ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Pain คุณชายขายรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : Love Pain 3+ เนียนขั้นเทพ (rewrite เพิ่มดีกรีความแร๊ง!!)

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 53


    เนียนขั้นเทพ

     

                ฉันมองโทรศัพท์มือถือด้วยความร้อนรน นี่ก็เลยเวลานัดมาสิบห้านาทีแล้ว เมื่อคืนเขาดูเมาๆ อาจจำเรื่องที่คุยกันไม่ได้ด้วยซ้ำก็ได้ สุดท้ายฉันก็ต้องเสียสามพันไปฟรีๆ เพื่อบินเดี่ยวไปเผชิญหน้ากับพ่อแม่คนเดียวรึเนี่ย ฉันเดินลากกระเป๋าไปซื้อตั๋วอย่างเซ็งจัด

                “กี่ใบคะ” แอร์สาวสวยถามฉันเสียงหวาน

                “หนึ่งใบค่ะ”

                “สองใบครับ”

                เสียงนั้นแทรกมาในทันที ฉันหันขวับไปด้านข้าง และพบว่าเขามายืนอยู่ข้างกายฉันแล้ว ผมของเขาดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง นั่นคงเพราะรีบมาแบบสุดตัวเลยล่ะซิ  ก็ยังดีที่มาล่ะนะ

                “มาด้วยกันหรือเปล่าคะ”

                แอร์สาวสวยถามซ้ำ

                “ค่ะ สองใบ”

                ระหว่างที่ออกตั่วให้เรา ฉันแอบเห็นว่าแอร์สาวสวยพยายามแอบมองใบหน้าเขาอย่างระมัดระวัง ทั้งที่ทั้งหัวฟู และยืนอ้าปากหาวหวอดๆ อยู่เนี่ยนะ น่าดูตรงไหน แต่ที่แย่กว่าคือ ค่าใช้จ่ายนอกเหนือทุกอย่างไม่อยู่ในสามพันที่ตกลงกัน ฉันจึงต้องจ่ายตังค์ค่าตั๋วทั้งสองใบเอง T_T ฮือๆ เงินที่ฉันสะสมไว้ทั้งนั้นเลยนะเนี่ย

                ระหว่างที่เครื่องลอยลำอยู่บนท้องฟ้าฉันก็เริ่มเล่าสิ่งที่เขาต้องรู้ไว้ แต่อย่างแรก เราควรต้องรู้ชื่อของกันและกันก่อน

                “ฉันชื่อฟ้าใหม่ แล้วจะให้ฉันบอกพ่อกับแม่ว่าแฟนของฉันชื่ออะไร”

                “ธาร”

                “หือ ลงทันต์หรอ หรือให้ทาน หรือลำธาร”

                 “ธ.ธง ... สระอา... ร.เรือ... ธาร”

                ราวกับเขาต้องใช้พลังมากมายในการตอบฉันแต่ละครั้งอย่างนั้นแหละ -.-

                “อ่อ งั้นก็ลำธารซินะ”

                ฉันพยักหน้างึมงับรับทราบ ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นชื่อที่ดีจัง ไหลไปเรื่อยๆ เย็นๆ เป็นเขาเลย

                “ง่ายๆ เลยนะ เรื่องของนาย นายคิดของนายเองได้เลย แต่ฉันขอภูมิหลังเป็นนักธุรกิจอะไรก็ได้นิดหน่อย คือพ่อกับแม่ของฉันเป็นนักธุรกิจน่ะ”

                “แค่นี้ใช่มั้ย” เขาถามฉันตาปรือๆ นี่เขาตื่นหรือยังเนี่ย >.<

                มีอะไรอีกมั้ยนะ ฉันมองธารอย่างสำรวจ พ่อแม่ของฉันไม่เรื่องมากเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัว เพราะฉะนั้นวันนี้ถึงเขาจะใส่เสื้อยืดสวมสูทสีขาวทับ กางเกงยีนส์ขาดๆ รองเท้าหุ้มข้อมา -_-; มันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก แต่แม่ของฉันจุกจิกนิดหน่อย ฉันเจอแล้วว่าพลาดอะไร ผมยุ่งๆ นั่นไง ฉันเอี้ยวตัวไปทางเขา เอื้อมมือไปจับผมที่ชี้ออกมาสามสี่เส้น แม่อาจคิดว่าเขาไม่ใส่ใจที่จะเจอท่านถึงได้ปล่อยให้ผมยุ่งแบบนี้ ฉันจึงใช้นิ้วสางผมสีดำนุ่มๆ ของเขาให้เข้าทรง เสร็จแล้ว ดูดีกว่าเมื่อกี้เยอะเลย คริๆ ฉันยิ้ม และมองผลงานของตัวเองอย่างภาคภูมิใจสุดๆ อันที่จริง ฉันไม่มีโอกาสได้มองใบหน้าของเขานานๆ ขนาดนี้เลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมีขนตายาวเป็นแพขนาดนี้ รูปหน้าก็ดูดีกว่าฉันที่เป็นผู้หญิงเป็นไหนๆ ขนาดฉันยังอยากมองเพลินได้ไม่รู้เบื่อเลย น่าอิจฉาจัง

                กึกๆ ว้าย!! >o<

                อยู่ๆ เครื่องบินก็ตกหลุมอากาศ ทำเอาฉันหน้าคะมำ ตะ แต่ ที่ แย่มากๆ ใบหน้าของฉันแนบลงบนใบหน้าลำธาร สัมผัสอบอุ่นและนุ่มที่รู้สึกได้ตรงริมฝีปากของฉัน นั่นเพราะริมฝีปากของเราประกบกันพอดี >[]< อ้าย แบบนี้เรียกว่าฉันลักหลับเขารึเปล่าเนี่ย แย่แล้ว นี่เขายังไม่ตื่นใช่มั้ย!!

                “อ่ะแฮ่ม”

                เสียงกระแอมของแอร์ฯ ที่เดินผ่านมา ทำให้ฉันสะดุ้งโหยง เด้งกลับไปพิงหลังที่พนักพิงของตัวเอง หยิบนิตยสารกลับหัวขึ้นมาบังหน้าด้วยความอับอายสุดขีด ฉันกลายเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายไปซะแล้ว >//<

                ฉันไม่กล้าสบตากลับลำธารเลยตั้งแต่ลงมาจากเครื่อง แต่ฉันก็แอบมองเขาตลอด ตอนนี้เขาสวมแว่นตาที่เสียบไว้ตรงคอเสื้อก่อนหน้านี้ ทำท่ามองซ้ายมองขวาตลอดไม่รู้เป็นอะไร

                “นายมองหาอะไรอยู่หรอ”

                “ทำไมเธอไม่บอกว่าบ้านเธออยู่โคราช”

                “ทำไม”

                “ฉันจะได้ไม่มา”

                “ไม่นะ มันสายไปแล้วล่ะ ฉันไม่ยอมนายให้หันหลังกลับไปตอนนี้แน่ เป็นอะไรของนายน่ะ”

                “ไม่มีอะไร” ลำธารทำตัวลึกลับยังไม่รู้ แถมตอนที่เดินไปที่รถ ที่พ่อกับแม่ส่งคนขับรถมารอรับพวกเรานั้น เขาก็เดินจ้ำๆ ก้มหน้าก้มตาไปตลอด มีพิรุธสุดๆ 

               

                รีสอร์ทของฉัน นั่งรถจากสนามบินในตัวเมืองใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง บ้านของฉันเป็นบ้านไม้สองชั้น อยู่ถัดไปด้านหลังรีสอร์ทนี่เอง

                “พ่อกับแม่ล่ะ”

                “รออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ”

                ฉันถามเด็กรับใช้ที่มารอรับกระเป๋า แต่พวกเราไม่มีสัมภาระอะไรมาก เพราะฉันไม่กะมาค้าง คุยกับพ่อแม่ซักพักก็ว่าจะกลับกรุงเทพเย็นวันนี้เลย ฉันจึงเดินนำธารเข้าไปในบ้าน เครื่องเรือนในบ้านเป็นไม้เช่นกัน ตกแต่งสไตล์ไทยๆ ตามความชอบของแม่ บรรยากาศในบ้านจึงดูย้อนยุค และดูขลังมากขึ้นเมื่อมีพ่อกับแม่นั่งรออยู่ตรงชุดรับแขก พากันมองสำรวจลำธารอย่างเปิดเผยตั้งแต่วินาทีแรกที่ลำธารปรากฏกายต่อหน้าท่าน

                “ชื่ออะไรน่ะเรา”

                พ่อไม่เปิดโอกาสให้ฉันแนะนำ ท่านก็เล่นถามเสียเอง ปกติพ่อไม่ใช่คนดุเลย แต่หนนี้กลับตีหน้าซะเข้มเชียว ถ้าลำธารเป็นแฟนของฉันจริงๆ เขาคงเกร็งน่าดู แต่เราเป็นแค่แฟนหลอกๆ ลำธารจึงดูสบายๆ เหมือนเดิม เขาตอบพ่อไปเรียบๆ

                “ลำธารครับ”

                “เรียนคณะเดียวกับฟ้าใหม่หรอ”

                แน่นอน คำถามนี้ย่อมบ่งบอกได้ว่าต่อไปอนาคตข้างหน้าของเขาจะเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่สายธุรกิจก็จบ

                “เศรษฐศาสตร์ต่างประเทศครับ”

                ลำธารรู้ทันพ่อของฉันด้วย โอ เขาสามารถตอบได้อย่างชาญฉลาดเลยทีเดียว

                “พ่อแม่ทำงานอะไรล่ะ”

                “แม่คะ!

                ฉันโวยขึ้นมาเมื่อแม่เปิดประเด็นอย่างไม่เกรงใจคนถูกถามเลย

                “กิจการของตัวเองครับ เปิดห้องให้คนเช่าอยู่กัน”

                “หอพักหรือคอนโดฯ จ๊ะ”

                “โรงแรมน่ะครับ”

                แม่ของฉันตาวาวขึ้นมาทันที เลิกตีหน้าซีเรียส แล้วบรรยากาศในห้องรับแขกก็ดูกันเองขึ้นอย่างรู้สึกได้

                “เข้าใจหาแฟนเหมือนกันนะเรา” แม่ว่าพลางหันมาส่งยิ้มให้ฉัน

                “โรงแรมอยู่ที่ไหนล่ะ เผื่อพ่อกับแม่ว่างจะได้ไปเยี่ยม”

                ขนาดพ่อยังยอมให้ใช้คำแทนอย่างนั้นเลยหรอเนี่ย

                “โรงแรมเพิ่งเปิดได้ไม่กี่เดือนเองครับ อะไรๆ หลายอย่างยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ ถ้าสบโอกาสดีๆ เมื่อไหร่ ผมจะให้..คุณพ่อคุณแม่พักฟรีกี่วันก็ได้ครับ”

                “จริงนะจ๊ะ อย่าลืมชวนล่ะ ว่าแต่คุณแม่ของลำธารชื่ออะไรจ๊ะ เผื่อแม่จะชวนไปออกงานสังคมด้วยกัน”

                “คุณแม่คะ พอเถอะค่ะ” ฉันทิ้งตัวลงกับพนักโซฟาด้านหลังยกมือปิดหน้า ฉันอายจนไม่กล้ามองหน้าลำธารเลย

                “เดี๋ยวผมเรียนคุณแม่ของผมให้ดีกว่าครับ”

                “หรอจ๊ะ เอาอย่างนั้นก็ได้ ลำธารอยู่ทานกลางวันกันที่นี่เลยซิ จะได้ให้ฟ้าใหม่โชว์ฝีมือซะหน่อย”

                “ฟ้าใหม่ทำอาหารเป็นด้วยหรอครับ”

                ลำธารมองฉันอย่างไม่อยากเชื่อ ฉันเลยจิกตามองตอบอย่างหาเรื่อง

                “ถ้าไม่ติดว่าฟ้าใหม่เป็นลูกคนเดียวแล้วต้องมารับช่วงต่อกิจการ แม่ก็กะจะให้ฟ้าใหม่เป็นหัวหน้าเชฟซะเองแล้วล่ะจ๊ะ”

                ฉันแยกตัวออกมาเตรียมอาหาร คอยดูนะ จะโชว์ฝีมือให้ลืมมื้อนี้ไม่ลงเลย

                ฉันหมกตัวอยู่ในครัวเกือบครึ่งชั่วโมง ในการทำสปาเก็ตตี้มีทซอสสูตรพิเศษไม่เหมือนใครของฟ้าใหม่ ฉันภูมิใจมากเลยนะ แสดงฝีมือทีไรต้องเป็นสปาเก็ตตี้มีทซอสทุกที ฉันให้เด็กรับใช้ไปจัดโต๊ะอาหารรอ ส่วนตัวเองก็เดินออกมาก่อน พอกลับไปที่ห้องรับแขกอีกครั้ง ฉันแปลกใจมากที่ลำธารกลมกลืนกับพ่อแม่ของฉันได้อย่างง่ายดาย ได้ยินเสียงหัวเราะก่อนจะเข้าไปถึงเสียอีก

                พวกเรามารวมตัวกันที่โต๊ะอาหารหลังจากที่ฉันไปตามทุกคนเมื่อกี้ เด็กรับใช้วางจานสปาเก็ตตี้เบื้องหน้าของแต่ละคน พ่อกับแม่ยังคงชวนธารคุยต่อไปเรื่อยๆ ฉันไม่ค่อยได้ตักสปาเก็ตตี้เข้าปากตัวเองเท่าไหร่ มัวแต่แอบมองลำธารกินอย่างใจจดใจจ่อ เขาก็ยังคงกินต่อไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าเดียว อะไรกัน เสียความรู้สึกชะมัด

                พ่อกับแม่ให้ฉันพาลำธารเดินเล่นในรีสอร์ท ฉันไม่มีอารมณ์ อยากกลับใจจะขาด แต่จะขัดก็ไม่ได้ แล้วก็ยิ่งอยู่นานฉันก็ต้องเสียตังค์เยอะด้วย ฉันเลยแค่พาลำธารเดินไปให้ทั่วๆ ไม่ได้แวะที่ไหนนานๆ แต่พอเดินไปได้สิบนาที ฉันหยุดอยู่ตรงศาลาริมแม่น้ำ วันนี้ไม่มีใครมานั่งเล่นตรงนี้ มันจึงสงบมากจนได้ยินเสียงสายน้ำไหล ฉันอดไม่ได้ที่จะไม่ถาม

                “นี่ สปาเก็ตตี้เมื่อกี้เป็นไงบ้าง”

                ไม่มีใครที่กินแล้วไม่ชมฉันซักคน มันทำให้ฉันค้างคาใจนะ

                “ก็ปกติดี”

                “หมายความว่าไงปกติ อร่อยหรือไม่อร่อย”

                ฉันหงุดหงิดแล้วนะ นี่มันเหมือนทำลายความภาคภูมิใจของฉันชัดๆ ฮึ่ย -_-^^

                “ฉันนึกว่าเธอจะแกล้งเทน้ำปลาลงไปทั้งกระปุกซะอีก”

                “นั่นมันในละคร ใครจะไปทำกันล่ะ”

                ฉันหน้ามุ้ย นี่เขาเห็นฉันเป็นคนอย่างนั้นรึเนี่ย แทนที่จะบีบคอคนตรงหน้าให้ตาย ฉันเลยแตะหินลงแม่น้ำแก้เครียด

                “อร่อยดี”

                “จริงนะ ฉันทำให้กินอีกก็ได้”  

                ฉันหันขวับ หัวใจพองโตแต่แล้วก็ต้องแตกโป๊ะราวกับฟองสบู่ เมื่อฉันลืมเรื่องบางเรื่องไป และเขาเตือนสติ  

                “ทำไมไม่หาแฟนจริงๆ ทำให้กินซะละ”

                 “ไม่ใช่เรื่องอะไรที่นายจะมาถามนะ ฉันยังไม่อยากมี แล้วพ่อกับแม่ก็ชอบจู้จี้ฉันเรื่องนี้ มันน่าเบื่อจะตาย”

                แล้วทำไมฉันต้องหงุดหงิดมากมายกับคำพูดของเขาด้วยเนี่ย โอ้ย หงุดหงิด

                “เรื่องนั้นช่างมันเหอะ นายเองเหอะ เมื่อกี้แต่งเรื่องหรือเรื่องจริงกันแน่ นายอยู่เศรษฐศาสตร์อย่างที่บอกพ่อฉันจริงๆ หรอ”
                “ฉันโกหก”

                โห ... นั่นเพราะเขาฉลาด หรือเพราะโกหกจนชินแล้วกันแน่นะ เขาตอบเรียบๆ

                “ฉันถามว่านายอยู่คณะได้รึเปล่า”

                “ทำไม อยากเจอฉันอีกรึไง”

                เขายิ้มแล้วโน้มหน้าลงมาสบตาฉันเพื่อหาความจริงในนั้น

                “จะได้...ไม่ต้องบังเอิญเจอกัน...อีกต่างหาก”

                ฉันตอบตะกุกตะกัก เพราะดันไปนึกถึงเหตุการณ์บนเครื่องบินขึ้นมาซะได้ >//< ฉันสะบัดหน้าหนี ไม่กล้าสบตาสีน้ำตาลนั่นตรงๆ  ตั้งใจจะเลี่ยงไปทางอื่น ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่ฉันไม่ค่อยชอบให้เราอยู่ใกล้ชิดกันเท่าไหร่ มันรู้สึกอึดอัดแปลกๆ แต่ว่า ลำธารไม่ยอมให้ฉันทำแบบนั้น เขากอดเอวฉันไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งไม่ให้ฉันขยับหนีไปไหน อีกมือหนึ่งยึดปลายคางของฉัน จับเอียงให้กลับมาเผชิญหน้ากับเขา เวลานี้ ฉัน ... หายใจไม่สะดวกเลย

                “ถ้าอยากใกล้ชิดฉัน ก็บอกฉันตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องมาแอบทำตอนฉันหลับหรอก”

                ฉันเบิกตากว้าง เขารู้ !!

                “ไม่ใช่นะ ..มันเป็...”

                อุบัติเหตุ คำพูดของฉันถูกเขากลืนหายไป ทันทีที่สัมผัสคุ้นเคยประกบลงที่ริมฝีปากของฉัน มันไม่เหมือนกับการแตะเพียงชั่ววินาทีเหมือนตอนนั้น ความร้อนรุ่มที่ส่งผ่านมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนนั้นเป็นตัวบอก และดึงสติของฉันให้ขาดห้วง ทันทีที่เขาเลื่อนริมฝีปากมากระซิบที่ข้างหู สติทั้งหมดของฉันก็กลับคืนมา

                “จ่ายค่าบริการพิเศษเพิ่มด้วยล่ะ”

                ฉันผลักอกลำธารออกอย่างแรง อยากตบหน้าลำธารให้หายคลั่ง ถ้าแม่ไม่เดินมาเสียก่อน

                “แม่ลืมถามว่าจะค้างกันมั้ย แม่จะได้ให้เด็กจัดห้องให้ลำธาร”

                “ไม่ค่ะ หนูจะกลับเลย”

                “เอางั้นหรอ ลำธารถ้าว่างก็มาเที่ยวอีกได้นะ”

                โชคดีที่แม่ของฉันมักจะสวมวิญญาณคุณแม่ใจดีเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แม่สวมกอดลำธารอย่างรักใคร่ ฉันจะไม่มีวันยุ่งเกี่ยวกับคนอย่างเขาอีกเป็นครั้งที่สอง จบกันเสียที แฟนหนึ่งวัน! ทั้งฉันและลำธารต่างเงียบกันมาตลอดทางจนกลับมาถึงกรุงเทพ ฉันเซ็นเช็คทั้งหมดที่ต้องให้ลำธาร ค่าจ้างที่มาทำหน้าที่เป็นแฟนให้ฉันในวันนี้

                “เจอกันที่มหาลัยก็ไม่ต้องมาทักล่ะ” ฉันว่า

                “นั่นมันคำพูดของฉันต่างหาก”

                เขาโบกเช็คในมือด้วยท่าทางสบายใจ แล้วหันหลังให้ฉัน จบง่ายๆ อย่างนี้เลย ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×