ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE LAST DYNASTY

    ลำดับตอนที่ #3 : นางนกต่อ

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 48


                    “สวัสดี”โดโลเรสเอ่ยทักทายกับเพื่อนใหม่ที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่



        “ห้องเป็นไงมั่งโดโลเรส”ยูถามอย่างร่าเริง



        “ดีมากเลยละ”โดโลเรสตอบกลับด้วยท่าทีที่ยังหวาดระแวง



        “โดโลเรส คนนี้ชื่อไคร์ หัวหน้านักเรียนชายปีห้าจ้ะ”เฟิร์นชี้ที่ไคร์ ก่อนจะเลื่อนมือมาที่ฮิว “ส่วนคนนี้ชื่อฮิว เป็นกรรมการนักเรียนในสภา มีอะไรปรึกษาพวกเขาได้”



        “ขอบใจจ้ะ”โดโลเรสบอก  แต่ยังไม่ทันให้ใครได้เปิดปากพูดคุย นักเรียนชายปีห้าห้องก.อีกคนก็วิ่งลงบันไดมาพร้อมกับตะโกนว่า



        “เฮ้! พวกสภานักเรียนจะประชุมด่วนแล้วน่ะ!”



        “อะไรกันวะ”ฮิวพึมพำ ก่อนจะออกวิ่งตามทุกคนขึ้นบันไดไป ปล่อยให้โดโลเรสยืนงงอยู่คนเดียว



        “โดโลเรส ไปรอที่หอก่อนน่ะ!”ยูตะโกนไล่หลังกลับไปเป็นครั้งสุดท้าย







        ไม่นานนัก พวกเขาก็ถ่อมาถึงหอประชุม ซึ่งเป็นมีที่นั่งล้อมออกไปเป็นรูปครึ่งวงกลม ล้อมประรำพิธีที่ยกสูงขึ้นไว้ตรงกลางห้อง ที่

    แต่ละที่นั่งจะตั้งป้ายต่ำแหนงของแต่ละคนไว้จนครบ



        ถึงแม้ว่าตอนนี้ ยังมีที่นั่งที่โหว่อยู่ก็เถอะ



        “ประชุมด่วนแบบนี้ใครมันจะไปรู้”ไคร์บ่นพึมพำและนั่งลงตรงที่นั่งที่เขียนว่า ‘หัวหน้านั่งเรียนชายปีห้า’ ข้างๆกับนักเรียนหญิงชุด

    เขียวผมบลอนเงินที่ทำท่าทางราวกับไคร์เพิ่งเอาเท้าขึ้นไปไว้บนโต๊ะของเธอ แล้วที่เธอหยิ่งขนาดนี้ได้ก็เพราะที่นั่งของหล่อนคือ ‘หัวหน้านัก

    เรียนหญิงปีห้า’



        เพิ่งถูกแต่งตั้งปีนี้ทำเป็นยโส



        ไคร์ถอนหายใจ และส่งสายตาไปตรงที่นั่งหลังประรำพิธี ที่จัดเอาไว้ให้กรรมการนักเรียนนั่งโดยเฉพาะ และตอนนี้คนที่นั่งอยู่ไม่

    ใช่ใคร หนึ่งในนั้นก็ต้องเป็นฮิวอยู่แล้ว และบุคลที่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนแท่นประรำพิธีก็คือชายหนุ่มรูปงาม ผมดำตาดำ สวมแว่นกรอบเงินดูมี

    ราศี



        ท่านประธานสภา เจ้าชายชาพอช เทีย แฟร์คอเวอร์ ถึงจะขึ้นชื่อว่าเจ้าชาย เรียนก็เก่ง ดาบก็ดี เวทก็แข็ง หน้าก็หล่อ ความรับผิด

    ชอบก็สูง แต่ยังไงเขาก็เป็นแค่เจ้าชายอันดับเจ็ดของฮาโมเนีย และมีข่าวมาว่าที่เขาตั้งใจเรียนจนต้องใส่แว่นหนาเตอะก็เพราะต้องการสู้กับเจ้า

    ชายไซเคอรัน(ไซเคอรันเคยดำรงตำแหน่งเจ้าชายอันดับหนึ่งมาก่อน แต่พอพ่อกับน้องสาวถูกฆ่ามันก็ลดตำแหน่งตัวเองมาเป็นเจ้าชายอันดับ

    สี่ ฮิวเลยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแทนมัน) ที่ถึงจะเรียนที่โคเทียน่าแบบรวบรัดสามปีจบ แต่ก็ได้เกรดดีเสมอ ได้รับรางวัลดีเด่นไม่เว้นแต่งาน แถม

    จบมายังคะแนนสูงกว่าพวกที่เรียนหกปีเป็นไหนๆ



        แล้วคะแนนตอนนั้น ก็ยังสูงกว่าของเจ้าชายชาพอชในปัจจุบันห้าปีซ้อนแล้วด้วย เจ้าชายชาพอชแกเลยยิ่งอยู่ยิ่งเครียด ไม่รู้จะ

    แข่งทำไม ก็รู้อยู่ว่าเรียนคนละประเทศ โคเทียน่ากับฮาโมเนียอาจจะเก็บคะแนนเด็กไม่เหมือนกันก็ได้ เพราะขนาดท่านเจ้าชายชาพอชมีเกรด

    สูงสุดตั้งเก้าสิบสองจุด ก็ยังสู้ไซเคอรันที่ได้ตั้งเก้าสิบแปดจุดไม่ได้ ห่างกันแค่หกจุดก็ไม่ได้ จะเอาอะไรกันนักหนา



        ปวดหัวแทนมันเลย



        ไคร์หัวเราะเบาๆ ถ้าจะแข่งก็น่าจะแข่งกับฮิว เพราะไอ้หมอนั่นมันคะแนนแค่แปดสิบจุดกว่าๆเองละมั่ง ถ้าเปลี่ยนคู่แข่งเจ้าชายชา

    พอชแกคงจะดีใจตาย แข่งกับใครไม่แข่ง ไปแข่งกับไซเคอรัน



        “ทุกคนเงียบ”



        เสียงก้องกังวานนั้นปลุกให้ทุกคนออกจากห้วงความคิดที่นินทาไอ้ประธานสภาท่ามากอยู่ในใจ และตั้งใจฟังการเปิดประชุมในครั้ง

    นี้ด้วยสีหน้าที่แสร้งทำเป็นเรียบเฉย



        “ปีนี้ อย่างที่เรารู้กันว่าโรงเรียนเรามีเจ้าชายเจ้าหญิง หรือแม้แต่องครักษ์ประจำตัวอยู่หลายคน แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันปรามเจ้า

    ชายเจ้าหญิงที่แสบๆพวกนั้นไว้ด้วย เพราะจากที่รู้มาหัวโจกที่อยู่ต่างห้องมักจะมีตำแหน่งในราชวง หรือไม่ก็คุณหนูมาจากนครต่างๆ แต่อยู่ที่นี่

    พวกเธอไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเอาเรื่องพวกเธอได้ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ใครถูกก็ว่าไปตามถูก ยกตัวอย่างเจ้าชายฮิวมัสที่โดนวิ่งรอบปราสาทสี่

    รอบทุกเดือน”เขาหันไปทางฮิวที่นั่งหัวเราะตัวเองที่โดนกัดแต่ต้นเทรม “ดังนั้น กฎของโรงเรียนไม่ยกเว้นใครแต่อย่างใด รายละเอียดและข้อ

    บังคับของกฎจะถูกนำไปติดที่บอดของแต่ละหอนอน ช่วยชี้แจงให้กับพวกที่ยังไม่รู้เรื่องด้วย”



        “ครับ/ค่ะ”ทุกคนในสภาขานรับ และนั่งฟังท่านประธานพูดต่อไป



        “แล้วก็ ตอนนี้มีนักเรียนของเราบางคนที่ต้องได้รับการปกป้อง เพราะเคยต้องคดีอาญามาก่อนโดยที่ไม่รู้ตัว ตอนนี้เลยยังตกเป็น

    เป้าโจมตีของพวกนักล่าเงินรางวัลอยู่ ดังนั้นพวกคณะอาจารย์จึงอนุญาตให้ปีห้าและปีหกต่อสู้กับนักล่าเหล่านั้นได้ แต่ต้องไม่ใช่พวกที่ไม่รู้จัก

    ตัวเอง ดังนั้นใครที่คิดว่าตัวเองสู้ไม่ได้ก็ขอให้ถอยไปก่อน เพราะพวกนักล่ามืออาชีพมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา ถ้าจะยกตัวอย่างก็ต้องยกตัวอย่าง

    เจ้าชายไซเคอรัน คนนั้นถึงจะอายุแค่สิบเจ็ดย่างสิบแปด แต่ฝีมือไม่ใช่ที่พวกเราจะต่อกรด้วยวิธีซึ่งๆหน้า ถ้าเจอพวกนักล่าเข้าจริงๆก็ขอให้รวม

    กลุ่มกันไว้ก่อน ส่วนพวกปีสี่ลงไปก็หลบฉากออกไปได้เลย เพราะถึงพวกนักล่าจะไม่ฆ่าใครพร่ำเพรื่อแต่พวกเขาก็ทำร้ายคนที่ขัดขวางพวก

    เขาได้ ไม่ถึงกับพิการหรอก แต่ถ้าไม่อยากเจ็บตัวแบบหนักๆก็อย่าเข้าไปดีกว่า เพราะแม้แต่พวกฉันเองยังประกันชีวิตตัวเองไม่ได้ว่าตายดีรึ

    เปล่า แต่ก็เป็นบททดสอบที่ดีสำหรับการเป็นอัศวิน เข้าใจน่ะ”



        “ครับ/ค่ะ”ทุกคนขานรับเช่นเดิม



        “ถ้างั้นต่อไป ฟังรายงานจากประธานนักเรียนหญิงต่อเลยละกันน่ะ”ชาพอชประกาศ ก่อนะเดินลงจากประรำพิธี ขณะที่เฟิร์นเดิน

    ถือสมุดรายงานขึ้นไปแทนที่ และประกาศขึ้นว่า



        “ปีนี้เรามีงานใหญ่ที่ต้องจัดการกันหลายงาน และที่ผ่านๆมาจากการประเมินผลก็อย่างที่รู้กันว่างานยังไม่มีระเบียบเท่าที่ควร

    เพราะขาดเวลาที่จะใช้จัดงาน ดังนั้นปีนี้งานใหญ่งานแรกของเราคืองานเต้นรำเทศกาลดอกไม้ ที่จะจัดขึ้นหลังจากปิดเรียนสามอาทิต เนื่องใน

    งานฉลองขององค์จักรพรรดินี ซึ่งเราจะเปิดเรียนอีกครั้งวันที่เก้า แต่งานมีวันที่สิบสอง เราจึงมีเวลาเตรียมงานแค่สามวันเท่านั้น แล้วอันที่จริงก็

    ไม่รู้จะจัดไปทำไม ในเมื่อสตรีโรงเรียนเรามีแค่ร้อยหกสิบเจ็ดคน ต่อนักเรียนชายหนึ่งพันห้าร้อยกว่าคน ดังนั้นงานปีนี้จะจัดขึ้นพร้อมกับคนใน

    เมือง ทำให้งานเลี้ยงเต้นรำในตอนเย็นเราจะจัดขึ้นเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ต้องใหญ่กว่าทุกครั้ง เพราะโรงเรียนแม่มดไครเซอเว็นแห่งนอริน ได้

    พานักเรียนของพวกเขามาทัศนศึกษาที่แคนโดร่าและโรงเรียนของเราได้รับเกีร์ยติให้ต้องรับนักเรียนต่างแดนเป็นเวลาหนึ่งเดือน และพวกเรา

    จะยกปราสาททิศใต้ที่ไม่ค่อยได้ใช้ ให้พวกเขาใช้เป็นหอนอน แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นพวกเราจะต้องสละเวลาหนึ่งชั่วโมงตอนเย็นในการจัดห้อง

    ในปราสาททิศใต้รอพวกเขา จนกว่าจะถึงวันงานเรามีเวลาแค่สองเดือนเศษ ที่ค้อนข้างน้อยมาก แต่น่าจะทันในการเตรียมงาน และแน่

    นอน........”เฟิร์นหยุดพักหายใจ เพราะตลอดเวลาที่เธอพูดมามันทำให้เธอเครียดขึ้นทันตาเห็น ก็แน่หละมีเวลาให้จัดปราสาททั้งหลังให้กลาย

    เป็นหอนอนชั้นดีในสองเดือนเนี่ยน่ะ ยังไม่รวมเรื่องสถานที่จัดงานเต้นรำอีก “พวกเขาจะมาเรียนพร้อมกับเราในบางเวลา มีคำถามสำหรับงาน

    แรกมั้ย”



        “ขอโทษครับท่านประธาน”หัวหน้านักเรียนชายปีสี่ยกมือขึ้นถาม “นักเรียนหญิงจากไครเซอเว็นมีด้วยกันกี่คนหรือครับ เพราะถ้า

    ให้จัดปราสาททั้งหลังเลยอาจจะไม่ทัน ถ้าเราทำเฉพาะเท่าที่ใช้น่าจะเร็วกว่า”



        “เท่าที่ได้รับแจ้งมา มีทั้งหมด.....เก้าร้อย...เก้าร้อยห้าสิบแปดคน คณะอาจารย์หญิงอีกสิบห้าคน คณะอาจารย์ชายหกคน”เฟิร์น

    ค้นรายงานขึ้นตอบ



        “แล้ว เราจะมีการแบ่งงานมั้ยครับ”นักเรียนคนเดิมถามต่อ



        “มีซิมี เราจะแบ่งได้คร่าวๆก็แปดกลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่ต้องสร้างพวกเครื่องเรือนเพิ่ม ยกหน้าที่ให้กับสามและปีสี่สายเวทมนตร์ รายละเอียดอยู่ในชีทที่แจกให้”เฟิร์นบอก และพยักหน้าให้กับเลขาของหล่อนเดินแจกชีทให้กับเหล่าคนในสภาได้รับรู้กัน “กลุ่มที่สอง มีหน้าที่ทำความสะอาดและเคลียพื้นที่ เช่นทาสีห้องใหม่ เก็บกวาด จัดเครื่องเรือนให้เข้าที่ ขอยกให้เป็นหน้าที่ปีหนึ่งปีสองและปีสามของหน่วยพยาบาลน่ะ กลุ่มที่สาม มีหน้าที่ซ่อมแซม ซ่อมบำรุง เช่นใส่กระจก ซ่อมหน้าต่าง ซ่อมพื้น ห้องน้ำท่อประปา ซ่อมทุกอย่างภายในขอยกหน้าที่ให้กับปีสามและปีสี่สายอัศวิน กลุ่มที่สี่ มีหน้าที่ซ่อมบำรุงภายนอกอาคารเช่นงานหนักๆ อย่างซ่อมหลังคาปราสาท(ไคร์กลืนน้ำลายเฮือก) ซ่อมรางต้นไม้ รางน้ำ ท่อนอกอาคาร ขอยกให้เป็นหน้าที่ปีห้า ทั้งสายเวทและสายอัศวินเลย กลุ่มที่ห้ามีหน้าที่แบกหาม พวกวัสดุอุปกรณ์ จนไปถึงเครื่องเรือนต่างๆ ขอยกให้เป็นหน้าที่ของปีหนึ่งและปีสองสายเวทมนตร์ กลุ่มที่หก จัดการเรื่องเสบียง ส่งข้าวส่งน้ำ ทำกับข้าวอะไรก็ว่าไป ยกเป็นหน้าที่ปีหนึ่งกับปีสองสายอัศวิน และปีสี่สายพยาบาล กลุ่มที่เจ็ดเป็นคนทำบัญชีทั้งหมด ยกให้เป็นหน้าที่ของปีห้าสายพยาบาล และกลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มที่แปด มีหน้าที่สั่งการ ควบคุมการทำงานทั้งหมด เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่ปีหก มีอะไรจะถามมั้ย”



        ไม่มีใครยกมือ



        “ถ้าอย่างนั้นเราจะพูดต่อ”เฟิร์นตัดบท “อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ว่าโรงเรียนเราผู้ชายมากกว่าฝูงลิง แล้วชะนีก็มีไม่เพียงพอ นานๆลิงโรงเรียนเราจะเจอชะนีโรงเรียนอื่นซะทีอย่าทำให้ขายหน้า ไม่งั้นฉันจะจับไอ้ลิงฝูงนั้นถ่วงน้ำหลังโรงเรียน แล้วใครก็ตามห้ามเข้าไปในเขตปราสาททิศใต้ระหว่างที่พวกโรงเรียนแม่มดอยู่ที่นี่ ยกเว้นจะมีภารกิจเข้าใจมั้ย และเพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาทจากพวกต่างห้อง ที่มีแนวโน้มว่าจะหาเรื่องพวกโรงเรียนแม่มด เราจะอนุญาตให้พวกโรงเรียนแม่มดเรียนกับห้องก.เท่านั้น ทำตัวให้ดีๆด้วย แล้วนักเรียนหญิงของเราก็ช่วยกันดูแลคนต่างโรงเรียนจากลิงโรงเรียนเดียวกันหน่อยก็ดี มีคำถามมั้ย”



        คราวนี้ฮิวยกมือ



        “ว่ามาฮิว”เฟิร์นหันไป



        “แล้ว....ถ้าชะนีโรงเรียนโน้นมาจีบลิงโรงเรียนเราละครับท่านประธาน”ดูมันถาม



        “อ๋อ ถ้างั้นก็เล่นกับเขาซิ”เฟิร์นตอบอย่างเห็นด้วย ก่อนจะหรี่ตาลง “ถ้าไม่กลัวตายละก็”



        “ขออนุญาตคะท่านประธาน”กรรมการนักเรียนหญิงปีเจ็ดคนหนึ่งยกมือขึ้น “ขอชี้แจงให้กับผู้ที่ยังไม่รู้หน่อยคะ”



        “เชิญค่ะรุ่นพี่เดแอน”เฟิร์นบอก



        “ตัวฉันเอง เคยเรียนในนอรินมาก่อนสองปี ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่โซราเนียนี้ สาเหตุที่นอรินเป็นโรงเรียนสตรีเพราะว่าเมืองนอรินมัก

    จะใช้อวัยวะบางส่วนของเพศชายใช้ทำพิธีกรรมหลายพิธีกรรม เช่นน้ำตา เส้นผม เล็บ ขน ลูกตา นิ้ว กระดูกอ่อน หรือแม้แต่เครื่องใน และใน

    สมัยก่อน โรงเรียนแม่มดแห่งนี้ยังเป็นโรงเรียนที่เปิดรับเพศชายเข้าเรียน ผลคือพวกนักเรียนชายมักจะโดนเพศหญิงโจมตีเพื่อหวังอวัยวะ ทำ

    ให้ผู้ชายที่อยู่ในนอรินมีเพียงจอมเวทระดับสูงเท่านั้น จึงจะรอดพ้นจากการถูกเพศหญิงล่า แม้ว่าชนพื้นเมืองของนอรินจะไม่ใช่คนป่าเถื่อน

    และจะไม่เอาอวัยวะสำคัญจากคนเป็นๆ แต่เมื่อถึงหน้าเทศกาลอวัยวะเหล่านั้นเป็นของหายาก ทำให้พวกเขาต้องผ่ามันจากศพ แต่ก็ยังมี

    ตระกูลแม่มดบางตระกูลที่เชื่อว่าเครื่องในสดเป็นยามหาเสน่ห์  ดังนั้นหญิงงามในนอริน ยิ่งตัวเองมีความงามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความต้องการ

    ยามหาเสน่ห์มากเท่านั้น แต่นั่นก็แค่ความเชื่อ แต่ก็มียาอีกตัวหนึ่งที่ใช้เครื่องในสดเช่นกัน คือยาเสริมความงาม ดังนั้นหญิงในนอรินคนที่ไว้ใจ

    ไม่ได้ที่สุดก็คือคนที่มีหน้าตาสวยงาม แล้วพวกหล่อนก็ไม่สนใจด้วยว่าจะหาวัตถุดิบจากคนเป็นหรือคนเพิ่งตาย



        แต่ชาวนอริน เป็นคนที่ให้เกียรติเจ้าของบ้านมากเวลาไปเยี่ยมบ้านใคร ดังนั้นพวกหล่อนจะไม่เข้ามาละลานเราหากเราไม่ทอด

    สะพานให้พวกหล่อนก่อน ไม่ยุ่งกับหล่อนก่อน และต่อให้เราทอดสะพานแล้ว คุยกันแล้ว สนิทกันแล้ว พวกหล่อนก็ยังไม่โจมตีเรา เพราะเรา

    ยังเป็นเจ้าของบ้าน แต่ฉันขอเตือน...ผู้ชายทุกคน อย่าได้เริ่มทอดสะพานให้พวกหล่อนเป็นเด็ดขาด แล้วยิ่งหล่อนมาจีบเราก่อน เรายิ่งต้อง

    ระวังตัว อย่างคุยกับพวกหล่อนเป็นอันขาด อย่าตกลงไปไหนกับหล่อน เพราะในปราสาท เราจะปลอดภัย แต่นอกปราสาทละก็ไม่แน่ เพราะ

    นอรินมีเวทหลายบทที่ขโมยตับไตของพวกท่านได้ในพริบตา     แล้วยิ่งผู้หญิงคนไหนสวยยิ่งอันตราย แล้วที่สำคัญ....พวกหล่อนจะสนใจชาย

    ที่มีผมดำตาดำเป็นพิเศษ”



        ว่าจบทุกสายตาในห้องประชุมก็ตวัดวาบมาที่ไคร์และเจ้าชายชาพอชแทบจะทันที เพราะในโรงเรียนคนที่ผมดำตาดำแท้ๆก็มีอยู่

    แค่ไม่กี่คน แล้วหนึ่งในนั้นก็เป็นเขาเองกับเจ้าชายชาพอช



        “แล้วยิ่งหล่อก็ยิ่งสนใจ ระวังตัวด้วยน่ะไคร์ ท่านประธานสภา หรือถ้าไม่งั้นพวกท่านก็คงต้องแกล้งเป็นกระเทย เพราะพวกหล่อน

    ไม่สนคนผิดเพศ แต่อย่าให้พวกหล่อนจับได้ว่าแกล้งทำ เพราะพวกหล่อนจะถือว่าท่านสนใจ แล้วถึงตอนนั้นคงจะหาคนช่วยยาก ระวังตัวให้

    มากๆละกันค่ะ”พี่สาวคนสวยบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เล่นเอาความดีใจเพียงชั่วครู่ของบรรดานักเรียนชายที่จะได้มีเพื่อนหญิงเพิ่มมาเป็นเวลา

    หนึ่งเดือนพังพินาศสิ้น



        “ขอบใจที่แนะนำ เดแอน ขอบใจมาก”เจ้าชายชาพอชหัวเราะฝืดๆ



        “เอาหละทุกคน”เฟิร์นเรียกสติของทุกคนกลับมา “ก็...อย่างที่ได้ฟังเรื่องปอบสวยกินลิงไปแล้วน่ะ เพราะงั้น ถ้าไม่อยากตายก็

    อย่ายุ่งกับพวกหล่อนดีกว่า ก็....เข้าเรื่องดีกว่า เรื่องการจัดพื้นที่ในปราสาททิศใต้จะเริ่มตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป ชั่วโมงทำงานคือตั้งแต่สามโมงครึ่ง ถึงห้าโมงเย็น แล้วรุ่นพี่ปีหกของเราจะแจ้งการทำงานให้อีกทีหนึ่ง”



        “วันนี้ประชุมแค่นี้ก่อน กลับไปจัดการกับห้องของตัวเองได้แล้ว”เจ้าชายชาพอชประกาศง่ายๆ แล้วนักเรียนทั้งหมดก็ลุกขึ้นและ

    แยกย้ายกันออกไปจากห้อง



        “ตายแล้วไคร์ เป็นไงมั่งเสียวตับหายรึเปล่า”ยูถามอย่างล้อเลียน ขณะที่ไคร์หัวเราะกับตัวเองเบาๆ สงสัยเขาต้องไปเรียนปลอมตัว

    กับไซคีซะละมั่ง







        หลายวันต่อมา การเรียนช่วยเปิดเทอมก็เหมือนกันกับทุกปี พวกครูอาจารย์ก็เริ่มสั่งงานกันเป็นพัลวัล แต่ส่วนใหญ่ก็ให้พวกเขา

    นั่งฟังบรรยายอย่างทุกที



        ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ เว้นแต่เรื่องที่มีเด็กปีหนึ่งบังเอิญไปเจอนักเรียนแปลกหน้าไม่ติดเข็มกลัดป้วนเปี้ยนอยู่แถวหน้าหอทิศ

    เหนือ ซึ่งเป็นหอนอนของเด็กห้องก. สภานักเรียนเขาเลยรีบจัดประชุมด่วนว่านักเรียนปริศนาอาจจะเป็นนักล่าเงินรางวัลก็ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มี

    อะไร เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นมันอีก



        



        “โอ้ย เลิกเรียนซะที”ไคร์โยนกระเป๋าของเขาลงบนโซฟาตัวริมหน้าต่างในห้องนั่งเล่นรวม ที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีชุดโซฟารับ

    แขกจัดไว้เป็นจุดๆอยู่เต็มห้อง มุมหนึ่งของห้องเป็นเคาเตอร์ชงชา,กาแฟ แล้วก็มีนมสดให้ด้วย ส่วนอีกครึ่งห้องในเป็นโต๊ะยาวไว้ให้เด็กนั่งทำ

    การบ้าน ที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กปีหนึ่งปีสองที่ต้องเรียนเนื้อหาอย่างหนักในช่วงแรก



        “พระเจ้าเอ้ย....ดูรายงานพวกนี้ซิ”เฟิร์นโยนสมุดรายงานให้เขาเล่มหนึ่ง “ของเก่ายังเคลียร์ไม่เสร็จเลย”



        “ของฉันก็ยังไม่เสร็จดี”ไคร์ถอนหายใจ กับรายงานที่เขาต้องทำ “เรียนสูงเท่าไหร่ก็มีแต่รายงานท่วมหัว”



        “แต่ไม่เท่าปีหนึ่งกับปีสอง”ทาคิ นักเรียนชายห้องเดียวกันบอกและพยักหน้าไปทางพวกเด็กๆ “เออจริงซิ เฟิร์น ทำไมเธอไม่ดูแลโดโลเรสให้ดี ฉันเห็นบาดเจ็บกลับมาทุกวันเลย”



        “บาดเจ็บ...เมื่อไหร่” เฟิร์นทำหน้าเบ้



        “อ้าว ฉันก็เห็นเขาเดินเข้าห้องพยาบาลทุกวัน”ทาคิตอบ “เออ จริงซิ แล้วไอ้ฮิวมันไปอยู่ไหนละเนี่ย ทิ้งงานอีกแล้วไอ้นี่”เขาถาม

    ไคร์ที่ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า



        “ฮิวน่ะหรอ เห็นมันบอกว่าจะไปดูหนังสือที่ห้องสมุดเก่าน่ะ”







        ขณะเดียวกัน เจ้าชายอันดับหนึ่งกำลังเดินจ้ำเร็วๆไปตามทางเดินที่ร้างผู้คน เพื่อกลับไปให้ถึงหอนอนก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แต่มี

    สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาแทบใจหาย



        เสียงกรีดร้องแหลมแหวกอากาศมาจากทางเดินด้านหลังของเขา พร้อมกับเสียงวัตถุหนักตกลงกระแทกพื้น



        ไม่ต้องรอให้ใครบอก ฮิวออกวิ่งกลับไปตามทางเดิน ตาเงยหน้าขึ้นมองป้ายที่แขวนบอกชื่อห้องว่าตัวเขาอยู่ส่วนไหนแล้วของ

    ปราสาท จนเมื่อเขาวิ่งมาจนถึงห้องเรียนประวัติศาสตร์นักเรียนหญิงคนหนึ่งก็พุ่งออกมา และชะงักค้างเมื่อเห็นเขาอยู่บนทางเดิน



        “ฮิว”



        “โดโลเรส?”ฮิวเอ่ยขึ้น เพราะนักเรียนหญิงที่แขนข้างหนึ่งโดนฟันจนโชกเลือดไม่ใช่ใครอื่น แต่ยังไม่ทันถามว่าแขนไปโดนใครฟันมา คำตอบก็ออกมาให้เห็น



        ผู้หญิงถือดาบในชุดฮูดสีดำเดินออกมา ผ้าพันคอสีดำถูกดึงขึ้นปิดปากตัวเองจนมองเห็นเพียงด้วงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกราดขึ้นมอง

    และตวัดมาที่บุคคลที่สามที่เข้ามาเพิ่ม ก่อนที่มันจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง



        วางมือแล้วหรอ?



        ฮิวคิดในใจ



        “ฮิว หนีกันเถอะ เร็วเข้า”โดโลเรสบอกอย่างร้อนรน



        “อืม”ฮิวคว้าข้อมือของเธอขึ้น และจูงมือพาเธอออกเดินไปตามทางเดิน แต่เสียงลมกระชากแหวกอากาศวิ่งตามหลังขึ้นมา

    เพียงเสี้ยววินาที มือของเขาต้องเหวี่ยงโดโลเรสมาหลบหลังพร้อมกับชักดาบขึ้นฟันปัดคมดาวเวทมนตร์ที่วิ่งเข้าโจมตี



        มัน..ยังยืนอยู่ตรงนี้เอง



        หญิงในชุดฮูดยังคงยืนนิ่งห่างออกไปราวหนึ่งห้องเรียน ดาบเรียวบางที่มีอักษรสลักเริ่มเรืองแสงขึ้นอีกครั้ง



        “หลบ”ฮิวเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะกดโดโลเรสลงนั่ง พร้อมกับดาบในตำนานของอีกฝ่ายฟาดแหวกอากาศมาอีกครั้ง ฮิวยกดาบขึ้นฟัน

    มันกระเด็นไปทะลายเอากำแพงริมทางเดินโหว่เป็นรอยฟันขนาดมหึมา  แต่หญิงในชุดฮูดยังฟันเข้ามาถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเขาได้แต่ยืนตั้งการ์ดรับ

    อย่างเดียว แล้วยิ่งนานคมดาบพวกนั้นก็ยิ่งพุ่งแรงขึ้นเร็วขึ้น จนการรับทุกครั้งเขายังเสียวในใจว่าดาบจะหัก ถ้าเข้าใกล้มันได้กว่านี้ก็ดี แต่ถ้าไป

    จากตรงนี้โดโลเรสตายแน่



        ชั่วครู่คมดาบก็หยุดลง ฮิวลดดาบเฝ้ามองในชั่ววินาทีที่ฝ่ายศัตรูยกดาบขึ้นเหนือหัวก่อนจะฟาดมันลงเต็มแรง



        ทีเดียวแปดคม!



        ฮิวสะบัดดาบขึ้นรับคมแสงที่พุ่งเข้ามา แต่ดาบเขาสำผัสมันแค่สี่คม



        ที่เหลือละ?



        “เรารับให้เอง”ไคร์แกว่งดาบอยู่ด้านหน้าของฮิว แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว เพราะประธานนักเรียนหญิงคนเก่งก็ยืนตั้งดาบอยู่อีกคน



        “โดนโจมตีตั้งนานแล้วใช่มั้ยโดโลเรส”เฟิร์นพูดถาม โดยที่สายตายังมองไปที่ศัตรูที่ดูจะตกใจซะเล็กน้อย “ไม่มีบอกกันน่ะ”



        “อะ นี่ดาบ”ไคร์ยัดดาบพร้อมกับฟักให้กับฮิว “เล่นบิลเลียตไม่มีคิวจะเล่นยังไง”



        “ขอบใจ”ฮิวตอบ และทิ้งดาบเล่มเก่าลงบนพื้น ก่อนจะชักดาบคู่ใจขึ้นมา



        “จะปกป้องมันรึไง”หญิงปริศานาถามขึ้น “ถ้าขวางจะไม่ไว้หน้า”



        “ฉันรู้ว่าแกมาล่าโดโลเรสเพราะอะไร”เฟิร์นพูดขึ้น “เพราะงั้นเลยให้แกเอาตัวเธอไปไม่ได้”



        “งั้นก็แล้วแต่พวกแก”



        สิ้นคำพูด สาวปริศนาก็ยกดาบขึ้นฟาดอีกครั้ง แต่คราวนี้แค่ไคร์คนเดียวดาบแปดคมก็โดนปัดจนมันพุ่งเข้าทำลายกำแพงรอบๆซะ

    เสียเป็นแถบๆ



        “ไม่เห็นเร็วตรงไหนเลย”ไคร์พูดอย่างดูถูก “จะลองใหม่ก็ได้น่ะ”



        “ถ้าหลบดาบฉันได้”เฟิร์นโผล่พรวดที่ด้านหลังของสาวปริศนาที่ยังไม่หายตกใจกันการรับดาบของไคร์



        เฟิร์นเหวี่ยงดาบเฉียดศีรษะของสาวปริศนาที่ก้มหลบมันได้อย่างเฉียดฉิว และยกดาบขึ้นในชั่ววินาทีที่มันเรืองแสง เสี้ยววินาทีนั้น

    เฟิร์นก็ยกเท้าขึ้นถีบยันหลังมันเต็มแรงจนล้มกลิ้งไปบนพื้นทางเดิน และก่อนที่มันจะลุกขึ้นทันไคร์ก็พุ่งดาบเข้าแทง แต่มันปัดป้องได้ทันควัน



        “เสร็จละ!”เฟิร์นฟาดดาบเข้าซัดตาม แต่มันเหวี่ยงดาบวูบเดียว คมดาบนับร้อยๆคมก็พุ่งไปทุกทิศทุกทาง วินาทีที่ฮิวต้องหมอบใช้

    ตัวเองบังโดโลเรสเอาไว้ ขณะที่ไคร์ต้องหมอบวูบและเฟิร์นที่ต้องเปลี่ยนจากฟันมาเป็นรับซะแทน



        “ฉันประเมินพวกแกต่ำไป”สาวปริศานาพูดขึ้น เมื่อเจ้าหล่อนหลบออกไปยืนในที่ที่ไกลออกไปได้ ขณะที่พวกไคร์ยังตั้งตัวไม่ติด



        “ใช่ แกมันกระจอกของจริง”เฟิร์นพูดเสียดสี “ถ้าเก่งจริงก็ฟันเข้ามาเลย ฟันกำแพงอยู่ได้ปราสาทจะพังอยู่แล้ว”



        ไม่มีการให้สัญญาณ เพียงเสี้ยววินาทีกำแพงทั้งสองด้านเหมือนถูกดาบขนาดมหึมาฟันทีเดียวถึงสิบสองรอย แต่รอยฟันยังวิ่งฉวัด

    เฉวียนวิ่งเข้าใกล้



        เฟิร์นพุ่งออกไปและเหวี่ยงดาบขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ดาบจะถูกยกขึ้นสุดแขน ดาบของเธอทั้งเล่มก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ไคร์ที่ยกดาบขึ้น

    ตามเกือบจะทำดาบหลุดมือเพราะแรงกระแทรกที่พุ่งเข้าอัดราวกับมีรถวิ่งเข้าชนเขาแรงๆ จนตัวเขากระเด็นถอยไปหลายก้าว ส่วนคมดาบที่

    เหลือวิ่งเฉียดฮิวและโดโลเรสที่หลบได้ทันควัน ปล่อยให้คมดาบจอมพินาศที่เหลือสะท้อนไปตามทางเดินจนทั้งพื้นทั้งกำแพงเป็นรอยฟันที่ไม่

    มีแม้แต่รอยร้าวหรือเศษหินที่กระเด็นกระดอน



        คมจนกำแพงยังถูกเฉือนเปิด ไม่มีแม้แต่รอบกระแทก



        “เอาจริงแล้วใช่มั้ยแก”ไคร์แกว่งดาบของเขาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบโต้ แสงก็เรืองขึ้นใต้เท้าของสาวปริศนาตีวงล้อม

    หล่อนเอาไว้



        “เขตอาคม”มันพึมพำและยกดาบขึ้นฟาดฟัน แต่กำแพงยังคงกักขังมันได้สบาย



        “เข้ามาได้ถึงนี่ก็เก่งมากแล้วน่ะ”เสียงนี้ เล่นเอาเด็กปีห้าทั้งสี่คนสะดุ้งสุดตัว และพากันหันไปมองเจ้าของเสียงและเขตอาคม



        เจ้าชายชาพอช!!



        “ไงน้องๆ”เขาทักทายน้องๆที่หัวเราะฝืด เจ้าชายชาพอชน่ากลัวกว่านางสาวปริศนาตรงหน้าซะอีก



        “อย่าหาว่าข้าดูถูกเลยน่ะเจ้าชายชาพอช แต่เขตอาคมของท่านมันยังขังข้าไม่ได้หรอกน่ะ”สาวปริศนาพูดอย่างใจเย็น



        “อุส่าให้อยู่ข้างในดีๆคงจะไม่ชอบซิน่ะ ปล่อยให้เขาออกมาให้ฉันเล่นหน่อยก็ได้ชาพอช”เดแอน รุ่นพี่ปีหกที่เล่าเรื่องปอบกินลิง

    ในสภานักเรียนเดินเข้ามา



        สาวปริศานเหลียวหน้าเหลียวหลังมองฝ่ายตรงข้ามฝีมือดีที่มีมากกว่าอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะยกดาบของตัวเองขึ้น



        เขตุอาคมถูกฟันแตกกระจาย พร้อมกับปล่อยคมดาบออกมานับสิบ จนทุกคนมัวแต่ปัดป้องปล่อยให้มันหนีหายไปได้จะๆตา



        “ใครบาดเจ็บมั่ง”เดแอนเดินเข้ามา และก้มลงดูรอยแผลของโดโลเรส ก่อนจะกางมือขึ้นป้องแผล



        แสงเรืองน้อยๆขึ้นที่เหนือบาดแผล ที่สมานปิดทันตาเห็นก่อนที่แสงเรืองนั้นจะมอดลง



        “ตรงนี้คงต้องบูรณะกันหน่อย”เจ้าชายชาพอชถอนหายใจ ก่อนจะยกมือขึ้นเตะที่กำแพง พลันกำแพงทั้งหมดเรืองแสงขึ้นตลอด

    ทางเดินจนทุกคนต้องหลับตาแน่น และเมื่อแสงมอดลงทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม “ส่วนตรงนี้”เขาหันมาทางน้องๆปีห้าที่ยืนยิ้มฝืด “ต้องลง

    โทษกันหน่อย”







        “โธ่...พี่ครับ ถ้าผมบอกพี่ได้ผมก็บอกไปแล้วละครับ”ฮิวพูดเสียงอ่อน



        “จริงๆน่ะค่ะ ตอนนั้นมันฉุกเฉินจริงๆน่ะค่ะ”เฟิร์นเสริมขึ้นช่วย



        “ใช่ครับพี่ แค่เวลาชักดาบยังไม่มีเลยน่ะครับ”ไคร์ถมทับซะมิด



        “พอๆ”เจ้าชายชาพอชยกมือขึ้นปราม เมื่อเขาสามารถพาน้องๆทั้งสามคนมานั่งคุกเข่าสำเร็จโทษที่ห้องทำงานของเขาได้ “แต่มี

    คนบอกว่าเธอ(เขาหันไปทางเฟิร์น)กับเธอ (เขาชี้ต่อไปที่ไคร์) เข้าไปหยิบอาวุธในหอนอนก่อน แล้วถึงจะไปหาฮิว แสดงว่าพวกนายต้องรู้กัน

    มาก่อนแล้วว่ามีโอกาสปะทะกับใคร แล้วทำไมไม่เรียกพี่ไปด้วย พี่ก็นั่งทำงานอยู่ในนี้ตลอด แต่ทำไมไม่เรียก ห้องพี่กับหอนอนมันห่างกันตั้ง

    สองก้าว ทำไมมาบอกกันไม่ได้ ประตูก็หนักแค่สามขีดเนี่ยแค่นี้เปิดกันไม่ได้หรือไง หรือใช้แต่ม่านรูดซะเคยชิน”



        “ใช่ครั—เอ้ยๆ เปล่าครับพี่”ไคร์รีบแก้



        “ส่วนนายฮิว นายบังเอิญไปเจอกับโดโลเรสเข้าจริงๆ รอบนี้กลับไปพักผ่อนได้แล้ว ไม่เอาเรื่อง”ชาพอชหันไปบอกกับฮิวที่พยักหน้าอย่างนอบน้อม



        “ลงโลงเมื่อไหร่จะรับไปเผาน่ะเพื่อน”เขาหันมาบอกกับไคร์ ก่อนจะเดินตัวปลิวออกไปจากห้อง



        “ส่วนเฟิร์น มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย”เจ้าชายชาพอชหันไปทางประธานนักเรียนหญิงที่นั่งหน้าซีด



        “ไม่มีค่ะ”เธอตอบ “ตอนนั้นหนูลืมบอกรุ่นพี่จริงๆคะ”



        “คนน่ะไม่ใช่เสาหลักเขตุ เห็นอยู่ทุกวันจะลืมทุกวัน”เจ้าชายส่ายศีรษะเบาๆ “เอ้า สำเร็จโทษ เห็นว่านี่เป็นความผิดหนึ่งในไม่กี่

    ครั้ง งั้นคราวนี้จะให้ไป......”เขาก้มหน้าลงเปิดหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะ “อืม....กระจกที่ปราสาททิศตะวันออก ชั้นสิบแปดขึ้นไปยังไม่มี

    พนักงานทำความสะอาด ไปจัดการซะ เริ่มพรุ่งนี้ตอนสี่โมงเย็น”



        “แค่เช็ดกระจกหรอครับ”ไคร์เงยหน้าขึ้นถาม โอโห นี่มันงานง่ายที่สุดเท่าที่เคยโดนสั่งมา เพราะชีวิตนักเรียนของเขาทำมาแล้ว

    ตั้งแต่ล้างห้องน้ำ แบกกระสอบข้าว ตักน้ำตัดต้นไม้ แบกฝืน ทำสวน วิ่งเอกสารเป็นกิโล ทำนาขัดท้องเรื่อต่อท้อน้ำซ่อมสะพาน ไม่เหมือนเฟิร์นที่ชีวิตนี้เคยทำแค่ล้างจาน แค่วิ่งขึ้นไปชั้นสิบเก้าแล้วเช็ดกระจกทุกบานน่ะของง่ายๆ “จริงๆน่ะครับ”



        “จริงซิ”เจ้าชายชาพอชตอบยิ้มๆ



        “งั้นผมไปได้แล้วใช่มั้ยครับ”



        “ได้แล้ว”



        “เย้”ไคร์และเฟิร์นร้องดีใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู



        “แล้วก็.......เอาเชือกกับตัวล็อกไปด้วยก็ดีน่ะ เพราะที่ใช้เช็ดกระจกน่ะ”เจ้าชายชาพอชนั่งท้าวคางบอก “ด้านนอก”



        แล้วเสียงกรีดร้องแห่งความตกใจก็ดังกังวานจากห้องของท่านประธานสภา ตามด้วยเสียงอ้อนวอนตามมาไม่เป็นระเบียบ



        “โชคดีเว้ย ทั้งสองคน”ฮิวส่ายหัวน้อยๆเป็นการไว้อาลัย เพราะไอ้การให้ไปห้อยโตงเตงเช็ดกระจกชั้นสิบแปดสิบเก้าเนี่ย แค่

    ปราสาทที่ตั้งบนดินยังเสียวจะแย่ แต่นี่ปราสาทโซราเนียที่ตั้งอยู่บนเขาเนี่ยน่ะ แล้วยิ่งปราสาททิศตะวันออกเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนบนไหล่

    เขาที่สูงที่สุดในบันดาปราสาททั้งหกหลัง ไม่นับปราสาทยอดเขา แบบนี้....ตายแน่



        ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ยืนฟังคำอ้อนวอนของเจ้าสองคนนั้นต่อเจ้าชายชาพอช แต่เขาเลือกที่จะไปเยี่ยมดูโดโลเรสมากก

    ว่า เพราะจากที่แอนเมย์บอกแผลของโดโลเรสก็ลึกพอดูแล้วก็เสียเลือดไปมาก ใช้เวทมันทำได้แค่สมานแผล ตอนนี้เลยให้นอนพักที่ห้อง

    พยาบาลก่อน



        ฮิวออกเดินตัดผ่านกลางห้องนั่งเล่น ตรงไปที่ประตูที่แขวนป้ายไว้ว่าห้องพยาบาล และบังจงเปิดเข้าไป สู่ห้องยาวตลอดแนวด้าน

    ขวาคือเตียงนอน ที่ทุกเตียงมีม่านกั้นไว้เป็นห้องๆ และมีเพียงห้องหรือสองห้องเท่านั้นที่ยังคงมีแสงจากตะเกียงสว่างขึ้นมา ทำให้ห้องทั้งห้อง

    แทบจะมือสนิท



        ฮิวเดินเพ่งมองป้ายที่แขวนบอกชื่อของผู้ที่หลับอยู่หลังม่านทีละป้าย ทีละป้าย จนมาถึงป้ายที่เขียวว่า โดโลเรส แอนคาเซีย ปี5

    ห้องก. แต่เมื่อเขาแง้มม่านออกดู



        เตียงเปล่า?



        เขาเดินเข้าไปที่เตียงและหยิบผ้าห่มที่ไม่ได้ถูกพับจัดขึ้นดู ยังอุ่นอยู่เลย แต่ตัวคนนอนไปไหน



        “นี่เธอ”เขาเรียกนักเรียนพยาบาลหญิง ที่สวมชุดกระโปรงฟูสีขาวดำคนที่หนึ่งให้หันมา “คนไข้เตียงนี้หายไปไหน”



        “อ้าว ตายจริง”หล่อนอุทานอย่างตกใจ “เมื่อกี้ยังอยู่เลย ฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็นมีใครออกไปเลยน่ะ”



        ฮิวก้าวยาวๆออกจากห้อง และเดินลึกเข้าไปในห้องพยาบาลจนสุดที่หน้าต่างที่เปิดกว้าง ขณะที่นักเรียนพยาบาลเดินแหวกม่านดูที

    ละเตียง แต่คำตอบของเธอคือ



        “ไม่มี”



        ฮิวโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่าง ที่พอมองลงไปก็ต้องใจหายกับความสูงของตัวปราสาทกว่าสิบห้าชั้น แต่นั่นยังไม่รวมความสูง

    ของถูเขาสูงชันด้วยความสูงเป็นสองเท่าที่มันตั้งอยู่ และเมื่อเงยหน้าขึ้นดูหลังคาปราสาท ชายกระโปรงสีขาวสะบัดให้เขาเห็นอยู่แวบๆ



        ตรงนั้นเอง



        “ช่วยเรียกไคร์กับเฟิร์นมาให้ด้วยน่ะ”



        “เดี๋ยวซิ!”



        แต่ใครจะฟังเสียงห้าม ฮิวปีนขึ้นที่ขอบหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยปากถ่องคาถาสั้นๆ แล้วก้าวเท้าออกไปนอกหน้าต่าง แต่แทนที่เขาจะ

    ตกลงไปจากปราสาท ก็เหมือนกับเขาเหยียบลงบนบันไดที่มองไปเห็น ก้าวขึ้นไต่ระดับขึ้นไปจนโผล่ที่หลังคาปราสาท ที่โดโลเรสกำลังเดิน

    ก้าวสั้นๆอยู่ห่างออกไปไม่มาก



        “โดโลเรส!”เขาตะโกนเรียก แต่เธอไม่หันมามอง เขาจึงเดินลงบนหลังคา ก่อนจะออกวิ่งเข้าไปหาเธอ แต่เมื่อเขาคว้าข้อมือเธอก็

    ต้องชักมืออก เพราะตัวเธอร้อนราวกับเหล็กเผาไฟ “โดโลเรส หยุดเดินก่อน ฉันจะพาเธอลง”เขาเดินอ้อมไปอยู่ตรงหน้าเธอ แต่เธอไม่ได้เอ่ยปากตอบ แม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะบงบอกถึงความตกใจและสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่เธอก็ยังเดินก้าวสั้นๆต่อไป โดยไม่สนใจว่าเขายืน

    ขวางอยู่



        “ไม่ต้องห่วง”เธอพูดด้วยเสียงแข็งๆจากในลำคอ “ฉัน-ไม่ทำร้ายผู้หญิง แค่-ยืมตัวไม่กี่-วัน”



        “ข้อความหรอ จะมั่นใจได้ยังไงว่าแกไม่ทำอะไรเธอ”ฮิวถามตอบ



        “ร้อยทั้ง-ร้อย”มันใช้ร่างโดโลเรสตอบกลับมา มันเชิดเธออยู่ซิน่ะ ตัวเชื่อมต้องอยู่ที่ไหนซักแห่ง



        ฮิวกลั้นใจ ใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของโดโลเรสไว้จนต้องกัดฟันกรอดเพราะความร้อนกำลังเผาหนังที่มือและปวดตั้งแต่ปลายนิ้ว

    ลามไปถึงกระดูก เหมือนกับเขากำลังจับตุ๊กตาทองแดงที่เผาไฟ สายตาของโดโลเรสที่มองเขาเบิกกว้างอย่างตกใจ ราวกับเธออยากจะร้องให้

    เขาปล่อยมือ แต่เธอพูดออกมาไม่ได้



        ฉับพลัน ความร้อนทั้งหมดก็หายไป ฮิวปล่อยโดโลเรสออกและก้มลงดูฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเอง มันไม่ได้ผอง ไม่ได้ไหม้



        “เฮ้อ....ยอมก็ได้”



        ชายในชุดฮูดเดินเกาท้ายทอยเข้ามาอย่างหัวเสีย มืออีกข้างที่มีกำไลอัญมณียังยกแบบกึ่งๆ เสียงแบบนี้ไม่ใช่ใครอื่น



        “โธ่เอ้ย ไม่น่าคิดไปไหนไกล ที่แท้ก็พ่อมดจอมชักใยนี้เอง”ฮิวถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ไอ้ไซคี”



        “เออ ฉันเอง”ไซคีบอกอย่างหัวเสีย “นายจะลงทุนเจ็บไปรึเปล่า ชอบบังคับให้ฉันทำพวกเดียวกันอยู่เรื่อย”



        “วันหลังก็ส่งจดหมายมาบอกก่อนซิวะ”ฮิวพูดเถียง ก่อนจะยกมือขึ้นเหวี่ยงตบหัวเพื่อนตัวแสบที่หลบแผ่วไปอยู่หลังโดโลเรส





        “อย่านะครับ.... มีตัวประกันน่ะครับ”มันพูดล้อเลียน ก่อนจะกรีดนิ้วแวบเดียว โดโลเรสก็ผลันเซถลาแต่มันยังประคองเธอไว้

    ได้ “อะ คืนให้ ขอโทษด้วยละกัน”



        พอปล่อยมือ โดโลเรสก็ต้องคว้าแขนฮิวไว้แน่นด้วยสองสาเหตุ หนึ่งคงกลัวไซคี สองคงกลัวความสูง



        “ไง นายก็จะมาสอบปากคำเขาอีกคนหรือไง”ฮิวถามขึ้น แต่เมื่อไซคีอ้าปากจะตอบ



        “เฮ้ย! หยุดก่อน!”ก็ต้องเปลี่ยนมาโวยวายซะแทน เพราะเฟิร์นเพิ่งจะฟาดดาบเฉียดหัวเขาไป แต่ยังไม่ทันตั้งตัวไคร์ก็เงื้อดาบขึ้น



    ซ้ำพร้อมกับเฟิร์นยกขาขึ้นเตะ “หยุด! หยุด! ฉันเอง ไซคี!”



        “อ้าว”ไคร์หยุดดาบที่เกือบจะฝ่าเขาเป็นสองซีกไว้กลางอากาศ “นายนี่เอง นึกว่าใครซะอีก”



        “โอ้ย ถ้าฉันหัวใจวายขึ้นมาพ่อนายจะรับผิดชอบมั้ยเนี่ย”ไซคีพูดบ่นๆ ก่อนจะหันไปเจอเฟิร์นเข้า “อ้าวเฟิร์น เป็นไงมั่ง ไม่ได้เจอ

    กันตั้งนานแนะ เจ้าหญิงเซเซียเป็นไงมั่งละ”



        “ก็สบายดี แล้วเป็นไงมาไงเนี่ย หรือจะมาถามคำถามโดโลเรสอีกคน”เฟิร์นทักกลับอย่างเป็นกันเอง



        “ก็ใช่ละ”ไซคีตอบ ก่อนจะถอนหายใจ “โดโลเรสคงยังไม่หายตกใจ พาเขาไปพักก่อนเถอะ ถ้าพวกนายรู้แล้ว คุยกับพวกนายคง

    จะง่ายกว่า พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่ ไปก่อนละกัน”



        “เออจริงซิ”ไคร์ทักขึ้น “มีเรื่องจะ----“



        ยังไม่ทันสิ้นคำพูด ไซคีก็ไหวตัวสะบัดมือขึ้นกางเขตุอาคมปกป้องทุกคนจากคมดาบนับสิบที่ฟันกระเบื้องหลังคาแตกกระจายเป็น

    รอยลึก พร้อมกับการปรากฏตัวของสาวปริศนาคนเดิม



        “ดาบแมงมุม”ไซคีพูดขึ้น “เซเฟีย”



        “ตายจริง....ไม่ได้เจอกันตั้งสี่ปี ไม่นึกว่าเราจะบังเอิญมีเหยื่อคนเดียวกันน่ะ”มันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงล้อเลียน



        “ไม่บังเอิญหรอกมั่ง ได้ยินว่าช่วงนี้กำลังตกอับนิ”ไซคีพูดเถียง “นักล่าอย่างท่าน ใครเขาจะเอาไว้เป็นกาลกิณี”



        “ยังปากดีไม่หายน่ะ”อีกฝ่ายกัดฟันพูด



        “ดีทั้งปากทั้งฝีมือละน่า”ไซคีเถียงต่อ “รู้มะ ว่างานนี้ข้ามาทำสองงาน งานแรกก็งานเดียวกับท่าน แต่งานที่สองเพิ่งได้รับบัญชา

    จากเบื้องบนโดยตรงเมื่อไม่นานมานี้เอง”



        “งานอะไรก็เรื่องของแก”เซเฟียยั้กไหล่อย่างล้อเลียน แต่ไซคีกลับหัวเราะคิก



        “ก็แล้วจะไม่บอกท่านได้ยังไง ในเมื่องานนี้ มีจดหมายว่าจ้างมาว่า ‘สังหาร เซเฟีย เพอร์ไลท์ อดีตนักล่าปราสาทกา’”



        ว่าจบเขาก็ชักดาบขึ้น



        “จริงๆไม่อยากทรมานเด็กๆข้างล่างเวลาฝนตก แต่ไหนๆก็ต้องซ่อมแล้วก็เล่นให้มันเละไปเลยก็แล้วกัน หวังว่าพวกกรรมการนัก

    เรียนจะอนุญาตให้ใช้เวทซ่อม ใช่มั้ย--- อ้าว”กะจะหันไปถามไอ้พวกนั้น แต่มันหนีหายไปกันหมดแล้ว “เลวจริงๆ” ทิ้งกันซะงั้น



        เซเฟียยกดาบที่เริ่มเรืองแสงขึ้น ก่อนจะฟาดลงปล่อยคมดาบออกมานับสิบ ที่ไซคีต้องกระโดดหลบสุดตัว

        เผลอหน่อยไม่ได้



        



        “พวกนายหลบกันไปก่อนน่ะ ฉันจะไปดูไซคี”ไคร์บอก เมื่อเขาลงมาส่งคนอื่นๆที่หน้าต่างห้องนั่งเล่น ก่อนจะถอยหลังยืนอยู่บน

    พื้นที่มองไม่เห็น และวิ่งขึ้นไปจนโผล่ที่เหนือหนังคาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กระเบื้องถูกฟันเป็นรอยลึกนับร้อย ทั้งรอยใหญ่รอยเล็กกระจัดกระจาย

    อยู่ทั่วจนต้องใจหาย เพียงไม่กี่สิบวินาทีที่เขาลงไปข้างล่าง การต่อสู้ดำเนินไปเละขนาดนี้แล้วหรอ



        เขาหันมองไปทั่วบริเวณ แล้วก็เจอร่างฮูดร่างนั่งยืนหันหลังให้เขา และกำลังก้มดูร่างฮูดอีกร่างที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ไคร์ย่างก้าวเข้า

    ไป พยามหลบรอยฟันบนพื้นที่ทำได้ยากนัก จนเข้าถึงตัวร่างฮูดที่นั่งอยู่



        “ไซคี ไปกันเถอะ”เขาจับไหล่ของเพื่อไว้ แต่เมื่อมันลุกขึ้นมาเขาถึงได้รู้ว่าไอ้คนที่จับอยู่ไม่ใช่เพื่อน



        “อ้าว ตายจริงที่แกยังขึ้นมาให้ฉันฆ่าอีกหรือเนี่ย”



        เซเฟีย! ถ้างั้นคนที่ตายก็



        “ไซเคอรันนี่ฆ่าง่ายจังเลย กว่ามันจะร่ายเวทเสร็จฉันก็ฟันมันขาดเป็นท่อนๆแล้ว ดูซิ”มันชี้ไปที่ร่างฮูดที่นอนนิ่งอยู่ มือข้างหนึ่งตก

    อยู่ไกลออกไป เช่นเดียวกับขาทั้งสองขางที่หายไปอย่างละครึ่ง



        “ฮึ ฮึ”ไคร์เริ่มหัวเราะอย่างประสาทเสีย และหันไปมองศพอีกครั้ง นี่มัน...... “ศพชายไม่ทราบชื่อ”



        “อะไรน่ะ”



        “ก็บอกว่าศพชายไม่ทราบชื่อไง”ไคร์ทวนซ้ำ “ใครก็ไม่รู้”เขาพูดเสียงฝืดเคือง



        “แกคงเข้าขั้นประสาทเสียซิน่ะไอ้--- อะ- อะ..อ—“



        เซเฟียเริ่มยกมือขึ้นจับคอตัวเอง สีหน้าแสดงความตกใจจนดวงตานั้นเบิกกว้าง และอ้าปากพยามสูดลมหายใจให้ผ่านลำคอ ทันที

    ที่มันลดมือลงคลำหาดาบ ไคร์ก็ทันได้เห็นว่าลำคอของมันบีบตัวแน่นราวกับมีเชือกที่มองไม่เห็นกำลังรัดมันอยู่ ขณะที่มันเริ่มดิ้นพล่าน และใน

    ที่สุดเสียงกร๊อบก็ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับร่างไร้วิญญาณล้มลงสิ้นใจทั้งที่ตายังค้าง



    ไคร์ส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะหันสายตาไปหาเพื่อนชายที่เดินเข้ามายืนข้างๆ



    “แกทำฉันหัวใจเกือบวาย”ไคร์บอกกับไซคีที่หัวเราะคิก



    “อย่างแกน่ะ ถ้าหัวใจจะวายก็ไม่ผิดที่ฉัน แกตายเพราะบุหรี่ตางหาก”เขาพูดย้อน ก่อนจะโบกมือยิกๆ แล้วศพชายไม่ทราบชื่อที่ถูกหั่นก็หายวับ

    ไป “ภาพมายายังใช้ได้กับคนไม่มีสติ”



    “อย่ากัดซิวะ คนยังไม่หายตกใจ”ไคร์หัวเราะฝืดๆ ขณะที่ไซคีโบกมืออีกครั้ง แล้วศพของเซเฟียก็เลือนหายเป็นสายหมอก



    “ฉันส่งมันไปให้คนทางโน้นจัดการขึ้นเงินเอา”ไซคีบอก “ยังไงซะ วันนี้ฉันก็กลับ—“



    “ลงไปด้วยกันก่อน”



    เสียงมันมาพร้อมร่าง เพราะมือใหญ่ๆหนักๆวางพับลงบนบ่าของสองหนุ่ม จนมองเขาต้องสะบัดหน้าขึ้นมอง แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะรู้แล้วว่ามือเป็น

    ของใคร



    “ฮะฮะ สวัสดีครับ เจ้าชายชาพอช”ไซคีกลืนน้ำลายเฮือก ขณะที่ไคร์พึมพำคำซ้ำๆว่า



    “กระจกยังไม่ได้เช็ดเลย กระจกยังไม่ได้เช็ดเลย”







    ณ ห้องทำงาน ประธานสภา



    “นี่มันสองคดีซ้อนเลยน่ะ! คงไม่คิดจะแก้ตัวใช่มั้ยพวกนาย!”เจ้าชายแผดเสียงใส่ผู้ต้องหาที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา เพราะ

    เก้าอี้มันมีไม่พอ เรียงจากขวา เริ่มตั้งแต่ฮิว เฟิร์น ไคร์ แล้วคราวนี้เพิ่มมาอีกคน แม้ว่าจะไม่ใช่นักเรียนก็โดนด้วย แน่นอน ไซคี “แล้วคราวนี้ก็

    เล่นหลังคาปราสาทไปเลยทั้งหลัง ไม่รู้ว่าจะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ ถ้าฝนตกลงมาห้องนั่งเล่นคงเย็นสบายฉ่ำ ชื่นใจไปอีกนาน แค่นี้ห้องพยาบาล

    ยังมีคนเป็นหวัดไม่พอหรือไง ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง พวกนายต้องเป็นคนซ่อมทั้งหมด”



    “ครับ/คะ”เด็กๆขานรับ



    “แล้วฉันจะเพิ่มโทษเข้าไปด้วย ไคร์ เฟิร์น จากเดิมแค่เช็ดกระจกท้านรก ฮิวกับไซคี จากที่ไม่ต้องโทษขอเพิ่มอีกสองหน้าที่ คือล้างห้องน้ำ

    ของหอนอนทั้งหมด แล้วก็เปลี่ยนน้ำในแจกันของหอนอนทั้งหมดด้วย!”



    “ครับ/คะ”เด็กๆขานรับ



    “แต่ไซคีกับไคร์ ฉันจะเพิ่มให้เป็นพิเศษ”



    “ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ”ไคร์พูดขึ้น แต่หนังสือเล่มหนาก็พุ่งเข้าจังหน้า เป็นคำตอบว่าไม่ต้องเกรงใจ “โอ้ย...เจ็บๆ”



    “ใครสั่งให้ใช้หน้ารับละ”ชาพอชเถียงกวนประสาท “นายกับไซคี ต้องซ่อมหลังคาที่ทำพังทั้งหมด กระเบื้องฉันจะสั่งขึ้นมาให้ แต่แกต้องเอามัน

    ขึ้นไปซ่อมเอง เข้าใจมั้ย”



    “ครับ”ทั้งสองรับคำ



    “แต่พี่ครับ”ไซคียกมือขึ้น “ซ่อมหลังคาผมจะซ่อมให้เลย แต่งานอื่นผมมาทำวันหลังได้มั้ยครับ คือผมยังมีงานอื่นอยู่น่ะครับ”



    “อืม....ถ้างั้นไม่เป็นไร”ชาพอชตอบปัดๆ ทำให้นักโทษที่เหลือถึงกับส่งสายตาโกรธแค้นไปที่ผู้รอดชีวิต“เดี๋ยวฉันส่งจดหมายไปขออนุญาตแม่

    นายให้”แล้วตายตอนจบ



    “แต่...”



    “ที่นอนในห้องของฮิวก็ยังว่างอยู่ เดินทางคนเดียวก็ต้องมีเสื้อผ้าสำรองอยู่แล้ว เวทซักผ้าก็ใช้เป็นใช่มั้ย ถ้าทำไม่เป็นเดี๋ยวทำให้ก็ได้”



    “ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร”ไซคีหัวเราะฝืดๆ ขณะที่ไอ้พวกที่เหลือมันหัวเราะร่าเริง



    “เพราะยังไง แม่นายก็เพิ่งส่งจดหมายถึงอาจารย์ใหญ่เมื่อเที่ยงนี้เอง แล้วอาจารย์ก็ใช้ให้ฉันมาจัดการต่อด้วย”ชาพอชบอก และกางจดหมาย

    ฉบับหนึ่งขึ้นอ่านออกเสียง “ ‘ต้องขออภัยที่ข้า เทลล่า แฟร์คอนเวอร์ มารดาของเจ้าชายไซเคอรัน แฟร์คอนเวอร์ ไม่สามารถมาพบท่านได้

    ด้วยตัวเอง แต่ขอให้ท่านช่วยข้าซักนิด เพราะเจ้าชายไซเคอรัน ยังสามารถเรียนต่อได้ในชั้นปีห้าและปีหกของท่าน หากเขาผ่านการทดสอบ

    ดังนั้นข้าจึงขอให้ท่านช่วยอนุมัติการสอบ เพราะมีเหตุผลที่จำเป็นของทางราชวัง รายละเอียดไม่สามารถเขียนได้ในจดหมายฉบับนี้ จะขอ

    เรียนให้ทราบอีกครั้งในเอกสารฉบับที่แนบมาพร้อมกันนี้ ด้วยความเคารพ เทลล่า แฟร์คอนเวอร์’”



    เจ้าชายชาพอชลดจดหมายลง และส่งสายตาไปที่เจ้าชายไซเคอรันที่นั่งอ้าปากค้างกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน



    “เออ....จดหมายนั่น มีรูปดาวสามดวงอยู่ที่มุมขวาบนของด้านหลังรึเปล่าครับ”เขาถาม เจ้าชายชาพอชสะบัดจดหมายกลับหลังดู ก่อนจะตอบ

    ว่า



    “มี นี่ไง”แล้วเขาก็หันมุมกระดาษมาให้เขาดู



    “ไม่ไม่ไม่ไม่ ถ้าแม่จะยัดผมเข้าโรงเรียน แม่ต้องเขียนจดหมายบอกผมก่อน”



    แล้วเหยี่ยวจดหมายตัวหนึ่งบินผ่านหน้าต่างมาเกาะไหล่คนพูดพอดี จนสีหน้าที่แสดงความมั่นใจเริ่มแย่ลง



    “แม่....แม่เล่นผมอีกแล้ว โธ่...หักจนหลังผมมันงอเป็นงูแล้ว”



    “ก็ ไม่ต้องห่วงน่ะ เพราะแม่นายเขาส่งชุดนักเรียนกับอุปกรอื่นๆมาให้แล้ว เงินก็ส่งมาแล้ว แล้วอาจารย์ใหญ่เขาก็อนุมัติว่านายสอบผ่านเลย เพราะระดับฝีมือคงไม่ต้องสอบให้เปลืองแรง  ส่วนเรื่องห้องนอนก็จัดไว้แล้ว ได้นอนห้องสองห้าแปด ห่างจากห้องของฮิวแค่สี่ห้องเอง ไม่ต้องห่วง รายชื่อก็เดี๋ยวจะส่งให้คณะอาจารย์ทีหลัง นายจะเริ่มเรียนได้วันจันทร์หน้าน่ะ เพราะบัญชีรายชื่อยังจัดการไม่เรียบร้อย เพราะนายมันเรียนจบปีหกมาจากโคเทียน่า ก็เลยต้องจัดคะแนนกันหน่อย”เจ้าชายชาพอชอธิบาย โดยไม่สนใจว่าไอ้คนฟังมันกำลังน้ำตาไหล



    “แม่เล่นผมอีกแล้ว...โธ่..........”



    “เฮ้ยๆ ไม่ต้องห่วงน่าเพื่อ ถ้าแกกลัวนะเว้ย แกอพยพมานอนกับฉันก็ได้”ไคร์โอบไหล่เขาไว้อย่างล้อเลียน



    “ไม่เอา ฉันไม่นอนกับคนสูบบุหรี่”เขาเถียง แต่ฮิวลุกมานั่งขนาบข้าง



    “โธ่เพื่อน นานๆเราจะเจอกันที หรือปรกติแกนอนกับหมาวะ”



    “โธ่ฮิว ไม่เจอกันนาน ไม่นึกว่าเดี๋ยวนี้แกไม่ชอบนอนเตียง อยากนอนโลงรึไง มาเดี๋ยวจัดให้เอามั้ย”



    “เฮ้ย เกร่งใจ”



    แต่หมัดเข้าหน้าบอกว่าไม่เป็นไร



    “นี่แก มาเรียนด้วยกันสนุกจะตาย ฉันสอบตกตั้งหลายวิชายังรักเรียนเลย”ไคร์ว่า แต่ไซคีตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย



    “สอบได้เป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมชาติ เรียนไปก็ไร้ค่า ตายห่าก็ลืมหมด”



    “ใจเย็นๆซิวะ”ฮิวตบบ่า แต่โดนตบสวนซะกลิ้ง พอไคร์ห้ามก็โดนพระบาทยันเข้าตามคำเรียกร้อง แล้วมวยสดสองต่อหนึ่งก็เริ่มขึ้นหน้าโต๊ะ

    ประธานสภา โดยมีประธานนักเรียนหญิงนั่งหัวเราะหึอยู่ไม่ห่าง



        “จะแยกยังไงดีค่ะ”เธอหันไปถามรุ่นพี่



        “ก็...ตั้งข้อหาทะเลาะวิวาทหางานให้ทำเพิ่มเดี๋ยวก็คงหยุดเอง เพราะงานทำนาหลังโรงเรียนยังมี”



        หยุดเลยครับ สงบเสงี่ยมเจียมตัวมาก....ทั้งที่ในใจของเจ้าชายไซเคอรันตอนนี้มีเพียงหนึ่งข้อความที่ส่งถึงไอ้เพื่อนจอมกวนคือ



        แกตาย.....







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×