ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Nightmare of Me to You ฝันร้ายนี้ขอมอบให้คุณ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : ฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 53


                    ทุกอย่างมืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น ทุกด้านทุกทิศทางเป็นสีดำสนิท ดั่งกับห้วงแห่งความมืดที่กำลังจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ย่างกรายเข้ามาที่นี่ ทุกอย่างนิ่งสนิท มันเงียบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงหัวใจของสิ่งมีชีวิตเลย

                    "นี่ฉันอยู่ที่ไหน?" เสียงที่ดูสงสัยถามกับตัวเอง

                    "ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย... มีใครอยู่ที่นี่ไหม?"

                   เจ้าของเสียงพยายามมองหาเพื่อนที่เป็นสิ่งมิชีวิตด้วยกัน ณ ที่แห่งนี้อย่างลนลาน เพราะความหวาดกลัวที่แฝงไว้ในหัวใจเริ่มที่จะระเบิดออกมาดั่งกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ ฉันรู้สึกแปลกมากๆ เหมือนกับบรรยากาศมันชวนขนลุกไปหมด อากาศที่เย็นยะเยือกและเหมือนจะมีหมอกหนาเต็มไปหมด

                    ปากที่สั่นเล็กน้อย พยายามที่จะร้องขอความช่วยเหลือ

                    "ใครก็ได้ ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ที!"

                   แต่เสียงที่ออกมาก็แหบแห้งเสียจนไม่ได้ยิน ฉันพยายามที่จะพูดอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม

                    "ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย! ได้โปรดเถอะ"

                   สายตาที่เบลอไปหมดพยายามกวาดมองไปรอบๆ จู่ๆสมองก็แปรปรวนไปหมด จนต้องเอามือทั้งสองข้างมากุมหัวแน่นด้วยความเจ็บปวด ชื่อของใครบางคนที่รู้จักได้ปรากฏบนหัวสมองอย่างฉับพลัน เหมือนกับชื่อของคนๆนั้นลอยไปมาอยู่ตรงหน้า เขียนด้วยตัวหนังสือขยุกขยิกจนอาจไม่ออก ฉันจำไม่ได้ว่านั่นเป็นชื่อของใคร?

                    ฉันพยายามอ่านชื่อนั้นอย่างทรมาณ เหมือนกับตัวหนังสือตัวนั้นมันมาจากจิตใจของฉัน ยิ่งฉันรู้สึกสับสน มันก็ยิ่งบิดเบี้ยวไปเท่านั้น ฉันจึงพยายามทำใจให้นิ่ง สงบสติอารมณ์เข้าไว้ พอฉันมองมันอีกที มันก็เริ่มดูเป็นตัวหนังสือบ้าง แต่พอใจฉันเริ่มกระวนกระวาย ตัวหนังสือก็บิดเบี้ยวอีกครั้ง ฉันพยายามอยู่นานสองนาน จนกระทั่งฉันก็เริ่มอ่านมันออก น้ำเสียงของฉันที่แทบไม่มีแล้ว กลับพูดตะโกนออกมาอย่างเต็มปากว่า

     

                     กีวี่....!!

     

                    ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกด้านทุกทิศทางที่ดูเหมือนจะเป็นกำแพงปิดกั้นจากเบื้องนอก ก็แตกกระจายดั่งกับกระจกเงาสีดำ เศษแก้วกระจัดกระจายไปรอบด้านเป็นประกายแสงระยิบระยับ เมื่อกำแพงที่มืดมิดเหล่านั้นแตกไป ก็เหลือเพียงภาพสถานที่แห่งหนึ่งไว้เท่านั้น

                    เมื่อฉันสังเกตเห็นบรรยากาศรอบๆก็ต้องช็อค ดวงตาเบิกกว้าง สภาพรอบๆทำให้ฉันใจหายวาบทันที เพราะภาพตรงหน้า เป็นบ้านเมืองที่ฉันอาศัยอยู่ และมันก็พังพินาศเหมือนกับเกิดสงครามโลกขึ้นยังไงยังงั้น ทุกอย่างล่มสลายไปหมด ท้องฟ้าเบื้องบนและบรรยากาศเป็นสีม่วงแดงจนฉันรู้สึกแปลกตา สภาพเหมือนกับจะเป็นตอนกลางวันแต่กลับไม่มีดวงอาทิตย์ที่คอยส่องแสงสว่างบนท้องฟ้า แต่กลับมีดวงจันทร์ใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตา

                    "นี่มันเกิดอะไรขึ้น!" ฉันอุทานเสียงดัง

              ที่นี่ไม่มีใครอยู่เลย จนฉันเผลอคิดไปว่า ทั้งโลกใบนี้อาจเหลือฉันแค่เพียงคนเดียว แค่เพียงคนเดียว... ความเงียบเหงาเข้ามาแทนที่ความหวาดกลัว ความเดียวดายเข้ามาแทนที่ความตกใจ แต่สิ่งเดียวที่ยังคงอยู่คือความสงสัย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

                    "หึๆๆ"

                    ทำไมฉันถึงได้ยินเสียงคนหัวเราะนะ ทั้งที่โลกนี้ก็เหลือฉันแค่เพียงคนเดียวแล้ว

                    "หึๆๆๆ"

                   สติของฉันกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ฉันเหม่อลอยไปได้สักพัก เมื่อฉันได้ยินเสียงใครสักคนหัวเราะดังมาจากข้างหลัง ฉันรีบหันหลังไปมองต้นเสียงหัวเราะอันน่าพิศวงนั่น ฉันก็ต้องยิ่งขมวดคิ้วมากกว่าเก่า เมื่อฉันพบว่า คนตรงหน้าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง อายุประมาณใกล้เคียงกับฉัน เขามีผมสีดำดูมืดมน เส้นผมประกายแสงที่ส่องจากดวงจันทร์ตรงหน้า ใส่ชุดสูทสีดำสนิท ปกคลุมด้วยเสื้อคลุมบางสีดำที่ดูลึกลับ ซึ่งเขากำลังหันหลังให้กับฉันอยู่

                    "คุณเป็น... ใครกัน?" ฉันถามคนตรงหน้า ที่ยังคงยืนหันหลังเงียบให้กับฉัน

                    "นี่... ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?" ฉันถามเขา แต่เขาก็ยังเงียบเหมือนเดิม

                    เรานิ่งเงียบกันสักพัก จนเขาพูดอะไรสักอย่างลอยๆออกมาซ้ำๆ ฉันจึงพยายามเงียหูฟัง ทำให้ฉันได้ยิน เขาพูดว่า

                    "ทุกอย่างพังหมด เป็นเพราะฉัน…"

              
                    "..........?" ฉันสงสัยในคำพูดของเขา

                    "ทุกอย่างพังหมด เป็นเพราะฉัน..." เขาพูดแบบเดิมอีกครั้ง
                   "มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ตายก็เพราะฉัน..." เขาพูดออกมาอีกครั้ง ด้วยเนื้อหาที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
                    "หมายความว่ายังไง?" ฉันถามเขา โดยที่รู้ๆอยู่ว่าเขาคงจะไม่ตอบ

                    ".............."
                    เขาไม่ตอบตามที่ฉันคิดไว้ แต่แล้วเขาก็หันหลังกลับมาหาฉัน ผ้าคลุมสีดำสนิทของเขานั้นพัดปลิวไสวตามแรงลมทำให้เปิดเผยเห็นเสื้อสูทของเขาที่ดูสง่า สูทที่รัดตัวเขาทำให้เห็นหุ่นเรียวบางที่ดูอ่อนแอ แต่รัศมีแห่งความมืดมนมันกลับทำให้ฉันรู้สึกแย่
                    ฉันมองไม่เห็นหน้าเขาเลย อาจเป็นเพราะเส้นผมของเขาที่ปิดบังใบหน้าของเขาไว้จนหมด

                    ดูเหมือนว่า เขากำลังมองมาที่ฉัน เขามองฉันจริงๆด้วย เหมือนกับบอกเป็นนัยๆว่า ทำไมฉันถึงยังไม่ตายไปเหมือนกับคนอื่นๆ จู่ๆเขาก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง เขาหัวเราะเสียงแหลมสูงเหมือนคนโรคจิต
                     "หึๆๆๆๆๆๆๆ ฮะๆๆๆๆๆ" เขาหัวเราะออกมาดูไม่มีเหตุผล
                     "หัวเราะทำไมกัน!" ฉันเผลออุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว
                    เขานิ่งเงียบทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูด เขาเอามือกุมที่หน้าผากของเขาเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ชี้นิ้วมาที่ฉันอย่างรวดเร็วดั่งกับร่ายเวทมนต์มาที่ฉัน
                    ทันใดนั้น! ปลายนิ้วอันเรียวยาวของเขาก็ทำให้พื้นดินที่ฉันยืนอยู่แยกออกทันที ทำให้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ยักษ์ ฉันซึ่งยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ตกลงไปในนั้นทันทีอย่างช่วยไม่ได้

                         กรี๊ดดดดดดดดดด!!!..........

                         ฉันกรีดร้องเสียงดัง พร้อมกับร่างกายที่หายไปกับความมืดเบื้องล่าง...

                         .........................................................
                         ......................................
                  
                        "หวาน... หวาน..."

                         รู้สึกเหมือนมีคนกำลังเรียกฉันอยู่นะ

                         "หวาน! ตื่นได้แล้วหวาน! เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก"
                         ฉันสะดุ้งตื่นทันที เมื่อฉันได้ยินเสียงแม่ของฉันปลุก ฉันลุกขึ้นพรวด เหงื่อโชกท่วมตัวไปหมด ฉันมองไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างๆเตียงของฉัน ใบหน้าที่มองฉันอย่างเบื่อหน่ายทำให้ฉันรู้สึกโล่งอกทันทีทันใดจากอาการหวาดกลัว

                          ฝัน... งั้นหรือ?

                          "ลูก ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วไป เดี๋ยวไปโรงเรียนสายโดนทำโทษอีกลูก"
                          แม่ของฉันบอกอย่างเบื่อหน่าย ฉันซึ่งยังคงเอ๋อๆจากการที่พึ่งตื่นนอน ทำให้ฉันยังคงนั่งงัวเงียอยู่ตรงนั้น สักพักฉันจึงรู้สึกตัว ฉันจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวทันที
                          ตึก! ตึก! ตึก!
                          "อ๋า... สายแล้วๆๆๆๆ"
                          ฉันพูดพรางกำลังรีบวิ่งลงบันไดเสียงดัง
                          "เดินเบาๆหน่อยลูก" แม่ของฉันบอก พร้อมกับเอาอาหารเช้ามาวางบนโต๊ะ
                          "เฮ้อ... ทำไมเดี๋ยวนี้ลูกถึงตื่นสายเป็นประจำเลยล่ะเนี่ย แม่ล่ะไม่เข้าใจจริงจริ๊ง!"
                          "ก็หนูฝันร้ายเป็นประจำเลยนี่คะ" ฉันบอกกับแม่ของฉัน
                          "งั้นเหรอจ๊ะ... ลูกรีบทานข้าวแล้วรีบไปโรงเรียนซะนะ เดี๋ยวแม่ต้องไปทำธุระข้างนอกสัก 2-3 วันน่ะ" แม่ของฉันบอกพร้อมกับเดินตรงไปที่ประตูบ้าน
                          "ฝากดูแลบ้านด้วยนะจ๊ะลูก" แม่ของฉันบอกลาและออกไปทันทีโดยที่ฉันยังไม่ได้บอกลา
                          ฉันซึ่งกำลังนั่งทานข้าวอยู่ก็ต้องถอนหายใจเล็กน้อย
                          "เฮ้อ... แม่ต้องออกไปทำธุระอีกแล้วเหรอเนี่ย"

                          หลังจากที่พ่อของฉันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ แม่ของฉันก็ต้องทำงานอย่างหนักมาตลอด แม่ของฉันจะต้องไปทำธุระข้างนอกหลายครั้ง และครั้งหนึ่งก็ไปตั้งหลายวัน ที่เยอะสุดก็น่าจะเป็นเดือนหนึ่งล่ะมั้ง? แย่จังเลย... เพราะฉันไม่อยากจะอยู่คนเดียว แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ
                          สายลมพัดผ่านใบหน้าของฉันอย่างอบอุ่น ผมสีดำยาวที่มัดเป็นทรงหางม้าทำให้ฉันรู้สึกสบายหัว ระหว่างทางที่เดินไปโรงเรียน ฉันมักจะได้พบกับคนที่รู้จักเสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นอาม่าที่ขายกับข้าวที่หน้าปากซอยบ้านฉัน หรือคุณลุงของฉันที่อาศัยอยู่ใกล้ๆนี้ และเมื่อฉันเดินผ่านพวกเค้า ฉันก็จะทักทายพวกเค้าอย่างสุภาพ มันทำให้ฉันรู้สึกว่า ทั้งโลกนี้ยังคนที่รู้จักฉันอยู่  เมื่อไปถึงป้ายรถประจำทาง ฉันก็จะเจอกับเพื่อนๆของฉัน ที่กำลังรอฉันอยู่
                          "อ้า! อรุณสวัสดิ์หวาน วันนี้มาเร็วเหมือนกันนะเนี่ย"
    ทัช เพื่อนของฉันทักฉันอย่างสดใส พร้อมกับเพื่อนๆของฉันอีกคนที่ยิ้มมาให้
                      "นึกว่าวันนี้จะมาสายอีกนะเนี่ยหวาน ฮะฮะ แปลกดี"
                      เพื่อนของฉันอีกคนที่ชื่อว่าแพทล้อฉัน เพราะฉันมักจะมาโรงเรียนสายเกือบทุกวัน
                      "ฉันมาเช้าแล้วมันแปลกตรงไหนอ่า แต่ก็เกือบมาสายแล้วล่ะ"
                      ฉันบอก พร้อมกับรถประจำทางที่มาถึงพอดี
                      "ไปกันเถอะ!"       "อื้ม!"

                      พอมาถึงที่โรงเรียน ฉันก็ทักทายเพื่อนของฉันอีกคนหนึ่ง ซึ่งมารอที่หน้าโรงเรียนก่อนหน้าแล้ว ฉันก็ยิ้มให้กับเขาแล้วโบกมือเรียก
                      "อรุณสวัสดิ์จ้า น้ำฝน" ฉันทักทาย
                      "อรุณสวัสดิ์เช่นกันจ้า หวาน แพท ทัช" น้ำฝน เพื่อนของฉันทักทายกลับ
                      "อื้ม อรุณสวัสดิ์" แพทกับทัชทักทายพร้อมๆกัน
                      "ว้าว! วันนี้หวานไม่มาสายด้วยล่ะ อิอิ" น้ำฝนบอกพรางหัวเราะไปด้วย
                      "แหะๆๆๆ"

                      น้ำฝนเป็นลูกคุณหนู จึงมีรถส่วนตัวมาส่งที่โรงเรียนทุกวัน ดีจังเลย น้ำฝนเป็นคนเรียบร้อย สดใส ร่าเริงมากๆเลยล่ะ และหน้าตาก็ดีด้วย ทำให้มีใครๆมาจีบน้ำฝนกันเต็มเลย  อืม... ส่วนแพทนี่ออกทอมๆหน่อย ห้าวๆ แต่ก็เป็นที่พึ่งในกลุ่มได้มากเลยทีเดียว และทัชก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่อารมณ์ดีมาก และมีอารมณ์ขัน มักจะเป็นคนทำให้เพื่อนๆยิ้มได้ตลอดเวลา อ้อ! ส่วนฉันน่ะเหรอ ไม่รู้สินะ แต่ฉันเป็นคนอ่อนแอมากเลย ฉันคงจะช่วยเหลือใครไม่ค่อยได้หรอก
                      ในกลุ่มเพื่อนๆของฉันนั้น มีอยู่ 5 คนด้วยกัน ซึ่งก็มีฉัน แพท ทัช น้ำฝน ส่วนอีกคนหนึ่งงั้นเหรอ?
                      "นี่! น้ำฝน... แล้วกีวี่ล่ะ?" ฉันถามน้ำฝน
                      "อ๋อ! รู้สึกว่าจะรออยู่บนห้องแล้วล่ะ" น้ำฝนบอก
                      "ไม่รอกันอีกแล้วแฮะ กีวี่เนี่ย" แพทบ่นเล็กน้อย แล้วกวักมือเรียกพวกเราให้เข้าห้องเรียนกัน
                      กีวี่น่ะ เป็นคนที่ดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครเท่าไรนัก ถึงแม้พวกเราจะเป็นเพื่อนด้วยกันมานาน แต่พวกเราก็ไม่เคยเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเค้าเลย ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถึงกระนั้น กีวี่ก็เป็นคนดี และเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉันเลยล่ะ
                      "อรุณสวัสดิ์จ้า! กีวี่" ฉันทักทายกีวี่เมื่อมาถึงที่ห้อง ซึ่งโต๊ะของฉันอยู่ข้างๆกับโต๊ะของกีวี่เลยล่ะ
                      กีวี่หันมามองฉันเล็กน้อย แล้วยิ้มให้
                      "อื้ม อรุณสวัสดิ์... หวานใจ" กีวี่ทักทายกับฉันกลับ
                 กีวี่เป็นเพื่อนของฉันเพียงคนเดียวที่เรียกชื่อเล่นฉันเต็มๆ เพราะความจริงแล้วฉันชื่อ "หวานใจ" แต่ใครๆต่างก็เรียกฉันว่า "หวาน" เฉยๆ เพราะเวลาที่เรียกชื่อของฉันเต็มๆแล้วมันทำให้เหมือนกับเวลาเรียกฉันแล้วเหมือนกับกำลังเรียกคนรัก แต่กีวี่ก็ยังคงเรียกฉันแบบนั้น สงสัยเค้าคงจะชินมากกว่าล่ะมั้ง?

                      ตอนพักเที่ยง...

                      "นี่ การบ้านวันนี้ของวิชาฟิสิกส์ยากชะมัดเลยอ่ะ" แพทพูดขึ้นระหว่างที่พวกเรากำลังทานมื้อเที่ยงกันอยู่
                      "ใช่ๆ อาจารณ์เทิดศักดิ์เนี่ย ให้การบ้านโหดชะมัดเลย" ทัชพูดในขณะที่อาหารยังเต็มปากอยู่
                      "ยัยบ้า! เคี้ยวให้หมดก่อนสิแล้วค่อยพูดก็ได้" แพทเตือนแล้วหยิบนมสตรอเบอรี่ของทัชไปดื่มต่อหน้าต่อตา
                      "อ๋า... แพท นั่นนมของเค้าน้า" ทัชบอกพร้อมกับวิ่งไล่แพท
                      "คู่นี้ทะเลาะกันอีกแล้วล่ะสิ" น้ำฝนบอก แล้วหัวเราะด้วยกันกับฉัน
                      ในแต่ละวัน พวกเราจะมีความสุขกันมาก ฉันเชื่อว่า มิตรภาพของพวกเราจะต้องยั่งยืนไปอีกนานอย่างแน่นอน แต่ก็นะ ก็ยังมีอีกคนนึงแหล่ะที่ยังไม่ร่าเริงไปกับเขาเสียที
                      "นี่ กีวี่ หัดร่าเริงกับเค้าซะมั่งสิ อารมณ์จะได้สดใสไง"
                      ฉันบอกเขา ทั่งที่หน้าตาของเขาตายด้านสุดๆเลย
                      "ตายด้านไปซะแล้วมั้งเนี่ย" น้ำฝนบอก
                      "แหะๆๆๆ" ฉันหัวเราะแหย่ๆ พอฉันหันกลับไปมองกีวี่อีกที เขาก็ลุกขึ้นจากโต๊ะซะแล้ว
                      "เอ๋? จะไปไหนเหรอกีวี่?" ฉันถามเค้า แต่เค้าก็มีสายตาเหม่อลอยสักพัก
                      "เอ่อ... ไปเข้าห้องน้ำน่ะ" กีวี่บอกแล้วเดินจากไป ฉันจึงวิ่งตามเค้าไป
                      "อ๊ะ! ไปด้วยสิกีวี่! รอด้วย" ฉันตะโกนเรียกแล้ววิ่งตามเค้าไปอย่างติดๆ
                      พอไปถึงที่ห้องน้ำ กีวี่ก็ตรงไปที่อ่างล้างมือแล้วล้างหน้าทันที ฉันซึ่งยืนดูอยู่ก็เกิดสงสัยขึ้นมา ฉันจึงถามกับเค้าไปว่า
                      "เป็นอะไรหรือเปล่ากีวี่?" ฉันถามด้วยความเป็นห่วง
                      กีวี่ไม่ได้ตอบอะไร แล้วมองไปยังกระจกตรงหน้า ดูท่าทางเค้าเหม่อลอยมากเมื่อมองตรงไปยังกระจกตรงหน้า ฉันจึงต้องเดินเข้าไปสะกิดเขา
                      "นี่ๆ กีวี่ เป็นอะไรหรือเปล่า?" ฉันถามและกำลังจะเอื้อมมือไปแตะไหล่เค้า
                      ...
                      แต่แล้ว เมื่อมือของฉันไปสัมผัสกับเนื้อตัวของกีวี่ จู่ๆภาพๆหนึ่งก็ตัดขึ้นมาในหัวสมองของฉัน ภาพผู้ชายคนนั้นที่ฉันฝันถึง พร้อมกับเสียงหัวเราะที่แหลมสูงของเขา
                      "ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ"
                      เสียงหัวเราะนั่นมันทำให้ฉันแสบแก้วหูไปหมด จนฉันต้องเอาสองมือมาปิดหูไว้
                      "ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ"
                      แต่เสียงหัวเราะนั่นก็ยังคงดังก้องอยู่ในหู เหมือนกับมันดังมาจากข้างใน
                      "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!"
                      ภาพของเขาที่หัวเราะอย่างสะใจ มันทำให้ฉันรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก ฉันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ภาพบ้านเมืองที่พังทลายพินาศยังคงตรึงอยู่ในจิตใจของฉัน 
                      เสียงหัวเราะที่ดูจะไม่ค่อยมีเหตุผล แต่มันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดจนฉันรู้สึกได้ สักพักจากภาพที่ชายผู้นั้นกำลังหัวเราะก็กลับกลายเป็นนิ้วของเขาที่กำลังชี้มาที่ฉันอีกครั้ง ฉันซึ่งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนมองเขาด้วยความสงสัย ที่ปากของเขาเหมือนกับกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ฉันก็ไม่ได้ยิน และหลังจากนั้นทุกอย่างก็ดับมืดลงจนไม่มองไม่เห็นอะไรเลย...
                      ........................

                      "หวาน! หวาน!"
                      ดวงตาของฉันที่กำลังเปิดอย่างช้าๆ มันทำให้เสียงของเพื่อนๆของฉันกำลังเรียกฉันอยู่
                      "หวาน! หวานฟื้นแล้วๆ!" ทัชตะโกนบอกเพื่อนๆที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงของฉัน
                      "อ๊ะ! หวาน... หวานไม่เป็นอะไรนะ?" น้ำฝนถามด้วยความเป็นห่วง
                      "อ...อืม... ฉะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก" ฉันบอกเพื่อนเพื่อไม่ให้ใครเป็นห่วง แต่ความจริงแล้ว ฉันปวดหัวมากเลย
                      "หน้าซีดจัง เมื่อไหร่ที่ครูพยาบาลเค้าจะมาสักทีนะ" ทัชบอก
                      "ที่นี่ที่ไหน?" ฉันถาม
                      "ที่ห้องพยาบาลน่ะ" แพทบอกขณะกำลังมองดูยาที่อยู่ในตู้ไปด้วย
                      "เอ๋? ใครแบกฉันมาที่นี่กัน... แพทเหรอ?" ฉันบอกยังงั้นก็เพราะเค้าท่าทางแรงเยอะกว่าใครเพื่อน แพทจึงก็น่าจะเป็นคนแบกฉันมาที่นี่
                      "เฮ้ยๆ ฉันเปล่าซะหน่อยนะ" เค้าบอกแล้วพยายามส่ายหน้าปฏิเสธ
                      "อ้าว! แล้วใครแบกฉันมาล่ะเนี่ย?" ฉันสงสัยเล็กน้อยพร้อมกับมองหน้าแต่ละคน
                      "รู้สึกว่า น่าจะเป็นกีวี่นะ หรือเปล่าก็ไม่รู้ฉันไม่ทันเห็น" แพทบอก
                      "ใช่ๆ กีวี่นั่นแหล่ะ ฉันเห็นกับตาเลย" ทัชบอกอย่างหยั่งรู้
                      "เอ๋? จริงเหรอ?" ฉันเบิกตาโตเล็กน้อยด้วยความตกใจ
                      "อื้ม ฉันเห็นตอนที่ฉันกำลังจะไปเข้าห้องน้ำอีกคนน่ะ แต่แล้วฉันก็เห็นเธอเป็นลมอยู่ กีวี่ก็เลยรีบอุ้มเธอมาที่ห้องพยาบาลนี่แหล่ะ แต่แหม... ไม่น่าเชื่อเลยนะว่ากีวี่จะอุ้มเธอได้ด้วย อย่างกับในนิยายแหน่ะ ที่พระเอกกำลังอุ้มนางเอกน่ะ ว้ายๆๆ! คิดแล้วอยากอ่านนิยายต่อจัง!"
                      เมื่อฉันเห็นทัชทำหน้าเคลิ้ม มันก็ทำให้ฉันรู้สึกอายเล็กน้อย
                      "บ้าอีกแล้วนะ ยัยบ้า" แพทบอกแล้วเดินไปตบหัวทัช
                      "อะไรกันน่ะ พูดยังงี้หาเรื่องงั้นเหรอ!" ทัชตะคอกใส่แล้ววิ่งไล่แพทอีกครั้ง
                      "กัดกันอีกแล้วสิ" น้ำฝนพูดอย่างเบื่อหน่าย ฉันหัวเราะในลำคอเบาๆ
                      "อ้อ! แล้วกีวี่ล่ะ ไปไหนซะแล้ว" ฉันถามน้ำฝนเพราะยังไม่เห็นกีวี่เลย
                      "อ๋อ... ไปตามหาครูพยาบาลน่ะ ไม่รู้ว่าจะเจอหรือยังนะเนี่ย"
                      ทันทีที่น้ำฝนพูดจบ ประตูห้องพยาบาลก็เปิดออกพอดี ซึ่งก็ไม่ใช่ใครนอกจากกีวี่นั่นเอง
                      "พูดถึงก็มาพอดีเลย เจอครูพยายาลไหม?" น้ำฝนรีบถาม คงเป็นเพราะเป็นห่วงฉัน
                      กีวี่ไม่ได้ตอบ แต่ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ
                      "ไม่เจอเหรอ? หาทั่วโรงเรียนหรือยัง" ทัชถามทั้งที่ยังจิกหัวแพทอยู่
                      "โรงเรียนใหญ่จะตายใครจะไปหาเจอล่ะ นี่ก็พึ่งจะหาไปได้ครึ่งโรงเรียนเอง"
                      กีวี่บอกพร้อมกับหอบเล็กน้อย ท่าทางกีวี่จะเหนื่อยจริงๆ และฉันก็ได้ยินเสียงกีวี่บ่นพึมพำว่า
                      "กว่าจะหาเจอ ป่านี้ยัยนี้ก็ตายไปเสียก่อนแล้วล่ะมั้ง"
                      ฉันที่กำลังสงสัย ก็ได้สบตากับกีวี่ กีวี่จึงหลบจากสายตาของฉันแล้วมองไปที่อื่น
                      "ถ้างั้น... เดี๋ยวฉัน ทัช และแพท จะออกไปตามหาครูเอง ส่วนกีวี่ก็เฝ้าหวานไว้ก็แล้วกัน" น้ำฝนบอก กีวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
                      "หะ... หา ฉันเหรอ?" กีวี่ถามให้แน่ใจ พร้อมกับชี้มาที่ตัวเองด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
                      "ก็ใช่น่ะสิ มีปัญหาหรือเปล่า"
                      "เอิ่ม... เปล่า ก็ได้" กีวี่ตอบเสียงเบา
                      น้ำฝน แพท และทัชจึงเดินออกไปจากห้องพยาบาล เหลือแค่เพียงฉันกับกีวี่สองคนเท่านั้น ซึ่งในห้องพยาบาลก็ไม่มีใครอยู่เลย
                      เราทั้งสองเงียบกันสักพัก จู่ๆกี่วี่ก็ทำสีหน้าแปลกๆขึ้น
                      "เป็นอะไรหรือเปล่ากีวี่?" ฉันถามเค้า เพราะกลัวว่ากีวี่เค้าจะเป็นอะไรหรือเปล่า และจะได้ทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นนี้ด้วย
                      "ขอโทษนะ..."
                      จู่ๆกีวี่ก็ขอโทษฉันอย่างไม่มีเหตุผล ฉันจึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัยอีกครั้ง
                      "เอ๋? ขอโทษ... ขอโทษเรื่องอะไรกัน"
                      "เป็นเพราะฉันเองแหล่ะ ที่ทำให้เธอเป็นลมน่ะ" กีวี่บอกเสียงเบา
                      "เอ๋...?"
                      สิ่งที่กีวี่พูด มันทำให้ฉันยิ่งสงสัย กีวี่แสดงสีหน้าเป็นคนผิดอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้ฉันรู้สึกเป็นห่วง
                      "เธอไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อยนี่นา อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิ"
                      ฉันพยายามกล่อมเค้า และกำลังจะเอื้อมมือไปจับมือกีวี่ เผื่อว่าเค้าจะรู้สึกดีขึ้น แต่แล้วกีวี่ก็ปัดมือฉันออก ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เพราะกีวี่ไม่เคยทำอะไรฉันแบบนี้มาก่อนเลย
                      "อ๊ะ! ขะ ขอโทษนะ! คือ... เอ่อ... ขอโทษ! เอ่อ..."
                      ดูเหมือนกีวี่เค้าจะพูดอะไรไม่ค่อยออก แต่เขาก็พยายามขอโทษฉันใหญ่
                      "ไม่เป็นไรหรอกๆ ขอโทษนะ" ฉันบอกกับกีวี่ ทำให้กีวี่มีสีหน้าเครียดกว่าเดิม
                      มันทำให้ฉันรู้สึกผิดยังไงยังงั้น จนน้ำตาของฉันเริ่มคลอเบ้า พอกีวี่สังเกตเห็นฉันร้องไห้ ก็รีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาปาดน้ำตาของฉันออก
                      "ร้องไห้ทำไมเนี่ย ฉันตีมือเธอแรงไปเหรอ?" กีวี่ถามพร้อมกับยิ้มให้กับฉันอย่างอ่อนโยน มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของกีวี่ที่นานๆทีถึงจะได้เห็น
                      "ขอโทษนะ ก็แหม... ตกใจนี่นา ก็เลยเผลอร้องไห้น่ะ"
                      "อืม..."
                      กีวี่มองหน้าฉันเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันก็ได้แต่มองหน้ากีวี่ด้วยความสงสัยเพียงเท่านั้น จู่ๆสีหน้าของกีวี่ก็แย่ลงอีกครั้ง เขาละจากใบหน้าของฉันแล้วก้มหน้าลง
                      "ต่อไปนี้... เธออย่ามาแตะต้องตัวฉันดีกว่านะ"
                      "เอ๋? ทำไมล่ะ"
                      "........เปล่าหรอกไม่มีอะไร"
                      "............?"

                      ..........................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×