ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : องครักษ์
                    “ล..ลินอิ”ยูมิพูดด้วยเสียงสั่นเทา สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเธออยากจะนึกว่าลินอิแกล้งหลอก แต่ลินอิไปกลับขึ้นมา!
    “คราวนี้ก็แกแล้ว เวสต้า”อาเคนหันที่ยูมิ
    ขณะเดียวกันร่างของลินอิกำลังดิ่งลงสู่พื้นโดยไร้ซึ่งทางหนี คงจบแล้วซินะ
    เด็กหญิงหลับตารอสิ่งที่จะตามมา แต่แล้วความรู้สึกบอกเธอว่าร่างของเธอถูกใครคนหนึ่งที่หยุดนิ่งกลางอากาศรับไว้
                ดวงตาสีเขียวค่อยๆลืมขึ้นอย่างนึกคิด
    “อ..อาเมทิส”
    “กลับกันเถอะลินอิ”ชายหนุ่มร่างสูงช้อนร่างเธอไว้และลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ผมสีขาวที่มีปลายทอประกายสีน้ำเงินถักเป็นเปียโบกพลิ้วตามแรงลม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มออมม้วงเจิดจรัสด้วยสีหน้าของความเป็นห่วง ชุดคลุมสีน้ำตาลที่เหมือนกับอาเมทิสตัวน้อยโบกตามแรงลมที่พัดขึ้นมาจากความสูงเกือบสี่สิบชั้น
    “แล้วนายหญิงละ”ลินอิแย้ง
   
                “โถ่เว้ย!”อาเคนตะคอกใส่บาเรียสีม่วงที่คลุมต้นไม้ของยูมิไว้
        “ไอ้เด็กบ้านั้น ตายแล้วยังตามมาหลอกหลอนอีก!” อาเคนฟาดดาบอีกครั้ง แต่เกราะยังทนรับได้สบายขณะที่ตัวยูมิกำลังจะเป็นลม
   
                “องครักษ์ไม่มีหน้าที่นี้นะลินอิ เวสต้าตายไปแล้ว”อาเมทิสกล่าวกับเด็กหญิง
    “แต่วิญญาณของท่านละ! นายหญิงยังต่อสู้กับราชันปีศาจ จะปล่อยให้ท่านสู้ตามลำพังหรือ”ลินอิเถียงมือกำทวนแน่น
    “หน้าที่ของเรามันหมดไปแล้ว เราทำอะไรไมได้กลับไปโลกอดีตเถอะ”เอเมทิสบอกต่อไป เด็กหญิงจ้องหน้าเขาอย่างโกรธเคือง
    “อาเมทิส ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนายหญิงเป็นจุดเริ่มต้น ในเมื่อท่านเริ่มแล้วท่านก็ต้องจบ แต่ท่านจบไม่ได้ถ้าไม่มีเรา นายหญิง  ต้องการเรานะ! จะให้ท่านต้องถูกอาเคนตามฆ่าอีกกี่ชาติ หรือจะรอให้วิญญาณสูญไปอะไรจะดีขึ้น ราชันย์ปีศาจยังอยู่ คนที่จะจบทุกอย่างได้คือนายหญิงนะ”ลิลอิพูดต่อไป “ถ้าท่านไม่ ข้าไปคนเดียว เจ้าอาเคนจะไม่มีวันเตะต้องนายหญิงได้อีกเป็นครั้งที่สอง ต้องข้ามศพข้าไปก่อนละ!”
   
              “ดี ถ้างั้นข้าจะให้เจ้าออกมาเอง”อาเคนถอยออกห่างจากเกราะ ก่อนจะโบกมือขึ้น เงาดำก่อตัวขึ้นและลดความมืดลง 
          กลายเป็นยาชิโร่ยืนอยู่ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
    “พ่อคะ”ยูมิครางเบาๆ น้ำตาเอ่อท้นในดวงตา แน่ๆเลย นี้ต้องไม่ใช่พ่อแน่ “ไม่ใช่ นั้นไม่ใช่พ่อฉันใช่มั้ย!”ยูมิตะโกน พ่อของเธอ
          ไม่มีทางมายืนอยู่ที่นี้แน่
    “งั้นหรอ ถ้างั้น อย่างนี้เป็นไง”ดาบสีนิลเฉียดแขนยาชิโร่เป็นแผล ยูมิสะดุ้งสุดตัว แต่เธอออกจากตรงนี้ไม่ได้ “อีกทีซิ”คราวนี้ที่
        ต้นขา ยาชิโรทรุดตัวลง เลือดไหลลงเปื้อนหญ้าสีเข้ม ยูมิน้ำตาคลอเป้า การตัดสินใจของเธอมีความกล้าเป็นตัวตัดสินขณะที่อาเคน    เหงื่อดาบขึ้นอีกครั้ง
    “อย่า!”คำที่ไม่ควรหลุดออกจากปากของยูมิ ก่อนจะก้าวขาสั่นๆออกมานอกบาเรีย อาเคนหันกลับมารอยยิ้มที่หน้ากลัวจับใจส่งมาให้ยูมิตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
    “ดีมาก แต่ข้าต้องการคำตอบดีๆซักหน่อย”เขาพูด ยูมิกัดฟันด้วยความโกรธคละกับความกลัว
    “ไม่!”เธอตอบ
    “ดี ไหนดูซิจะได้ซักกี่น้ำ”อาเคนบุกเข้ามา แต่ยูมิหลบสุดตัว วิชาป้องกันตัวที่ยังพอมีช่วยให้เธอหลบหลีกได้อย่างพอทัน อาเคนเหวี่ยงหมัดใส่เธอเร็วขึ้นเรื่อยๆในที่สุด
    ผัวะ!
    หมัดแรกซัดลงที่ชายโครงเด็กหญิงอย่างเบาแรง แต่ยากจะทนทาน ยูมิทรุดตัวลงกุมท้องที่จุกจนแทบงอตัวไม่ขึ้น
    “ยังจะสู้อีก สมกับที่เคยชนะข้ามาแล้วจริงๆ”อาเคนพูดอย่างใจเย็น “แต่ข้าคงไม่รออีกร้อยปี ยาชิโร่คงพอช่วยข้าได้บ้าง”เขาสะบัดมือไปที่ยาชิโรที่ลุกขึ้นยืนเซๆเพราะบาดแผลที่ขา
    “พ่อ..”ยูมิครางแผ่ว ไม่ทันขาดคำสิ่งที่ตัวเธอไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็เริ่ม ยาชิโร่วิ่งถือมีดสั้นของอาเคนเข้ามาพุ่งใส่ยูมิที่กระโดดหลบ “พ่อ! นี่อะไร หรือว่าไม่ใช่พ่อฉัน!”หัวข้อใหม่เกิดขึ้นในใจของเด็กหญิง ยูมิสวนหมัดเข้าเต็มหน้าหุ่นเชิดที่ไร้สมองจนเซ ก่อนจะเตะเท้าขึ้นฟาดหน้ามันจนล้มไม่เป็นท่า
    ฉับพลันเกราะสีแดงคลุมร่างของยูมิไว้ทั้งร่าง วินาทีที่เธอคิดว่าลินอิมาช่วยพังทลายเพราะเกราะนั้นทำให้เธอขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
    ตูม!
    ความเย็นที่วิ่งผ่านหน้าเธอไปทุ้มเต็มแรงส่งอาเคนกระเด็นไปไกล พร้อมกับเกราะสีแดงแตกออก ยูมิหันซ้ายหันขวาราวกับเธอลืมว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทันไรคำตอบก็มาถึง
    หมาป่าสีขาวเหลือบน้ำเงินตัวเท่าหมีกระโดดมาขวางหน้าอาเคนไว้ ตาแดงกล่ำจ้องชายหนุ่มด้วยรังสีอำมหิต   
    “แก!”อาเคนร้องขึ้น ก่อนจะมองผ่านไหล่ยูมิไป “ค่อยดูเถอะแก!”ร่างของอาเคนเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทก่อนจะละลายกลายเป็นเงาหายไป ท้ามกลางความงุนงงของยูมิ
    “อาเมทิส”ลินอิวิ่งผ่านยูมิไปที่หมาป่าปริศนา พร้อมกับลูบคอของมันด้วยสีหน้าที่ก้ำกึ่ง แล้วจึงหันกลับมาที่ยูมิ แล้วก็หันไปที่
ยาชิโร่ “ตายจริง...”เธอร้องพร้อมกับวิ่งไปที่ยาชิโร่ขณะที่ยูมิยังงงไม่หาย
    “อะ..อะไร”ยูมิถาม
    “นี้มันคุณยาชิโร่ไม่ใช่หรือค่ะ”ลินอิพูด ยูมิเบิกตาขึ้นอย่างตกใจ
    “ไม่จริง! นี้ไม่ใช่ภาพลวงตาหรอ!”ยูมิวิ่งมาคุกเข่าข้างๆร่างพ่อ
    “ตัวจริงคะนายหญิง แต่คงโดนสะกดมาเลยเพลียมากนะคะ”ลินอิบอก
    “ช่วยได้มั้ย ได้โปรดเถอะ”ยูมิเขย่าแขนของเด็กหญิง
    “ข้าช่วยแน่นอนคะ”สิ้นคำพูด เธอก็ก้มลงใช่นิ้วขีดอะไรซักอย่างบนพื้น แสงที่ดูคล้ายวงเวทปรากฏขึ้นใต้ตัวยาชิโร่จนรู้สึกแสบตา เมื่อแสงหายไปเขาก็เริ่มขยับตัว
    “โอ้ย...”ยาชิโร่ลุกขึ้นช้าๆโดยมียูมิช่วยประคอง “อ้าว..ไงลูกไปไหนมาละ กลับดึกนะ อ้าวแล้วนี้เรามาทำอะไรกันที่นี้ละเนี่ย”
    ยูมิเลิกลักพยามหาคำตอบมาให้พ่อ แต่ระหว่างนั้นเองเธอก็เพิ่งสังเกตว่าพวกลินอิหายไปแล้ว
    หลังจากยูมิกลับมาที่บ้าน เธอก็พบว่าทุกอย่างปรกติจนน่าตกใจ ไม่มีใครสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเสื้อนักเรียนของเธอเปื้อนเลือด ยิ่งกว่านั้นยังบอกให้เธอหยุดเรียนอีกเพราะว่าแผลที่แขนยังไม่หายดี ระหว่างนั้นไม่มีอะไรผิดปรกติแม้ว่ายูมิจะพยามจับผิดใครแค่ไหน จนเธอเชื่อว่าลินอิยังคอยป่วนเปี่ยนอยู่ไม่ห่างเป็นแน่ แม้ว่าจะไม่เห็นตัว
    เช้านี้เป็นวันแรกนับตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อสามวันก่อน ยูมิเด็นตัวแกร่งและย่างก้าวเข้ามาในสนามโรงเรียนด้วยสายตาที่กลาดทุกอย่างที่เธอเชื่อว่าอันตราย
    “เป็นอะไรไป ยูมิ”มิโดริถามพลางเตะไหล่เพื่อนสาวอย่างเป็นห่วง
    “ไม่จะไม่”เธอตอบปัดๆ แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ “อาเคนมาโรงเรียนรึเปล่า!”
    “อ๋อ หมอนั้นนะหรอ เขาไม่มาตั้งหลายวันแล้วละ เห็นอาจารย์บอกว่าลากิจนะ”มิโดริตอบโดยไร้ซึ่งความสงสัยอย่างเคย
    และนั้นก็คงจะจริง อาเคนไม่ได้เข้าห้องจนกระทั่งระฆังโรงเรียนสั่นตอนแปดโมง เพื่อเริ่มโฮมรูม
    “เอ้า เคจิ”
    “มาครับ!”อาจารย์เริ่มเช็คชื่อทีละคนๆ ขณะที่ยูมิตั้งตารอชื่อของอาเคนและหวังว่าจะไม่มีเสียงขานชื่อ
    “อาเคน..อาเคนมามั้ย”ยูมิสวดภาวนา “ตกลงว่“
    “อยู่นี้ครับครู!”อาเคนวิ่งหอบมาโผ่ลที่ประตูห้องเรียน ยูมิสะดุ้งและพยามส่งเสียงเรียกมิโดริ แต่เธอไม่เห็น อาเคนเดินด้วยท่าทีของเด็กมัธยมต้นทั่วไป จนมานั่งข้างๆยูมิสีหน้าของเขาก็ปรกติ ราวกับเรื่องเมื่อคืนคนทำไม่ใช่เขา
    “เอาละ วันนี้ห้องเราจะมี46คน”อาจารย์เริ่มประโยค นักเรียนทั้งส่งเสียงฮืออย่างตื่นเต้น เพราะปรกติห้องนี้มีเพียง45คน ในเมื่ออาจารย์บอกว่าจะมี46คนก็ย่อมหมายความว่า.. “เราจะมีสมาชิกใหม่”
    “สวยมั้ยคับจาร-ผู้ชายรึเปล่าคะ-ใครหรือคะ-เรียนเก่งมั้ยครับครู”คำถามส่งถึงอาจารย์หน้าห้องโดยตรง เขายิ้มก่อนจะตบมือ
            ให้ทุกคนเงียบเสียง
    “ถ้าอยากรู้งั้นเชิญพบเองเลยดีกว่านะทุกคน เข้ามาได้เลย”อาจารย์หันไปที่ประตูห้อง เสียงเลื้อนประตูดังขึ้นพร้อมกับสมาชิกใหม่ก้าวเข้ามา
    “แม่เจ้าโว้ย..”เสียงที่หลุดออกมาช่างตรงกับความเป็นจริง
    เธอคนนี้เป็นเด็กหญิงผมสั้นประบ่าดำเป็นเงาดูนุ่มนวลและโบกพริ้ว ผิวสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์รวมถึงใบหน้าสะสวยที่ดูเคร่งขรึม กระโปรงนักเรียนยาวโบกสะบัดด้วยความสง่างามแต่แฝงด้วยความหน้าแกรงขาม ทุกท่วงท่าดูน่าตกตลึงด้วยความแข็งแกร่ง และเธอคนนี้คือ
    ลินอิ!
    คงจะไม่ใช่เพราะยูมิดูผิดคนแน่ เพราะแม้แต่อาเคนยังเผลอหลุดสีหน้าแค้นเคืองออกมา ขณะที่เด็กหญิงหน้าห้องยังคงความนิ่งไว้
    “เอาหละ แนะนำตัวซิ”อาจารย์บอก เธอยิ้มก่อนจะหันไปเขียนชื่อบนกระดานดำแล้วจึงหันกลับมา
    “ซากาโนะ ลินาอิคะยินดีที่ได้รู้จักคะ”เธอกล่าวด้วยประโยคอันสั้นที่สะท้านใจชายทั้งห้อง อะไรมันจะมีอิทิพลขนานนั้น
    “เขาเพิ่งย้ายมาจากอังกฤษ ยังไงก็ไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆด้วยนะ ส่วนที่นั่งก็ คงพอจะมีว่าง”
    “จารครับตรงนี้ครับจาร!-- ให้นั่งบนตักผมก็ได้ครับ!เชิญตรงนี้เลยครับ เห็นกระดานชัดที่สุด!”
    \"พอเลยพวกเธอ”อาจารย์พูดกึ่งหัวเราะ “งั้นก็ไปนั่งกับกลุ่มหลังห้องละกันนะ”มีเสียงเหหน้ากลัวดังมาจากกลุ่มนักเรียนชายหลังห้องด้วยความมีชัย ขณะที่ลินอิเดินไปนั่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ทันทีที่เธอหย่อนตัวลงนั่ง มือของเธอก็ชูหลาขึ้น
    “อาจารย์คะ ตรงนี้หนูมองกระดานไม่ชัดเลยคะ”ลินอิบอกกับอาจารย์ที่ทำหน้างง “หนูสายตาสั้นนะคะ แล้วอีกอย่างหนูก็รู้จักกับ
ยูมิที่นั่งข้างหน้า ของหนูนั่งข้างเขาได้มั้ยคะอาจารย์”
    “จริงหรือ ยูมิ”อาจารย์หันกลับมาถามยูมิ
    “เออ...คะๆอาจารย์ หนูรู้จักเขา แล้วเขาก็สายตาสั้นมากด้วยคะ”ยูมิพูดปดกับอาจารย์
    “แล้ว..เธอจะยอมย้ายมั้ย อาเคน”อาจารย์หันไปถามอาเคนต่อ
    “ไม่ละครับครู ผมชอบนั่งตรงนี้มากกว่า”อาเคนให้คำตอบที่เหมือนยกภูเขาทั้งลูกมาให้เธอ
                “แล้วยูมิก็แฟนผมด้วย” มีเสียงวีดปากดังมาจากทั่วทุกสารทิศ อาจารย์ประจำชั้นหัวเราะก่อนจะหันไปบอกกับลินอิว่า
    “คงไม่ได้แล้วละนะ ลินาอิคู่รักคงจะไม่ยอม”
    “อาจารย์คะ”ลินอิเริ่มต่อ “ตามกฎหมายแล้ว ผู้ที่มีสิทธิเรื่องคู่ครองต้องมีอายุ17ปีขึ้นไปนะคะ แล้วหนูก็เห็นว่าการที่มีคู่รักมานั่ง
สวีดกันในห้องเรียนมันก็ไม่ได้สบายตานะคะ มันผิดศีลธรรมซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่หน้าส่งเสริม ถ้าหากเป็นเพื่อนกันก็ไม่มีปัญหาเพราะคงจะไม่มีการกอดรัดกันในห้องเรียนจริงมั้ยคะ”มันเป็นคำพูดที่คมบาดใจกลุ่มนักเรียนประเภทคึกประสมพันธุ์เสียนี้กระไร ทำเอาหัวเราะฮือกันทั้งห้องขณะที่อาเคนหันไปส่งสายตาอาฆาตไปให้ศัตรูตัวฉกาจที่ยิ้มตอบอย่างมีชัย
    “อืมม์..”อาจารย์อำอึ่ง
    “อีกอย่างนะคะ ในเมื่อความจริงแล้วหนูก็เป็นนักเรียนทุนของอังกฤษผลการเรียนของหนูก็ขึ้นอยู่กับสายตา ถ้าเกรดหนูตกหนูจะบอกผู้ปกครองว่าอะไรดีละคะ”ลินอิให้เหตุผลที่น่าฟังจนทั้งห้องเห็นด้วยที่สมควรจะให้นักเรียนใหม่เข้ามาแทนที่อาเคน
    “ตกลง ถ้างั้นก็อาเคนครูว่าเธอคงต้องย้ายแล้วละ”สิ้นคำพูด อาเคนก็จัดการสำพาระด้วยท่าทีที่ไม่น่าไว้วางใจ ก่อนจะเดินสวนกันลินอิที่เดินมานั่งแทนที่
    “อุ้ย..”เธอร้องเบาๆก่อนจะลุกขึ้นและดึงเอาลูกแมกออกมาจากด้านหลังของกระโปรงนักเรียน
    “อะไรหรอ”อาจารย์ถาม
    “เปล่าคะอาจารย์ ก็แค่ลูกแม๊กอ่ะคะ”ลินอิตอบพร้อมกับเก็บมันลงใต้โต๊ะและวางกระเป๋าลงข้างเก้าอี้ ระหว่างที่พวกอาเคนกำลังหัวเราะชอบใจ แต่เมื่อลินอิหันไปจุ๊บเบาๆที่ธนบัตรชนิดพันเยน รอยยิ้มของอาเคนก็หายไป
    “เฮ้ย!เงินฉันไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!”เพื่อนๆของอาเคนก้มลงมุดหาธนบัตรใต้โต๊ะพวกเขา ขณะที่ลินอิยักไหล่อย่างล้อเลียนแล้วก็เก็บเงินใบนั้นลงไป
    “ลินอิใช่มั้ย”ยูมิถาม ลินอิพยักหน้า “ดีใจจังเลย ทีนี้ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งกลัวเจ้าบ้านั้นแล้ว”ยูมิกระซิบบอกด้วยความตื้นตัน
    “อย่างห่วงเลยคะนายหญิง ยังมีอะไรให้ท่านตกใจอีกเยอะ”ลินอิบอก
                “ข้าไม่ได้มาคนเดียวหรอกคะ”
    “คราวนี้ก็แกแล้ว เวสต้า”อาเคนหันที่ยูมิ
    ขณะเดียวกันร่างของลินอิกำลังดิ่งลงสู่พื้นโดยไร้ซึ่งทางหนี คงจบแล้วซินะ
    เด็กหญิงหลับตารอสิ่งที่จะตามมา แต่แล้วความรู้สึกบอกเธอว่าร่างของเธอถูกใครคนหนึ่งที่หยุดนิ่งกลางอากาศรับไว้
                ดวงตาสีเขียวค่อยๆลืมขึ้นอย่างนึกคิด
    “อ..อาเมทิส”
    “กลับกันเถอะลินอิ”ชายหนุ่มร่างสูงช้อนร่างเธอไว้และลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ผมสีขาวที่มีปลายทอประกายสีน้ำเงินถักเป็นเปียโบกพลิ้วตามแรงลม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มออมม้วงเจิดจรัสด้วยสีหน้าของความเป็นห่วง ชุดคลุมสีน้ำตาลที่เหมือนกับอาเมทิสตัวน้อยโบกตามแรงลมที่พัดขึ้นมาจากความสูงเกือบสี่สิบชั้น
    “แล้วนายหญิงละ”ลินอิแย้ง
   
                “โถ่เว้ย!”อาเคนตะคอกใส่บาเรียสีม่วงที่คลุมต้นไม้ของยูมิไว้
        “ไอ้เด็กบ้านั้น ตายแล้วยังตามมาหลอกหลอนอีก!” อาเคนฟาดดาบอีกครั้ง แต่เกราะยังทนรับได้สบายขณะที่ตัวยูมิกำลังจะเป็นลม
   
                “องครักษ์ไม่มีหน้าที่นี้นะลินอิ เวสต้าตายไปแล้ว”อาเมทิสกล่าวกับเด็กหญิง
    “แต่วิญญาณของท่านละ! นายหญิงยังต่อสู้กับราชันปีศาจ จะปล่อยให้ท่านสู้ตามลำพังหรือ”ลินอิเถียงมือกำทวนแน่น
    “หน้าที่ของเรามันหมดไปแล้ว เราทำอะไรไมได้กลับไปโลกอดีตเถอะ”เอเมทิสบอกต่อไป เด็กหญิงจ้องหน้าเขาอย่างโกรธเคือง
    “อาเมทิส ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนายหญิงเป็นจุดเริ่มต้น ในเมื่อท่านเริ่มแล้วท่านก็ต้องจบ แต่ท่านจบไม่ได้ถ้าไม่มีเรา นายหญิง  ต้องการเรานะ! จะให้ท่านต้องถูกอาเคนตามฆ่าอีกกี่ชาติ หรือจะรอให้วิญญาณสูญไปอะไรจะดีขึ้น ราชันย์ปีศาจยังอยู่ คนที่จะจบทุกอย่างได้คือนายหญิงนะ”ลิลอิพูดต่อไป “ถ้าท่านไม่ ข้าไปคนเดียว เจ้าอาเคนจะไม่มีวันเตะต้องนายหญิงได้อีกเป็นครั้งที่สอง ต้องข้ามศพข้าไปก่อนละ!”
   
              “ดี ถ้างั้นข้าจะให้เจ้าออกมาเอง”อาเคนถอยออกห่างจากเกราะ ก่อนจะโบกมือขึ้น เงาดำก่อตัวขึ้นและลดความมืดลง 
          กลายเป็นยาชิโร่ยืนอยู่ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
    “พ่อคะ”ยูมิครางเบาๆ น้ำตาเอ่อท้นในดวงตา แน่ๆเลย นี้ต้องไม่ใช่พ่อแน่ “ไม่ใช่ นั้นไม่ใช่พ่อฉันใช่มั้ย!”ยูมิตะโกน พ่อของเธอ
          ไม่มีทางมายืนอยู่ที่นี้แน่
    “งั้นหรอ ถ้างั้น อย่างนี้เป็นไง”ดาบสีนิลเฉียดแขนยาชิโร่เป็นแผล ยูมิสะดุ้งสุดตัว แต่เธอออกจากตรงนี้ไม่ได้ “อีกทีซิ”คราวนี้ที่
        ต้นขา ยาชิโรทรุดตัวลง เลือดไหลลงเปื้อนหญ้าสีเข้ม ยูมิน้ำตาคลอเป้า การตัดสินใจของเธอมีความกล้าเป็นตัวตัดสินขณะที่อาเคน    เหงื่อดาบขึ้นอีกครั้ง
    “อย่า!”คำที่ไม่ควรหลุดออกจากปากของยูมิ ก่อนจะก้าวขาสั่นๆออกมานอกบาเรีย อาเคนหันกลับมารอยยิ้มที่หน้ากลัวจับใจส่งมาให้ยูมิตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
    “ดีมาก แต่ข้าต้องการคำตอบดีๆซักหน่อย”เขาพูด ยูมิกัดฟันด้วยความโกรธคละกับความกลัว
    “ไม่!”เธอตอบ
    “ดี ไหนดูซิจะได้ซักกี่น้ำ”อาเคนบุกเข้ามา แต่ยูมิหลบสุดตัว วิชาป้องกันตัวที่ยังพอมีช่วยให้เธอหลบหลีกได้อย่างพอทัน อาเคนเหวี่ยงหมัดใส่เธอเร็วขึ้นเรื่อยๆในที่สุด
    ผัวะ!
    หมัดแรกซัดลงที่ชายโครงเด็กหญิงอย่างเบาแรง แต่ยากจะทนทาน ยูมิทรุดตัวลงกุมท้องที่จุกจนแทบงอตัวไม่ขึ้น
    “ยังจะสู้อีก สมกับที่เคยชนะข้ามาแล้วจริงๆ”อาเคนพูดอย่างใจเย็น “แต่ข้าคงไม่รออีกร้อยปี ยาชิโร่คงพอช่วยข้าได้บ้าง”เขาสะบัดมือไปที่ยาชิโรที่ลุกขึ้นยืนเซๆเพราะบาดแผลที่ขา
    “พ่อ..”ยูมิครางแผ่ว ไม่ทันขาดคำสิ่งที่ตัวเธอไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็เริ่ม ยาชิโร่วิ่งถือมีดสั้นของอาเคนเข้ามาพุ่งใส่ยูมิที่กระโดดหลบ “พ่อ! นี่อะไร หรือว่าไม่ใช่พ่อฉัน!”หัวข้อใหม่เกิดขึ้นในใจของเด็กหญิง ยูมิสวนหมัดเข้าเต็มหน้าหุ่นเชิดที่ไร้สมองจนเซ ก่อนจะเตะเท้าขึ้นฟาดหน้ามันจนล้มไม่เป็นท่า
    ฉับพลันเกราะสีแดงคลุมร่างของยูมิไว้ทั้งร่าง วินาทีที่เธอคิดว่าลินอิมาช่วยพังทลายเพราะเกราะนั้นทำให้เธอขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
    ตูม!
    ความเย็นที่วิ่งผ่านหน้าเธอไปทุ้มเต็มแรงส่งอาเคนกระเด็นไปไกล พร้อมกับเกราะสีแดงแตกออก ยูมิหันซ้ายหันขวาราวกับเธอลืมว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทันไรคำตอบก็มาถึง
    หมาป่าสีขาวเหลือบน้ำเงินตัวเท่าหมีกระโดดมาขวางหน้าอาเคนไว้ ตาแดงกล่ำจ้องชายหนุ่มด้วยรังสีอำมหิต   
    “แก!”อาเคนร้องขึ้น ก่อนจะมองผ่านไหล่ยูมิไป “ค่อยดูเถอะแก!”ร่างของอาเคนเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทก่อนจะละลายกลายเป็นเงาหายไป ท้ามกลางความงุนงงของยูมิ
    “อาเมทิส”ลินอิวิ่งผ่านยูมิไปที่หมาป่าปริศนา พร้อมกับลูบคอของมันด้วยสีหน้าที่ก้ำกึ่ง แล้วจึงหันกลับมาที่ยูมิ แล้วก็หันไปที่
ยาชิโร่ “ตายจริง...”เธอร้องพร้อมกับวิ่งไปที่ยาชิโร่ขณะที่ยูมิยังงงไม่หาย
    “อะ..อะไร”ยูมิถาม
    “นี้มันคุณยาชิโร่ไม่ใช่หรือค่ะ”ลินอิพูด ยูมิเบิกตาขึ้นอย่างตกใจ
    “ไม่จริง! นี้ไม่ใช่ภาพลวงตาหรอ!”ยูมิวิ่งมาคุกเข่าข้างๆร่างพ่อ
    “ตัวจริงคะนายหญิง แต่คงโดนสะกดมาเลยเพลียมากนะคะ”ลินอิบอก
    “ช่วยได้มั้ย ได้โปรดเถอะ”ยูมิเขย่าแขนของเด็กหญิง
    “ข้าช่วยแน่นอนคะ”สิ้นคำพูด เธอก็ก้มลงใช่นิ้วขีดอะไรซักอย่างบนพื้น แสงที่ดูคล้ายวงเวทปรากฏขึ้นใต้ตัวยาชิโร่จนรู้สึกแสบตา เมื่อแสงหายไปเขาก็เริ่มขยับตัว
    “โอ้ย...”ยาชิโร่ลุกขึ้นช้าๆโดยมียูมิช่วยประคอง “อ้าว..ไงลูกไปไหนมาละ กลับดึกนะ อ้าวแล้วนี้เรามาทำอะไรกันที่นี้ละเนี่ย”
    ยูมิเลิกลักพยามหาคำตอบมาให้พ่อ แต่ระหว่างนั้นเองเธอก็เพิ่งสังเกตว่าพวกลินอิหายไปแล้ว
    หลังจากยูมิกลับมาที่บ้าน เธอก็พบว่าทุกอย่างปรกติจนน่าตกใจ ไม่มีใครสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเสื้อนักเรียนของเธอเปื้อนเลือด ยิ่งกว่านั้นยังบอกให้เธอหยุดเรียนอีกเพราะว่าแผลที่แขนยังไม่หายดี ระหว่างนั้นไม่มีอะไรผิดปรกติแม้ว่ายูมิจะพยามจับผิดใครแค่ไหน จนเธอเชื่อว่าลินอิยังคอยป่วนเปี่ยนอยู่ไม่ห่างเป็นแน่ แม้ว่าจะไม่เห็นตัว
    เช้านี้เป็นวันแรกนับตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อสามวันก่อน ยูมิเด็นตัวแกร่งและย่างก้าวเข้ามาในสนามโรงเรียนด้วยสายตาที่กลาดทุกอย่างที่เธอเชื่อว่าอันตราย
    “เป็นอะไรไป ยูมิ”มิโดริถามพลางเตะไหล่เพื่อนสาวอย่างเป็นห่วง
    “ไม่จะไม่”เธอตอบปัดๆ แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ “อาเคนมาโรงเรียนรึเปล่า!”
    “อ๋อ หมอนั้นนะหรอ เขาไม่มาตั้งหลายวันแล้วละ เห็นอาจารย์บอกว่าลากิจนะ”มิโดริตอบโดยไร้ซึ่งความสงสัยอย่างเคย
    และนั้นก็คงจะจริง อาเคนไม่ได้เข้าห้องจนกระทั่งระฆังโรงเรียนสั่นตอนแปดโมง เพื่อเริ่มโฮมรูม
    “เอ้า เคจิ”
    “มาครับ!”อาจารย์เริ่มเช็คชื่อทีละคนๆ ขณะที่ยูมิตั้งตารอชื่อของอาเคนและหวังว่าจะไม่มีเสียงขานชื่อ
    “อาเคน..อาเคนมามั้ย”ยูมิสวดภาวนา “ตกลงว่“
    “อยู่นี้ครับครู!”อาเคนวิ่งหอบมาโผ่ลที่ประตูห้องเรียน ยูมิสะดุ้งและพยามส่งเสียงเรียกมิโดริ แต่เธอไม่เห็น อาเคนเดินด้วยท่าทีของเด็กมัธยมต้นทั่วไป จนมานั่งข้างๆยูมิสีหน้าของเขาก็ปรกติ ราวกับเรื่องเมื่อคืนคนทำไม่ใช่เขา
    “เอาละ วันนี้ห้องเราจะมี46คน”อาจารย์เริ่มประโยค นักเรียนทั้งส่งเสียงฮืออย่างตื่นเต้น เพราะปรกติห้องนี้มีเพียง45คน ในเมื่ออาจารย์บอกว่าจะมี46คนก็ย่อมหมายความว่า.. “เราจะมีสมาชิกใหม่”
    “สวยมั้ยคับจาร-ผู้ชายรึเปล่าคะ-ใครหรือคะ-เรียนเก่งมั้ยครับครู”คำถามส่งถึงอาจารย์หน้าห้องโดยตรง เขายิ้มก่อนจะตบมือ
            ให้ทุกคนเงียบเสียง
    “ถ้าอยากรู้งั้นเชิญพบเองเลยดีกว่านะทุกคน เข้ามาได้เลย”อาจารย์หันไปที่ประตูห้อง เสียงเลื้อนประตูดังขึ้นพร้อมกับสมาชิกใหม่ก้าวเข้ามา
    “แม่เจ้าโว้ย..”เสียงที่หลุดออกมาช่างตรงกับความเป็นจริง
    เธอคนนี้เป็นเด็กหญิงผมสั้นประบ่าดำเป็นเงาดูนุ่มนวลและโบกพริ้ว ผิวสีขาวนวลดั่งแสงจันทร์รวมถึงใบหน้าสะสวยที่ดูเคร่งขรึม กระโปรงนักเรียนยาวโบกสะบัดด้วยความสง่างามแต่แฝงด้วยความหน้าแกรงขาม ทุกท่วงท่าดูน่าตกตลึงด้วยความแข็งแกร่ง และเธอคนนี้คือ
    ลินอิ!
    คงจะไม่ใช่เพราะยูมิดูผิดคนแน่ เพราะแม้แต่อาเคนยังเผลอหลุดสีหน้าแค้นเคืองออกมา ขณะที่เด็กหญิงหน้าห้องยังคงความนิ่งไว้
    “เอาหละ แนะนำตัวซิ”อาจารย์บอก เธอยิ้มก่อนจะหันไปเขียนชื่อบนกระดานดำแล้วจึงหันกลับมา
    “ซากาโนะ ลินาอิคะยินดีที่ได้รู้จักคะ”เธอกล่าวด้วยประโยคอันสั้นที่สะท้านใจชายทั้งห้อง อะไรมันจะมีอิทิพลขนานนั้น
    “เขาเพิ่งย้ายมาจากอังกฤษ ยังไงก็ไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆด้วยนะ ส่วนที่นั่งก็ คงพอจะมีว่าง”
    “จารครับตรงนี้ครับจาร!-- ให้นั่งบนตักผมก็ได้ครับ!เชิญตรงนี้เลยครับ เห็นกระดานชัดที่สุด!”
    \"พอเลยพวกเธอ”อาจารย์พูดกึ่งหัวเราะ “งั้นก็ไปนั่งกับกลุ่มหลังห้องละกันนะ”มีเสียงเหหน้ากลัวดังมาจากกลุ่มนักเรียนชายหลังห้องด้วยความมีชัย ขณะที่ลินอิเดินไปนั่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ทันทีที่เธอหย่อนตัวลงนั่ง มือของเธอก็ชูหลาขึ้น
    “อาจารย์คะ ตรงนี้หนูมองกระดานไม่ชัดเลยคะ”ลินอิบอกกับอาจารย์ที่ทำหน้างง “หนูสายตาสั้นนะคะ แล้วอีกอย่างหนูก็รู้จักกับ
ยูมิที่นั่งข้างหน้า ของหนูนั่งข้างเขาได้มั้ยคะอาจารย์”
    “จริงหรือ ยูมิ”อาจารย์หันกลับมาถามยูมิ
    “เออ...คะๆอาจารย์ หนูรู้จักเขา แล้วเขาก็สายตาสั้นมากด้วยคะ”ยูมิพูดปดกับอาจารย์
    “แล้ว..เธอจะยอมย้ายมั้ย อาเคน”อาจารย์หันไปถามอาเคนต่อ
    “ไม่ละครับครู ผมชอบนั่งตรงนี้มากกว่า”อาเคนให้คำตอบที่เหมือนยกภูเขาทั้งลูกมาให้เธอ
                “แล้วยูมิก็แฟนผมด้วย” มีเสียงวีดปากดังมาจากทั่วทุกสารทิศ อาจารย์ประจำชั้นหัวเราะก่อนจะหันไปบอกกับลินอิว่า
    “คงไม่ได้แล้วละนะ ลินาอิคู่รักคงจะไม่ยอม”
    “อาจารย์คะ”ลินอิเริ่มต่อ “ตามกฎหมายแล้ว ผู้ที่มีสิทธิเรื่องคู่ครองต้องมีอายุ17ปีขึ้นไปนะคะ แล้วหนูก็เห็นว่าการที่มีคู่รักมานั่ง
สวีดกันในห้องเรียนมันก็ไม่ได้สบายตานะคะ มันผิดศีลธรรมซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่หน้าส่งเสริม ถ้าหากเป็นเพื่อนกันก็ไม่มีปัญหาเพราะคงจะไม่มีการกอดรัดกันในห้องเรียนจริงมั้ยคะ”มันเป็นคำพูดที่คมบาดใจกลุ่มนักเรียนประเภทคึกประสมพันธุ์เสียนี้กระไร ทำเอาหัวเราะฮือกันทั้งห้องขณะที่อาเคนหันไปส่งสายตาอาฆาตไปให้ศัตรูตัวฉกาจที่ยิ้มตอบอย่างมีชัย
    “อืมม์..”อาจารย์อำอึ่ง
    “อีกอย่างนะคะ ในเมื่อความจริงแล้วหนูก็เป็นนักเรียนทุนของอังกฤษผลการเรียนของหนูก็ขึ้นอยู่กับสายตา ถ้าเกรดหนูตกหนูจะบอกผู้ปกครองว่าอะไรดีละคะ”ลินอิให้เหตุผลที่น่าฟังจนทั้งห้องเห็นด้วยที่สมควรจะให้นักเรียนใหม่เข้ามาแทนที่อาเคน
    “ตกลง ถ้างั้นก็อาเคนครูว่าเธอคงต้องย้ายแล้วละ”สิ้นคำพูด อาเคนก็จัดการสำพาระด้วยท่าทีที่ไม่น่าไว้วางใจ ก่อนจะเดินสวนกันลินอิที่เดินมานั่งแทนที่
    “อุ้ย..”เธอร้องเบาๆก่อนจะลุกขึ้นและดึงเอาลูกแมกออกมาจากด้านหลังของกระโปรงนักเรียน
    “อะไรหรอ”อาจารย์ถาม
    “เปล่าคะอาจารย์ ก็แค่ลูกแม๊กอ่ะคะ”ลินอิตอบพร้อมกับเก็บมันลงใต้โต๊ะและวางกระเป๋าลงข้างเก้าอี้ ระหว่างที่พวกอาเคนกำลังหัวเราะชอบใจ แต่เมื่อลินอิหันไปจุ๊บเบาๆที่ธนบัตรชนิดพันเยน รอยยิ้มของอาเคนก็หายไป
    “เฮ้ย!เงินฉันไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!”เพื่อนๆของอาเคนก้มลงมุดหาธนบัตรใต้โต๊ะพวกเขา ขณะที่ลินอิยักไหล่อย่างล้อเลียนแล้วก็เก็บเงินใบนั้นลงไป
    “ลินอิใช่มั้ย”ยูมิถาม ลินอิพยักหน้า “ดีใจจังเลย ทีนี้ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งกลัวเจ้าบ้านั้นแล้ว”ยูมิกระซิบบอกด้วยความตื้นตัน
    “อย่างห่วงเลยคะนายหญิง ยังมีอะไรให้ท่านตกใจอีกเยอะ”ลินอิบอก
                “ข้าไม่ได้มาคนเดียวหรอกคะ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น