ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Divalia มนตราแห่งวันสิ้นสูญ

    ลำดับตอนที่ #3 : Intro : แรกเริ่มบนโลกที่ไร้ระเบียบ

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 59




    Intro : แรกเริ่มบนโลกที่ไร้ระเบียบ


    และเพื่อคุ้มครองสันติสุขทั้งมวล เหล่าเทพบนสรวงสวรรค์จึงได้มอบ ‘สี่ศาสตราแห่งวันสิ้นสูญ’ ให้กับพวกเรา และเตือนว่าอย่าบาดหมางกันเองเป็นอันขาด…”

    -- วาเรเรียส วาลชอง เพรสติเลนท์ เจ้าบ้านแห่งโรคระบาดรุ่นที่หนึ่ง

     

     

    ในระยะแรกเริ่ม… ที่นี่… ดีวาเลียของพวกเราถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด

    ไม่ใช่แค่ท้องฟ้าที่มืดมัวและบรรยากาศอันหม่นหมองเท่านั้น แต่รวมถึงจิตใจของทุกเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี่ด้วยเช่นกัน

    หลากหลายเชื้อสาย หลากหลายเผ่าพันธุ์ และหลากหลายสายเลือดต่างมีชีวิตอยู่ร่วมกันโดยปราศจากระเบียบและข้อบังคับใดๆ ยึดถือแต่เพียงว่าผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นถึงจะอยู่รอด การฆ่าฟันจึงกลายเป็นเรื่องปกติบนโลกที่มืดมัวนี้

    ...มวลชนฆ่ากันเพื่อแย่งอาหารและน้ำ สังหารกันเพื่อแย่งที่อยู่อาศัย ปลิดชีพกันเพื่อแย่งคู่นอน หรือแม้แต่กระทั่งเรื่องบาดหมางเล็กๆน้อยๆบางเรื่องก็เป็นเหตุให้ทุกคนผลาญชีวิตกันได้

    เราเรียกช่วงเวลาอันอึมครึมนี้ว่า เคียร์เนย์’ (Kearney) แปลว่า ความมืดมิด’ ในภาษาโบราณ

    ในตอนนั้น ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด บรรยากาศฟุ้งกระจายไปด้วยคราบเขม่าควันจากการเผาศพ และเสียงตะโกนด่าทออย่างไร้ศีลธรรมที่ดังกึกก้องไปทั่ว ทุกอย่างจมอยู่ในความวุ่นวาย สับสนอลหม่านและมืดมัว จนเหล่าเทพบนสวรรค์เริ่มตระหนักว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ… ไม่นานทั้งแผ่นดินจะไม่เหลือใครเพราะทุกคนต่างไล่ฆ่ากันเอง

    ด้วยเหตุนั้น… เหล่าเทวาบนสรวงสวรรค์จึงจำเป็นต้องลงมายังแผ่นดินแห่งนี้

    สิ่งแรกที่เหล่าเทพทำคือรังสรรค์ให้มีกลางวันและกลางคืน แล้วจึงเข้าไปขจัดความมืดมิดภายในใจของปวงชนทุกเผ่าพันธุ์ ทำให้พวกเขารู้จักดีชั่ว อีกทั้งยังมอบความรู้เกี่ยวกับการศาสนา วิทยาการ และความรู้ต่างๆให้ รวมถึงแนวทางการดำรงชีวิตอย่างมีอารยะ

    ด้วยเหตุที่เหล่าทูตจากสวรรค์เป็นผู้วางอิฐก้อนแรกลงบนโลกใบนี้… ที่นี่จึงถูกตั้งชื่อว่า ‘ดีวาเลีย’ ซึ่งมาจากคำว่า ‘ดีว่า’ อันหมายถึงทวยเทพ และ ‘เลอา’ ที่หมายถึงความยิ่งใหญ่ จนอาจจะเรียกได้ว่าชื่อของโลกใบนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อสดุดีบรรดาผู้รังสรรค์ก็ได้

    แต่ทวยเทพไม่อาจอยู่บนโลกตลอดไปได้ หลังจากวางรากฐานบนดีวาเลียกว่าห้าร้อยปี พวกเขาก็มีอันต้องกลับไปยังสวรรค์ แต่บรรดาผู้รังสรรค์ไม่ได้ทิ้งดีวาเลียให้โดดเดี่ยว... ‘ตระกูลใหญ่ทั้งสี่’  ถูกสถาปนาขึ้นมาเพื่อรักษาดีวาเลียแทนทวยเทพ เยี่ยงเสาหลักของโลกทั้งใบ หรือเป็นราชันย์ของดีวาเลียทั้งโลก

    ตระกูลวอร์แห่งสงคราม… ตระกูลเดธแห่งความตาย… ตระกูลเพรสติเลนท์แห่งโรคระบาด… และตระกูลเฟมีนแห่งความอดอยาก

    ทั้งสี่ตระกูลถือเป็นตระกูลศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังได้รับพรจากผู้สร้างอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขาได้รับหน้าที่อันทรงเกียรติให้ปกปักษ์ดีวาเลียทั้งโลก เยี่ยงจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่และนักรบผู้แกล้วกล้า มีสิทธิ์เหนือทุกเผ่าพันธุ์และทุกเชื้อสายที่อยู่บนโลกใบนี้ และเพื่อสันติสุขที่ยืนนาน... เหล่าเทพจึงได้มอบ สี่ศาสตราแห่งวันสิ้นสูญ ให้กับเหล่าผู้นำทั้งสี่ กล่าวว่าให้ใช้มันขับไล่ยุคมืด ปกปักษ์รักษา และคุ้มครองดีวาเลียให้รุ่งเรืองต่อไป

    ดาบใหญ่แห่งสงคราม เคียวแห่งความตาย มงกุฎแห่งโรคระบาด และตราชั่งแห่งความอดอยาก

    นั่นคือนามแห่งสี่ศาสตราที่จะไม่มีผู้ใดต่อกรกับมันได้ แม้กระทั่งยุคมืดแห่งเคียร์เนย์ยังต้องหวั่นเกรง ดีวาเลียจะปลอดภัยหากสี่ศาสตราอันเรืองรองถูกใช้เพื่อความถูกต้อง

    แต่มหาอาวุธที่ยิ่งใหญ่ก็มาพร้อมกับคำเตือนที่แสนอันตราย

    จงอย่าบาดหมางกันเอง อย่าทำลายกันเอง มิฉะนั้นดีวาเลียของพวกเจ้าจะถึงกาลอวสาน!”

     

     

     

    นางอยู่ไหน!? ข้าต้องการพบวาเลนติเซีย!”

    ร่างสูงในชุดเกราะสีเงินประดับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสงครามตะเบ็งเสียงดังอย่างเคร่งเครียด ใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่มีรอยบากจางๆจากการสู้รบอัดแน่นไปด้วยรังสีกดดันอย่างบอกไม่ถูก และตอนนี้ คน... ไม่สิ กลุ่มคนที่ต้องแบกรับความหนักใจนั้นไปเต็มๆก็คือบรรดานายทวารแห่งตระกูลเดธ

    เอ่อ… ขออภัยขอรับท่าน แต่ว่าองค์ราชินีไม่ประสงค์จะพบใครตอนนี้…”

    เบื้องหน้าประตูรั้วของตระกูลแห่งความตายตอนนี้ปรากฏร่างของคนเฝ้าประตูสองสามคนที่ดูเหมือนจะเลิ่กลั่กไปอย่างเห็นได้ชัด ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังร่างโปร่งในชุดเกราะที่กำลังทำหน้าบึ้ง คิ้วขมวดมุ่นเป็นปม สลับกับดาบสีทองคมกริบที่ชายคนดังกล่าวคาดเอาไว้ที่เอว

    นี่พวกเขาจะโดนฟันตายยกกลุ่มรึเปล่าเนี่ย!? กิตติศัพท์พี่แกก็ไม่ใช่เล่นๆซะด้วย!

    "ให้ตายสิ ข้าไม่ได้ถ่อมาจากวอร์เพื่อมายืนมองประตูรั้วนะ..."

    ชายในชุดเกราะเป็นเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเข้ากับดวงตาสีแดงสดใสเหมือนแสงเทียน ใบหน้าหล่อเหลาดูมีเสน่ห์ มันจะไม่มีตำหนิอะไรเลยหากไม่มีรอยบากจางๆ บนใบหน้า มันเป็นบาดแผลเล็กๆน้อยๆ จากการสู้รบที่หากไม่เพ่งก็จะมองไม่เห็น แล้วก็ตราประจำตระกูลวอร์ที่เจ้าตัวสักมันเอาไว้ที่ใต้ตาขวาอย่างภาคภูมิใจ

    เอกลักษณ์เหล่านี้บอกได้ทันทีเลยว่าชายตรงหน้าคือ ‘ซาร์บิเอล วอร์’ เจ้าบ้านวอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายหนุ่มแห่งสงคราม ชาญสมรภูมิ และชนะศึกมากที่สุดในดีวาเลีย ชนิดที่ว่าถ้าไม่อยากตายฟรีๆก็อย่าริสู้กับเขา

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่เจ้าตัวกำลังโมโห

    แต่ก็ว่าไปนั่นที่จริงแล้วซาร์บิเอล วอร์ไม่ใช่คนเลือดร้อนอะไรมากมายนัก ถ้าเอาตามตรง ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนนี้เป็นคนร่าเริงขี้เล่นด้วยซ้ำ แต่วันนี้ดูจะซีเรียสกว่าเดิมไปสักหน่อย ถึงได้ยอมตรงมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง แล้วก็มาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่พวกเขาทุกคนแบบนี้!

                นี่พี่แกเครียดเรื่องอะไรมาเนี่ย!? ที่บ้านโดนปลวกกินเหรอ!!

    แต่ข้ามีเรื่องด่วนนี่นา!” ชายร่างสูงว่า “เอาเหอะน่า ให้ข้าเข้าไปสักทีสิ!”

    ต แต่…”


                มีอะไรซาร์บิเอล


    น้ำเสียงทรงอำนาจที่ดังมาจากอีกด้านของคฤหาสน์ทำให้นายทวารสะดุ้งเฮือก! แล้วก็พากันค้อมตัวลงจนหัวแทบจะแนบกับต้นขาเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ เช่นเดียวกับบรรดาทหารคนอื่นๆ ในบริเวณนั้นที่รีบทำแบบเดียวกัน ทุกเสียงเงียบกริบ สรรพสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง ทุกการกระทำพร้อมใจกันหยุดลงเพื่อแสดงความเคารพต่อการมาถึงของ ราชินีคนสำคัญ

    วาเลนติเซีย เดธ เจ้าบ้านเดธคนแรกและคนปัจจุบันกำลังยืนหลังตรง แล้วปราดสายตามองพวกเขาด้วยท่วงท่าสง่างามสมฉายาราชินี

    เธอเป็นหญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นราวกับตุ๊กตาราคาแพง สัดส่วนอันสมบูรณ์แบบถูกซ่อนอยู่ใต้ชุดกระโปรงยาวสีดำสนิทที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ผิวกายเนียนละเอียด นุ่มนวลและขาวผ่องราวหิมะ ตัดกับเส้นผมสีดำสนิทดั่งรัตติกาลที่เหยียดตรงลงจนถึงหัวเข่า เพียงแค่นี้ก็สามารถการันตีได้แล้วว่าเจ้าของร่างงดงามเกินใครๆ ทว่า… น่าเสียดายนักที่ใบหน้าของวาเลนติเซียถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าแพรสีดำที่มัวจนมองไม่เห็นด้านใน

    ทั้งนี้เพื่อปกป้องคนมองจากพลังแห่งความตาย

    เนื่องจากเป็นคนแรกของโลกที่ได้รับพลังแห่งความตาย ซึ่งเป็นพลังที่รุนแรงที่สุดในบรรดาพลังทั้งสี่ พลังของวาเลนติเซียจึงรุนแรงเกินกว่าจะใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ มันรุนแรงจนถึงขั้น ใครมองหน้าเธอจะต้องตาย’ กันเลยทีเดียว! เป็นเหตุให้ร่างบางต้องหาผ้ามาปิด ไม่ก็สวมหน้ากากซ่อนใบหน้าไว้เสมอเพื่อไม่ให้มีคนตายกันเกลื่อน

    จะว่าไปก็น่าเสียดาย… ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ วาเลนติเซียเคยได้ชื่อว่างดงามที่สุดในดีวาเลียแท้ๆ

    อา มาพอดีเลย วาเลน!” ซาร์บิเอล วอร์ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ร่างสูงโปร่งในชุดเกราะรีบสาวเท้าตรงเข้าไปหาวาเลนติเซียอย่างรวดเร็ว “เรามีเรื่องต้องคุยกัน ระดับความมั่นคงของโลกเลยละห้องทำงานเจ้าว่างมั้ย?”

    ในคราแรก องค์ราชินีแห่งเดธดูจะไม่ค่อยพอใจกับการถูกรบกวนนัก แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ความมั่นคงของโลก’ แล้ว ท่าทีของเธอก็ดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวแสนงามในชุดกระโปรงสีดำเริ่มต้นก้าวขาเดินนำผู้นำของวอร์ไปยังห้องทำงานของตนอย่างรวดเร็ว โดยมีบรรดาข้าราชบริพารโค้งให้ความเคารพตลอดทาง

    อย่างที่รู้กันทั่วดีวาเลียว่าวาเลนติเซียเป็นผู้นำที่ดีมาก หญิงสาวปราบกลุ่มแม่มดสายมืดที่เคยสร้างความเดือดร้อนในเขตของเดธจนราบคาบ แถมยังวางผังเมืองใหม่โดยเน้นความสะดวกสบายแก่ปวงประชา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนในสังกัดของเดธเคารพและให้เกียรติเธอเป็นอย่างมาก

    แต่ว่ายังไงซะ ตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในตอนนี้ก็ยังเป็นวอร์อยู่ดี ตระกูลวอร์แห่งสงครามเก่งกาจชาญศึกอย่างยากจะหาใครเทียบ อุปการะนักรบยอดฝีมือมากมาย ไม่เคยรบแพ้ใครสักครั้ง แถมยังสนับสนุนการแสวงหาความมั่งคั่งจนได้ตำแหน่งตระกูลที่รวยที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อย

    ฝีมือด้านการศึกที่ยอดเยี่ยม ความมั่งคั่งที่ล้ำหน้าเกินใคร ความกล้าเสี่ยงของผู้นำอย่างซาร์บิเอล และประชาชนที่รู้จักระเบียบหน้าที่ นี่แหละปัจจัยที่ทำให้วอร์ก้าวขึ้นมายังจุดสูงสุด...


    แอ๊ด


    มือขาวราวหิมะของวาเลนติเซียผลักประตูสีดำบานใหญ่ให้เปิดออก ก่อนจะทำท่าเชิญให้ผู้นำของอีกบ้านเข้าไปในนั้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้าไปแบบไม่รอรี สาวงามก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างเงียบๆ แล้วจึงก้าวขาตามเข้าไปโดยไม่ลืมปิดประตูลั่นกลอนเสียเรียบร้อย

    ภายในห้องทำงานของวาเลนติเซียมีแต่เครื่องเรือนสีดำสนิทมีหนังสือเวทย์มนตร์เล่มหนาๆ ขวดยา ปฏิทินดวงดาว แล้วก็ผีเสื้อราตรีหน้าตาประหลาดๆที่ถูกเอามาขังไว้ในขวดแก้ว คาดว่าผีเสื้อพวกนั้นน่าจะเคยเป็นกลุ่มแม่มดร้ายที่เคยมากร่างในเขตของเดธมาก่อน แล้วก็ถูกวาเลนติเซียสาปให้กลายเป็นผีเสื้อสำหรับตั้งโชว์

    เชื่อผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ!

    ผีเสื้อนั่นประหลาดเป็นบ้าเลย…”

    แต่ข้าว่ามันสวยดี” โฉมงามแห่งความตายว่า “เข้าเรื่องสักทีเถอะ ไหน ความมั่นคงที่ว่าคืออะไร?”

    ความมั่นคงที่ว่าน่ะเหรอ…”

    ซาร์บิเอลสูดลมหายใจเข้า มือข้างขวาค่อยๆแบออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นละอองเวทสีแดงที่ก่อตัวกันเป็นแผ่นกระดาษหนังสัตว์ขนาดใหญ่ ชายหนุ่มแห่งสงครามจับมันมาวางบนโต๊ะ แล้วจึงชี้ชวนให้วาเลนติเซียดูอะไรบางอย่างที่ถูกเขียนไว้บนนั้น

    มันเป็นรายชื่อคนนับสิบๆคน ทุกรายชื่อล้วนแต่มีคำว่า ตายแล้วต่อท้ายทั้งสิ้น

    บุรุษแห่งสงครามเอ่ยเสียงขรึม...

                วาเลน เจ้าสั่งให้ใครไปฆ่าคนของข้ารึเปล่า?”

     


                

                บทนำมาแล้วววววว นั่งแต่งตั้งแต่เช้าทีเดียวค่ะ ฮึบๆ!

                สารภาพค่ะว่าภาษาอาจจะมึนๆ ไรท์เตอร์ไม่ได้เขียนนิยายมานานพอสมควร สำนวนอาจจะแย่นิดนึงนะคะ (แต่ว่านี่ตรวจบรู๊ฟแล้วน้า! ตอนต่อไปจะระวังให้ดีกว่านี้ค่ะ) ตอนนี้ย้อนความหลังกันไปก่อนเนอะ พอตอนหน้าลูกๆของทุกคนจะได้ฤกษ์ปรากฏตัวแล้วค่ะ!

               เจอกันต้อนหน้านะคะ มาเค้าท์ดาวน์สู่วันสิ้นโลกกัน (?

              ปล1. เรื่องนี้กะจะอัพอาทิตย์ละสองครั้งค่ะ ไม่รู้จะทำได้มั้ย แต่จะพยายามนะคะ!

              ปล 2. ทีมพี่ลูเธอร์เยอะมาก พี่ลูเธอร์ดีใจ!

    (c)              Chess theme
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×