ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวสต้า เทพธิดาราตรี

    ลำดับตอนที่ #14 : ปีศาจจนมุม

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 47


    สู่สถานที่ลึกลับที่น้อยคนนักจะเคยย่างกราย มันเป็นที่ตั้งของปราสาทสีดำทมิฬเป็นที่อยู่ของราวปีศาจโดยมีราชันย์ปีศาจเป็นผู้ครอบครองที่



    รอคอยวันฟื้นฝูอำนาจขึ้นอีกครั้ง.......ลึกเข้าไปในตัวปราสาท คนในชุดฮู้ทสีดำระบายข้างกำลังนั่งขุกเข่าต่อที่นั้งอันใหญ่โตโดยมีร่างลึกลับ



    นั่งอยู่



    “แผนไปถึงไหนแล้ว ไฮยาซิน…”เสียงเย็นๆของราชันย์ปีศาจเอ่ยถาม



    “ลุล่วงไปด้วยดีองค์ธิดาไม่มีสิทธิรอดกลับมาแน่ ท่านโปรดวางใจ”ไฮยาซินตอบด้วยสายตามุ่งมั่น



    “แล้วรออะไรอยู่... รีบไปเลยซิ”ราชันย์ปีศาจเอ่ยเย็น



    “ค่ะ!”





             อีกสถานที่หนึ่ง ยูมิยังคงหลับสนิทบนเตียงนอนหนาหนุ่ม แต่เธอก็ต้องตื่นจากนิทราเมื่อนาฬิกาเจ้ากรรมส่งเสียงดัง /กิ้ก/กิ้ก/



    กิ้ก



    “อ่อย~ฮ้าว~เช้าแล้วหรอนี่”เธอเอ่ยขึ้นเมื่อนาฬิกาของตนบอกเวลา 6.00 น.



            ปี้ป/ปิ้ป/ปิ้ป/ปิ้ป/ปิ้ป/ปิ้ป/ปิ้ป/ปิ้ป/ปิ้ป/ปิ้ป/ปิ้ป/ปิ้ป



    “/ใครโทรมาแต่เช้าเนี่ย/”แล้วเธอก็ครานไปหยิบมือถือจากโต๊ะเครื่องแป้งแล้วกดรับ



    “/สวัสดีค่ะ ยูมิพูดค่ะ/”



    “/ท่าทางสบายดีนี่.../”เสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น



    “/ใครคะ/”



    “/ฮึๆ/”



    “/ใคร!!! นายเป็นใคร ถ้าไม่บอกฉันจะวาง/”ยูมิตะคอกใส่โทรศัพย์ของเธอด้วยสีหน้าที่บอกว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดีสุดๆ



    “/ฮึๆๆ จำไม่ได้หรอ อาเคนไง/”



    “/แก....แกโทรมาทำไม!/”



    “/เขาทักทายเพื่อนกันยังงี้หรอ/”



    “/คนอย่างแกไม่คู่ควรที่จะให้พูดดีๆหรอก/”



    “/เอาเถอะๆข้าไม่มีเวลาว่างนัก เข้าเรื่องดีกว่า/”อาเคนพูดขึ้นเพื่อนตัดปัญหาที่เป็นบ่อเกิดให้พวกเขาทะเลอะกัน



    “/มีอะไรกับฉัน  ลินอิอยู่ไหน!/”ท่าทางของเธอดูจะไม่ยอมง่ายๆซะด้วย



    “/ระวังไว้ให้ดี..ตอนนี้ไม่มีลินอิเจ้าทำอะไรไม่ได้แน่ข้าแค่มาเตือนในฐานะที่ข้าเคยเป็นคนรักเจ้า/”



    “/อะไรอีกล่ะ...ราชันย์ปีศาจส่งไอ้ตัวอะไรมาฆ่าฉันอีก!! แกกลับไปบอกราชันย์ปีศาจเจ้านายแกด้วยนะว่า คนอย่างฉันจะไม่มีวันยอมให้พวก

    แกทำร้ายได้อีกแล้ว วันหนึ่งแกจะต้องมากราบแนบเท้าฉัน!! /”ว่าแล้วเธอก็ยกนิ้วขึ้นกดปิดโทรศัพท์มือถือดัง-ปิ้บ-







                      “ฮึย!!! อารมณ์เสียแต่เช้าเลย....”







              30นาทีต่อมายูมิออกมาพร้อมชุดนักเรียนเหมือนกับวันที่ผ่านมา เธอพร้อมแล้วที่จะไปโรงเรียน...ยูมิเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงไปที่

    ห้องอาหารทันที



    “อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน”ยูมิทักทาย



    “อ่าจ้ะ อรุณสวัสดิ์”มิโดริทักตอบเธอในขณะที่เจ้าหล่อนกำลังแบกกระเป๋าไปโรงเรียน



    “มิโดริ...รอแป๊บนะเดี๋ยวฉันไปเอากระเป๋าก่อน”



    “จ้ะ”มิโดริตอบอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไร



        หายไปเกือบ 2 นาทีได้ ยูมิก็เดินออกมาจากบันได้ทางขึ้นชั้นสอง พร้องกับกระเป๋าถือสีน้ำตาลขนาดเทียบเท่าแฟ้ม เดินออกมา



    “เฮ้! มาแล้วจ้า ไปกันได้ยัง!”ยูมิตะโกนถามเพื่อนสาวที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 5 ก้าว



    “อ้ะ...มาแล้วหรอ! อื้อได้เวลาแล้วเราไปกันเถอะเดี๋ยวสายนะ”มิโดริเตือน



    “อะฮะๆ!”ยูมิตอบ







            ระหว่างที่เดินไปโรงเรียนมิโดริได้ชวนคุยหลายต่อหลายเรื่องให้ยูมิฟังเธอจึงไม่ค่อยเหงาเท่าไร



    “มิโดริซัง...เธอเคยคิดมั้ยว่าชาติก่อนเธอเกิดเป็นใคร?”ยูมิเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เพื่อนสาวพูดไม่ยอมหยุด



    “อ้ะ เคยคิดสิ ชาติก่อนฉันคงเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดแน่!”มิโดริตอบด้วยท่าทีขัดเขินถึงแม้ว่ายูมิเองจะรู้ว่าชาติก่อนเธอเป็นใครแต่ยุมิก็อดขำไม่

    ได้ต่อการกระทำของเพื่อนสาว



    “ฮะๆ เธอนี่นะ!”ยูมิพูดไปขำไปอย่างเห็นได้ชัด



    “นี่ห้ามหัวเราะนะ! เชอะ!งอนแล้ว”



    “อุ้บ...ฮะๆๆ มิโดริเธอเนี่ยตะ..ตลกเนอะ ฮ่าๆ”ยูมิยิ่งทวีความขำเข้าไปใหญ่



    “นี่!”มิโดริปราม



    “แฮกๆอุ้บ...อ้อย ปวดท้อง ฮ่าๆแฮกๆ”และพูดต่อว่า “เอาเหอะ ไปกันดีกว่าเดี๋ยวไปสาย”



    ยูมิทักขึ้น



    “อืม...แต่ว่านะฉันก็อยากรู้เหมื่อนกันว่า ชาติก่อนฉันเป็นใคร?เกิดที่ไหน?”



    “อืม…สักวันอ่ะนะเธอจะได้รู้”ยูมิกระซิบกับตัวเอง



                เมื่อมิโดริเห็นว่าเพื่อนสาวพูดคนเดียวเธอเลยถามว่า“อะไรนะ!” แต่ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไรหรอก หล่อนจึงไม่ถามต่อ



             เมื่อสองสาวมาถึงที่หมายคือโรงเรียน พวกเธอจึงรีบขึ้นตึกเพื่อที่จะเข้าห้องไปพบปะกับเพื่อนๆที่รออยู่



    “อรุณสวัสดิ์จ้ะทุกคน”ยูมิทักกับเพื่อนสาวผมเปียใส่แว่นและคนอื่นๆที่นั่งออยู่ด้วย



    “อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เธอตอบกลับ







      กิ้ง/ก้อง/กิ้ง/กอง



            ออตชั่วโมงโฮมรูมดังขึ้น เด็กๆพากันกรูออกไปนอกห้องเพื่อจะไปเปลี่ยนชุด เด็กนักเรียนหญิงก็เข้าไปห้องเปลี่ยนเสื้อ เด็กผู้ชาย

    ก็เช่นกัน พอได้เวลาที่พวกเขาควรจะเข้าแล้ว เด็กๆก็เข้าแถวหน้ากระดานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  คาเทียสเดินเข้ามาด้วยความงงงันของ

    ทุกคนแต่หัวหน้าห้องก็รีบตะโกนขึ้นว่า



    “ทำความเคารพ!”



    “สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ!”เด็กๆทุกคนตะโกนอย่างฉะฉาน



    “สวัสดี...วันนี้อาจารย์วิทย์มาสอนไม่ได้เนื่องจากติดภารกิจสำคัญของชีวิต วันนี้อาจารย์เลยจะมาสอนแทน คงรู้จักครูกันหมดแล้วสินะ ”คา

    เทียสกล่าวด้วยสายตามุ่งมั่น



    “ส่วนคาบนี้ พวกเธอแยกย้ายกันไปเล่นได้แต่ต้องอยู่ในบริเวณนี้เท่านั้นเข้าใจมั้ย!”



    “ค่ะ/ครับ!”



    “เดี๋ยว คุณ สึสึกิ ครูขอเวลาสักครู”คาเทียสเรียกยูมิที่กำลังจะก้าววิ่งเพื่อที่จะรีบจองเก้าอี้ข้างสะนาม



    “อ๋อค่ะ!”เธอตอบด้วยเสียงที่ดังกว่าจนทำให้คาเทียสเกือบแซ ในทันทีเธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาคาเทียสที่ยืนอยู่ ณ ที่เดิม



    “มีอะไรหรอ?”



    “เจ้าคงรู้สินะว่าตอนนี้ราชันย์ปีศาจเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ข้าอยากให้เจ้าไปกับข้า กลับไปโลกอดีต!”



    คาเทียสพูดออกมาด้วยเสียงที่เบาที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้นักเรียนคนอื่นรู้



    “ทำไมล่ะ!”ยูมิทำท่าจะเถียงแต่...



    “ฟังข้าให้ดีนะ ตอนนี้ไม่มีใครที่จะช่วยเจ้าได้อีกแล้ว บัดนี้ภัยร้ายได้มาถึงตัวเพื่อที่จะไม่ให้เจ้าพบภัยข้าอยากให้เจ้ากลับมายังโลกอดีต”คา

    เทียสชี้แจงให้ยูมิฟัง



    “แล้ว...ถ้าฉันไป...แล้วคุณพ่อแล้ว...เพื่อนๆ...จะไม่สงสัยหรอ!”



    “ไม่เป็นไร ข้าเตรียมการไว้แล้ว”



    “และถ้าฉันไปแล้วคุณแน่ใจหรอว่าพวกมันจะไม่ทำร้ายคนพวกนี้น่ะ”ยูมิเริ่มมีน้ำเสียงสั่นแต่มิใช่กลัว เธอเป็นห่วงพ่อและเพื่อนๆของเธอมากที่

    สุดแล้วเธอจะทิ้งพวกเขาไปหรอ....





    “มะรื่นนี้จะมีการแจ้งให้ผู้ปกครองทราบว่า เด็กนักเรียนชั้นม.4จะไปเข้าค่ายที่



    ฮอกไกโดบ้านเกิดเจ้าแล้วเรื่องที่ใครจะมาทำร้ายพวกนี้เจ้าไม่ต้องห่วงพวกเขาจะไม่เป็นอะไรเพราะถ้าเจ้าไม่ตายพวกมันก็ทำร้ายผู้อื่นไม่

    ได้”คาเทียสอธิบายอีกครั้งเพื่อที่ยูมิจะเข้าใจ



    “ได้ถ้าคุณรับรองว่าพวกเขาจะไม่เป็นไร”ยูมิตอบรับข้อเสนอ



    “อืม เรื่องที่ข้าอยากจะพูดด้วยก็มีเช่นนี้แหละ เจ้าไปพักได้แล้ว”คาเทียสบอกยูมิเป็นบอกเพราะว่าพวกเขาสองคนตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น

    มากไปกว่านี้



    “อืม...”เธอตอบสั้นก่อนที่จะวิ่งกลับไปหาเพื่อนๆที่จ้องตาไม่กระพริบ







    “ยูมิ อาจารย์เขาเรียกไปทำไมหรอ???”เด็กผู้หญิงผมเปียทักขึ้นเมื่อยูมิวิ่งเข้ามา

    “เอ่อ...อาจารย์เขาบอกว่า มะรื่นนี้จะมีใบไปหาผู้ปกครองว่าวันที่ 17 เราจะไปเข้าค่ายที่



    ฮอกไกโด”



    “ว้าว วันที่ 17 ก็อีก4วันน่ะสิ ดีจังเลยนะยูมิพวกเราจะได้ไปบ้านเกิดเธอด้วย!”มิโดริตะโกนขึ้นอย่างดีใจสุดขีด



    “ใช่...อีก4วัน”ยูมิทวนวันซ้ำอย่างซึมๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของเพื่อนๆไปหรอก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรแต่ความเงียบก็จางหายเมื่อมีลูกฟุตบอล

    พุ่งเข้ามาหาพวกเธอโดยมีเป้าเป็นยูมิที่ยืนเซอและ







    ปึ้ง!



             ยูมินอนสลบอยู่บนพื้นหญ้าข้างสนามอย่างไร้สติ เพื่อนๆทุกคนพากันตกใจยกใหญ่ ส่วนลุกฟุตบอลตัวการก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บน

    พื้น



    “ยะ...ยูมิ!!”มิโดริวิ่งเข้าไปหายูมิที่ไร้สติอยู่ตรงนั้น โดยมีเพื่อนๆห้องล้อบไว้อยู่



    “มิคุ เธอไปเรียกอาจารย์มาซิ!”มิโดริสั่งเด็กสาวผมเปียคนหนึ่ง และทันท่วงทีมิคุรีบวิ่งไปบอกคาเทียสทันที...ผ่านไปไม่ถึงนาทีคาเทียสก็วิ่งตา

    ลีตาเลือกเข้ามาประคองยูมิที่ยังคงนอนไร้สติอยู่ขึ้นมา



    “ใคร…! ใครทำ!”คาเทียสตะโกนดั่งลั่นดังที่ว่านักเรียนที่กระจัดกระจายได้ยิน ไม่ทันไรเจ้าตัวปัญหาก็วิ่งเข้า



    “ขอ...ขอโทษครับเผอิญผมไม่ทันมอง”อาเคนวิ่งเข้ามาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่



    “อาเคน! เธอตามครูไปห้องพักครู!”คาเทียสเอ่ยแต่แฝงความโกรธไว้ข้างใน



    “ครับ”อาเคนตอบอย่างไม่สนใจเท่าไรเพราะเขารู้ดีว่าเขาจะโดนอะไรต่อไป



    “คุณ มิสึกิ คุณช่วยพาสึสึกิ ไปห้องพยาบาลที”คาเทียสหันไปมองมิโดริที่เรียกสติตัวเองได้ทันทีและตอบกลับไปว่า



    “ค่ะ!”







              ว่าแล้วคาเทียสก็เดินนำอาเคนไปที่ห้องพักครูที่บัดนี้ไม่มีใครอยู่สักคน เลยเป็นโอกาสดีที่



    คาเทียสจะได้พูดโดยระวังหน้าระวันหลัง



    “ไง...ครับจารย์เรียกผมมีอะไร!”อาเคนเอ่ยขึ้นในขณะที่คาเทียสนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะ



    “เชิญนั่ง!”คาเทียสพูดด้วยวาจาสุภาพที่เปรียบกับอาเคนแล้วต่างกันราวฟ้ากับดิน



    “เชอะ!”อาเคนประชดพรางนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวหนึ่งที่อยู่ฝังตรงข้ามกับคาเทียส



    “หุบปาก! เจ้ามันช่างสามห้าวสิ้นดี เจ้าตั้งใจใช่มั้ยที่แตะลูกบอลมาโดนยูมิจนสลบไป!”คาเทียสตะคอกใส่อาเคนจนอาเคนสะดุ้ง เพราะเขาไม่

    เคยเห็นคาเทียสโกรธขนาดนี้มาก่อน



    “ทำไม!!!ข้าทำแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า!เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาตะคอกข้า!!!”อาเคนลุกขึ้นทุบโต๊ะตรงหน้าคาเทียสจนโต๊ะบุบเป็นรอยลงทันที



    “ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ถ้าเจ้าขืนทำอะไรยูมิอีกล่ะก็เจ้า...ตายแน่”คาเทียสจับขอเสื้อของอาเคยขึ้น



    พร้อมกับชกหน้าอาเคนจนเลือดของเขาสาดกระเด็ดไปโดนตู้เล็กข้างๆด้วยหมัดเดียว



    “จะ...เจ้า!”อาเคนเหมื่อนจะสวนกลับแต่คาเทียสไวกว่า ร่างของอาเคนจนกระเด็นตกลงพื้นดั่งลั้น จนอาเคนสำลักเลือดตนเอง แต่แรงพยาบาศ

    ก็ไม่ลดละ อาเคนพยุ่งตัวขึ้นมาด้วยแรงที่มีอยู่



    แต่....







             เปรี้ยง!



          คาเทียสสวนหมัดเข้าไปที่ท้องของอาเคนอย่างจังจนอาเคนพุ่งไปชนกำแพงอีกฝังหนึ่งจนเกิดรอยร้าว



    “หมัดที่แล้วของยูมิ! และหมัดนี้ของลินอิ!”



          ปั้ง!



          คาเทียสสวนหมัดเข้าไปชุดใหญ่เพื่อให้เขาละความโกรธ ไม่ใช่ที่อาเคนแตะบอลใส่ยูมิแต่เพราะลินอิด้วยและเรื่องอีกมากมายที่

    เขาไม่มีโอกาสชำระ



            บัดนี้พื้นที่ปูด้วยกระเบื้องสีขาวนวลต่างแปะเปื้อนไปด้วยเลือดที่แดงสดของปีศาจร้ายอาเคนอย่างละเนระนาด



    “กะ...แก! บังอาจทำข้า!”อาเคนเหมื่อนจะโต้กลับแต่ก็หมดหวังเมื่อเขาถูกคาเทียสแตะเข้าไปที่หัวอีกรอบด้วยความแค้นที่สะสม



    “ข้าไม่อยากทำร้ายคนไม่มีทางสู้หรอกนะ! แต่คนอย่างเจ้าเว้นไว้คนหนึ่งเถอะ!”



    ตึง!



           อีกรอบที่อาเคนล้มลงพื้นจนกระเบื้องบนพื้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของอาเคนนอนสลบไร้สติแชกเช่นยูมิเมือครู คาเทียสเดิน

    เข้าไปหาร่างที่ไร้สติของอาเคนก่อนที่เขาจะอุ้มร่างที่เปียกชุ้มไปด้วยเลือดขึ้นแล้วยกมือขึ้นเหนือศรีษะแล้วท่องคาถาสั้นๆว่า



    “โดม” ทันใดนั้นเกิดแรงหมุนเป็นเกรียวสายฟ้าดูดร่างของคาเทียสและอาเคนขึ้นไปอย่างรวดเร็วและหายไปในฉับพรัน







               อีกด้านยูมินอนไร้สติอยู่บนเตียงที่ห้องพยาบาลโดยมีเพื่อนๆห้องร้อมไว้



    “เฮอ...ตาอาเคนนั่นไม่รู้เป็นไงบ้างนะว่ามั้ย”เด็กสาวผมสั้นสีน้ำตาลอ่อนเอ่ยขึ้น



    “ฮึ หมอนั่นตอนนี้คงโดนอาจารย์อบรมอยู่ละมั้ง! แต่ก็นะสมควรแล้ว ว่ามั้ยอายะ”มิโดริตอบอย่างหัวเสียนิดหน่อย



    “อืม”



    “ยูมิ...เมื่อไรเธอจะฟื้นนะ”มิโดริพูดกับยูมิที่ยังคงหลับสนิทอยู่



    แต่ยังไม่ทันที่รอให้ใครปลุก เปลือกตาที่ควรจะปิดสนิทของเด็กหญิงก็เริ่มขยับ และปรือตาขึ้นมองไปรอบตัว ขณะที่เพื่อนสาวเริ่มถอนหายใจ

    อย่างโล้งอก



    “เป็นไงบ้างยูมิ พยาบาลบอกว่าเธอแค่น็อกไปเฉยๆ”มิโดริเอ่ยถามเป็นคนแรกด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ็บตรงไหนรึเปล่า”



    “ไม่ละ ไม่เป็นไรมาก ขอบใจนะ ที่เป็นห่วง”ยูมิบอกทันทีที่ตื่นได้เต็มตา แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ “แล้วใครเป็นคนทำ”มิโดริฟังคำถามแล้วก็เกิด

    อาการ



    “อ๋อ ก็อีตาอาเคนหัวแดงไง”เธอตอบอย่างมีน้ำโห แถมยังทำท่าหน้านิ่วคิ้วขมวด “ป่านนี้สงสัยโดนอาจารย์ด่าเละแน่ๆ ฉันน่าจะต่อยซักทีสองที ถ้าอาจารย์ไม่มาซะก่อนน่ะ! หมอนั่นร่าเริงจะตายตอนเห็นเธอลงไปหลับข้างสนาม”



    “อาจารย์?? คนไหน”ยูมิถาม เพราะจะมีอาจารย์คนไหนกล้าต่อยอาเคน มีหวังโดนภัยมืดแหง



    “ก็อาจารย์สอนประวัติห้องเราไง พี่ชายลินาอินะ ฉันจำชื่อไม่ได้”มิโดริบอก “ดูอาจารย์โกรธมากเลยละ พาอาเคนไปห้องพักครูแล้วแหละ”



    “ไปห้องพักครู....มีอาจารย์คนอื่นไปด้วยมั้ย!”ยูมิลุกขึ้นถาม



    “รู้สึกจะไม่มีนะ ไม่มี”อายะตอบ ยูมิกระโดดลงจากเตียง



    “ฉันหายแล้วหละ พวกเธอไปก่อนเลยนะ ฉันกะจะไปใส่ความเจ้าอาเคนเพิ่มนิดหน่อยนะ ไปก่อนเลย”แล้วเธอก็รีบเดินออกจากห้องพยาบาล

    ก่อนจะใส่เท้าหมาวิ่งสุดชีพไปที่ห้องพักครู ถ้าคาเทียสอยู่กับอาเคนแค่สองคนละก็วินาศแน่ (วินาศไปนานแล้ว)



    ทันทีที่ยูมิวิ่งไปถึงห้องพักครูและเลื้อนประตูออก แต่มันว่างเปล่าและร้างผู้คน ทุกอย่างปรกติดี ไหนว่าพวกเขาอยู่ในห้องพักครูไง หรือว่า...



    ความคิดหมิ่นประมาทรุนแรงเกิดขึ้นในสมองของเด็กหญิงที่กำลังคิดว่าคาเทียสกำลังฆ่าหั่นศพอาเคนอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือว่าพวกเขาไปที่

    อพาสเม้น ไม่น่า..เราก็หลับไปไม่นาน แล้วไอ้บ้าสองคนนั้นไปอยู่ที่ไหนแล้วละ







    แต่นั้นหละ ความคิดที่ว่าคาเทียสอยู่ที่อพาสเม้นของเขาน่ะถูกต้องแล้ว แล้วยังถูกอีก ถ้าเธอคิดว่าเขากำลังจะฆ่าหั่นศพอาเคนที่ถูกมัดอยู่ที่

    เก้าอี้ไม้ในห้องรับแขก โดยมีอาเมทิส คาเทียส หรือแม้แต่เมรินนั่งสอบปากคำผู้ต้องหา (กรณีนี้ อาจยกเว้นอาเมทิส)



    “จะตอบมะ ตอบดีๆด้วย”เมรินถามอย่างเก็บอารมณ์ มือข้างหนึ่งของเธอถือแจกันไว้ราวกับมันเป็นดาบ “ไง!”เธอย้ำ แต่อาเคนยังเงียบไม่ปลี

    ปาก



    “จะเอาไง จะตอบไม่ตอบ ลินอิอยู่ไหน”คาเทียสถามย้ำเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วมั่ง



    “แกรู้แล้วจะทำอะไรได้”อาเคนเถียง หางตาของเขาเหลือบมองที่ข้างตัว “คิดว่า...จะช่วยยายนั่นหรือไง ขนาดอยู่แค่นี้”เขาบอกเยาะเย้ย

    เพราะขณะที่พวกคาเทียสกำลังเค้นถาม วิญญาณของลินอิกำลังเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น พยามทำทุกวิธีทางเพื่อให้ใครก็ได้รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้



    “(ข้าอยู่นี่......มองมาทางนี้ซิ จะไปถามมันได้อะไร....)”



    “ใช่ เพราะถามไปข้าก็ไม่บอก”อาเคนพูดย้อนประโยคลินอิที่กำลังจะกระโดดกัดคอเขาอยู่มะรอมมะร่อ ก่อนจะหันไปหาพี่ชาย



    “(มองไม่เห็นหรือไง! อยู่นี่โว้ย!)”



    “ถึงข้าบอกพวกเจ้าตรงๆก็มองไม่เห็นอยู่ดี”อาเคนพูดต่อไป ก่อนจะถูกคาเทียสต่อยเข้าเต็มเหนี่ยว ลินอิถึงกับร้อง



    “(ขออีกหมัดพี่!)”



    “เรื่องเจ็บนะโดนจนชินแล้ว”อาเคนถ่มน้ำลายออกมาเป็นเลือดใส่ลินอิที่กระโดดหลบตัวลอย



    “ก็ดี”คาเทียสพูดอย่างสุดทน “งั้นข้าจะใช้วิธีรุนแรงกับเจ้า อาเมทิส”เขาหันไปเรียกอาเมทิสที่ใส่ถุงมือกำลังนั่งเล่นใบไม้แปลกๆหลายใบใน

    ตระกร้าหวาย “จัดการ”



    “โอ้ ซะทีนะเนี่ย รอตั้งนาน”มันกระโดดลงมาจากเก้าอี้ พร้อมกับแบกตระกร้าสานไปด้วย ก่อนจะกระโดดแผ่วขึ้นไปนั่งบนหัวเข่าอาเคน และหยิบใบไม้ขึ้นมาชูหนึ่งใบ “ทายซิ นี่อาราย”มันถามอาเคนที่ทำหน้าไม่ไว้ใจ



    “ใบไม้ธรรมดา”เขาตอบตามที่พอจะรู้สึก ขณะที่ลินอิหัวเราะก๊าก



    “(นั่นนะ หมามุ่ย เป็นต้นไม้มีพิษของเขตุร้อน)”ลินอิกระซิบใส่หูอาเคน



    “เอ้า ตอบใหม่ ให้อีกที”อาเมทิสถามต่อด้วยความกวนประสาท



    “หมามุ่ย”อาเคนตอบอีกครั้ง อาเมทิสตบมือแปะๆ



    “เก่งมากๆๆๆ เอารางวัลไปหนึ่งใบ”อาเมทิสกระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่อาเคน และหย่อนใบไม้ลงในคอเสื้อเขา



    “(เจ้าเสร็จแน่ เพราะมันคันเคยอสุดๆเลยละ คันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)”



    “ไม่เห็นคันเลย”อาเคนบอก ลินอิจึงสะกิดที่หลังใบหูของเขา



    “(เดี๋ยวก็รู้สึก มันคันมากๆ ตอนนั้นฉันโดนเขาไปนิดเดียวแสบจะตาย คันยิ่งกว่ามดกัดซักร้อยตัวเสียอีก)”ลินอิบอกเสียงออดอ้อน แล้วก็เดิน

    ไปรอบๆตัวเขา โชคดีที่นอกจากอาเคนแล้วคนอื่นมองไม่เห็นหรือได้ยินที่หล่อนพูด “(ขอให้คันให้ตาย)”



    “ไหนว่าคันไง ยังไม่เห็นเป็นไรเลย”อาเคนพูดเถียงลินอิ แต่นั่นละตรงประเด็นเธอเลย



    “ไม่คัน”อาเมทิสพูดขึ้น “ถ้างั้นเอามาอีกชุดดดด อีกสองใบเป็นไง”อาเมทิสหยิบใบไม้ขึ้นมาอีกสองใบและทำท่าเหมือนพรมน้ำมนตร์ที่แขนขา

    ของอาเคน “เอาแปะๆ แปะๆ”คราวนี้อาเคนเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่ลินอิพูด มันเริ่มจะคันขึ้นมาแล้วจริงๆ ราวกับมีแมลงตัวจิ๊ดๆเป็นพันๆตัวเดินไต่อยู่บน

    ส่วนที่เขาโดนใบไม้



    “(ฮะฮะฮ่า ไงละ! แกล้งข้าดีนัก! อาเมทิสขออีกสองใบ!)”ลินอิร้องก๊าก ก่อนจะพูดยุว่า “( ไง ไหนว่าไม่คันไง ดูสีหน้าไม่ดีเลยนะ)”คำนั้นทำให้

    อาเคนเริ่มโมโห



    “ต้นอะไร! ก็แค่ใบไม้ธรรมดา คันตรงไหน!”เขาตะคอก



    “อ๋อ ช่ายๆ แค่หมามุ่ยมันไม่ค่อยแรง”อาเมทิสพูดเพราะนึกว่าอาเคนพูดกับมัน “เมริน ในตู้เย็นมีน้ำเชื่อมเหลือปะ”



    “เอ๋ น้ำเชื่อมหรอ หมดแล้วละ แต่ถ้าน้ำผึ้งละก็พอมี”เมรินบอก ก่อนจะนึกขึ้นได้ “มีแน่นอน ของแท้100%ซะด้วย”



    “ช่วยเอามาให้หน่อยซิ ขอแบบเจือจางหน่อยนะ มันจะได้ทาง่ายๆ ถึงเนื้อ แห้งเร็ว”อาเม



    ทิสบอกกับเมรินที่ยิ้มและกลับเข้าไปในครัว แล้วมันก็หันกลับมาเอาใบไม้ตีใส่คออาเคน แล้วก็เริ่มรามมาถึงหน้า พอดีกับเมรินกลับมาพร้อม

    กับโถน้ำผึ้งใบใหญ่



        “ได้แล้วจ้า”เมรินบอก ขณะที่คาเทียสนั่งหัวเราะแทบบ้าอยู่บนโซฟา โดยที่อาเคนยังไม่รู้ชะตาตัวเอง



        “โอ้...ได้แล้วๆ”อาเมทิสเอาพูกันแปรงอันใหญ่(เอามาจากไหนไม่รู้) มาจุ่มในโถที่เต็มไปด้วยน้ำใส่ๆสีเหลืองอ่อนๆ แล้วเอามาทา

    ที่แขนของอาเคน ก่อนจะถกขากางเกงอาเคนขึ้น และทาน้ำผึ้งลงบนขาเขาจนชุ้ม



        “ทำอะไรของแกวะ!”อาเคนตะคอกถาม แต่มันไม่ตอบ ลินอิจึงตอบแทน



        “(อันนี้ข้าก็ไม่แน่ใจน่ะนะ เพราะรอบที่แล้วไม่มีน้ำผึ้ง)”



        “รอบที่แล้วอะไร”อาเคนถาม



        “(ก็เล่นสนุกๆ)”ลินอิตอบ ดูท่าตัวเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน



        “ทั่วแล้วๆ”อาเมทิสโยนแปรงลงใส่ในโถ ก่อนจะเดินต๊อกๆกลับเข้าไปในห้องข้างๆ ก่อนจะลากกล่องกระดาษใบใหญ่ออกมาไว้

    ตรงหน้าอาเคน และดึงถุงมือหนาๆเหมือนกับของตุ๊กตา (เอามาจากไหนก็ไม่รู้) ขึ้นมาสวม “อันนี้ข้าภูมิใจมากเลยนะ”แล้วมันก็ก้มลงไปใน

    กล่อง ก่อนจะดึงเอาสิ่งที่คล้ายลูกบอลใบไม้แห้ง ซึ้งพอดูชัดๆแล้วมันคือ



        “(รังมดแดง)”ลินอิพูดอย่างรู้ดี   จนอาเคนขนลุกชันทั้งตัว “(ข้าจำได้ว่าอาเมทิสเลี้ยงพวกมันไว้จริง รู้สึกจะหลายรังซะด้วยซิ)”



        “อันนี้ข้าอุสาเอาออกมาเลยน่า เลี้ยงมาตั้งปี ที่เหลือกำลังเพาะอยู่อะน่ะ”อาเมทิสบอกอย่างประสงค์ร้าย ก่อนจะโยนมันขึ้นมาหล่น

    แตกกระจายบนหัวของอาเคนพอดีแปะ มดแดงหลายร้อยตัวที่ตกใจวิ่งลงมากระจายเต็มตัวเขา โดยมีอาเมทิสกระโดดขึ้นมา



        “กันเสียโฉมอ่ะนะ”มันเอาน้ำแปลกๆมาทาหน้าของเขาจนทั่ว แล้วก็กระโดดกลับลงไป “น้ำยากันมดอะ แต่ที่อื่นไม่รู้นะ โดยเฉพาะ

    ช่วงล่าง”มันบอกอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะที่คาเทียสและเมรินกำลังจะขาดอากาศหายใจเพราะหัวเราะมากเกินไป



        “ห....ห..หา..หา..ย ใจ..ไม่ออก”เมรินพูดไปหัวเราะไป ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องข้างๆเพื่อสงบสติอารมณ์ ส่วนลินอิตอนนี้ถึงกับ

    เข่าทรุดอยู่ข้างเก้าอี้อาเคน



        “(ท้..องแข็งหมดแ..ล้ว)”ลินอิบอก ก่อนจะลุกไปดูที่ลังกระดาษ “(ยังมีอีกตั้งหลายรังแนะ)”



        “หา!!”



        “โอ๋ะๆอีกรังดีมั้ย”อาเมทิสบอก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ และหยิบรังมดออกมาอีกสองใบ “ลูกพ่อ เป็นไงบ้าง สบายดีปะเด็กๆ ไปเล่น

    กับเพื่อนพ่อหน่อยเร็ว”



        “ไม่ต้องๆๆๆ ข้าเล่นแรงเดี๋ยวเด็กๆตายหมด”อาเคนพูดกัดฟัน จากรอยมดกัดที่ปาเข้าไปแล้วครึ่งตัว



        “ไม่เป็นไรๆ เด็กๆเขาซาดิสนิดๆ”ว่าแล้วมันก็วางรังมดลงบนหัวเขาของอาเคน ส่วนอีกรังที่เท้าของเขา “เมริน...หิวแล้วอะ ไปกิน

    ข้าวกันเถอะ”



         “อ้าว! เฮ้ย!”อาเคนตะโกนและพยามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่มัดเขาไว้ ถ้าไม่ติดว่าเชือกเป็นเชือกที่ลินอิทำป่านนี้เขาสะบัดขาดไป

    แล้ว



        “(ข้าชอบลงเวทที่เชือกนะ มันเลยแข็งแรงมาก แถมยังดูดซึมเวทอีกด้วย สะบัดให้ตายก็ไม่หลุดหรอก!)”ลินอิพูดราวกับได้แก้

    แค้น แต่ดูน้ำเสียงแปลกพิกล “(ข้าจะช่วย ถ้าบอกว่าข้าอยู่ตรงนี้)”



        “เรื่องอะไรละ!”อาเคนกระซิบดุเพื่อไม่ให้อาเมทิสได้ยิน



        “จะบอกได้รึยัง อาเคน ลินอิอยู่ไหน”คาเทียสกลั้นหายใจถาม



        “ไม่มีทางหรอกเว้ย!”อาเคนตะโกนใส่หน้าเขา วินาทีต่อมาหน้าต่างกระจกก็แตกกระจายพร้อมกับควันอัดเข้ามาชนิดมองไม่เห็น

    มือตัวเอง จนอาเมทิสต้องใช้เวทลมรีบไล่พวกมันออกไป แต่สิ่งที่พวกเขาพบหลังจากนั้นกลับเป็นเพียงแค่เชือกกับรังมดแดงที่กำลังแตก

    กระจายเท่านั้น



        “หนีไปแล้วหรือเนี่ย”คาเทียสพึมพำ และเดินไปที่ระเบียง แต่มันไร้วี่แววของเป้าหมายตัวหลัก “ชิ! จะมีโอกาสจับมันได้อีกเมื่อ

    ไหร่ก็ไม่รู้”เขานึกโมโหตัวเองกรุ่นๆ แล้วก็นึกคำถามขึ้นมาได้อีกหนึ่งคำถาม “แล้วใครมาช่วยมันไป”





        



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×