คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เพื่อนรัก..
ณ ชนบทเล็กๆที่ห่างไกลจากตัวเมืองมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากผู้คนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เด็กๆวิ่งเล่นท่ามกลางธรรมชาติที่ฟื้นคืนความสดชื่นโดยเฉพาะอย่างช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ทั้งน้ำค้างที่อยู่บนยอดหญ้าอ่อนๆเสียงจักจั่นดอกไม้ผลิบาน
“อย่าไปยุ่งกับหมอนั่นเลย เราไปกันเถอะ” เด็กชายดึงแขนจ้ำม่ำของเพื่อนเขาพยายามรั้งห้าม แต่ก็ทนสู้แรงที่มีมากกว่าของเจ้าของแขนนั้นไม่ได้อยู่ดีทำได้เพียงถ่วงเอาไว้
“ไปเล่นกันเถอะนะ ข้ารู้นะว่าเจ้าอยากเล่น” เด็กชายร่างท้วมอ้วนตะโกนไปที่ก่อไผ่ในป่า จนกระทั่งเพื่อนๆที่พยายามรั้งให้เขาเลิกยุ่งกับร่างเล็กของคนที่ซ่อนอยู่หลังก่อไผ่นั้นได้ต่างพากันจากไปทิ้งไว้เพียงเด็กชายที่แน่วแน่ว่าจะชวนไปเล่นให้ได้
“นี่... เพื่อนข้าก็ไปหมดแล้ว.... ฮาบิออกมาเถอะนะ ให้ตายสิ!” ทันใดนั้นเด็กชายก็เดินฉับๆไปที่หลังก่อไผ่อย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่แอบอยู่นั้นก็ตกตะลึงและตกใจทำอะไรไม่ถูกได้แต่ตัวสั่นทิ่มไปหมด พวกเขามองกันอยู่นาน
“นี่ไปเล่นกันเถอะไม่ต้องกลัวข้าหรอกน่า ข้าไม่ใช่ยักษ์เสียหน่อย” เขาท้าวเอวแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เด็กชายร่างผอมบางนั้น “แต่ร่างกายข้าอ่อนแอข้าคง.... เฮ้!”
“ข้าจะให้เจ้าขี่หลังข้าก็ได้ มาสิ.... ฮาบิ”
“ฮาบิ…. ฮาบิ! เจ้าได้ยินข้าไหมเนี่ย! ....” ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองผู้ที่เรียกเขา
“เจ้าก้านไม้เอ้ย! งั้นที่ข้าพูดไปเจ้าก็ไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกแล้วน่ะสิ!!!”
“ใครก้านไม้ไม่ทราบ! เจ้านี่นับวันๆยิ่งปากเสียนะซาโย” เขาโต้กลับ ร่างสูงได้แต่ทำสีหน้าไม่พอใจแล้วกรอกสุราเข้าปากอย่างไม่ขาดสาย ฮาบิมองภาพของคนตรงหน้าแล้วไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเด็กชายจ้ำม่ำเพื่อนคนแรกของเขา เดี๋ยวนี้ก็กลายมาเป็นพ่อค้าหนุ่มหุ่นดีมีกล้ามหน้าตาดีแถมสูงกว่าเขาอีก ส่วนเขาก็เป็นขุนนางตามรอยของบิดาเรื่องสุขภาพเองก็เริ่มดีขึ้นมาบ้างไม่ได้ย้ำแย่เหมือนเมื่อก่อน
“ซาโย... ..ข้าอยากสูงแบบเจ้ามั้งจัง” ฮาบิพูดอย่างน้อยใจแล้วยัดเอาปลาซาบะย่างเข้าปากไปพร้อมทำหน้าเศร้าใจ ในยุคนี้ซามูไรก็มีแต่พวกสูงๆเท่ๆมีกล้ามดูดีกันไปหมดทำไมข้าต้องแกนเพียงนี้ด้วยเจ็บใจนัก!!!
“ฮ่าๆฮ่าๆฮ่าๆ เจ้าน่ะหรืออยากสูง ฮะ...ฮาบิ” อีกฝ่ายที่ได้ฟังก็เอาแต่หัวเราะอย่างเดียวจนทำให้เจ้าของคำพูดรู้สึกเดือดขึ้นมา เขาวางตะเกียบลงพร้อมกับผุดร้องยิ้มเย็นๆบนใบหน้าสวย “ซาโย!!!!!!”
“ชู่ว... อย่าเสียงดังนักสิ ข้าว่านะเจ้าตัวเท่านี้ก็น่ารักแล้วไม่ต้องสูงหรอก หึหึ” เขาพูดเสียงพูดทีเล่นทีจริงพร้อมกับเคียบไข่ม้วนขึ้นมาทานอย่างสง่า ทางฮาบิที่ถูกพูดแบบนั้นก็นิ่งเงียบ...
ตึกตัก....ตึกตัก.....ตึกตัก....ตึกตัก...
เขารู้สึกหูอื้อได้ยินเสียงหัวใจและเพียงคำพูดเมื่อครู่ของซาโยวนไปเวียนมาอุณหภูมิภายตีกลับไปที่ใบหน้าร้อนวูบขึ้นอาจเป็นเพราะหัวใจที่เต้นผิดจังหวะขึ้นมามากของเขาก็เป็นได้ ‘น่ารักแล้วไม่ต้องสูงหรอก....’ อ๊าคคคคค! ข้าอยากจะเป็นบ้านี่ข้าเป็นอะไรไปเนี่ย! เมาปลาย่าง(?)หรือไง!!!
“เอ้า... ฮาบิรีบกินเข้าสิ” ไข่ม้วนสีทองถูกเคียบมาจ่อตรงริมฝีปากของฝ่ายท่านขุนนางหนุ่มที่กำลังว้าวุ่น
“อ๊ะ... เอ๊ะ!” เขามีท่าทีตกใจก่อนจะค่อยๆอ้าปากทานช้าๆตามสไตล์ของตัวเอง รอยยิ้มบางๆของพ่อค้าหนุ่มผุดขึ้นเล็กน้อย เขาป้อนอาหารให้อีกฝ่ายเรื่อยๆ “ข้าไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ข้ากินเองได้มีมือน่ะเห็นมั้ย” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมหยิบตะเกียบขึ้นมากินเองเหมือนอย่างที่ปากพูดเลย ได้แต่ให้อีกฝ่ายป้อนไปเรื่อยๆจนหมด
“ชิ! วันหลังไปต้องเลยนะ ข้ากินเองเป็น!” ฮาบิพูดขึ้นมาแล้วสะบัดหน้าไปอีกทางเหมือนสาวๆกำลังงอนต้องการคนง้อด่วน ซาโยเห็นอย่างนั้นได้แต่หัวเราะแล้วขำ
“เจ้านี้นิสัยเหมือนเด็กเลยนะ ฮ่าๆ” เขาเอานิ้วจิ้มแก้มป่องๆของอีกฝ่ายเล่นแล้วหัวเราะร่วน ร่างเล็กกระโดดข้ามโต๊ะไปนั่งคร่อมร่างอีกฝ่ายแล้วจัดการดึงใบหน้ากลับ “หัวเราะอีกสิ... หัวเราะสิ...” ร่างสูงร้องโอดโอยแต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าเช่นเดิมจนกระทั้งหญิงรับใช้มาเก็บโต๊ะอาหารเธอก็เพียงหัวเราะกับพฤติกรรมการแกล้งกันเหมือนเด็กๆของทั้งคู่ คุณป้านานะเป็นคนเก่าคนแก่ที่คอบรับใช้มานานของบ้ายหลังนี้คุ้นเคยเป็นอย่างดี
“วันนี้ข้าจะพักห้องเดียวกับฮาบินะป้า”
“รับทราบเจ้าค่ะ”
“ทำไมเจ้าต้องมานอนห้องข้าด้วย” หลับจากป้านานะยกสำหรับนำไปเก็บแล้ว คุณหนูของบ้านก็ร้องแว๊กถามขึ้นมาทันที ส่วนคนที่ถูกถามก็เดินหน้ามึนออกไปนอกสวนญี่ปุ่นบริเวณติดทางเดินแล้วยักไหล่เชิงไม่ต้องการตอบคำถาม ฮาบิหยัดร่างลุกขึ้นเดินตามไปติดๆแต่เพราะไม่ทันระวังและเดินเร็วผิดปกติจึงสะดุดขาตัวเอง
“อะ... หะ!”
“เจ้านี้ไม่ระวังตัวเลยนะ ซุ่มซ่ามชะมัดเลย” เจ้าของแขนแกร่งที่โอบรับตัวของเขาทันเอ่ยขึ้นอย่าเสียไม่ได้ อีกฝ่ายเองก็อยากจะโต้ตอบแต่จู่ๆก็เกิดหน้ามืดขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ เพราะร่างกายของข้ามันช่างอ่อนแอยิ่งนัก... ข้าเลยเป็นภาระของเจ้าเสมอเลยซาโย ในใจได้แต่คิดอย่างน้อยใจแล้วก็ฟุบอยู่ในอ้อมกอดนั้นไม่ขยับไปไหน
“นี่.... วันนี้ท้องฟ้าสวยน่ะฮาบิ” เขาจัดการลุกขึ้นอุ้มร่างเล็กที่อ่อนแรงขึ้นมาไว้ให้เห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ ...สวยงามอะไรเช่นนี้นะดวงดาว คงจะมีนับล้านไม่สินับไม่ถ้วนเลยต่างหาก ถึงดวงตาจะพร่าไปบ้างแต่ฮาบิก็เห็นความสวยงามนี้ชัดเจน “เอาล่ะ กลับเข้าห้องกันเถอะ”
หลังที่กลับมาที่ห้องได้สักพักทั้งคู่ก็ล้มตัวนอนข้างกันเหมือนเมื่อสมัยก่อนที่ซาโยมักจะมาอยู่เป็นเพื่อนกับฮาบิในยามที่บิดาของเขาต้องไปทำธุระต่างเมือง ส่วนสาเหตุที่ซาโยมานอนด้วยนั้นเจ้าตัวบอกว่ากลัวฮาบิเป็นอะไรไปแล้วผู้ปกครองเองก็ไม่อยู่ดังนั้นเขาที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความเรียบร้อยของลูกน้องเลยต้องมานอนเป็นเพื่อน ....ทั้งที่ควรจะบอกว่าเป็นห่วงก็สิ้นเรื่อง
“ได้ข่าวว่าบิดาเจ้าหาหญิงงามต่างเมืองมาแต่งเข้าบ้านให้เจ้าหรอซาโย?” ความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่กลางอกนี่มันอะไรกันข้าก็แค่ถามในสิ่งที่อยากรู้.... มันก็เท่านั้นเองไม่ใช่หรือไงแล้วทำไมจู่ๆ ...กลัวคำตอบเหลือเกิน
“ช่างเขาเถอะ ข้าไม่ยอมแต่งซะอย่างใครจะมาขัดได้” ฝ่ายถูกถามตอบน้ำเสียงเจือไปด้วยความหงุดหงิด แต่ก็ทำให้คนที่นอนข้างๆเขากลับมีความรู้สึกดีแทน(?) หา... ตัวข้านี้นับวันยิ่งเข้าใจยากเสียจริงเลย เมื่อกี้ยังรู้สึกกลัวคำตอบอยู่แท้ๆแต่พอได้ฟังแบบนี้แล้วกลับรู้สึกหัวใจมันพองโตขึ้นมาซะงั้น?..... โล่งอกที่ได้ฟังคำตอบสินะ อืม..มันต้องเป็นอย่างนั้นแหละ
“แล้วทำไมเจ้าต้องมาถามข้าด้วยเนี่ย?” นั้นสิทำไมข้าต้องถามเจ้าด้วย? “ขะ...ข้าแค่อยากรู้อ่ะ... ข้าผิดด้วยหรอ!”
สักพักก็เข้าสู่ความเงียบจากทั้งบรรยากาศที่ความมืดขับกล่อมดังบทเพลงไร้เสียงและจากการนิทราของคนภายในห้องนั้น จู่ๆก็มีเงาปริศนาปรากฏขึ้นกลางห้องก่อนที่เงานั้นจะก้มลงไปมองใบหน้าของร่างบางที่นอนหลับลึกสนิทใกล้ๆและบรรจงจูบกับริมฝีปากบางกระจับนั้นในความมืดก่อนจะอันตธานหายไปในเวลาต่อมา
สัมผัสที่รู้สึกดีนี้มันอะไรกัน.....
ข้าคงฝันไปเองแหละนะ....
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อฮาบิตื่นเช้ามาก็ไม่พบร่างของซาโยที่ควรนอนอยู่ข้างๆเขาจึงอกตามหาไปทั่วบ้านหลังใหญ่ของเขาทั้งเช้านั้นแสนวุ่นวาย ส่วนตัวของคนที่หายไปก็ไม่ได้หายไปไหนเลยอันที่จริงแล้วเขาก็แค่ออกมาแช่น้ำนานเกินไปก็เท่านั้นเอง แต่ในใจลึกนั้นกลับแสนจะดีใจจากคำพูดของคนรับใช้ที่พูดถึงปฏิกิริยาของเพื่อนตัวแสบของเขาเมื่อเช้าที่ถึงวิ่งวุ่นและตะโกนแหกปากไปเสียทั่วบ้าน แต่ตอนนี้ก็อยู่ในห้องทำงานแล้ว
“หาตัวข้าอยู่...”
“ซาโย! เจ้าไปไหนทำไมไม่บอกข้าก่อนล่ะ รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงนะ!” เมื่อเลื่อนบานประตุเข้าไปเขากลับเจอฮาบิกำลังทำหน้าเบะเหมือนเด็กน้อยกำลังจะร้องไห้ ...น่ารักแหะ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างนั้นถึงแม้จะรู้ถึงเหตุผลที่ทำไมฮาบิถึงติดเขาแจแบบนี้ก็ตามแต่ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เลย
“ข้าแช่น้ำนานไปน่ะ... เจ้านี้นะมาหลั่งน้ำตาให้กับอีเรื่องแค่เนี่ย” เขาเดินเข้าไปภายในห้องแล้วเลื่อนปิดประตูลงอย่างเบามือก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างๆฮาบิและจูบซับน้ำตาของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล
“เอ๊ะ! เจ้าทำอะไรน่ะซาโย” มือเล็กผลักร่างกำยำออกห่างแล้วถามกลับ ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงร้อนไปหมดแล้วกับการกระทำของอีกฝ่าย “ข้าก็แค่ทำหน้าที่เพื่อนที่แสนดี ซับน้ำตาให้เจ้า” เขาพูดพร้อมกับยักไหล่เล็กน้อย ....เพราะเป็นเพื่อนเองอย่างนั้นหรอ....ซาโย
“อ่าใช่ ...ฮาบิวันนี้มีงานดอกไม้ไฟ เราไปดูด้วยกันไหม”
“อืม” ...แต่ถึงยังไงซาโยก็ใจดีกับข้าเสมอเลยนี่ ข้าไม่ยอมยกให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นรอยยิ้มนั้นต้องเป็นข้าเพียงผู้ดียว.... เอ๋! ฮาบิเจ้าคิดอะไรอยู่เนี่ย นั้นน่ะซาโยนะซาโย เพื่อนที่เจ้ามีเพียงคนเดียวเลยนะอีกอย่างพวกเราก็เป็นผู้ชายทั้งคู่อีกด้วย... เจ้าของความคิดไม่ทันได้สังเกตว่าได้มีสายตาของร่างสูงกำลังจับจ้องมาทางอย่างไม่ละ เขารู้สึกได้ถึงความกังวลในแววตาเหม่อเลื่อนลอยนั้น
“ข้านี้เป็นผู้ชายที่โชคร้ายเสียจริงเลยนะ”
“หา?” เขาหลุดจากห้วงความคิดของตัวเองแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่กำลังจะตัดพ้อตัวเอง
“คู่หมั่นข้านี้สิ ....นางอยากไปงานดอกไม้ไฟกับซายุมากกว่า ดูเหมือนนางจะหลงรักเขาแล้วล่ะ” ซาโยเสแสร้งทำเป็นน้อยอกน้อยใจหวังจะได้ความเห็นใจจากเพื่อนรัก แต่เขากลับได้คำตอบเพียง...
“อ๋อหรอ แล้วทำไมเจ้าไม่ไปดูแลนางตอนนี้ซะล่ะ! เผื่อนางจะเปลี่ยนใจ! หันมาหลงรักเจ้า!!!”
น้ำเสียงกระแทกกระทั้นเจือไปด้วยความหงุดหงิดน้อยใจ ใบหน้าหวานน่ารักบูดบึ้งไม่แม้แต่จะสบตาของอีกฝ่าย แต่นั้นกลับสร้างความพึงพอใจให้อีกฝ่ายอย่างไม่คาดคิด รอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขเปื้อนใบหน้าของซาโยกลับยิ่งสุมไฟความหงุดหงิดรำคาญใจให้กับฮาบิมากยิ่งขึ้น
“เมื่อยามรัตติกาลเหยียบนภา ข้าจะมารับเจ้า” ทันใดนั้นเองมือใหญ่ก็ดึงอีกฝ่ายมาใกล้แล้วฝังริมฝีปากทาบทับลงริมฝีปากสีสวยนั้น ลิ้นอุ่นชื้นสอดเข้ามาในโพรงปากตวัดโหยหาความหวานที่จะได้รับจากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนและลึกซึ้งอยู่เนิ่นนาน ทางฝ่ายที่ถูกกระทำก็ทั้งตกตะลึงและเคลิบเคลิ้มไร้ซึ่งสติสัมปะชันยะ
“อือ...อื้ม...” เสียงท้วงอยู่ในลำคอเล็กๆ เตือนสติให้เขารู้ว่าตัวเองเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว ซาโยผละออกมาแล้วจูบซับลงไปอีกทีก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้อง พร้อมเสียงตะโกนด่าดังลั่นจนผู้คนที่ได้ยินถึงกับสะดุ้งเฮือกกันตามๆไป
“เชอะ... ข้าไม่รอเจ้าหรอก เจ้าบ้าซาโย!!!”
ตกเย็นมา
ร่างบางในยูกาตะสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีผิวขาวใสลายปลาคราฟตัวสวยถูกเพิ่มระดับความหรูหราขึ้นไปอีกด้วยลายกิ่งดอกท้อดอกเล็กน่ารักและลายคลื่นน้ำประณีต สีชมพูระเรื่อบนแก้มของฮาบิยิ่งส่งผลทำให้เขาดูน่ารักมาก เมื่อเขาลองนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ซาโยทำกับเขาไว้แก้มก็ยิ่งขึ้นสีเข้มขึ้นจนแดงจัด ....หรือว่าซาโยจะคิดเหมือนที่ข้าคิดกันนะ จนรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของผู้ที่บอกว่าจะมารับ
“เฮ้อ... คงไม่มาแล้วล่ะ” ....ข้ามันคิดเข้าข้างตัวเอง ข้ามันโง่... ทั้งๆที่เจ้ามีคู่หมั่นอยู่แล้ว...
“อย่ามาทำหน้าหงอยในวันงานแบบนี้สิ” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาฮาบิผงะเดินหนีอัติโนมัติ
“มาไม่ให้ซุ้มให้เสียงเลยสิให้ตายเถอะ ท่านพี่โทริ” เขาเอ่ยกับร่างสูงโปร่งข้างกายมีหญิงสาวสวยเคล้าโคลงใบหน้าคล้ายกับฮาบิ “ว้าว! ฮาจิเมะเจ้าช่างสวยเหลือเกิน” ว่าแล้วฮาบิก็เดินรอบตัวของน้องสาวแท้ๆของเขาไปมาด้วยสายตาชื่นชม เธอหัวเราะคิกคักอย่างเหนียมอาย
“แต่ข้าคงงามไม่เท่าท่านหรอกท่านพี่”
“บ้าน่า ข้าน่ะเป็นชายนะจะไปงามได้ไง เจ้าน้องสติฟั่นเฟืองเอ้ย!” นิ้วเรียวดีดเข้ากลางหน้าผากของน้องสาวตัวแสบพร้อมกับหญิงสาวที่ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดอยู่ข้างกายของคนรักของเธอ เขาเพียงแค่ระบายยิ้มออกมา
“จริงซิ ท่านพี่จะไปงานดอกไม้ไฟกับพวกเราไหมเจ้าค่ะ”
“ไม่ล่ะ พวกเจ้าไปกันสองคนเถอะ” เขาพูดพร้อมกับลูบท้ายทอยตัวเอง “ท่านพี่โทริ... อย่าปล่อยให้นางไปเจอโชเรียวเชียวล่ะ ถ้าท่านไม่อยากถูกทิ้งให้เดินคนเดียว” เขาพูดเสียงเบาลอย
“ข้าได้ยินนะท่านพี่! เชอะ เราไปกันเถอะเจ้าค่ะ ....ปล่อยตาแก่แรงทึ้งยืนรอคนรักไปคนเดียวเถอะ” ว่าแล้วนางก็เดินลากคนรักไปอย่างรวดเร็ว
......คนรักอย่างนั้นหรือ..... ซาโย
“ข้านี่มันงี่เง่าที่สุดเลย คนรงคนรักอะไร.... หมอนั้นก็มีคู่หมั่นอยู่แล้วนี้” น้ำเสียงแผ่วเบาที่เอ่ยกับตัวเองถึงแม้จะเบาเพียงใดแต่บาดแผลที่ได้รับจากคำพูดของตัวเองกลับแทงเจ็บจนกว้างลึก ความรู้สึกโดดเดี่ยวเข้ามาสิงสถิตย์หัวใจของชายหนุ่มเหมือนเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก ....ถ้าเขาแต่งงานไป...มีครอบครัว..... ข้าก็ต้องอยู่คนเดียวอีกครั้งสินะ....
“พูดคนเดียวก็ได้ด้วย ข้าเพิ่งจะรู้นะเนี่ย” เสียงที่คุ้นเคย....
“สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านฮาบิข้าน้อยซึสุเมะ” และเสียงที่ไม่คุ้น....
“ครับ ....หญิงงามนางคงเป็นคู่หมั่นของเพื่อนข้า” รอยยิ้มแบบใจดีสู้เสือที่ฮาบิมักใช้งานบ่อยครั้งผุดขึ้นมาส่งมอบให้หญิงสาวคนสวย เธอได้แต่หน้าแดงขวยเขินท่ามกลางแสงจากโคมไฟที่ประดับตามทาง จู่ๆก็มีสายตาไม่พอใจปรากฏวูบขึ้นมาท่ามกลางความมืด “งั้นข้าว่า ข้าไม่ปะ....เจ้าหมูป่า! ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ!!!” ร่างบางถูกยกขึ้นพาดบ่าแข็งแกร่งของซาโยอย่างง่ายดาย ทั้งดิ้นรนพยายามเพียงใดก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายสมกับฉายาเจ้าหมูป่า
“ข้าว่าพวกท่านนี้สนิทกันจังเลยนะเจ้าค่ะ แหม...ข้าอิจฉาจัง” .....ข้าสิที่อิจฉาเจ้า...
“ไม่ต้องอิจฉาหรอก พอเจ้าเข้ามาอยู่ในตระกูลของเราแล้วเดี๋ยวข้าก็สนิทกับเจ้าเองแหละ” ....ใช่ สนิทแนบแน่นเลยล่ะ
“ข้าหมายถึงดอกไม้ของท่านต่างหากล่ะเจ้าค่ะ ท่านพี่ซาโย” .....ดอกไม้?.... ของซาโย?
“เจ้าอย่ามายุ่งกับของของข้า เจ้าเป็นใครข้าเป็นใครหัดประมาณตนซะบ้างซึสุเมะ”
ทำไมคำพูดของเจ้าพูดกับคู่หมั่นคู่หมายถึงได้รุนแรงแบบนี้เนี่ย เจ้าเป็นคนปากจัดแบบนี้กับผู้หญิงด้วยรึ?
“ข้าจะฟ้องซาจิล่ะคอยดู เหอะ!” น้ำเสียงของนางเปลี่ยนไป?.....
หลังจากการเถียงเล็กๆน้อยๆจบลงความเงียบงันก็เข้ามาแทนจนพ่อคนที่ถูกพาดบ่ารู้สึกอึดอัดจนผล็อยหลับไปบนบ่าแกร่งนั้น ซาโยเปลี่ยนจากอุ้มพาดบ่ามาเป็นอุ้มท่าเจ้าสาวแทนเมื่อเขาเห็นว่าฮาบิหลับก็แอบลอบยิ้มเล็กๆออกมา ส่วนซึสุเมะเองก็เห็นนะแต่ว่าก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่รับไม่รู้อะไรทั้งนั้นเพื่อความสงบสุขไม่รบกวน ‘ดอกไม้’
แสงไฟไสวจากงานวัดที่ส่องประกายราวกับอยู่ในเทพนิยายทั้งร้านค้ามากมายผู้คนพลุพล่านทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีความสุขลืมความทุกข์จนหมดใจราวกับลุ่มหลงอยู่ในแดนพิศวง ซาโยที่อุ้มร่างเล็กอยู่หน้าทางเดินขึ้นไปยังศาลเจ้าขอพรที่อยู่ข้างบนหลังจากที่ส่งตัวซึสุเมะให้กับน้องชายตัวเองหน้าทางเข้างานวัด ร่างสูงใหญ่เคลื่อนตัวเดินขึ้นบันไดลาดชันทรุดโทรมน่าหวาดเสียว จนกระทั่งมาถึงที่หมายสถานที่ดูดอกไม้ไฟข้างศาลเจ้า เขานั่งลงกับพื้นจุดที่ดีที่สุดแล้ววางร่างของฮาบิไว้ในอ้อมแขน ยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งที่ได้มองใบหน้างดงามของคนๆนี้
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
“อืม.... ซา.... ซาโยหรอ.... พลุ” ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วแต่เสียงพลุปลุกให้เจ้าชายนิทราฟื้นคืนสติมาอีกครั้ง เขาสบสายตาอบอุ่นของผู้ชายตรงหน้าระยะประชิดแบบนี้ตอนนี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วผิดจังหวะสูบฉีดเร็วมากยิ่งขึ้น ....เอ๊ะ?
“แล้วซึสุเมะล่ะ? ทำไมเจ้าไม่อยู่กับนางเจ้าบ้า! นั้นคู่หมั่นเจ้านะ!!!”
“คู่หมั่น....”
หัวใจเหมือนกับจะแหลกลงเมื่อเอ่ยถึงหญิงสาวคนนั้น
“แต่นางเป็นผู้หญิงนะ แล้วเจ้าปล่อย....อือ...” เสียงที่กำลังโวยวายถูกกลืนลงคอไปหลังจากริมฝีปากบางถูกยึดครองโดยคนตัวใหญ่เจ้าของอ้อมกอดแสนอุ่นที่เขาใฝ่ฝันหาและต้องการมาเนิ่นนาน...เขาก็ไม่อาจที่จะเรียกร้องมันได้เลย แต่ตอนนี้เขาตื่นมาพร้อมกับความอบอุ่นที่ชวนใจเต้นแรงและความรู้สึกวาบหวามแสนหวานที่อีกฝ่ายมอบให้ ลิ้นอุ่นชื้นเกี่ยววัดฟัดเหวี่ยงมีหยอกล้อบ้างเล็กน้อยกันอยู่นาน จนฮาบิเริ่มหายใจไม่ไหวเขาจำต้องถอนจุมพิษออกมาช้าๆก่อนจะจูบซับลงไปอีกครั้ง
“ฮาบิ.... ข้ารักเจ้านะ” แหะ?!? ร่างเล็กได้แต่ทำตัวเงอะงะทำอะไรไม่ถูก ทั้งตกใจและดีใจ.... หรือนี้ข้าฝันไปนะ
“ข้า....เอง....ก็รักเจ้าเช่นกัน ซาโย”
‘ถ้านี่คือฝันข้าก็จะขอตอบเจ้าแบบนี้.....’
........
“ห๊ะ.... ข้ากลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ความรู้สึกเย็นวาบผ่านแล่นเข้ามาร่างกายของชายหนุ่มหน้าสวยจนเขาต้องเปิดห่มสำรวจและมองรอบห้อง “เอ๋!!!!” ซากยูกาตะที่กองกระจัดกระจายทั่วห้อง.... ร่างที่เปลือยเปล่า แค่นี้ยังไม่ทำเขาสติแตกได้เท่ากับร่างกำยำของอีกคนที่นอนเอาแขนแทนหมอนให้เขานอน
......ร่างกายแนบชิด
......ไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดใดๆ
และสุดท้าย...... อาการปวดเมื่อย
“เจ้าบ้าซาโย!!! ทำไมเจ้าทำกับข้าแบบนี้ไอ้เพื่อนบ้า!!!” เสียงเล็กแหกปากดังลั่น แต่นี้กลับเป็นความเคยชินจนไม่มีใครมาสนใจเพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรคุณหนูของพวกเขาและเธอก็เป็นคู่กัดแขวะกับซาโยจนมีเรื่องเสียงดังประจำอยู่แล้ว
“โอ๊ย! ใจเย็นสิฮาบิ... ข้าเจ็บนะนี่เจ้า... อ๊าค!” ข้าของถูกขว้างปาใส่ไม่ยั้งมือ “เดี๋ยวๆ ฟังข้า.... ฟังข้าก่อนเส่!!!”
“คำแก้ตัวน่ะหรือ... ไม่ข้าไม่อยากฟังหลักฐานมันตำตาขนาดนี้ยังคิดจะแก้ตัวอีก! ไอ้คนฉวยโอกาส”
“โอ๊ย! นายบ่นว่าร้อนเองนะ! .....นายบ่นว่าร้อนแล้วถอดเสื้อผ้าตัวเองแถมลื่นล้มตรงประตูเองนะ” ของที่กำลังระดมปาหยุดชะงักลงแล้วทำหน้าตาว่ามันเหลือเชื่อ แต่ก็ช่างเถอะ....มันจะเป็นไปได้ยังไงจริงไหมล่ะก็ในเมื่อเขามีคู่หมั่นสุดน่ารักแบบนั้นอยู่ทั้งคนแล้วนี่นะ ข้านี่คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย "คนเขาอุตส่าอุ้มมานอนที่นอนดีๆแท้ๆ"
“เออน่าข้าขอโทษ... ข้าคงคิดมากไปเองแหละ ฮ่าๆ”
“ข้าว่าข้าพาเจ้าไปอาบน้ำดีกว่า ดูสิแต่เดิน....”
“ขอบคุณนะ” ฝ่ามือที่โอบเอวบางทำให้เจ้าของรู้สึกหวั่นไหว วูบวาบ รู้สึกภายในร่างกายร้อนขึ้นมาเฉยๆซะงั้น เข่าของฮาบิอ่อนยวบลงไปหนักกว่าเก่า ซาโยที่รู้สึกถึงเหตุการณ์นี้แต่เขาก็ทำเฉยเมยไม่รู้ไม่ชี้พยุงร่างกายอันอ่อนแรงของเพื่อนรักไปที่โรงอาบน้ำที่บัดนี้ไม่มีใครอยู่แม้แต่แมลงสักตัวก็ไม่มี
“เมื่อคืนนี้เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยอย่างงั้นหรือ”
“ถามแปลกๆน่า เจ้าก็รู้ว่าข้าน่ะหลับลึก”
“อ๋อ.... งั้นสินะ” แววตาแสนเศร้าของซาโยแอบแฝงความปวดร้าวเอาไว้ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แสนไกลอย่างว่างเปล่าเวิ้งว้าง บ่อน้ำที่ปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัดและบรรยากาศมาคุ ฮาบิลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกลางอก
‘เมื่อไหร่เจ้าจะรับรู้สึกความรู้สึกของข้าเสียที’
เสียงหนึ่งดังอยู่ในอกดังลั่นไปมา..... ทั้งโหยหาและผิดหวัง แต่ก็ยังคงเฝ้ารอ
“ฮาบิ... ข้าว่าเราไปกันได้แล้วนะ ข้าต้องไปเตรียมงานแต่งในอีกสองวันนี้”
“.....นั้นสินะ... นี่ซาโยหลังงานแต่งไปแล้วเจ้าจะยังมาหาข้าอยู่ไหม?” คำถามที่คนเอ่ยถามเองก็ได้แต่งงว่าทำไมตัวเองก็ถามอะไรแบบนั้นออกไป แต่เขาเองก็ต้องการคำตอบ ดวงตาคมเข้มจ้องมองก่อนจะคลี่ยิ้มทรงเสน่ห์
“ข้าก็ต้องมาสิ ทำไมเจ้าถึงถามแบบนั้น” ....นั้นสิ ทำไมข้าถึงต้องถาม
“ขะ ข้า... ข้าแค่.... ข้าแค่กลัวว่าจะเหงาน่ะ”น้ำเสียงที่ค่อนข้างสั่นเครือเล็กน้อย ซาโยมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกที่ข้ามีให้ซาโยนั้นเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นที่มากกว่า ‘เพื่อน’ อาจจะเป็นตอนที่รู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานในไม่ช้านี้ล่ะมั้ง ทั้งความไม่สบายใจทั้งอึกอัดอิจฉา... ริษยาผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาทำในชีวิตของเขา อยากจะไล่ให้ไปพ้นหายไปอย่าให้ข้ากับซาโยได้เห็นอีก แต่ข้าก็เคยคิดว่านั้นเป็นเพราะว่าข้าอาจจะแค่กำลังติดเขาเฉยๆเดี๋ยวความรู้สึกนี้มันก็หายไปเอง แต่นานวันเข้าเวลาผลัดเปลี่ยนไปแต่ใจของข้าก็ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่สมัยเด็ก ปัจจุบันนี้ก็คิดเอาเองว่าเขาคือเพื่อนรักและเพื่อนรักก็ต้องหวงห่วงกันธรรมดา.... จนนี้ที่ได้รับรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงอื่นข้าก็เพิ่งจะยอมรับความรู้สึกที่ข้า ‘รัก’ เขา....
ข้ามันน่าสมเพศ.... ข้ามันงี่เง่า.... ข้าเกลียดตัวเอง....
“ซึสุเมะ เจ้าสวยมากเลยนะ”
“ขอบคุณ ท่านฮาบิท่านอุตสามาเป็นงานของข้า” เจ้าสาวคนสวยพูดก่อนนะไล่ให้คนอื่นในห้องออกไปเหลือเพียงกันอยู่สองคน
“ข้าจะบอกความลับอะไรบางอย่างให้ท่านทราบด้วยท่านฮาบิ.... ท่านพี่ซาโยเขาให้ข้ามาบอกท่านน่ะ” ?!!!
“ที่จริงนะ... ข้าเป็นผู้ชายขอรับท่าน” ผู้ชาย!!! สวยขนาดนี้เนี่ยนะ!!!
“เจ้ามาล้อเล่นอะไรข้าเนี่ยซึสุเมะ”
“ที่จริงข้ามีนามว่าเคียวคุขอรับ แต่ต้องปลอมเป็นพี่สาวตัวเองก็เพราะท่านพี่ข้าเสียไปแล้ว....” ปลอมเป็นพี่สาว??
“แล้วทำไมเจ้าไม่บอกพวกเขาล่ะ”
“เพราะว่าพ่อข้าได้สัญญากับท่านลุงไว้และไม่อยากผิดสัญญาน่ะขอรับ ตัวของข้าเองก็จำต้องออกเรือนแทนพี่สาว แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าน่ะจะดูแลเขาเป็นอย่างดีเพราะว่าเรารักกันอย่างจริงใจขอรับ”
‘เพราะว่าเรารักกัน..... ว่าเรารักกัน.... เรารักกัน ......รักกัน.... กัน’
ฟุบ!
“ท่านฮาบิ! ใครอยู่ข้างนอกมาช่วยกันหน่อยเร็ว!!!” นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ข้า.... ได้ยิน
“ฮาบิๆ... เจ้าฟื้นแล้ว.... ข้าโล่งอกหน่อยข้าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่” ฝ่ามือที่กุมมือเล็กเลื่อนมาเป็นการโอบกอดแทนอีกฝ่ายได้แต่ไม่เข้าใจ ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ทั้งที่วันนี้เป็นวันแต่งงานของเขาแท้ๆแล้วซึสุ... ไม่สิ เคียวคุล่ะแล้วตอนนี้เคียวคุไม่เสียใจแย่เลยหรือไงที่เจ้าบ่าวหนีมาแบบนี้
“แล้วเจ้าทำไม.... ไม่ไปร่วมพิธีล่ะวันนี้มันเป็นวันงานนะ”
“ไม่มีอะไรสำคัญกว่าเจ้าหรอกนะฮาบิ” วงแขนแกร่งกอดรอกแน่นขึ้น ....แล้วไหนเคียวคุบอกว่าพวกเจ้ารักกันอย่างจริงใจไง.... ทำไมเจ้าเป็นคนแบบนี้
“ฮึกฮือๆ.... แล้วเคียวคุล่ะ เขาไม่สำคัญสำหรับเจ้าหรือไง” น้ำใสไหลรินลงมาเรื่อยๆ อีกฝ่ายคลายตัวออกก่อนนะมองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนน้ำตานั้นอย่างไม่เข้าใจ “เคียวคุจะมาสำคัญสำหรับข้าได้ยังไง”
“ก็เขาบอก...ฮึก....กับข้าว่า...ฮือๆ พวกเจ้ารักกันอย่างจริงใจ ฮึกฮือๆ วันนี้เป็นวันแต่งของพวกเจ้านะ ทำไมเจ้าๆ โฮๆ”
“เอ่อ....คือ..... ฮาบิหยุดร้องก่อน.... ที่เจ้าเข้าใจนะมันผิดหมดเลยนะ”
“ห๊ะ”
“ฟังดีๆนะ เคียวคุน่ะเป็นผู้ชายจริง.... เขามีความรักที่บริสุทธิ์จริง แต่เขารักกับซาจิเขาแต่งกับซาจิโน้น”
“เห๋!!!!” น้องชายผู้เจี๋ยมเจี้ยมนั้นคบกับผู้ชายงั้นเร๊อะ!!!
“ข้าให้มาบอกเจ้าก็เพราะว่าเจ้าก็เหมือนพี่ชายคนหนึ่งของซาจินะ” ข้าไปเหมือนตอนไหนไม่ได้สนิทกับซาจิ สนิทแต่กับเจ้านะ?
“ข้ารักเจ้านะฮาบิ.... ข้ารักเจ้ามากกว่าเพื่อนข้าไม่อยากให้เจ้าตกไปอยู่กับใคร ที่ข้าคอยวนเวียนอยู่รอบๆตัวเจ้าก็เพราะแบบนี้แหละ เจ้าจะรับข้าได้หรือไม่?”
“....ข้ารับ ข้าเองก็รักเจ้า” วงแขนเล็กๆโอบกอดร่างสูงพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความสุข น้ำตาที่ไหลรินลงมาเองก็เปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นกัน ทั้งสองกอดกันอย่างมีความสุขจนหัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วก็ทวีคูณความแรงเข้าไปอีก
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่ทั้งสองคนต่างก็รอมานานโหยหากันมานานและสัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีวันที่เขาทั้งสองจะแยกจากกันไม่มีทาง ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเจอกับอุปสรรคอะไรจะเคียงข้างกันประคับประคองและเข้าใจกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
“แต่ข้ามีข้อสงสัยอย่างนะซาโย” คนตัวเล็กกว่าผละออกมาจ้องมองดวงตาของอีกฝ่ายใสแบ๊ว
“เจ้าน่ะ เคยลักหลับข้าหรือเปล่า”
“ห๊า...เอ่อ... ไม่เคยสิ ไม่เคยๆ เจ้านี้ทำไมถึงมาถามแบบนี้” ถ้าข้าบอกความจริงไปเจ้าก็โกรธข้าน่ะสิ
“ข้าแค่อยากรู้น่ะ.... แต่ว่าเวลาเจ้าโกหกเจ้าจะหลบตาข้านิ!!! เจ้าโกหกหรอ!!!”
“ข้าเปล่านะ.... ฮาบิ โอ๊ย! แค่ไม่กี่ครั้งเอง อ๊าค! ข้าขอโทษ....”
“เจ้าบ้า!!!!”
ความคิดเห็น