ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลืมบอกไปฉันมันยัยจอมโหด!!!

    ลำดับตอนที่ #3 : พานพบ

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 52


     

    She talk

     

    บรรยากาศในตอนเช้าที่แสนจะสบาย ผู้คนที่ทักทายด้วยสีหน้าท่าทางร่าเริง

    เนื่องจากพึ่งพบหน้ากันหลังจากวันหยุดอันยาวนานแต่ฉันกลับต้องมานั่งเซ็งจิต

    อยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนที่ประจำ โดยมีบรรดาลูกน้องของฉันรายล้อม

    ลูกพี่เป็นอะไรไปครับ หนึ่งในบรรดาลูกน้องของฉัน รวบรวมความกล้าถามออกมา

    เมื่อเห็นฉันสีหน้าไม่ค่อยอยากให้ใครเข้าใกล้ซักเท่าไหร่

     

    เปล่า....ฉันตอบแบบขอไปที

     

    ที่ร๊าก .... นั่นไงล่ะสาเหตุเซ็งจิตของฉันส่งเสียงมาแต่ไกล ฉันมองไปทางเสียงก็พบ

    กับผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาดีโคตรๆ ด้วยความสูง 185 ซม.ใบหน้าที่ขาวใส

    ปากแดงเรียวบางน่าสัมผัส ขนตาที่งอนยาว ใบหน้าที่หวานซึ้งจนผู้หญิงบางคนต้องอาย

    รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ และที่สำคัญรวยโคตรๆ เพราะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของแก๊งไทรแอด

    แก๊งพันธมิตร กับแก๊งไอดิก ของฉัน  ไอ้บ้านี่พยายามจีบฉันมาเป็นเดือนแล้ว

    ท่ามกลางการ เอาใจช่วย ของพ่อ พี่ชาย และสมาชิกระดับสูงภายในแก๊งไอดิก

    มีเพียงคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย นั่นคือ ปู่ของฉัน ด้วยเหตุผลที่ว่า

      หลานข้า ใครอย่าแตะ   นั่นล่ะคือเหตุผลที่ทำให้ฉันยังไม่ถูกจับหมั้นหมาย

    กับอีตานั่น แต่ว่าปู่เองก็ต้านทานเสียงจาก สมาชิกแก๊งระดับสูงคนอื่นๆไม่ได้

    เลยอนุญาตให้มาจีบฉัน  ถ้าตกลงปลงใจก็ยอมให้มีการหมั้นหมายได้

    ไม่อย่างนั้น อีตานี่คงถูกฉันเลาะซี่โครงออกมาทำต้มซุปไปนานแล้ว

    ถ้าถาม ว่าทำไมคนน่าตาดีขนาดนี้มาชอบทำไมฉันถึงไม่หวั่นไหวบ้าง

    ก็คนมันไม่ชอบ ไม่มีเหตุผลน่ะ

     

    ยังไม่ ตายอีกเรอะ   ฉันตอบแบบเซ็งๆอุตส่าห์ตัดสาย เบรกรถแล้วนะ

    รอดมาได้ไงฟะ

     

      โหยตอบอย่างนี้ เค้าเจ็บปวดนะจ๊ะ พูดเสร็จก็ทำหน้าเจ็บปวดไปด้วย

    ลืมบอกไปนายนี่ชื่อ ไค

     

    ฉันอดรนทนไม่ไหวด้วยความรำคาญ ฉันเลยกระชากคอเสื้อหมอนั่นมาใกล้ๆ

    ก่อนจะเอ่ย

    เหตุผลเดียว ที่นายยังอยู่ใกล้ๆ ฉันได้โดยไม่ถูก ฉันเลาะซี่โครงออกมาทำต้มซุปก็คือ

    แก๊งของนายกับแก๊ง ของฉันเป็น พันธมิตรกันถ้าเมื่อไหร่ที่จบเรื่อง ล่ะก็

    ฉันทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้ว  ....แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นก่อนจะผลักกลับไป

     

    นายนั่นยิ้มกว้างก่อนจะกล่าว

    อ๊าง....โหดได้ใจถูกใจ เป็นที่สุด อย่างนี้ยิ่งรักตายเลย

     

    เชื่อเลยไม่ได้กลัวคำขู่ของฉันแม้แต่นิด ให้ตายเถอะเชื่อมั้ยล่ะว่า

    เหตุผลที่นายไคตกหลุมรักฉันก็คือวันที่แก๊งไทรแอด กับแก๊งไอดิกมาเจรจาธุรกิจที่บ้าน

    นายนั่นเห็นฉัน แล้วจ้องเอาๆ ฉันรำคาญเลยถามกลับไปว่า มองอะไรฟะไอ้ตุ๊ด

    นายนั่นบอกฉันว่าตกหลุมรักเพราะคำๆนั้นของฉัน โอ๊ยคนสวยอยากจะบ้า

    ฉันลุกจากที่นั่งก่อนจะส่งสายตาบอกลูกน้องว่าไม่ต้องตามมา

    โดยที่มี  นายนั่น ตะโกนตามหลังมาว่า รักนะจ๊ะ

     

    จะมีทางไหนมั้ยเนี่ยที่จะเอาไอ้บ้านี่ออกไปจากชีวิตฉัน

    ฉันขยี้ผมด้วยความหงุดหงิด จนกระทั่ง สร้อยข้อมือหลุดจากมือฉัน

    เฮ้ย!!หลุดได้ไงเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยหลุด สร้อยข้อมือ เป็นสร้อยสแตนเลสธรรมดา

    แต่ว่า สำหรับฉันไม่ใช่สร้อยข้อมือธรรมดา มันเป็นอะไรมากกว่านั้น

    ที่สายสร้อย สลักไว้ว่า ***ที่ระลึกชมรมดนตรีคลาสสิก***

     

    พี่เชนฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน

     

    ....................................................................................................

     

    He talk

     

     

    ในบรรยากาศของห้องเรียนที่สับสนวุ่นวาย เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่ดั่งนกกระจอกแตกรังเนื่องต่างคนต่างมีเรื่องราวมากมายในช่วงปิดเทอม มาเล่าสู่กันฟัง ผมกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งตัวหลังสุด

    ห้อง ติดกับที่นั่งไอ้ซี แต่ว่ามี โต๊ะเรียน ตัวหนึ่งเว้นว่างไว้นั่นมีผู้ชายสองคนนั่งขนาบข้าง

    โดยมีการเว้นว่างไว้ตรงกลางราวกับรอการมาของใครบางคน

    ที่นั่งติดริมหน้าต่างแถมอยู่ หลังห้อง ทำไมไม่มีใครไปนั่งกันนะ

    อะไร บางอย่างทำให้ผมสนใจในที่นั่งนั้นเหลือเกิน

     

    มองอะไรวะ ยุ เห็นจ้องเอาจ้องเอา ซีเอ่ยปากถามผม

     

    ที่นั่งตัวนั้นของใคร เหรอ ผมบุ้ยใบ้ไปทางที่นั่งตัวนั้น

     

    ของคนที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อเช้าไงเล่า  ถ้ารักชีวิตก็อย่างไปยุ่งกับเจ้าของที่นั่งนั้นเข้าใจรึเปล่า

     

    ชักอยากจะเห็นแล้วล่ะสิว่าหน้าตายัยนี่เป็นยังไง สงสัยตัวใหญ่เท่าหมีเลยล่ะมั้งถึงขนาดที่ทำให้นายซีผู้ไม่เคยกลัวอะไรต้องหลีกเลี่ยง ได้ขนาดนี้

     

    บลา บลา เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ

     

    เจ้าของที่นั่งนั้นก็ยังไม่ปรากฏตัวจนกระทั่งออดเวลาพักกลางวันดังขึ้น

     

    เฮ้ย...ยุไปกินข้าวกัน

     

    อืม... .ผมรับคำ

     

     

    ระหว่างทางไอ้ซี เกิดปวดท้องจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน

    เฮ้ยข้าปวดท้องว่ะแกไปโรงอาหารถูกใช่มั้ย

     

      เออ...หลังคาสีเขียวใช่ไหม

     

    แกตรงไปนะแล้วเลี้ยว ขวาเลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้ายอีกสองรอบจะเจอโรงอาหาร

     

    อย่าตลก บอกทางที่ถูกซะดีๆ

     

    อ้าวไม่โง่เหมือนหน้าตานี่หว่า รู้ด้วยว่าข้า อำ

     

    ไอ้นี่....จะบอกว่าผมหน้าโง่ใช่ไหมเนี่ย

     

    โอเคๆ ตรงไปเรื่อยจนสุดทางเดินแล้วลงบันไดไปก็เจอแล้ว

     

    ชิ...แค่นั้นก็จบ

    ผมเดินไปเรื่อยๆตามทางเดินที่ทอดยาวเด็กนักเรียนที่ออกมาจากห้องต่างมุ่งหน้าไปโรงอาหาร

    ที่ผมรู้เพราะบางคนถือห่อขนมไปด้วย แต่ว่าทำไมทุกคนถึงได้เดินสวนผมไปล่ะ

    ถ้าทำแบบนั้นมันจะอ้อมไม่ใช่รึไง ผมได้แต่มองทุกคนด้วยสายตาที่งงๆ

    ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่อยากเดินผ่านระเบียงทางด้านหน้า บางคนก็มองผมที่เดินไปข้างหน้าด้วย

    สายตาที่ทึ่งๆ  มันอะไรกันนะ..

     

    แต่แล้วเสียง ....เสียงหนึ่งก็ลอยเข้าหูของผม

    มันคือเสียงไวโอลิน ที่กำลังเล่นเพลงอะไรไม่รู้ เนื่องจากผมไม่ความเชี่ยวชาญเรื่องนี้เลย

     

    รู้แต่ว่ามันเพราะมาก

     

    ถึงจะไพเราะขนาดนี้ แต่ว่า....

     

    มันกลับเศร้าเหลือเกิน เศร้าจนผมรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย ทำไมคนที่เล่นเพลงนี้ถึงได้เศร้าขนาดนี้นะ

    และไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมอยากให้คนที่เล่นเพลงนี้หายเศร้า

    ขาของผมเดินเข้าไปเรื่อยๆตามเสียงดนตรีไปจนกระทั่งหยุดที่ปากประตูห้อง

    ที่ป้ายเหนือหัวเขียนไว้ว่า

    ห้องดนตรี

     

    ประตูไม้สีน้ำตาลเปิดแง้มเพียงเล็กน้อยผมผลักเบาๆ ประตูก็เปิดออกตามแรงของผม

    ห้องนั้นบุผนังด้วยสีครีม พื้นไม้ปาเกตุสีน้ำตาล ในห้องมีเครื่องดนตรีทั้งไทยและเทศ

    ผนังด้านหน้าเป็นกระจกใสที่แสงแดดส่องรอดออกมา และตรงกลางก็มีพื้นยกสูงทำเป็นเวที

    และบนนั้น ผมก็ได้พบกับ   เธอ

    นางฟ้า....เหรอ    คือสิ่งแรกที่ผมคิดในใจ

     เธองดงามมาก เธอที่อยู่ในแสงทำให้เหมือนภาพที่อยู่ในฝันไม่มีผิดเพี้ยน

    เธอกำลังสีไวโอลินด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย ถ้าศิลปินวาดรูปท่านใดที่มาเห็นภาพ  ที่ผมเห็นคง     เก็บภาพนี้ในใจและถ่ายทอดออกมาเป็นศิลปะเลอเลิศได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

     เพราะองค์ประกอบทั้งหมด    เหมาะสมที่สุดกับคำว่า .....งดงาม

     

    เธอคงมุ่งมั่นกับการสีไวโอลิน โดยไม่ได้สังเกตว่าผมค่อยๆเดินเข้าใกล้แค่ไหน

    จนกระทั่งเพลงที่เธอเล่นหยุดลง นั่นล่ะถึงได้ สังเกตเห็นผม

     

    มองอะไรฟะไอ้เห่ย แว่นตาทู่เรศ ลูกตาเป็นบ้า นี่คือคำแรกที่หลุดมาจากปากเธอ

     

    เพล้ง!! หมดทันทีภาพนางฟ้า เมื่อกี้ โอ้วโห ผีเจาะปากมาพูดรึไงนะผู้หญิงคนนี้

    เธอเดินมาทางผมก่อนจะ......พลั่ก!!ผลักไหล่ ด้วยเรี่ยวแรงมหาสารจนผมเกือบล้ม

    พระเจ้าสาบานนะว่าเมื่อกี้แรงผู้หญิง ที่ดูด้วยสายตาคร่าวๆน่าจะสูงประมาณ162ซม.

    แต่ผลักทีเดียว ผู้ชายสูง180 อย่างผมเกือบล้มกลิ้งไม่เป็นท่า

     

    เธอหันมาทางผม แล้วพูด

     

    ถ้าฉันเห็น หน้านายอีกล่ะก็.......เธอเอานิ้วขี้ทำท่าปาดคอให้ผมดูก่อนจะเดินออกไป

     

    นี่มันอะไรกันเนี่ย!!

     

     

    ......................................................................

     

    ผมเก็บความหงุดหงิดไว้ในใจก่อนจะเดินออกมาจากห้องดนตรี ผู้หญิงอะไรนักเลงเป็นบ้า

    ชิ...เสียดายความรู้สึกที่เมื่อกี้นี้ ผมมองผู้หญิงคนนั้นสวยเหมือนนางฟ้าจริงๆ

    ขาของผมก้าวออกมาจากห้องดนตรี แล้วเดินลงบันไดไป

    ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงบางอย่าง

     

    พลั่ก!!  เสียงนี้มาจากใต้บันใดที่ผมยืนอยู่

     

    ผมเดินไปดูก็พบผู้ชาย กลุ่มนึงกำลังรุมล้อม เด็กผู้ชายโดยมีคนหนึ่งล็อคแขนเด็กคนนั้นไว้

     

      อะไรฟะมีแค่นี้เองเหรอ หนึ่งในพวกมัน กำลังหยิบเงินที่ล้วงออกมาจากกระเป๋าสตางค์

    จากเด็กผู้ชายคนนั้น ให้ตายเถอะไม่ว่าผมไปที่ไหน ก็ต้องมี เหตุการณ์แบบนี้ทุกที่เลยสิน่า

    ไอ้พวกรีดไถเนี่ย ตอนนี้ไอ้ซี ก็ไม่อยู่กับผมซะด้วย ถ้ามันอยู่คงช่วยผมได้มากเลยล่ะเพราะว่า

    มันเป็นคนที่สู้เก่งมากๆเลย

     

    เฮ้ย...หยุดนะ  ด้วยความที่สายเลือดตำรวจเต็มตัวทำให้ผมเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย

    คือเห็นคนเดือดร้อนไม่ได้ต้องเข้าไปช่วย

     

    ยุ่งอะไรด้วยวะ ไอ้แว่น หนึ่งในพวกมันมองเห็นผม

     

    ก็ไม่อยากยุ่งหรอก แต่พวกนายกำลังทำไม่ถูก

     

    พวกมันมองหน้ากัน ก่อนที่คนหนึ่งจะเหวี่ยงหมัดเข้าหาผม

    ผมหลบก่อนที่จะสวนด้วยหมัดซ้ายเข้าไปเต็มกราม ของไอ้หมอนั่น

     

    พวกมันมองหน้ากันก่อนที่จะเข้ามาหาผมพร้อมๆกัน ผมขยับตัวออกไปทางซ้ายเล็กน้อย

    เปลี่ยนตัวเองจากตำแหน่งที่ถูกรุมสองให้เหลือหนึ่งต่อหนึ่ง ก่อนจะเตะสวนหมัดออกไป

     

    โครม!! เก้าอี้ที่มาจากไหนไม่รู้ฟาดเข้าที่หลังผมเต็มๆ

    ผมทรุดลงไปนั่งเนื่องจากโดนเข้าไปเต็มๆ 
    แย่แล้ว !!!!!  พวกมันมีสี่คนนี่นา

    อีกคนอยู่วงนอกผมเลยไม่ได้สังเกต

    ไง  อยากเป็นฮีโร่นักเรอะมรึง พวกมันเอ่ยก่อนที่จะเอาเก้าอี้ยกขึ้นเหนือหัวเตรียมฟาดผม

     

    พลั่ก!! ทั้งคนทั้งเก้าอี้ ปลิวไปตามแรง แต่ไม่ใช่ผมกลับกลายคนที่จะฟาดผมที่ปลิวไปติดฝาผนัง
    ใครกันนะ ผมเห็นแต่ด้านหลังที่เห็นเพียงผมที่ยาวสยาย และรู้ว่าเป็นผู้หญิง                         

    โครม!!เสียงดังขึ้น เมื่อคนๆนั้นจับอีกคนที่สวนหมัดใส่ ทุ่มอย่างแรงจนพื้นแทบแตก

    และแล้วเสียงต่างๆก็สงบลงเมื่อพวกมันต่างนอนโอดโอยอยู่ที่พื้น

     

    พลั่ก!! เสียงดังสนั่นเมื่อเธอเตะ คนที่เป็นน่าจะเป็นหัวหน้าของพวกมันให้นอนหงาย

    ก่อนที่ จะ              
    กร๊อบ
    !! เธอกระทืบลงบนชายโครง ทำให้ซี่โครงไอ้เจ้านั่นหักทันที

    อ๊าค!!ไอ้เจ้านั่นร้องไม่เป็นภาษาเมื่อซี่โครงหัก


    เธอพอได้แล้ว ผมพยามห้าม เธอไม่ให้ทำเกินไปกว่านี้

     

    อย่ามายุ่ง ถ้าไม่อยากตายก็ หุบปาก!! เธอพูดโดยไม่มองหน้าผม

    เอ๋.....เสียง คุ้นหูจัง  เธอหันไปพูดกับไอ้เจ้านั่น

     

    พวกแกฟังให้ดีๆ  การที่ไทรแอด กับไอดิก เป็นพันธมิตรกันไม่ได้หมายความว่าพวกแกจะมาทำอะไรก็ได้ในถิ่นฉัน  ถ้ามีคราวหน้า จะไม่ใช่แค่ซี่โครงหัก แต่...หู ของแกจะมาเป็นสร้อยข้อมือฉันเข้าใจมั้ย

     

    เข้าใจครับ...

     

    ดี.....ไปได้แล้ว

     

    เธอหันหลังกลับก่อนที่เสยผมที่ปรกหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าชัดๆ

    นั่นมันเธอคนนั้นนี่นา คนที่อยู่บนห้องดนตรี

    เธอก้มลงไปเก็บสร้อยข้อมือที่หล่นบนพื้น ก่อนที่หันมามองหน้าผม

     

    อ้าว....นายนี่นา ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าเห็นนายอีก ฉันจะ..เธอทำท่าปาดคอให้ดูอีกครั้ง

     เล่นเอาผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่

    ช่างเถอะ นายทำให้ฉันเบาแรงไปได้หน่อยนึง  ฉันจะยกโทษให้ก็แล้วกัน เธอหมายถึงคนแรกที่โดนผมสวนด้วยหมัดซ้ายที่ตอนนี้ยังลุกไม่ขึ้นเลย

     

    เธอเป็นใคร ....

     

    ฉันชื่อเกล ใครๆที่นี่ก็เรียกฉันว่า   นางมารร้าย  

     

     

    ..............................................................................................................................................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×