คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Divalia I : ชายหนุ่มที่ไม่มีเสียงเต้นของหัวใจ
Divalia I : ชายหนุ่มที่ไม่มีเสียงเต้นของหัวใจ
‘เอาละ เกลียดข้านักใช่มั้ย?’
‘เช่นนั้นจงมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยหัวใจของข้า…’
…การนินทาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ
ไม่เว้นแม้แต่ในสังคมที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ดีจ๋าอย่างเดธ
หากพูดถึงสถานที่ยอดนิยมในการพูดถึงบุคคลที่สาม
ไม่ว่าจะเป็นในแง่บวกหรือในแง่ลบก็ตาม
ร้านกาแฟถือเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเสมอ ซึ่งร้านกาแฟโอลด์โรสก็เป็นหนี่งในนั้น…
ร้านนี้ถูกตั้งอยู่ใจกลางกรุงอาราเวน
เมืองหลวงแห่งความตาย ที่นี่ได้ชื่อว่ารวบรวมความเป็นเดธทุกอย่างเอาไว้อย่างครบเครื่อง
ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ผู้คน สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
หรือแม้กระทั่งศูนย์รวมจิตใจของปวงประชาในสังกัดของความตาย… ราชินี…
เพราะว่าพวกเขายกผู้นำของตนเองเป็นถึง ‘ราชินี’ ไม่ใช่แค่เพียงระดับ ‘ท่านผู้นำ’
เหมือนตระกูลอื่นๆ นั่นจึงส่งผลให้การปกครองของเดธค่อนข้างเข้มงวด
ยึดถือระเบียบเคร่งครัด มีการเอาระบบขุนนางและเจ้าหญิงเจ้าชายมาใช้
เวลาบ่ายคือเวลาน้ำชา คนของฝั่งเดธจึงได้ชื่อว่าเป็นพวกผู้ดี… เต็มไปด้วยคุณสมบัติของสุภาพบุรุษ
แต่ก็ใช่ว่าสุภาพบุรุษทุกคนจะมีความเป็นผู้ดี…
“นี่ๆ เจ้าเคยได้ยินมั้ย…
เรื่องของลอร์ดโรเลสตันน่ะ”
“หา? หมายถึงไอ้เด็กลูเธอร์จอมยโสนั่นน่ะเหรอ?”
บทสนทนาที่ส่อไปในทางที่ไม่ค่อยดีนักถูกเอ่ยขึ้นในมุมหนึ่งของร้านกาแฟโอลด์โรส....
ผู้พูดเป็นชายสองคนในชุดสีดำสนิท
ปักตราขุนนางตระกูลไหนสักตระกูลที่มองไม่ถนัดนัก แต่ดูแล้วน่าจะมีศักดิ์ใหญ่พอสมควร
พวกเขากำลังพูดถึง ‘ลูเธอร์ โรเลสตัน’…
“เออ มันนั่นแหละ”
ชายคนแรกเอ่ย “ได้ยินว่าฝ่าบาทเพิ่งยกตำแหน่งแม่ทัพแห่งเดธให้มัน
เหอะ ไอ้เด็กนั่นชักจะได้ตำแหน่งมากไปแล้วนะ! ทั้งๆที่ข้าอายุมากกว่ามันแท้ๆ!”
แก๊ง!
ว่าจบ ผู้พูดก็กระแทกแก้วกาแฟลงกับจานรองเสียงดัง
โชคดีที่มีผู้คนอยู่ในร้านมากมาย เสียงกระแทกแก้วนั้นจึงไม่ค่อยเป็นที่สนใจนัก
เพราะถูกเสียงอื่นๆกลบจนเกือบหมด หรือหากได้ยิน
คนอื่นๆก็จะคิดไปในทางเดียวกันว่ามีพนักงานคนไหนสักคนที่เผลอทำแก้วลื่นตอนล้างเท่านั้น
…ยกเว้นอยู่คนหนึ่งน่ะนะ…
หญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนเลือกใบชาอยู่อีกด้านหนึ่งของร้านขมวดคิ้วน้อยๆ
ดวงตาสีอำพันคู่โตของเธอหรี่ลงน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงอันแปลกประหลาดที่ว่านั่น มือเรียวบางทว่าขาวซีดที่กำลังจะหยิบใบชาชั้นดีใส่ตระกร้าหยุดชะงัก
ก่อนที่เจ้าหล่อนจะปราดสายตาไปทางต้นเสียงอย่างเงียบๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
“ข้าว่าไอ้เด็กลูเธอร์นั่นใช้เงินซื้อตำแหน่ง…
ดูสิ มันรวยจะตาย!
โจรสลัดกระดูกที่ถูกส่งไปปล้นพวกวอร์ก็ฝีมือมัน เด็กเปรตนั่นจะไม่กินเล็กกินน้อยสักหน่อยเหรอวะ?”
“หึ ข้าละโคตรหมั่นไส้มันเลย! จองหองยังกับอะไรดี! ไอ้ผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินเอ๊ย…!”
“เรื่องจองหองน่ะมันเป็นตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่มันแล้ว
ลูเซียส พวกโรเลสตันน่ะโอหังมาตั้งแต่ต้นตระกูล…” คนพูดหัวเราะเหอะ
ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ลูเซียสสานบทสนทนาต่อไป
“ได้ยินมาว่าไอ้เด็กโอหังนั่นเก็บเด็กมาเลี้ยงตั้งหลายคน…
เจ้าว่ามันสร้างภาพรึเปล่า?”
“เรื่องมันแหงอยู่แล้ว”
อเล็กซ์เค่นยิ้มอย่างดูถูก “…น้องบุญธรรม?
เชื่อข้ามั้ยว่าเด็กพวกนั้นน่ะนางบำเรอทั้งนั้น!”
เพล้ง!!!
ทันทีที่จบประโยคนั้น…
แก้วกาแฟในมือของอเล็กซ์ก็แตกละเอียดทันที! น้ำกาแฟร้อนๆกระฉอกถูกมือของผู้ถือจนแสบไปหมด
แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ามีดสั้นเล่มหนึ่งที่ปักอยู่บนโต๊ะ… คาดว่ามีคนปามันใส่แก้วของเขาจนแตกยับไม่เหลือชิ้นดี!
เฮ้ย
นี่ถ้าใส่แรงอีกนิดนึง มันไม่ทะลุอกเขาเลยเหรอฟะ!
อเล็กซ์รีบตวัดสายตาไปตามทิศทางที่คมมีดถูกปามา
ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อพบว่ามีหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเข้มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
ใบหน้าสวยงามของเธอเคลือบด้วยรอยยิ้มที่แสนละมุนละไม
ซึ่งดูไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้!
นี่…
เธอเป็นคนปาไอ้มีดนั่นมาเรอะ!?
ไม่ปล่อยให้สงสัยนาน
หญิงสาวค่อยๆขยับริมฝีปากอย่างช้าๆ เธอเอ่ยเฉลยออกมา พร้อมกับจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาคู่งามราวกับผลึกคริสตัล
“ตายจริง ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะ
พอดีข้ายืนฟังคำพูดของพวกท่านตั้งนาน มันช่างกินใจเสียจนทนไม่ไหว….”
“อะ เอ่อ…?”
“พวกท่านช่างเป็นคนที่พูดจาได้น่าฟังมากเจ้าค่ะ”
สาวน้อยคนสวยวาดรอยยิ้มนุ่มนวลบนริมฝีปาก
ขณะก้าวมาที่โต๊ะของพวกเขาอย่างช้าๆ “ดึงดูดอารมณ์คนฟังได้ดีเลิศประเสริฐศรีสุดๆ
จนข้าอยากจะให้เกียรติท่านโดยการเอาหัวจุ่มชักโครกสักทีสองที… ด้วยความเคารพสุดหัวใจ”
หมับ!
มือขาวราวกระดาษคว้ามีดสั้นที่ปักไว้บนโต๊ะขึ้นมา
เผยให้เห็นโต๊ะกาแฟที่ถูกจิ้มเป็นรูอย่างน่ากลัว… ทว่าสาวเจ้าไม่ได้สนใจร่องรอยนั้นนัก
หลังจากเก็บมีดเข้าที่แล้ว เธอก็ยิ้ม… ส่งรอยยิ้มงามๆให้อเล็กซ์และลูเซียสอย่างละมุนละไม…
“มีอะไรจะพูดอีกหรือไม่เจ้าคะ?
เผื่อว่าข้าจะได้จดจำคำพูดอันน่าประทับใจของท่านไปบอกนายท่านของข้าได้ถูก”
“….”
“อา บางทีอาจจะ…
น้องๆบุญธรรมของนายท่านด้วย”
สองนักนินทากลืนน้ำลายเอื๊อก…
ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรงเมื่อสังเกตเห็นเข็มกลัดทองคำที่ประดับอยู่บนอกของหญิงสาวคนนั้น
มันเป็นตรารูปเถาวัลย์กุหลาบที่พันอยู่บนหัวกะโหลก
ซึ่งคนในวงการขุนนางรู้จักกันดีว่า… ไม่สิ
คนเกือบทั้งสังกัดเดธรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นตราประจำตระกูลโรเลสตัน!
ฉิบหาย นี่มันจุดไต้ตำตอสุดๆเลยนี่หว่า!!
“เอ่อ… ไม่มีอะไรครับ คุณผู้หญิง ค คือ… พวกข้ามีประชุมพอดี”
“นั่นสิๆ
ข้าว่าเรารีบไปกันก่อนดีกว่า ลูเซียส”
ว่าจบ
คนจุดไต้ตำตอทั้งสองก็รีบลุกออกจากเก้าอี้โดยวางเงินปึกหนึ่งให้เป็นค่าเครื่องดื่ม
พวกเขารีบสาวเท้าเดินออกจากร้านไปโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ! แถมยังมีซาวด์เอฟเฟ็คต์เป็นคำพูดประมาณ ‘ไม่น่าเลย!’
‘ไอ้เด็กนั่นจะรู้ป่ะวะ!?’ กับ ‘เพราะเจ้านั่นแหละ! โว้ย!’ ลอยตามสายลมมาเป็นระลอกๆ
“เฮ้อ ไม่แน่จริงนี่เจ้าคะ”
สาวเจ้าของมีดมองภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
เธอไม่สนว่าตัวเองจะตกเป็นเป้าสายตาของคนในร้าน
หรือถูกมองด้วยสายตาสะพรึงกลัวมากแค่ไหน แหงละ หน้าที่ของเธอไม่ใช่การมาสนใจสายตาพวกนั้นซะหน่อย!
อา เชื่อสิ
เธอเป็นแค่สาวใช้ตัวน้อยๆ ที่เดินออกมาซื้อของเข้าบ้าน แต่บังเอิ๊ญ… บังเอิญไปได้ยินคนปากไม่ดีนินทาเจ้านายโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้นเอง!
สาวน้อยสังกัดโรเลสตันหลับตาลงแล้วค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ
ก่อนจะหันไปหาเจ้าของร้านกาแฟที่กำลังอ้าปากค้าง ริมฝีปากได้รูปเอ่ยออกมารัวๆ
ทว่าชัดถ้อยชัดคำ
“อิงลิชเบรกฟาสต์
เอิร์ลเกรย์ ดาร์จีลิง พีช มะลิ และซีลอนอย่างละสามเจ้าค่ะ!”
คฤหาสน์สีดำสนิทตั้งตระหง่านอยู่ในเขตแห่งความตาย
แสงจันทร์นวลส่องกระทบตัวคฤหาสน์เป็นสีเลื่อมเงาสวยงาม
ดอกกุหลาบสีรัตติกาลที่มีเพียงที่นี่เพียงที่เดียวเบ่งบานรับยามราตรี
ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบรรยากาศที่มืดหม่น หนำซ้ำยังเจือปนด้วยไอวิญญาณ
นี่คือคฤหาสน์โรเลสตัน… คฤหาสน์แห่งดอกกุหลาบและโครงกระดูก
ที่พำนักของตระกูลขุนนางชั้นสูง ‘โรเลสตัน’ ผู้ภักดีต่อราชินีแห่งความตาย… มันถูกสร้างขึ้นในบริเวณที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพระราชวังหลวงนัก
แม้จะเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่โตโอฬาร แต่พวกเขาก็คอยระมัดระวังไม่ให้ธง หอคอย
หรืออะไรสูงเกินธงของวังหลวงเพื่อเป็นการให้เกียติแด่องค์ราชินี…
ตัวคฤหาสน์เป็นสีดำล้วนอย่างมีรสนิยม
ล้อมรอบด้วยสวนกุหลาบขนาดใหญ่และทะเลสาบที่ใสราวกับแก้ว
บนรั้วสีดำสนิทของคฤหาสน์มีตราประจำตระกูลประดับเอาไว้ มันเป็นสีทองสวยงาม สลักเสลาบนบานรั้วด้วยจิตกรรมระดับครู
‘รีนน์’ ใช้มือผลักบานประตูรั้วสีดำให้เปิดออก
แต่ทันทีที่ปลายเท้าย่ำเข้าสู่ด้านใน ร่างสีดำร่างหนึ่งก็วิ่งปราดเข้ามาหาเธอทันที
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ?”
เขาเป็นชายหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีดำสนิทที่สุดแสนจะยุ่งเหยิง
ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลชวนมองประดับอยู่บนใบหน้าดูดี
เขาสวมชุดเครื่องแบบพ่อบ้านสีดำสนิทเช่นเดียวกับถุงมือ
แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวสวมแหวนเงินมากมายเอาไว้จนแสบตาไปหมด
เขาคนนี้คือ ‘เฮลซิ่ง’ หรือ ‘เฮล’… ชายหนุ่มที่เป็นหนึ่งในผู้ดูแลคฤหาสน์โรเลสตันเช่นเดียวกับเธอ
แน่นอนว่าเฮลทำหน้าที่ได้ดีมาก ตั้งแต่เรื่องการดูแลความเรียบร้อยของบ้านไปจนถึงการเฝ้ายาม
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถของเฮลที่มีเผ่าพันธุ์เป็น ‘คูสิท’ หรือ ‘หมาดำปีศาจ’
เท่าไหร่นัก
โดยมากแล้ว
คนในสังกัดเดธมีความสัมพันธ์อันดีกับโลกหลังความตาย
ถึงขั้นนำสิ่งมีชีวิตกลับมาจากความตายเพื่อมารับใช้ได้เลยด้วยซ้ำ รีนน์ก็เช่นกัน
เธอเป็น ‘ซอมบี้’ ที่นายท่านแห่งตระกูลโรเลสตันลงทุนปลุกขึ้นมาเพื่อทำงานนี้โดยเฉพาะ
แต่กรณีของรีนน์ตรงข้ามกับเฮล…
ในขณะที่เธอเป็นซอมบี้ที่ถูกปลุกขึ้นมา
แต่เฮลกลับเป็น ‘เด็กหลง’ ที่หนีจากการฆ่าล้างตระกูลมาอยู่ที่นี่
เพราะคูสิทถือเป็นสุนัขแห่งลางร้าย เหล่านักล่าจึงเห็นว่าเป็นเป้าหมายที่ควรกำจัด
แล้ว ‘ลูเธอร์’ นายท่านแห่งโรเลสตันคนนั้น
ก็รับเฮลเข้ามาดูแล…
มีครั้งหนึ่งที่เหล่านักล่าคูสิทเป็นสิบๆคนตามเขามาที่นี่
มาแจ้งต่อนายท่านของคฤหาสน์ว่าให้ส่งตัวทายาทสุนัขปีศาจมาให้พวกตนทำการฆ่าทิ้งซะ! ตอนแรกเฮลซิ่งเองก็นึกกังวล…
แต่เมื่อนายท่านคนนั้นกล่าวออกมา เขาก็ถึงกับสะท้านไปทั้งร่าง…
‘เฮลซิ่ง
บาร์เกสต์เป็นคนในความดูแลของข้า เจ้าจะล่าเขาก็ได้… ถ้าพวกเจ้าอยากเป็นศัตรูกับโรเลสตันล่ะก็นะ…’
ไม่ว่าเปล่า
นายท่านแห่งบ้านกุหลาบและกระดูกยังใช้สายตาเยือกเย็นจ้องมองเหล่านักล่าทุกคนกลัวจนตัวสั่น
แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีนักล่าคนใดกล้ายุ่งกับเขาอีกเลย
เหตุการณ์นี้ทำให้เฮลภักดีต่อโรเลสตันมาก แถมความภักดีนั่นยังเผื่อแผ่ไปถึงตระกูลเดธทั้งตระกูลอีกด้วย… ปัจจุบันเจ้าตัวทำงานอยู่ที่คฤหาสน์โรเลสตันคู่กับรีนน์
สองคนนี้ถูกเรียกเล่นๆว่าพ่อบ้านหมาดำและแม่บ้านซอมบี้ประจำคฤหาสน์กระดูก… ฟังไปฟังมาก็น่ารักดีเหมือนกัน
“ถ้าไม่กลับมาแล้วจะเห็นมั้ยละเจ้าคะ?
ว ว้าย!”
ไม่ปล่อยให้หญิงสาวพูดจบประโยค ชายหนุ่มฉวยถุงกระดาษในมือของเธอไปถือเอาไว้ทันที
พร้อมกับใช้ดวงตาสีน้ำทะเลนั่นสำรวจสิ่งของในถุงอย่างตื่นเต้น
“ไหนดูซิ… อิงลิชเบรกฟาสต์
เอิร์ลเกรย์ ดาร์จีลิง พีช มะลิ แล้วก็ซีลอนเหรอ? งั้นข้าเอาไปเรียงเข้าที่เลยแล้วกัน”
“กรุณาอย่าเรียงเพลินจนลืมกวาดพื้นอีกนะเจ้าคะ”
เฮลซิ่งกลอกตา พร้อมกับทำหน้าหน่ายสุดชีวิต “เออน่า! ไปๆๆ ป่านนี้นายท่านรอน้ำชาจนคอแห้งแล้ว!”
"เอาละ จับมือพี่นะ"
ภายในห้องรับแขกสุดหรูของตระกูลโรเลสตันถูกประดับประดาด้วยเครื่องเรือนราคาแพง
เน้นโทนสีดำและสีทองดูภูมิฐาน เป็นเรื่องจริงที่รสนิยมชอบสีดำของคนในสังกัดเดธลามตั้งแต่การแต่งตัวมาจนถึงสไตล์การตกแต่งบ้านขั้นพื้นฐาน
และดูเหมือนจะลามไปถึงเรื่องอื่นๆด้วย… เช่น
ชุดแต่งงานของคนใต้บัญชาของความตายที่ต้องเป็นสีดำล้วน เป็นต้น
ตึ๊ง…!
ตรงกลางของห้องถูกเว้นไว้เป็นที่ว่างขนาดกำลังดี อย่างน้อยก็มากพอที่จะให้คนสองคนเต้นรำกันได้ไม่ยากนัก
บนโซฟาสีดำตัวยาวมีร่างของเด็กๆจำนวนสี่คนนั่งอยู่ในอิริยาบถแตกต่างกัน
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังพื้นที่ว่างตรงกลางที่ถูกนำไปใช้สำหรับการสอนเต้นรำของคนสองคน
โดยมีเสียงดนตรีดังมาจากเปียโนสีดำสนิทที่ถูกร่ายเวทย์ให้เล่นเองได้
ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งกำลังประคองเด็กสาวตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน
มือข้างหนึ่งแตะลงบนเอวเล็กๆนั่นเบาๆ ส่วนอีกข้างขยับออกด้านข้างเล็กน้อย
เพื่อให้มือขาวๆของอีกฝ่ายวางลงบนนั้นได้สะดวก
ขายาวก้าวนำร่างเล็กตามจังหวะเพลง
ส่วนปากก็เอ่ยกำกับด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
“ถอยหลังด้วยเท้าขวา… แล้วก็หมุนตัวไปทางซ้าย แบบนั้นแหละ”
ลูเธอร์ โรเลสตัน… นั่นละชื่อของเขา
ชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีทองสว่างดั่งทองคำล้ำค่า
ผิวสีขาวราวโครงกระดูกตัดกับอาภรณ์สีดำสนิทที่สวม
ใบหน้าหล่อเหลามากเสน่ห์ที่ควรค่าแก่คำว่าสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด และที่เด่นที่สุดย่อมหนีไม่พ้นดวงตาสีเขียวคู่คมบนใบหน้านั่น… มันเป็นสีเขียวเหลือบฟ้างดงามราวกับดวงตาบนหางนกยูง
เอกลักษณ์ของผู้สืบทอดสายตรงของโรเลสตันที่มักจะทอประกายหยิ่งผยอง มากอัตตา
และยโสโอหังอย่างยากจะหาใครเทียบอยู่เสมอ
สำหรับคนอื่นๆที่ไม่ใช่องค์ราชินี… ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าท่านลอร์ดลูเธอร์นั้นทั้งจองหอง
กินศักดิ์ศรีแทนข้าว แถมยังเย่อหยิ่งอย่างไร้ที่ติ แต่สำหรับคนในครอบครัวแล้ว
ลูเธอร์คือผู้ชายที่อบอุ่นอย่างยากจะหาที่ใดเปรียบ
แม้พ่อแม่ของเขาจะไม่อยู่ตั้งนานแล้ว แต่ ‘อัลซารีย์’ ‘ลอว์เรน’ ‘เลสลีย์’ ‘เทเรซ่า’ และ ‘คอนลาจ’ บรรดาน้องๆ
บุญธรรมที่เจ้าตัวเก็บมาเลี้ยง รวมถึงสองผู้ดูแลบ้าน ‘รีนน์’ และ ‘เฮลซิ่ง’
พร้อมจะยืนยันคำตอบนี้อย่างเต็มปากเต็มคำ
ในอ้อมแขนของเขามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในนั้น
เธอเป็นเด็กหญิงร่างเล็ก เส้นผมสีน้ำตาลของเธอถูกประดับไว้ด้วยริบบิ้นสวยงาม เช่นเดียวกับชุดกระโปรงประดับลูกไม้สีน้ำตาลอ่อนที่สวมทับอยู่บนร่างกายเล็กๆน่ารักนั่น
มันขับเน้นให้เด็กน้อยดูน่ารักราวกับตุ๊กตาราคาแพง…
ซึ่งก็ไม่ผิดหรอก เด็กคนนี้เป็น ‘ตุ๊กตา’ จริงๆนั่นแหละ…
ลูเธอร์กระชับมือของเด็กน้อยแน่นขึ้น ก่อนจะพาเธอขยับตัวไปตามจังหวะเพลงอย่างช้าๆ
ทว่าสมบูรณ์แบบจนน่าตกตะลึง เมื่อมาถึงจังหวะที่ต้องหมุน เขาก็ค่อยๆยกมือขึ้น
ปล่อยให้อีกฝ่ายได้หมุนเต็มที่ เมื่อเห็นว่าท่าทางของเด็กน้อยตุ๊กตาออกมาสวยงามใช้ได้
เขาก็มองสาวน้อยตรงหน้าอย่างพอใจ
“ดีมาก จำจังหวะนี้ไว้ให้ดีนะ
อัลลี่”
“…”
‘อัลลี่’ หรือ ‘อัลซาลีย์ โรเลสตัน’ หนึ่งในบรรดาน้องบุญธรรมของลูเธอร์พยักหน้ารัวๆ
พร้อมกับใช้ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตคู่นั้นมองผู้เป็นพี่ชายโดยไร้สุ้มเสียง ดวงตาสองคู่ต่างสีสบกันอยู่พักหนึ่ง
ก่อนที่ลูเธอร์จะหัวเราะออกมาเบาๆ
“คนเก่ง…” ลูเธอร์ลูบเส้นผมสีน้ำตาลของน้องสาวอย่างเบามือ
จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นครู่หนึ่งก่อนจะทำสีหน้าเหมือนคนเพิ่งนึกอะไรออก
“จริงสิ”
“…?”
นายเหนือแห่งบ้านโรเลสตันคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
ใช้มือเลิกชายกระโปรงลูกไม้หนาๆของเด็กน้อยตรงหน้าออกอย่างสุภาพ แล้วจึงลงมือถอดรองเท้าส้นสูงสีเข้มที่คนตรงหน้าสวมอยู่ออกมาอย่างเบามือ
ใช่ ลูเธอร์ผู้หยิ่งผยองคนนั้นกำลังถอดรองเท้าให้เด็กผู้หญิง…
เป็นภาพที่หากไม่เห็นกับตาก็คงไม่มีทางเชื่อ แน่นอนว่าต่อให้หัวต้องขาดออกจากร่าง
ลูเธอร์ โรเลสตัน ผู้ชายที่โด่งดังเรื่องความถือตัวคนนี้ก็ไม่มีทางคุกเข่าให้ใครแน่ๆ
นี่คือสิ่งที่คนทั้งฝั่งเดธเชื่อสุดๆ! เพราะนอกจากองค์ราชินีที่เจ้าตัว
(รวมถึงคนในฝั่งเดธ) ให้ความรักและเคารพยิ่งชีวิตแล้ว
ลูเธอร์ดูจะเห็นที่เหลือเป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อยที่ไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจไปเสียหมด
มุมอ่อนโยนของลูเธอร์เหมือนจะถูกสงวนไว้ใช้กับคนในบ้าน
โดยเฉพาะกับน้องๆบุญธรรม ชนิดที่ว่าถ้าคนนอกมาเห็นเข้าอาจตกใจสุดขีดเลยก็ได้
“เจ็บเท้ามั้ย?”
“…”
อัลซาลีย์ส่ายหน้าน้อยๆ ดวงตากลมโตน่ารักนั่นมองผู้เป็นพี่ชายนิ่งๆ
แม้ว่าสีหน้าจะไม่เปลี่ยนไปเลย แต่ลูเธอร์ก็พอจะเดาออกว่าน้องสาวตัวจ้อยของเขารู้สึกยังไง
“ถ้าเจ็บต้องบอกพี่
เราซื้อรองเท้าคู่ใหม่ได้…” ลูเธอร์พูด
ก่อนจะหันไปทางน้องๆคนอื่นที่นั่งเรียงกันอยู่บนโซฟา “คนอื่นก็เหมือนกัน
เข้าใจมั้ย?”
“ครับ พี่ชาย!”
คนแรกที่ตอบรับคือ ‘คอนลาจ โรเลสตัน’
เด็กชายคนเดียวในหมู่เด็กผู้หญิงที่ลูเธอร์เก็บมาเลี้ยง
ตามด้วย ‘ลอว์เรน โรเลสตัน’ เด็กสาวแสนสวยที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากคอนลาจนัก
“ค่ะ” ลอว์เรนว่าเสียงใส
“อ๊ะ พี่ชายคะ น้ำชามาโน่นแล้วค่ะ”
พูดจบ เด็กสาวก็ผายมือไปยังประตูด้วยท่วงท่าอันสวยงาม
ลอว์เรนเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย
มีเส้นผมสีดำประบ่าที่ตรงปลายเป็นสีขาวพิสุทธิ์ราวหิมะ ใบหน้าหวานน่ารักสะกดทุกสายตา
ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในชุดกระโปรงสีดำประดับริบบิ้นและลูกไม้ คาดทับด้วยโบว์ผูกเอวสีขาว
ยิ่งขับเน้นผิวขาวๆของเธอให้เด่นยิ่งขึ้นไปอีก
ลอว์เรนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างหนึ่งคือ… เจ้าตัวไม่เคยลืมตาเลย
เธอหลับตาไว้ตลอดเวลาแต่กลับมองเห็นทุกสิ่งรอบข้างได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่สำคัญ
แม้จะหลับตา แต่ลอว์เรนก็ยังฟันดาบได้คล่องแคล่วพอสมควร ลูเธอร์รู้ดี
เพราะเขาเป็นคนสั่งให้ช่างตีเหล็กอันดับต้นๆของเดธตีดาบให้เธอเป็นของขวัญ
แล้วนำมามอบให้ด้วยตัวเอง
เมื่อก่อนเด็กสาวเป็นนักเปียโนชื่อดัง แต่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงทำให้สูญเสียประสาทการรับฟังไปอย่างสมบูรณ์
โดยมากแล้วเธอจะใช้วิธีการเขียนสื่อสารไม่ก็อ่านปากของคนอื่นๆที่เป็นคู่สนทนาเอามากกว่า
ดวงตาสีหางนกยูงของลูเธอร์ตวัดไปมอง
ก่อนจะพบรีนน์ที่เดินนำน้ำชามาให้ด้วยท่าทางนอบน้อม ไม่ช้า
แก้วและถ้วยชาสีดำประกายมุกก็ถูกวางไว้บนโต๊ะ
กลิ่นหอมที่โชยออกมาบ่งบอกได้ดีว่าชามื้อนี้เป็นชากุหลาบ…
“ขอบใจมากนะ ลอว์” ลูเธอร์ว่า “เจ้าด้วย รีนน์”
“หน้าที่ของข้าอยู่แล้วเจ้าค่ะ
นายท่าน”
ลูเธอร์ก้าวขาไปหมายจะหยิบน้ำชามาดื่ม
แต่กลับเร็วไม่เท่าร่างเล็กๆร่างหนึ่งที่ก้าวตัดหน้าเขาไปอย่างว่องไว ร่างนั้นจัดแจงหยิบแก้วที่มีน้ำชาอยู่เต็มมาส่งให้เขา
พร้อมกับตวัดเอาหางฟูๆมาบังหน้า
“พี่ชาย! เครื่องดื่มค่ะ!”
“ขอบใจ เรซ่า”
ลูเธอร์รับถ้วยชาที่ ‘เรซ่า’ หรือ ‘เทเรซ่า โรเลสตัน’ มาดื่มอย่างช้าๆ
ทว่าสง่างาม รสชาติเฝื่อนๆของน้ำชาทำให้เขารู้สึกดีได้เสมอ
พอๆกับบรรดาน้องๆนั่นแหละ!
เขาเห็นดวงตาสีส้มใต้แว่นกรอบใสของเทเรซ่ามองลอดผ่านขนหางฟูๆนั่นกำลังมองมาทางเขา
แต่ไม่กล้ามองเต็มๆตาเพราะเจ้าตัวเป็นคนขี้อายมากๆ! โชคดีที่เทเรซ่าเป็นจิ้งจอก
ทำให้มีไอเทมเสริมเป็นหางฟูๆที่เจ้าตัวสามารถใช้มันได้สารพัดนึกแบบนี้
“…”
ลูเธอร์ที่นึกอยากจะแกล้งน้องสาวขึ้นมาใช้มือข้างที่ว่างจับหางให้ออกจากใบหน้าของน้องสาว
ส่งผลให้เรซ่าต้องสบตากับเขาเต็มๆ!
“…”
“…”
“ง งื้อออออ!”
แล้วจิ้งจอกน้อยก็หน้าแดงแปร๊ด! เหมือนจะมีควันพุ่งออกมาจากหน้ายังไงยังงั้น!
ไวเท่าความคิด เรซ่ารีบวิ่งหนีไปหลบหลัง ‘เลสลีย์ โรเลสตัน’ หนึ่งในน้องบุญธรรมของเขาทันที!
“รังแกเด็ก” เลสลีย์พูดเสียงนิ่ง…
ซึ่งนิ่งพอๆกับสีหน้าของเจ้าตัว “นิสัยเสีย”
“หืม?”
“อ่อนแอ แกล้งแต่เด็ก”
“…”
“เล็กล่ะสิไม่ว่…”
โป๊ก!
ยังไม่ทันจบคำพูดดี เลสลีย์ก็โดนเขกกะโหลกเข้าไปทีหนึ่งเต็มๆ!
“พี่ไม่เล็ก”
ว่าเรื่องอื่นอาจจะได้ แต่ลูเธอร์คิดว่าตัวเองไม่เล็กนะ!
เลสลีย์ลูบหัวตัวเองป้อยๆ
พร้อมกับส่องสายตาประมาณว่า ‘เหรอ? ไม่เล็กจริงเหรอ?’ มาให้เขา… ซึ่งลูเธอร์ก็ได้แต่จิบชาแก้ครียด
แม่เด็กน้อยเลสลีย์คนนี้เป็นคนหน้าตาจิ้มลิ้มดูน่าเอ็นดู
ผมสีขาวตัดตรงประบ่า ดวงตาสีฟ้าสดใส เสียดายที่เป็นคนกวนประสาทอย่างน่าเหลือเชื่อ… เชื่อมั้ย
เมื่อปีก่อน ลูเธอร์นึกครึ้มอยากทำอาหารเย็นให้น้องๆกินในวันฮัลโลวีน… ซึ่งเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา ชาวเดธทั้งมวล
แต่ทั้งๆที่เขาตั้งใจทำสุดฝีมือ มันกลับออกมาห่วย… แล้วก็โดนเลสลีย์วิจารณ์ยับเยิน
‘รสชาติเหมือนดินฝังศพ’
‘…’
‘เชื่อแล้วว่าพี่อยู่สังกัดเดธมาตั้งแต่เกิด’
ลูเธอร์พยายามชิมกับข้าวฝีมือตัวเอง… อืม มันก็ห่วยจริง!
แต่ไม่ต้องตอกย้ำก็ได้มั้ง!!! สุดท้ายมื้อนั้นรีนน์ก็เป็นคนทำจนได้
โดยลูเธอร์บอกให้คอนลาจเอากับข้าวที่เขาทำไปเททิ้งให้ต้นไม้ในสวนย่อยเป็นปุ๋ย
แต่คอนลาจกลับเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าแห้งๆ…
‘พี่ชายครับ’
‘ว่าไง?’
‘ต้นไม้ตายหมดเลยครับ…’
‘…………’
นี่มัน… โคตรบาดแผลทางใจเลย!
เอ๊า! ก็เขาเป็นผู้รับใช้ราชินีแห่งความตายนี่นา!
ทำกับข้าวก็ต้องรสชาติแบบนี้อยู่แล้ว ขืนทำไม่เหมือนดินฝังศพก็เสียสถาบันสิ!
น เนอะๆๆๆ…!
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น
ลูเธอร์ก็เอาแต่ทำงานอยู่ในห้องเงียบๆ ไร้คำพูดคำจา
ไม่ออกมากินข้าวเลยเป็นเวลาสามวันเพราะเสียความมั่นใจอย่างหนัก
กว่าจะออกมาได้ต้องให้สามสาว ลอว์เรน อัลซาลีย์ และเทเรซ่าไปช่วยกันลากออกมา
เหนื่อยกันแทบตาย…
ลูเธอร์นั่งจิบชาอย่างเงียบๆอยู่บนโซฟา
สนทนากับน้องๆไปพลาง ดูน้องๆคุยกันไปพลางจนกระทั่งชาหมด เจ้าตัวจึงตัดสินใจลุกขึ้น
หมายจะขึ้นไปเคลียร์เอกสารที่จะต้องยื่นให้ราชินีต่อ
มันเป็นเอกสารรายงานผลประจำเดือนของ ‘กองโจรสลัดกระดูก’
ที่เขาเป็นเจ้าของ
พวกมันออกปล้นเรือสินค้าและเรือขนสมบัติของเดธมาเป็นเวลาเกือบปีแล้ว
คอยฉกชิงทรัพย์สมบัติราคาแพงมาถวายให้กับองค์ราชินีเหนือหัว
เสริมเป็นฐานอำนาจให้กับฝั่งเดธ
มันสำคัญ… เพราะงั้นต้องเช็ครายชื่อสิ่งของทั้งหมดให้ดี…
ใช่ เขาตั้งใจจะทำแบบนั้น แต่…
เปรี๊ยะ!!!!
ทันทีที่ลุกขึ้นยืน
อาการปวดแปลบที่หน้าอกก็แล่นเข้ามาโจมตีจนเจ้าตัวเกือบเข่าทรุดลงไป! ดวงตาสีเขียวเบิกกว้างขณะเอามือกุมหน้าอกตัวเองแน่น
หอบหายใจถี่รัวจนน้องๆต้องเข้ามาพยุงเป็นการใหญ่
“พี่คะ!?”
“เป็นอะไรรึเปล่าครับพี่!?”
“…หัวใจ…” ลูเธอร์พึมพำออกมาเบาๆ
ก่อนจะส่ายหน้าแรงๆสองสามที “ไม่มีอะไร ปล่อยพี่เถอะ”
ไม่ใช่แค่ห้าม แต่ชายหนุ่มยังขยับตัวหนีอีกด้วย… ลูเธอร์สะบัดมือเป็นเชิงบอกกับน้องๆว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร
แล้วจึงรีบสาวเท้าเดินขึ้นบันไดไปทั้งๆที่มือยังขยำเสื้อตัวเองอยู่แบบนั้น
“พี่ชายจะเป็นอะไรรึเปล่าคะเนี่ย?”
ลอว์เรนอยากเดินตาม
แต่เมื่อพี่ชายแสดงท่าที่ว่าไม่อยากให้ใครไปยุ่งขนาดนี้เธอก็ไม่อยากตอแยอะไรต่อ… ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างๆนั้นไปเช่นเดียวกับน้องๆคนอื่นๆ
“…”
มีเพียงแค่อัลซาลีย์เท่านั้นที่มองคนเป็นพี่ชายด้วยสายตาที่ต่างออกไป
เธอไม่ได้ไม่เป็นห่วงเขา ทว่าเธอแค่แปลกใจ…
อัลซาลีย์เป็นตุ๊กตา เธอจึงไม่มีหัวใจ
ไม่มีชีพจรให้เต้น ผิดกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อันนี้อัลซาลีย์รู้ดี แต่เมื่อกี้ที่เธอเต้นรำกับลูเธอร์… เด็กน้อยก็สัมผัสได้ถึง
‘ความแปลกประหลาด’ บางอย่างในร่างกายของพี่ชายบุญธรรม
พี่ชายของเธอไม่มีการเคลื่อนไหวของชีพจร…
ไม่มีกระทั่งเสียงหัวใจเต้น…?!?
ลูเธอร์สูดลมหายใจเข้า… ก่อนจะหลับตาลง
มือข้างหนึ่งเผลอยกขึ้นมาสัมผัสบริเวณหน้าอกข้างซ้ายของตนเบาๆ
มันเริ่มเจ็บอีกแล้วสิ…
แม้ว่าภายนอกของเขาจะดูปกติทุกอย่าง
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าใต้เสื้อผ้าสีดำราคาแพงนั่นซ่อนอะไรเอาไว้
แผ่นอกใต้เนื้อผ้าสีดำนั้นดูแข็งแกร่งสมชายชาตรีทุกประการ
กล้ามหน้าท้องหรืออะไรเล่าก็สมบูรณ์แบบอย่างที่หลายคนอยากออกกำลังกายทั้งชีวิตให้ได้หุ่นที่น่าอิจฉาแบบเขา
แต่ว่า… จุดเด่นที่อยากจะกล่าวถึงไม่ใช่ตรงนั้น
แต่เป็น ‘รอยร้าวแตก’ ตรงบริเวณที่เป็นหัวใจต่างหาก…
ตรงจุดที่ควรจะเป็นหัวใจของเขาปรากฏช่องว่างสีดำเล็กๆ… รอยร้าวที่มีศูนย์กลางมาจากช่องว่างนั้นกินพื้นที่ไปเกือบทั่วแผ่นอกช่วงบน
ดูแล้วเหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ถูกทุบจนร้าวไม่มีผิด..!
“อา…”
ชายหนุ่มผมทองสะกดลมหายใจเข้าออก
ความเจ็บปวดที่หน้าอกเดี๋ยวเพิ่มเดี๋ยวลดอย่างน่าหงุดหงิด
ในสมองของชายหนุ่มเริ่มปรากฏภาพของ ‘คนๆหนึ่ง’ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเต็มๆกับรอยร้าวนี้
เปล่าประโยชน์น่า อาคาเซล
เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก...
วันนี้อัพด้วยความยาวจุใจ
ตระกูลโรเลสตันกับพื้นที่สิบห้าหน้ากระดาษเอสี่! (?)
ขออนุญาตอัพก่อนเวลาที่ตกลงกันไว้นะคะ
เพราะรู้สึกว่าตอนหกโมงไรท์เตอร์ต้องออกไปทำธุระข้างนอก แหะๆ
สำหรับคนที่มาไม่ทันเมื่อเช้า ขอชี้แจงซ้ำนะคะว่าที่ไม่ได้มาอัพอาทิตย์ที่แล้วเพราะเน็ตพัง… แถมมีงานอื่นเข้ามาแทรกอีก
แต่ตอนนี้มาอัพแล้วน้า!
ความคิดเห็น