คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 1 (100%)
...เวลาผ่านไปเนิ่นาน...
บรรยากาศในห้องคุมขังก็เหมือนเดิม อากาศที่ใช่หายใจก็เริ่มติดขัด แล้วความชื้นของที่นี่ก็เกิดกลิ่นสาบฉุนขึ้นมา แสงไฟจากคบเพลิงก็หายไปตั้งแต่เมื่อวานจะมีเพียงแสงไฟที่ลอดออกมาจากบานประตู เรื่องจะหนีหรอฉันหยุดคิดไปเลยเพราะนายนั่นกำชับฉันหนักหนาว่าห้ามหนี ไม่งั้นฉันตาย
เอี๊ยด~
เสียงฝีเท้าของคนหลายคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตู ปรากฏเป็นผู้ชายหน้าหล่อคนเมื่อวานเดินสาวเท้าเข้ามาหาฉันพร้อมกับผู้ชายอีกสองคนที่ตามมา
’’เจ้าพร้อมจะให้สอสวนปากคำรึยัง’’ สอบปากคำหรอฉันไม่ได้ผิดอะไรนี่’’ถึงยังไงถ้าเจ้าไม่พร้อมก็ต้องไปอยู่ดี’’ ให้ตายสิฉันไม่มีทางเลือกเลย
พูดเสร็จผู้ชายพวกนั้นก็ลากฉันมาที่ห้องโถงแห่งหนึ่ง ซึ่งมันก็ดูดีกว่าห้องคุมขังเมื่อกี้เป็นเท่าตัว
ภายในห้อมโถงมีแท่นหินอ่อนบางอยางตั้งไว้ และโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องโถง รอบๆโต๊ะก็มีเหล่าบรรดาผู้คนแปลกหน้านั่งล้อมรอบโต๊ะทั้งหมดซึ่งแต่ละคนก็แต่งตัวประหลาดตามเคย..
ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดูราวๆพ่อ ที่นั่งหัวโต๊ะสุด ซึ่งฉันไม่อาจละสายตาจากคนคนนั้นได้ เพราะ เขาหน้าเหมือนพ่อของฉัน..แต่ก็นะ พ่อของฉันตายไปนานแล้วคนตายจะพื้นขึ้นมาได้ยังไง..
ปั่ก!
ผู้ชายที่หน้าคล้ายพ่อของฉันถืออะไรบางอย่างคล้ายๆคฑาในหนังพ่อมด แล้วกระแทกลงบนพื้น ซึ่งทุกคนตอนนี้ที่ไม่ยอมละสายตาจากบุคคลที่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างฉันต้องหันกลับไปมองทุกราย
’’วันนี้ที่ฉันเรียกทุกคนมาประชุมเพราะว่าได้ข่าวจากองค์รักษ์หมายเลขหนึ่งหรือซีกิลด์มาแจ้งว่าได้พบตัวสาบลับของพวกกบฏเฟอไรท์ ซึ่งตอนนี้ก็ได้เดินทางมาอยู่ที่นี่แล้ว..’’ สิ้นเสียงของผู้ชายที่หน้าเหมือนพ่อของฉันแล้วทุกคนก็หันมาจ้องฉันอีกครั้ง แล้วต่างก็ส่งเสียงซุบซิบกันจนดังไปทั่วห้องโถง
ปั่ก! เสียงเคาะคฑาดังขึ้นอีก
’’ข้าให้พวกเจ้ามาฟังคำสอบสวนไม่ใช่มาสอบสวนกันเองแบบนี้!’’ แล้วผู้ชายหน้าคล้ายพ่อของฉันก็พูดหลังจากเคาะคฑา
’’ขออภัยเพคะ หม่อมฉันแค่อยากจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้หรือที่เป็นสายลับของพวกกบฎเฟอไรท์’’ ผู้ชายท่าทางแก่คนหนึ่งยืนพูดขึ้นแล้วช้มาทางฉัน’’พวกท่านอย่าเพิ่งตกใจไป เราต้อง เอาคำสอบสวนออกจากปากนางให้ได้ก่อน ซีกิลด์ เริ่มการสอบสวนครั้งนี้ได้ ’’ เขาหันไปสั่งผู้ชายหน้าหล่อคนนั้นหรือซีกิลด์นั่นเอง
ปึ่ก ปึ่ก! เสียงเคาะคฑาดังขึ้นสองครั้งก็หมายความว่าจะได้เวลาสอบสวนฉันแล้ว
เสร็จแล้วซีกิลด็ก็พาฉันลุกจากที่นั่งหลังสุดมานั่งที่แท่นไม่หินอ่อนข้างๆตัวของฉันก็มีอ่างน้ำขนาดเล็กที่มีน้ำใสๆสีม่วงอยู่
’’กินน้ำนี่ซะ แล้วเธอจะโกหกเราไมได้ ’’ ยังไงฉันก็ไม่โกหกอยู่แล้ว ฉันคว้าแก้วน้ำจากมือซีกิลด์มาแล้วดื่มเข้าไปจนหมด
ฉันดื่มน้ำสีม่วงนี้ลงไปแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่ฉันรู้สึกว่ามันก็ไม่ต่างจากน้ำหวานบ้านเราทั่วๆไป
’’โอเค...คำถามแรกที่ฉันจะถามก็คือ เธอมาจากไหน’’
‘’ฉันมาจากโลกมนุษย์’’ สิ้นคำตอบของฉันทุกคนก็ทำหน้าตกใจกันแล้วพลันเสียงซุบซิบก็ดังมาอีก
’’ฉันจะถามเธออีกที...’’
’’นายก็น่าจะรู้ว่าน้ำที่นายให้ฉันกินนั่น มันทำให้ฉันโกหกนายไม่ได้’’ ฉันพูดแทรกขึ้นก่อนที่ซีกิลด์จะถามขึ้นอีกกรั้ง
ตายตาของเขาตอนนี้ถ้าเป็นมีดก็คงจับฉันเฉือนไปนานแล้วล่ะ
’’เธอเป็นสายลับของพวกกบฎเฟอไรท์ใช่ไหม’’ ซีกิลด์ข่มใจพูดต่อ
’’พวกกบฏเฟอไรท์อะไร ฉันไม่รู้เรื่อง’’ เสียงรอบข้างดังขึ้นอีก ซีกิลด์ทำหน้าข่มใจแล้วพูดต่อ
’’ฉันจะถามเธอ...แล้วให้เธอตอบความจริงมา’’
’’นายก็รู้ว่าฉันไม่สามรถก็หกนายได้’’ หลังจากที่ฉันพูดไปซีกิลด์เอาดวงตาสีนิลนั่นจ้องเข้ามาในดวงตาของฉัน มันเหมือนมีมนต์สะกดอะไรบางอย่างที่ไม่อาจทำให้สายตาฉันละออกไปได้
’’ทำไม....ฉันอ่านใจเธอไม่ออก’’
อ่านใจหรอ...หมอนี่พยายามอ่านใจฉันอยู่หรอ
ปึ่ก ปึ่ก ปึ่ก!! เสียงเคาะคฑาดังสามครั้ง
’’โอเค วันนี้จบพิธีสอบสวนปากคำ ขอให้ทุกคนแยกย้าย…แล้วเธอไปหาพระจักพรรดิ’’ ประโยคหลังซีกิลด์หันมาพูดกับฉัน พระจักพรรดิหมายถึงผู้ชายที่หน้าตาเหมือนพ่อของฉันใช่ไหม..
ฉันเดินเข้าไปหาพระจักพรรดิแล้วนั่งลงข้างๆ
’’ที่พูดมาทั้งหมดเรื่องจิงใช่ไหม...เธอชื่ออะไร’’ พระจักพรรดิเอ่ยถามขึ้นมา
’’นานะ...ฉันชื่อนานะค่ะ’’ พลันสายตาของพระจักพรรดิก็ดูอ่อนโยนขึ้นมันเหมือนกับ สายตาของพ่อฉันจนแยกแยะไม่ออก..หรือฉันคิดไปเอง
’’เธอมาจากโลกมนุษย์ใช่ไหม’’ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบคำถามพระจักพรรดิพระจักพรรดิก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน’’น่าแปลกทำไมฉันถึงอ่านใจเธอไม่ออก’’พระจักพรรดิเปลี่ยนเรื่องได้ไวจริงๆ
’’...’’
’’สร้อยเส้นนั้น...’’พระจักพรรดิเอ่ยออกมาหลังจากท่ากสายตาออกมาจากสร้อยจี้พระจันทร์ที่แม่ฉันมอบให้’’สร้อยคาเดนเนียร์ สร้อยของพระจักพรรดิซีกีราที่หายไป…’’คำพูดของพระจักพรรดิทำให้ซีกิลด์มีสีหน้าที่ตกใจขึ้นมาทันที
’’มันมาอยู่ที่เธอได้ยังไง’’ ซีกิลด์ถามฉันเสียงต่ำ
’’แม่ของฉันให้มาก่อนท่านตาย แม่บอกว่ามันเป็นสร้อยของพ่อ ทำไมหรอ’’ ฉันก็อยากรู้ว่ามันเกี่ยวอะไรกัน เพราะดูจากสีหน้าที่ตกใจของซีกิลด์แล้วมันต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆ
’’ตามตำนานที่กล่าวไว้...ผู้ที่ถือสร้อยคาเดนเนียร์จะเป็นผู้ที่ปกป้องอาณาจักรเหล่าพ่อมดแม่มดของเรา’’ พระจักพรรดิเปรยขึ้นมา
เป็นผู้ที่ปกป้องอาณาจักรหรอ...
’’สร้อยแบบนี้ใครๆก็มีได้นะคะ..’’ ฉันพูดไปตามความคิด
’’แต่ฉันข้ามั่นใจว่าเพชรแบบนี้ต้องไม่มีที่ไหนหรือใครซ้ำแน่นอน...มันจะเปล่งแสงต่อเมื่อได้อยู่ใกล้ๆเพชรนี้’’ พระจักพรรดิปลดสร้อยคอที่มีจี้เป็นเพรชสีม่วงของเขาออกมาจากคอแล้ววางเทียบกับสร้อยของฉันที่อยู่บนคอ ทันใดนั้นแสงสว่างสีขาวก็เปล่งออกมาจากสร้อยของฉัน จริงด้วย..มันมีแสงสว่าง ในลำคอของฉันมันจุกแน่นไปหมดไม่รู้จะเถียงอะไรต่อดีเพราะเหตุการณ์มันก็ทำให้ฉันรู้
...แต่มีบางอย่างที่ฉันพอจะโต้กลับได้
’’แต่เดิมทีแล้วสร้อยนี้ไม่ใช่สร้อยของฉันนะคะ มันเป็นของพ่อฉัน’’
’’พ่อของเธอเป็นใคร’’ พระจักพรรดิถามฉัน
’’ พ่อของฉันชื่อ เฟอเนล์ ’’
’’เฟอเนล์หรอ..’’ พระจักพรรดิทำท่าครุ่นคิด แล้วพูดต่อ’’พานานะไปอยู่ที่วัง..ต่อไปนี้เธอมีศักดิ์เป็นเจ้าหญิง ฉันให้นายคอยฝึกฝนและดูแลนานะ ไม่สิ เจ้าหญิงนานะ ฝากด้วยซีกิลด์.....เพราะอาณาคตของบ้านเมืองอยู่ในกำมือของเธอ ’’ พระจักพรรดิหันไปสั่งซีกิลด์ แล้วประโยคสุดท้ายพระจักพรรดิพูดเบาๆได้ยินกันแค่สองคนกับซีกิลด์แต่มันก็ไม่เล็ดลอดจากหูฉันไปหรอก
...อาณาคตบ้านเมืองอยูที่กำมือฉันงั้นหรอ..
...ฉันจะได้เป็นเจ้าหญิง....
...นี่มันอะไรกัน มันคงเป็นฝัน ฝันที่เหมือนจริงมากได้โปรดอย่าตามมาหลอกหลอนกันเลยฉันหวังว่าพอตื่นขึ้นมาฉันยังจะใช้ชิวิตตามปกติเหมือนเดิม...
เอิ่มมม..เรื่องมันงงหน่อยนะคะจะพยายามทำให้ไม่งงนะคะ
ความคิดเห็น