ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ควอเรีย แฟคอนเวอ
                แต่พอเช้าวันต่อมา แทบไม่มีใครพูดคุยอะไรกันได้อีก อย่างน้อยๆก็เหลือแค่โดโลเรสกับไซคีที่ว่างงาน เพราะฮิวต้องไปดูแลเรื่องการจัดซื้อของในงานของวันพรุ่งนี้ และแน่นอน ไคร์ก็ต้องไปกับมันด้วย ส่วนเฟิร์นก็ต้องไปช่วยเจ้าหญิงเซเซียคอยต้อนรับพวกเจ้าหญิงเจ้าชายจากประเทศอื่น เลยกลายเป็นว่ายังไงพวกเขาก็ต้องปล่อยโดโลเรสไว้กับไซคีอยู่ดี เพราะก็จริงอย่างที่ไซคีบอกเตือนมาก่อน สำหรับโดโลเรส วังหลวงก็ไม่ปลอยภัยเท่ากับบ้านมัน เพราะที่นี่มีอันตรายจากทั้งสองด้าน ทั้งจากพวกข้าราชการ แล้วไหนจะภัยมืด
    มิน่าละ ฮิวมันถึงได้ไม่กล้าส่งจดหมายไปบอกให้ไซคีรีบพาโดโลเรสมาส่งที่วัง เพราะตัวเขาเองก็รู้ว่ามันไม่ปล่อยภัย เลยอยากจะไปดูโดโลเรสที่บ้านไซคีเลยมากกว่า
    ถึงกระนั้น ทั้งฮิวทั้งไคร์ก็ไม่มีใครกล้านินทามันเรื่องอย่าว่าอีกนะหละ เพราะแม้ติฮิวที่พูดแหย่มันเล่นๆในโต๊ะอาหารเช้า มันก็ถึง
กับขอตัวลุกหนีไปซะงั้น แถมโดโลเรสยังกำชับอีกว่าถ้ายังไม่อยากให้ไซคีหนีกลับบ้านก่อนงานฉลองก็ให้สงบปากสงบคำซะเลย
   
    ตกเย็น
    “โอ้ย เหนื่อย”ฮิวกับไคร์เดินอิดโรยกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นของห้องนอนตัวเอง ที่มีเฟิร์นและโดโลเรสนั่งเล่นกันอยู่ก่อนแล้ว
    “เอาอะไร น้ำ กาแฟหรือชา”โดโลเรสถาม
    “เอาน้ำดีกว่า”ไคร์ตอบ และทิ้งตัวลงนั่งลงข้างๆฮิว ถึงคนทรงงานจะเป็นฮิว แต่ใช่ว่างานที่เขาต้องช่วยมันจะน้อยๆซะที่ไหน ถ้า
เป็นแต่ก่อนโรงเรียนมีแค่ปีสี่ เขากับฮิวคงโดนใช้งานหนักกว่านี้ “แล้วไซคีละ”
    “กลับบ้านไปตั้งแต่เที่ยงแล้ว”เฟิร์นตอบ “เห็นเขาว่าพรุ่งนี้จะมาอีกรอบน่ะ”
    “บ้านนี้เขาแปลกๆ นึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา ทำอย่างกับบ้านมันอยู่ใกล้ๆกันซะเมื่อไหร่”ไคร์พูดขึ้น แต่โดโลเรสเริ่มหัวเราะคิก
คัก
    “อยากรู้จังว่าไซคีจะได้ใส่ชุดอัศวินเข้างานรึเปล่า”เธอพูดพึมพำ
    “ทำไมละ”ฮิวถาม
    “ก็ดูแล้ว ไซคีอยากใส่ชุดอัศวินมากกว่านะซิ”เฟิร์นตอบ “แต่เหมือนแม่เขาไม่อยากให้ใส่”
    “อ้าว เจ้าชายก็ต้องใส่ชุดอัศวินอยู่แล้วนิ”ไคร์พูดขึ้น ก็ขนาดตัวเขากับเฟิร์นยังต้องใส่ชุดเครื่องแบบเลย แล้วสมมุติว่าโดโลเรส
เรียนจบเป็นอัศวิน เวลาไปงานแบบนี้ก็ต้องทรงชุดอัศวินด้วยเหมือนกัน
    “ไม่รู้ซิ แต่ไซคีหัวเสียใหญ่ ฉันแอบได้ยินมาว่าเขาเถียงกับแม่ว่ายังไม่อยากให้ใครรู้หรืออะไรเนี่ยหละ”เฟิร์นบอก “แต่รู้สึกว่าแม่
จะชนะน่ะ”
    “พูดถึงมันทำงานให้เราเป็นชิ้นสุดท้าย ก็ไม่เห็นต้องแอบเข้างานเหมือนรอบที่แล้วเลยนี่นา แล้วท่านยายก็เตรียมคิวให้มันประกาศ
เลิกรับงาน แล้วกลับเข้าวังแล้วด้วย”ฮิวตอบ
    “แต่อย่างว่า เขาก็กะกันไว้แล้วว่ามันคงไม่ขึ้นไปประกาศเอง”ไคร์พูดต่อ “เขาเลยจะให้เจ้าหญิงฟีไลท์ขึ้นไปพูดแทน แต่เรื่องที่มัน
จะกลับเข้าวังนั่นก็ยังไงแน่ ว่ามันจะยอมกลับรึเปล่า”
    “แล้วใครคิดว่าไซคีจะยอมกลับเข้าวังมั่งละ”เฟิร์นถาม ทุกคนตอบว่า
    “ไม่”
   
    วันต่อมา ถึงจะเป็นวันงานจริงแล้วก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้สบายกว่าวันแรกเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่เช้าฮิวก็ต้องไปยืนตีหน้าบานคอย
ต้อนรับขบวนเสด็จไม่เว้นชั่วโมง แน่นอน ไคร์ก็ต้องไปกับมันด้วย แล้วยิ่งไซคีหนีแม่มันกลับบ้านไปแล้วยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะจากที่เจ้า
หญิงเจ้าชายห้าอันดับแรกจะต้องมาคอยต้อนรับแขก จากห้าคนเหลือแค่สี่คน แถมขอให้เจ้าชายชาพอชช่วยท่านก็โดดเอาซะงั้น
    ในที่สุด ช่วงเช้าของวันก็หมดไป ช่วงบ่ายเลยมีราชนิกูลคนอื่นมาช่วยต้อนรับแทน แต่ดูเหมือนว่าทั้งรอบเช้ารอบเย็น  รายชื่อใน
สมุดรายเซ็นจะขาดชื่อของเจ้าชายไซเคอรันตลอดงาน
    “คิดว่ามันจะมาตอนไหน”ฮิวถามขึ้น หลังจากเปิดดูสมุดรายเซ็นที่โต๊ะหน้างาน
    “อย่างน้อยๆก็ต้องมาก่อนงานเต้นรำตอนเย็น ไม่งั้นมันจะโดนหลายต่อ”ไคร์ตอบ ก่อนจะเดินตามฮิวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ที่พวก
คนงานกำลังจัดการจัดโต๊ะอาหารสำหรับงานเต้นรำที่จะถึงในอีกไม่ถึงสองชั่วโมงข้างหน้านี้ “นี่ก็จะห้าโมงแล้วด้วย งานมีตอนหกโมง มันน่าจะ
มาได้แล้วน่า”
    “ห้าโมงเมื่อไหร่แขกจะทยอยเข้างานแล้วด้วย”ฮิวพูดต่อ
   
    แต่เมื่อเวลาล่วงเลยกระทั่งงานใกล้เริ่มแล้ว การเยี่ยมสมุดรายเซ็นครั้งที่สามสิบของไคร์ เขาก็ยังไม่พบรายเซ็นของเจ้าชายไซ
เคอรัน แฟร์คอนเวอร์ จนเขานั่งดูเฟิร์นกับเจ้าหญิงเซเซียร่วมมือกันลากโดโลเรสเข้างานก็แล้ว ช่วยฮิวตอนรับแขกก็แล้ว เขาก็ยังอดไปเปิดดู
สมุดรายเซ็นที่โต๊ะหน้างานอีกรอบไม่ได้
    “ยังไม่มาหรอกคะ”หญิงรับใช้หน้างานตอบก่อนที่ไคร์จะเอ่ยปากถาม
    “ยังอีกหรอ อีกสองนาทีงานจะเริ่มแล้วด้วย”ไคร์พูดถาม แต่สาวรับใช้ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ แล้วหญิงคนหนึ่งก็เงย
หน้าขึ้นตอบว่า
    “คือ...เจ้าชายไซเคอรันน่ะ ยังไม่มาหรอกคะ แต่ว่า...เมื่อครู่นี้เอง มีผู้หญิงเดินเข้ามา แล้วเซ็นชื่อลงในช่องนี้น่ะคะ ถ้ายังไง
รบกวนช่วยดูหน่อยเถอะคะ ฉันเริ่มหลอนแล้ว”
    ไคร์ก้มลงดูสมุดรายเซ็นที่สาวใช้เปิดไปยังหน้าสุดท้ายของสมุด แต่ทั้งหน้ามีเพียงชื่อเพียงชื่อเดียว และพอเขาอ่านแล้วก็ต้อง
ตกใจแทบบ้า
    “เขาแต่งตัวแบบไหน”ไคร์เงยหน้าขึ้นถามอย่างร้อนรน
    “คะ เธอใส่ชุดกระโปรงยาวสีโอรส แล้วก็หมวกปีกกว้างมีดอกกุกลาบขาวประดับ ปิดหน้าปิดตาหมดเลยละคะ แต่ฉันเห็นผมหล่อน
เป็นสีน้ำตาลดัดม้วนเป็นลอนน่ะคะ สวมเสื้อโค้ทขนสัตว์สีดำน่ะคะ ความสูงก็...ประมารใบหูของท่านไคร์ละคะ”สาวใช้รีบตอบ แต่เมื่อไคร์ออก
เดินจะเข้าประตูงาน สาวใช้ก็ขัดอีกว่า “ฉันเห็นเธอเดินเข้าไปในสวนนะคะ เมื่อกี้นี้เอง”
    ไคร์เปลี่ยนทิศ หันไปตรงทางเดินข้างปราสาทแทน มันเป็นทางเดินมืดๆ มีแสงสว่างเพียงแค่แสงจันทร์เสี้ยวดวงบนฟ้า แต่ไคร์ยัง
คงเดินเร็วๆไปตามทางเดิน แล้วเขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินอยู่ไกลๆ แต่เขาก็ต้องหยุดตาม เพราะหญิงคนนั้นเดินเข้าไปพบโรเรรัยที่คาดว่ายืน
รอหล่อนอยู่แล้ว ที่ประตูเล็กข้างวัง แล้วทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าไปในปราสาท โดยมีทหารยืนเฝ้าประตูไว้อย่างเข้มงวด
    เจ้าหญิงควอเรีย แฟร์คอนเวอร์ คือชื่อที่อยู่หน้าหลังสุดของสมุดรายเซ็น แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนเซ็นลงไป นั่นเป็นสาเหตุที่เขา
ต้องตามหล่อนมาถึงนี่ แต่จะตามต่อยังไงละ
    ถ้าไม่แอบตาม
    คิดแล้ว ไคร์ก็เดินยาวๆไปที่หน้าต่างที่มุมตึกก่อนจะใช้มีดสอดผ่านช่องระหว่างบานหน้าต่าง แล้วดันมีดขึ้นดันกลอนพาดออกจาก
กัน แล้วจึงเปิดมันออกก่อนจะรีบปีนเข้าไปยืนในโถงทางเดิน พร้อมกับปิดหน้าต่าง
    เขาถอนหายใจ แล้วจึงเดินเบาๆเร็วๆไปตามทางเดินที่ยาวเหยียด กระทั่งถึงหัวมุมเขาก็ต้องชะงักแล้วใส่เกียร์ถอยกลับเข้ามาใน
ทางของตัวเอง เพราะทันทีที่พ้นทางเลี้ยวไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถึงห้องที่โรเรรัยกับผู้หญิงคนนั้นกำลังจะเข้าไปอยู่พอดี และเมื่อเสียงประตูปิดลง
เขาก็โผล่ออกไปพบหน้าเธอเข้าพอดี
    ซวย
    ไคร์ถึงกับต้องยืนตัวแข็ง เพราะแทนที่เขาจะโผล่ออกไปยืนหน้าประตูแล้วแอบฟังว่าผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรกันใคร กลายเป็นว่า
เธอมายืนดักหน้าเขาอย่างรู้ทัน ถึงโรเรรัยจะเข้าไปในห้องแล้ว แต่กับผู้หญิงที่อยู่ๆก็มาอ้างชื่อเจ้าหญิงที่สิ้นชีพไปแล้วเนี่ยอาจจะน่ากลัวกว่าก็
ได้ โดยเฉพาะเมื่อหมวกปีกว้างสวยๆนั่นบังตาทั้งสองข้างของหล่อนจนเหลือแต่เงาดำหน้ากลัว
    แต่เธอแค่เอียงศีรษะมองเขาอย่างเอะใจ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในห้องเดิม ทิ้งให้ไคร์ยืนงงอยู่คนเดียว ตกลงว่าเขาตามบุคคล
ต้องสงสัยมารึเปล่า หรือผู้หญิงคนนั้นจะไม่รู้ว่าเขารู้จักกับไซคี หรืออันที่จริงเธออาจจะไม่รู้จักเขาก็ได้ แต่ที่แน่ๆคือเธอต้องเป็นบุคคลสำคัญ
เพราะโรเรรียถึงกับมารับด้วยตัวเอง ถึงจะเป็นการรับแบบลับๆล่อๆก็เถอะ
   
    ในที่สุด เขาก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะตามผู้หญิงคนนั้นต่อแล้วเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ที่ตอนนี้บน ฟรอเต้นรำมีหญิงชายเต้นรำ
กันอยู่เต็มฟรอ และแน่หละ เจ้าชายฮิวมัสที่เขากำลังตามหาก็โดนจับลงไปเต้นรำตามที่คาดการณ์ไว้ แล้วดูจะมีเจ้าหญิงที่หลายคนที่เล็งเขาไว้
เป็นเพลงต่อไป แต่ฮิวก็ยังยึดคู่ของเขาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เพราะยังไงผู้หญิงคนนั้นก็เป็นโดโลเรสที่เฟิร์นจับแต่งตัวซะสวยสะดุดแล้วลาก
เธอมาเข้างานจนได้    
    แต่ดูเหมือนว่าสายตาของไคร์จะไปตกที่ผู้หญิงปริศนาคนเดิมที่นั่งอยู่ริมห้องเข้าแล้ว เพราะตอนนี้หมวกของเธอเปิดขึ้นจนเห็นใบ
หวานได้รูปดูนุ่มนวลด้วยผิวขาวสีน้ำนม ดวงตาโตสีน้ำตาลเข้มคู่สวยเผยขนตางอนยาวเป็นธรรมชาติ คิ้วบาง เรียวปากนุ่มสีกุหลาบ และผมสีนำ
ตาลหนาเป็นเงางาม ดัดเป็นลอนใหญ่แซมด้วยริบบิ้นเส้นบางสีโอรสเช่นเดียวกับชุดของเธอ แต่เธอก็ยังถือว่ามีเครื่องประดับน้อยมากสำหรับ
งานนี้ เพราะทั้งตัวเธอมีเพียงตางหูสีเงินเท่านั้นหละที่พอจะส่องประกายนอกจากดวงตา แต่ถึงยังไงเธอก็สวยกว่าใครเพื่อน
    แล้วก็กำลังถูกชายหลายต่อหลายคนผลัดกันเข้าไปขอเต้นรำ แต่ท่าทางว่าทุกครั้งเธอจะ ปฏิเสธเอาตลอด
    “อ้าว พี่ไคร์”
    เจ้าหญิงฟีไลท์ในชุดราตรีสีชมพูสวยเดินเข้ามาทักทาย ก่อนจะหันไปมองที่หญิงปริศนาคนนั้น แล้วจึงหันกลับมาถามเขาว่า
    “สนใจเธอหรอ”
    “เปล่า ผมแค่สงสัยอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง”ไคร์ตอบ แต่ฟีไลท์ยิ้มเล่ห์ “จะว่าไป แล้วไซคีมางานรึเปล่า ผมยังไม่เห็นชื่อเขาใน
สมุดเซ็น”
    “อ๋อ พี่ไซคีนะหรอคะ”ฟีไลท์พึมพำ ก่อนจะพยักหน้าที่หญิงปริศนา “ไม่ถามเธอดูละคะ ฉันว่าเธอคงรู้”
    “เธอเป็นใครหรอ”ไคร์ย้อนถาม
    “ให้เธอตอบเองเถอะคะ ชวนเธอไปเต้นรำก็ได้ เธอน่าจะไปกับพี่น่ะ”ฟีไลท์ตอบ ก่อนจะเดินออกไป
    ไคร์หันกลับไปมองผู้หญิงคนดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาเธอ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเห็นมาเขาเป็นคนเดิน
เข้ามา เธอก็อุทานแผ่ว แต่ไคร์ไม่สนใจ
    “ให้เกียร์ติผมซักเพลงได้มั้ยครับ”เขาถาม และโค้งลง แต่หญิงคนนั้นทำหน้าเลิกลักมองข้ามฟรอเพื่อสื่อสารกับใครบางคน แล้วก็
ทำหน้าแหย่ ก่อนจะหันมาหาเขา
    “ด้วยความยินดีคะ”เสียงเย็นใสตอบกลับมา แล้วเธอก็ลุกขึ้นคล้องแขน ให้ไคร์พาเดินเข้าไปในฟรอ แล้วเริ่มเต้นรำอย่างช้าๆ แต่
ทั้งที่ไคร์พยามจ้องหน้าเธออย่างจับผิด หญิงคนนั้นกลับทำเชิดใส่เขาราวกับเขาเพิ่งทะเลาะกับเธอมาแหมบๆ จนเมื่อเพลงบรรเลงไปได้ซัก
ครึ่ง ไคร์ก็เริ่มถาม
    “ขอทราบชื่อหน่อยได้มั้ยครับ”เขาถาม แต่สตรีตรงหน้าเหลือบตาขึ้นมองเขา ก่อนจะขยับมือขวาให้เขาหันไปมอง แล้วเขาก็ต้อง
กลืนน้ำลายเฮือก เมื่อเครื่องประดับอีกชิ้นที่เธอมี คือกำไลเวทที่คล้ายกับของไซคีมากๆ แต่เมื่อเขาดูจริงๆ คงไม่ใช่แค่คล้าย ก็มันสลักชื่อไซ
เคอรัน แฟรคอมเวอร์ชัดๆ “หรือว่าคุณ...”
    ตึง!
    เสียงกระทืบเท้าเบาๆ จนไคร์ถึงกับสะอึกเพราะเสียงกระทืบนั่นหล่อนทำบนเท้าของเขา
    “เออซิ ฉันเอง แกจะคิดไปถึงไหน”
    คราวนี้จะๆเลย เสียงไซคีที่พูดเสียงดุดังออกมาจากปากของสตรีงามที่ทำเอาเขาแทบสำลักลมหายใจตัวเอง
    “ไซคีหรอ แล้วแกนึกยังไงมาแต่งตัวอย่างนี้วะ”ไคร์กระซิบถามแก้เขินที่เขาปล่อยไก่หลงกลเชิญผู้ชายทั้งแท่งอย่างมันออกมา
เต้นรำกลางงาน
    “ฉันมีเหตุผลของฉันละกัน”ไซคีตอบ แต่เมื่อมีคู่เต้นรำคู่อื่นเข้ามาใกล้ มันก็ตอบเขาด้วยเสียงของผู้หญิงต่อว่า “แม่ฉันกะจะจับคู่
ให้ฉันอีกแล้ว ฉันถึงได้ไม่ชอบมางานแบบนี้ไง แต่เห็นว่านี่งานสำคัญเลยต้องมาหน่อย แต่ถ้ามาทั้งแบบปรกติก็แย่ซิ” ก่อนจะเหลือบตามอง
ไคร์ ที่กำลังก้มหน้าดูสัดส่วนของมันตั้งแต่ปลายเท้าจรดคอ จนไซคีต้องถามเสียงแหลม “มองไรยะ”
    “ก็.....แกทำได้ยังไง”เขาถาม แล้วจึงกลับมาเต้นรำแบบปรกติ ไม่ก้มดูโน่นดูดี ที่มันไม่ตบเขากระเด็นเพราะชุดมันเป็นแบบปิด
คอ
    “ทำอะไร”
    “ก็ดูยังไงหุ่นแกก็ผู้หญิงวะ นมนะยัดได้ แต่มีเอวมีสะโพก... มือก็ไม้ก็เล็ก หรือปรกติแกมีอยู่แล้ว”
    ตรงนี้ละมันได้กระทืบเท้าเขาอีกรอบจนปลายนิ้วเท้าทั้งห้าของเขาถึงกับชา เพราะคู่เต้นรำคู่อื่นดูจะเริ่มสนใจในบทสนทนาที่แปลก
หู
    “ประ-สาท”ไซคีกระซิบกลับมาเป็นจังหวะตัดตอน แต่พอฟังมันพูดเสียงผู้หญิงอย่างนี้แล้วต่อให้พระเจ้าลงมาก็ดูไม่ออกว่ามัน
ผู้หญิงผู้ชาย เพราะขนาดตอนโกรทท่าทางมันก็ยังเป็นผู้หญิงทุกอย่าง “ฝีมือการปลอมตัวตระกูลฉันที่หนึ่งอยู่แล้วหรอก”
    “แต่ดูแก-เอ้ย เธอทำคล่องกว่าที่เคยเห็นนิ ทำบ่อยหรือไง”ไคร์แกล้งถาม แต่ไซคียักคิ้วแผลบ
    “ก็เล่นได้ตั้งแต่เจ้าหญิงยันโสเภณีนะละ”
    “หา?”
    “สนใจหรือไง”มันยังพูดเล่นต่ออีกแนะ “แต่ไม่ทำให้ดูหรอก ทุเรศตัวเองเหมือนกันเวลาเล่น แค่นี้ถ้าชาวบ้านเขารู้ก็อายจะตายอยู่
แล้ว”
    “ถ้าฮิวรู้ละ”
    “นายก็ตายคนแรก”ไซคีพูดตัดคอล่วงหน้า “เรื่องนี้แค่นายรู้ฉันก็แย่จะตายอยู่แล้ว ถ้าให้คนอื่นรู้อีกว่าฉันแต่งตัวแบบนี้เข้างานราช
วงศ์แฟคอนเวอร์ได้ล้มจมกันพอดี”
    “อ้าว หวัดดีไซคี”
    ทั้งไซคีทั้งไคร์แทบจะเหยียบเท้ากันเอง เพราะยังจะมีคนจำได้อีกว่าคู้เต้นรำคู่นี้เป็นชายกับชาย แต่ดูเหมือนไซคีจะถอนหายใจ
โล้งอก เมื่อรู้ว่าคนที่ทักเขาคือ
    “ท่านชาพอช”เขาพูดเสียงอ่อนกับเจ้าชายรูปงาม ที่กำลังเต้นรำอยู่กับรุ่นพี่เดแอน เลขานุการของเขาในสภานักเรียน แต่ดูเธอ
กำลังกลั้นหัวเราะเต็มที่ “อย่าหัวเราซิพี่เดแอน แค่นี้ฉันก็อายจะแย่แล้ว”
    “โธ่เอ้ย นานๆทีน่า คิดอะไรมาก”เจ้าชายชาพอชพูดปลอบใจไซคีที่ทำหน้าหงอย
    “อยากจะออกไปไกลๆงานจริงๆเลย”เขาพูดบ่นพึมพำ แล้วในที่สุดเจ้าชายชาพอชก็เต้นรำไกลออกไป และทันทีที่เพลงจบลง ไซ
คีก็ปล่อยมือจากไคร์แทบจะทันที “จะออกไปเดินเล่น”แล้วมันก็เดินฉับๆออกไป แต่ไคร์ยังแอบเดินตามมันออกไปที่ระเบียงกว้างๆ
    “ยังจะตามมาอีก ไม่กลัวใครเขาเอาไปนินทาหรือไง”ไซคีหันมาพูด ก่อนจะหันหลังพิงระเบียง และยืนมองไคร์ดึงบุหรี่ขึ้นมาจุด
สูบ “ทำไมไม่เลิกซะที”
    “ก็มันยังไม่หายเครียด”ไคร์ตอบ ไซคีถอนหายใจเบาๆ “วันนี้ไม่มีอารมณ์ไล่หรือไง”
    “ฉันเหนื่อย”เขาตอบคิ้วขมวด “วันๆมีแต่เรื่องให้ปวดหัววันยันค่ำ โดยเฉพาะสายตานาย เลิกมองซะที”
    “ต้องยอมรับเลยนะเนี่ยว่าตระกูลแกปลอมตัวได้เนี๊ยบจริงๆ”ไคร์พูบอก ก็ถึงเป็นผู้ชายมันก็เป็นผู้ชายที่ “ดูยังไงก็สวย”
    “พูดเหมือนชมผู้หญิง”ไซคีพูดเสียงดุ
    “ก็น่าอยู่หรอก ขนาดอยู่กันสองคน แกยังพูดเสียงผู้หญิงเลย ไม่เจ็บคอหรือไง”
    “เคยชิน”มันตอบ แต่ก็ยังใช้เสียงผู้หญิงอยู่ “รู้ไว้ซะว่ากฎข้อห้าของการปลอมตัว คือไม่ว่าจะคุยกับใครหรือแม้แต่พวกเดียวกันก็
ต้องแนบเนียน เพื่อกันการแอบดู”
    “แล้วคิดว่าใครจะแอบดู”ไคร์ย้อนถาม
    “ได้ทั้งนั้นละ แล้วฉันก็ความรู้สึกช้ากว่าชาวบ้านเขาซะด้วย ใครแอบตามแอบดูยังถ้าไม่เห็นด้วยตาก็คงไม่รู้ตัว”มันตอบด้วยสีหน้า
เหนื่อยอ่อน พูดจริงๆมันก็ดูอิดโรยมาตั้งแต่ออกมาจากฟรอแล้ว
    “นี่ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย”ไคร์ถาม
    “สบายดี แค่เหนื่อยเท่านั้นเอง”มันตอบ และยกมือขึ้นปัดผมออกจากใบหน้า
    “ไคร์.....”
    “เปล่า ฉันไม่ได้เรียก”ไซคีรีบบอก เมื่อไคร์หันไปหาเขา แต่วินาทีต่อมา คำตอบก็เดินรี่เข้ามาเกาะที่แขนเขาอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้า
ของ
    “ไคร์ละก็ ทำไมไม่ชวนจิลเต้นรำเลยละคะ มาชวน..ใครก็ไม่รู้เต้นน่ะ”หล่อนหันมาปลายตามองไซคีอย่างดูถูก หล่อนเอาอะไรมา
เทียบนะหรอ ก็ดูเอาที่ตัวหล่อนมีแต่เครื่องเพรช จนแม้แต่แสงจันทร์ยังทำเอาไซคีหันตาหลบแสงสะท้อน แต่รูปร่างผอมบางแทบกระดูกโปน
ของหล่อนทำให้ไซคีนึกถึงต้นไม้แห้งๆใกล้ตายที่แขวนผ้ายันสีแดง แทนการสวมชุดราตรีสีแดงปักลูกปัดสีดำเงาตัวสวยของหล่อน แล้วพัน
ด้วยสายรุ้งวันคริสมาสเปรียบกับเครื่องประดับของหล่อนที่สวมมาโดยไม่ดูว่าสีของมันจะเข้ากับชุดเข้ากับผิวรึเปล่า
    โอ้ย อยากหัวเราะ
    “ใครหรอไคร์”ไซคีเริ่มคำถามด้วยเสียงอันไพเราะ แต่แม่กิ่งไม้แห้งกลับพูดมาด้วยเสียงแหลมสูงพร้อมกับถลึงตาโปนๆของหล่อน
ใส่ไซคีซะแทน
    “หล่อนนะแหละเป็นใคร เป็นสาวใช้คุณหนูคนไหนละ ถึงได้ยืมชุดใครมาใส่เข้างาน แต่ไม่มีปัญญาหาเครื่องเพชรมาใส่ ไคร์ก็
จริงๆเลย ทำไมมายืนคุยกับยายนี่ได้ ต่อหน้าจิลไคร์ทำแบบนี้ได้ไง”ยายคนที่เรียกตัวเองว่าจิลหันไปทำเสียงอ้อนแหลมๆกับไคร์ ที่หันหน้า
มองออกไปให้พ้นตัวประหลาดที่เขาไม่กล้าจะสะบัดแขนหนี ก่อนจะตัดสินใจส่งเรื่องนี้ให้ไซคีช่วย โดยการหันมาแนะนำว่า
    “เออ จิล คนนี้คื“
    “ไม่เป็นไรหรอกไคร์ จิลไม่เห็นจะต้องไปรู้จักยายมอซอนี้เลย ดูแค่ชุดก็รู้แล้วว่ามือสองยืมเขามาน่ะ”
    “ฉันขอตัวน่ะคะ ไคร์”ไซคีพูดอย่างนอบน้อม ก่อนจะถอนสายบัว แล้วเดินกลับเข้าไปในงาน
    โธ่ มันยิ่งหงุดหงิดอยู่แท้ๆ
    “อ้าว กลับมาช่วยกันก่อนซิ”ไคร์เรียกตาม แต่ไซคีไม่สนใจแล้วเดินตัวปลิวหายไปจนได้ ไคร์จึงต้องใช้มืออีกข้างแกะมือของจิ
ลออก ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวตาไซคีไป โดยไม่ฟังเสียงโวยวายแบบไม่มียางอายของจิลที่กระทืบเท้าตึงๆ
   
    “เป็นไงมั่งลูกแม่”เจ้าหญิงเทลล่าหันกลับมาทักทายไซคีที่เดินหน้าเหนื่อยกลับไปหาแม่ของเขาได้สำเร็จ “ดูเหนื่อยๆน่ะ”
    “หลายอย่างคะแม่ ยังไม่จบงานอีกหรือคะ หนูอยากกลับแล้ว”เขาตอบอ่อนๆ แต่แม่ของเขาจุปาก เพราะตอนนี้ทั้งห้องหันไปให้
ความสนใจกับประรำพิธี ที่องค์จักรพรรดินีกำลังพูดอวยพรให้กับแขกทุกคนที่มางาน แต่ท่าทางคงจะพูดจบแล้ว
    “แต่ว่า....งานนี้ข้าพเจ้า ยังเหลือเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะประกาศให้พวกท่านรู้เป็นครั้งแรก ก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็น
ทางการให้ประชาชนของเรารู้ คือเรื่องที่เจ้าชายไซเคอรัน  และเจ้าหญิงฟีไลท์ จะวางมือจากงานนักล่า....และจะกลับขึ้นมาทรงงานของเจ้า
หญิงเจ้าชายต่อไป แต่สำหรับเจ้าชายไซเคอรันนั้น-“
    “โอ้ย!”
    เสียงหวานของไซคีถึงกับหลุดออกจากปากด้วยความตกใจ เพราะผมเป็นลอนสวยนั้นถูกมือคู่หนึ่งกระชากเหวี่ยงเขาไปกระแทรก
กับโต๊ะกลมทานอาหารจนล้มพลิกมาฟาดศีรษะเธอกลางกระหม่อมเข้าเต็มเหนี่ยว แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ
    “เป็นไงมั่ง”ฟีไลท์เอ่ยถามพี่ชายที่เพิ่งจะปลือกตาขึ้นมอง แต่คิ้วที่ขมวดบอกให้รู้ว่ายังพูดไม่ได้แน่ว่าไม่เป็นไรแล้ว
    “...ยัง...ยังมึนๆอยู่”เขาตอบด้วยเสียงสตรีเบาๆ อย่างลืมตัว
    “อย่าห่วงคะ คนอื่นๆกลับไปกันหมดแล้ว”ฟีไลท์กระซิบบอก พี่ชายที่ถอนหายใจและหลับตาแน่น ปวดหัวจังเลย ปวดกระหม่อม
แบบนี้ไม่อยากจะขยับไปไหนเลย
    “เวลา...เท่าไหร่แล้ว”เขาถามยากลำบาก การอ้าปากพูดทุกครั้งมันทำเอาเขาปวดกระดูกสันคอ ยายคุณหนูนั่น จองล้างจองพลาญ
อะไรกันนักหนา
    “ตีสองแล้วคะ”ฟีตอบ
    “โอ้ย หมอให้ยาแก้ปวดมารึเปล่า ปวดคอจังเลยฟี”ไซคีพูดบ่นเบาๆ และบีดคอไปมาช้าๆ 
    “หมอบอกว่าหัวไม่แตกหรอกคะ แต่รู้ซึกว่าจะมีปัญหาที่กระดูกคอหมอเลยจะรอดูอาการอีกทีน่ะคะ ว่าแต่ พี่ก็ความรู้สึกช้าจังน่ะ
ยายชุดแดงนั่นเข้ามาใกล้ขนาดนั้นแล้ว”ฟีไลท์พูดกัด ไซคียกมือขึ้นนวดคอเบาๆก่อนจะตอบว่า
    “ฟี เธอก็รู้ว่าพี่ความรู้สึกช้า”
    “อยู่ที่โคเทียน่า พี่เอาแต่ฝึกเวทซิใช่มั้ย ถึงได้โดนตีผัวะเดียวจอดแบบนี้”ฟีพูดแหย่ต่อไป โธ่ ถ้ามีแรงเถียงละก็น่ะ “อยู่บ้านพี่ก็
เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง บอกให้ออกมาซ้อมดาบบ้างก็ไม่เอา”
    “ฉายาก็บอกอยู่ว่าพ่อมด”เขาเถียงเบาๆ “แล้วพวกไคร์ละ จะว่าไปฉันอยู่ที่ไหนละเนี่ย”
    “อยู่ในวังคะ ส่วนพวกพี่ๆกลับห้องไปกันหมดแล้ว ตอนที่หมอบอกว่าไม่เป็นไรน่ะคะ แล้วแม่ก็ยังไม่ยอมให้ใครเข้าเยี่ยม
ด้วย”ฟีตอบ “ส่วนเรื่องนั้น ก็ยังเป็นความลับอยู่”
    “ดีแล้วละ...ขืนรู้ก่อนงานจบก็หมดกัน...”ไซคีพูดพึมพำ
    ความลับหรอ จะปิดได้ซักกี่น้ำกันเชี่ยว ถึงไม่มีใครเปิดโปงก็มีหวังได้พลาดซะเอง ถึงได้ไม่ค่อยชอบงานที่อยู่ที่เดิมนานๆ ถ้าแค่
วันสองวันละก็ไม่มีปัญหา แต่นี่อยู่มาตั้งสามสี่เดือนแล้ว ยังดีที่เจ้าชายชาพอชคอยช่วย ถึงได้ปิดได้นานเป็นเดือนๆ ส่วนงานนี้...ยังไงก็ต้องรีบ
พาโดโลเรสไปไถ่ตัวจากเจ้าหญิงเมเรน่านั่น ถ้าไม่งั้นเขานั่นแหละที่ต้องเป็นคนถ่อไปฆ่าเจ้าหญิงนั่นซะเอง แล้วมันจะได้จบๆซะที หมดเรื่อง
หมดราว ไม่ต้องเจอใครอีก แล้วไม่ต้องเจอเลยนั่นหละดี
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกไคร์
    “วันนี้ไม่ไหวแล้ว พี่จะนอน ฟีก็ไปนอนได้แล้ว”
    “พ่อหรอครับ”
    “อืม พ่อแค่แวะมาน่ะ”
    “มาทำอะไรแถวนี้หรอครับ แล้วแม่ยังอยู่ที่ฟรอมินรึเปล่าครับ”
    “แม่สบายดี ไม่ต้องห่วง แต่ทางลูกละเป็นไงมั่ง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน...สูงขึ้นอีกแล้วซิใช่มั้ย”
    “ครับ ดีครับ”
    “แล้วเป็นไง ยังคุมพลังอยู่รึเปล่า”
    “ไม่มีปัญหาครับ แต่มีคนชอบสั่งให้ผมลดใช้บุหรี่ซะบ้าง”
    “ลูกก็น่าจะหยุดพึ่งมันแล้วพึ่งตัวเอง ไม่งั้นพอถึงเวลาฉุกเฉินจะหาบุหรี่มาจากไหน”
    “ผมก็พยามอยู่ ตอนนี้เหลือแค่สูบวันละมวนสองมวนแล้วมั่งครับ”
    “จริงซิ แล้วพ่อมีเรื่องจากแม่เขามาเตือน ได้ยินว่าเจ้าชายฮิลมัสจ้างเจ้าชายไซเคอรันมาทำงาน”
    “เรื่องจริงครับ”
    “แม่เขาฝากมาเตือนว่า เจ้าชายไซเคอรันคนนี้นะเป็นบุคคลอันตราย ไม่ต้องถึงกับให้เขาโกรทหรอก แต่ทุกคนสามารถใช้เจ้าชาย
เป็นเครื่องมือได้ทั้งนั้น ถึงเจ้าชายไม่ใช่คนที่มีนิสัยทำร้ายเพื่อนกันเอง แต่ถ้าถึงเวลาโดนบีบ ทางที่ดีที่สุดที่มีอยู่ตอนนั้นเจ้าชายจะรับมันไว้
ก่อน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเรื่องแปลกๆขึ้นมา ให้สงสัยเจ้าชายไว้ก่อน ว่าเขากำลังโดนใครเชิดอยู่รึเปล่า”
    “ให้ผมคอยระวังพวกเดียวกันนะหรอครับ”
    “ไม่ใช้ให้ระวังว่าเขาจะทำร้าย แต่ให้ลูกระวังว่าเจ้าชายถูกใครบีบ ไม่ใช่ให้กันเจ้าชาย แต่คงต้องช่วย”
    “แม่เอาดวงผมกับเพื่อนไปทำนายเล่นอีกแล้วหรอครับ”
    “แม่เขาก็ทายไม่ค่อยจะผิดซะด้วยซิ ไคร์”
   
    มิน่าละ ฮิวมันถึงได้ไม่กล้าส่งจดหมายไปบอกให้ไซคีรีบพาโดโลเรสมาส่งที่วัง เพราะตัวเขาเองก็รู้ว่ามันไม่ปล่อยภัย เลยอยากจะไปดูโดโลเรสที่บ้านไซคีเลยมากกว่า
    ถึงกระนั้น ทั้งฮิวทั้งไคร์ก็ไม่มีใครกล้านินทามันเรื่องอย่าว่าอีกนะหละ เพราะแม้ติฮิวที่พูดแหย่มันเล่นๆในโต๊ะอาหารเช้า มันก็ถึง
กับขอตัวลุกหนีไปซะงั้น แถมโดโลเรสยังกำชับอีกว่าถ้ายังไม่อยากให้ไซคีหนีกลับบ้านก่อนงานฉลองก็ให้สงบปากสงบคำซะเลย
   
    ตกเย็น
    “โอ้ย เหนื่อย”ฮิวกับไคร์เดินอิดโรยกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นของห้องนอนตัวเอง ที่มีเฟิร์นและโดโลเรสนั่งเล่นกันอยู่ก่อนแล้ว
    “เอาอะไร น้ำ กาแฟหรือชา”โดโลเรสถาม
    “เอาน้ำดีกว่า”ไคร์ตอบ และทิ้งตัวลงนั่งลงข้างๆฮิว ถึงคนทรงงานจะเป็นฮิว แต่ใช่ว่างานที่เขาต้องช่วยมันจะน้อยๆซะที่ไหน ถ้า
เป็นแต่ก่อนโรงเรียนมีแค่ปีสี่ เขากับฮิวคงโดนใช้งานหนักกว่านี้ “แล้วไซคีละ”
    “กลับบ้านไปตั้งแต่เที่ยงแล้ว”เฟิร์นตอบ “เห็นเขาว่าพรุ่งนี้จะมาอีกรอบน่ะ”
    “บ้านนี้เขาแปลกๆ นึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา ทำอย่างกับบ้านมันอยู่ใกล้ๆกันซะเมื่อไหร่”ไคร์พูดขึ้น แต่โดโลเรสเริ่มหัวเราะคิก
คัก
    “อยากรู้จังว่าไซคีจะได้ใส่ชุดอัศวินเข้างานรึเปล่า”เธอพูดพึมพำ
    “ทำไมละ”ฮิวถาม
    “ก็ดูแล้ว ไซคีอยากใส่ชุดอัศวินมากกว่านะซิ”เฟิร์นตอบ “แต่เหมือนแม่เขาไม่อยากให้ใส่”
    “อ้าว เจ้าชายก็ต้องใส่ชุดอัศวินอยู่แล้วนิ”ไคร์พูดขึ้น ก็ขนาดตัวเขากับเฟิร์นยังต้องใส่ชุดเครื่องแบบเลย แล้วสมมุติว่าโดโลเรส
เรียนจบเป็นอัศวิน เวลาไปงานแบบนี้ก็ต้องทรงชุดอัศวินด้วยเหมือนกัน
    “ไม่รู้ซิ แต่ไซคีหัวเสียใหญ่ ฉันแอบได้ยินมาว่าเขาเถียงกับแม่ว่ายังไม่อยากให้ใครรู้หรืออะไรเนี่ยหละ”เฟิร์นบอก “แต่รู้สึกว่าแม่
จะชนะน่ะ”
    “พูดถึงมันทำงานให้เราเป็นชิ้นสุดท้าย ก็ไม่เห็นต้องแอบเข้างานเหมือนรอบที่แล้วเลยนี่นา แล้วท่านยายก็เตรียมคิวให้มันประกาศ
เลิกรับงาน แล้วกลับเข้าวังแล้วด้วย”ฮิวตอบ
    “แต่อย่างว่า เขาก็กะกันไว้แล้วว่ามันคงไม่ขึ้นไปประกาศเอง”ไคร์พูดต่อ “เขาเลยจะให้เจ้าหญิงฟีไลท์ขึ้นไปพูดแทน แต่เรื่องที่มัน
จะกลับเข้าวังนั่นก็ยังไงแน่ ว่ามันจะยอมกลับรึเปล่า”
    “แล้วใครคิดว่าไซคีจะยอมกลับเข้าวังมั่งละ”เฟิร์นถาม ทุกคนตอบว่า
    “ไม่”
   
    วันต่อมา ถึงจะเป็นวันงานจริงแล้วก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้สบายกว่าวันแรกเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่เช้าฮิวก็ต้องไปยืนตีหน้าบานคอย
ต้อนรับขบวนเสด็จไม่เว้นชั่วโมง แน่นอน ไคร์ก็ต้องไปกับมันด้วย แล้วยิ่งไซคีหนีแม่มันกลับบ้านไปแล้วยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะจากที่เจ้า
หญิงเจ้าชายห้าอันดับแรกจะต้องมาคอยต้อนรับแขก จากห้าคนเหลือแค่สี่คน แถมขอให้เจ้าชายชาพอชช่วยท่านก็โดดเอาซะงั้น
    ในที่สุด ช่วงเช้าของวันก็หมดไป ช่วงบ่ายเลยมีราชนิกูลคนอื่นมาช่วยต้อนรับแทน แต่ดูเหมือนว่าทั้งรอบเช้ารอบเย็น  รายชื่อใน
สมุดรายเซ็นจะขาดชื่อของเจ้าชายไซเคอรันตลอดงาน
    “คิดว่ามันจะมาตอนไหน”ฮิวถามขึ้น หลังจากเปิดดูสมุดรายเซ็นที่โต๊ะหน้างาน
    “อย่างน้อยๆก็ต้องมาก่อนงานเต้นรำตอนเย็น ไม่งั้นมันจะโดนหลายต่อ”ไคร์ตอบ ก่อนจะเดินตามฮิวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ที่พวก
คนงานกำลังจัดการจัดโต๊ะอาหารสำหรับงานเต้นรำที่จะถึงในอีกไม่ถึงสองชั่วโมงข้างหน้านี้ “นี่ก็จะห้าโมงแล้วด้วย งานมีตอนหกโมง มันน่าจะ
มาได้แล้วน่า”
    “ห้าโมงเมื่อไหร่แขกจะทยอยเข้างานแล้วด้วย”ฮิวพูดต่อ
   
    แต่เมื่อเวลาล่วงเลยกระทั่งงานใกล้เริ่มแล้ว การเยี่ยมสมุดรายเซ็นครั้งที่สามสิบของไคร์ เขาก็ยังไม่พบรายเซ็นของเจ้าชายไซ
เคอรัน แฟร์คอนเวอร์ จนเขานั่งดูเฟิร์นกับเจ้าหญิงเซเซียร่วมมือกันลากโดโลเรสเข้างานก็แล้ว ช่วยฮิวตอนรับแขกก็แล้ว เขาก็ยังอดไปเปิดดู
สมุดรายเซ็นที่โต๊ะหน้างานอีกรอบไม่ได้
    “ยังไม่มาหรอกคะ”หญิงรับใช้หน้างานตอบก่อนที่ไคร์จะเอ่ยปากถาม
    “ยังอีกหรอ อีกสองนาทีงานจะเริ่มแล้วด้วย”ไคร์พูดถาม แต่สาวรับใช้ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ แล้วหญิงคนหนึ่งก็เงย
หน้าขึ้นตอบว่า
    “คือ...เจ้าชายไซเคอรันน่ะ ยังไม่มาหรอกคะ แต่ว่า...เมื่อครู่นี้เอง มีผู้หญิงเดินเข้ามา แล้วเซ็นชื่อลงในช่องนี้น่ะคะ ถ้ายังไง
รบกวนช่วยดูหน่อยเถอะคะ ฉันเริ่มหลอนแล้ว”
    ไคร์ก้มลงดูสมุดรายเซ็นที่สาวใช้เปิดไปยังหน้าสุดท้ายของสมุด แต่ทั้งหน้ามีเพียงชื่อเพียงชื่อเดียว และพอเขาอ่านแล้วก็ต้อง
ตกใจแทบบ้า
    “เขาแต่งตัวแบบไหน”ไคร์เงยหน้าขึ้นถามอย่างร้อนรน
    “คะ เธอใส่ชุดกระโปรงยาวสีโอรส แล้วก็หมวกปีกกว้างมีดอกกุกลาบขาวประดับ ปิดหน้าปิดตาหมดเลยละคะ แต่ฉันเห็นผมหล่อน
เป็นสีน้ำตาลดัดม้วนเป็นลอนน่ะคะ สวมเสื้อโค้ทขนสัตว์สีดำน่ะคะ ความสูงก็...ประมารใบหูของท่านไคร์ละคะ”สาวใช้รีบตอบ แต่เมื่อไคร์ออก
เดินจะเข้าประตูงาน สาวใช้ก็ขัดอีกว่า “ฉันเห็นเธอเดินเข้าไปในสวนนะคะ เมื่อกี้นี้เอง”
    ไคร์เปลี่ยนทิศ หันไปตรงทางเดินข้างปราสาทแทน มันเป็นทางเดินมืดๆ มีแสงสว่างเพียงแค่แสงจันทร์เสี้ยวดวงบนฟ้า แต่ไคร์ยัง
คงเดินเร็วๆไปตามทางเดิน แล้วเขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินอยู่ไกลๆ แต่เขาก็ต้องหยุดตาม เพราะหญิงคนนั้นเดินเข้าไปพบโรเรรัยที่คาดว่ายืน
รอหล่อนอยู่แล้ว ที่ประตูเล็กข้างวัง แล้วทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าไปในปราสาท โดยมีทหารยืนเฝ้าประตูไว้อย่างเข้มงวด
    เจ้าหญิงควอเรีย แฟร์คอนเวอร์ คือชื่อที่อยู่หน้าหลังสุดของสมุดรายเซ็น แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนเซ็นลงไป นั่นเป็นสาเหตุที่เขา
ต้องตามหล่อนมาถึงนี่ แต่จะตามต่อยังไงละ
    ถ้าไม่แอบตาม
    คิดแล้ว ไคร์ก็เดินยาวๆไปที่หน้าต่างที่มุมตึกก่อนจะใช้มีดสอดผ่านช่องระหว่างบานหน้าต่าง แล้วดันมีดขึ้นดันกลอนพาดออกจาก
กัน แล้วจึงเปิดมันออกก่อนจะรีบปีนเข้าไปยืนในโถงทางเดิน พร้อมกับปิดหน้าต่าง
    เขาถอนหายใจ แล้วจึงเดินเบาๆเร็วๆไปตามทางเดินที่ยาวเหยียด กระทั่งถึงหัวมุมเขาก็ต้องชะงักแล้วใส่เกียร์ถอยกลับเข้ามาใน
ทางของตัวเอง เพราะทันทีที่พ้นทางเลี้ยวไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถึงห้องที่โรเรรัยกับผู้หญิงคนนั้นกำลังจะเข้าไปอยู่พอดี และเมื่อเสียงประตูปิดลง
เขาก็โผล่ออกไปพบหน้าเธอเข้าพอดี
    ซวย
    ไคร์ถึงกับต้องยืนตัวแข็ง เพราะแทนที่เขาจะโผล่ออกไปยืนหน้าประตูแล้วแอบฟังว่าผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรกันใคร กลายเป็นว่า
เธอมายืนดักหน้าเขาอย่างรู้ทัน ถึงโรเรรัยจะเข้าไปในห้องแล้ว แต่กับผู้หญิงที่อยู่ๆก็มาอ้างชื่อเจ้าหญิงที่สิ้นชีพไปแล้วเนี่ยอาจจะน่ากลัวกว่าก็
ได้ โดยเฉพาะเมื่อหมวกปีกว้างสวยๆนั่นบังตาทั้งสองข้างของหล่อนจนเหลือแต่เงาดำหน้ากลัว
    แต่เธอแค่เอียงศีรษะมองเขาอย่างเอะใจ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในห้องเดิม ทิ้งให้ไคร์ยืนงงอยู่คนเดียว ตกลงว่าเขาตามบุคคล
ต้องสงสัยมารึเปล่า หรือผู้หญิงคนนั้นจะไม่รู้ว่าเขารู้จักกับไซคี หรืออันที่จริงเธออาจจะไม่รู้จักเขาก็ได้ แต่ที่แน่ๆคือเธอต้องเป็นบุคคลสำคัญ
เพราะโรเรรียถึงกับมารับด้วยตัวเอง ถึงจะเป็นการรับแบบลับๆล่อๆก็เถอะ
   
    ในที่สุด เขาก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะตามผู้หญิงคนนั้นต่อแล้วเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ที่ตอนนี้บน ฟรอเต้นรำมีหญิงชายเต้นรำ
กันอยู่เต็มฟรอ และแน่หละ เจ้าชายฮิวมัสที่เขากำลังตามหาก็โดนจับลงไปเต้นรำตามที่คาดการณ์ไว้ แล้วดูจะมีเจ้าหญิงที่หลายคนที่เล็งเขาไว้
เป็นเพลงต่อไป แต่ฮิวก็ยังยึดคู่ของเขาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เพราะยังไงผู้หญิงคนนั้นก็เป็นโดโลเรสที่เฟิร์นจับแต่งตัวซะสวยสะดุดแล้วลาก
เธอมาเข้างานจนได้    
    แต่ดูเหมือนว่าสายตาของไคร์จะไปตกที่ผู้หญิงปริศนาคนเดิมที่นั่งอยู่ริมห้องเข้าแล้ว เพราะตอนนี้หมวกของเธอเปิดขึ้นจนเห็นใบ
หวานได้รูปดูนุ่มนวลด้วยผิวขาวสีน้ำนม ดวงตาโตสีน้ำตาลเข้มคู่สวยเผยขนตางอนยาวเป็นธรรมชาติ คิ้วบาง เรียวปากนุ่มสีกุหลาบ และผมสีนำ
ตาลหนาเป็นเงางาม ดัดเป็นลอนใหญ่แซมด้วยริบบิ้นเส้นบางสีโอรสเช่นเดียวกับชุดของเธอ แต่เธอก็ยังถือว่ามีเครื่องประดับน้อยมากสำหรับ
งานนี้ เพราะทั้งตัวเธอมีเพียงตางหูสีเงินเท่านั้นหละที่พอจะส่องประกายนอกจากดวงตา แต่ถึงยังไงเธอก็สวยกว่าใครเพื่อน
    แล้วก็กำลังถูกชายหลายต่อหลายคนผลัดกันเข้าไปขอเต้นรำ แต่ท่าทางว่าทุกครั้งเธอจะ ปฏิเสธเอาตลอด
    “อ้าว พี่ไคร์”
    เจ้าหญิงฟีไลท์ในชุดราตรีสีชมพูสวยเดินเข้ามาทักทาย ก่อนจะหันไปมองที่หญิงปริศนาคนนั้น แล้วจึงหันกลับมาถามเขาว่า
    “สนใจเธอหรอ”
    “เปล่า ผมแค่สงสัยอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง”ไคร์ตอบ แต่ฟีไลท์ยิ้มเล่ห์ “จะว่าไป แล้วไซคีมางานรึเปล่า ผมยังไม่เห็นชื่อเขาใน
สมุดเซ็น”
    “อ๋อ พี่ไซคีนะหรอคะ”ฟีไลท์พึมพำ ก่อนจะพยักหน้าที่หญิงปริศนา “ไม่ถามเธอดูละคะ ฉันว่าเธอคงรู้”
    “เธอเป็นใครหรอ”ไคร์ย้อนถาม
    “ให้เธอตอบเองเถอะคะ ชวนเธอไปเต้นรำก็ได้ เธอน่าจะไปกับพี่น่ะ”ฟีไลท์ตอบ ก่อนจะเดินออกไป
    ไคร์หันกลับไปมองผู้หญิงคนดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาเธอ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเห็นมาเขาเป็นคนเดิน
เข้ามา เธอก็อุทานแผ่ว แต่ไคร์ไม่สนใจ
    “ให้เกียร์ติผมซักเพลงได้มั้ยครับ”เขาถาม และโค้งลง แต่หญิงคนนั้นทำหน้าเลิกลักมองข้ามฟรอเพื่อสื่อสารกับใครบางคน แล้วก็
ทำหน้าแหย่ ก่อนจะหันมาหาเขา
    “ด้วยความยินดีคะ”เสียงเย็นใสตอบกลับมา แล้วเธอก็ลุกขึ้นคล้องแขน ให้ไคร์พาเดินเข้าไปในฟรอ แล้วเริ่มเต้นรำอย่างช้าๆ แต่
ทั้งที่ไคร์พยามจ้องหน้าเธออย่างจับผิด หญิงคนนั้นกลับทำเชิดใส่เขาราวกับเขาเพิ่งทะเลาะกับเธอมาแหมบๆ จนเมื่อเพลงบรรเลงไปได้ซัก
ครึ่ง ไคร์ก็เริ่มถาม
    “ขอทราบชื่อหน่อยได้มั้ยครับ”เขาถาม แต่สตรีตรงหน้าเหลือบตาขึ้นมองเขา ก่อนจะขยับมือขวาให้เขาหันไปมอง แล้วเขาก็ต้อง
กลืนน้ำลายเฮือก เมื่อเครื่องประดับอีกชิ้นที่เธอมี คือกำไลเวทที่คล้ายกับของไซคีมากๆ แต่เมื่อเขาดูจริงๆ คงไม่ใช่แค่คล้าย ก็มันสลักชื่อไซ
เคอรัน แฟรคอมเวอร์ชัดๆ “หรือว่าคุณ...”
    ตึง!
    เสียงกระทืบเท้าเบาๆ จนไคร์ถึงกับสะอึกเพราะเสียงกระทืบนั่นหล่อนทำบนเท้าของเขา
    “เออซิ ฉันเอง แกจะคิดไปถึงไหน”
    คราวนี้จะๆเลย เสียงไซคีที่พูดเสียงดุดังออกมาจากปากของสตรีงามที่ทำเอาเขาแทบสำลักลมหายใจตัวเอง
    “ไซคีหรอ แล้วแกนึกยังไงมาแต่งตัวอย่างนี้วะ”ไคร์กระซิบถามแก้เขินที่เขาปล่อยไก่หลงกลเชิญผู้ชายทั้งแท่งอย่างมันออกมา
เต้นรำกลางงาน
    “ฉันมีเหตุผลของฉันละกัน”ไซคีตอบ แต่เมื่อมีคู่เต้นรำคู่อื่นเข้ามาใกล้ มันก็ตอบเขาด้วยเสียงของผู้หญิงต่อว่า “แม่ฉันกะจะจับคู่
ให้ฉันอีกแล้ว ฉันถึงได้ไม่ชอบมางานแบบนี้ไง แต่เห็นว่านี่งานสำคัญเลยต้องมาหน่อย แต่ถ้ามาทั้งแบบปรกติก็แย่ซิ” ก่อนจะเหลือบตามอง
ไคร์ ที่กำลังก้มหน้าดูสัดส่วนของมันตั้งแต่ปลายเท้าจรดคอ จนไซคีต้องถามเสียงแหลม “มองไรยะ”
    “ก็.....แกทำได้ยังไง”เขาถาม แล้วจึงกลับมาเต้นรำแบบปรกติ ไม่ก้มดูโน่นดูดี ที่มันไม่ตบเขากระเด็นเพราะชุดมันเป็นแบบปิด
คอ
    “ทำอะไร”
    “ก็ดูยังไงหุ่นแกก็ผู้หญิงวะ นมนะยัดได้ แต่มีเอวมีสะโพก... มือก็ไม้ก็เล็ก หรือปรกติแกมีอยู่แล้ว”
    ตรงนี้ละมันได้กระทืบเท้าเขาอีกรอบจนปลายนิ้วเท้าทั้งห้าของเขาถึงกับชา เพราะคู่เต้นรำคู่อื่นดูจะเริ่มสนใจในบทสนทนาที่แปลก
หู
    “ประ-สาท”ไซคีกระซิบกลับมาเป็นจังหวะตัดตอน แต่พอฟังมันพูดเสียงผู้หญิงอย่างนี้แล้วต่อให้พระเจ้าลงมาก็ดูไม่ออกว่ามัน
ผู้หญิงผู้ชาย เพราะขนาดตอนโกรทท่าทางมันก็ยังเป็นผู้หญิงทุกอย่าง “ฝีมือการปลอมตัวตระกูลฉันที่หนึ่งอยู่แล้วหรอก”
    “แต่ดูแก-เอ้ย เธอทำคล่องกว่าที่เคยเห็นนิ ทำบ่อยหรือไง”ไคร์แกล้งถาม แต่ไซคียักคิ้วแผลบ
    “ก็เล่นได้ตั้งแต่เจ้าหญิงยันโสเภณีนะละ”
    “หา?”
    “สนใจหรือไง”มันยังพูดเล่นต่ออีกแนะ “แต่ไม่ทำให้ดูหรอก ทุเรศตัวเองเหมือนกันเวลาเล่น แค่นี้ถ้าชาวบ้านเขารู้ก็อายจะตายอยู่
แล้ว”
    “ถ้าฮิวรู้ละ”
    “นายก็ตายคนแรก”ไซคีพูดตัดคอล่วงหน้า “เรื่องนี้แค่นายรู้ฉันก็แย่จะตายอยู่แล้ว ถ้าให้คนอื่นรู้อีกว่าฉันแต่งตัวแบบนี้เข้างานราช
วงศ์แฟคอนเวอร์ได้ล้มจมกันพอดี”
    “อ้าว หวัดดีไซคี”
    ทั้งไซคีทั้งไคร์แทบจะเหยียบเท้ากันเอง เพราะยังจะมีคนจำได้อีกว่าคู้เต้นรำคู่นี้เป็นชายกับชาย แต่ดูเหมือนไซคีจะถอนหายใจ
โล้งอก เมื่อรู้ว่าคนที่ทักเขาคือ
    “ท่านชาพอช”เขาพูดเสียงอ่อนกับเจ้าชายรูปงาม ที่กำลังเต้นรำอยู่กับรุ่นพี่เดแอน เลขานุการของเขาในสภานักเรียน แต่ดูเธอ
กำลังกลั้นหัวเราะเต็มที่ “อย่าหัวเราซิพี่เดแอน แค่นี้ฉันก็อายจะแย่แล้ว”
    “โธ่เอ้ย นานๆทีน่า คิดอะไรมาก”เจ้าชายชาพอชพูดปลอบใจไซคีที่ทำหน้าหงอย
    “อยากจะออกไปไกลๆงานจริงๆเลย”เขาพูดบ่นพึมพำ แล้วในที่สุดเจ้าชายชาพอชก็เต้นรำไกลออกไป และทันทีที่เพลงจบลง ไซ
คีก็ปล่อยมือจากไคร์แทบจะทันที “จะออกไปเดินเล่น”แล้วมันก็เดินฉับๆออกไป แต่ไคร์ยังแอบเดินตามมันออกไปที่ระเบียงกว้างๆ
    “ยังจะตามมาอีก ไม่กลัวใครเขาเอาไปนินทาหรือไง”ไซคีหันมาพูด ก่อนจะหันหลังพิงระเบียง และยืนมองไคร์ดึงบุหรี่ขึ้นมาจุด
สูบ “ทำไมไม่เลิกซะที”
    “ก็มันยังไม่หายเครียด”ไคร์ตอบ ไซคีถอนหายใจเบาๆ “วันนี้ไม่มีอารมณ์ไล่หรือไง”
    “ฉันเหนื่อย”เขาตอบคิ้วขมวด “วันๆมีแต่เรื่องให้ปวดหัววันยันค่ำ โดยเฉพาะสายตานาย เลิกมองซะที”
    “ต้องยอมรับเลยนะเนี่ยว่าตระกูลแกปลอมตัวได้เนี๊ยบจริงๆ”ไคร์พูบอก ก็ถึงเป็นผู้ชายมันก็เป็นผู้ชายที่ “ดูยังไงก็สวย”
    “พูดเหมือนชมผู้หญิง”ไซคีพูดเสียงดุ
    “ก็น่าอยู่หรอก ขนาดอยู่กันสองคน แกยังพูดเสียงผู้หญิงเลย ไม่เจ็บคอหรือไง”
    “เคยชิน”มันตอบ แต่ก็ยังใช้เสียงผู้หญิงอยู่ “รู้ไว้ซะว่ากฎข้อห้าของการปลอมตัว คือไม่ว่าจะคุยกับใครหรือแม้แต่พวกเดียวกันก็
ต้องแนบเนียน เพื่อกันการแอบดู”
    “แล้วคิดว่าใครจะแอบดู”ไคร์ย้อนถาม
    “ได้ทั้งนั้นละ แล้วฉันก็ความรู้สึกช้ากว่าชาวบ้านเขาซะด้วย ใครแอบตามแอบดูยังถ้าไม่เห็นด้วยตาก็คงไม่รู้ตัว”มันตอบด้วยสีหน้า
เหนื่อยอ่อน พูดจริงๆมันก็ดูอิดโรยมาตั้งแต่ออกมาจากฟรอแล้ว
    “นี่ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย”ไคร์ถาม
    “สบายดี แค่เหนื่อยเท่านั้นเอง”มันตอบ และยกมือขึ้นปัดผมออกจากใบหน้า
    “ไคร์.....”
    “เปล่า ฉันไม่ได้เรียก”ไซคีรีบบอก เมื่อไคร์หันไปหาเขา แต่วินาทีต่อมา คำตอบก็เดินรี่เข้ามาเกาะที่แขนเขาอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้า
ของ
    “ไคร์ละก็ ทำไมไม่ชวนจิลเต้นรำเลยละคะ มาชวน..ใครก็ไม่รู้เต้นน่ะ”หล่อนหันมาปลายตามองไซคีอย่างดูถูก หล่อนเอาอะไรมา
เทียบนะหรอ ก็ดูเอาที่ตัวหล่อนมีแต่เครื่องเพรช จนแม้แต่แสงจันทร์ยังทำเอาไซคีหันตาหลบแสงสะท้อน แต่รูปร่างผอมบางแทบกระดูกโปน
ของหล่อนทำให้ไซคีนึกถึงต้นไม้แห้งๆใกล้ตายที่แขวนผ้ายันสีแดง แทนการสวมชุดราตรีสีแดงปักลูกปัดสีดำเงาตัวสวยของหล่อน แล้วพัน
ด้วยสายรุ้งวันคริสมาสเปรียบกับเครื่องประดับของหล่อนที่สวมมาโดยไม่ดูว่าสีของมันจะเข้ากับชุดเข้ากับผิวรึเปล่า
    โอ้ย อยากหัวเราะ
    “ใครหรอไคร์”ไซคีเริ่มคำถามด้วยเสียงอันไพเราะ แต่แม่กิ่งไม้แห้งกลับพูดมาด้วยเสียงแหลมสูงพร้อมกับถลึงตาโปนๆของหล่อน
ใส่ไซคีซะแทน
    “หล่อนนะแหละเป็นใคร เป็นสาวใช้คุณหนูคนไหนละ ถึงได้ยืมชุดใครมาใส่เข้างาน แต่ไม่มีปัญญาหาเครื่องเพชรมาใส่ ไคร์ก็
จริงๆเลย ทำไมมายืนคุยกับยายนี่ได้ ต่อหน้าจิลไคร์ทำแบบนี้ได้ไง”ยายคนที่เรียกตัวเองว่าจิลหันไปทำเสียงอ้อนแหลมๆกับไคร์ ที่หันหน้า
มองออกไปให้พ้นตัวประหลาดที่เขาไม่กล้าจะสะบัดแขนหนี ก่อนจะตัดสินใจส่งเรื่องนี้ให้ไซคีช่วย โดยการหันมาแนะนำว่า
    “เออ จิล คนนี้คื“
    “ไม่เป็นไรหรอกไคร์ จิลไม่เห็นจะต้องไปรู้จักยายมอซอนี้เลย ดูแค่ชุดก็รู้แล้วว่ามือสองยืมเขามาน่ะ”
    “ฉันขอตัวน่ะคะ ไคร์”ไซคีพูดอย่างนอบน้อม ก่อนจะถอนสายบัว แล้วเดินกลับเข้าไปในงาน
    โธ่ มันยิ่งหงุดหงิดอยู่แท้ๆ
    “อ้าว กลับมาช่วยกันก่อนซิ”ไคร์เรียกตาม แต่ไซคีไม่สนใจแล้วเดินตัวปลิวหายไปจนได้ ไคร์จึงต้องใช้มืออีกข้างแกะมือของจิ
ลออก ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวตาไซคีไป โดยไม่ฟังเสียงโวยวายแบบไม่มียางอายของจิลที่กระทืบเท้าตึงๆ
   
    “เป็นไงมั่งลูกแม่”เจ้าหญิงเทลล่าหันกลับมาทักทายไซคีที่เดินหน้าเหนื่อยกลับไปหาแม่ของเขาได้สำเร็จ “ดูเหนื่อยๆน่ะ”
    “หลายอย่างคะแม่ ยังไม่จบงานอีกหรือคะ หนูอยากกลับแล้ว”เขาตอบอ่อนๆ แต่แม่ของเขาจุปาก เพราะตอนนี้ทั้งห้องหันไปให้
ความสนใจกับประรำพิธี ที่องค์จักรพรรดินีกำลังพูดอวยพรให้กับแขกทุกคนที่มางาน แต่ท่าทางคงจะพูดจบแล้ว
    “แต่ว่า....งานนี้ข้าพเจ้า ยังเหลือเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะประกาศให้พวกท่านรู้เป็นครั้งแรก ก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็น
ทางการให้ประชาชนของเรารู้ คือเรื่องที่เจ้าชายไซเคอรัน  และเจ้าหญิงฟีไลท์ จะวางมือจากงานนักล่า....และจะกลับขึ้นมาทรงงานของเจ้า
หญิงเจ้าชายต่อไป แต่สำหรับเจ้าชายไซเคอรันนั้น-“
    “โอ้ย!”
    เสียงหวานของไซคีถึงกับหลุดออกจากปากด้วยความตกใจ เพราะผมเป็นลอนสวยนั้นถูกมือคู่หนึ่งกระชากเหวี่ยงเขาไปกระแทรก
กับโต๊ะกลมทานอาหารจนล้มพลิกมาฟาดศีรษะเธอกลางกระหม่อมเข้าเต็มเหนี่ยว แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ
    “เป็นไงมั่ง”ฟีไลท์เอ่ยถามพี่ชายที่เพิ่งจะปลือกตาขึ้นมอง แต่คิ้วที่ขมวดบอกให้รู้ว่ายังพูดไม่ได้แน่ว่าไม่เป็นไรแล้ว
    “...ยัง...ยังมึนๆอยู่”เขาตอบด้วยเสียงสตรีเบาๆ อย่างลืมตัว
    “อย่าห่วงคะ คนอื่นๆกลับไปกันหมดแล้ว”ฟีไลท์กระซิบบอก พี่ชายที่ถอนหายใจและหลับตาแน่น ปวดหัวจังเลย ปวดกระหม่อม
แบบนี้ไม่อยากจะขยับไปไหนเลย
    “เวลา...เท่าไหร่แล้ว”เขาถามยากลำบาก การอ้าปากพูดทุกครั้งมันทำเอาเขาปวดกระดูกสันคอ ยายคุณหนูนั่น จองล้างจองพลาญ
อะไรกันนักหนา
    “ตีสองแล้วคะ”ฟีตอบ
    “โอ้ย หมอให้ยาแก้ปวดมารึเปล่า ปวดคอจังเลยฟี”ไซคีพูดบ่นเบาๆ และบีดคอไปมาช้าๆ 
    “หมอบอกว่าหัวไม่แตกหรอกคะ แต่รู้ซึกว่าจะมีปัญหาที่กระดูกคอหมอเลยจะรอดูอาการอีกทีน่ะคะ ว่าแต่ พี่ก็ความรู้สึกช้าจังน่ะ
ยายชุดแดงนั่นเข้ามาใกล้ขนาดนั้นแล้ว”ฟีไลท์พูดกัด ไซคียกมือขึ้นนวดคอเบาๆก่อนจะตอบว่า
    “ฟี เธอก็รู้ว่าพี่ความรู้สึกช้า”
    “อยู่ที่โคเทียน่า พี่เอาแต่ฝึกเวทซิใช่มั้ย ถึงได้โดนตีผัวะเดียวจอดแบบนี้”ฟีพูดแหย่ต่อไป โธ่ ถ้ามีแรงเถียงละก็น่ะ “อยู่บ้านพี่ก็
เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง บอกให้ออกมาซ้อมดาบบ้างก็ไม่เอา”
    “ฉายาก็บอกอยู่ว่าพ่อมด”เขาเถียงเบาๆ “แล้วพวกไคร์ละ จะว่าไปฉันอยู่ที่ไหนละเนี่ย”
    “อยู่ในวังคะ ส่วนพวกพี่ๆกลับห้องไปกันหมดแล้ว ตอนที่หมอบอกว่าไม่เป็นไรน่ะคะ แล้วแม่ก็ยังไม่ยอมให้ใครเข้าเยี่ยม
ด้วย”ฟีตอบ “ส่วนเรื่องนั้น ก็ยังเป็นความลับอยู่”
    “ดีแล้วละ...ขืนรู้ก่อนงานจบก็หมดกัน...”ไซคีพูดพึมพำ
    ความลับหรอ จะปิดได้ซักกี่น้ำกันเชี่ยว ถึงไม่มีใครเปิดโปงก็มีหวังได้พลาดซะเอง ถึงได้ไม่ค่อยชอบงานที่อยู่ที่เดิมนานๆ ถ้าแค่
วันสองวันละก็ไม่มีปัญหา แต่นี่อยู่มาตั้งสามสี่เดือนแล้ว ยังดีที่เจ้าชายชาพอชคอยช่วย ถึงได้ปิดได้นานเป็นเดือนๆ ส่วนงานนี้...ยังไงก็ต้องรีบ
พาโดโลเรสไปไถ่ตัวจากเจ้าหญิงเมเรน่านั่น ถ้าไม่งั้นเขานั่นแหละที่ต้องเป็นคนถ่อไปฆ่าเจ้าหญิงนั่นซะเอง แล้วมันจะได้จบๆซะที หมดเรื่อง
หมดราว ไม่ต้องเจอใครอีก แล้วไม่ต้องเจอเลยนั่นหละดี
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกไคร์
    “วันนี้ไม่ไหวแล้ว พี่จะนอน ฟีก็ไปนอนได้แล้ว”
    “พ่อหรอครับ”
    “อืม พ่อแค่แวะมาน่ะ”
    “มาทำอะไรแถวนี้หรอครับ แล้วแม่ยังอยู่ที่ฟรอมินรึเปล่าครับ”
    “แม่สบายดี ไม่ต้องห่วง แต่ทางลูกละเป็นไงมั่ง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน...สูงขึ้นอีกแล้วซิใช่มั้ย”
    “ครับ ดีครับ”
    “แล้วเป็นไง ยังคุมพลังอยู่รึเปล่า”
    “ไม่มีปัญหาครับ แต่มีคนชอบสั่งให้ผมลดใช้บุหรี่ซะบ้าง”
    “ลูกก็น่าจะหยุดพึ่งมันแล้วพึ่งตัวเอง ไม่งั้นพอถึงเวลาฉุกเฉินจะหาบุหรี่มาจากไหน”
    “ผมก็พยามอยู่ ตอนนี้เหลือแค่สูบวันละมวนสองมวนแล้วมั่งครับ”
    “จริงซิ แล้วพ่อมีเรื่องจากแม่เขามาเตือน ได้ยินว่าเจ้าชายฮิลมัสจ้างเจ้าชายไซเคอรันมาทำงาน”
    “เรื่องจริงครับ”
    “แม่เขาฝากมาเตือนว่า เจ้าชายไซเคอรันคนนี้นะเป็นบุคคลอันตราย ไม่ต้องถึงกับให้เขาโกรทหรอก แต่ทุกคนสามารถใช้เจ้าชาย
เป็นเครื่องมือได้ทั้งนั้น ถึงเจ้าชายไม่ใช่คนที่มีนิสัยทำร้ายเพื่อนกันเอง แต่ถ้าถึงเวลาโดนบีบ ทางที่ดีที่สุดที่มีอยู่ตอนนั้นเจ้าชายจะรับมันไว้
ก่อน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเรื่องแปลกๆขึ้นมา ให้สงสัยเจ้าชายไว้ก่อน ว่าเขากำลังโดนใครเชิดอยู่รึเปล่า”
    “ให้ผมคอยระวังพวกเดียวกันนะหรอครับ”
    “ไม่ใช้ให้ระวังว่าเขาจะทำร้าย แต่ให้ลูกระวังว่าเจ้าชายถูกใครบีบ ไม่ใช่ให้กันเจ้าชาย แต่คงต้องช่วย”
    “แม่เอาดวงผมกับเพื่อนไปทำนายเล่นอีกแล้วหรอครับ”
    “แม่เขาก็ทายไม่ค่อยจะผิดซะด้วยซิ ไคร์”
   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น