ผานกู่เบิกฟ้า - ผานกู่เบิกฟ้า นิยาย ผานกู่เบิกฟ้า : Dek-D.com - Writer

    ผู้เข้าชมรวม

    3,118

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    3.11K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ส.ค. 52 / 07:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เนื้อเรื่องนี้เกิดขึ้นจากผลพลอยได้ของการค้นหา 'ตำนานหนี่วาอุดฟ้า' ขอรับ

    แล้วไปเจอเรื่องของ 'ผานกู่' เข้า จริงๆ ข้าน้อยก็เคยอ่านมานานแล้ว

    แต่พอมาถึงจุดๆ นี้ ข้าน้อย อยากเสนอมุมมองใหม่ๆ ในเรื่องผานกู่ ขอรับ

    ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าน้อยคิดว่าดีอะไรมากนัก แต่ช่วยวิจารณ์หน่อยนะแล้วกันขอรับ 
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ในสมัยที่จักรวาลถือกำเนิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
      ไร้ซึ่งรูปแบบ ไร้ซึ่งผู้คน ไร้ซึ่งกาลเวลา ไร้สรรพเสียงใด ฟ้าและดินไม่อาจแยกจากกัน
      เนิ่นนานเหลือเกินที่สิ่งเหล่านี้ลอยเด่นอย่างเดียวดายกลางนภากาศ

      นานแค่ไหนนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่เวลานี้กลับมีก้อนหินยักษ์พุ่งเข้าหาสิ่งๆ เดียวนี้!
      เสียงดังสนั่นกัมปนาทดังกึกก้องไปทั่ว ก้อนหินยักษ์ที่ไม่มีที่มาที่ไปร่อนถลาลงสู่พื้น
      แผ่นดินถึงกลับสั่นสะเทือน ท้องฟ้าสั่นไหว หลังจากนั้นก็เริ่มแยกออกจากแผ่นดิน!
      แต่นั่นก็ไม่พอที่จะทำให้ท้องฟ้าและแผ่นดินแยกออกจากกันจนหมดอยู่ดี
      ไฟใหญ่ลุกท่วมก้อนหินยักษ์กว่าที่มันจะสลายความร้อนให้หายสิ้นไปเองได้
      ต้องใช้เวลานานนับร้อยๆ ปี นานอีกแสนนานเหลือเกิน
      ในที่สุดหินก็ได้ขยับอีกครั้ง มันดิ้น .... พร้อมกับเสียงปริแยก นับร้อยๆ นับล้านๆ ครั้ง

      เหมือนมีสิ่งใดอยู่ข้างใน!!!

      หินยักษ์ค่อยๆ แตกออกอย่างช้าๆ นิ้วมือขนาดยักษ์อันทรงพลังมหาศาลกำลังแงะรื้อสิ่งที่กักขังมัน
      พลังอันมหาศาลดันก้อนหินแยกออกมานิดๆ ก่อนที่สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์จะโผล่หน้าออกมา
      กระทุ้งอีกทีเดียวหินยักษ์ก็แยกเป็นเสี่ยงๆ สัตว์ยักษ์ประหลาดตัวนี้มีขนรุงรังยุ่งเหยิงทั่วตัว
      จนแทบจะมองไม่เห็นหน้า บนหัวของมันมีเขาน้อยๆ ขึ้นอยู่กระจุกหนึ่ง ยิ่งดู ยิ่งพิจ ยิ่งประหลาด
      มันผุดลุก ผุดนั่งอยู่นาน กว่าที่มันจะยืนขึ้นได้

      ตัวใหญ่เกินไป!!! มันจึงได้แต่ค่อมๆ มองดูสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว

      ว่างเปล่า!!! ไม่มีสิ่งใดเลย ไม่มีอะไรเลย ไม่มีทุกๆ อย่าง!!!


      สัตว์ประหลาดร้องเสียงหลง ร้องด้วยเสียงที่ไม่มีใครเข้าใจได้

      มันหา มันพยายามหารอบๆ ก็ไม่มีใครเลยนอกจากมัน!!!

      มันนั่งลง รอเวลา เวลาที่ใครซักคนจะมาอยู่เป็นเพื่อนมัน
      แต่แท้ที่จริงแล้ว มันจะมีใคร มันก็มีเพียงมันเพียงเดียวดายเท่านั้น
      หยาดน้ำตารินไหลอาบทั้งสองแก้มที่รกไปด้วยขน
      มันร้องพร้อมชกท้องฟ้าด้วยความคับแค้นใจ คับแค้นใจที่ส่งมันมาเพียงผู้เดียว
      ท้องฟ้าเขยิบขึ้นน้อยๆ ตามแรงที่สัตว์ประหลาดส่งมา พร้อมด้วยกับเสียงสนั่น
      เรียกให้สัตว์ประหลาดหันหน้าขึ้นไปมอง
      มันดันได้หรือ? มันมีพลังขนาดนั้นหรือ? มันมองหมัดของตัวเองอย่างไม่แน่ใจ
      ก่อนจะผลักมือขึ้นท้องฟ้าไปด้วยแรงของตัวเองอีกครั้ง

      ท้องฟ้าขยับได้ มันขยับฟ้าได้ ได้ผล!! มันคงคิดอยู่ในใจ

      มันดันอยู่อย่างนั้นทั้งวัน ฟ้าก็สูงเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น มันยิ้ม มันดีใจ
      แต่สุดท้ายมันก็เหนื่อย มันจึงหยุดดัน และนอนหลับไปอีกหนึ่งวันเต็ม
      เพราะใช้พลังงานมากมายมหาศาล รุ่งขึ้นมันมาดูผลงานรู้สึกได้ว่า ฟ้าสูงขึ้นอีกหน่อย
      จนในที่สุด วันที่เจ็ดแห่งความพยายาม มันก็ยืนขึ้นแบบเต็มตัวได้

      มันดันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน นานเหลือเกิน ตัวมันก็สูงขึ้นเรื่อยๆ สูงเท่าฟ้าตลอดเวลา
      วันนี้มันดันอีก แต่มันเห็นสิ่งผิดปกติ มันเห็นตัวประหลาดที่ไม่เหมือนมัน และมันเองก็ไม่รู้
      เจ้าตัวนั้นตัวเล็กกว่ามัน มันมีสีเขียว มันคลานกระเตี้ยมๆ เพราะขาของมันสั้น
      เจ้าสัตว์ประหลาดตัวใหญ่เห็นดังนั้น จึงร้องคำรามทักออกไป เจ้าตัวเล็กสีเขียวจึงร้องคำรามตอบ
      มันยิ้ม มันดีใจ ดีใจที่มีเพื่อนแล้ว แต่มันก็ไม่พอใจ แม้เพื่อนของมันมีเพิ่มมาหนึ่งตัวแล้ว
      เจ้าตัวสีเขียวๆ ตัวเล็กๆ กระเตี้ยมๆ เข้าไปใกล้ๆ เจ้าตัวประหลาดใหญ่ยักษ์
      มันส่งสายตามองดูการกระทำของสัตว์ประหลาดยักษ์ จนในที่สุดมันก็หยุดลงพร้อมกับนอนหลับ
      สองสัตว์ประหลาดทั้งตัวเล็กตัวใหญ่นอนอยู่ด้วยกัน มันเหนื่อยแล้ว วันนี้พอก่อน!

      รุ่งขึ้นมันดันฟ้าอีก วันนี้ก็มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้นมาอีกแล้ว
      ครานี้เป็นตัวประหลาดตัวยาวๆ สีมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
      มันบินฉวัดเฉวียนรอบๆ ขาของเข้าตัวใหญ่
      เจ้าตัวใหญ่ยิ้มกริ้ม วันนี้มันมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกแล้ว

      ถัดมาอีกวัน มันก็มาดันฟ้าต่อ ครานี้เป็นสัตว์สี่ขามีเขาเหมือนมัน
      แต่ไม่ใช่! เพราะเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มันมีสีแดง ขามันยาวๆ กว่าตัวประหลาดสีเขียว
      จึงไม่น่าจะใช่ชนิดเดียวกัน มันมองและยิ้มต้อนรับเหมือนๆ กับทุกตัว

      เจ้าตัวใหญ่ยังคง ทำงานของมันต่อไป พร้อมๆ กับจ้องมองเพื่อนของมัน
      เจ้าตัวสีเขียว เจ้าตัวยาว และเจ้าสัตว์สีแดง ล้วนจ้องมองมันกระทำ
      พวกมันคำรามอย่างมีความสุข ก่อนที่มันจะเห็นเจ้าตัวใหม่
      เจ้าตัวนี้มีปีกสีแดงเพลิง ขนของมันลุกเป็นไฟ มันส่งเสียงร้องอย่างไพเราะกว่าทุกตัวที่ผ่านมา
      เจ้าตัวยาวเห็นดังนั้นจึงบินขึ้นเคียงคู่กัน ช่างสง่างามสมกันอย่างแท้จริง!
      เจ้าตัวเขียวและเจ้าสัตว์แดงมองหน้ากัน พร้อมคำรามอย่างมีความสุข

      มันไม่อิจฉาที่สองตัวนั้นบินได้ !!!

      วันนี้เหนื่อยพอแล้ว เจ้าตัวใหญ่หยุดพัก มันมองท้องฟ้าที่มันสร้าง
      มันมองสัตว์ทั้งสี่ที่นอนอุดตุอยู่ข้างๆ มัน พร้อมกับความเบิกบานใจ

      ช่างดีเหลือเกิน ช่างดีเหลือเกิน!!!

      วันนี้มันมีแรงมากมาย จากเพื่อนสัตว์ประหลาดทั้งหลาย
      มันยิ่งยกยิ่งสูง แต่.................................

      เหตุการณ์ดีๆ ที่ผ่านมามันไม่มีอะไรยั่งยืน ทุกสิ่งย่อมมีวันสิ้นสุดลง!!

      ในที่สุดมันก็หมดแรง! มันจึงล้มตัวลงนอนทันใด!

      สัตว์ประหลาดทั้งสี่ทั้งบิน วิ่งและคลาน เข้ามาใกล้ๆ จ้องมองตามัน
      เจ้าตัวใหญ่มันยิ้มให้ก่อนจะร้องคำรามอำลาเพื่อนๆ

      มันยิ้มอย่างสุขใจ มันรู้แล้วว่ามันเกิดมาทำไม มันเกิดมาเพื่อให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นใหม่
      มันเกิดมาเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้น และมันตายเพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์

      เจ้าตัวใหญ่หลับตาลงอย่างอ่อนแรง มันตายแล้ว!!

      สัตว์ประหลาดทั้งสี่ร่ำร้องเสียงหลง เพื่อนมันตายแล้ว
      เพื่อนที่ทำให้มันเกิดขึ้นมา ตายไปเสียแล้ว มันร่ำร้องจนท้องฟ้าเบิกทาง

      ลมหายใจของเจ้าตัวใหญ่ที่อ่อนระรินกลายเป็นสายลม เสียงกรนของมันกลายเป็นสายฟ้า
      ตาซ้ายของมันลอยขึ้นไปเป็นดวงอาทิตย์ ตาขวาของมันกลายเป็นดวงจันทร์
      ผิวหนังที่ขรุขระของมันแปรเปลี่ยนเป็นภูเขาและหุบเขาต่างๆ
      เลือดของมันสลายกลายเป็นแม่น้ำ กล้ามเนื้อของมันแผ่ออกไปเป็นผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์
      คิ้วของมันลอยขึ้นสูงกลายเป็นหมู่ดวงดาวและทางช้างเผือก
      ขนของเขาร่วงหล่นเป็นต้นไม้และทุ่งหญ้า กระดูกของมันฝังอยู่ใต้ผืนแผ่นดินกลายเป็นสินแร่
      ไขกระดูกของมันกลายมาเป็นเพชรนิลจินดา เหงื่อของมันล่องลอยสู่ท้องฟ้าก่อนจะตกลงมาเป็นน้ำฝน
      พร้อมกับเสียงร่ำไห้หาเจ้าใหญ่ของสตว์ทั้งสี่

      ..................แสนเศร้านัก แต่ในที่สุด......................

      ตัวหมัดบนตัวของเจ้าตัวใหญ่ก็ได้กลายมาเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ และเป็นเพื่อนกับสัตว์ประหลาดทั้งสี่ตัวนั้น
      พวกเขาตั้งชื่อเจ้าตัวสีเขียวว่า 'เต่า'
      พวกเขาตั้งชื่อเจ้าตัวยาว สีรุ้งว่า 'มังกร'
      พวกเขาตั้งชื่อเจ้าตัวสีแดงขายาวว่า 'กิเลน'
      และสุดท้ายพวกเขาตั้งชื่อแก่เจ้าตัวที่มีปีกแห่งเพลิงว่า 'หงส์'


      และเรียกตำนานเรื่องนี้ว่า 'ฝานกู่เบิกฟ้า' ฝานกู่ เพื่อนที่แสนดีของเจ้าสัตว์ประหลาดทั้งสี่!!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×