ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : ประหลาด
หลังจากนั้นไม่นานนัก อาการของฉันก็หายเป็นปกติ ฉันจึงเข้าชั้นเรียนเรียนหนังสือตามปกติ หลังเลิกเรียน ฉันกับเพื่อนๆก็ทยอยกันกลับบ้าน ซึ่งน้ำฝนนั้นกลับไปก่อน เพราะมีคนมารับถึงที่ ส่วนฉันกับ แพท ทัช และก็กีวี่นั้น ต้องไปรอรถประจำทางเพื่อกลับบ้านของตน แต่ปกติพ่อและแม่ของกีวี่จะมารับเค้าโดยรถยนต์ แต่วันนี้กลับมาแปลก พอฉันถามกีวี่ เค้าก็ไม่ยอมบอก แปลกคนจริงๆเลยนะ
"นี่ๆ พวกเรา วันเสาร์นี้มาทำการบ้านด้วยกันมะ?" แพทชวนพวกเรา
"ก็ดีนะ! ไปกันเถอะนะๆๆ" ทัชชักชวนอย่างตื่นเต้น
"เอ๋? ก็ได้นะ" ฉันตอบตกลง แพทและทัชต่างยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยจนฉันอดสงสัยไม่ได้
"เย้! ดีจังเลยที่หวานไป" ทัชพูดสุดเสียงด้วยความดีใจ
"ใช่ๆ ถ้าไม่มีหวานล่ะก็ พวกเราคงทำการบ้านวิชาฟิสิกส์มหาโหดไม่ได้แน่เลย"
แพทหัวเราะกับทัชจนฉันต้องหัวเราะไปด้วย เพราะฉันเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในกลุ่มและในห้องเรียน ฉันจึงมักจะเป็นคนคอยสอนทำการบ้านให้กับคนอื่นเสมอๆ
"แล้วน้ำฝนล่ะ?" ฉันถามไปเพราะน้ำฝนไม่ได้อยู่ด้วย
"เดี๋ยวฉันโทรฯไปถามเค้าเอง" ทัชอาสา
"แล้วเธอล่ะกีวี่ จะไปด้วยกันไหม?" แพทถามกีวี่ที่ยืนเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
"...................."
"แล้วแต่.........."
กีวี่ตอบ ทำให้ทุกๆคนต่างถอนหายใจกันเฮือกใหญ่
"แล้วแต่ใช่ไหม? งั้นไปกันหมดเลยนะ ตอน 10 โมงเช้าล่ะ" แพทตัดสินใจอย่างรวดเร็วจนฉันแทบตามไม่ทัน
"อืม... แล้วจะไปที่บ้านใครดีล่ะ" ทัชถามพวกเรา
"เออ นั่นสิ ไปบ้านใครดีล่ะ" แพทช่วยคิดอีกแรงหนึ่ง ฉันจึงเสนอว่า
"งั้นไปที่บ้านฉันกันไหม? วันเสาร์แม่ฉันไม่อยู่น่ะ" ฉันบอกกับเพื่อนที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ว้าว! ดีจังเลย ยังงี้เราก็เล่นด้วยกันได้โดยไม่มีใครรบกวนแล้วล่ะ" ทัชบอก
"เฮ้ๆ! นี่เราจะไปทำการบ้านกันไม่ใช่หรือไง? ไม่ได้ไปเล่นกันสักหน่อย" แพทบอก
พวกเราหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่พอฉันไปมองที่กีวี่ทีไร มันก็ทำให้ฉันยิ้มไม่ออกทันที กีวี่ซึ่งแสดงแต่สีหน้าเรียบเฉย มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เราเป็นเพื่อนกันแท้ๆ แต่ฉันกลับรู้สึกว่า เค้าดูเป็นผู้ใหญ่มากเลย ฉันจึงเคยมีความใฝ่ฝันไว้ว่า ฉันจะต้องทำให้กีวี่สดใสร่าเริงให้ได้
"กีวี่จ๋า!!" ฉันเรียกกีวี่พรางเข้าไปควงแขนกีวี่
"อ๊ะ!!" กีวี่สะดุ้งเฮือกเมื่อฉันควงแขนเค้าไว้ จนฉันรู้สึกแปลกใจ
"เป็นอะไรเหรอ? เพื่อนกันควงแขนกันไม่ได้หรือไง?" ฉันบอกพร้อมกับยิ้มให้เค้า
สีหน้าของกีวี่ดูตกใจและก็ทำอะไรไม่ถูก ฉันจึงต้องละออกจากแขนของเค้า
"เป็นอะไรหรือเปล่ากีวี่ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ"
ฉันถามด้วยสีหน้าสงสัย ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่หายไปจากหน้าฉันแล้ว
"เอ่อ... คือ เปล่าหรอก ขอโทษนะ"
กีวี่ขอโทษฉันอีกแล้ว ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะขอโทษฉันทำไม
"ขอโทษอีกแล้ว เธอไม่ได้ผิดสักหน่อย แล้วจะขอโทษฉันทำไม?"
"ขอโทษ..." กีวี่ยังคงขอโทษฉัน
ฉันซึ่งเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว มือของฉันที่เคยอ่อนปวกเปียกกลับเกร็งและสั่นระริก ดวงตาที่ปิดสนิทเผยให้เห็นน้ำใสๆไหลออกมาจากเบ้า กีวี่ซึ่งมองด้วยสีหน้าตกใจและรู้สึกผิดมันทำให้ฉันอยากไปให้พ้นๆจากที่นี่
"โธ่เอ๊ย! เราจะเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ถ้าเธอยังทำตัวประหลาดแบบนี้น่ะ!!"
หลังจากพูดจบ ฉันก็รีบวิ่งหนีไปโดยไม่รอใคร
"เฮ้! หวาน! จะไปไหนน่ะหวาน!" แพทซึ่งตะโกนเรียก แต่ฉันก็ไม่หันหลังกลับไปมอง
"กีวี่! ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ เพื่อนเธอนะ ทำไมเธอถึงปล่อยให้เค้าร้องไห้แบบนี้ล่ะ"
แพทที่เริ่มทนไม่ไหวอีกคนตะคอกใส่กีวี่ โดยไม่สนใจทัชที่พยายามห้ามอยู่
บรืน.... เอี๊ยด!....
รถประจำทางนั้นมาถึงพอดี แพทและทัชจึงเดินขึ้นรถไป ส่วนกีวี่แทนที่จะขึ้นรถตามไปด้วย แต่กลับรีบวิ่งตามหวานไปทันที
ฉันซึ่งกำลังวิ่งกลับบ้านและร้องไห้ไปด้วย มันทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อย ฉันจึงนั่งพักอยู่ที่ริมถนนใต้ต้นลีลาวดีที่ดอกลีลาวดีกำลังบานสะพรั่งสวยงาม แล้วมันก็ล่วงหลุดจากต้นมาประดับประดาบนผืนดิน ฉันที่กำลังนั่งร้องไห้กระซิกอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นกีวี่ที่กำลังวิ่งตามมาอยู่
ฉันจึงพยายามที่จะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนี แต่กลับสะดุดล้มกับก้อนหินเข้าโดยไม่ระวังจนเข่าถลอก ทำให้ฉันรู้สึกปวดขาไปหมด
"เป็นอะไรหรือเปล่าหวานใจ? เธอลุกไหวไหม?" กีวี่สักถามพร้อมกับเอื้อมมือมาให้ฉัน
"ไม่ต้องมายุ่งน่า! ฉันเดิมกลับบ้านได้" ฉันตะโกนบอกไปทั้งที่สภาพดูแทบไม่ได้
กีวี่ที่กำลังมองฉัน ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วย่อตัวลงที่หน้าฉัน
"ขึ้นมาสิ ฉันจะพาเธอกลับบ้านเอง" กีวี่บอก
"มะ ไม่ต้องหรอกน่า ฉันไหว..."
"จะไหวได้ยังไง ขาถลอกซะขนาดนั้นน่ะ อยากให้ทิ้งไว้ตรงนี้หรือไงกัน!"
กีวี่พูดพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วงอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันจึงไม่มีทางเลือก เลยต้องขี่หลังกีวี่กลับไปที่บ้าน
"นี่... กีวี่ ตัวฉันไม่หนักเหรอทำไมเธอถึงอุ้มฉันได้ล่ะ"
ฉันถามไป ก็เพราะตัวฉันก็ไม่ใช่จะเบาๆ แถมกีวี่ก็เป็นผู้หญิงเหมือนๆกัน
"ไม่หนักหรอก แค่นี้เอง" กีวี่บอกพร้อมกับยิ้มให้
"บางที่เธอก็เงียบๆนะ แต่บางทีเธอก็ดูสดใสดีนี่" ฉันบอกกับเขา เพราะตอนนี้กีวี่ดูไม่เงียบและแปลกๆเหมือนกับเมื่อกี้
"เหรอ... ฉันไม่เห็นรู้สึกตัวเลย" กีวี่บอกแล้วหยุดเดินเมื่อมาถึงที่บ้านฉัน
"ขอบคุณนะ"
ฉันกล่าวคำขอบคุณ พร้อมกับยิ้มให้ กีวี่เขาก็ยิ้มกลับ ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า
"เข้ามาในบ้านฉันก่อนสิ เธอแบกฉันมาคงจะเหนื่อยนะ แถมบ้านเธออยู่ไกลด้วย"
ฉันชวนเขา กีวี่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตามฉันเข้าไป
เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน ฉันจึงบอกให้กีวี่นั่งรอที่เก้าอี้โซฟาที่ห้องรับแขกก่อน แล้วฉันจึงเดินเข้าไปในห้องครัว ชงโกโก้ให้กีวี่ดื่ม ฉันคงจะรู้สึกดีมาก ถ้าหากกีวี่มาพักบ้านเราสักคืนก็คงจะดี เพราะฉันไม่อยากอยู่คนเดียว แม่ของฉันก็ไปทำธุระข้างนอกตลอด จนฉันต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวหลายวัน
หลังจากที่ฉันชงโกโก้เสร็จ ฉันก็เดินมาเสริฟโกโก้ให้กับกีวี่และของตัวเอง ฉันนั่งลงที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง กีวี่ดื่มโกโก้เข้าไปหนึ่งอึกก็ส่งรอยยิ้มมาให้กับฉัน
"อร่อยจัง" กีวี่บอก มันทำให้ฉันรู้ดีเป็นอย่างมาก
"เหรอ! ดีจังเลย ถ้าชอบล่ะก็ วันหลังก็มาดื่มโกโก้ที่บ้านฉันบ่อยๆสิ"
ฉันชวนเขา กีวี่ก็ได้แต่พยักหน้าแล้วดื่มโกโก้ต่อ เราสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ จากที่เราคุยกันสองคน ทำให้ฉันรู้ว่า กีวี่เค้าก็เป็นคนคุยเก่ง พูดสุภาพและพูดแบบมีเสน่ห์มากๆจนฉันก็ชักจะเริ่มติดใจในคำพูดของเขา โดยที่ฉันไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลย
"เอ่อ... นี่ หวานใจ" กีวี่เรียก ฉันจึงพยักหน้ารับ
"ฉันขอค้างคืนที่นี่สักคืนได้ไหม?"
...........
พรู๊ดดดดดดดดดด!!!...
สิ้นเสียงที่กีวี่พูด ฉันก็ต้องพรวดน้ำโกโก้ในปากออกมาอย่างตกใจ เมื่อรู้ตัว ฉันจึงรีบปิดปากแล้วรีบวิ่งไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดทันที
"อ๋า... ขะ ขอโทษนะ ละ ลืมตัวน่ะ แหะๆๆๆๆ"
ฉันพูดตะกุกตะกักด้วยความอาย ฉันพยายามเช็ดโกโก้ที่เปื้อนโต๊ะออก แต่แล้วฉันก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
"ฮะๆๆๆ"
กีวี่หัวเราะออกมาด้วยสีหน้าดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
"เธอนี่ตลกจังเลยนะหวานใจ ฮะฮะฮะ" กีวี่บอกอย่างอารมณ์ดี จนฉันก็อดหัวเราะด้วยไม่ได้
"อิอิๆ เธอหัวเราะแล้วน่ารักจังเลยกีวี่" ฉันชมเขา เพราะฉันไม่เคยเห็นใบหน้าที่สดใสของกีวี่มาก่อน
"หวานใจ... ปากเธอเปื้อนโกโก้น่ะ" กีวี่บอก พร้อมกับหยิบกระดาษทิชชู่อีกแผ่นมาเช็ดให้
"อ๋าๆๆ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันเช็ดเองก็ได้"
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันเช็ดให้จะได้สะอาดๆ" กีวี่บอก ฉันจึงต้องให้เขาเช็ดให้จนสะอาด
"ตกลงฉันจะค้างคืนที่นี่ได้หรือเปล่าล่ะ?" กี่วี่ถามอีกครั้ง เพราะยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอนจากฉัน
"อื้ม! ได้สิ ได้เลยจ้ะ!" ฉันตอบตกลงด้วยความดีใจ กีวี่ยิ้มมาให้กับฉันด้วยรอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์เอามากๆ จนฉันแทบคิดว่า ถ้าฉันเป็นผู้ชายคงตกหลุมรักเขาไปแล้ว
เหมือนกับเค้าจะได้ยินสิ่งที่ฉันคิดยังไงยังงั้น เมื่อฉันคิดว่าอยากให้เขามาค้างคืน เค้าก็มาค้างคืนที่บ้านฉันจริงๆ แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะไปอ่านใจคนได้ล่ะ
.....................................
คืนนั้น ฉันจึงได้นอนกับกีวี่ ฉันขอให้กีวี่เค้ามานอนห้องเดียวกับฉัน เพราะฉันไม่อยากนอนคนเดียว กีวี่จึงตอบตกลง ตอนแรกฉันก็ชวนกีวี่ให้มาอาบน้ำด้วยกัน แต่เค้าก้ไม่ยอม บอกว่าจะอาบทีหลัง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม? แต่ฉันก็ไม่ได้ขัดใจอะไรเค้า หลังจากฉันอาบน้ำเสร็จ ฉันจึงให้กีวี่อาบน้ำต่อ โดยชุดนอนนั้น ฉันให้กีวี่ยืมชุดนอนของฉันไปก่อนเพราะกีวี่ไม่มีเสื้อผ้าเตรียมมา
หลังจากที่กีวี่อาบน้ำเสร็จ ฉันก็ต้องอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นกีวี่ในชุดนอนลายดอกไม้สีชมพูของฉัน
"ว้าว! กีวี่น่ารักจังเลย" ฉันชมจนกีวี่หน้าแดง
"จะให้ฉันใส่ชุดนอนแบบนี้จริงๆเหรอเนี่ย หวานเกินไปแล้วมั้ง" กีวี่บอก
ฉันพยักหน้า เพราะฉันอยากเห็นกีวี่ในชุดแบบนี้นานๆหน่อย เมื่อได้เห็นแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้ฉันเกือบลืมไปเลยว่า กี่วี่เค้าเป็นคนเงียบๆ ขรึมๆ
"เอ่อ... นี่" กีวี่เรียกฉัน ฉันจึงพยักหน้ารับ
"ฉันขอโทษนะ เรื่องเมื่อกี้นะ เธอจะยกโทษให้ฉันได้ไหม?"
กีวี่บอกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น ฉันจึงยิ้มให้กับเขา
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เพื่อนกันให้อภัยกันได้อยู่แล้ว"
ฉันบอก พร้อมกับชูนิ้วก้อยให้กับเขา กีวี่มองฉันอย่างสงสัยเล็กน้อย
"สัญญานะ ว่าจะเป็นเพื่อนกับฉันตลอดไป และกับทุกๆคนด้วย"
ฉันบอก กีวี่ยิ้มให้กับฉันพร้อมกับชูนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของฉัน
"สัญญาแบบลูกผู้หญิงนะ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป!"
"อื้ม ฉันสัญญา..."
.............
...
...................................
"ที่นี่มัน... ที่ไหนกัน?"
ฉันถามกับตัวเองเมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างมืดมิดไปหมด
"ฉันอยู่ที่ไหน?"
ฉันซึ่งกวาดตามองไปรอบๆ ทุกอย่างมืดไปหมดจนฉันมองอะไรไม่เห็น ความหวาดกลัวเริ่มคลอบงำในจิตใจของฉันอย่างช้าๆ
ไม่นานนัก ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเจือจางลง ภาพตรงหน้าที่เห็นเบลอไปหมด เหมือนกับกระจกที่เป็นฝ้าจนมองอะไรไม่เห็น แต่แล้วก็เริ่มชัดขึ้นเหมือนกับเอาผ้ามาเช็ดกระจกให้หายฝ้า ภาพตรงหน้าคือบ้านเมืองของฉันที่พังทลายไปจนหมด ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดงอย่างรวดเร็วและคลอบคลุมบรรยากาศทั่วทุกสารทิศ ดวงจังทร์ใหญ่ยักปรากฏขึ้นบนขอบฟ้าไกลเหมือนจะวิ่งไปถึงมันได้
ฉันซึ่งยืนทำอะไรไม่ถูกนั้น ก็ได้แต่เพียงคิดว่า
อีกแล้วหรือ? ที่นี่อีกแล้วงั้นหรือ?
ฉันซึ่งยังคงมองไปรอบๆอยู่นั้น พลันสายตาก็สะดุดไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า ฉันจ้องไปยังคนๆนั้น ฉันพยายามคิดอยู่นานสองนานว่าเป็นใคร และแล้วฉันก็นึกออก ว่าเค้าเป็นใคร คนๆนั้นก็คือกีวี่นั่นเอง!
"กีวี่!!"
ฉันพยายามตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่ากีวี่จะยังมองไม่เห็นฉัน
"กีวี่! กีวี่!!"
สายตาของกีวี่ดูเหม่อลอย ชุดสีดำสนิทของเค้ามันทำให้ฉันนึกถึงใครบางคน ชุดเดรสสีดำสนิทของกีวี่ที่ดูสง่างาม ดั่งกับเจ้าหญิงจากนรกที่ย่างกรายมายังโลกมนุษย์ ฉันเผลอคิดอย่างนั้น ฉันจึงสะบัดหน้าเพื่อเอาความคิดบ้าๆนั้นออกไป ฉันพยายามเรียกกีวี่หลายครั้ง แต่เค้าก็ไม่ได้ยินเลย
"กีวี่!!"
"...........!"
เหมือนว่าเค้าจะได้ยินฉันเรียกแล้วนะ จากสายตาที่เหม่อลอยไปที่ไหนสักแห่ง หันมามองต้นเสียงที่กำลังเรียกตนอยู่ กีวี่มองมาที่ฉันด้วยสายตาสงสัย กีวี่เค้ายิ้มมาให้กับฉัน แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้ากลับดูเจ็บปวดและทรมาน
และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อจู่ๆสีหน้าที่ยิ้มแย้มของคนตรงหน้า ก็กลับกลายเป็นสีหน้าตกใจ และซีดเผือด อะไรสักอย่างที่ดูแหลมคมซึ่งส่องประกายกับแสงดวงจัทร์เป็นสีเงินผ่านทะลุยังตัวของกีวี่จากทางข้างหลัง
........
ฉึก!!
สิ้นเสียงนั้น ร่างของกีวี่ก็ค่อยๆล้มลงจนนอนราบกับพื้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีดำสนิทของเขาเบิกค้าง ของเหลวข้นสีแดงเข้มไหลออกมาจากตัวของกีวี่ ฉันซึ่งกำลังมองไปยังเพื่อนของตนเองที่ถูกแทงต่อหน้าต่อตา ทำให้ฉันฟุบลงกับพื้นอย่างไม่มีเรี่ยวแรง ภาพตรงหน้าช่างหวาดกลัวและเจ็บปวด
หลังจากร่างของกีวี่ที่ถูกแทงจากข้างหลังล้มลงไป ทำให้เผยเห็นร่างของชายผู้หนึ่งขึ้น ที่มือของเขานั้น ถือคมดาบสีเงินเรียวยาวในมือ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของคนที่เขาพึ่งฆ่าไป ถึงแม้ฉันจะมองไม่เห็นหน้าของเขา เพราะหน้าของเขาสวมหน้ากากสีขาวไว้ แต่ฉันก็รับรู้ได้เลยว่า ใบหน้าของเขากำลังยิ้มเยาะเย้ยอย่างสะใจอยู่ภายใตหน้ากากนั้น
"หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ!"
เสียงหัวเราะของชายผู้นั้น ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เสียงหัวเราะถึงแม้จะมาจากในลำคอก็ตาม แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก เหมือนกับฉันจะตกนรกลงไปยังไงยังงั้น
"ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ!!"
จากเสียงหัวเราะในลำคอก็กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะแหลมสูงขึ้นมาทันที ฉันซึ่งพยายามกุมหูไว้แน่นเพราะไม่อยากฟังเสียงหัวเราะแห่งความเจ็บปวดนี้ ฉันรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อเมื่อเขาหัวเราะจบ
"ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ!!"
.............
กรี๊ดดดดดดดด!!..........
ฉันกรีดร้องออกมาสุดเสียง พร้อมกับความมืดมิด ที่กำลังคลอบคลุมฉันไว้
........................................
...........
.......................
"หวานใจ... หวานใจ..."
เสียงของกีวี่ที่กำลังปลุกฉันจากอาการหลับใหลดังขึ้น
"หวานใจ... หวานใจ!!"
ฉันสะดุ้งตื่นทันที เหงื่อโชกเต็มตัวไปหมด ฉันได้แต่นั่งหอบอยู่อย่างนั้น เมื่อฉันหันไปมองกีวี่ที่กำลังมองดูฉันด้วยความเป็นห่วง มันทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เมื่อพบว่ามันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น
"โธ่เอ๊ย! แค่ฝันงั้นเหรอ?" ฉันพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเอามือปิดหน้าไว้
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า หวานใจ ฉันเห็นเธอร้องเสียงดังเลย"
กีวี่ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"มะ ไม่เป็นไรหรอก แค่ฝันร้ายน่ะ"
ฉันบอกกับกีวี่ เค้ามองมาที่หน้าฉันด้วยสีหน้าแปลกๆ เค้าขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวดเล็กน้อย มันทำให้ฉันเกิดความสงสัยในจิตใจ
"อะไรเหรอกีวี่? ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ"
ฉันถาม พร้อมกับเอามือมาแตะที่แก้มของกีวี่ กีวี่จับมือของฉันที่กำลังจับแก้มของเขาอยู่ไว้ แล้วเค้าก็หลับตาลงพร้อมกับถามว่า
"ฝันว่าอะไรเหรอ? มีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้นะ เราเพื่อนกันนี่นา"
กีวี่บอก ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้
"ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปใส่ใจเลย"
ฉันบอกเขาไปอย่างนั้น พร้อมกับยิ้มให้ เพราะฉันไม่อยากบอกกับเค้าว่าฉันฝันถึงอะไร ฉันไม่อยากจะบอกเค้าว่าฉันฝันว่าเค้าตาย ไม่จริง... มันก็แค่ความฝันเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันเหมือนจริงมากก็ตามที
"ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ?"
ฉันถามกีวี่ ที่กำลังมองไปยังนาฬิการูปโดราเอม่อนที่แขวนอยู่บนผนังของฉัน
"9 โมงกว่าๆแล้วล่ะ"
กีวี่บอก มันทำให้ฉันเบิกตาโต
"หา? งั้นอีกแค่ประมาณชั่วโมงเดียว แพท ทัช แล้วก็น้ำฝนก็จะมาแล้วนี่นา! รีบไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่าเร็วเข้า!!" ฉันบอก เพราะคงไม่อยากให้พวกเขามาเห็นเราในสภาพพึ่งตื่นอย่างนี้
.........................
"หวัดดีหวาน!" แพททักทายเมื่อฉันมาเปิดประตูต้อนรับพวกเค้า
"สวัสดีจ้า แพท ทัช น้ำฝน" ฉันทักทายทุกๆคน
"สวัสดีจ้าหวาน" ทัชกับน้ำฝนทักทายฉัน
"จ้า เข้ามาข้างในก่อนสิ" ฉันชวนทุกคนให้เข้าไปข้างใน
"แล้วกีวี่ล่ะ มาหรือยัง?" แพทถาม
"อ๋อ.. รออยู่ข้างในแล้วล่ะ" ฉันบอกพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
"อ้าว เหรอ... นึกว่ากีวี่จะยังไม่มาเสียอีก มาเร็วกว่าพวกเราอีกแฮะ"
แพทบอก พร้อมกับสายตาของทุกคนที่ออกความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน
"แหะๆๆ เค้ามาค้างคืนที่บ้านฉันน่ะ" ฉันบอกพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้าน เพื่อให้ทุกๆคนเข้ามาข้างในกัน
ฉันบอกให้ทุกๆคนขึ้นไปรอบนห้อง เพราะฉันจะเอาเครื่องดื่มและขนมไปให้ แพท ทัชและน้ำฝน จึงเดินขึ้นไปบนห้อง ส่วนฉันก็เดินไปยังห้องครัว
แพท ทัช และน้ำฝน เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง พวกเขาค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็เผยให้เห็นกีวี่ที่กำลังนั่งรออยู่แล้วบนเตียง
"ไง กีวี่!" แพททักทายกีวี่เพื่อไม่ให้เสียมารยาท
"อื้ม ดีแพท" กีวี่ทักทายกลับพร้อมกับยิ้มให้กับทุกคน จนทุกๆคนต่างอ้าปากค้าง
"ดูสดใสจังเลยกีวี่ ทำไมแค่ข้ามคืนที่มานอนกับหวานถึงกลับทำให้กีวี่เปลี่ยนไปเลยเหรอเนี่ย!!" ทัชบอกอย่างเป็นไปไม่ได้ จนแพทต้องเดินมาตบหัวแพทสองสามที
"จะบ้าหรือไง? พูดเหมือนกับเค้ามาทำอะไรกันสักอย่างอย่างนั้นแหล่ะ"
ทั้งสี่หัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับหวานที่กำลังเข้ามาพอดี
"รอนานไหมทุกคน ฉันเอาน้ำผลไม้กับคุกกี้มาให้แหน่ะ"
ฉันบอกพร้อมกับวางมันลงบนพื้น
"ว้าว! น่ากินจังเลย ทานแล้วนะค่า!!"
ในขณะที่ทัชกำลังจะเสยขนมเข้าปาก แพทก็ต้องเดินเข้ามาตบหัวทัชอีกรอบ
"นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงวันเกิดเธอสักหน่อยนะ ทำตัวดีๆหน่อยสิ"
"แหะๆๆๆ ขอโทษจ้า"
หลังจากนั้น พวกเราก็ช่วยกันทำการบ้านกัน ซึ่งฉันก็พยายามสอนทุกคนอย่างเต็มที่ เพราะการบ้านฟิสิกส์คราวนี้มันยากจริงๆ ซึ่งบางข้อฉันยังไม่เข้าใจเลย พวกเราจึงช่วยๆกันคิดกันจนทำกันเกือบเสร็จแล้วแต่...
"เอ... ข้อสุดท้ายนี่มันยากจัง คิดไม่ออกเลยแฮะ" แพทบอกด้วยสีหน้าเครียด
"จริงด้วยแฮะ ยากจัง! นี่น้ำฝนคิดออกหรือเปล่า?" ทัชถามน้ำฝน
"ไม่ออกเหมือนกัน หวานคิดได้หรือเปล่า?"
"อืม... ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน เอ... ยังไงล่ะเนี่ย?"
ขนาดฉันยังคิดไม่ออก ทำให้เราปวดหัวกันไปใหญ่ แต่แล้วแสงสว่างก็ส่องมาเมื่อกีวี่บอกกับฉันว่า
"ฉันคิดออกนะ ยังงี้ไง!" กีวี่บอก พร้อมกับอธิบายโจทย์ข้อนั้นให้ฟังอย่างละเอียด จนทุกคนต่างทึ่งตามๆกัน
"อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง" ฉันอุทานออกมา เมื่อเข้าใจโจทย์ข้อนี้อย่างกระจ่างแจ้ง
"เก่งจังเลยกีวี่! ไม่นึกมาก่อนเลยว่าเธอก็เรียนเก่งด้วย"
ทัชบอก ทุกคนต่างได้รับรู้อะไรอีกหนึ่งอย่างแล้วที่เกียวกับตัวของกีวี่ คือ เค้าเป็นคนฉลาดกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้
"นี่! ทำการบ้านเสร็จแล้ว เราออกไปหาอะไรกินแล้วไปเที่ยวกันเถอะ"
ทัชชักชวนพวกเรา ทุกคนต่างพยักหน้าตกลงโดยไม่มีใครแย้งทันที แต่แล้วกีวี่ก็กลับยกมือขึ้นแล้วบอกว่า
"เอ่อ... ฉันขอไม่ไปได้ไหม?"
สิ่งที่กีวี่พูดมันทำให้ฉันรู้สึกหมดสนุกทันที
"ไม่เอาน่ากีวี่ ไปเที่ยวด้วยกันเถอะนะ ถ้ากีวี่ไม่ไปฉันก็จะไม่ไปด้วย"
พอกีวี่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่กล้าปฏิเสธทันที สงสัยคงอยากให้ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนๆ
"งั้นไปกันเถอะนะ! นานๆทีที่พวกเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันนี่"
แพทบอกพร้อมกับลุกขึ้น
"อื้ม! ไปกันเถอะ!"
พวกเราตอบเป็นเสียงเดียวกัน แต่พอฉันมองไปยังสีหน้าของกีวี่ ฉันก็สังเกตเห็นใบหน้าที่เบื่อหน่ายของเค้าที่ดูน่ากลัว เมื่อเค้าสกิดใจเห็นแล้วว่าฉันกำลังมองเค้าอยู่ กีวี่จึงรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันที มันทำให้ฉันรู้สึกสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง...
...........................
"นี่ๆ พวกเรา วันเสาร์นี้มาทำการบ้านด้วยกันมะ?" แพทชวนพวกเรา
"ก็ดีนะ! ไปกันเถอะนะๆๆ" ทัชชักชวนอย่างตื่นเต้น
"เอ๋? ก็ได้นะ" ฉันตอบตกลง แพทและทัชต่างยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยจนฉันอดสงสัยไม่ได้
"เย้! ดีจังเลยที่หวานไป" ทัชพูดสุดเสียงด้วยความดีใจ
"ใช่ๆ ถ้าไม่มีหวานล่ะก็ พวกเราคงทำการบ้านวิชาฟิสิกส์มหาโหดไม่ได้แน่เลย"
แพทหัวเราะกับทัชจนฉันต้องหัวเราะไปด้วย เพราะฉันเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในกลุ่มและในห้องเรียน ฉันจึงมักจะเป็นคนคอยสอนทำการบ้านให้กับคนอื่นเสมอๆ
"แล้วน้ำฝนล่ะ?" ฉันถามไปเพราะน้ำฝนไม่ได้อยู่ด้วย
"เดี๋ยวฉันโทรฯไปถามเค้าเอง" ทัชอาสา
"แล้วเธอล่ะกีวี่ จะไปด้วยกันไหม?" แพทถามกีวี่ที่ยืนเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
"...................."
"แล้วแต่.........."
กีวี่ตอบ ทำให้ทุกๆคนต่างถอนหายใจกันเฮือกใหญ่
"แล้วแต่ใช่ไหม? งั้นไปกันหมดเลยนะ ตอน 10 โมงเช้าล่ะ" แพทตัดสินใจอย่างรวดเร็วจนฉันแทบตามไม่ทัน
"อืม... แล้วจะไปที่บ้านใครดีล่ะ" ทัชถามพวกเรา
"เออ นั่นสิ ไปบ้านใครดีล่ะ" แพทช่วยคิดอีกแรงหนึ่ง ฉันจึงเสนอว่า
"งั้นไปที่บ้านฉันกันไหม? วันเสาร์แม่ฉันไม่อยู่น่ะ" ฉันบอกกับเพื่อนที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ว้าว! ดีจังเลย ยังงี้เราก็เล่นด้วยกันได้โดยไม่มีใครรบกวนแล้วล่ะ" ทัชบอก
"เฮ้ๆ! นี่เราจะไปทำการบ้านกันไม่ใช่หรือไง? ไม่ได้ไปเล่นกันสักหน่อย" แพทบอก
พวกเราหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่พอฉันไปมองที่กีวี่ทีไร มันก็ทำให้ฉันยิ้มไม่ออกทันที กีวี่ซึ่งแสดงแต่สีหน้าเรียบเฉย มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เราเป็นเพื่อนกันแท้ๆ แต่ฉันกลับรู้สึกว่า เค้าดูเป็นผู้ใหญ่มากเลย ฉันจึงเคยมีความใฝ่ฝันไว้ว่า ฉันจะต้องทำให้กีวี่สดใสร่าเริงให้ได้
"กีวี่จ๋า!!" ฉันเรียกกีวี่พรางเข้าไปควงแขนกีวี่
"อ๊ะ!!" กีวี่สะดุ้งเฮือกเมื่อฉันควงแขนเค้าไว้ จนฉันรู้สึกแปลกใจ
"เป็นอะไรเหรอ? เพื่อนกันควงแขนกันไม่ได้หรือไง?" ฉันบอกพร้อมกับยิ้มให้เค้า
สีหน้าของกีวี่ดูตกใจและก็ทำอะไรไม่ถูก ฉันจึงต้องละออกจากแขนของเค้า
"เป็นอะไรหรือเปล่ากีวี่ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ"
ฉันถามด้วยสีหน้าสงสัย ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มที่หายไปจากหน้าฉันแล้ว
"เอ่อ... คือ เปล่าหรอก ขอโทษนะ"
กีวี่ขอโทษฉันอีกแล้ว ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะขอโทษฉันทำไม
"ขอโทษอีกแล้ว เธอไม่ได้ผิดสักหน่อย แล้วจะขอโทษฉันทำไม?"
"ขอโทษ..." กีวี่ยังคงขอโทษฉัน
ฉันซึ่งเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว มือของฉันที่เคยอ่อนปวกเปียกกลับเกร็งและสั่นระริก ดวงตาที่ปิดสนิทเผยให้เห็นน้ำใสๆไหลออกมาจากเบ้า กีวี่ซึ่งมองด้วยสีหน้าตกใจและรู้สึกผิดมันทำให้ฉันอยากไปให้พ้นๆจากที่นี่
"โธ่เอ๊ย! เราจะเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ถ้าเธอยังทำตัวประหลาดแบบนี้น่ะ!!"
หลังจากพูดจบ ฉันก็รีบวิ่งหนีไปโดยไม่รอใคร
"เฮ้! หวาน! จะไปไหนน่ะหวาน!" แพทซึ่งตะโกนเรียก แต่ฉันก็ไม่หันหลังกลับไปมอง
"กีวี่! ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ เพื่อนเธอนะ ทำไมเธอถึงปล่อยให้เค้าร้องไห้แบบนี้ล่ะ"
แพทที่เริ่มทนไม่ไหวอีกคนตะคอกใส่กีวี่ โดยไม่สนใจทัชที่พยายามห้ามอยู่
บรืน.... เอี๊ยด!....
รถประจำทางนั้นมาถึงพอดี แพทและทัชจึงเดินขึ้นรถไป ส่วนกีวี่แทนที่จะขึ้นรถตามไปด้วย แต่กลับรีบวิ่งตามหวานไปทันที
ฉันซึ่งกำลังวิ่งกลับบ้านและร้องไห้ไปด้วย มันทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อย ฉันจึงนั่งพักอยู่ที่ริมถนนใต้ต้นลีลาวดีที่ดอกลีลาวดีกำลังบานสะพรั่งสวยงาม แล้วมันก็ล่วงหลุดจากต้นมาประดับประดาบนผืนดิน ฉันที่กำลังนั่งร้องไห้กระซิกอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นกีวี่ที่กำลังวิ่งตามมาอยู่
ฉันจึงพยายามที่จะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนี แต่กลับสะดุดล้มกับก้อนหินเข้าโดยไม่ระวังจนเข่าถลอก ทำให้ฉันรู้สึกปวดขาไปหมด
"เป็นอะไรหรือเปล่าหวานใจ? เธอลุกไหวไหม?" กีวี่สักถามพร้อมกับเอื้อมมือมาให้ฉัน
"ไม่ต้องมายุ่งน่า! ฉันเดิมกลับบ้านได้" ฉันตะโกนบอกไปทั้งที่สภาพดูแทบไม่ได้
กีวี่ที่กำลังมองฉัน ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วย่อตัวลงที่หน้าฉัน
"ขึ้นมาสิ ฉันจะพาเธอกลับบ้านเอง" กีวี่บอก
"มะ ไม่ต้องหรอกน่า ฉันไหว..."
"จะไหวได้ยังไง ขาถลอกซะขนาดนั้นน่ะ อยากให้ทิ้งไว้ตรงนี้หรือไงกัน!"
กีวี่พูดพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วงอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันจึงไม่มีทางเลือก เลยต้องขี่หลังกีวี่กลับไปที่บ้าน
"นี่... กีวี่ ตัวฉันไม่หนักเหรอทำไมเธอถึงอุ้มฉันได้ล่ะ"
ฉันถามไป ก็เพราะตัวฉันก็ไม่ใช่จะเบาๆ แถมกีวี่ก็เป็นผู้หญิงเหมือนๆกัน
"ไม่หนักหรอก แค่นี้เอง" กีวี่บอกพร้อมกับยิ้มให้
"บางที่เธอก็เงียบๆนะ แต่บางทีเธอก็ดูสดใสดีนี่" ฉันบอกกับเขา เพราะตอนนี้กีวี่ดูไม่เงียบและแปลกๆเหมือนกับเมื่อกี้
"เหรอ... ฉันไม่เห็นรู้สึกตัวเลย" กีวี่บอกแล้วหยุดเดินเมื่อมาถึงที่บ้านฉัน
"ขอบคุณนะ"
ฉันกล่าวคำขอบคุณ พร้อมกับยิ้มให้ กีวี่เขาก็ยิ้มกลับ ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า
"เข้ามาในบ้านฉันก่อนสิ เธอแบกฉันมาคงจะเหนื่อยนะ แถมบ้านเธออยู่ไกลด้วย"
ฉันชวนเขา กีวี่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตามฉันเข้าไป
เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน ฉันจึงบอกให้กีวี่นั่งรอที่เก้าอี้โซฟาที่ห้องรับแขกก่อน แล้วฉันจึงเดินเข้าไปในห้องครัว ชงโกโก้ให้กีวี่ดื่ม ฉันคงจะรู้สึกดีมาก ถ้าหากกีวี่มาพักบ้านเราสักคืนก็คงจะดี เพราะฉันไม่อยากอยู่คนเดียว แม่ของฉันก็ไปทำธุระข้างนอกตลอด จนฉันต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวหลายวัน
หลังจากที่ฉันชงโกโก้เสร็จ ฉันก็เดินมาเสริฟโกโก้ให้กับกีวี่และของตัวเอง ฉันนั่งลงที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง กีวี่ดื่มโกโก้เข้าไปหนึ่งอึกก็ส่งรอยยิ้มมาให้กับฉัน
"อร่อยจัง" กีวี่บอก มันทำให้ฉันรู้ดีเป็นอย่างมาก
"เหรอ! ดีจังเลย ถ้าชอบล่ะก็ วันหลังก็มาดื่มโกโก้ที่บ้านฉันบ่อยๆสิ"
ฉันชวนเขา กีวี่ก็ได้แต่พยักหน้าแล้วดื่มโกโก้ต่อ เราสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ จากที่เราคุยกันสองคน ทำให้ฉันรู้ว่า กีวี่เค้าก็เป็นคนคุยเก่ง พูดสุภาพและพูดแบบมีเสน่ห์มากๆจนฉันก็ชักจะเริ่มติดใจในคำพูดของเขา โดยที่ฉันไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลย
"เอ่อ... นี่ หวานใจ" กีวี่เรียก ฉันจึงพยักหน้ารับ
"ฉันขอค้างคืนที่นี่สักคืนได้ไหม?"
...........
พรู๊ดดดดดดดดดด!!!...
สิ้นเสียงที่กีวี่พูด ฉันก็ต้องพรวดน้ำโกโก้ในปากออกมาอย่างตกใจ เมื่อรู้ตัว ฉันจึงรีบปิดปากแล้วรีบวิ่งไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดทันที
"อ๋า... ขะ ขอโทษนะ ละ ลืมตัวน่ะ แหะๆๆๆๆ"
ฉันพูดตะกุกตะกักด้วยความอาย ฉันพยายามเช็ดโกโก้ที่เปื้อนโต๊ะออก แต่แล้วฉันก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
"ฮะๆๆๆ"
กีวี่หัวเราะออกมาด้วยสีหน้าดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
"เธอนี่ตลกจังเลยนะหวานใจ ฮะฮะฮะ" กีวี่บอกอย่างอารมณ์ดี จนฉันก็อดหัวเราะด้วยไม่ได้
"อิอิๆ เธอหัวเราะแล้วน่ารักจังเลยกีวี่" ฉันชมเขา เพราะฉันไม่เคยเห็นใบหน้าที่สดใสของกีวี่มาก่อน
"หวานใจ... ปากเธอเปื้อนโกโก้น่ะ" กีวี่บอก พร้อมกับหยิบกระดาษทิชชู่อีกแผ่นมาเช็ดให้
"อ๋าๆๆ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันเช็ดเองก็ได้"
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันเช็ดให้จะได้สะอาดๆ" กีวี่บอก ฉันจึงต้องให้เขาเช็ดให้จนสะอาด
"ตกลงฉันจะค้างคืนที่นี่ได้หรือเปล่าล่ะ?" กี่วี่ถามอีกครั้ง เพราะยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอนจากฉัน
"อื้ม! ได้สิ ได้เลยจ้ะ!" ฉันตอบตกลงด้วยความดีใจ กีวี่ยิ้มมาให้กับฉันด้วยรอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์เอามากๆ จนฉันแทบคิดว่า ถ้าฉันเป็นผู้ชายคงตกหลุมรักเขาไปแล้ว
เหมือนกับเค้าจะได้ยินสิ่งที่ฉันคิดยังไงยังงั้น เมื่อฉันคิดว่าอยากให้เขามาค้างคืน เค้าก็มาค้างคืนที่บ้านฉันจริงๆ แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะไปอ่านใจคนได้ล่ะ
.....................................
คืนนั้น ฉันจึงได้นอนกับกีวี่ ฉันขอให้กีวี่เค้ามานอนห้องเดียวกับฉัน เพราะฉันไม่อยากนอนคนเดียว กีวี่จึงตอบตกลง ตอนแรกฉันก็ชวนกีวี่ให้มาอาบน้ำด้วยกัน แต่เค้าก้ไม่ยอม บอกว่าจะอาบทีหลัง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม? แต่ฉันก็ไม่ได้ขัดใจอะไรเค้า หลังจากฉันอาบน้ำเสร็จ ฉันจึงให้กีวี่อาบน้ำต่อ โดยชุดนอนนั้น ฉันให้กีวี่ยืมชุดนอนของฉันไปก่อนเพราะกีวี่ไม่มีเสื้อผ้าเตรียมมา
หลังจากที่กีวี่อาบน้ำเสร็จ ฉันก็ต้องอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นกีวี่ในชุดนอนลายดอกไม้สีชมพูของฉัน
"ว้าว! กีวี่น่ารักจังเลย" ฉันชมจนกีวี่หน้าแดง
"จะให้ฉันใส่ชุดนอนแบบนี้จริงๆเหรอเนี่ย หวานเกินไปแล้วมั้ง" กีวี่บอก
ฉันพยักหน้า เพราะฉันอยากเห็นกีวี่ในชุดแบบนี้นานๆหน่อย เมื่อได้เห็นแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้ฉันเกือบลืมไปเลยว่า กี่วี่เค้าเป็นคนเงียบๆ ขรึมๆ
"เอ่อ... นี่" กีวี่เรียกฉัน ฉันจึงพยักหน้ารับ
"ฉันขอโทษนะ เรื่องเมื่อกี้นะ เธอจะยกโทษให้ฉันได้ไหม?"
กีวี่บอกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น ฉันจึงยิ้มให้กับเขา
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เพื่อนกันให้อภัยกันได้อยู่แล้ว"
ฉันบอก พร้อมกับชูนิ้วก้อยให้กับเขา กีวี่มองฉันอย่างสงสัยเล็กน้อย
"สัญญานะ ว่าจะเป็นเพื่อนกับฉันตลอดไป และกับทุกๆคนด้วย"
ฉันบอก กีวี่ยิ้มให้กับฉันพร้อมกับชูนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของฉัน
"สัญญาแบบลูกผู้หญิงนะ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป!"
"อื้ม ฉันสัญญา..."
.............
...
...................................
"ที่นี่มัน... ที่ไหนกัน?"
ฉันถามกับตัวเองเมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างมืดมิดไปหมด
"ฉันอยู่ที่ไหน?"
ฉันซึ่งกวาดตามองไปรอบๆ ทุกอย่างมืดไปหมดจนฉันมองอะไรไม่เห็น ความหวาดกลัวเริ่มคลอบงำในจิตใจของฉันอย่างช้าๆ
ไม่นานนัก ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเจือจางลง ภาพตรงหน้าที่เห็นเบลอไปหมด เหมือนกับกระจกที่เป็นฝ้าจนมองอะไรไม่เห็น แต่แล้วก็เริ่มชัดขึ้นเหมือนกับเอาผ้ามาเช็ดกระจกให้หายฝ้า ภาพตรงหน้าคือบ้านเมืองของฉันที่พังทลายไปจนหมด ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดงอย่างรวดเร็วและคลอบคลุมบรรยากาศทั่วทุกสารทิศ ดวงจังทร์ใหญ่ยักปรากฏขึ้นบนขอบฟ้าไกลเหมือนจะวิ่งไปถึงมันได้
ฉันซึ่งยืนทำอะไรไม่ถูกนั้น ก็ได้แต่เพียงคิดว่า
อีกแล้วหรือ? ที่นี่อีกแล้วงั้นหรือ?
ฉันซึ่งยังคงมองไปรอบๆอยู่นั้น พลันสายตาก็สะดุดไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า ฉันจ้องไปยังคนๆนั้น ฉันพยายามคิดอยู่นานสองนานว่าเป็นใคร และแล้วฉันก็นึกออก ว่าเค้าเป็นใคร คนๆนั้นก็คือกีวี่นั่นเอง!
"กีวี่!!"
ฉันพยายามตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่ากีวี่จะยังมองไม่เห็นฉัน
"กีวี่! กีวี่!!"
สายตาของกีวี่ดูเหม่อลอย ชุดสีดำสนิทของเค้ามันทำให้ฉันนึกถึงใครบางคน ชุดเดรสสีดำสนิทของกีวี่ที่ดูสง่างาม ดั่งกับเจ้าหญิงจากนรกที่ย่างกรายมายังโลกมนุษย์ ฉันเผลอคิดอย่างนั้น ฉันจึงสะบัดหน้าเพื่อเอาความคิดบ้าๆนั้นออกไป ฉันพยายามเรียกกีวี่หลายครั้ง แต่เค้าก็ไม่ได้ยินเลย
"กีวี่!!"
"...........!"
เหมือนว่าเค้าจะได้ยินฉันเรียกแล้วนะ จากสายตาที่เหม่อลอยไปที่ไหนสักแห่ง หันมามองต้นเสียงที่กำลังเรียกตนอยู่ กีวี่มองมาที่ฉันด้วยสายตาสงสัย กีวี่เค้ายิ้มมาให้กับฉัน แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้ากลับดูเจ็บปวดและทรมาน
และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อจู่ๆสีหน้าที่ยิ้มแย้มของคนตรงหน้า ก็กลับกลายเป็นสีหน้าตกใจ และซีดเผือด อะไรสักอย่างที่ดูแหลมคมซึ่งส่องประกายกับแสงดวงจัทร์เป็นสีเงินผ่านทะลุยังตัวของกีวี่จากทางข้างหลัง
........
ฉึก!!
สิ้นเสียงนั้น ร่างของกีวี่ก็ค่อยๆล้มลงจนนอนราบกับพื้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีดำสนิทของเขาเบิกค้าง ของเหลวข้นสีแดงเข้มไหลออกมาจากตัวของกีวี่ ฉันซึ่งกำลังมองไปยังเพื่อนของตนเองที่ถูกแทงต่อหน้าต่อตา ทำให้ฉันฟุบลงกับพื้นอย่างไม่มีเรี่ยวแรง ภาพตรงหน้าช่างหวาดกลัวและเจ็บปวด
หลังจากร่างของกีวี่ที่ถูกแทงจากข้างหลังล้มลงไป ทำให้เผยเห็นร่างของชายผู้หนึ่งขึ้น ที่มือของเขานั้น ถือคมดาบสีเงินเรียวยาวในมือ ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของคนที่เขาพึ่งฆ่าไป ถึงแม้ฉันจะมองไม่เห็นหน้าของเขา เพราะหน้าของเขาสวมหน้ากากสีขาวไว้ แต่ฉันก็รับรู้ได้เลยว่า ใบหน้าของเขากำลังยิ้มเยาะเย้ยอย่างสะใจอยู่ภายใตหน้ากากนั้น
"หึ หึ หึ หึ หึ หึ หึ!"
เสียงหัวเราะของชายผู้นั้น ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เสียงหัวเราะถึงแม้จะมาจากในลำคอก็ตาม แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก เหมือนกับฉันจะตกนรกลงไปยังไงยังงั้น
"ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ!!"
จากเสียงหัวเราะในลำคอก็กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะแหลมสูงขึ้นมาทันที ฉันซึ่งพยายามกุมหูไว้แน่นเพราะไม่อยากฟังเสียงหัวเราะแห่งความเจ็บปวดนี้ ฉันรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อเมื่อเขาหัวเราะจบ
"ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ!!"
.............
กรี๊ดดดดดดดด!!..........
ฉันกรีดร้องออกมาสุดเสียง พร้อมกับความมืดมิด ที่กำลังคลอบคลุมฉันไว้
........................................
...........
.......................
"หวานใจ... หวานใจ..."
เสียงของกีวี่ที่กำลังปลุกฉันจากอาการหลับใหลดังขึ้น
"หวานใจ... หวานใจ!!"
ฉันสะดุ้งตื่นทันที เหงื่อโชกเต็มตัวไปหมด ฉันได้แต่นั่งหอบอยู่อย่างนั้น เมื่อฉันหันไปมองกีวี่ที่กำลังมองดูฉันด้วยความเป็นห่วง มันทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เมื่อพบว่ามันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น
"โธ่เอ๊ย! แค่ฝันงั้นเหรอ?" ฉันพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเอามือปิดหน้าไว้
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า หวานใจ ฉันเห็นเธอร้องเสียงดังเลย"
กีวี่ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"มะ ไม่เป็นไรหรอก แค่ฝันร้ายน่ะ"
ฉันบอกกับกีวี่ เค้ามองมาที่หน้าฉันด้วยสีหน้าแปลกๆ เค้าขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวดเล็กน้อย มันทำให้ฉันเกิดความสงสัยในจิตใจ
"อะไรเหรอกีวี่? ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ"
ฉันถาม พร้อมกับเอามือมาแตะที่แก้มของกีวี่ กีวี่จับมือของฉันที่กำลังจับแก้มของเขาอยู่ไว้ แล้วเค้าก็หลับตาลงพร้อมกับถามว่า
"ฝันว่าอะไรเหรอ? มีเรื่องอะไรก็บอกฉันได้นะ เราเพื่อนกันนี่นา"
กีวี่บอก ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้
"ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปใส่ใจเลย"
ฉันบอกเขาไปอย่างนั้น พร้อมกับยิ้มให้ เพราะฉันไม่อยากบอกกับเค้าว่าฉันฝันถึงอะไร ฉันไม่อยากจะบอกเค้าว่าฉันฝันว่าเค้าตาย ไม่จริง... มันก็แค่ความฝันเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันเหมือนจริงมากก็ตามที
"ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ?"
ฉันถามกีวี่ ที่กำลังมองไปยังนาฬิการูปโดราเอม่อนที่แขวนอยู่บนผนังของฉัน
"9 โมงกว่าๆแล้วล่ะ"
กีวี่บอก มันทำให้ฉันเบิกตาโต
"หา? งั้นอีกแค่ประมาณชั่วโมงเดียว แพท ทัช แล้วก็น้ำฝนก็จะมาแล้วนี่นา! รีบไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่าเร็วเข้า!!" ฉันบอก เพราะคงไม่อยากให้พวกเขามาเห็นเราในสภาพพึ่งตื่นอย่างนี้
.........................
"หวัดดีหวาน!" แพททักทายเมื่อฉันมาเปิดประตูต้อนรับพวกเค้า
"สวัสดีจ้า แพท ทัช น้ำฝน" ฉันทักทายทุกๆคน
"สวัสดีจ้าหวาน" ทัชกับน้ำฝนทักทายฉัน
"จ้า เข้ามาข้างในก่อนสิ" ฉันชวนทุกคนให้เข้าไปข้างใน
"แล้วกีวี่ล่ะ มาหรือยัง?" แพทถาม
"อ๋อ.. รออยู่ข้างในแล้วล่ะ" ฉันบอกพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
"อ้าว เหรอ... นึกว่ากีวี่จะยังไม่มาเสียอีก มาเร็วกว่าพวกเราอีกแฮะ"
แพทบอก พร้อมกับสายตาของทุกคนที่ออกความเห็นเป็นเสียงเดียวกัน
"แหะๆๆ เค้ามาค้างคืนที่บ้านฉันน่ะ" ฉันบอกพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้าน เพื่อให้ทุกๆคนเข้ามาข้างในกัน
ฉันบอกให้ทุกๆคนขึ้นไปรอบนห้อง เพราะฉันจะเอาเครื่องดื่มและขนมไปให้ แพท ทัชและน้ำฝน จึงเดินขึ้นไปบนห้อง ส่วนฉันก็เดินไปยังห้องครัว
แพท ทัช และน้ำฝน เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง พวกเขาค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็เผยให้เห็นกีวี่ที่กำลังนั่งรออยู่แล้วบนเตียง
"ไง กีวี่!" แพททักทายกีวี่เพื่อไม่ให้เสียมารยาท
"อื้ม ดีแพท" กีวี่ทักทายกลับพร้อมกับยิ้มให้กับทุกคน จนทุกๆคนต่างอ้าปากค้าง
"ดูสดใสจังเลยกีวี่ ทำไมแค่ข้ามคืนที่มานอนกับหวานถึงกลับทำให้กีวี่เปลี่ยนไปเลยเหรอเนี่ย!!" ทัชบอกอย่างเป็นไปไม่ได้ จนแพทต้องเดินมาตบหัวแพทสองสามที
"จะบ้าหรือไง? พูดเหมือนกับเค้ามาทำอะไรกันสักอย่างอย่างนั้นแหล่ะ"
ทั้งสี่หัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับหวานที่กำลังเข้ามาพอดี
"รอนานไหมทุกคน ฉันเอาน้ำผลไม้กับคุกกี้มาให้แหน่ะ"
ฉันบอกพร้อมกับวางมันลงบนพื้น
"ว้าว! น่ากินจังเลย ทานแล้วนะค่า!!"
ในขณะที่ทัชกำลังจะเสยขนมเข้าปาก แพทก็ต้องเดินเข้ามาตบหัวทัชอีกรอบ
"นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงวันเกิดเธอสักหน่อยนะ ทำตัวดีๆหน่อยสิ"
"แหะๆๆๆ ขอโทษจ้า"
หลังจากนั้น พวกเราก็ช่วยกันทำการบ้านกัน ซึ่งฉันก็พยายามสอนทุกคนอย่างเต็มที่ เพราะการบ้านฟิสิกส์คราวนี้มันยากจริงๆ ซึ่งบางข้อฉันยังไม่เข้าใจเลย พวกเราจึงช่วยๆกันคิดกันจนทำกันเกือบเสร็จแล้วแต่...
"เอ... ข้อสุดท้ายนี่มันยากจัง คิดไม่ออกเลยแฮะ" แพทบอกด้วยสีหน้าเครียด
"จริงด้วยแฮะ ยากจัง! นี่น้ำฝนคิดออกหรือเปล่า?" ทัชถามน้ำฝน
"ไม่ออกเหมือนกัน หวานคิดได้หรือเปล่า?"
"อืม... ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน เอ... ยังไงล่ะเนี่ย?"
ขนาดฉันยังคิดไม่ออก ทำให้เราปวดหัวกันไปใหญ่ แต่แล้วแสงสว่างก็ส่องมาเมื่อกีวี่บอกกับฉันว่า
"ฉันคิดออกนะ ยังงี้ไง!" กีวี่บอก พร้อมกับอธิบายโจทย์ข้อนั้นให้ฟังอย่างละเอียด จนทุกคนต่างทึ่งตามๆกัน
"อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง" ฉันอุทานออกมา เมื่อเข้าใจโจทย์ข้อนี้อย่างกระจ่างแจ้ง
"เก่งจังเลยกีวี่! ไม่นึกมาก่อนเลยว่าเธอก็เรียนเก่งด้วย"
ทัชบอก ทุกคนต่างได้รับรู้อะไรอีกหนึ่งอย่างแล้วที่เกียวกับตัวของกีวี่ คือ เค้าเป็นคนฉลาดกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้
"นี่! ทำการบ้านเสร็จแล้ว เราออกไปหาอะไรกินแล้วไปเที่ยวกันเถอะ"
ทัชชักชวนพวกเรา ทุกคนต่างพยักหน้าตกลงโดยไม่มีใครแย้งทันที แต่แล้วกีวี่ก็กลับยกมือขึ้นแล้วบอกว่า
"เอ่อ... ฉันขอไม่ไปได้ไหม?"
สิ่งที่กีวี่พูดมันทำให้ฉันรู้สึกหมดสนุกทันที
"ไม่เอาน่ากีวี่ ไปเที่ยวด้วยกันเถอะนะ ถ้ากีวี่ไม่ไปฉันก็จะไม่ไปด้วย"
พอกีวี่ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่กล้าปฏิเสธทันที สงสัยคงอยากให้ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนๆ
"งั้นไปกันเถอะนะ! นานๆทีที่พวกเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันนี่"
แพทบอกพร้อมกับลุกขึ้น
"อื้ม! ไปกันเถอะ!"
พวกเราตอบเป็นเสียงเดียวกัน แต่พอฉันมองไปยังสีหน้าของกีวี่ ฉันก็สังเกตเห็นใบหน้าที่เบื่อหน่ายของเค้าที่ดูน่ากลัว เมื่อเค้าสกิดใจเห็นแล้วว่าฉันกำลังมองเค้าอยู่ กีวี่จึงรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันที มันทำให้ฉันรู้สึกสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง...
...........................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น