NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ ๓ ร้าวรัก

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 63


    บทที่ 3

    ร้าวรัก

     

              “วันนี้ฉันว่าหมอไหมช่วยเขาแค่นี้เถอะ นี่ฉันก็เสร็จธุระกับนายอำเภอแล้ว กว่าจะถึงหมู่บ้านช้างก็คงค่ำมืด”

                   ผู้ใหญ่บ้านรีบบอกกับคุณหมอสาว เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องผ่าตัดฉุกเฉิน และเพราะวันนี้เธอติดรถผู้ใหญ่บ้านมาช่วยเหลืองานโรงพยาบาล จึงอยู่ช่วยเหลือได้ไม่นานนัก

                   “ฉันฝากรายงานผลการผ่าตัดเคสเมื่อกี้ให้คุณหมอใหญ่ฟังด้วยนะคะ” เธอหันไปแจ้งกับพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินที่เดินออกมาพร้อมกัน จากนั้นถอดเสื้อกาวน์คืนให้พยาบาลแล้วเดินตามหลังผู้ใหญ่บ้านไป แต่ในตอนนั้นเองมีเสียงโหวกเหวกดังลั่นหยุดเธอไว้ให้หันกลับไปมอง

                   “ฉันไม่เอาหมอฝึกหัด ฉันจะเอาคุณหมอใหญ่ ทำไมคุณหมอใหญ่ยังไม่มาตรวจลูกชายฉันอีก ไปราชการอะไรนานนัก ไม่ใช่ว่าหาเรื่องไปเที่ยวเพราะงบเหลือรึ! เจ้าของเสียงคือ นายทรงชัย นักเลงโตที่ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว

                        ไหมแก้วไม่นิยมการพูดจาให้ร้ายว่ากล่าวใครเป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคคลที่กำลังถูกเอ่ยถึงในทางไม่ดีนั้นเป็นถึงคุณหมอใหญ่ประจำโรงพยาบาลที่เธอให้ความเคารพเยี่ยงครูบาอาจารย์ จึงจะก้าวขาเดินไปหา แต่ต้นแขนบางถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่ของผู้ใหญ่บ้าน

                   “อย่าไปยุ่งกับนายทรงชัยเลยหมอไหม ปล่อยให้คนที่นี่เขาจัดการปัญหาเองบ้าง”

                   “แล้วใครเป็นอะไรหรือผู้ใหญ่”

                   “ไอ้โท” ผู้ใหญ่บ้านกระซิบเสียงเบา “ฉันได้ยินจากชาวบ้านว่า มันกับพวกขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ยิงคนต่างถิ่น แต่มันพลาดไปอัดต้นไม้ขาหักในป่าไม่ห่างจากหมู่บ้านเรา”

                   “คนต่างถิ่น?” คิ้วของไหมแก้วขมวดมุ่น

                   “ฉันเดาว่าคงเป็นผู้ชายคนนั้น คนที่หมอไหมไปเจอในป่านั่นแหละ ที่ฉันยังไม่ได้เล่าให้ฟัง ก็เพราะคิดว่าจะรอให้เขาฟื้นก่อน แล้วค่อยถามว่าใช่หรือไม่”

                   คุณหมอสาวถอนลมหายใจหนัก ภาพความทรงจำในคืนที่เธอพบกับผู้ชายตัวโตในสภาพย่ำแย่ย้อนเข้ามาในหัว แล้วเขาไปมีปัญหากับ ทวีรัตน์ หรือโท ลูกชายคนรองของนายทรงชัยได้อย่างไร เธอมิอาจล่วงรู้ รู้แต่ว่าเธอยื่นมือไปช่วยเหลือศัตรูของลูกชายนายทรงชัยเข้าแล้ว

                   “ตกลงไม่มีใครตอบฉันได้ใช่ไหมว่าหมอใหญ่จะกลับมาเมื่อไหร่!

                   นายทรงชัยตวาดใส่เหล่าพยาบาลที่ยืนหน้าซีด ไม่กล้าโต้ตอบใด ๆ ไหมแก้วเห็นแล้วก็ดูดายไม่ได้ จึงหันไปบอกกับผู้ใหญ่บ้าน

                   “คืนนี้ฉันจะค้างที่บ้านพักแพทย์ ผู้ใหญ่กลับไปก่อนก็ได้”

                   แม้ผู้ใหญ่บ้านอยากจะขัด แต่ด้วยแววตาที่มองมาบอกให้รู้ว่าห้ามเธอไม่ได้ จึงกล่าวเตือนให้ระวังตัวแล้วหมุนตัวเดินออกจากโรงพยาบาล ปล่อยให้ไหมแก้วก้าวเข้าไปเอ่ยประโยคเรียกสายตาหมิ่นของนักเลงให้หันมาทางตน

                   “ถ้าคุณทรงชัยไม่ได้ระบุแพทย์ผู้ตรวจ ดิฉันสามารถทำหน้าที่แทนคุณหมอใหญ่ได้”

                   “อ๊ะ อ้าว ถ้าบอกว่าวันนี้คุณหมอไหมแก้วมา ก็จบเรื่องไปแล้ว” นายทรงชัยยิ้มกว้างในแบบที่คนดูรู้ว่าไม่ใช่รอยยิ้มจริงใจ “ถ้าคุณหมอไหมแก้วสะดวก ก็ขอให้ช่วยไปดูอาการเจ้าโทหน่อย ผมจะขอบพระคุณยิ่ง”

                   “เป็นหน้าที่ของวิชาชีพดิฉันอยู่แล้ว คุณทรงชัยไม่จำเป็นต้องขอบคุณ” เธอเชิดหน้าขึ้น ไม่ใช่เพราะหยิ่งจองหอง แต่เพราะอยากสูดลมหายใจเข้าเรียกความทระนงไว้ให้อยู่กับตัว ยามต้องพบเจอคนอย่างนายทรงชัย

                   “นี่คิดแล้วฉันก็ยังเสียดายแทนเอกรัตน์ไม่หาย หากคุณหมอไม่ล่มงานแต่งเสียก่อน ฉันอาจได้สิทธิ์รักษาพยาบาลฟรีโดยไม่ต้องลงทะเบียนผู้ไม่มีรายได้ประจำ”

                   ดวงตาของเธอลุกวาว จ้องเขม็งไปยังร่างท้วมแต่สูงใหญ่ของชายวัยพ่อ “อย่าเสียเวลาเลยคุณทรงชัย พาฉันไปตรวจอาการลูกชายคุณเลยจะดีกว่า”

                   เขาแสยะยิ้มควงไม้ตะพดคู่กายเล่น แล้วก้าวขาเข้ามาจงใจพูดให้ได้ยินกันแค่เธอกับเขา “ฉันหวังว่าคุณหมอจะยังรักษาคนได้ดีเยี่ยม เช่นเดียวกับรักษาความลับได้ดีเหมือนคนใบ้”

                   ไหมแก้วระงับความรู้สึกคุกรุ่นไว้ในใจ ตอบกลับด้วยใบหน้านิ่ง “แม้ฉันจะกลายเป็นคนใบ้ แต่สักวันความจริงมันจะเผยตัวของมันเอง”

                   “ก็อย่าได้ขอให้มันเผยจากปากคุณหมอเป็นพอ” นักเลงใหญ่เอ่ยตอบเสียงต่ำ จ้องกลับด้วยดวงตาเขม็ง จากนั้นนำเธอเดินไปยังตึกผู้ป่วยใน

                   “ฉันไม่กิน!

                   เสียงเอ็ดตะโรดังลั่นจากห้องพักฟื้นที่อยู่สุดปลายโถงทางเดิน มีพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมาค้อมศีรษะให้เธอ ก่อนเร่งฝีเท้าเดินผ่านไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง

                   “เชิญคุณหมอ”

                   นายทรงชัยพยักพเยิดใบหน้า ไหมแก้วจึงเอื้อมมือไปผลักประตู แต่ในทันทีที่ประตูเปิดอ้า เสียงตะคอกก็ดังลั่นพร้อมแก้วน้ำใบหนึ่งลอยพุ่งมาหา

                   “ฉันบอกว่าไม่หิว!

                   คุณหมอสาวรีบยกแขนป้องกันโดยฉับพลัน แต่สิ่งที่กระทบร่างกายนั้นมีแค่ความเปียกชื้นที่เกิดจากน้ำกระเซ็นใส่ ส่วนความเจ็บปวดนั้นถูกแบกรับไว้ด้วยลำแขนของชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนผงาดเป็นกำแพงบังไว้จนมิด

                   “ไอ้โท นี่แกขาเป๋แล้วยังติดเชื้อหมาบ้าด้วยใช่ไหม!” เขาลดแขนลง ส่งเสียงตวาดใส่ผู้ป่วยบนเตียง หลังจากแก้วตกกระแทกพื้นแตกเป็นเสี่ยง

                   “ฉันขอโทษ ฉันไม่ทันมอง” ผู้ป่วยร่างผอมบนเตียงมีใบหน้าสลดเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาในห้องเป็นใคร

                   “ไม่เป็นไร” ไหมแก้วกล่าวเสียงเบา เดินผ่านไหล่ของชายหนุ่มไปด้านใน นอกจากมีผู้ป่วยแล้ว ยังมีเด็กสาวใบหน้าพริ้มเพราแต่งตัวไม่รัดกุม วางโทรศัพท์ของตนแล้วเด้งจากโซฟาเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

                   “พี่ไหม สวัสดีค่ะ”

                   “สวัสดีจ้ะตรีรัตน์” ไหมแก้วยิ้มรับแล้วเดินไปที่ปลายเตียง อ่านผลการรักษาล่าสุดของผู้ป่วย พลางเงยหน้ามองสายระโยงระยางผูกติดกับเฝือกที่ห่อหุ้มตั้งแต่หัวของเขาไปจนถึงปลายเท้า จากนั้นเก็บแฟ้มการรักษาคืนเข้าที่ เอ่ยบอกกับคนบนเตียงพักฟื้น

                   “เธอยังไม่ได้กินยาหลังอาหารเย็น”

                   “ฉันไม่หิว แล้วฉันไม่อยากกินอะไรจนกว่าจะได้กระทืบไอ้เวรนั่นเสียก่อน”

                   “โถ เดี้ยงขนาดนี้ จะไปราวีใครเขาได้อีก ไม่เจียมตัว” ตรีรัตน์ลอยหน้าลอยตาพูด

                   “อีตรี มึงหุบปากไปเลย!

                   “เอ แต่ถึงจะมีขา ก็ป้อ ๆ แป้ ๆ เป็นได้แค่จิ๊กโก๋กวนเมือง พอเจอคนจริงเข้าก็ร้องเอ๋งวิ่งหนีหางจุกตูด” แต่เด็กสาวยังคงคะนองปาก

                   “อีตรี!

                   ครั้งนี้ไม่ได้แค่ใช้เสียง แต่ทวีรัตน์คว้าหมอนได้ก็ขว้างใส่ ไฉนเลยจะทันคนที่ไวอย่างกับลิง แถมคนขว้างเองกลับร้องโหยหวนเพราะขยับร่างกายรุนแรงกระเทือนส่วนที่บาดเจ็บ

                   “พวกแกสองคนหยุดรบกันสักนาทีไม่ได้หรือไง!

                   เดือดร้อนให้พี่ชายคนโตต้องออกโรงห้ามทัพ “ยายตรี แกออกไปรอข้างนอก ให้พี่ไหมตรวจอาการโทมันให้เสร็จ ๆ แกก็ด้วยไอ้โท หัดสำเหนียกตัวเองเสียบ้างเถอะ ไอ้ที่แกทำอยู่มันจะทำให้คะแนนนิยมของฉันหดหาย ฉันอุตส่าห์สร้างความดีมาแค่ไหน ก็มาฉิบหายย่อยยับเพราะแก!

                   สิ้นเสียงพี่ชาย ความเงียบจึงกลับมาเยือนห้องพักฟื้นผู้ป่วย ไหมแก้วเหลือบมองชายหนุ่มเพียงชั่วแวบแล้วรีบทำหน้าที่ของเธอโดยไว ซึ่งก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดทวีรัตน์ผู้มีนิสัยเกกมะเหรกตามแบบของบิดา จึงยิ่งทวีความร้ายกาจขนาดขว้างปาแก้วใส่คนอื่นได้ ก็เพราะคำที่แพทย์เจ้าของไข้เขียนไว้นั้นชัดเจนเหลือเกินว่า ทวีรัตน์อาจพิการเดินไม่ปกติไปตลอดชีวิต

                   “คุณหมอว่าไอ้โทมันจะขาเป๋ จริงหรือเปล่า” นายทรงชัยถามหลังจากเธอลงบันทึกการตรวจ

                   “ในเบื้องต้น เท่าที่สภาพร่างกายแสดงให้เห็นก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่หากโทหมั่นทำกายภาพก็อาจช่วยให้เดินได้ดูเหมือนปกติมากขึ้น” เธอตอบโดยไม่มองใบหน้าผู้ถาม

                   “แค่ดูเหมือนปกติงั้นรึ นี่ฉันต้องกลายเป็นไอ้เป๋ให้คนอื่นเขาล้อไปตลอดชีวิตเลยหรือไง!” ทวีรัตน์กลับมาโอดครวญอีกครั้ง “พ่อ ฉันไม่ยอมนะ ยังไงพ่อก็ต้องจับมันมาให้ฉันแก้แค้นให้ได้!

                   “ข้ารู้ว่าข้าต้องทำอะไร!” นายทรงชัยพูดเสียงเข้ม “คนของข้าตามหามันจนทั่ว แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว ทั้งไอ้รอยล้อรถมอเตอร์ไซค์ที่มันขับก็ถูกฝนชะล้างไปแล้ว”

                   “มันจะล่องหนหายเข้าไปในป่าได้ยังไง ฉันว่ามันต้องมีคนช่วยไว้” ทวีรัตน์กัดฟันกรอด

                   บทสนทนาของสองพ่อลูกตอกย้ำความจริงที่ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยไว้ ผู้ชายที่เธอช่วยเขานั้นกำลังถูกตามล่าเอาคืนด้วยความแค้น

                   เห็นทีเธอต้องปิดซ่อนความลับนี้ไปจนกว่าชายหนุ่มปริศนาจะหายดี แล้วให้เขารีบไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด และเธอควรแจ้งข่าวให้ผู้ใหญ่บ้านทราบด่วน ก่อนที่หมู่บ้านช้างจะเดือดร้อนไปด้วย จึงกำชับกับเอกรัตน์เรื่องยาของทวีรัตน์ แล้วรีบเดินออกมา

                   “ไหมแก้ว”

                   แต่เดินออกจากห้องมาไม่กี่ก้าว เสียงเรียกของเอกรัตน์ก็หยุดขาเธอให้หันกลับไป

                   “ให้เอกไปส่งไหมที่หมู่บ้านนะ”

                   ไหมแก้วส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไร คืนนี้ไหมจะพักที่บ้านพักแพทย์”

                   “มันเก่าซอมซ่อขนาดนั้น ไหมจะไปพักได้ยังไง” เขาย่นคิ้วมองลอดแว่น

                   คุณหมอสาวลอบถอนหายใจ “จะซอมซ่อยังไง ไหมก็นอนมาแล้วหลายครั้ง”

                   “ห่วงความปลอดภัยตัวเองบ้าง แถบที่บ้านพักหลังนั้นอยู่เงียบอย่างกับป่าช้า หรือไหมกลัวเอกมากกว่ากลัวโจรผู้ร้ายบุกบ้านพัก”

                   แต่เธอยังไม่ตอบรับคำเสนอของชายหนุ่มใบหน้าหล่อสะอาดตรงหน้า ที่มักใช้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มงอนง้อ “ไหมไม่รบกวนเวลา เอกคงจะยุ่งเรื่องวางแผนหาเสียง เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า ไหมจะให้ผู้ใหญ่ออกรถมารับ”

                   “แต่ไหมก็รู้ดีนี่ว่าระยะทางไม่ใช่ใกล้ ๆ”

                   ซึ่งเขาก็ยังหาเหตุผลมาโน้มน้าวเธอได้เหมือนเดิม คุณหมอสาวลอบถอนหายใจ แล้วรับข้อเสนอด้วยความจำยอม “งั้นไหมรบกวนเอกด้วยแล้วกัน”

                   เอกรัตน์ยิ้มกว้าง เผลอจับข้อมือบาง แต่เธอรีบดึงแขนกลับ กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความยินดีหายไป ชายหนุ่มรีบทำหน้าที่สารถีด้วยความยินดี แต่สารถีหนุ่มคงอยากใช้เวลากับหญิงสาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ มาตรวัดความเร็วรถจึงสม่ำเสมอคงที่อยู่ที่หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ต่างกับความเร็วสูงสุดของกระบะรุ่นเก่าของผู้ใหญ่บ้าน

                   “ถ้าเอกขับช้าขนาดนี้ ก็ไม่ต่างกันกับให้ไหมกลับพรุ่งนี้เช้า” เธอเอ่ยตัดความเงียบที่ไหลผ่านมานานตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล

                   “ก็แค่อยากอยู่กับไหมนาน ๆ อย่ากังวลไปเลย เอกพาไปส่งถึงบันไดเรือนแน่นอน”

                   “รีบขับให้เร็วกว่านี้เถอะ” ไหมแก้วขอร้อง

                   นอกจากจะไม่ทำตามแล้ว เอกรัตน์ยังชะลอความเร็วมากกว่าเดิมแล้วจอดเลียบริมถนนติดชายป่า สร้างความขุ่นเคืองให้คุณหมอสาวมากขึ้นไปอีกเท่าตัว

                   “เอก!

                   “ไหมคิดหรือว่าสิ่งที่ไหมพยายามทำอยู่จะเปลี่ยนใจเอกได้ งั้นเอกขอพูดให้ชัดเจนอีกครั้งว่า ไม่ว่ายังไงเอกก็รักไหมไม่เปลี่ยน ทำไมไหมไม่ลืมเรื่องที่ผ่านมาแล้วให้เราได้เริ่มต้นกันใหม่ เอกรู้ว่าตอนนี้ไหมเองก็ยังไม่ลืมว่าเราเคยรักกันแค่ไหน”

                   ไหมแก้วแค่นหัวเราะ “ใช่ ไหมยังไม่ลืมว่าเราเคยรักกันแค่ไหน และไหมก็ไม่ลืมเหมือนกันว่าเคยถูกเอกทำให้เจ็บช้ำมากแค่ไหน”

                   “ไหม...” เอกรัตน์ถอนหายใจแรง “เอกทำทุกอย่างให้เรากลับมาเหมือนเดิม ทำทุกอย่างเพื่อให้ไหมยอมรับในตัวเอกอีกครั้ง ทั้งเรื่องลงแข่งเลือกตั้ง เอกก็ทำเพื่อไหม เพื่อความฝันของเรา เพื่ออุดมการณ์ของเราที่เคยมีร่วมกัน เอกยอมรับความพลาดพลั้งในอดีต แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเลยเถิดจน...”

                   “พาไหมกลับหมู่บ้านเดี๋ยวนี้”

                   น้ำเสียงสั่นเครือของเธอไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายอยากทำตาม เอกรัตน์โน้มตัวเข้าไปใกล้ วาดแขนโอบรั้งร่างคุณหมอสาวเข้ามากอด

                   “อย่าทำแบบนี้อีกเลย...ไหม”

                   “พาไหมกลับหมู่บ้าน”

                   ไหมแก้วฝืนทำตัวแข็งไม่โอนอ่อนไปตามอ้อมแขน และยืนยันคำพูดเดิมด้วยเสียงเข้มที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับเห็นเป็นความท้าทาย ยิ่งได้กลิ่นหอมละมุนของเส้นผมที่เคยดอมดมก็ยิ่งโหยหาอยากชื่นชม เอกรัตน์รู้ว่าท่าทีแข็งขืนของหญิงสาวเป็นเพียงการแสร้งทำเพื่อให้เธอดูเข้มแข็ง ทว่าไหมแก้วผู้นี้อ่อนไหวราวกลีบดอกไม้ และรู้ว่ากลีบดอกไม้ดอกนี้หวานหอมเพียงใด

                   มือหนาจึงคว้าจับต้นคอบาง ฝืนบังคับให้ใบหน้างามหันมาประจันหน้า ไม่ทันให้เธอได้ระวัง ปากร้อนก้มแนบประทับบนกลีบปากบาง ลิ้มรสความหวานอย่างเมามาย ไหมแก้วทั้งผลักทั้งทุบ แต่ชายหนุ่มยื้อยุดข้อมือทั้งสองแล้วตรึงไว้แน่น อีกทั้งเพิ่มแรงบดขยี้เรียวปากอยากกลืนกินหญิงสาวให้สิ้นความกระหายที่มีต่อเธอ

                   หยาดน้ำตาจึงเริ่มเอ่อล้นเบ้า ทั้งโมโหทั้งตกใจ รวมถึงเสียใจปนเปกัน แม้ความรู้สึกในรสสัมผัสของจูบยังไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำ แต่เธอไม่ต้องการย้อนกลับไปเดินซ้ำรอยทางแห่งความเจ็บปวด ทุกอย่างระหว่างเธอกับเขา มันถึงจุดจบไปแล้ว นับตั้งแต่นาทีที่ได้รู้ว่าในหัวใจของเขามีเงาของใครอีกคนสถิตอยู่

                   เสียงสะอื้นในลำคอทำให้หัวใจชายหนุ่มเจ็บแปลบ เอกรัตน์จำใจข่มแรงปรารถนา ผละจากความหอมนุ่มของเรียวปาก แล้วจับจ้องดวงตาคมที่มองตอบด้วยความเคืองขุ่น

                   “พาไหมกลับ”

                   น้ำเสียงแข็งกระด้างกระแทกหัวใจชายหนุ่ม เอกรัตน์กัดฟันถอยตัวออกมา เธอโกรธจริง และเขาก็โกรธไม่ใช่น้อย แต่ความอดกลั้นทางอารมณ์นั้นแตกต่างกันสิ้นเชิง เอกรัตน์เลือกระบายด้วยการทุบกำปั้นลงบนพวงมาลัย ส่งผลให้เสียงแตรรถดังลั่นถนนสายชนบทไฟสลัวแสนเปลี่ยว

                   ทว่ารถกระบะของนักการเมืองหนุ่มยังไม่ไร้เพื่อนร่วมทาง เมื่อสายตาของเขาเหลือบเห็นแสงจ้าของไฟสะท้อนจากกระจกมองหลัง แล้วพบว่ามันคือไฟหน้ารถสายตรวจที่วิ่งลาดตระเวนตรวจตราความปลอดภัย แต่เขายังไม่อยากรับบริการด้วยใจจากนายตำรวจที่ลงจากรถแล้วเดินตรงมาหา

                   “สวัสดีครับ...เอ่อ คุณเอกรัตน์...คุณหมอไหมแก้ว” นายตำรวจผู้นั้นมีสีหน้าประหลาดใจ แล้วรีบตะเบ๊ะทำความเคารพ หลังจากชายหนุ่มเลื่อนกระจกรถลง

                   “ไม่ทราบว่ารถเป็นอะไรหรือครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม” นายตำรวจไถ่ถามด้วยความหวังดี

                   “ไม่มีอะไรครับคุณตำรวจ เราจอดรถคุยอะไรกันนิดหน่อย” เอกรัตน์ยิ้มตอบทำให้ดูเป็นปกติ

                   “งั้นหรือครับ ถ้ายังไงก็ควรรีบกลับบ้านจะดีกว่า ช่วงนี้ขโมยขโจรเยอะทีเดียว”

                   “จริงหรือครับ” น้ำเสียงของเอกรัตน์มีความประหลาดใจแบบไม่ปกปิด “ขอบคุณมากครับหมวด ผมจะรีบออกรถเดี๋ยวนี้แหละ”

                   “ให้ผมขับตามไปส่งไหมครับ”

                   “ไม่ครับ ไม่เป็นไร ขอบคุณที่บอกข่าว ถ้าทางตำรวจมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้ ไม่ต้องเกรงใจ” บอกแล้วหมุนพวงมาลัย หันทิศรถมุ่งสู่หมู่บ้านช้าง

                   เอกรัตน์พาไหมแก้วมาส่งถึงตีนบันไดเรือนอย่างที่รับปากไว้จริง เพียงแต่ช้ากว่ากำหนดไปมาก ขนาดกระจกหน้ารถกระบะของผู้ใหญ่บ้านที่จอดใต้ต้นสักมีไอน้ำเกาะเพราะความชื้นเริ่มก่อตัว

                   เธอส่งชายหนุ่มด้วยสายตากระทั่งไฟท้ายสีแดงเร้นหายไปในถนนมืด เขาทิ้งความรู้สึกโกรธและเจ็บไว้บนเรียวปากอิ่ม แต่เธอรู้ว่าความโกรธนี้จะคลายตัวลงจนหายไปด้วยเหตุผลที่เธอเองก็รู้ดีแก่ใจ

                   คุณหมอสาวหลับตาสูดลมหายใจเข้าสุดปอดแล้วสะบัดความคุกรุ่นในหัวให้ออกไป ขึ้นเรือนไปหยิบกระเป๋าแพทย์ แล้วปลุกเจ้าแก่ให้ออกปฏิบัติการตรวจคนไข้แปลกหน้าผู้มาพร้อมกับความวุ่นวายใหม่ให้ชีวิตของเธอ





    ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านผลงานค่ะ

    สายอีบุ๊ก คลิกลิงก์ได้เลยค่ะ

    กลพยาบาท จันทร์ซ่อนเงา


    ปรารถนาเพียงเธอ Love you so madly



    ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ
    ผลงานที่อัพจบแล้ว
    หัวใจเศรษฐี



    ผลงานที่กำลังอัพ
    สิ้นแสงสุรีย์




    อยากคุยกับไรท์ กดแอดเฟรนด์หรือกดติดตามเลยค่า
    https://www.facebook.com/mylifeiswritingmydream/

    หรือไลค์เพจไว้จะได้ไม่พลาดข่าวอัพนิยาย



    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

    ฤดีวัลย์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×