอก แต่พวกชาวเรื่อเขาเรียกมันว่าปลาไฟ พวกชาวประมงหรือไม่ก็ชาวเรือเขาจะเลี้ยงกันไว้ตัวสองตัวน่ะ”ไค
ร์ตอบ ก่อนจะเดินนำไซคีเดินขึ้นไปบนเรือ ทันทีที่เกวียนของพวกเขาถูกนำลงไปไว้ใต้ท้องเรือเรียบร้อยแล้ว 
“เลี้ยงไว้ทำไม”ไซคีถามอย่างหวาดๆ
“มันทำได้หลายอย่าง มันคอยไล่พวกฉลามเวลาออกทะเล ฤดูหนาวพวกมันก็ช่วยเผาน้ำแข็งที่ขวางเรือได้ เวลาคนตกน้ำมันก็ช่วยขึ้นมา”ไค
ร์ตอบง่ายๆ ขณะที่เขาและไซคีเดินมาหยุดคุยกันที่ระเบียงเรือ “ทำไมหรอ”
“ถามไว้เป็นความรู้”ไซคีตอบ ก่อนจะโบกมือให้กับเจ้าชายชาพอช พร้อมกับเรือเริ่มเคลื่อนที่ออกจากท่า “แล้วจะรีบกลับครับ!”
“เดี๋ยวจะทำบุญไปให้!”เจ้าชายชาพอชตอบแหย่กลับอย่างไม่น่าฟังเอาซะเลย แต่เรื่อก็เคลื่อนห่างเรื่อยๆจนในที่สุด ความมืดก็กลืนท่าเรื่อและ
เจ้าชายชาพอชออกไปจากสายตา
“เอาอีกแล้ว...”ไซคีหันมาลากเสียงฉุนๆ ทันทีที่ไคร์ยกบุหรี่ขึ้นมาจุด “คราวนี้เครียดอะไร”
“เปล่าเครียด แค่อยาก”ไคร์ตอบอย่างไร้เหตุผล “แล้วคิดว่าขากลับจะเช่ามังกรกลับรึเปล่า เพราะเรือคงจะทวนน้ำขึ้นมาช่วงนี้ไม่ได้ ไม่มีลม
ขึ้น”
“ก็ต้องขี่มังกรกลับนะหละ เช่าตัวเล็กๆก็พอ เปลืองงบ”ไซคีพูดอย่างหัวเสีย “ตัวใหญ่บังคับยากน่าเบื่อ”
“เฮ้ยๆ ถ้าเอาจิ้งจกออกมามันบรรทุกไม่พอนะเว้ย”ไคร์ถามให้แน่ใจปนคำแหย่
“ไอ้บ้า ถ้าจิ้งจกน่ะให้นายขี่”ไซคีพูดสวน ก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ “จะสามทุ่มแล้ว ฉันไปนอนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องลุยซื้อของแถมต้องขี่
มังกรกลับมาอีก นอนเอาแรงดีกว่า”แล้วเขาก็เดินหาววอดจากไป ปล่อยให้ไคร์ยืนเกาะระเบียงอยู่คนเดียว แต่ในที่สุดเขาก็เดินไปที่ห้องนอน
ของตัวเองในเคบิน แต่พอเปิดเข้าไปในห้อง
ห้องที่เขาคิดว่าได้นอนคนเดียว ไม่ก็ได้นอนห้องละสองคนมันผิดถนัด เมื่อห้องกว้างๆห้องนี้มีเตียงสองชั้นสองชุดวางอยู่คนละมุมห้อง ซึ่งหนึ่ง
ในนั้นทาคิกับซีสยึดไปแล้วเตียงหนึ่ง
“อ้าว ไคร์ ไปสูบบุหรี่มารึไง”ฮิวนอนถามอยู่ชั้นล่างของเตียง และดูท่าทางเขาจะจองชั้นบนไว้ให้ไคร์แล้ว
“อาบน้ำแล้วหรอ”ไคร์ถามเพื่อนๆทั้งสาม ที่เปลี่ยนตัวเองเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว
“ใช่ซิ แกรู้รึเปล่าว่าแกหายไปนานขนาดไหน”ทาคิลุกขึ้นถาม “แกหายไปเกือบชั่วโมงเลยน่ะ”
“หรอ บุหรี่มวนเดียวเอง”ไคร์บอก
“จะไม่รวมที่คุยกับไซคีหรอ”ซีสชะโงกหน้าถามจากชั้นสองของเตียงเหนือตัวทาคิ “หมอนั่นเข้ามาถึงก็ขอย้ายห้องไปนอนห้องอื่น”
“ห้องนี้เตียงเต็มแล้วนี่นา”ไคร์พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ไอ้เตียงเต็มนะโอเค แต่ว่าเรือนี้มีห้องนอนแค่สองห้อง ห้องนึงพวกผู้หญิงก็เอาไปแล้ว อีกห้องก็พวกเรา แต่ไซคีมันลงทุนเอาถุงนอนไปนอน
ที่ห้องเก็บเสบียงใต้ท้องเรือ”ฮิวบอก แต่ไคร์เลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ
“คง..กลัวพวกเรานอนกรนละมั่ง”
      “เฮ้ย!อะไรน่ะ! ทุกคนตื่นก่อนครับ!!”
ไคร์สะดุ้งตื่นจากนิทรา ก่อนจะกระโดดลงจากเตียงสองชั้นที่เขานอนอยู่ชั้นบน พร้อมกับคนอื่นๆพลุบพับลุกขึ้นจากเตียง พร้อมกับซีสจุด
ตะเกียงขึ้นส่องห้องให้สว่าง ขณะที่คนอื่นๆพากันคว้าอาวุธ ก่อนจะวิ่งกันออกไปตามระเบียงเรื่อ แต่ไม่ทันไรเรือก็โคลงเอียงโยนพวกเขากระ
แทรกกับกำแพงเคร์บินเรือ พอดีกับพวกผู้หญิงเปิดประตูออกมา
“นี่อะไรกัน!”เฟิร์นร้องถาม ก่อนจะต้องคว้าขอบประตูหมับเพราะเรือเริ่มโคลงอย่างรุนแรง จนเตียงสองชั้นในห้องของพวกเธอโค้นล้มลงมา ทำ
ให้ยูและโดโลเรสต้องหนีกันออกมาคว้าราวระเบียงด้านนอก
“อย่าออกมา! กลับเข้าไปในห้อง!”เสียงไซคีตะโกนสั่ง แต่เรื่อที่แอนซ้ายแอนขวา ทำให้ทุกคนแทบไม่อยากลุกไปไหน “เร็ว! กลับเข้าไปใน
ห้อง!”
“ข้างนอกมันปลอดภัยกว่านี่หว่า!”ทาคิตะโกนเถียงไซคีจึงต้องออกวิ่งทั้งที่แอนซ้ายแอนขวา แต่สงสัยจะช้าไป
หนวดปลาหมึกขนาดใหญ่พุ่งขึ้นจากน้ำ และคว้าเอาตัวโดโลเรสกระชากเธอหายไปในความมืดนอกเรือ พร้อมกับเสียงน้ำกระพือซ่า ซีสกา
งมือขึ้นยิงลูกไฟขนาดเท่าลูกฟุตบอลนับสิบๆลูกส่องแสงทั่วบริเวณพื้นน้ำ เปิดความมืดให้เห็นผู้หญิงที่มีดวงตาแดงกลำ ผิวกายสีดำสนิทลื่นเป็นเมือก แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่าท่อนล่างของหล่อนที่เป็นหนวดปลาหมึกยั้วเยี้ยไปหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นพับรอดเอวของโดโลเรสไว้ และมันกำลังจะหนี
“หนอย!”ไซคีกัดฟันอย่างแค้นใจ ก่อนจะเหยียบราวระเบียงและกระโดดออกไป แต่ยังไม่ทันที่ใครจะร้องโวยวาย ไซคีก็วิ่งไปบนพื้นที่มองไม่
เห็น ตรงไปที่นางเงือกวิปริตที่อยู่ห่างออกไป
ไม่ต้องรอให้ไซคีเรียก พวกเขากระโดดออกไปนอกเรือและวิ่งตามไซคีไป แต่ดูเหมือนว่าไซคีจะเริ่มก่อน
“แปดคม!”เขาฟาดดาบลง ฉับเดียวหนวดของนางปลาหมึกทั้งแปดหนวดก็โดนตัดกระจาย แต่โดโลเรสที่ตกลงกลับโดนหนวดอันใหม่คว้ากลับ
ขึ้นไป
“ไซคีหลบ!”ซีสบอก ก่อนที่ศรไฟขนาดใหญ่จะพุ่งเข้าแทงนางเงือกที่ปัดมันออกอย่างง่ายดาย
“มันธาตุน้ำ!ใช้เวทธาตุลมซิ!”ไซคีสั่ง
“ไม่มีโว้ย”ซีสตอบ โธ่ๆ ดันมาเจอพ่อมดเฉพาะสายซะอีก แต่ใครจะสน ไคร์วิ่งเข้าไปพร้อมกับวาดดาบฟันหนวดปลาหมึกทุกเส้นอย่างว่องไว
เช่นเดียวกับฮิวที่เร่งหลบหนวดเหล่านั้นพริบตาเดียวเขาก็เข้าถึงตัวโดโลเรส พร้อมกับแทงดาบลงแต่
วูบเดียวเท่านั้นฮิวก็โดนอะไรบางอย่างกระชากลอยตูมหายลงไปในน้ำ ตามด้วยเฟิร์นที่โดนตบปลิวหายไปอีกคน ไม่ทันให้ร้องไซคีกับซีสก็
ถูกกระชากหายลงไปในน้ำลึก แต่ไม่นานฮิวก็กลับขึ้นมาได้ ไม่ทันไรเขาก็ถูกดีดกลับลงไปใหม่
“โธ่!!”ไคร์กัดฟันกรอด ก่อนจะหันไปฟาดดาบใส่อะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นออกห่างจากตัว แต่มันก็พุ่งกลับเข้ามาโจมตีด้วยแรงมหาศาลจน
ไคร์ต้องหลบวูบ แต่หนวดของนางเงือกก็รัดเอาขาของจนตัดแทบไม่ทันยกดาบรับปีศาจล่องหน แล้วพริบตาที่นำสาดกระพือ นางเงือกดำน้ำ
ลงไปแล้ว แต่ไคร์คว้าหนวดของมันไว้ได้เส้นหนึ่ง
    ชั่ววิ ณ จุดเดินนางปลาหมึกก็โดนกระชากลอยขึ้นจากน้ำ ดาบเพียงเล่มเดียวเล่นหนวดทุกเส้นของมันขาดสะบั้นฉีกขาดเป็นแผล
เหวอะหวะทั้งแปดเส้น พร้อมกับเลือดขนดำสาดลงสู่ผิวน้ำ แต่คนที่ควรอยู่กับมันกลับไม่อยู่
    โดโลเรสละ?
    ไม่ต้องตอบก็คงจะรู้กันละ พื้นน้ำที่ควรจะราบเรียบตอนนี้กลับปรากฏหนวดผอมบางนับพันๆเส้นกวัดแกว่งขึ้นจากน้ำ ซึ่งหนึ่งในนั้น
พันรอบโดโลเรสไว้อย่างถะนุถนอม และคลื่นขนาดใหญ่ก็ถูกผลักเปิดออกเพื่อให้ส่วนหัวของสัตว์ประหลาดตัวนี้โผล่พ้นน้ำ มันดูคล้ายกับ
ดอกไม้ที่กลีบทั้งหกกลีบของมันงอเป็นจะงอยแหลมคม และทันทีที่มันหันมาเปิดกว้างทักทายพวกเขา เฟิร์นก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะในปาก
ของมันคือเขี้ยวแปดแถวเรียงกันเป็นใบจักร
    “ตรงนั้น! ข้างหลัง!”โดโลเรสที่เพิ่งหายสำลักน้ำชี้นิ้วไปยังความมืดด้านหลังพวกเขา ที่ซีสหันปลายดาบยิ่งลูกไฟเปิดความมืดให้
เห็นบุรุษในชุดฮูดดำผู้หนึ่งที่ยืนอยู่เหนือผืนน้ำ
    “อา....จับได้ซะแล้วแฮะ เก่งเหมือนกันนี่นา”มันพูดด้วยน้ำเสียงครื้นเครง ก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าพวกเขาเมื่อทุกคนขยับตัว “อะ 
อย่าดีกว่า...ไม่งั้นเพื่อนแกอีกคนจะไม่รอดเอาน่ะ”
    เพื่อนอีกคน? มันไม่น่าฆ่าโดโลเรสตอนนี้ ถ้างั้นใคร
    ไคร์กลาดมองเพื่อนๆของเขาที่ทำอย่างเดียวกันเพื่อหาคนที่หายไป แล้วเขาก็เพิ่งสังเกตว่าไอ้คนที่หวังพึ่งมันไม่อยู่ช่วย
    “ถ้าไม่บอกพวกแกคงไม่รู้ว่าเจ้าชายไซเคอรันว่ายน้ำไม่แข็ง ถ้าเป็นพวกแกโดนฉุดลงไปแค่เจ็ดแปดเมตรเดี๋ยวก็ขึ้นมาได้แล้ว แต่
ในน้ำเย็นๆที่ข้างใต้มีแต่น้ำแข็งลอย...เต็มไปหมดเนี่ย เจ้าชายคงจะขึ้นมายากหน่อย แล้วข้าก็คำนวณไว้แล้วว่าใครเป็นตัวอันตราย ข้าเลยฉุดเจ้าชายลงไปลึกหน่อย...”มันหยุดช่วงหัวเราะเบาๆ “คงจะ ถึงก้มทะเลสาบแล้วละมั่ง มาเล่นกับอสูรข้าอีกตัวเป็นไง”
   
    ทันทีที่มันพูดจบ น่านน้ำทางขวามือของพวกเขาก็เริ่มดันตัวขึ้น ชั่วอึกใจคลื่นน้ำก็ตีเปิดออก ปีกนกแข็งๆที่ราวกับประกอบด้วย
แท่งศิลาแหลมยาวนับร้อยสยายออกจนขนาดใหญ่เสียกว่าใบเรือ และทันทีที่ปีกสะบัดลงส่งตัวเจ้าของปีกขึ้นสู่ฟ้าเกลื่อนดาว แสงจากบอล
ไฟ และพระจันทร์ที่จัดไว้เป็นฉากหลังส่องร่างที่น่าแกรงขามของมันให้เห็นเด่นชัด หัวขนาดเท่าเตียงนอนได้หนึ่งเตียงโชว์เขี้ยวยาวราวเสือ
ดาบแม้ว่ามันจะไม่แสยะปากกว้าง ชูคอยาวไล่ไปถึงลำตัวผอมบางเพรียงลมจรดหางยาวที่ยาวกว่าตัวมันหลายเท่า บางและริบลงตรงปลายคม
จนคล้ายแส้พลิ้วไหวอย่างอิสระ
    พระเจ้า...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น