ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE LAST DYNASTY

    ลำดับตอนที่ #5 : คางคกสองตัว

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 48


    เวลา... 2.12น.



        “ไคร์!ฮิว! ตื่น ตื่น ตื่นซี่......ถ้าไม่ตื่นฉันจะตายแล้วน่ะเว้ย!–บอกให้ตื่น!”ตุบ!ตุบ! ผัวะ! “ขึ้นมาฟังคนพูดก่อนซิวะ!” ตึง! ผัวะ!ผัวะ!“ใครมันแส่ให้พวกมันกินเหล้าก่อนนอนวะ!” ปั๊ก!ปั๊ก! ตุ่ม! “โอ้ย!!จะทำยังไงกับพวกมันดี! เวลายิ่งไม่มีอยู่!------ตื่นซิตื่น!ตื่น! โว้ย!ไม่ตื่นก็ช่างแก!”



        ปัง!!



        ไซคีกึ่งเดินกึ่งกระโดดลงมาตามบันไดหน้าปราสาท ตรงไปที่รถม้าสีดำสนิทที่สว่างด้วยตะเกียงที่หน้ารถเพียงดวงเดียว



        “มาแล้วครับ ออกรถได้เลยเลยครับลุง”ไซคีพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งในเบาะรถข้างๆกับโดโลเรส ที่กำลังนั่งรอเขาอยู่กับแม่ของไซคีนี่เอง



        “ไงมั่งลูก เจ้าชายเขาว่าไง”หญิงวัยกลางคนถามขึ้นด้วยความสนใจ



        ไซคีหัวเราะกับตัวเองฝืดๆ ไอ้การที่เขาปลุกคนสองคนให้ขึ้นมาฟังเขาพูดไม่ได้นี่มันจะนำพาความลำบากให้เขาอีกไม่รู้เท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำด่าและนี่หล่ะแม่ของเขา หล่อนเป็นหญิงที่มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับเขาพร้อมทั้งแววตาสีเข้มคู่นั้นที่ไม่ได้ต่างไปจากเขาเท่าไหร่เพราะแม่ที่รักก็ดูยังสาวราวกับอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ



        เทลล่า แฟร์คอนเวอร์ หัวหน้ากลุ่มนักล่าเงินรางวัลเป็นอดีตเจ้าหญิงแห่งโคเทียน่าและยังเป็นชายาของเจ้าชายซานฟาเทียพระโอรสองค์โตขององค์จักพรรดินี แต่ตอนนี้สิ้นพระชนม์ไปแล้วเมื่อหกปีก่อน



        “เจ้าชายเขา...ไม่ยอมตื่นขึ้นมาฟัง ผมเลย.....กะว่าจะส่งจดหมายไปบอกทีหลัง”ไซคีตอบก่อนจะเหลือบตามองพระมารดาที่

    เคารพแวบหนึ่ง



        “อะไรน่ะควอ....นี่ลูกทิ้งงานอีกแล้วหรือเนี่ย ให้ตายซิอย่าทำอะไรให้มันว่างๆโหว่ๆนักได้มั้ย....ให้ตายซิลูกถ้านี่เป็นงานใหญ่ขึ้น

    มาลูกจะทำยังไง”



        “ครับแม่ ขอโทษครับ”ลูกชายตัวดีพูดตอบอย่างนอบน้อมแต่ผู้เป็นแม่กลับชักสีหน้าที่โกรธเคือง



        “ควอ...แม่ไม่ชอบให้ลูกทำกิริยาแบบนั้นกับแม่...แล้วก็เสียงนั่นอีกไหนจะท่าทางแบบนั้น แล้วก็เสื้อผ้าการแต่งตัวกลับถึงบ้านแม่

    ต้องให้เมโลจัดการซะหน่อย”



        ไซคีพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันออกไปท้าวคางส่งสายตาออกไปชมวิวนอกหน้าต่างโดยไม่มีท่าทีจะอธิบายคำว่า ‘กิริยา

    แบบนั้น’ให้กับโดโลเรสได้เข้าใจ



        หรืออันที่จริง เขาอาจจะบอกไม่ได้ก็ได้











        เช้า...รุ่งขึ้น



        ไคร์ลืมตาขึ้นเบลอๆ ก่อนจะพยามโงหัวหนักๆของตัวเองขึ้นแต่ก็ต้องหยุดกลางคันเพราะความเจ็บแปล็บที่หลังคอพร้อมกับลูบ

    รอบเขียวเหมือนรอยสันหนังสือที่แขนเป็นจุดๆและกว่าเขาจะลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียงได้ก็เล่นเอาแย่เหมือนกัน



        เมื่อคืนคงดื่มหนักไปหน่อย



        เขายกมือขึ้นทุบท้ายทอยตัวเองที่ยังปวดไม่หาย  ใครมันซ้อมเขาตอนหลับรึเปล่าแต่เมื่อเขาหันไปมองเตียงของฮิวก็ต้องตกใจ

    กว่าเพราะฮิวมันลงไปนอนแผ่อยู่บนพื้นแถมยังมีหนังสือสองสามเล่มฝากไว้บนหัวมันอีก



        แปลก ฮิวไม่ใช่คนนอนดิ้น แล้วทำไมวันนี้มันลงไปกองกับพื้นได้หรือมันจะดื่มหนักจนละเมอ



        “ฮิว ไคร์”



        เสียงแผ่วๆดังมาจากนอกประตูห้อง ที่ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใครไม่ได้นอกจากเฟิร์น



        “เข้ามาเลยเฟิร์น”ไคร์พูดเสียงอ่อน ขณะที่ประตูเปิดออก แล้วเฟิร์นก็ต้องชะงักวูบเมื่อเห็นฮิวนอนตายเป็นศพอยู่บนพื้น



        “นี่อะไรเนี่ย”เธอเดินขมวดคิ้วเข้ามา ก่อนจะโยนยาขวดหนึ่งให้ไคร์ที่มีชื่อยาแปะอยู่ว่า ‘ยาแก้เมา’



    ขณะที่เฟิร์นกำลังกระชากคอเสื้อฮิวขึ้นมาและเขย่าตัวแรงๆจนหน้ากลัวว่าคอจะหักเอา“เอ้าตื่นๆ เช้าแล้ว”



        “พอจะรู้มั้ยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”ไคร์ถามหลังจากกลั้นใจดื่มยาที่ส่งกลิ่นเหม็นเขียวไปอึกหนึ่ง



        “ไม่รู้ซิ แต่เช้านี้ฉันยังหาโดโลเรสไม่เจอเลย”เฟิร์นตอบและในที่สุดฮิวก็ลืมตาขึ้น และลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จดูเขาจะไม่มีอาการเมา

    ค้างเหมือนกันไคร์



        “ขอบใจที่ปลุกเฟิร์น นึกว่าโดนผีอำซะแล้ว”ฮิวพูดเบลอๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแต่ก็ต้องร้องโอ้ยเบาๆ และลูบที่ชายโครง “อุ้ย....ลง

    มาได้ไงวะเนี่ย”



        “มีใครถีบแกลงมามั้ง”ไคร์ตอบก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกชุดไปรเวทออกมาชุดหนึ่ง



        “สงสัย เนี่ย หลังช้ำหมดเลย”เฟิร์นบอก หลังจากถกเสื้อด้านหลังของฮิวขึ้นดู“รอยมันเขียวๆยาวๆ สงสัยจะสันหนังสือ”



        “ใครหนอมันทารุณคนเมา”ฮิวส่ายหัว ขณะที่ไคร์เดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำข้างๆ “เออแล้วมาแต่เช้ามีอะไรหรอ”



        “อ๋อ เปล่าหรอก แค่มาดูว่าสร่างเมากันรึยัง”เฟิร์นตอบ และทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง“ดื่มกันเข้าไปได้ บอกแล้วว่าจะกินมาก เป็นไงละ

    ลำบากไซคีต้องแบกมาส่ง”



        “มันแบกไหวด้วยหรอ”ฮิวหัวเราะ



        “ไหวแน่ก็มันเอาเชือกผูกเอวพวกนายแล้วก็ลากกลับมานี่ไง”



        “ถ้ามันจะทำแบบนั้น วันหลังช่วยบอกมันที่ว่าโซฟาห้องนั่งเล่นก็นุ่ม”



        “มันเอามาส่งก็บุญแล้ว รู้มั้ยว่าพวกนายหลับคาโต๊ะกันไปตอนกี่ทุ่มตอนนั้นน่ะตีหนึ่งแล้วรู้ไว้ซะ แค่หยุดปิดเทอมสามอาทิตย์

    ฉลองลาตายอะไรกันนักหนา”เฟิร์นพูดอย่างหงุดหงิด แล้วเธอก็ต้องนั่งรอสองหนุ่มอาบน้ำล้างกลิ่นเหล้าออกจนหมด เสร็จแล้วก็ต้องนั่งรอพวก

    เขาเก็บกระเป๋าอีก



        “เธอเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วหรือไง”ไคร์ถาม



        “เออซิ ตั้งแต่พวกนายยังไม่หายเมานะหละ”เฟิร์นตอบนี่ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหญิงเซเซียลูกพี่ลูกน้องของฮิวที่เธอมีหน้าที่อารักษ์ขาอยู่

    วังเดียวกันกับฮิวเธอคงไม่มานั่งรอพวกเขาอย่างนี้



        “แล้วใครกลับไปแล้วมั่งละ”ฮิวถามขึ้นทันทีที่จัดของของตัวเองเสร็จ



        “ส่วนใหญ่ก็เริ่มเดินทางตั้งแต่เช้ามืดนะหละ”เฟิร์นตอบ “แต่ฉันยังหาโดโลเรสไม่เจอ”



        “โดโลเรส........”ฮิวเงยหน้าขึ้นมองเฟิร์น “หาไม่เจอหรอ”



        “ใช่ ไม่ได้อยู่ที่ห้องแน่ะ”เธอตอบ







        “ไอ้ไซคี!!!”



        ฮิวและไคร์เปิดประตูสู่ห้องอันมืดสลัว ที่เขาเชื่อว่ามันควรจะมีเจ้าของห้องอยู่แต่ตอนนี้จะอยู่ได้ยังไง



        ก็ในเมื่อมันไปตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่น



        “โธ่เว้ย! โดโลเรสหายไปทั้งคน มัวทำอะไรอยู่วะ ทำงานสะเพร่าจริงๆเลยไม่น่าจ้างมันเล้ย ให้ตายซิ”ฮิวพึมพำอย่างหัวเสีย ขณะที่

    ไคร์เดินใจเย็นตรงไปที่โต๊ะเขียนหนังสือของห้องและหยิบโน้ตแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่านออกเสียง



        “ฮิวฟังนะ ‘ถึงฮิวและไคร์ ฉันรู้ว่ายังไงนายสองคนก็คงพังประตูห้องฉันแต่เช้าถ้าพวกนายหาโดโลเรสกับฉันไม่เจอคือตัวฉันเองก็

    ไม่นึกอยู่เหมือนกันว่าแม่ฉันเขาจะถ่อมารับฉันที่นี่ตั้งแต่ตีสองทีแรกฉันก็คิดว่าจะไม่กลับเพราะต้องอยู่ดูโดโลเรสให้พวกนายที่โรงเรียนแต่ผล

    คือแม่ฉันจับโดโลเรสเป็นตัวประกัน ฉันก็เลยต้องกลับบ้านจริงๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะเพราะฉันจะพาโดโลเรสไปด้วย ที่บ้านฉันปลอดภัยแน่ๆ



        แต่อย่างว่าหล่ะ พวกนายจะโทษฉันก็ไม่ได้นะ เพราะฉันก็ไปบอกพวกนายที่ห้องแล้วด้วยปลุกตั้งหลายรอบ แต่พวกนายไม่ตื่นมา

    ฟังกันเอง แล้วแม่ก็ให้เวลาจำกัดดังนั้นฉันเลยทิ้งโน้ตนี่ไว้แทนแต่ถ้าพวกแกคิดว่าฉันจะทำอะไรบ้าๆกับโดโลเรสละก็แกฝันไปอีกชาติก็เป็นไป

    ไม่ได้หรอกเปิดเทอมแล้วค่อยเจอกัน



        จาก ไซคี



        ปล.1 แต่งานฉลองครบรอบของท่านยายฉันคงจะแอบไปหาท่านยายเงียบๆพวกนายอย่าหวังว่าจะได้เจอฉันที่นั่นเลยน่ะ หาไป

    เถอะ ไม่เจอหรอก(แล้วแกห้ามนั่งเฝ้าท่านยายด้วย)



        ปล.2 แต่ถ้าพวกนายรับรองได้ว่าที่วังมันปลอดภัยพอสำหรับโดโลเรสละก็แกจะรอรับโดโลเรสที่งานฉลองเลยก็ได้น่ะ จะพาไปส่ง

    แต่ตัวฉันคงโดนกักขังไปอีกนานจนกว่าจะเปิดเทอมแต่ฉันว่าโดโลเรสอยู่กับฉันคงจะปลอดภัยกว่าอยู่กับนายถ้าคิดว่าไงก็ส่งจดหมายมาอีกทีก็

    แล้วกันนะ(แต่ห้ามบุกมาที่บ้านฉันก่อนได้รับอนุญาต)



        ปล.3 อ๋อ แล้วถ้าคิดว่าจะมารับโดโลเรสที่บ้านฉันเลยละก็พวกนายก็เชิญเปิดตำราแผนที่โบราณได้เลย



    ใบ้ให้ก็ได้ว่าบ้านฉันเป็นราชวังเก่าของท่านยาย (แต่แกห้ามเล่นโกงถามท่านยายนะ)”



        “โธ่เว้ย! ให้ตายซิ ปะไคร์กลับไปปรึกษาท่านยายที่วังดีกว่า”ฮิวพูดอย่างหัวเสียงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากกระดาษโน้ตก่อนจะก้าว

    ฉับๆออกไป



        “เฮ้ย เดี๋ยวฮิว ใจเย็นซิ”ไคร์เรียก ก่อนจะรีบเดินตามออกไปโดยที่เขาไม่ได้อ่านประโยคสุดท้าย ที่เขียนไว้ที่ด้านหลัง

    ของกระดาษเป็นตัวเล็กๆ







        ถึงจะบอกว่ารีบกลับไปปรึกษาท่านยายแต่การเดินทางจากแคนโดร่าสู่โทรีเบอร์อย่างเร็วที่สุดก็สองวันเพราะขนาดพวกเขาลงทุน



    ขี่ม้าลุยหิมะและพายุมาตลอดทาง ยังไม่เร็วกว่าเดิมเท่าไหร่



        “ว้าย! เจ้าชายเพคะ ท่านไคร์ ท่านเฟิร์นก็ด้วย”นางสนมนางหนึ่งร้องขึ้นด้วยความตกใจที่อยู่ๆบุคคลสำคัญทั้งสามท่านมาโผล่ที่

    ห้องโถงหน้าวังที่เต็มไปด้วยคุณหญิงคุณนายข้าราชการชั้นสูงเต็มห้องแต่บุคคลที่สำคัญที่สุดทั้งสามคนกลับโผล่เข้ามาในสภาพที่โทรมถนัด

    ตาเพราะทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ แม้แต่ผมก็ยังแข็งเป็นปึกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสตรีที่มีผมยาวกว่าครึ่งหลังอย่างเฟิร์น



        “ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”เฟิร์นบอกก่อนจะส่งกระเป๋าเดินทางของตัวเองให้กับทหารที่กรูเข้ามาช่วยถือของ ขณะที่นางสนม

    นางนั้นจะใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองปัดเศษหิมะบนตัวของเฟิร์น



        “ตายแล้ว ตายจริง ทำไมจะกลับมาที่วังไม่ให้ทหารของแคนโดร่ามาส่งละเพคะลุยหิมะมาเองแบบนี้อันตรายออกเพคะ”



        “ช่างเถอะ องค์จักรพรรดินีอยู่มั้ย”ฮิวถาม ก่อนจะสะบัดเสื้อตัวเองให้หิมะหลุดออกไป



        “อ๋อ องค์จักรพรรดินีเดินทางไปคาวซอเน่เพคะ พรุ่งนี้ถึงจะกลับเพคะแต่กว่าจะถึงคงราวๆหกวันน่ะเพคะ”นางสนมตอบ



        “โห้...หกวัน”ไคร์พึมพำ



        “เพคะ แต่ไปคุยในห้องรับรองดีกว่ามั้ยเพคะอยู่ตรงนี้คงจะไม่ดี”นางสนมกระซิบและเหลือบไปที่พวกขุนนางรอบห้อง ที่ส่งสายตา

    กึ่งหัวเราะมาที่พวกเขา







        ในที่สุด พวกเขาก็จัดการตัวเองให้เป็นผู้เป็นคนที่พวกเขาต้องทรงชุดอัศวินกันตลอดเวลา ก่อนจะมานั่งทานอาหารเย็นรวมกันใน

    ห้องอาหารที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ และมีโต๊ะยาวที่นั่งได้กว่าสามสิบคนแต่พวกเขาสามคนนั่งทานกันที่หัวโต๊ะเท่านั้น



        “แล้วเอาไงละ จะรอองค์จักรพรรดินีหรือว่าจะบุกไปบ้านไซคีเลยดี”เฟิร์นพูดแหย่สีหน้าอมทุกของเจ้าชายที่นั่งครองหัวโต๊ะแต่ผู้

    เดียว



        “ถ้าไปได้ ฉันไม่ถ่อมาถึงวังหลวงหรอกบ้านไซคีขี่ม้าแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว”ฮิวตอบ พลางถอนหายใจ



        “โอ้ย จะคิดอะไรนักหนา ไซคีมันไม่ทำอะไรโดโลเรสหรอกน่า”ไคร์บอกอย่างไม่ใส่ใจ“ขนาดตอนนั้นเราแอบนั่งทายสัดส่วน

    ผู้หญิงกัน มันยังไม่เล่นด้วยเลย”



        “เล่นอุบาทว์จังพวกนายเนี่ย”เฟิร์นถอนหายใจอย่างเอือมละอา



        “เออ แต่พูดถึงไซคีก็แปลกๆเหมือนกันนะ”ฮิวเปลี่ยนประเด็น “สังเกตมั้ยไอ้ที่ผู้ชายเขาทำกันมันก็ไม่เห็นจะทำ”



        “เช่นอะไรมั่งล่ะ”เฟิร์นถาม ก็แน่หละ เธอเป็นผู้หญิง





        “ก็อย่างเช่น เหล้า”ฮิวเริ่มขึ้น “จำได้มั้ย ว่าไอ้คืนที่เราเลี้ยงฉลองกันน่ะพวกผู้หญิงเขาก็นั่งกินโน่นกินนี่ไป แยกไปอีกวง แต่ไอ้ไซคีมันนั่งวงเดียวกันกับเราของกินก็จัดไว้ให้เท่ากัน แต่มันดันกินแต่ของที่ผู้หญิงกินอย่างน้อยมันก็ไม่ดื่มเหล้าอย่างเราๆ ตอนเล่นไม้ผีมันก็ไม่เล่นเล่นทายสัดส่วนผู้หญิงก็ไม่เล่น ตอนที่ไอ้ทาคิเล่าเรื่องทะลึ่งๆมันก็เดินหนีทุกรอบแต่มันก็ไม่ทำอะไรที่ผู้หญิงเขาทำเหมือนกัน”



        เท่านั้นหละ ชายอกสามศอกอย่างไคร์กับสตรีงามอย่างเฟิร์นถึงกับหาข้อแก้ตัวแทนไซคีไม่ได้



    เพราะมันก็จริงอย่างที่ฮิวว่า ไอ้เรื่องทุเรศๆที่ผู้ชายทำกันประจำมันก็ไม่ทำแต่ไอ้เรื่องที่ผู้หญิงเขาทำกันมันก็ไม่ทำอีกน่ะหล่ะแถมมันยังค่อน

    ข้างเป็นขวัญใจสาวๆพอสมควรแต่พอถามเข้าจริงๆว่ามันสนใจคนไหนมันก็บอกว่ามันจะเอาตรงไหนมาสนแต่ถ้าจะมองว่ามันเป็นเกย์...ตรง

    ไหนวะ ไม่เห็นมันจะสนใจอะไรซักอย่างจะออกแต๋วก็ไม่เห็นออก



        ยังสรุปไม่ได้



        “อ้าว!พวกเด็กๆ กลับมาเมื่อไหร่เนี่ย เป็นไงมั่งพี่เฟิร์นไม่เจอกันตั้งนานแน่ะ”หญิงสาวในชุดหลุยห์เดินรี่เข้ามานั่งข้างๆเฟิร์นอย่าง

    ร่าเริงกำไลขอมือขยับกรุ้งกริ้งตลอดเวลา ถึงเธอจะเป็นเจ้าหญิงที่อายุยี่สิบห้าปีที่ถือว่าเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มเจ้าชายเจ้าหญิงในปัจจุบัน แต่หน้า

    เธอก็สวยเด็กตลอดเวลาผิดกับเฟิร์นที่เป็นเพียงราชองค์รักษ์มือขวาแต่เฟิร์นก็จัดว่าเป็นองครักษ์ที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มของกลุ่มราชองค์รักษ์

    ของเจ้าหญิงเซเซียที่มีอยู่เจ็ดคน ก็นับว่าเป็นเจ้าหญิงที่มีองครักษ์ประจำตัวมากที่สุดในฮาโมเนีย



        เจ้าหญิงเซเซีย โฮเบรน เจ้าหญิงอันดับห้าแห่งฮาโมเนีย



        “ขออาหารให้ข้าชุดหนึ่ง”หล่อนหันไปสั่งกับนางสนม ก่อนจะหันมาร่วมวงสนทนา “นี่



    ทำไมจะกลับทั้งทีไม่บอกกันก่อนเลย”



        “ก็บอกทีไร เจ้าหญิงก็ชอบยกขบวนไปรับนี่คะ”เฟิร์นตอบยิ้มๆ “จริงซิเจ้าหญิงพอจะรู้จักบ้านที่เจ้าชายไซเคอรันอยู่รึเปล่าคะ”



        “ไซเคอรันหรอ.....”เจ้าหญิงขมวดคิ้ว “ไม่รู้ซิแต่ได้ยินว่าเขาประทับอยู่ที่ปราสาทกา”



        “อ้าวปราสาทกานี่มีอยู่จริงหรอครับ ผมนึกว่าเป็นแค่ฉายา”ไคร์เงยหน้าขึ้นถาม



        “มีอยู่จริงน่ะ เป็นปราสาทที่ทาสีดำทั้งหลังแม้แต่เครื่องเรือนส่วนใหญ่ก็ทำจากไม้สีเข้มน่ะ



    รู้สึกจะเป็นความชอบส่วนตัวของเจ้าชายบางพระองค์ที่สร้างปราสาทก่อนจะส่งต่อให้เจ้าหญิงเทลล่าน่ะ”เจ้าหญิงตอบ ก่อนจะหันไปรับจาน

    อาหารมาจากนางสนม



        “แล้วไม่รู้ที่ตั้งหรอพี่เซเซีย”ฮิวถาม แต่เจ้าหญิงส่ายหน้า



        “ไม่รู้น่ะ เพราะจริงๆแล้วที่ตั้งของปราสาทการู้กันเฉพาะในหมู่ผู้อาวุโสเพราะหลังจากส่งต่อให้เจ้าหญิงเทลล่าแล้ว หลักฐานเรื่อง

    ปราสาทก็ถูกทำลายทั้งหมดเพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง บางคนก็บอกว่าเจ้าหญิงเทลล่าโดนโคเทียน่าตามล่าบ่อยๆเพราะอยากได้พระธิดา

    องค์โตกลับไปโคเทียน่า”



        “พระธิดาองค์โต เขาอยากได้พระโอรสด้วยรึเปล่าครับ”ไคร์ถาม



        “คงจะด้วยนะหละ”เจ้าหญิงตอบ “ว่าแต่ อยากรู้ไปทำไม”



        “เจ้าชายไซเคอรันเขาไปเรียนที่แคนโดร่าด้วยนะคะ”เฟิร์นตอบ



        “อ้าว ก็ปราสาทกาอยู่แถวแคนโดร่าไม่ใช่หรอไซเคอรันเขาไม่ได้บอกหรอว่าบ้านเขาอยู่ไหน”เจ้าหญิงถาม



        “เขาบอกแค่ว่าขี่ม้าชั่วโมงเดียวจากแคนโดร่าก็ถึงแล้วเหมือนกัน”ฮิวตอบ“แต่มันไม่บอกว่าอยู่ด้านไหนของแคนโดร่า”



        “อืม...น่าจะเป็นทางทิศตะวันตกละมั่ง”เจ้าหญิงเซเซียตอบ“อย่างตอนนั้นฉันได้รับจดหมายจากเจ้าหญิงฟีไลท์ ก็มีใบสนติดเข้ามา

    ในจดหมายบ่อยๆทางทิศตะวันตกของแคนโดร่าเป็นภูเขาป่าสนถ้าที่ที่จะมีใบสนมากๆในแถบแคนโดร่าก็มีที่นั่นที่เดียวแต่ทางที่ดีถามท่านย่าดี

    กว่า”



        “พี่ถามให้ผมดีกว่า”ฮิวหัวเราคิกๆ เมื่อนึกถึงจดหมายที่ไซคีมันทิ้งไว้



        “แล้วจะถามไปทำไม คงไม่คิดจะไปหาไซเคอรันที่บ้านหรอกนะ”เจ้าหญิงพูดเสียงเข้ม“รู้รึเปล่าว่าที่อยู่ของพวกนั้นเป็นความลับแค่

    ไหน”



        “แม้แต่กับพระญาติหรอ”ฮิวย้อมถาม แต่เจ้าหญิงพยักหน้าหงึก



        “รู้รึเปล่าว่าในหนึ่งปีมีนักฆ่าเข้าไปหาพวกนั้นกี่คน”เธอแกล้งถาม “ปีนึงมีนักฆ่าเข้าไปเพื่อลอบฆ่าคนในกลุ่มนักล่าปีละสามถึงหก

    คนแล้วทุกคนไม่เคยรอดกลับออกมาลองคิดดูละกันว่าพวกนักฆ่าเก่งขนาดไหนแต่ไม่เคยลอบฆ่าคนในปราสาทกาได้สำเร็จซักคนทุกคนที่นั่น

    เป็นยอดฝีมืออย่างเด็กกำพร้าที่ได้รับการฝึกที่นั่นเก่งกว่าเด็กห้องก.ของโซราเนียอีกรู้ไว้ ถ้าเอาไปปะลองกันจริงๆละก็ เด็กโซราเนียตาย

    เกลื่อนแน่”



        “แล้วเขาจะฆ่าผมหรอ”ฮิวย้อนกวนประสาท



        “ไม่หรอก แต่ที่จะพูดก็คือ ใครก็ตามที่รู้เรื่องปราสาทมักจะอันตรายเพราะพวกนักฆ่าที่โดนจ้างมาก็ต้องรู้ถึงที่พักของกลุ่มนักล่า

    อยู่แล้วพวกมันก็ถามเอาจากคนที่รู้น่ะหละ”เจ้าหญิงตอบ “แต่ขอถามอีกครั้งนะ จะไปบ้านไซเคอรันทำไมน่ะ”



        “ก็แค่ไปเที่ยวเล่น”ฮิวตอบอย่างไม่ใส่ใจ



        “ไซเคอรันน่ะหรอ เห็นเขาว่าช่วงนี้วางมือนิเรียกมาเที่ยวที่วังเราก็ได้นี่นา”เจ้าหญิงตอบแนะแนวทางชั่วให้กับเจ้าชายที่หันไปกระ

    ซิบกับไคร์อย่างเจ้าเล่ห์



        “พูดถึงใช้วิธีนี้ก็ได้นี่หว่า ถ้าเราจะเล่นชั่วอีกหน่อยก็ส่งไปจดหมายขอยืมตัวไซคีถึงเจ้าหญิงเทลล่าแทนไง”



        “แต่ว่านะ งานจะมีอยู่อาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้าแล้ว จะรีบไปเจอเขาทำไมนะปิดเทอมอีกตั้งสามอาทิตย์ไม่ใช่หรอ”เจ้าหญิงพูดอย่าง

    ไม่เข้าใจน้องชาย



        “อ๋อ ไซเคอรันเขาเอางานกลับไปทำที่บ้านนะค่ะ ฮิวเลยเป็นห่วงเหยื่อคะ”เฟิร์นตอบ



        “ห่วงเหยื่อ”เจ้าหญิงทวนคำ



        “คะ”แล้วเฟิร์นก็เริ่มเล่าเรื่องโดโลเรสให้ฟังรวมไปถึงรื่องที่ฮิวลงทุนจ่ายเงินถึงสองแสนพัมมิสจ้างไซคีมาช่วยปัดพวกนักล่าแต่มัน

    ดันหักหลัง(ยังไงไม่รู้) พาโดโลเรสกลับไปที่บ้านด้วยแล้วทิ้งจดหมายไว้แทนให้เจ้าหญิงของเธอฟังจนหมดเปลือก



        “อ๋อ....”เจ้าหญิงยิ้มลื่น “ก็เลยเป็นห่วงว่าไซเคอรันจะทำอะไรโดโลเรสว่างั้นเถอะ”



        “ค่ะ”เฟิร์นตอบแทนฮิวที่นั่งหน้าเสียเพราะโดนเผาซะยับแล้วยิ่งเจ้าหญิงเซเซียตั้งต้นหัวเราะจนท้องแข็งชนิดมาดเจ้าหญิงหลุดหาย

    ไปไกลยิ่งแล้วใหญ่



        “ฮะฮะ ขะ- ขอโทษน่ะ ฮะฮะ แต่จริงน่ะ ไซเคอรันไม่ทำหรอก จริงๆไม่ต้องห่วงหรอกฮะฮะฮะ ต่อให้นอนห้องเดียวกันก็ไม่ทำ โอ้

    ย หายใจไม่ออก”เธอพูดยืนยันพร้อมกับงอตัวจนหน้าแนบโต๊ะขณะที่มืออีกข้างตบโต๊ะเบาๆและในที่สุดเธอก็ยืดตัวขึ้นได้พร้อมกับสูดลม

    หายใจเข้าเป็นปอด เป็นการสงบสติอารมณ์



        “ทำไมพี่มั่นใจจังละครับ”ฮิวถามขึ้น “ผมหมายถึง พี่พูดเหมือนไซคีมันไม่มีไอ้นั่น”



        คราวนี้หลุดฮากันทั้งโต๊ะ



        “โอ๊ย รับไม่ได้ คิดได้ยังไงฮิว”เจ้าหญิงส่ายศีรษะเบาๆ



        “จะว่าไป ทำไมละครับ”ไคร์ถามขึ้น ตอนนี้ทุกคนลืมอาหารบนโต๊ะไปกันหมดแล้ว



        “ถึงเวลานั้นเขาคงบอกพวกเธอเองหละ”เจ้าหญิงตอบ “เขามีเหตุผลของเขาที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศ จำไว้\" เจ้าหญิงเน้นคำสุดท้าย

    เป็นการเตือนเด็กๆในระดับแรกว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ที่ไหนอีก“ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นกันง่ายๆที่พูดไปกันบนโต๊ะนี่นะเหยียบไว้ให้มิดจน

    กว่าจะถึงเวลาเข้าใจนะ”แล้วเธอก็ลุกออกไปจากโต๊ะ ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “เออ เฟิร์นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเจ้าหญิงรูมิน่า ไปด้วยกันหน่อยนะ”



        “ค่ะ”เฟิร์นตอบ ใช่ ถึงจะขึ้นชื่อว่าราชองค์รักษ์แต่เฟิร์นทำหน้าที่อารักขาเฉพาะนอกวังเท่านั้นเอง



        “งานจะมีขึ้นวันพุธหน้า ก็อีกสิบเอ็ดวันถ้าเป็นห่วงโดโลเรสนักก็เขียนจดหมายให้ไซคีพามาส่งที่งานก็ได้นิ”ไคร์บอก “ถ้านายคิดว่า

    พวกขุนนางจะจับไม่ได้ละก็”







        แน่ละ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่มีอะไรให้ทำ นอกจากนั่งพูดอยู่เพียงแค่คำสองคำ ก็คือ“ไม่เป็นไรหรอก” กับ “ช่างมันเถอะ” ทุก

    ครั้งหลังจากฮิวบ่นเรื่องไซคีกับโดโลเรสจบจนบางครั้งไคร์กับเฟิร์นต้องมานั่งบ่นกันเองว่าทำไมหนอ...องค์จักรพรรดินีต้องไปคาวซอเน่เอา

    ตอนนี้ด้วยเพราะจากโทรีเบอร์ถึงคาวซอเน่ อย่างต่ำก็ห้าวันถึงแล้วยิ่งเป็นขบวนเสด็จก็ยิ่งช้าเข้าไปอีก อย่างต่ำก็ต้องหกวันถึงเจ้าหญิงเซเซีย

    เธอจะยืนยันแล้วว่าโดโลเรสสบายดี ฮิวก็ยังอดกลุ้มไม่ได้จากที่ไคร์ไม่มีเรื่องให้กลุ้มก็ต้องมากลุ้มว่าฮิวมันไม่สบายล้มพับไปก่อนวันงาน

    ฉลอง



        ก็หน้ามันปัจจุบันเป็นหมีอดนอนไปแล้ว



        และในที่สุด ขบวนเสด็จขององค์จักพรรดินีก็มาถึงโทรีเบอร์ซักที



        “ฮิว ใจเย็น ปล่อยให้องค์จักรพรรดินีพักผ่อนหน่อยเถอะ จะรีบอะไรนักหนา”เฟิร์นบอก



    ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวตามเจ้าชายที่เคารพกับองครักษ์ประจำพระองค์



        “จริงด้วยฮิวนี่ถ้าแกรีบมากๆฉันจะบอกให้ท่านโรเรรัยไล่แกออกมาจากห้องบรรทมขององค์จักรพรรดินี”ไคร์พูดตามหลังแต่ฮิวยัง

    ไม่สนใจ



        “น่าไคร์ เฟิร์น ฉันเข้าไปคุยกับท่านยายได้นี่นา แล้วอีกอย่างนะถ้าชวนท่านคุยเรื่องไซคีละก็ ท่านไม่ว่าหรอกน่า”ฮิวตอบเขาก็เห็น

    ว่าการเดินทางกับขบวนเสด็จไม่เห็นจะเหนื่อยตรงไหนทีพวกเขาขี่ม้าไปเมืองโน้นทีเมืองนี้ทียังไม่เป็นอะไรเลย



        “นายลืมบวกอายุตัวเองรึเปล่าฮิวองค์จักรพรรดินีอายุเจ็ดสิบสองแล้วน่ะ”เฟิร์นพูดอย่างรู้ทัน แต่ฮิวยังไม่สนใจ ใช่มันเป็นเรื่อง

    ปรกติที่ฮิวจะเข้าไปหาองค์จักพรรดินีหลังจากท่านเดินทางไกลแต่ให้มันเข้าไปตอนที่มันกำลังใจร้อนเนี่ยนะ มันตงิดใจน้อยๆน่ะซิก็ปรกติเขา

    จะให้มันเข้าไปได้ก็หลังจากนางสนมจัดข้าวของเสร็จแล้วแล้วนี้องค์จักรพรรดีนีเพิ่งกลับมาได้แค่สิบนาที ถ้าของมันจัดเสร็จก็อัศจรรย์แล้ว







        “อ้าว เป็นไงบ้างเพคะเจ้าชาย”อัศวินหญิงชุดสีแดงเข้มเช่นเดียวกับเฟิร์นโค้งคำนับด้วยรอยยิ้ม คนนี้ละโรเรรัย จี เซนจิองครักษ์

    ประจำพระองค์ขององค์จักรพรรดินี“จะเข้าพบองค์จักรพรรดินีหรือเพคะ”



        “ใช่ ตอนนี้ท่านยายจัดของเสร็จแล้วใช่มั้ย”ฮิวถาม



        “อ๋อ เสร็จแล้วเพคะ ตอนนี้คงกำลังเสวยพระกระยาหารกลางวันอยู่น่ะเพคะ”โรเรรัยตอบก่อนจะเปิดประตูและเดินนำพวกเขาเข้า

    ไปในห้อง บรรทมขององค์จักพรรดินีซึ่งเป็นห้องกว้างๆ หรูหราสวยงามด้วยดอกไม้ที่จัดไว้ทุกมุมห้อง



        ส่วนเจ้าของห้อง ตอนนี้กำลังทานอาหารอยู่บนโต๊ะที่อยู่อีด้านหนึ่งของห้อง



        “องค์จักรพรรดินีเพคะ”โรเรรัยเอ่ยทักขึ้น กับองคจักรพรรดินีที่เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นเด็กๆเป็นผู้ที่จะเข้าพบ “เจ้าชาย

    ขอเข้าพบเพคะ”



        “เชิญเลย เชิญ”องค์จักรพรรดินีตอบ ก่อนจะกวักมือเรียกเด็กๆรวมทั้งโรเรรัยให้ไปนั่งร่วมโต๊ะอาหาร “กะแล้วเชียวว่าพวกหลานจะ

    ต้องรีบมา”



        “หือ ท่านยายรู้หรือครับ”ฮิวถาม



        “ไซคีเขาเขียนจดหมายไปดักยายก่อนแล้วละ”ท่านยายของเขาตอบ “จะถามเรื่องบ้านของไซคีใช่มั้ย”



        “ใช่ครับ แล้วบ้านเขาอยู่ที่—“



        “จะถามจริงๆหรอฮิว”ท่านยายของเขาขัดขึ้น



        “ครับ แล้วพอจะตอบได้มั้ยละครับว่าบ้านมัน—“



        “ขออภัยเพคะเจ้าชาย แต่จะถามจริงๆหรือเพคะ”โรเรรัยแทรกขึ้นอีกคน



        “อา...ครับ ผมคงต้องไปบ้านไซคีซักหน่อยน่ะครับ”ฮิวตอบ ก่อนจะนั่งเล็งจังหวะ“บ้านไซคี—“



        “จะถามหรอ”ท่านยายขัด



        “บ้านมันอยู่—“



        “จะถามหรือเพคะ”โรเรรัยช่วยขัด ฮิวจึงหันไปส่งสายตาให้กับไคร์



        “ขออภัยพะยะคะ ปราสาทของไซ-“



        “จะถามหรอไคร์”องค์จักรพรรดินีดักได้ทันควันแต่เมื่อฮิวถามต่อโรเรรัยก็แทรกทันท่วงที ไคร์ถามช่วยก็โดนขัดเช่นกันกลายเป็น

    สงครามโต้วาทีแบบอาศัยความเร็ว จนเฟิร์นนึกไม่ออกว่าตัวเธอจะช่วยใครดีและในที่สุด ฮิวก็ไม่สนใจว่าใครจะขัด



        “บ้านของไซคีอยู่ไหนครับ!”



        เกิดควันโขมงสีขาวขึ้นรอบตัวเจ้าชายและองค์รักษ์คู่ใจแต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะเอ่ยปากร้องของความช่วยเหลือก็ไม่ทันการเสียแล้ว



        เพราะบนเก้าอี้ตัวเดิม มีกบตัวโตผิวลื่นเป็นมันสีเขียวสดใสสองตัวกำลังร้องอบๆโอดๆด้วยความตกใจ เหยียบอยู่บนกระดาษโน้ต

    ของไซคีจนทุกคนรวมทั้งองค์จักรพรรดินีที่ต้องลุกขึ้นมองข้ามโต๊ะมาดูหลานชาย



        “โธ่...ฮิว ยายว่ายายพยามช่วยหลานแล้วนะ แต่ไซคีเขาก็ทำเพราะหวังดี”องค์จักรพรรดินีพูดด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นเศร้า

    สร้อยและเก็บอารมณ์ขบขันไว้ในดวงตา





        “อะไรกันเนี่ย ฮิว ไคร์”เฟิร์นพูดอย่างไม่แน่ใจก่อนจะใช้มือช้อนกบตัวโตสีเขียวขึ้นมาไว้บนมือ “ตัวนี้ไคร์แน่เลย”เธอบอกและ

    สังเกตตากลมโตที่เป็นสีดำสนิทของมัน และเมื่อเธอก้มลงมองกบอีกตัวก็เห็นตำหนิที่ดวงตาสีน้ำตาล “ส่วนนี่ก็ฮิวใช่มั้ย”



        มันร้องโวยวายตอบ เป็นเสียงร้องถี่ๆน่าสงสารขณะที่ไคร์บนมือของเฟิร์นกำลังตะกายไปมาอย่างโมโหร้าย







        สี่ชั่วโมงต่อมา



        “องค์จักรพรรดินีเพคะมีคนขอพบเพคะ”นงสนมคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกับองค์จักรพรรดินีที่กำลังนั่งเล่นกบตัวโตสองตัวที่อยู่

    ในอ่างแก้วที่ใส่น้ำไว้ให้มันครึ่งอ่าง



        “เชิญเข้ามาเลย เชิญๆ”องค์จักรพรรดินีบอก นางสนมจึงเดินออกไปแล้วบุคคลในชุดฮูดสีดำก็เดินเข้ามา พร้อมกับดึงหมวกฮูด

    ออก



        “สวัสดีครับท่านย่า หวัดดีเฟิร์นสวัสดีครับท่านโรเรรัย”ไซคีทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะสังเกตเห็นอ่างแก้วบนโต๊ะ “โธ่

    กะแล้วเชียวว่าเดี๋ยวต้องมาจัดการจนได้”เขาส่ายหัวไปมาอย่างหัวเสียและส่งสายตาไปที่กบสองตัวในอ่างแก้ว ที่พอมันเห็นว่าเขาเดินเข้ามาใน

    ห้องมันก็พร้อมใจกันกระโดดออกจากอ่างแล้วกระโดดโหยงๆมาตะกายรองเท้าของไซคีอย่างโกรธจัด “อะไรๆ โวยวายอยู่ได้”



        “น่าส่งสารเขาออก ไซคี”เฟิร์นบอก ขณะที่ไซคีนั่งลงฟังเสียงโวยวายของเจ้ากบสองตัว



        “อะไรนะ จะหาว่าฉันแกล้งพวกนาย”เขาย้อนถาม “กระดาษโน้ตที่ฉันทิ้งไว้ให้พวกนายน่ะอยู่ไหน”



        “อ๋อ อยู่นี่เพคะ”โรเรรัยตอบ และชูกระดาษโน้นขึ้นก่อนจะเดินมาส่งให้กับไซคีที่ผลิกด้านหลังของกระดาษขึ้นอ่านก่อนจะหันมุมกระดาษด้านล่างให้กบน้อยทั้งสองตัวได้อ่าน



        ‘คำเตือน ผู้ที่อ่านโน้ตฉบับนี้ด้วยตัวท่านเอง ตอนนี้ท่านได้รับคำสาปไปแล้วหนึ่งบทฉะนั้น กรุณาอย่าละเมิดข้อบังคับที่กล่าวไว้แต่

    อย่างใด สำคัญมากหากไม่อ่านก่อนทางกลุ่มนักล่าจะไม่รับผิดชอบแต่ประการใด’



        พออ่านจบ กบทั้งสองตัวก็เงยหน้าขึ้นมองไซคีที่ตัวเท่ายักษ์สำหรับพวกมันก่อนจะก้มหน้าลงอย่างหมดหวัง



        “โอ้ย พอๆ ล้อเล่นน่าจะช่วยเดี๋ยวนี้หละ แหม”ไซคีรีบบอกเจ้ากบทั้งสองตัวก็เงยหน้าขึ้นร้องเร่งให้เขาทำกันระงม “ให้ตายซิ นี่ไม่

    มีใครเตือนหรือไงว่าบ้านฉันมันอันตราย อยากจะรู้กันจริงๆเชียว หะ—โธ่ โดโลเรสไม่เป็นไรหรอกน่า แต่ถ้านายสองคนไปหาที่บ้านน่ะ

    อันตราย โดโลเรสนะฉันพาเข้าไปจะอันตรายได้ยังไง---แน่ะ ยังจะบ่นอีกฮิว ---- นี่จะบ่นอะไรนายเป็นคนจ้างฉันเองไม่ใช่หรือไง---เป็นแค่

    กบอย่ามาสอนน่า --- ช่วยไม่ได้ไคร์



    ก็อยากช่วยมันเองนิ—บ่น บ่น ----ขนาดอยู่ร่างนี้ยังโวยวายซะโลกแตกแบบนี้ปล่อยให้อยู่ไปอีกซักวันดีกว่ามั่ง – เอาหล่ะ หยุดๆ     จะคืนร่างให้เดี๋ยวนี้ละหยุดโวยซิ เออ ก็แค่เนี่ย”



        ไซคีถอนหายใจ ก่อนจะโปรยอะไรบางอย่างสีขาวลงบนตัวกบทั้งสองตัวที่ทำท่าเหมือนจะจาม



        “อย่าจามเชียวน่ะ”ไซคีบอก แล้วจึงกางนิ้วแตะลงบนหัวกบทั้งสองตัว และทันทีที่แสงที่อัญมณีวาบขึ้น ควันสีขาวก็โขมงขึ้น

    อีกรอบ แล้วฮิวในร่างคนก็รีบลุกเดินออกไปจากกลุ่มควัน ส่วนอีกคน



        พลาด ล้มทับไซคีไปครึ่งตัว



        “โอ้ย ไอ้บ้า ลุกออกไปหลังจะหัก”ไซคีพูดสั่ง พร้อมกับเตะขายันเข่าถีบไคร์ให้ลุกออกไปจากตัว ก่อนจะลุกขึ้นลูบสันหลังตัว

    เอง “ให้ตายซิ”แล้วเขาก็เดินจ้ำๆไปนั่งที่โต๊ะ ร่วมกับคนอื่นๆ



        “นี่ๆ อย่ามาทำอารมณ์เสียนะ”ฮิวพูดดักขึ้น “แล้วโดโลเรสมาด้วยรึเปล่า”



        “ฉันรีบเดินทางมาในสามชั่วโมงยังไม่พอใจอีกหรือไง ฮิวนายคิดว่าสามชั่วโมงจากแคนโดร่าฉันจะมาแบบคนธรรมดารึเปล่า”ไซคี

    ย้อนถาม ก่อนจะปลดเสื้อฮูดออกและส่งให้นางสนมนำไปแขวน “หนาวจะตาย



    บอกแล้วไงว่าอย่าไปบ้านฉันก็ไม่เชื่อ ใครที่รู้ที่อยู่บ้านฉันมันปลอดภัยซะที่ไหนเล่า ถ้าไม่อยากลำบากก็อย่ารู้ดีกว่า”



        “ก็เลยใช้วิธีนี้ดักด้วยคำสาป”ไคร์ถามต่อ



        “ช่วยไม่ได้นิ ขืนให้พวกนายรู้ก็ก็ตายกันหมดซิ”ไซคีตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ “ไม่ต้องห่วงโดโลเรสหรอกน่า”เขาหันไปเสริมกับฮิว



        “ว่าแต่ นายมาได้ยังไงจากแคนโดร่าในสามชั่วโมงเนี่ย”เฟิร์นถามเปลี่ยนประเด็น



        “ความลับ”เขาตอบ “แล้วก็อันตราย”ก่อนจะพูดต่อเพราะรู้ว่าฮิวมันคงจะติดใจ



        “แล้วหลานจะพักอยู่ก่อนรึเปล่าไซคี”องค์จักรพรรดินีถามขึ้น



        “คงจะพักซักคืนน่ะครับ”ไซคีตอบ ถ้าเป็นปรกติมันคงจะรีบกลับ แต่นี่ฤดูหนาวหิมะแถกระหน่ำมันคงไม่อยากฝ่าหิมะกลับบ้านเท่า

    ไหร่  “ถ้า ไม่มีคนลอบทำร้ายผม”



        “แหม อันนี้ย่าก็ช่วยไม่ได้ละไซคี”องค์จักรพรรดินีหัวเราะคิกคัก “แล้วจะไม่อยู่ถึงวันงานฉลองหรอ อีกแค่วันเดียวเองนะ”



        “ไม่ละครับ บ้านผมเขามีวิธีเดินทางที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขาแค่หกเจ็ดชั่วโมงก็ถึงแล้วละครับ”ไซคี ตอบ



        “องค์จักรพรรดินีเพคะ มีคนขอเข้าพบเพคะ”นางสนมคนหนึ่งเดินเข้ามาบอก



        “เชิญเข้ามาได้”องค์จักรพรรดินีบอก แล้วนางสนมก็เดินออกไป ก่อนที่สตรีงามสองคนจะเดินเข้ามา



        คนแรกเป็นสตรีวัยกลางคน เป็นผู้หญิงร่างสูงสมส่วน สวมชุดกระโปรงง่ายๆสีน้ำตาลแก่ ขับผิวสีอมชมพูสวยให้ดูสุขภาพดีเรืองผม

    สีน้ำตาลเข้มเป็นเงาสลวยถูกม้วยเป็นมวยเรียบร้อยเช่นเดียวกับนัยน์ตาที่กราดมองไปรอบห้อง



        คนที่สอง เป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยคมเข้ม ผมสีน้ำตาลเงารวบขึ้นเป็นหางม้า สวมชุดกระโปรงสีขาวจับระบายน้อยๆ



        “สวัสดีค่ะ แม่”หญิงคนแรกพูดขึ้น เช่นเดียวกับเด็กสาวที่มาด้วยกัน



        “สวัสดีค่ะท่านย่า”



        “อ้าว ตายจริงจะมาทั้งทีทำไมไม่ส่งจดหมายมาบอกแม่ก่อนเล่า”องค์จักรพรรดินีตอบด้วยความปลื้ม ปิติ “ไหนๆ ฟีไลท์มาให้ย่าดู

    หน้าหน่อยซิ”



        “ฟีไลท์”ไคร์ ฮิวและเฟิร์นพูดขึ้นพร้อมกันและหันมองไซคีที่เขากำลังนั่งหัวเราะอย่างขมขื่น



        “แม่ครับ เล่นผมอีกแล้วหรอ!”ไซคีลุกขึ้นพูดกับหญิงที่เขาเรียกว่าแม่ ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ต้องเป็นเจ้าหญิงเทลล่า



        “เอาน่าไซคี ไม่ต้องห่วงน่ะแม่เอาชุดของลูกมาด้วย”เจ้าหญิงเทลล่าบอก แต่นั่นยิ่งทำให้หน้าของลูกชายซีดเข้าไปอีก



        “ชุด ชุดอะไรครับ”เขาถามเสียงเบา



        “ไม่ต้องห่วงน่า”



        “ไอ้ไม่ต้องห่วงของแม่นั่นล่ะครับ ที่ผมเสียว”



        “ชุดไซเคอรันจ้ะ”แม่ของเขาตอบ ขณะที่เจ้าหญิงฟีไลท์กำลังนั่งคุยกับท่านย่าของเธออย่างร่าเริง



    แล้วไซคีก็กระซิบกระซาบอะไรกับแม่ของเขาอยู่พักหนึ่งก่อนที่ไซคีจะเดินเข้ามากระซิบเพื่อนๆทั้งสามคนว่า



        “ไปด้วยกัน”เขาบอกสั้นๆ ก่อนจะยืดตัวขึ้น “ท่านย่าครับผมกับคนอื่นๆขอตัวก่อนน่ะครับ”



        “จ้า”องค์จักรพรรดินีตอบ ไซคีจึงเดินนำฮิว ไคร์และเฟิร์นออกมาจากห้อง



        “ให้ตายซิ แม่นะแม่ เล่นฉันอีกแล้ว”ไซคีพูดบ่นงึมงำ



        “ยังไม่ชินอีกหรอ ฉันว่าแกโดนบ่อยแล้วนะ”ฮิวพูดกึ่งประชด



        “ลองแม่นายทำแบบนี้บ่อยๆเข้าซิ จะเอือมละอา เข้าใจละว่าแม่หวังดีแต่นี่ไม่หวังดีไปหน่อยหรือไง  ฉันจัดการเรื่องของฉันเองได้

    แท้ๆ”ไซคีบ่นต่อไป ก่อนจะพาทุกคนลงไปที่ชั้นสอง แล้วจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องห้องหนึ่งที่มีคนคนหนึ่งนั่งรออยู่แล้ว



        “หวัดดีจ้ะ ทุกคน”



        “โดโลเรส”เฟิร์นร้องดีใจ ก่อนจะรีบเดินฉับๆเข้าไปในห้องงเป็นคนแรกนำฮิวเข้าไปนั่งข้างๆโดโลเรส ขณะที่ไซคีกับไคร์แยกไปนั่ง

    ที่เตียง



        “ไม่เป็นไรนะ”ฮิวถาม โดโลเรสพยักหน้ายิ้มๆ



        “อื้อ สบายดี”เธอตอบ “ไซคีเขาดูแลฉันดีมาก”



        “อย่าพูดอย่างน้าน...โดโลเรส แค่นี้ฉันก็เละจะตายอยู่แล้ว”ไซคีตอบแบบหน้าเสีย และโยกตัวไปมา   บนขอบเตียง



        “นาย..คิดว่าอะไรฮิว”โดโลเรสหันไปหรี่ตาใส่ฮิว “หรือว่านาย....คิดว่าไซคีจะทำอะไรฉัน”



        “เดาเก่ง”ไซคียักไหล่เป็นคำตอบว่าที่พูดมานะถูกแล้ว



        “คิดไปนั่น”โดโลเรสบอก “อย่างไซคีน่ะ ต่อให้เกิดใหม่อีกชาติก็ทำอะไรอย่างนั้นไม่ได้หรอกน่า”



        อีกคนแล้ว



        ไคร์คิดในใจ ทำไมหนอพวกผู้หญิงถึงได้มั่นใจนักว่าไซคีไม่มีทางทำเรื่องอะไรแบบนั้น หรือพวกเธออาจจะมองออกกันเองว่าไซ

    คีเป็น...กะเทย ไม่ๆ หรือมันอาจจะเป็นเกย์ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเขากับฮิวซิที่ต้องระวังตัว



        เขาก็คิดมากไป...บางที ไซคีมันอาจจะเป็นพวกที่ให้เกียรติผู้หญิงแบบถึงที่สุดก็ได้ หรือไม่ เขาก็ได้ยินมาว่านักบวชชายในโคเทีย

    น่าจะต้องตัดจิตพิศวาสออกให้ได้ บางทีไซคีอาจจะเป็นนักบวชพวกนั้นก็ได้ งั้นก็หมายความว่ามันหมดน้ำยาแล้ว



        “ไอ้สติแตก”ไซคีหันมากระซิบด่า น้ำเสียงบอกได้เลยว่ากำลังโกรธจัด “ถ้าเครียดนักก็ออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงโน่น วันนี้อนุญาต”



        “อย่าอ่านความคิดชาวบ้านพร่ำเพรื่อได้มั้ย”ไคร์พูดเสียงดุ แต่ไซคีดุกว่า



        “ใครบอกฉันอ่าน หน้านายมันฟ้องต่างหากละ  ดูคิ้วก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่ ไม่น่ามาช่วยเลยให้ตายซิ วันนี้มันอะไรน่ะถึงได้ซวยทั้ง

    วัน”เขาพูดอย่างอารมณ์เสียและลุกเดินออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรอีก



        “ไคร์”เฟิร์นเรียกอย่างไม่แน่ใจ “ไปพูดอะไรให้เขาโกรธรึเปล่าน่ะ”



        “ไม่ได้พูด”ไคร์ตอบอย่างหัวเสีย “แค่คิดเอง”



        “ความคิดแกมันชั่วเสมอละน่า”ฮิวพูดแหย่ๆ “มันโดนแม่มันหักหลังมาแหมบๆจะอารมณ์เสียก็ไม่แปลกหรอก”



        “เรื่องไซคีเอามาพูดเล่นบ่อยๆเดี๋ยวเขาก็เอือมหรอกน่า”โดโลเรสบอกดักคอเพื่อนชายทั้งสอง



        “ทำไมละ ว่าจะถามหลายทีแล้ว”ไคร์ถามอย่างใคร่รู้



        “มันสำคัญกว่าที่พวกนายคิดไว้เยอะเลยละ”โดโลเรสตอบ “เพราะฉันเองกว่าจะรู้ไซคีก็น่วมไปหลายต่อแล้วเหมือนกัน”



        น่วม?











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×