ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวสต้า เทพธิดาราตรี

    ลำดับตอนที่ #11 : สงครามเงียบ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ย. 47


    ใครจะคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ชั่วโมงแรกของวันคือวิชาคณิตศาสตร์ สิ่งที่ยูมิกังวลไม่ใช่ตัวเองแต่ลินอิต่างหาก

        “ลินอิ ทำได้รึเปล่า”ยูมิหันไปถามลินอิที่นั่งลอกโจทย์บนกระดาน

        “ได้คะ ไม่ต้องห่วง”เธอตอบ ยูมิละสายตาจากสมุดของลินอิและกลับมานั่งทำของตัวเองบ้าง แต่ทันทีที่เริ่มคิด เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าลินอิเกิดทำไม่ได้ขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่มีปัญหาอะไรจนจบชั่วโมงและส่งสมุดไปเรียบร้อย

        “ทำได้แน่นะ”ยูมิถามซ้ำ ลินอิพยักหน้า

        “ซึซึกิ กับซากาโนะแล้วก็อาเคนออกมานี้ซิ”ครูสาววิชาคณิตกวักมือเรียกพวกเธอให้ตามออกไปนอกห้อง ยูมิที่ลุกขึ้นอย่างใจหายเดินตามลินอิเช่นเดียวกับอาเคน ที่ดูเขาจะผวาเต็มที่ “พวกเธอยังไม่ได้สอบก่อนเรียนใช่มั้ย”คำถามนี้ทำให้ยูมิเบาใจขึ้นเยอะ

        “คะอาจารย์”ลินอิตอบ

        “เดี๋ยวตอนพักกลางวัน ไปหาครูที่ห้องพักครูนะ”

        “ครับ/คะ”เด็กๆตอบพร้อมกัน ก่อนที่ครูสาวจะเดินหอบหนังสือเดินไปตามระเบียงเพื่อไปสอนห้องต่อไป ยูมิกับลินอิหันจะเดินกลับเข้าห้อง แต่มีมือที่แข็งแรงจับไหล่พวกเธอไว้

        “เดี๋ยวเราไปพร้อมกันนะ”อาเคนพูดยิ้มๆเหมือนเป็นเพื่อนรักกันแต่ชาติปางไหน ยูมิตัวแข็ง ขณะที่ลินอิหันกลับไปตอบให้ว่า

        “อือ กินข้าเสร็จแล้วจะขึ้นมารอบนห้องนะ”ลินอิและยูมิถูกปล่อยให้เป็นอิสระและเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะได้อย่างปลอดภัย แต่ทันทีที่นั่งลง

        “ไปตกลงกับมันทำไม!”ยูมิกระซิบถามเสียงดุ

        “เธอไม่เห็นสายตาของพวกในห้องหรือไง”ลินอิเปลี่ยนวิธีพูดเพราะนักเรียนคนอื่นเดินกันให้ว้อน “เจ้าอาเคนมันร้ายจะตาย”

        “โถ่ๆ แล้วฉันจะเจออะไรมั่งเนี่ย”ยูมิบ่นอย่างหัวเสีย

        “ไม่โดนหรอกน่า”ลินอิยืนยัน “ต่อไปชั่วโมงอะไร”เธอถามยูมิที่ก้มหาตาราสอนขึ้นมาดู    “ภาษาอังกฤษ”เธอตอบ ลินอิพยักหน้าก่อนจะนั่งถ้าวคางและเหมอออกไปนอกหน้าต่าง ยูมิเห็นว่าไม่ควรจะลบกวนเป็นอย่างยิ่งจึงลุกเดินไปหามิโดริ

        “เธอรู้จักซากาโนะด้วยหรอ”มิโดริถามทันทีที่ยูมิเดินตายืนคุยด้วย

        “อือ เคยเล่นด้วยกันตอนเด็กๆนะ แล้วเขาก็ไปอังกฤษ”ยูมิโกหกหน้าตาย ขณะที่พวกมิโดริร้องอ๋อ

        ไม่ทันไร เสียงโครมใหญ่ก็ดังมาจากด้านหลังของยูมิ ขณะที่นักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังช่วยกันพยุงลินอิที่กุมศีรษะของตัวเองไว้ และมีลูกฟุตบอลลูกหนึ่งกลิ้งอยู่ไม่ไกลนัก

        “โอ้ย..อะไรเนี่ย”ลินอิครางพร้อมกับก้มดูมือตัวเอง ปรากฏว่าเลือดสีแดงเปื้อนอยู่ที่มือเธอ ดูเหมือนว่าลูกบอลจะพุ่งชมหัวเธอเขกกับโต๊ะเรียน

        “เลือดออกเลย...”นักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้น สร้างความตกใจให้กับกลุ่มนักเรียนชายของอาเคนเป็นอย่างมาก ก่อนที่พวกเขาจะวิ่งกลูเขามาดู

        “เฮ้ยๆอาเคนแกนะแหละทำ ขอโทษเลย”เพื่อนชายตบไหล่อาเคนที่ดูจะหน้าซีดอย่างคาดไม่ถึง หมอนี้มันช่างแสแสร้งจริงๆ

        “ไม่เป็นไรๆ”ลินอิบอกพลางลุกขึ้นยืน “ห้องพยาบาลไปทางไหน”

        “ฉันพาไปเอง”ยูมิวิ่งเข้ามาและจุงมือลินอิออกไปจากห้องเรียน “ไม่เป็นไรมากใช่มั้ย”ยูมิถาม

        “แผลแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกคะ นายหญิง”ลินอิตอบ

        “นี้เลิกเรียกฉันว่านายหญิงซะทีเถอะ”ยูมิบอกอย่างฉุนๆ

        “ก็ได้คะ”เด็กหญิงตอบ

        

        หลังจากการทำแผลที่หน้าผากของลินอิ ทั้งสองคนก็วิ่งตือกลับมาเข้าห้องเรียน ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังอ่านหนังสือออกเสียงกันอยู่

        “โดนอะไรมานะ”ครูภาษาอังกฤษถาม

        “หนูสะดุดขาตัวเองคะอาจารย์”ลินอิตอบสร้างความแปลกใจให้ผู้รู้ความจริงทั้งห้อง

        “ไปนั่งที่ แล้วเปิดบทที่สอง”ครูสั่ง เด็กหญิงทั้งสองพยักหน้าและเดินกลับไปนั่งที่ พร้อมกับมือหยิบหนังสือใต้โต๊ะขึ้นมาเปิดอ่าน “เริ่มแต่แรกเลย”

        นักเรียนทั้งห้องนั่งอ่านกันใหม่ตั้งแต่ต้น ยูมิที่พอจะตีความได้บ้างว่ามันเกี่ยวกับการเผาแม่มดของอังกฤษ แต่ละหว่าที่ทุกคนกำลังอ่านอยู่นั้น มีเพียงลินอิที่นั่งอ่านอย่างเงียบๆด้วยสายตาที่ดูสลดยังไงชอบกล จนกระทั่งครูผู้สอนสั่งเกตุเห็น

        “เธอคนนั้นนะ”ครูเรียก ยูมิสะกิดลินอิ “ลุกขึ้นซิ ทำไมไม่อ่าน”ลินอิไม่ตอบ “รู้มัยว่าพูดเรื่องอะไรกันอยู่”

        “รู้คะ”ลินอิตอบ

        “ไหนตอบซิ ทำไมถึงมีการเผาแม่มด”ครูถาม ยูมิเม้มปากอย่างนึกตกใจ

        “.....เพราะความเชื่อผิดๆของพวกชาวบ้าน ที่คิดว่าแม่มดมีอยู่จริงและเป็นสาวกของปีศาจคะ”ลินอิตอบด้วยเสียงที่ฟังดูหดหู่

        “ดี นั่งลง ทีหลังอ่านออกเสียงด้วย”ครูสั่ง ลินอินั่งลงและก้มหน้าอย่างเงียบๆโดยมียูมิตบไหล่เบาๆถึงแม้ว่าตัวเธอจะไม่รู้อะไรมากก็เถอะ

        

        ไมมีอะไรผิดปรกติจนกระทั่งคาบที่สี่ก่อนพักเที่ยง ซึ่งเป็นชั่วโมงประวัติศาสตร์ดูเหมือนว่าครูวิชานี้จะเข้าช้าไปหน่อยจึงเปิดโอกาสให้นักเรียนพูดคุยกันเสียงดัง โดยมีหัวข้อแปลกๆคือ อาจารย์ใหม่

        “เห็นเขาว่าหนุ่มมากเลยละเธอ—ใช่ๆเมื่อกี้ฉันไปแอบดูมา หล่อมากเลย!—จะสอนเก่งรึเปล่านะ—เก่งไม่เก่งเดี้ยนก็แทใจให้ละฮ่า!—อยากเห็นจังเลย –ห้องเราได้เรียนห้องแรกเลยละ!—จริงหรอ-อุ้ยเลิศ!”เสียงเหล่านี้สร้างความรำคาญให้กับยูมิเป็นอย่างมาก เธอได้แต่มองซ้ายมองขวาอย่างหัวเสียระหว่าความเป็นไประหว่านักเรียนชายและหญิงที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว

        “เฮ้ย นายว่าจะแน่รึเปล่าวะ—ถ้าจะหล่อนะเว้ย—อย่างนี้พวกผู้หญิงก็กะดี้กะด้ากันใหญ่—นั้นซิ—เห็นเขาว่าเนียบน่าดู—มันเป็นเกย์แหง”

        อะไรจะปานนั้น

        “เฮ้ย! มาแล้วเว้ย!”ม้าเร็ววิ่งเข้ามาส่งข่าวถึงการมาของอาจารย์หน้าใหม่ ให้นักเรียนทั้งห้องได้ฮือฮาและวิ่งพรวดพราดกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง พร้อมกับประตูเลื่อนหน้าห้องปิดออก

        อาจารย์หนุ่มในชุดสูทสีน้ำตาลสร้างเสียงอุทานรอบห้อง น่าเสียดายที่ความหนุ่มของเขาถูกลดลงด้วยแว้นตาสี่เหลี่ยมกรอบดำ แต่ถ้าให้ติคงจะมีแค่ว่าผมของเขายุ้งไปหน่อย แต่เขาก็จัดว่าเป็นอาจารย์หน้าใหม่ที่หล่อมากทีเดียว

        “ใครรู้ชื่อครูแล้วบ้าง”อาจารย์หน้าใหม่ถาม แต่ไม่มีใครตอบ มีแต่เสียงหัวเราะคิกคักเบาๆ เขาจึงหันไปเขียนชื่อตัวเองบนกระดาน ก่อนจะหันกลับมา “ครูชื่อ ซากาโนะ โคยะ”

        “ซากาโนะหรอ”ยูมิทวนนามสกุลนั้นอย่างงงๆก่อนจะหันมามองหน้าลินอิ ที่ยักไหล่อย่างมีเล่ห์นัย แต่ดูเหมือนว่านักเรียนหญิงหลังห้องจะหาคำตอบมาให้เธอได้

        “อาจารย์มีหลานเป็นนักเรียนหญิงรึเปล่าคะ”เธอถาม โคยะยิ้มน้อยๆ

        “มีซิ ครูกับลินาอิเป็นพี่น้องกัน”เขาตอบ นักเรียนทั้งห้องคาดสายตามาที่ลินอิ เช่นเดียวกับยูมิที่เอ่ยปากถามว่า

        “อย่าบอกนะว่าหมอนั้น...”ยูมิชี้ไปที่ไอ้บ้าหน้าห้อง ลินอิกระซิบใส่หูเธอเบาๆว่า

        “นั้นหละ พี่คาเทียส”ทันทีที่คำตอบจบประโยค ยูมิก็สะดุ้งสุดตัวและหันไปมองบุรุษหน้าห้องอย่างนึกพิศวง

        “นายนั้นนะน่ะ จะมาสอนหนังสือฉัน”ยูมิถามเบาๆอย่างเหยียดหยาม ลินอิยิ้มก่อนจะตอบว่า

        “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

        แต่ดูเหมือนว่าการสอนของคาเทียสจะไม่มีปัญหาอะไร ออกจะเรียกได้ว่าสอนดีด้วยซ้ำ เพราะเขาสามารถสอนได้อย่างละเอียดและรู้จริงจนไม่เหมือนกับคนที่อ่านหนังสือมาสอน โดยลินอิให้เหตุผลของความเก่งอันนี้ว่า

        “ก็คนแก่สอนนิ”

        แรง มาก



        ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนหมดชั่วโมง เว้นแต่จะมีกระดาษแผ่นน้อยเขียนมาขอเบอร์บ้านกับลินอิด้วยเหตุผลที่เดาไม่ยาก

        หลังจากการทานอาหารที่ราบลื่นที่โรงอาหาร ยูมิกับลินอิก็ต้องมานั่งคิดหลักถึงเรื่องที่ต้องไปเจอเจ้าอาเคนที่ห้องเรียนเพื่อนไปสอบก่อนเรียน และในที่สุดพวกเธอก็ตัดสินใจว่าจะไป โดยมีความคิดที่ว่า คนที่จะกลับขึ้นห้องตอนพักเที่ยงไม่น่าจะมีแค่พวกเธอ ดังนั้นเจ้าอาเคนคงไม่กล้าทำอะไร

        “ไม่เป็นไรแน่นะ”ยูมิถามเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วมั่งตลอดทางมานี้ คงต้องยอมรับว่ากลัวถ้าหากเจ้าอาเคนเกิดบ้าบิ่นขึ้นมาจริงๆ

        “ไม่เป็นไรหรอก(มั่ง)”ลินอิปล่อยคำสุดท้ายออกมาแผ่วเบาสร้างความปั่นป่วนให้กับยูมิเป็นเท่าตัว จนเมื่อทั้งคู่เดินจนมาถึงหน้าห้อง ยูมิก็เริ่มหาทางถ่วงเวลา

        “ลิน-“

        แต่เด็กหญิงก็เลื่อนประตูออกทันที และย่างก้าวเข้าไปในห้องที่มีนักเรียนชายหญิงจับกลุ่มคุยกันราวสิบห้าคน สร้างความอุ่นใจให้กับยูมิได้เปลาะหนึ่ง

        “ไง กินเร็วดีนิ”อาเคนทัก ตัวเขายืนรอพวกเธอที่โต๊ะของยูมิ ลินอิเดินนำยูมิเข้าไปโดยรักษาท่าทางไว้ให้มากที่สุด

        “ไปกันเลยมั้ย”ลินอิถาม ยูมิที่หยุดยื่นห่างออกไปเกือบหนึ่งเมตรกำจี้สร้อยของลินอิไว้แน่น

        “อือ รีบไปรีบกลับ การบ้านฉันยังไม่เสร็จตั้งหลายวิชา”อาเคนตอบ ลินอิที่วางใจ หันหลังแต่เมื่อเริ่มก้าวแรก สิ่งที่เธอสำผัสได้พร้อมกันในเสี้ยววินาที

        คนไม่เดิน ใบไม้ไม่ร่วง ช็อกลอยนิ่ง หยุดเวลา และ

        ยูมิ อาเคนและลินอิถูกกระชากขึ้นไปบนเพดาร มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนตกจากที่สูงมากว่าลอยขึ้น ลินอิกลับตัวยืนบนเพดารได้อย่างไม่ยากเย็นพร้อมกับกางลมบังคับให้ตัวยูมิลอยได้ก่อนจะลงสู้พื้นที่ควรจะเรียกว่าเพดาร มันเหมือนเป็นสิ่งที่กลับตาลปัตร พื้นห้องตอนนี้กลายเป็นแพดารสำหรับพวกเขาสามคน โลกกลับกันทั้งหมด ยกเว้นพวกนักเรียนคนอื่นที่โดนหยุดเวลาไว้และยังคงติดอยู่ที่เดิม

        ขณะเดียวกันที่ห้องพักครู คาเทียสลุกขึ้นอย่างตกใจกับสะภาพของครูอาจารย์ที่หยุดนิ่ง ไม่ต้องรอให้ใครบอกตัวเขาก็วิ่งออกไปจากห้องพักครู ตรงไปที่จุดเกิดเหตุ

        “แก!”ลินอิกระชากเสียง อาเคนยืนยิ้มเหี้ยมเกรียมทิ้งคราบนักเรียนชายไปจนหมดสิ้น

        “เริ่มเลยมั้ย”เขาถาม

        “ไปหลบตรงโน่นก่อนคะ”ลินอิสั่งกับยูมิที่วิ่งไปอยู่ที่มุมห้อง แต่เมื่อเธอจะสร้างเกราะแก้ว เธอก็ต้องตกใจ

        “ใช้เวทไม่ได้ใช่มั้ยละ”อาเคนพูดขึ้น ลินอิหันกลับมายิ้มๆ

        “ตัวแกเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง”

        “ใช่..ไม่ได้สู้มือเปล่ากันมานานแค่ไหนแล้วนะ”อาเคนเริ่มตั้งกาด เช่นเดียวกับลินอิ

        “แต่ข้าไม่ค่อยอยากจะลื้อฟื้นเท่าไหร่”

        การสู้หมัดต่อหมัดน่ากลัวว่ากระดูกจะหักเสียเหลือเกิน ลินอิวาดเท้าเตะใส่อาเคนที่ยกมือขึ้นกัน เสียงการปะทะดังจนน่าขนลุก การออกอาวุธของทั้งคู่เร็วและแรงเสียจนยูมิสาบานได้ว่ามันคงแรงกว่าค้อนทุบด้วยซ้ำไป แต่ดูยังไงคนที่ด้อยกว่าหนีไม่พ้นลินอิ การโจมตีที่สุดแรงของเธออาเคนสามารถรับได้สบายแต่ขณะที่ตัวเธอได้แต่หลบ ต่อให้รับได้ก็ทำให้เด็กหญิงถึงกับทรุดเพราะแรงต้านมหาศาล แขนขาวๆของเด็กหญิงเริ่มมีรอยฟกชำให้เห็นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ และอาการหอบของเธอก็น่ากลัวว่าเธอจะหมดแรงในไม่ช้า

        ชั่ววินาทีลินอิถูกอาเคนดีดไปกระแทรกที่มุมห้องและร่วงลงก่องกับพื้น(หรือความจริงคือเพดาร) อาเคนอาศัยจังหวะนี้พุ่งไปที่ยูมิแต่เขาก็ต้องล้มดังโครมเพราะลินอิขว้างไม้กวาดขัดขาเขาไว้ ก่อนจะวิ่งเข้ามาเตะร่างของอาเคนกระเด็นออกห่างจากยูมิด้วยร่างกายที่บอบช้ำน่าสงสาร

        อาเคนลุกขึ้นพรางปัดฝุ่น ดูเหมือนว่าเขาจะบาดเจ็บไม่ถึงครึ่งขององค์รักเลยแม้แต่น้อย และพุ่งเข้าต่อยลินอิที่ไม่มีแรงหลบลงไปนอนสลบทันที แต่เมื่อเขาเริ่มย่างสามขุมตรงมาที่พวกเธอ สิ่งที่รอมานานก็มาถึง

        อาเคนถูกต่อยกระเด็นไปครูดกับพื้น คาเทียสวิ่งเข้าไปดูอาการน้องสาวที่ยังไม่ฟื้น ก่อนจะหันกลับหาอาเคนด้วยอารมณ์ที่บอกได้เลยว่าเขากำลังจะคลั่งในไม่ช้า

        ไม่มีใครพูดอะไร ชายทั้งสองพุ่งเข้าสู้กันรุนแรงและหนักหนวงกว่าเมื่อกี่ไม่รู้กี่เท่า หมัดทุกหมัดแรงราวม้าดีด  ฝีมือของทั้งสองสูสีกันจนจนหน้าตกใจโดยที่ไม่มีใครพลาดพรั่งให้ใคร

        ระหว่างที่ยูมิไม่ได้คราดสายตาจากการต่อสู้ ลินอิลือตาตื่นขึ้นด้วยความเจ็บปวดที่รู้สึกเหมือนกับกระดูกซี่โครงหัก เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองคู่ต่อสู้ตรงหน้า ก่อนจะดึงต่างหูรูปหยดน้ำสีม่วงออกจากติ่งหู

        “เอเมทิสช่วยที!”เธอขว้างต่างหูนั้นออกไป มันร่วงลงสู้พื้นและแตกออกปล่อยกลุ่มควันหนาขนาดย่อมออกมา และทันทีที่มันจางลงเผยให้เห็นอาเมทิส ตุ๊กตามนุษย์จิ้งจอกนั่งนิ่งๆอยู่บนพื้น ก่อนจะค่อยหันมาทักทายอย่างร่าเริง

        “ไง”นั้นทำให้ยูมิแทบร้องไห้ ขอความช่วยเหลือทั้งที ช่วยขอคนที่มันมีหน่วยก้านกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอ

        “นี้ข้าจะดีใจมากถ้าท่านจะไปช่วยพี่คาเทียสตรงโน่นนะ”ลินอิบอก อาเมทิสลุกขึ้นก่อนจะกระโดดหยงๆไปหาคู่ต่อสู้ทั้งสอง มันเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะก้มลงค้นอะไรบางอย่างในเสื้อคลุม แล้วก็ดึงเอาเชือกสีขาวเส้นยาวออกมา

        “1...2...3”มันโยนเชือกไปพันขาอาเคน แต่เขายังไม่ล้มมันเลยลากปลายเชือกอีกด้านไปคล้องที่พัดลมเพดาร(ที่ตอนนี้มันก็หงายอยู่) “เอาละน่า....”ก่อนจะกระตุก

        อาเคนล้มกลิ้งไปเป็นท่า ขณะที่คาเทียสเพิ่งจะรู้ว่าอาเมทิสโผล่มาแล้ว อาเคนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าตุ๊กตาประหลาดทั่งยืนถือปลายเชือกมองเขาอยู่

        “แก!”อาเคนลุกขึ้นแต่อาเมทิสดึงเชือก

        โครม!

        อาเคนล้มเอาง่ายๆจนยูมิถึงกับอึ้ง เพียงแค่กระตุกเชือกแค่นี้นะหรอ เมื่อกี้ลินอิสู้แทบตายยังแย่เลย

        “โถ่เว้ย!”อาเคนยันตัวลุกขึ้น

        “ไง แพ้แล้วนะ วันนี้จะพอได้รึยัง”ลินอิพูดถาม อาเคนมองไปรอบๆตัว

        “ระวังตัวไว้ละกัน”ตัวเขาร่วงลงสู้พื้นและกลับสู้สะภาพปรกติก่อนจะเดินออกจากห้องไป แต่ก็มีแค่เขาคนเดียว นอกนั้นทุกอย่างยังเหมือนเดิม

        “ลินอิ”ยูมิรีบวิ่งเข้าดูเด็กหญิงที่พยามยันตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก

        “เจ็บมากมั้ย”คาเทียสรีบเดินเข้าไปโอบน้องสาวไว้พร้อมกับก้มลงดูตามแขนตามขา

        “ไม่เป็นไร”ลินอิส่ายหน้า

        “วันนี้กลับไปพักก่อนเถอะ ที่เหลือพี่อยู่ดูเอง”คาเทียสบอกกับลินอิที่ทำหน้าหน่ายๆ “อาเมทิส”

        “จ้า...”อาเมทิสกระโดดหย่งๆมาเตะที่มือของลินอิ เสียงลมดังฟิ้วเกิดขึ้นพร้อมกับร่างของลินอิและอาเมทิสเปลี่ยนเป็นสีม่วงก่อนจะพุ่งขึ้นหายไป

        “ส่วนเจ้านะมานี้”คาเทียสคว้ามือยูมิและดึงเธอมาโอบไว้

        “อะไรของนาย!”ยูมิโววายและพยามเงื่องมือชก แต่แรงของคาเทียสมากกว่าจนเธอขยับตัวไม่ได้

        “อยากตกลงไปตายหรือไง”คาเทียสถามเสียงแข็ง ดูเหมือนว่าอารมณ์เขาจะยังไม่เย็นลง จึงไม่สมควรจะโวยวายต่ออย่างยิ่ง

        คาเทียสดูเหมือนจะพึมพำอะไรบางอย่าง วินาทีต่อมายูมิก็ต้องร้องเสียงหลงเพราะทั้งคู่ถูกกระชากกลับลงไปบนพื้นที่ปรกติอีกครั้ง คาเทียสอุ้มยูมิไว้ไม่ให้เธอกระแทรกพื้น ก่อนจะปล่อยให้เธอยืนเองทั้งที่ยูมิยังไม่หายช็อคดี

        “เวลายังหยุดอยู่ เดี๋ยวข้าต้องกลับไปที่ห้องพักครู ส่วนเรื่องลินอิเจ้าอ้างอะไรก็ได้ข้าจะลาให้เอง”คาเทียสทำท่าจะเดินกลับออกไปแต่มือของยูมิทำสิ่งที่เธอไม่ได้สั่งออกไปแล้ว

        “ขอโทษ..”ยูมิรีบชักมือออกจากข้อมือของคาเทียสที่หยุดหันมามองเด็กสาวอย่างนึกคิดจนเธอเริ่มหน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้

        “ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าอาเคนวันนี้ไม่มีพลังเหลือแล้ว แล้วตัวมันเองก็ยังสู้พลังของหินที่ลินอิให้เจ้าไม่ได้ แล้วที่บ้านเจ้าอาเมทิสก็วางเขตุอาคมไว้หมดแล้ว ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้หรอก”เขาบอก

        “เปล่า...แค่อยากจะ...ขอโทษที่เคยทุบนายเมื่อวันก่อน”ยูมิตอบเธอสาบานได้ว่าไม่เคยอายเท่านี้มาก่อน “แล้วก็อยากจะขอคุณนะ”

        “ถ้าเรื่องที่ข้าโดนทุบละก็ช่างมันเถอะ น้องสาวข้าสองคนหนักกว่านี้อีก แต่ถ้าจะขอบคุณละก็...”คาเทียสเว้นวรรคประโยคนี้ “ไปบอกลินอิดีกว่า”

        “อะ...อือ”ยูมิอ้ำอึงขณะที่คาเทียสเดินออกไปจากห้อง ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าคาเทียสกำลังโกรทอะไรเธอซักอย่าง แต่คืออะไรละ



        ในที่สุดโรงเรียนก็เลิก ยูมิเก็บของลงกระเป๋าอย่างเหมอลอย คำพูดของคาเทียสทำให้เธอรู้สึกผิดโดยที่เธอไม่เข้าใจ เหมือนมีอะไรค้างคาใจยังไงไม่รู้

        “เฮ้!”

        “ว้าย!”ยูมิสะดุ้งสุดตัวทันทีที่มิโดริทักเธอ

        “เป็นอะไรไปนะ”มิโดริถามด้วยสีหน้ามึนงง “วันนี้ฉันกลับเย็นนะ วันนี้ต้องซ้อมเปียโน”

        “กลับเย็น ถ้างั้นฉันก็ต้องกลับคนเดียวซิ”ยูมิถามเสียงเหวอ มิโดริพยักหน้า

        “ใช่ ห้องซ้อมนะให้เข้าได้เฉพาะคนในชมรมนะ เธอคงไม่นั่งรอฉันคนเดียวจนมืดหรอกนะ”เธอบอก ยูมิทบทวนทางที่ดีที่สุดในใจ ถ้าเธอนั่งรอมิโดริคนเดียว เจ้าอาเคนต้องมาแน่ แต่ถ้าเธอรีบกลับไปที่บ้านระหว่างทางคนก็ออกเยอะ เจ้าอาเคนก็ไม่มีพลังจะหยุดเวลาแล้วด้วย ดังนั้นทางที่เธอเลือกคือ

        “งั้นฉันกลับก่อนนะ”ยูมิบอกแล้วรีบคว้ากระเป๋าวิ่งออกจากห้องไป “ระหว่างนี้คนยังเยอะ อยู่อาศัยช่วงนี้แหละ”เธอวิ่งตึงตังลงบันไดจนถึงชั้นสุดท้าย

        “ไง ลินาอิไม่ได้กลับด้วยหรอ”อาเคนถาม ตัวเขายืนพิงกำแพงอยู่

        “ลินาอิไม่ค่อยสบายเลยขอกลับก่อน”เสียงคาเทียสดังมาจากด้านหลังของยูมิ “วันนี้เธอติดชมรมฟุตบอลไม่ใช่หรออาเคน”คาเทียสแกล้งถามอาเคนที่ยักไหล่

        “ครับครู เดี๋ยวก็เข้าแล้ว”อาเคนบอกพลางก้มดูนาฬิกา “ผมรอเพื่อนที่ทำเวรนะครับ”

        “งั้นก็ดี เดี๋ยวครูก็ต้องกลับไปดูน้องสาวด้วยเหมือนกัน”คาเทียสเดินออกไปสู่สนาม ยูมิมองตามหลังเขาไปแล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ว่าควรจะตามเขาไปจนพ้นเขตุโรงเรียนก่อนดีกว่า

        ยูมิเดินตามคาเทียสไปห่างๆแล้วเธอก็พบว่าตัวเขากำลังเดินไปที่มอเตอร์ไซที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถมอเตอร์ไซของโงเรียน ยูมิจึงเห็นควรว่าเธอน่าจะกลับคนเดียวได้แล้ว

        “เฮ้”คาเทียสส่งเสียงเรียก ยูมิหันกลับไปมอง “จะไปบ้านครูก่อนมั้ยละ ไปเยี่ยมลินาอิ”

        “ไปคะไป!”ยูมิรีบวิ่งเข้าไปรับหมวกกันน็อคสีขาวมาจากคาเทียสและขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซทันที เธอจะดีใจมากๆถ้าได้ไปพบว่าลินอิปลอดภัยดี และจะดียิ่งกว่าถ้าได้บอกขอบคุณเด็กหญิงที่คอยช่วยเหลือเธอมาทั้งที่ความจริงไม่ไม่อะไรควรรู้จักกันด้วยซ้ำ

        คาเทียสพาเธอไปลงที่หน้าเมนชั่นที่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก ยูมิไม่ได้สนใจว่าเมนชั่นนี้จะดูดีซักแค่ไหน เธอเดินตามคาเทียสไปขึ้นลิฟที่ต้องขึ้นไปถึงชั้น15 แถมยังอยู่ห้องริมในสุกอีกด้วย

        ห้องข้างในนี้เป็นห้องกว้าง พื้นปูด้วยพรมสีเขียวเข้ม กระถางเฟิร์นที่ห้อยลงมาจากกำแพงสร้างความสดชื้นให้ห้องนี้ได้อย่างคาดไม่ถึง แต่ส่งต่อไปที่จะทำให้ยูมิตกใจคือ

        “กลับมาแล้วหรอ”หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาเกาะแขนคาเทียส ผมสีทองสลวยของเธอบงบอกถึงความเป็นคนต่างชาติและผิวพรรณสะอาดสะอ้านดูหมดจดนั้นทำเอายูมิเงียบไปเลย แล้วยิ่งประโยคต่อไปที่หล่อนพูด “งานเป็นไงบ้างคะ เดี๋ยวเก็บของให้นะคะคุณ”

        “นาย...”ยูมิชี้หน้าคาเทียสและผู้หญิงคนนี้สลับกัน “แต่งงานแล้วหรอ”

        “เปล่านี้—“

        “ฮะฮะ เด็กคนนี้น่ารักจังเลยคะ นักเรียนที่โรงเรียนหรือคะคุณ”ผู้หญิงคนนั้นพูดต่อ ในสายตาของยูมิสองคนนี้เหมาะสมกันจนน่าตกใจ

        “อาเมทิส!เลิกเล่นได้แล้ว”คาเทียสตะวาด หญิงสาวคนนั้นปล่อยมือด้วยท่าทางสะดุ้งสุดตัว “คิดยังไงถึงได้เล่นแบบนี้เนี่ย”

        “ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง”หญิงสาวเปลี่ยนเสียงเป็นเสียงที่เล็กแหลมก่อนที่ตัวหล่อนจะมีกลายเป็นควัน และเมื่อควันจางลงอาเมทิสก็ยืนอยู่แทนที่ “เอาน่าๆ ไปข้างในก่อนละกัน”อาเมทิสกึ่งเดินกึ่งวิ่งนำพวกเขาไป ขณะที่ยูมิยังยืนอุ้งก่อนจะร้องอ๋อเบาๆแล้วก็ตามคาเทียสเข้าไปด้านใน จนไปถึงห้องรับแขกที่มีมุกครัวอยู่อีกมุมหนึ่ง

        “ลินอิเป็นไงบ้าง”คาเทียสถาม

        “อ๋อ แค่เพลียนิดหน่อย ส่วนแผลเมรินจัดการให้หมดแล้ว ตอนนี้เจ้าตัวเดินเล่นอยู่ข้างล่าง”อาเมทิสตอบ ก่อนจะกระโดดขึ้นนั่งบนโซฟา เช่นเดียวกับคาเทียสส่วนยูมิเลือกนั่งที่โซฟาเดี่ยว พอดีกับเมรินเดินออกมาจากห้องข้างๆ

        “อ้าว พี่พากลับมาด้วยหรอ”เมรินถาม เป็นอีกครั้งที่ยูมิสับสนละหว่างเมรินและมิโดริอีกครั้ง

        “เขาเป็นห่วงลินอินะ”คาเทียสตอบ เมรินเดินไปที่มุมทำครัวและเตรียมน้ำเพื่อรับแขก

        “ลินอิลงไปเดินรับลมข้างล่างนะ”เธอตอบก่อนจะยกน้ำมาเสริฟและนั่งลงข้างๆคาเทียส

        “อาการเป็นไงมั่ง”คาเทียสถาม

        “ก็ตอนมาถึงเสียพลังไปมากระหว่างสองสามวันมานี้นะ กระดูซี่โครงหัก ข้อมือร้าว ฟกชำนิหน่อย พูดถึงก็ไม่หน่อยนะน่ะ แต่ข้ารักษาให้หมดแล้ว เหลือแต่รอให้ฟื้นพลังเท่านั้นหละ”เมรินตอบ ยูมิที่นั่งฟังก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเด็กตัวเล็กๆคนนั้นคงไม่เจ็บคราวเดียวขนาดนี้ซินะ

        “พลังเวทนี้...ฟื้นยากมั้ย”ยูมิตัดสินใจถามในที่สุด คาเทียสเงยหน้าขึ้นมอง

        “ก็...ถ้าเป็นลินอินะไม่เกินครึ่งชั่วโมงหรอก ในหมูพวกเราแล้วถ้าไม่นับอาเมทิส ลินอิมีพลังกล้าแข็งมากที่สุด แต่เวทส่วนใหญ่เป็นเวทป้องกันหรือรักษาเป็นส่วนใหญ่ พลังโจมตีเลยไม่แรง เลยเป็นข้อเสีย”คาเทียสตอบ

        “อ๋อ มิน่าละ เจ้าอาเคนถึงได้หนีประจำเพราะถึงยังไงก็เข้าถึงตัวไม่ได้”ยูมิพูดอย่างคุ้นคิด “แล้ว อาเคนขึ้นมาที่นี้ไม่ได้ใช่มั้ย”

        “ไม่ได้ ลินอิกางเขตุอาคมคลุมห้องนี้ไว้ด้วยเหมือนกัน เขตุอาคมของลินอิแข็งแกร่งมาก ต่อให้เวทหยุดเวลาก็ผ่านเข้ามาในนี้ไม่ได้”คาเทียสตอบ



        ขณะเดียวกันที่สวนป่าด้านข้างของเมนชั่น ลินอินั่งเล่นอยู่คนเดียวข้างๆบ่อน้ำ ในมือยกเอาสิ่งที่คล้ายกับนาฬิกาฝาปิดโบราณขึ้นมา ตัวเรือนสีคล้ายทองแดงดูเก่าสลักเป็นรูปพระจันทร์ที่มีเมฆอยู่โดยรอบ

        ชอบมั้ยละ ข้าซื้อให้นะ

        สิ่งต่อมาที่เธอรู้สึกต่อมาคือเวลาหยุดเดินอีกครั้ง เด็กหญิงเก็บนาฬิกาลงและลุกขึ้นอย่างใจเย็น ศัรตูอยู่ตรงนี้เอง

        “ไง ท่าทางยังไม่หายดีนิ”อาเคนยืนอยู่ด้านหลังของเธอ ห่างออกไปไม่กี่เมตร

        “มาหาผิดคนแล้วละ นายหญิงไม่ได้อยู่กับข้า”ลินอิบอกแต่อาเคนส่ายหน้า

        “ไม่ๆ ข้าไม่ได้มาหาผิดคน”เขาบอก ลินอิเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัย

        “มาหาข้ามีธุระอะไร”เด็กหญิงถาม อาเคนเรียกดาบนิลออกมา

        “เผอิญเจ้านายข้า อยากจะขอพบเจ้าซักหน่อย”



        “นี้สองทุ่มแล้วนะ ลินอิกลับมามาช้าจังเลย”ยูมิบ่นงึมงัน คาเทียสเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา

        “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ลินอินะพรุ่งนี้ก็ไปโรงเรียนได้แล้วละ”คาเทียสบอก ยูมิเองก็ไม่อยากกลับบ้านดึกเท่าไรนัก “อาเมทิส ส่งแขก”

        “เฮ้ๆ อะไรกัน”ยูมิพูดอย่างงงๆแต่กว่าเธอจะรู้ตัวอาเมทิสก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้ว และเตะลงที่ขาเธอ

        มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนตัวทั้งตัวถูกพัดปลิวเพียงชั่ววินาทีเท้าทั้งสองของเธอก็เตะพื้นที่มั่นคง

        “นี้..มันหน้าบ้านเรานิ”ยูมิพูดขึ้นอย่างงงๆ บัดนี้เธอยืนอยู่บนถนนหน้าบ้านนี้เอง “เฮ้อ.....เจ้าพวกนั้นอกจากลินอิแล้วจะมีใครอ่อนโยนกับฉันบ้างเนี่ย”ยูมิบ่นอย่างหัวเสียก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน โดยที่เอไม่รู้ตัวว่าบนเสาไฟฟ้า อีกาตัวหนึ่งจ้องมองเธอมาตั้งแต่เมื่อครู่

        มันสะบัดปีกขึ้นบินไปยังฟ้ามืดครึ่มด้านบน ก่อนจะร่อนผ่านต้นไม้และพุ่งลงสู่บ่อน้ำด้านล่าง เจ้าอีกาโผล่ขึ้นเหนือน้ำอีกครั้งในสถานที่ที่มืดสลวง มีเพียงแสงจากดวงไฟสีน้ำเงินเท่าที่พอจะส่องทาง จนกระทั่งมันร่อนลงเกาะค้อนสีดำเงารวมกับอีกกาตัวอื่นๆอีกราวสิบหกตัว

        ในห้องเดียวกันนี้ ที่ในสุดของห้องชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในความมืดโดยมีอาเคนยืนอยู่ข้างกาย ตรงหน้าคือกางเขนที่ตรึงร่างเด็กหญิงชุดขาวด้วยโซ่ตรวนเส้นใหญ่

        ลินอิที่จวนเจียนจะหมดสติก้มหน้าหอบด้วยความเจ็บปวดแม้จะไม่มีเลือด แต่สิ่งที่ทำร้ายเธอกำลังจะลงมืออีกครั้ง

        “ว่าไง....ลินอิ ข้อเสนอของข้าก็ไม่ได้เลวร้ายซักหน่อย”ชายที่อยู่ในความมืดเอ่ยขึ้น น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเกลียจชั่งเจืออยู่ในน้ำเสียง “แค่เจ้าถอนเขตุอาคมพวกนั้นทิ้ง ข้าก็จะให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้าไปตลอด ไม่อยากมีชีวิตอมตะหรือยังไง”

        “ชีวิตอมตะ...พูดกี่ครั้งก็-แค่เรื่องไร้-สาระ”ลินอิพูดแต่ละคำด้วยความยากลำบาก “ไม่มีอะ-ไรนิรันหรอก-ไม่มี-แม้แต่ตัวแกเองก็-เถอะ ราชันปีศาจ- แล้วต่อให้มี-ข้าก็-ไม่ยอมรับมัน โดย-เฉพาะอย่างยิ่ง-กับแก...”

        ผัวะ!

        แส้ที่มองไม่เห็นฟาดที่กลางตัวของเด็กหญิงที่กัดฟันทน ความเจ็บปวดราวกับโดนหนามที่แหลมคมนับร้อยแทงเป็นแนวลึกจนไปถึงกระดูก

        “ข้า....ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะทนได้ซักกี่น้ำ”ราชันปีศาจหัวเราะหึ แส้ฟาดลงอีกครั้งจนลินอิเงยหน้าไม่ขึ้น ก่อนจะหันไปที่อาเคน “จัดการต่อซิ ทำให้มันเจ็บกว่านี้ จนกว่ามันจะยอม”ราชันปีศาจสั่งและลุกออกไปจากห้อง อาเคนเริ่มออกเดินมาหยุดตรงหน้าลินอิก่อนจะช้อนหน้าของเธอขึ้นดู

        “แกนี้มันดื้อด้านจริงๆ”อาเคนเอ่ย ลินอิสะบัดหน้าหลุดจากอุ้งมือเขาที่เหวี่ยงตบหน้าเอดังฉาด “ถ้าตกลงกันดีๆก็ไม่ต้องเจ็บตัว”

        “ถ้าคิดว่าใช้วิธี-นี้แล้วได้-ผลละก็ ผิดแล้วละ”ลินอิพูดทั้งที่ยังก้มหน้า “เพราะ-มันก็ไม่เคยได้ผล-อยู่แล้ว”

        “เอาอะไรมาเปรียบ”อาเคมถาม

        “ก็-เวสต้าไง-แกเคยทำสำเร็จ-รึเปล่าละ”ลินอิตอบ อาเคนถึงกับนิ่งเงียบ “จะ-บอกให้ก็ได้-ว่าความจริงแล้ว...แกก็ไม่-ได้รักเวสต้า-เท่าไร่หรอก”

        “แกจะไปรู้อะไร”อาเคนย้อนถาม

        “ถ้ารัก ทำ-ไมต้องฆ่าด้วยเล่า”ลินอิตอบ “รึไง...แกจะบอก-ว่าฆ่าเพราะรักหรอ-ผิดถนัด แกแค่ต้องการจะชนะเท่า-นั้นหละ........”

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×