ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนตร์สุดเพี้ยน เปลี่ยนนายคาสโนว่า ให้เป็นนางคาสโนวี่

    ลำดับตอนที่ #10 : chapter 02 มันไม่จริงใช่ไหม (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 51


    สถานที่บ้านสายไหม

                   

    ปื้น... ปื้น..

     

    เสียงแตรรถ ใครก็ไม่รู้สงสัยเป็นของข้างบ้าน

     รู้แต่ว่า ฉันต้องลุกจากที่นอน

     ง่วงอะ

    ฉัน ยื่นมือไปคว้านาฬิกาปลุกและ

    พบว่ามันเป็นเวลาที่สมควรจะตื่นได้แล้ว

     

    ฮ้าว.... ฉันบิดขี้เกียจนิดนึงก่อนจะลงมาจากเตียง

     

    ก๊อก

     

    เอ๊ะเสียงอะไร กันนะ ช่างเถอะ

     

    ก็อก

     

    ฉันหันไปทางต้นเสียงและก็เห็นก้อนหินก้อนเล็กๆ  ถูกปามาที่หน้าต่าง

    สงสัยจะเป็น เด็กแถวนี้เล่นซนล่ะมั้ง ช่างเถอะ

     

    ก็อก

     

    แต่ว่า ถ้าเกิดกระจกแตกแล้ว  พ่อกลับมาล่ะก็ ซวยแน่นอนฉัน

    ด้วยความที่เป็นนางเอกผู้แสนจะอ่อนหวาน

     ฉัน เลยต้องออกไปดุเด็กพวกนั้นซะหน่อย

    ครืด...

    ฉันเปิด หน้าต่างออกไปแล้วยื่นหน้าออกไป

     

    เฮ้ยไอ้เด็กเวร !! ไม่มีอะไรทำหรือไงยะ เดี๋ยวแม่ฆ่าซะหรอก

     

    แต่ทว่า ฉันกลับได้เสียงหนึ่งตอบกลับมาแทน

     

    ระวัง!!

     

    โป็ก!

     

    เอ๋ง  เอ๊ย โอ๊ย !! “

     

    เจ็บอะเมื่อวานโดนหาเรื่อง แถมเจ็บขา มาวันนี้โดนใครไม่รู้ปา กบาลอีก

    ทำช่วงนี้ซวยแบบนี้นะ

    ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง อย่างระแวด ระวัง

    ก็พบยัยน้ำ กำลังโบกมือหยอยๆให้อย่างเต็มที่

     

      ว่าไง มาทำอะไร เหรอ ฉันเอ่ยพร้อมกับคลำหัวที่เริ่มปูด

     

    มารับเธอไปเรียนไง

     

    ขอบใจนะเข้ามาก่อนสิ ฉันลงไปเปิดประตูให้ก่อนจะ

    ขึ้นไปธุระส่วนตัว

     

    หลังจากแต่งตัว ประมาณครึ่งชม.เรียบร้อยแล้ว

     

    ก็ พบยัย น้ำกำลังทำหน้าตาเซ็งๆ อยู่

     

    เป็นอะไรทำหน้าตาเบื่อโลก

     

    เปล่าไม่เป็นอะไรหรอก เราจะไปกันรึยัง

     

    อืมไปสิ

     

    ฉันเปิดประตูออกไปก็พบรถเฟอร์รารี่สีแดง จอดอยู่หน้าบ้าน

    โดยมีคนนั่งอยู่ด้านในด้านคนขับ และคนๆนั้นก็คือพ่อครัวคนใหม่นั่นเอง

     

    รถบ้านเธอเหรอ ฉันเอ่ยถามน้ำ

     

    เปล่า รถไอ้เจ้าโย น่ะ

     

    นั่นใช่พ่อครัวคนใหม่ หรือเปล่า ฉันชี้ไปที่คนขับ

     

    อืม ใช่หมอนี่ชื่อโยเพื่อนฉันเอง นี่ก็รถมัน

    โอ้ว....พ่อครัวเนี่ย มันได้เงินเดือนเยอะขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย

    สมัครไปเป็นแม่ครัวมั่งจะดีไหมเนี่ย

    เพื่อจะได้ออก เฟอร์รารี่กับเขามั่ง

     

    น้ำเปิดประตูให้ฉันก่อนที่ส่งตัวเองไปนั่งที่เบาะหน้า

    เฮ้ย โยนี่เพื่อนฉัน คนที่เล่าให้แกฟังไง ชื่อสายไหม

    เธอเอ่ยก่อนจะหันมาพูดกับฉัน

    ไหมนี่เพื่อนเราชื่อโย

     

    สวัสดีค่ะ

     

    โยหันมาก่อนจะยิ้มให้ฉัน

    หวัดดีคร้าบ

     

    ผู้ชายคนนี้ยิ้มแล้ว น่ารักจัง แฮะ

    รู้สึกถูก ชะตายังไง บอกไม่ถูก

     

    ตลอดทางโยเป็นฝ่ายชวนฉันคุยตลอด

    และพบว่าคนๆนี้เป็นคนที่สนุกสนานน่าดู

     

    คิกๆ จริงเหรอ ฉันกำลังหัวเราะเรื่องเปิ่นๆเรื่องที่สิบ ของรูมเมทของโย

    ที่เจ้าตัวกำลัง เล่าให้ฟัง แล้วสายตา ฉันก็เห็นน้ำกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด

    ผ่านทางกระจกมองหลัง

     

    เป็นอะไรไปเหรอ น้ำ ฉันเอ่ย

     

    เปล่า

     

    นั่นสิ ทำหน้าเหมือนโลกแตก โยพูดขึ้นมาบ้าง

     

      หัวแกจะแตก ก่อนโลกนี่แหละ ขับไปเหอะ

     

    เอ....หรือว่า จะหึง  โยอื้มมือข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัย

    มาขยี้หัวคนที่นั่งด้านข้าง

     

    ไอ้นี่บอกว่าอย่าเล่น หัว เธอปัดมือออกไปอย่างฉุนๆ

    ก่อนจะเอ่ย

    ใช่ฉันหึง มีอะไรมะ

     

    ความรู้สึกหดหู่เข้ามา  เกาะกินหัวใจทันที

    โดยที่ฉัน ไม่รู้ตัวเอง เหมือนกันว่าเศร้าเพราะอะไร

     

    แหม ดีใจจัง พี่หึงผมด้วย  โยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจอย่างปิดไม่อยู่

     

    ไม่ได้หึงแกเว้ย

     

    เอ๋  เธอไม่ได้หึงโยแล้วเธอหึงใคร

    ในเมื่อในรถมีกันอยู่แค่สามคน

     

    ความเศร้าหายไปทันที

    มันถูกแทนที่ด้วย เสียงหัวใจที่เต้นโครมครามเข้ามาแทน

    นี่ฉันเป็นอะไรไปนะ

    ความสุขที่กำลังเอ่อล้นในหัวใจนี่มันคืออะไรกัน

    ฉันเอาได้แต่เอามือกุมหัวใจของตัวเองเอา ไว้เพียงอย่างเดียว

     

     

    ณ ที่โรงเรียน

     

    ฉันลงจากรถโดยที่มีน้ำคอย ประคองตัวฉันอยู่

     

    ไหมเป็นอะไรไป น่ะ ยัยกิ่งเอ่ยเมื่อเห็นสภาพของฉันที่พันข้อเท้า

     

    เมื่อวาน มีเรื่องกับพวกนักเลงน่ะ เลยเจ็บตัวนิดหน่อย

     

    น่าสงสารจัง

     

    ขอบใจ

     

    น่าสงสารพวกนักเลง จัง

     

    ........... (พูดไม่ออก )

    สงสารทำไมยะ

     

    ก็   แกคงอัดพวกนั้นเป็นการเอาคืนใช่มั้ย

    หลังจากนั้น แกคงฆ่าหั่นศพพวกมัน เพื่อเป็นการทำลายหลักฐาน

    ไม่นะ.....เพื่อนฉันเป็นฆาตกรไปแล้วเหรอเนี่ย

     

    ยัยบ้า  ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย แกเห็นฉันเป็นคนยังไง

     

    ไม่จริงน่า จริงๆเหรอ   แกไม่ได้ทำอะไรพวกมันเลยเหรอเนี่ย

     

    อืม

     

    ไม่ซักนิดอะ

     

    ไม่เลย

     

    แหะๆ ขอโทษนะฉันคงทักคนผิด ไปล่ะ ยัยกิ่งทำท่าจะเดินหนีไป

     

    ยัยบ้าจะไปไหน ฉันอื้ม มือไปจับคอเสื้อยัยกิ่ง

    ไม่ให้หนีไปไหน

     

    ปล่อยนะ แกเป็นตัวปลอมใช่ไหม เพื่อนฉันอยู่ไหน เอาเพื่อนฉันคืนมานะ

     

      หยุดบ้าได้แล้วแก ฉันเป็นตัวจริงย่ะ แล้วฉันก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อวานให้ฟัง

     

    หลังจากฟังเหตุการณ์เมื่อวานแล้ว ยัยกิ่งก็เอ่ยขึ้นมาว่า

    อ๊ายเท่ มากเลย  น้ำ หยั่งกับพระเอกหนังไทย

     

    ฮิ ฮิ ขอบใจนะ

     

    โหยนี่ถ้าเธอ เป็นผู้ชายนะ ยัยไหม ต้องใจตึกตัก หลงรัก เธอแน่เลย

     

    งั้นเหรอ แล้วไหม ใจเต้นกับเราหรือเปล่า

    เธอก้มหน้าลงมาถามฉันที่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อน

    ด้วยแววตาที่บางอย่างที่มีความหมาย

     

    มะ...ไม่...มีทางหรอก ใครจะไปใจเต้นกับผู้หญิง

     

    ยัยกิ่งตบหลัง ฉันก่อนจะเอ่ย

    เฮ้ย!!..เป็นอะไรไป ยัยไหม น้ำเขา ล้อเล่น แหม

    อย่าบอกนะว่าแกใจเต้นกับ  ยัยน้ำขึ้นมาจริงๆน่ะ

     

    ทำไมทายแม่นจัง  (วะ )

    เอ่อ...ฉันต้องไปส่งการบ้านก่อนนะ ฉันรีบลุกขึ้นมาก่อนจะรีบเดินหนีทันที

     

    เป็นอะไรของมัน เนี่ย กิ่ง เกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ

    ส่วนน้ำ แสยะยิ้มที่มุมปาก

    ก่อนจะนึกในใจ

    สำเร็จ


    และแล้วเวลาก็ผ่านไป

    ตอนนี้กำลังอยู่ในชั่วโมงดรออิ้ง

     

    ฉันกำลังวาดรูปอยู่อย่างตั้งใจ ขณะที่ในใจของฉันนั้นคิดถึง คำพูดของยัยกิ่ง

     

    โหยนี่ถ้าเธอ เป็นผู้ชายนะ ยัยไหม ต้องใจตึกตัก หลงรัก เธอแน่เลย

     

    เฮ้ย!!..เป็นอะไรไป ยัยไหม น้ำเขา ล้อเล่น แหม

    อย่าบอกนะว่าแกใจเต้นกับ  ยัยน้ำขึ้นมาจริงๆน่ะ

     

    แกรกๆ

    มือของฉันค่อยไล่เงารูปจากนางแบบที่นั่งอยู่ตรงกลางของห้อง

     

    อ้า...ทำไมรูปของฉันเป็นแบบนี้เนี่ย ยัยกิ่งยกรูปมาให้ฉันดู

     

    เอ่อ....รูปของยัยกิ่งทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย นางแบบเขาออกจะสวย

    วาดซะ....นางแบบ แทบฆ่าตัวตาย

     

    ไหนดูรูปของแกหน่อยซิ  โอ้โหสวยจังว่ะไหม ยัยกิ่งเอ่ยหลังจากชโงกหน้ามาดูใน

    กระดานวาดรูปของฉัน

     

     

      แต่ว่าทำไมรูปแก ครึ่งหนึ่งมัน ไม่เหมือนนางแบบวะ

     

    ฉันมองดูรูปตัวเอง และพบว่ามันเป็นที่อย่างที่ยัยกิ่งพูดจริง

    รูปของฉันครึ่งหน้าซีกซ้าย เหมือน นางแบบ

    อีกครึ่งเหมือน....

     

     

    เหมือนยัยน้ำ

    อ๊าค...นี่ฉันคิดถึงยัยนั่นจน เขียนลงในรูปเลยเหรอเนี่ย

    ไม่จริงน่า

     

    น้ำดูนี่สิ เธอว่าเหมือนใคร  ฉันรู้สึกคุ้นๆนะ กิ่งหยิบรูปในมือฉันส่งให้ยัยน้ำดู

     

    อ๊าคยัยกิ่งอย่าพึ่ง

    ฉันจะหยิบรูป จากมือของเธอแต่ทว่า

    ไม่ทัน

     

    อืมๆ สวยดี ทำไมล่ะมันก็เหมือนนางแบบออก น้ำเอ่ยหลังจากรับรูปมาดู

    โชคดีจัง ที่น้ำไม่ทันเห็น

     

    นี่ไงน้ำเอามือปิดภาพซีกซ้ายไว้นะแล้วมองภาพทางขวา เห็นรึเปล่าว่ามันเป็นอีกคน

    ยัยกิ่งเอามือปิดภาพซีกซ้ายแล้วให้น้ำดู

     

     

     

    ไม่เห็นมีอะไรเลย มันก็เหมือนนางแบบออกจะตาย เธอคิดมากไปหรือ เปล่า

    น้ำยังคงคำตอบเดิม

     

    เธอว่าอย่างนั้นเหรอ แต่เรา ว่ามัน...

     

    พอเลย ยัยกิ่ง เอารูปฉัน คืนมาได้แล้ว   ฉันรีบเอารูปมาจากมือของ ยัยกิ่งทันที

    ส่วน ยัยกิ่ง ก็ทำหน้างงนิดหน่อยก่อนกลับไปวาดรูปต่อ

    เนื่องจากเวลาที่อาจารย์ให้มาใกล้หมดแล้ว

     

     

    เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆในที่สุดก็หมดชั่วโมงดรออิ้ง

    ขณะที่น้ำกับฉันเดินไปส่งรูปที่โต๊ะ เธอกระซิบข้างหูฉัน เบาๆ

      ถ้าอยากวาดรูป เรา ขนาดนั้นเราเป็นแบบให้ก็ได้นะ

     

    เธอรู้...ฉันกลับไปหันมองหน้าเธออย่างตกใจ

     

     มีเพียงรอยยิ้มแบบมีเลศนัยตอบกลับมาเท่านั้น

     

     

    ช่วงเวลาพักกลางวัน

    ฉันนั่งกินข้าวอยู่กับ ยัยกิ่ง ท่ามกลางเสียงพูดคุยที่ฟังไม่ได้ศัพท์และ

    ความวุ่นวายสับสน ในช่วงเวลาพักกลางวัน ของโรงอาหาร

    มีเพียงโต๊ะเราเท่านั้นที่เงียบงัน

     

    เป็นอะไรไป ไหม ฉันเห็นแกเขี่ยเอา เขี่ยเอา แกเป็นไก่หรือไง

    ยัยกิ่งเอ่ยหลังจากเห็นฉันเอาแต่เขี่ยข้าวโดยไม่ยอมกิน

     

    มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ

     

    มีเรื่องให้คิด!! แกคิดกับเขาด้วยเหรอ โอ้วแม่เจ้า

     

    ........... 

     

    โอเค ๆ ฮาพอแล้ว แกมีเรื่องอะไรกลุ้มใจปรึกษาฉันได้นะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ

    ยัยกิ่งเอ่ยหลังจากเห็นสีหน้าฉัน

     

    เปล่าไม่มีอะไรหรอก แกอย่าไปใส่ใจเลย

     

    โกหก..... แกเป็นเพื่อนฉันมากี่ปีแล้วไหม แกคิดอะไรทำไมฉันจะไม่รู้

     

    ฉันไม่รู้ว่าเป็นอะไร

     

    อ้าว  แกไม่รู้แล้วแมวน้ำที่ไหนจะไปรู้เนี่ย

     

     ฉันหรี่ตาลงเล็กน้อย

     

    โอเคๆ เลิกตลกแล้ว แกเป็นอะไรไปล่ะ

     

    แกเคยมั้ย ที่ใจเต้นเวลา อยู่ใกล้ๆใครบางคน มีความสุขเพียงแค่เพราะคำพูดของเขาไม่กี่คำ

    ไม่พอใจเวลาเขาไปใกล้คนอื่น แกว่าฉันเป็นอะไรเหรอ

     

     

    ยัยกิ่งอามือปิดปากแบบเจอเรื่องประหลาดใจมากๆก่อนจะเอ่ย

    ไม่อยากเชื่อ ไหม   ก...กะ...แกกำลังมีความรัก

     

    ฉันอึ้งไปประมาณ2.35 วิ กว่าๆ

    อย่ามาตลกน่ากิ่งฉันจะไปตกหลุมรักได้ไง ฉันพึ่งเจอได้แค่สามวัน

     

    ได้สิแก ไม่งั้นจะมีคำว่ารักแรกพบเหรอ แล้ว ยัยกิ่งก็เข้าโหมดเพ้อฝัน

     

    ไม่ใช่หรอกแกคิดผิดแล้วล่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก

     

    ถ้าฉันคิดผิดนะให้แกไปกระโดด ถีบไอ้ต้อมได้เลย

     

    ฉันโดดถีบไอ้ต้อมเลยได้มั้ย

     

    ฮ่าๆ แล้วแต่แก ว่าแต่แล้วใครคือผู้โชคร้าย เอ๊ยโชคดีคนนั้นล่ะแก

     

    ไม่บอกหรอก เพราะว่ามันไม่ใช่

     

    ยัยกิ่งเนี่ยพูดอะไรไร้สาระจริงๆ

    ฉันไม่ใช่พวกเล่นดนตรีไทยซักหน่อย

    จะไปตกหลุมรักผู้หญิงได้ไง ฟ้าได้ผ่าตายเลย



    ในที่สุดเวลาก็มาถึงจนกระทั่งเลิกเรียน

    ฉันกำลังรอ น้ำกับยัยกิ่ง เพื่อที่จะรอกลับพร้อมกัน

    อยู่ที่ห้องเรียน

    สักพัก น้ำ ก็ ปรากฏตัวให้เห็น

     

    ไงรอนาน รึเปล่า

     

    อืมไม่นานหรอก ฉันรีบลุกแต่ด้วยความที่รีบร้อนไปหน่อยฉันเลยเตะ

    ถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ ล้มทันที

    และที่สำคัญ  แมลงเก้าชีวิตที่ถ้าเกิดสงครามนิวเคลียร์ยังรอดก็โผล่ออกมาด้วย

    ใช่แล้วมันคือ แมลงสาบนั่นเอง

    มันกำลังยกขาหน้าขึ้นพร้อมกับพูดว่า

    ฮาโล อามีโก้ (หวัดดีพักพวก)

    อาจเป็นเพราะว่าความกลัวเลยทำให้เห็นเป็นแบบนั้น

     ฉันทั้งเกลียดทั้งกลัวแมลงสาบเป็นที่สุด

     

    อ๊าค...น้ำไล่มันออกไปที

     

    จะไล่ยังไง ....ฉันก็กลัวมันเหมือนเธอเนี่ยล่ะ

     

    กลัวเหมือนกัน!!

    ซวยแล้วค่า

    และยิ่งกว่านั้นมันกระพือปีกนิดๆ อันเป็นสัญญาณว่ามันจะบิน ไม่อ๊าว!!

    และที่สำคัญมันบินแล้ว

     

    (สำหรับคนที่กลัวแมลงสาบเนี่ยคงจะเข้าใจว่าเวลาเจอแมลงสาบบินเนี่ย

    มันน่ากลัวขนาดไหน BY คนเขียน )

     

    ฉันรีบพุ่งตัวหลบโดย สัญชาติญาณ แต่ทว่ามันบินเลย

    เราสองคนไป ออกนอกหน้าต่างสู่โลกกว้างอันห่างไกล

     

    ไหม....ไหม ..แมลงสาบมันไปแล้วล่ะ น้ำเรียกฉันที่กำลังกอดตัวเธออยู่

     

    เอ๋มันไปแล้วเหรอ ฉันเงยหน้าขึ้นมามอง

    และพบว่าเธอกับฉันอยู่ใกล้กันมากแค่ไหน

    ใกล้กันขนาดนี้มันไม่ดีแน่

     

    นี่ปล่อยสิ ฉันพยายามขืนตัวออก

    แต่ทว่า เธอกลับเลื่อนใบหน้าของตัวเองมาเรื่อยๆ

    น่าแปลกที่ฉันควรจะถอยหนีแต่อะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้น

    ทำให้ฉันไม่สามารถถอยห่างออกมาได้

    ฉันค่อยๆ หลับตาลงเหลือเพียงของหัวใจเท่านั้นเอง

     

    โครม

     เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูทำเอาเราทั้งคู่หันไปมอง

    ยัยกิ่งกำลังเอามือปิดปากเมื่อได้เห็นภาพนี้ เสียงโครมคือเสียงของ

    ที่ยัยกิ่ง ถือมา

     

    ทำเอาฉันและเธอถอยห่างออกจากกันทันที

     

    เธอสองคน...

     

    มะ....มันไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะ

     

    ช.....ขะ..ใช่ ไหมฝุ่นเข้าตา ฉันเลยจะเอาออกให้แค่นั้นเอง

     

    งั้นเหรอ ยัยกิ่งหรี่ตามองอย่างสงสัย

    ไม่เขื่อแหง

     

    จริงๆนะ ฉันรีบเดินไปหา แต่ลืมไปว่าตัวเองขาเจ็บเลยสะดุดล้ม

    น้ำรีบคว้าตัวฉันไว้ แต่ทว่า...

    เธอกลับเสียหลักลื่นเลยล้มลงมาด้วย

     

    จุ๊บ

    ปากเธอกับปากฉันดันมาชนกัน

    เอาใหม่ได้ไหม เมื่อกี้ท่าไม่สวย เอ๊ย!!ไม่ใช่

    เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่

    ที่สำคัญก็คือ

     

    อ๊าค เฟิสคิส ฉัน

    ฉันเสียเฟิสคิสให้ผู้หญิงเหรอเนี่ยไม่อยากเชื่อเลยพี่น้อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×