คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ ๓ ร้าวรัก
บทที่ 3
ร้าวรัก
“วันนี้ฉันว่าหมอไหมช่วยเขาแค่นี้เถอะ
นี่ฉันก็เสร็จธุระกับนายอำเภอแล้ว กว่าจะถึงหมู่บ้านช้างก็คงค่ำมืด”
ผู้ใหญ่บ้านรีบบอกกับคุณหมอสาว เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องผ่าตัดฉุกเฉิน
และเพราะวันนี้เธอติดรถผู้ใหญ่บ้านมาช่วยเหลืองานโรงพยาบาล จึงอยู่ช่วยเหลือได้ไม่นานนัก
“ฉันฝากรายงานผลการผ่าตัดเคสเมื่อกี้ให้คุณหมอใหญ่ฟังด้วยนะคะ” เธอหันไปแจ้งกับพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินที่เดินออกมาพร้อมกัน
จากนั้นถอดเสื้อกาวน์คืนให้พยาบาลแล้วเดินตามหลังผู้ใหญ่บ้านไป
แต่ในตอนนั้นเองมีเสียงโหวกเหวกดังลั่นหยุดเธอไว้ให้หันกลับไปมอง
“ฉันไม่เอาหมอฝึกหัด ฉันจะเอาคุณหมอใหญ่
ทำไมคุณหมอใหญ่ยังไม่มาตรวจลูกชายฉันอีก ไปราชการอะไรนานนัก
ไม่ใช่ว่าหาเรื่องไปเที่ยวเพราะงบเหลือรึ!” เจ้าของเสียงคือ นายทรงชัย นักเลงโตที่ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว
ไหมแก้วไม่นิยมการพูดจาให้ร้ายว่ากล่าวใครเป็นทุนเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
บุคคลที่กำลังถูกเอ่ยถึงในทางไม่ดีนั้นเป็นถึงคุณหมอใหญ่ประจำโรงพยาบาลที่เธอให้ความเคารพเยี่ยงครูบาอาจารย์
จึงจะก้าวขาเดินไปหา แต่ต้นแขนบางถูกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่ของผู้ใหญ่บ้าน
“อย่าไปยุ่งกับนายทรงชัยเลยหมอไหม
ปล่อยให้คนที่นี่เขาจัดการปัญหาเองบ้าง”
“แล้วใครเป็นอะไรหรือผู้ใหญ่”
“ไอ้โท” ผู้ใหญ่บ้านกระซิบเสียงเบา “ฉันได้ยินจากชาวบ้านว่า
มันกับพวกขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ยิงคนต่างถิ่น แต่มันพลาดไปอัดต้นไม้ขาหักในป่าไม่ห่างจากหมู่บ้านเรา”
“คนต่างถิ่น?”
คิ้วของไหมแก้วขมวดมุ่น
“ฉันเดาว่าคงเป็นผู้ชายคนนั้น คนที่หมอไหมไปเจอในป่านั่นแหละ ที่ฉันยังไม่ได้เล่าให้ฟัง
ก็เพราะคิดว่าจะรอให้เขาฟื้นก่อน แล้วค่อยถามว่าใช่หรือไม่”
คุณหมอสาวถอนลมหายใจหนัก
ภาพความทรงจำในคืนที่เธอพบกับผู้ชายตัวโตในสภาพย่ำแย่ย้อนเข้ามาในหัว
แล้วเขาไปมีปัญหากับ ทวีรัตน์ หรือโท ลูกชายคนรองของนายทรงชัยได้อย่างไร
เธอมิอาจล่วงรู้ รู้แต่ว่าเธอยื่นมือไปช่วยเหลือศัตรูของลูกชายนายทรงชัยเข้าแล้ว
“ตกลงไม่มีใครตอบฉันได้ใช่ไหมว่าหมอใหญ่จะกลับมาเมื่อไหร่!”
นายทรงชัยตวาดใส่เหล่าพยาบาลที่ยืนหน้าซีด ไม่กล้าโต้ตอบใด ๆ
ไหมแก้วเห็นแล้วก็ดูดายไม่ได้ จึงหันไปบอกกับผู้ใหญ่บ้าน
“คืนนี้ฉันจะค้างที่บ้านพักแพทย์ ผู้ใหญ่กลับไปก่อนก็ได้”
แม้ผู้ใหญ่บ้านอยากจะขัด แต่ด้วยแววตาที่มองมาบอกให้รู้ว่าห้ามเธอไม่ได้
จึงกล่าวเตือนให้ระวังตัวแล้วหมุนตัวเดินออกจากโรงพยาบาล ปล่อยให้ไหมแก้วก้าวเข้าไปเอ่ยประโยคเรียกสายตาหมิ่นของนักเลงให้หันมาทางตน
“ถ้าคุณทรงชัยไม่ได้ระบุแพทย์ผู้ตรวจ
ดิฉันสามารถทำหน้าที่แทนคุณหมอใหญ่ได้”
“อ๊ะ อ้าว ถ้าบอกว่าวันนี้คุณหมอไหมแก้วมา ก็จบเรื่องไปแล้ว”
นายทรงชัยยิ้มกว้างในแบบที่คนดูรู้ว่าไม่ใช่รอยยิ้มจริงใจ “ถ้าคุณหมอไหมแก้วสะดวก
ก็ขอให้ช่วยไปดูอาการเจ้าโทหน่อย ผมจะขอบพระคุณยิ่ง”
“เป็นหน้าที่ของวิชาชีพดิฉันอยู่แล้ว คุณทรงชัยไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
เธอเชิดหน้าขึ้น ไม่ใช่เพราะหยิ่งจองหอง
แต่เพราะอยากสูดลมหายใจเข้าเรียกความทระนงไว้ให้อยู่กับตัว ยามต้องพบเจอคนอย่างนายทรงชัย
“นี่คิดแล้วฉันก็ยังเสียดายแทนเอกรัตน์ไม่หาย
หากคุณหมอไม่ล่มงานแต่งเสียก่อน
ฉันอาจได้สิทธิ์รักษาพยาบาลฟรีโดยไม่ต้องลงทะเบียนผู้ไม่มีรายได้ประจำ”
ดวงตาของเธอลุกวาว จ้องเขม็งไปยังร่างท้วมแต่สูงใหญ่ของชายวัยพ่อ
“อย่าเสียเวลาเลยคุณทรงชัย พาฉันไปตรวจอาการลูกชายคุณเลยจะดีกว่า”
เขาแสยะยิ้มควงไม้ตะพดคู่กายเล่น
แล้วก้าวขาเข้ามาจงใจพูดให้ได้ยินกันแค่เธอกับเขา “ฉันหวังว่าคุณหมอจะยังรักษาคนได้ดีเยี่ยม
เช่นเดียวกับรักษาความลับได้ดีเหมือนคนใบ้”
ไหมแก้วระงับความรู้สึกคุกรุ่นไว้ในใจ ตอบกลับด้วยใบหน้านิ่ง “แม้ฉันจะกลายเป็นคนใบ้
แต่สักวันความจริงมันจะเผยตัวของมันเอง”
“ก็อย่าได้ขอให้มันเผยจากปากคุณหมอเป็นพอ” นักเลงใหญ่เอ่ยตอบเสียงต่ำ จ้องกลับด้วยดวงตาเขม็ง
จากนั้นนำเธอเดินไปยังตึกผู้ป่วยใน
“ฉันไม่กิน!”
เสียงเอ็ดตะโรดังลั่นจากห้องพักฟื้นที่อยู่สุดปลายโถงทางเดิน มีพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมาค้อมศีรษะให้เธอ
ก่อนเร่งฝีเท้าเดินผ่านไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“เชิญคุณหมอ”
นายทรงชัยพยักพเยิดใบหน้า ไหมแก้วจึงเอื้อมมือไปผลักประตู
แต่ในทันทีที่ประตูเปิดอ้า เสียงตะคอกก็ดังลั่นพร้อมแก้วน้ำใบหนึ่งลอยพุ่งมาหา
“ฉันบอกว่าไม่หิว!”
คุณหมอสาวรีบยกแขนป้องกันโดยฉับพลัน
แต่สิ่งที่กระทบร่างกายนั้นมีแค่ความเปียกชื้นที่เกิดจากน้ำกระเซ็นใส่
ส่วนความเจ็บปวดนั้นถูกแบกรับไว้ด้วยลำแขนของชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนผงาดเป็นกำแพงบังไว้จนมิด
“ไอ้โท นี่แกขาเป๋แล้วยังติดเชื้อหมาบ้าด้วยใช่ไหม!” เขาลดแขนลง
ส่งเสียงตวาดใส่ผู้ป่วยบนเตียง หลังจากแก้วตกกระแทกพื้นแตกเป็นเสี่ยง
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ทันมอง” ผู้ป่วยร่างผอมบนเตียงมีใบหน้าสลดเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาในห้องเป็นใคร
“ไม่เป็นไร” ไหมแก้วกล่าวเสียงเบา เดินผ่านไหล่ของชายหนุ่มไปด้านใน นอกจากมีผู้ป่วยแล้ว
ยังมีเด็กสาวใบหน้าพริ้มเพราแต่งตัวไม่รัดกุม วางโทรศัพท์ของตนแล้วเด้งจากโซฟาเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พี่ไหม สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีจ้ะตรีรัตน์” ไหมแก้วยิ้มรับแล้วเดินไปที่ปลายเตียง
อ่านผลการรักษาล่าสุดของผู้ป่วย พลางเงยหน้ามองสายระโยงระยางผูกติดกับเฝือกที่ห่อหุ้มตั้งแต่หัวของเขาไปจนถึงปลายเท้า
จากนั้นเก็บแฟ้มการรักษาคืนเข้าที่ เอ่ยบอกกับคนบนเตียงพักฟื้น
“เธอยังไม่ได้กินยาหลังอาหารเย็น”
“ฉันไม่หิว
แล้วฉันไม่อยากกินอะไรจนกว่าจะได้กระทืบไอ้เวรนั่นเสียก่อน”
“โถ เดี้ยงขนาดนี้ จะไปราวีใครเขาได้อีก ไม่เจียมตัว”
ตรีรัตน์ลอยหน้าลอยตาพูด
“อีตรี มึงหุบปากไปเลย!”
“เอ แต่ถึงจะมีขา ก็ป้อ ๆ แป้ ๆ เป็นได้แค่จิ๊กโก๋กวนเมือง
พอเจอคนจริงเข้าก็ร้องเอ๋งวิ่งหนีหางจุกตูด” แต่เด็กสาวยังคงคะนองปาก
“อีตรี!”
ครั้งนี้ไม่ได้แค่ใช้เสียง แต่ทวีรัตน์คว้าหมอนได้ก็ขว้างใส่
ไฉนเลยจะทันคนที่ไวอย่างกับลิง
แถมคนขว้างเองกลับร้องโหยหวนเพราะขยับร่างกายรุนแรงกระเทือนส่วนที่บาดเจ็บ
“พวกแกสองคนหยุดรบกันสักนาทีไม่ได้หรือไง!”
เดือดร้อนให้พี่ชายคนโตต้องออกโรงห้ามทัพ “ยายตรี แกออกไปรอข้างนอก
ให้พี่ไหมตรวจอาการโทมันให้เสร็จ ๆ แกก็ด้วยไอ้โท หัดสำเหนียกตัวเองเสียบ้างเถอะ
ไอ้ที่แกทำอยู่มันจะทำให้คะแนนนิยมของฉันหดหาย ฉันอุตส่าห์สร้างความดีมาแค่ไหน
ก็มาฉิบหายย่อยยับเพราะแก!”
สิ้นเสียงพี่ชาย ความเงียบจึงกลับมาเยือนห้องพักฟื้นผู้ป่วย
ไหมแก้วเหลือบมองชายหนุ่มเพียงชั่วแวบแล้วรีบทำหน้าที่ของเธอโดยไว
ซึ่งก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดทวีรัตน์ผู้มีนิสัยเกกมะเหรกตามแบบของบิดา จึงยิ่งทวีความร้ายกาจขนาดขว้างปาแก้วใส่คนอื่นได้
ก็เพราะคำที่แพทย์เจ้าของไข้เขียนไว้นั้นชัดเจนเหลือเกินว่า
ทวีรัตน์อาจพิการเดินไม่ปกติไปตลอดชีวิต
“คุณหมอว่าไอ้โทมันจะขาเป๋ จริงหรือเปล่า”
นายทรงชัยถามหลังจากเธอลงบันทึกการตรวจ
“ในเบื้องต้น เท่าที่สภาพร่างกายแสดงให้เห็นก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่หากโทหมั่นทำกายภาพก็อาจช่วยให้เดินได้ดูเหมือนปกติมากขึ้น”
เธอตอบโดยไม่มองใบหน้าผู้ถาม
“แค่ดูเหมือนปกติงั้นรึ
นี่ฉันต้องกลายเป็นไอ้เป๋ให้คนอื่นเขาล้อไปตลอดชีวิตเลยหรือไง!” ทวีรัตน์กลับมาโอดครวญอีกครั้ง “พ่อ ฉันไม่ยอมนะ
ยังไงพ่อก็ต้องจับมันมาให้ฉันแก้แค้นให้ได้!”
“ข้ารู้ว่าข้าต้องทำอะไร!” นายทรงชัยพูดเสียงเข้ม “คนของข้าตามหามันจนทั่ว แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว
ทั้งไอ้รอยล้อรถมอเตอร์ไซค์ที่มันขับก็ถูกฝนชะล้างไปแล้ว”
“มันจะล่องหนหายเข้าไปในป่าได้ยังไง ฉันว่ามันต้องมีคนช่วยไว้”
ทวีรัตน์กัดฟันกรอด
บทสนทนาของสองพ่อลูกตอกย้ำความจริงที่ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยไว้
ผู้ชายที่เธอช่วยเขานั้นกำลังถูกตามล่าเอาคืนด้วยความแค้น
เห็นทีเธอต้องปิดซ่อนความลับนี้ไปจนกว่าชายหนุ่มปริศนาจะหายดี แล้วให้เขารีบไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
และเธอควรแจ้งข่าวให้ผู้ใหญ่บ้านทราบด่วน ก่อนที่หมู่บ้านช้างจะเดือดร้อนไปด้วย
จึงกำชับกับเอกรัตน์เรื่องยาของทวีรัตน์ แล้วรีบเดินออกมา
“ไหมแก้ว”
แต่เดินออกจากห้องมาไม่กี่ก้าว
เสียงเรียกของเอกรัตน์ก็หยุดขาเธอให้หันกลับไป
“ให้เอกไปส่งไหมที่หมู่บ้านนะ”
ไหมแก้วส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไร คืนนี้ไหมจะพักที่บ้านพักแพทย์”
“มันเก่าซอมซ่อขนาดนั้น ไหมจะไปพักได้ยังไง” เขาย่นคิ้วมองลอดแว่น
คุณหมอสาวลอบถอนหายใจ “จะซอมซ่อยังไง ไหมก็นอนมาแล้วหลายครั้ง”
“ห่วงความปลอดภัยตัวเองบ้าง
แถบที่บ้านพักหลังนั้นอยู่เงียบอย่างกับป่าช้า หรือไหมกลัวเอกมากกว่ากลัวโจรผู้ร้ายบุกบ้านพัก”
แต่เธอยังไม่ตอบรับคำเสนอของชายหนุ่มใบหน้าหล่อสะอาดตรงหน้า ที่มักใช้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มงอนง้อ
“ไหมไม่รบกวนเวลา เอกคงจะยุ่งเรื่องวางแผนหาเสียง เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า
ไหมจะให้ผู้ใหญ่ออกรถมารับ”
“แต่ไหมก็รู้ดีนี่ว่าระยะทางไม่ใช่ใกล้ ๆ”
ซึ่งเขาก็ยังหาเหตุผลมาโน้มน้าวเธอได้เหมือนเดิม คุณหมอสาวลอบถอนหายใจ
แล้วรับข้อเสนอด้วยความจำยอม “งั้นไหมรบกวนเอกด้วยแล้วกัน”
เอกรัตน์ยิ้มกว้าง เผลอจับข้อมือบาง แต่เธอรีบดึงแขนกลับ
กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความยินดีหายไป ชายหนุ่มรีบทำหน้าที่สารถีด้วยความยินดี
แต่สารถีหนุ่มคงอยากใช้เวลากับหญิงสาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
มาตรวัดความเร็วรถจึงสม่ำเสมอคงที่อยู่ที่หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
ไม่ต่างกับความเร็วสูงสุดของกระบะรุ่นเก่าของผู้ใหญ่บ้าน
“ถ้าเอกขับช้าขนาดนี้ ก็ไม่ต่างกันกับให้ไหมกลับพรุ่งนี้เช้า”
เธอเอ่ยตัดความเงียบที่ไหลผ่านมานานตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล
“ก็แค่อยากอยู่กับไหมนาน ๆ อย่ากังวลไปเลย
เอกพาไปส่งถึงบันไดเรือนแน่นอน”
“รีบขับให้เร็วกว่านี้เถอะ” ไหมแก้วขอร้อง
นอกจากจะไม่ทำตามแล้ว
เอกรัตน์ยังชะลอความเร็วมากกว่าเดิมแล้วจอดเลียบริมถนนติดชายป่า
สร้างความขุ่นเคืองให้คุณหมอสาวมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
“เอก!”
“ไหมคิดหรือว่าสิ่งที่ไหมพยายามทำอยู่จะเปลี่ยนใจเอกได้
งั้นเอกขอพูดให้ชัดเจนอีกครั้งว่า ไม่ว่ายังไงเอกก็รักไหมไม่เปลี่ยน
ทำไมไหมไม่ลืมเรื่องที่ผ่านมาแล้วให้เราได้เริ่มต้นกันใหม่
เอกรู้ว่าตอนนี้ไหมเองก็ยังไม่ลืมว่าเราเคยรักกันแค่ไหน”
ไหมแก้วแค่นหัวเราะ “ใช่ ไหมยังไม่ลืมว่าเราเคยรักกันแค่ไหน
และไหมก็ไม่ลืมเหมือนกันว่าเคยถูกเอกทำให้เจ็บช้ำมากแค่ไหน”
“ไหม...” เอกรัตน์ถอนหายใจแรง “เอกทำทุกอย่างให้เรากลับมาเหมือนเดิม
ทำทุกอย่างเพื่อให้ไหมยอมรับในตัวเอกอีกครั้ง ทั้งเรื่องลงแข่งเลือกตั้ง เอกก็ทำเพื่อไหม
เพื่อความฝันของเรา เพื่ออุดมการณ์ของเราที่เคยมีร่วมกัน
เอกยอมรับความพลาดพลั้งในอดีต แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเลยเถิดจน...”
“พาไหมกลับหมู่บ้านเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงสั่นเครือของเธอไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายอยากทำตาม
เอกรัตน์โน้มตัวเข้าไปใกล้ วาดแขนโอบรั้งร่างคุณหมอสาวเข้ามากอด
“อย่าทำแบบนี้อีกเลย...ไหม”
“พาไหมกลับหมู่บ้าน”
ไหมแก้วฝืนทำตัวแข็งไม่โอนอ่อนไปตามอ้อมแขน
และยืนยันคำพูดเดิมด้วยเสียงเข้มที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับเห็นเป็นความท้าทาย
ยิ่งได้กลิ่นหอมละมุนของเส้นผมที่เคยดอมดมก็ยิ่งโหยหาอยากชื่นชม
เอกรัตน์รู้ว่าท่าทีแข็งขืนของหญิงสาวเป็นเพียงการแสร้งทำเพื่อให้เธอดูเข้มแข็ง
ทว่าไหมแก้วผู้นี้อ่อนไหวราวกลีบดอกไม้ และรู้ว่ากลีบดอกไม้ดอกนี้หวานหอมเพียงใด
มือหนาจึงคว้าจับต้นคอบาง ฝืนบังคับให้ใบหน้างามหันมาประจันหน้า
ไม่ทันให้เธอได้ระวัง ปากร้อนก้มแนบประทับบนกลีบปากบาง ลิ้มรสความหวานอย่างเมามาย
ไหมแก้วทั้งผลักทั้งทุบ แต่ชายหนุ่มยื้อยุดข้อมือทั้งสองแล้วตรึงไว้แน่น
อีกทั้งเพิ่มแรงบดขยี้เรียวปากอยากกลืนกินหญิงสาวให้สิ้นความกระหายที่มีต่อเธอ
หยาดน้ำตาจึงเริ่มเอ่อล้นเบ้า ทั้งโมโหทั้งตกใจ รวมถึงเสียใจปนเปกัน
แม้ความรู้สึกในรสสัมผัสของจูบยังไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำ
แต่เธอไม่ต้องการย้อนกลับไปเดินซ้ำรอยทางแห่งความเจ็บปวด ทุกอย่างระหว่างเธอกับเขา
มันถึงจุดจบไปแล้ว
นับตั้งแต่นาทีที่ได้รู้ว่าในหัวใจของเขามีเงาของใครอีกคนสถิตอยู่
เสียงสะอื้นในลำคอทำให้หัวใจชายหนุ่มเจ็บแปลบ
เอกรัตน์จำใจข่มแรงปรารถนา ผละจากความหอมนุ่มของเรียวปาก
แล้วจับจ้องดวงตาคมที่มองตอบด้วยความเคืองขุ่น
“พาไหมกลับ”
น้ำเสียงแข็งกระด้างกระแทกหัวใจชายหนุ่ม เอกรัตน์กัดฟันถอยตัวออกมา
เธอโกรธจริง และเขาก็โกรธไม่ใช่น้อย
แต่ความอดกลั้นทางอารมณ์นั้นแตกต่างกันสิ้นเชิง
เอกรัตน์เลือกระบายด้วยการทุบกำปั้นลงบนพวงมาลัย ส่งผลให้เสียงแตรรถดังลั่นถนนสายชนบทไฟสลัวแสนเปลี่ยว
ทว่ารถกระบะของนักการเมืองหนุ่มยังไม่ไร้เพื่อนร่วมทาง เมื่อสายตาของเขาเหลือบเห็นแสงจ้าของไฟสะท้อนจากกระจกมองหลัง
แล้วพบว่ามันคือไฟหน้ารถสายตรวจที่วิ่งลาดตระเวนตรวจตราความปลอดภัย
แต่เขายังไม่อยากรับบริการด้วยใจจากนายตำรวจที่ลงจากรถแล้วเดินตรงมาหา
“สวัสดีครับ...เอ่อ คุณเอกรัตน์...คุณหมอไหมแก้ว”
นายตำรวจผู้นั้นมีสีหน้าประหลาดใจ แล้วรีบตะเบ๊ะทำความเคารพ หลังจากชายหนุ่มเลื่อนกระจกรถลง
“ไม่ทราบว่ารถเป็นอะไรหรือครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
นายตำรวจไถ่ถามด้วยความหวังดี
“ไม่มีอะไรครับคุณตำรวจ เราจอดรถคุยอะไรกันนิดหน่อย”
เอกรัตน์ยิ้มตอบทำให้ดูเป็นปกติ
“งั้นหรือครับ ถ้ายังไงก็ควรรีบกลับบ้านจะดีกว่า
ช่วงนี้ขโมยขโจรเยอะทีเดียว”
“จริงหรือครับ” น้ำเสียงของเอกรัตน์มีความประหลาดใจแบบไม่ปกปิด
“ขอบคุณมากครับหมวด ผมจะรีบออกรถเดี๋ยวนี้แหละ”
“ให้ผมขับตามไปส่งไหมครับ”
“ไม่ครับ ไม่เป็นไร ขอบคุณที่บอกข่าว ถ้าทางตำรวจมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้
ไม่ต้องเกรงใจ” บอกแล้วหมุนพวงมาลัย หันทิศรถมุ่งสู่หมู่บ้านช้าง
เอกรัตน์พาไหมแก้วมาส่งถึงตีนบันไดเรือนอย่างที่รับปากไว้จริง
เพียงแต่ช้ากว่ากำหนดไปมาก
ขนาดกระจกหน้ารถกระบะของผู้ใหญ่บ้านที่จอดใต้ต้นสักมีไอน้ำเกาะเพราะความชื้นเริ่มก่อตัว
เธอส่งชายหนุ่มด้วยสายตากระทั่งไฟท้ายสีแดงเร้นหายไปในถนนมืด เขาทิ้งความรู้สึกโกรธและเจ็บไว้บนเรียวปากอิ่ม
แต่เธอรู้ว่าความโกรธนี้จะคลายตัวลงจนหายไปด้วยเหตุผลที่เธอเองก็รู้ดีแก่ใจ
คุณหมอสาวหลับตาสูดลมหายใจเข้าสุดปอดแล้วสะบัดความคุกรุ่นในหัวให้ออกไป
ขึ้นเรือนไปหยิบกระเป๋าแพทย์
แล้วปลุกเจ้าแก่ให้ออกปฏิบัติการตรวจคนไข้แปลกหน้าผู้มาพร้อมกับความวุ่นวายใหม่ให้ชีวิตของเธอ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านผลงานค่ะ
ความคิดเห็น