คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Intro : แรกเริ่มบนโลกที่ไร้ระเบียบ
Intro : แรกเริ่มบนโลกที่ไร้ระเบียบ
“และเพื่อคุ้มครองสันติสุขทั้งมวล เหล่าเทพบนสรวงสวรรค์จึงได้มอบ ‘สี่ศาสตราแห่งวันสิ้นสูญ’ ให้กับพวกเรา
และเตือนว่าอย่าบาดหมางกันเองเป็นอันขาด…”
-- วาเรเรียส
วาลชอง เพรสติเลนท์ เจ้าบ้านแห่งโรคระบาดรุ่นที่หนึ่ง
ในระยะแรกเริ่ม… ที่นี่… ดีวาเลียของพวกเราถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด
ไม่ใช่แค่ท้องฟ้าที่มืดมัวและบรรยากาศอันหม่นหมองเท่านั้น
แต่รวมถึงจิตใจของทุกเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี่ด้วยเช่นกัน…
หลากหลายเชื้อสาย
หลากหลายเผ่าพันธุ์ และหลากหลายสายเลือดต่างมีชีวิตอยู่ร่วมกันโดยปราศจากระเบียบและข้อบังคับใดๆ
ยึดถือแต่เพียงว่าผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นถึงจะอยู่รอด
การฆ่าฟันจึงกลายเป็นเรื่องปกติบนโลกที่มืดมัวนี้
...มวลชนฆ่ากันเพื่อแย่งอาหารและน้ำ สังหารกันเพื่อแย่งที่อยู่อาศัย
ปลิดชีพกันเพื่อแย่งคู่นอน
หรือแม้แต่กระทั่งเรื่องบาดหมางเล็กๆน้อยๆบางเรื่องก็เป็นเหตุให้ทุกคนผลาญชีวิตกันได้
เราเรียกช่วงเวลาอันอึมครึมนี้ว่า ‘เคียร์เนย์’ (Kearney) แปลว่า ‘ความมืดมิด’ ในภาษาโบราณ
ในตอนนั้น ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
บรรยากาศฟุ้งกระจายไปด้วยคราบเขม่าควันจากการเผาศพ
และเสียงตะโกนด่าทออย่างไร้ศีลธรรมที่ดังกึกก้องไปทั่ว
ทุกอย่างจมอยู่ในความวุ่นวาย สับสนอลหม่านและมืดมัว
จนเหล่าเทพบนสวรรค์เริ่มตระหนักว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ… ไม่นานทั้งแผ่นดินจะไม่เหลือใครเพราะทุกคนต่างไล่ฆ่ากันเอง…
ด้วยเหตุนั้น… เหล่าเทวาบนสรวงสวรรค์จึงจำเป็นต้องลงมายังแผ่นดินแห่งนี้
สิ่งแรกที่เหล่าเทพทำคือรังสรรค์ให้มีกลางวันและกลางคืน
แล้วจึงเข้าไปขจัดความมืดมิดภายในใจของปวงชนทุกเผ่าพันธุ์ ทำให้พวกเขารู้จักดีชั่ว
อีกทั้งยังมอบความรู้เกี่ยวกับการศาสนา วิทยาการ และความรู้ต่างๆให้
รวมถึงแนวทางการดำรงชีวิตอย่างมีอารยะ
ด้วยเหตุที่เหล่าทูตจากสวรรค์เป็นผู้วางอิฐก้อนแรกลงบนโลกใบนี้… ที่นี่จึงถูกตั้งชื่อว่า ‘ดีวาเลีย’ ซึ่งมาจากคำว่า ‘ดีว่า’ อันหมายถึงทวยเทพ และ ‘เลอา’ ที่หมายถึงความยิ่งใหญ่
จนอาจจะเรียกได้ว่าชื่อของโลกใบนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อสดุดีบรรดาผู้รังสรรค์ก็ได้
แต่ทวยเทพไม่อาจอยู่บนโลกตลอดไปได้
หลังจากวางรากฐานบนดีวาเลียกว่าห้าร้อยปี พวกเขาก็มีอันต้องกลับไปยังสวรรค์
แต่บรรดาผู้รังสรรค์ไม่ได้ทิ้งดีวาเลียให้โดดเดี่ยว... ‘ตระกูลใหญ่ทั้งสี่’ ถูกสถาปนาขึ้นมาเพื่อรักษาดีวาเลียแทนทวยเทพ
เยี่ยงเสาหลักของโลกทั้งใบ หรือเป็นราชันย์ของดีวาเลียทั้งโลก
ตระกูลวอร์แห่งสงคราม… ตระกูลเดธแห่งความตาย… ตระกูลเพรสติเลนท์แห่งโรคระบาด… และตระกูลเฟมีนแห่งความอดอยาก
ทั้งสี่ตระกูลถือเป็นตระกูลศักดิ์สิทธิ์
อีกทั้งยังได้รับพรจากผู้สร้างอย่างเต็มเปี่ยม
พวกเขาได้รับหน้าที่อันทรงเกียรติให้ปกปักษ์ดีวาเลียทั้งโลก
เยี่ยงจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่และนักรบผู้แกล้วกล้า
มีสิทธิ์เหนือทุกเผ่าพันธุ์และทุกเชื้อสายที่อยู่บนโลกใบนี้ และเพื่อสันติสุขที่ยืนนาน...
เหล่าเทพจึงได้มอบ ‘สี่ศาสตราแห่งวันสิ้นสูญ’ ให้กับเหล่าผู้นำทั้งสี่ กล่าวว่าให้ใช้มันขับไล่ยุคมืด ปกปักษ์รักษา
และคุ้มครองดีวาเลียให้รุ่งเรืองต่อไป
ดาบใหญ่แห่งสงคราม
เคียวแห่งความตาย มงกุฎแห่งโรคระบาด และตราชั่งแห่งความอดอยาก
นั่นคือนามแห่งสี่ศาสตราที่จะไม่มีผู้ใดต่อกรกับมันได้
แม้กระทั่งยุคมืดแห่งเคียร์เนย์ยังต้องหวั่นเกรง
ดีวาเลียจะปลอดภัยหากสี่ศาสตราอันเรืองรองถูกใช้เพื่อความถูกต้อง
แต่มหาอาวุธที่ยิ่งใหญ่ก็มาพร้อมกับคำเตือนที่แสนอันตราย…
“จงอย่าบาดหมางกันเอง อย่าทำลายกันเอง
มิฉะนั้นดีวาเลียของพวกเจ้าจะถึงกาลอวสาน!”
“นางอยู่ไหน!? ข้าต้องการพบวาเลนติเซีย!”
ร่างสูงในชุดเกราะสีเงินประดับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสงครามตะเบ็งเสียงดังอย่างเคร่งเครียด
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่มีรอยบากจางๆจากการสู้รบอัดแน่นไปด้วยรังสีกดดันอย่างบอกไม่ถูก
และตอนนี้ คน... ไม่สิ
กลุ่มคนที่ต้องแบกรับความหนักใจนั้นไปเต็มๆก็คือบรรดานายทวารแห่งตระกูลเดธ
“เอ่อ… ขออภัยขอรับท่าน
แต่ว่าองค์ราชินีไม่ประสงค์จะพบใครตอนนี้…”
เบื้องหน้าประตูรั้วของตระกูลแห่งความตายตอนนี้ปรากฏร่างของคนเฝ้าประตูสองสามคนที่ดูเหมือนจะเลิ่กลั่กไปอย่างเห็นได้ชัด
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังร่างโปร่งในชุดเกราะที่กำลังทำหน้าบึ้ง
คิ้วขมวดมุ่นเป็นปม สลับกับดาบสีทองคมกริบที่ชายคนดังกล่าวคาดเอาไว้ที่เอว
นี่พวกเขาจะโดนฟันตายยกกลุ่มรึเปล่าเนี่ย!?
กิตติศัพท์พี่แกก็ไม่ใช่เล่นๆซะด้วย!
"ให้ตายสิ ข้าไม่ได้ถ่อมาจากวอร์เพื่อมายืนมองประตูรั้วนะ..."
ชายในชุดเกราะเป็นเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเข้ากับดวงตาสีแดงสดใสเหมือนแสงเทียน
ใบหน้าหล่อเหลาดูมีเสน่ห์ มันจะไม่มีตำหนิอะไรเลยหากไม่มีรอยบากจางๆ บนใบหน้า
มันเป็นบาดแผลเล็กๆน้อยๆ จากการสู้รบที่หากไม่เพ่งก็จะมองไม่เห็น
แล้วก็ตราประจำตระกูลวอร์ที่เจ้าตัวสักมันเอาไว้ที่ใต้ตาขวาอย่างภาคภูมิใจ
เอกลักษณ์เหล่านี้บอกได้ทันทีเลยว่าชายตรงหน้าคือ ‘ซาร์บิเอล วอร์’ เจ้าบ้านวอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายหนุ่มแห่งสงคราม
ชาญสมรภูมิ และชนะศึกมากที่สุดในดีวาเลีย ชนิดที่ว่าถ้าไม่อยากตายฟรีๆก็อย่าริสู้กับเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ตอนที่เจ้าตัวกำลังโมโห
แต่ก็ว่าไปนั่น…
ที่จริงแล้วซาร์บิเอล วอร์ไม่ใช่คนเลือดร้อนอะไรมากมายนัก ถ้าเอาตามตรง
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนนี้เป็นคนร่าเริงขี้เล่นด้วยซ้ำ แต่วันนี้ดูจะซีเรียสกว่าเดิมไปสักหน่อย
ถึงได้ยอมตรงมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง แล้วก็มาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่พวกเขาทุกคนแบบนี้!
นี่พี่แกเครียดเรื่องอะไรมาเนี่ย!? ที่บ้านโดนปลวกกินเหรอ!!
“แต่ข้ามีเรื่องด่วนนี่นา!” ชายร่างสูงว่า “เอาเหอะน่า ให้ข้าเข้าไปสักทีสิ!”
“ต แต่…”
“มีอะไร? ซาร์บิเอล”
น้ำเสียงทรงอำนาจที่ดังมาจากอีกด้านของคฤหาสน์ทำให้นายทวารสะดุ้งเฮือก! แล้วก็พากันค้อมตัวลงจนหัวแทบจะแนบกับต้นขาเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ
เช่นเดียวกับบรรดาทหารคนอื่นๆ ในบริเวณนั้นที่รีบทำแบบเดียวกัน ทุกเสียงเงียบกริบ
สรรพสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง ทุกการกระทำพร้อมใจกันหยุดลงเพื่อแสดงความเคารพต่อ…
การมาถึงของ ‘ราชินีคนสำคัญ’
‘วาเลนติเซีย เดธ’ เจ้าบ้านเดธคนแรกและคนปัจจุบันกำลังยืนหลังตรง แล้วปราดสายตามองพวกเขาด้วยท่วงท่าสง่างามสมฉายาราชินี
เธอเป็นหญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นราวกับตุ๊กตาราคาแพง
สัดส่วนอันสมบูรณ์แบบถูกซ่อนอยู่ใต้ชุดกระโปรงยาวสีดำสนิทที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา
ผิวกายเนียนละเอียด นุ่มนวลและขาวผ่องราวหิมะ ตัดกับเส้นผมสีดำสนิทดั่งรัตติกาลที่เหยียดตรงลงจนถึงหัวเข่า
เพียงแค่นี้ก็สามารถการันตีได้แล้วว่าเจ้าของร่างงดงามเกินใครๆ ทว่า… น่าเสียดายนักที่ใบหน้าของวาเลนติเซียถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าแพรสีดำที่มัวจนมองไม่เห็นด้านใน
ทั้งนี้เพื่อปกป้องคนมองจากพลังแห่งความตาย…
เนื่องจากเป็นคนแรกของโลกที่ได้รับพลังแห่งความตาย
ซึ่งเป็นพลังที่รุนแรงที่สุดในบรรดาพลังทั้งสี่ พลังของวาเลนติเซียจึงรุนแรงเกินกว่าจะใช้ชีวิตแบบคนปกติได้
มันรุนแรงจนถึงขั้น ‘ใครมองหน้าเธอจะต้องตาย’ กันเลยทีเดียว! เป็นเหตุให้ร่างบางต้องหาผ้ามาปิด
ไม่ก็สวมหน้ากากซ่อนใบหน้าไว้เสมอเพื่อไม่ให้มีคนตายกันเกลื่อน
จะว่าไปก็น่าเสียดาย… ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ วาเลนติเซียเคยได้ชื่อว่างดงามที่สุดในดีวาเลียแท้ๆ…
“อา มาพอดีเลย วาเลน!” ซาร์บิเอล
วอร์ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
ร่างสูงโปร่งในชุดเกราะรีบสาวเท้าตรงเข้าไปหาวาเลนติเซียอย่างรวดเร็ว “เรามีเรื่องต้องคุยกัน ระดับความมั่นคงของโลกเลยละ! ห้องทำงานเจ้าว่างมั้ย?”
ในคราแรก
องค์ราชินีแห่งเดธดูจะไม่ค่อยพอใจกับการถูกรบกวนนัก แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ความมั่นคงของโลก’ แล้ว ท่าทีของเธอก็ดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
หญิงสาวแสนงามในชุดกระโปรงสีดำเริ่มต้นก้าวขาเดินนำผู้นำของวอร์ไปยังห้องทำงานของตนอย่างรวดเร็ว
โดยมีบรรดาข้าราชบริพารโค้งให้ความเคารพตลอดทาง
อย่างที่รู้กันทั่วดีวาเลียว่าวาเลนติเซียเป็นผู้นำที่ดีมาก
หญิงสาวปราบกลุ่มแม่มดสายมืดที่เคยสร้างความเดือดร้อนในเขตของเดธจนราบคาบ
แถมยังวางผังเมืองใหม่โดยเน้นความสะดวกสบายแก่ปวงประชา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนในสังกัดของเดธเคารพและให้เกียรติเธอเป็นอย่างมาก
แต่ว่า…
ยังไงซะ ตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในตอนนี้ก็ยังเป็นวอร์อยู่ดี
ตระกูลวอร์แห่งสงครามเก่งกาจชาญศึกอย่างยากจะหาใครเทียบ อุปการะนักรบยอดฝีมือมากมาย
ไม่เคยรบแพ้ใครสักครั้ง แถมยังสนับสนุนการแสวงหาความมั่งคั่งจนได้ตำแหน่งตระกูลที่รวยที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อย
ฝีมือด้านการศึกที่ยอดเยี่ยม ความมั่งคั่งที่ล้ำหน้าเกินใคร ความกล้าเสี่ยงของผู้นำอย่างซาร์บิเอล และประชาชนที่รู้จักระเบียบหน้าที่ นี่แหละปัจจัยที่ทำให้วอร์ก้าวขึ้นมายังจุดสูงสุด...
แอ๊ด…
มือขาวราวหิมะของวาเลนติเซียผลักประตูสีดำบานใหญ่ให้เปิดออก
ก่อนจะทำท่าเชิญให้ผู้นำของอีกบ้านเข้าไปในนั้น
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้าไปแบบไม่รอรี สาวงามก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างเงียบๆ
แล้วจึงก้าวขาตามเข้าไปโดยไม่ลืมปิดประตูลั่นกลอนเสียเรียบร้อย
ภายในห้องทำงานของวาเลนติเซียมีแต่เครื่องเรือนสีดำสนิท…
มีหนังสือเวทย์มนตร์เล่มหนาๆ ขวดยา ปฏิทินดวงดาว แล้วก็ผีเสื้อราตรีหน้าตาประหลาดๆที่ถูกเอามาขังไว้ในขวดแก้ว
คาดว่าผีเสื้อพวกนั้นน่าจะเคยเป็นกลุ่มแม่มดร้ายที่เคยมากร่างในเขตของเดธมาก่อน
แล้วก็ถูกวาเลนติเซียสาปให้กลายเป็นผีเสื้อสำหรับตั้งโชว์…
เชื่อผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ!
“ผีเสื้อนั่นประหลาดเป็นบ้าเลย…”
“แต่ข้าว่ามันสวยดี” โฉมงามแห่งความตายว่า “เข้าเรื่องสักทีเถอะ ไหน ความมั่นคงที่ว่าคืออะไร?”
“ความมั่นคงที่ว่าน่ะเหรอ…”
ซาร์บิเอลสูดลมหายใจเข้า
มือข้างขวาค่อยๆแบออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นละอองเวทสีแดงที่ก่อตัวกันเป็นแผ่นกระดาษหนังสัตว์ขนาดใหญ่
ชายหนุ่มแห่งสงครามจับมันมาวางบนโต๊ะ
แล้วจึงชี้ชวนให้วาเลนติเซียดูอะไรบางอย่างที่ถูกเขียนไว้บนนั้น
มันเป็นรายชื่อคนนับสิบๆคน
ทุกรายชื่อล้วนแต่มีคำว่า ‘ตายแล้ว’ ต่อท้ายทั้งสิ้น…
บุรุษแห่งสงครามเอ่ยเสียงขรึม...
“วาเลน เจ้าสั่งให้ใครไปฆ่าคนของข้ารึเปล่า?”
บทนำมาแล้วววววว นั่งแต่งตั้งแต่เช้าทีเดียวค่ะ ฮึบๆ!
สารภาพค่ะว่าภาษาอาจจะมึนๆ
ไรท์เตอร์ไม่ได้เขียนนิยายมานานพอสมควร สำนวนอาจจะแย่นิดนึงนะคะ (แต่ว่านี่ตรวจบรู๊ฟแล้วน้า! ตอนต่อไปจะระวังให้ดีกว่านี้ค่ะ) ตอนนี้ย้อนความหลังกันไปก่อนเนอะ พอตอนหน้าลูกๆของทุกคนจะได้ฤกษ์ปรากฏตัวแล้วค่ะ!
เจอกันต้อนหน้านะคะ มาเค้าท์ดาวน์สู่วันสิ้นโลกกัน (?)
ปล1. เรื่องนี้กะจะอัพอาทิตย์ละสองครั้งค่ะ ไม่รู้จะทำได้มั้ย แต่จะพยายามนะคะ!
ปล 2. ทีมพี่ลูเธอร์เยอะมาก พี่ลูเธอร์ดีใจ!
ความคิดเห็น