คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๒ การมาของเจ้าหนุ่มกระทิง
บทที่ 2
การมาของเจ้าหนุ่มกระทิง
เปรี้ยง!
เสียงก้องกัมปนาทของสายฟ้าฟาดทำให้หญิงสาวผวาตื่น
เธอพรวดพราดลุกขึ้นนั่งหายใจหอบสั่น รีบกวาดตามองออกไปนอกมุ้ง
ก่อนประจักษ์แจ้งว่าเสียงดังลั่นสนั่นแผ่นดินนั้นเป็นเพียงความฝันที่แสนเสมือนจริง
มือบางยกขึ้นเช็ดเหงื่อที่ซึมไหลตามไรผม
แล้วลดมือลงแนบที่หน้าอกซ้าย หลับตาผ่อนลมหายใจช้า ๆ
เพื่อปรับระดับการเต้นของหัวใจที่ถูกกระตุ้นให้เต้นถี่รัวเพราะภาพฝันแสนสะพรึง
จนความตื่นกลัวทุเลาลงแล้ว จึงลืมตามองเข็มนาฬิกา ก็เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้องตื่นมาทำกิจวัตรประจำวัน
แต่เพราะไม่อาจหลับตาลงต่อ
ด้วยเกรงว่าจะกลับไปพบกับดวงตาถลนโปนน่ากลัวคู่นั้นในฝัน
จึงมุดออกจากมุ้งแล้วจุดตะเกียงให้ห้องนอนสี่เหลี่ยมเล็กของเรือนไม้ยกใต้ถุนสว่างพอ
ก่อนจัดเก็บที่นอนหมอนมุ้งเข้าที่ กางโต๊ะพับขนาดเล็ก
แล้วเปิดสมุดเล่มหนากับหยิบจับดินสอเพื่อทำงานที่คั่งค้างต่อ
เธอเติมเต็มหน้ากระดาษเปล่าด้วยรูปวาดพืชสมุนไพรเลียนแบบจากต้นฉบับจริงที่ชาวบ้านเก็บมาขาย
และเขียนคำอธิบายสรรพคุณทางการรักษาโรคไว้อย่างละเอียด
ตั้งใจใช้สมาธิทั้งหมดกับงานเพื่อดึงตัวเองให้หลุดพ้นจากความทรงจำในอดีต
กระทั่งได้ยินเสียงโซ่ตรวนช้างดังแกร๊งกร๊างจากด้านนอก
ไหมแก้วจึงรู้ว่าเช้าวันใหม่ของหมู่บ้านช้างได้เริ่มต้นขึ้นอีกวัน และก็ถึงเวลาที่เรือนคุณหมอแห่งนี้จะต้องเปิดให้การรักษาชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วย
แต่ไม่สามารถเดินทางไปหาหมอได้ถึงตัวจังหวัดเช่นกัน
ในทันทีที่เธอเปิดบานประตูเรือน
คนไข้หลายคนก็มานั่งต่อแถวรอบนขั้นบันไดกันแล้ว เหตุเพราะบางคนอยู่ไกล
จึงต้องเดินทางมาแต่เช้ามืดเพื่อรับการรักษา
ไหมแก้วเคยเสนอความคิดเรื่องโครงการแปลงเพาะพันธุ์สมุนไพรกินเองกับนายก
อบจ. (องค์การบริหารส่วนจังหวัด)
ท่านปัจจุบัน ทว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งเปลี่ยนสมัย
โครงการของเธอก็ถูกชะลอไว้ เพื่อรอให้รู้ว่าใครจะเข้ามารับตำแหน่งนายก อบจ. คนใหม่
ซึ่งคนที่ดูจะมีคะแนนเสียงไล่เลี่ยกันมากับคนปัจจุบันก็คือ เอกรัตน์
อดีตชายคนรักที่เธอยกเลิกความสัมพันธ์ก่อนเข้าพิธีวิวาห์ไม่กี่วัน
เหตุการณ์ช้ำรักในอดีตทำให้ไหมแก้วคิดได้ว่า
อย่าได้คาดหวังกับหัวใจคน
เธอจึงทุ่มเทเวลาไปกับงานดูแลรักษาผู้ป่วยและสะสมความรู้เพื่อบันทึกใส่ตำราสมุนไพรพื้นบ้าน
ฉะนั้นการที่มีคนไข้มารอตั้งแต่เช้าจดหัวค่ำจึงเป็นเรื่องน่ายินดี
“ทายาหลอดนี้หลังอาบน้ำทุกครั้งนะตา
แล้วก็ต่อไปนี้ หลังฉีดยาฆ่าแมลงเสร็จ ตาต้องอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดรู้ไหม ถ้าไม่ทำ
อาการแบบนี้ก็จะกลับมา พอถึงตอนนั้น ฉันคงต้องดุตาแน่นอน”
เสียงเข้มงวดขัดกับใบหน้าหวานของคุณหมอสาวแห่งหมู่บ้านช้าง
คงพอทำให้ชายชราที่เข้ามาขอรับการรักษาผื่นแพ้จากสารเคมีในยาฆ่าแมลงเข็ดขยาดไปได้บ้าง
แต่ไหมแก้วก็มิได้คาดว่าชายชราผู้นี้จะทำตามเธอได้อย่างที่กำชับ
เหตุเพราะชาวบ้านถิ่นนี้ยังไม่รู้จักการดูแลรักษาอนามัยของตัวเองเท่าที่ควร
หลังจากเสร็จสิ้นการงาน
คุณหมอสาวก็ปิดเรือนตอนคนไข้รายสุดท้ายกล่าวอำลา แต่แสงอาทิตย์ยังไม่ลับพ้นขอบฟ้า
ไหมแก้วจึงรีบคว้าย่ามผ้าใบแล้วขี่เจ้าแก่
มอเตอร์ไซค์คู่ใจเดินทางเข้าไปเก็บเถาย่านางในป่าไว้ต้มน้ำให้ชาวบ้านได้ทดลองดื่มแทนยาแผนปัจจุบัน
“อ้าว หมอไหม
จะไปไหนอีกล่ะนั่น” ผู้ใหญ่บ้านที่เพิ่งกลับจากติดต่อราชการในตัวเมืองจอดรถร้องถาม
“ฉันว่าจะออกไปเก็บสมุนไพรในป่าสักหน่อย
อยากได้เถาย่านางสักมัดสองมัด” ไหมแก้วตอบกลับ
“ใกล้มืดใกล้ค่ำก็อย่าออกไปไหนไกลนักเลยหมอไหม
พักนี้มันมีไอ้พวกนักเลงเพ่นพ่านเยอะ”
“ฉันจะระวังจ้ะ”
พูดแล้วก็รีบก้าวขาออกจากเรือน ลงบันไดไปสตาร์ตเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์คู่ชีพ
คำว่า ‘จะระวัง’ ของเธอทำให้ชายอาวุโสส่ายหน้า
ถ้าเป็นเรื่องของคนป่วยละก็ คุณหมอไหมแก้วคนนี้จะเข้มงวดนัก แต่ลองเป็นเรื่องของตัวเองละ
มักไม่คิดอะไรมากมายสักเท่าไร
แต่เธอก็ต้องระวังตัวตามคำเตือนด้วยเช่นกัน
เพราะในดินแดนตะวันตกนั้นเป็นถิ่นที่ผู้ร้ายชุกชุมเป็นทุนเดิม
และดูเหมือนจะหนักขึ้นหลังจากหมดอำนาจของนายพนา
ที่ฝากผลงานความเลวร้ายให้ผู้คนสาปแช่งไม่เว้นวัน
อย่างเช่นชาวบ้านหมู่บ้านช้างที่เดือดร้อนเพราะเรือนพักอาศัยถูกไฟเผาวอดวายเพียงแค่นายพนาต้องการชีวิตของธิดาคนเดียว
ดังนั้น ‘ชลธารคอนสตรักชัน’ จึงต้องการบรรเทากรรมที่ชาวบ้านกล่าวว่ามีต้นเหตุจากธิดา
นายรองประธานคนนั้นจึงได้เริ่มทำความรู้จักเธอด้วยการส่งแปลนเรือนมาให้พิจารณาก่อนดำเนินการ
แต่พอเธอดูแปลนแล้วก็ต้องรีบโทรศัพท์สายด่วนไปฝากข้อความให้เลขานุการของรองประธานว่า
ขอให้เขาเปลี่ยนแปลงแก้ไข แต่คำตอบที่ได้นั้นเป็นแค่คำพูดง่าย ๆ ว่าจะพิจารณา
ซึ่งเธอก็ประกาศชัดแล้วว่า ขอยืนกระต่ายขาเดียวจนกว่าเขาจะทำตามความต้องการของเธอก่อนหน้ามรสุมมาเยือน
ไหมแก้วคิดเรื่องในหัวพลางขับเจ้าแก่เข้าเขตหมู่บ้านชนเผ่า
แวะเด็ดช่อดอกราตรีสองสามช่อจากเรือนไม้ร้างหลังที่ปลูกอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน
จากนั้นขับไปจนถึงลานดินกว้างกลางป่าอันเป็นที่ตั้งอนุสรณ์สถานที่มีร่างไร้วิญญาณของหญิงชนเผ่าสองคนหลับใหลใต้ผืนปฐพี
ไหมแก้วแบ่งช่อดอกราตรีออกเป็นสองช่อ
ช่อหนึ่งวางใกล้ป้ายไม้สลักชื่อว่า นางลาโพ ทะหมุคู
ส่วนอีกช่อวางใกล้กับป้ายสลักชื่อว่า ดวงแข ทะหมุคู
จากนั้นก็นั่งคุกเข่าประนมมือไหว้ ก่อนลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าป่าเก็บใบย่านางต่อ
โครม!!!
แต่ในขณะที่ก้าวเดินไปตามทางมืดสลัวของป่ายามค่ำ
ขาก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีเสียงโครมครามดังสนั่นจนเหล่านกป่าตกใจกระพือปีกออกจากที่ซ่อนตัว
สวบ!!!
แล้วหัวใจของคุณหมอสาวก็แทบกระโจนออกจากอก
เมื่อมีบางอย่างโผล่พรวดออกจากพุ่มไม้
อี๊ด อี๊ด อี๊ด!
ด้วยรูปร่างและเสียงร้องของมันทำให้มั่นใจว่าน่าจะเป็นลูกหมูป่า
แต่พวกมันวิ่งหนีอะไรกันมา ทำให้ไหมแก้วนึกหวั่นใจ
แกรก แกรก แกรก!
เธอละความสนใจจากสัตว์ตัวน้อยกลับไปมองทางต้นเสียงประหลาด
คิ้วเรียวงามขมวดเข้าหากัน จับจ้องไปยังพงต้นไม้เบื้องหน้า
ตึก ตึก ตึก เคร้ง!
มือบางเคลื่อนย้ายล้วงหามีดพก
เตรียมพร้อมหากต้องใช้ในยามคับขัน เพราะฟังเสียงคล้ายโลหะกระทบกับผืนดินนั้นแล้วไม่น่าเกิดจากสัตว์ขนาดเล็ก
เธอยกมีดหันไปทางทิศของเสียง แล้วตั้งสติให้นิ่ง เฝ้ามองสิ่งที่กำลังเผยตัวออกมา
ฟึ่บ!!!
ฉับพลันนั้น
ร่างสูงใหญ่ของชายในชุดหนังสีดำก็ปรากฏกายออกจากพุ่มไม้หนา
ทั่วทั้งใบหน้าและตามเนื้อตามตัวเต็มไปด้วยดินโคลน ผมเผ้าสีดำสนิทยุ่งเหยิง
มีรอยเลือดซึมออกจากแผลถลอกที่ขมับ ดวงตาของเขาเลื่อนลอย
หายใจหอบจนหน้าอกกระเพื่อมชัดเจน
เพราะไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของอีกฝ่าย
แขนบางจึงกระตุกมีดขึ้นในระดับเดิมอีกครั้ง เมื่อเขาผู้นั้นก้าวขาเข้ามา
ทว่าดวงตาคมคู่นั้นอ่อนแสงแล้วทิ้งตัวล้มลงหน้าคว่ำไปต่อหน้าต่อตา
“คุณ...คุณคะ!”
ไหมแก้วรีบรุดเข้าไปพลิกร่างใหญ่ให้หงายแล้วตบแก้มเบาๆ
เรียกสติของชายหนุ่มแปลกหน้าตามจรรยาบรรณของแพทย์
แต่เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเพียงเสียงครางแสนเบา
เธอจึงปัดเส้นผมให้พ้นกรอบหน้า
สำรวจอาการบาดเจ็บก็เห็นรอยฟกช้ำกับแผลสดที่มีเลือดซึมเพียงเล็กน้อย
จึงรีบไปหยิบไฟฉายแล้วส่องหาอาการบาดเจ็บอื่นตามร่างกาย
จนเจอต้นเหตุที่ทำให้คนตัวใหญ่ล้มทั้งยืน
เขาเหยียบแร้วดักสัตว์!
เลือดสีแดงสดไหลอาบจากคมเขี้ยวของเครื่องทรมานชีวิตที่ฝังลึกลงตรงข้อเท้า
เสียงครางต่ำของผู้บาดเจ็บบอกให้เธอรู้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน
ใบหน้าซีดเผือดของเขาก็ทำให้ไหมแก้ววิตกกังวล เธอจึงยกแขนของชายหนุ่มขึ้นพาดกับบ่าตัวเอง
แล้วพยายามพยุงร่างใหญ่นั้นลุกขึ้น แต่ก็ไม่อาจต้านทานน้ำหนักตัวของเขาได้
จึงทำให้ทั้งเธอและเขาล้มครืนลงไปพร้อมกัน
ไหมแก้วดันร่างหมดสติของคนตัวใหญ่ที่ทาบทับบนตัวขึ้น
แล้วให้เขาเอนพิงกับตัวเองก่อนเพื่อตั้งหลักคิดหาหนทางใหม่ นึกได้ว่าสถานที่ตรงจุดนี้ห่างจากน้ำตกที่ควาญช้างพาช้างไปอาบน้ำไม่ไกล
แต่ในยามฟ้าพลบค่ำแบบนี้
ขอให้ยังเหลือควาญช้างอยู่สักคนช่วยหามเขากลับหมู่บ้าน
แล้วคำขอของเธออาจถึงหูเจ้าป่าเจ้าเขา
เพราะที่ปลายสายตานั้นมีแสงตะเกียงอีกดวงลอยเด่นในความมืด
“ช่วยด้วยค่ะ
ช่วยด้วย!”
เธอรีบตะโกนออกไป
เฝ้ารอจนเปลวไฟตะเกียงส่องสว่างเห็นใบหน้าของควาญช้างกับลูกช้างตัวอ้วนกลมเยื้องย่างเข้ามา
แล้วความวิตกทั้งหมดก็มลายหายไปสิ้น ไหมแก้วเป่าปากด้วยความโล่งใจ
เอ่ยบอกชายหนุ่มที่หมดสติไปแล้วด้วยความยินดี
“ดูเหมือนเจ้าป่าเจ้าเขาไม่อยากให้คุณเป็นอะไรไป”
“นอกจากผู้เสียชีวิตรายนั้นแล้ว ก็ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บคนอื่นครับสารวัตร”
อัชวินนิ่วหน้าฟังรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาถึงเรื่องเหตุปั่นป่วนที่เกิดในงานแสดงซูเปอร์ไบค์
จนส่งผลให้ภารกิจของเขาไม่สัมฤทธิผล แต่ที่ไม่มีผู้บาดเจ็บมากไปกว่านี้
ก็ต้องมอบความดีความชอบให้ระพีพัฒน์ที่รายงานข่าวได้ทันท่วงที
“ผู้ตายคือป๋อง
บุตรชายของหนึ่งในสมุนโจรที่เสียชีวิตตอนบุกค่ายโจร
และเราพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งในศพนายป๋อง
ซึ่งก็สอดคล้องกับแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลว่านายป๋องพัวพันการค้ายา”
ผู้ใต้บังคับบัญชายังคงรายงานต่อไป “แต่พอนายป๋องตาย
ก็เท่ากับเราเสียเส้นทางนำจับสมุนโจรที่เหลือ”
สารวัตรใหญ่พ่นลมหายใจก่อนหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง
“ยังเหลือเพลงพิณกับแม่โคโยตี้นั่นอีกคน”
“จากข้อมูลที่สายเราได้มา
ประวัติเพลงพิณใสสะอาด นอกจากการวิวาทกันตามประสาวัยรุ่น
ก็ไม่เคยถูกจับข้อหาอะไรครับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
“ถ้าสืบจากเพลงพิณไม่ได้
ก็สืบจากแม่เอื้อยนั่น” สารวัตรอัชวินยังไม่ถอดใจ “แต่ดูเหมือนว่าเราต้องเปลี่ยนแผน”
อัชวินเอ่ยกับลูกน้องหลังจากครุ่นคิดในหัว
รูปถ่ายใบหนึ่งถูกหยิบออกจากซองเอกสารลับ
ผู้ถูกถ่ายนั้นเป็นหญิงสาววัยรุ่นรูปร่างดี ใบหน้าสะสวยเพราะการแต่งแต้มสีสัน
บนร่างของเธอมีแขนอวบอูมของเสี่ยเกียงโอบล้อมข้ามบ่า
ดูอย่างไรก็คล้ายกับชายแก่ตัณหากลับที่คิดหาความสุขทางกามารมณ์กับเมียเด็ก
“เราจะให้แม่เอื้อยนี่มาเป็นสายให้เรา”
สารวัตรว่าพลางเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้ตัวใหญ่
“หล่อนเป็นบุตรสาวนายอำพันนะครับ”
ผู้ใต้บังคับบัญชาจ้องมองรูปถ่ายหญิงสาว ก่อนเงยหน้ามองรอยยิ้มของสารวัตรคนเก่ง
“เป็นลูกโจร แถมยังทำงานอย่างนั้น จะยอมให้ความร่วมมือกับเราหรือ”
อัชวินแย้มยิ้ม
ใช้สองมือประสานกันที่ปลายจมูก “เราจะไม่เข้าหาหล่อน แต่จะให้คนอื่นเข้าหาแทน”
“สารวัตรหมายถึง...”
“ระพีพัฒน์”
คำตอบนั้นมาจากความมั่นใจล้นเหลือ
อยู่ ๆ ตาขวาก็ขยิบยิบ ๆ หากจะเชื่อคำกล่าวโบร่ำโบราณว่าขวาร้ายซ้ายดี ก็เดี๋ยวจะหาว่าคนรุ่นใหม่อย่างเขางมงายอะไรไม่เข้าเรื่อง ยิ่งหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านายหนุ่มคือการวางแผนการลงทุน ฉะนั้นถ้าพูดว่าตาขวาขยิบแบบนี้ เห็นทีหุ้นของบริษัทที่เจ้านายของเขากำลังตัดสินใจซื้อคงไปไม่รอด อาจทำให้เขาถูกตำหนิจนลิดรอนตำเหน่งผู้ช่วยฝึกหัด
“กลาง เป็นอะไร
ทำไมเงียบไป”
“เอ่อ...คือ...ผมกำลังคิดว่าตอนนี้
ธุรกิจค้าปลีกน่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่ต้องรอดูนโยบายสนับสนุนการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในปีนี้ว่าจะอัดงบประมาณเท่าไหร่”
“ถ้าอย่างนั้น
เราควรชะลอการซื้อหุ้นตัวนี้ใช่ไหม” เจ้านายหนุ่มถามหาคำตอบสุดท้าย
“ใช่ครับ”
“ตกลงตามนั้น”
เมื่อได้ฟังคำตอบชัดเจน
ปราณนารายณ์จึงหมุนเก้าอี้หันไปทางเลขานุการคนเก่ง เพื่อบอกให้หล่อนส่งคำตัดสินใจต่อไปยังฝ่ายวางแผนการลงทุนที่ขึ้นชื่อว่าแกร่งที่สุดในประเทศ
ระพีพัฒน์ก็เป่าปากด้วยความโล่งใจที่หาเหตุผลหน่วงการตัดสินใจได้
“เย็นนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับธิดา
จะไปด้วยกันไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ
นาน ๆ พี่จะได้มีเวลากับธิดาสองต่อสอง ผมไม่กล้าไปนั่งเป็นก้างหรอก”
“ไม่ได้ไปกันแค่สองคน
ตฤณก็ไปด้วย มันเป็นร้านเบียร์เยอรมันที่ธิดาเขาอยากไปดูการตกแต่งร้าน
ไปกันหลายคนนั่นแหละดี ไม่งั้นก้องปฐพีมันจะหาว่าฉันพาน้องสาวของมันไปเมาเหล้าเมายา
ไปเถอะ ฉันเลี้ยงอยู่แล้ว”
“เอางั้นก็ได้ฮะ
เรื่องกินฟรีไม่มีเกี่ยง”
ระพีพัฒน์ยิ้มกว้างแล้วค้อมศีรษะขอตัว
แต่ยังดีใจไม่ทันได้ถึงนาทีเรื่องจะมีคนเลี้ยงเบียร์คืนนี้ เสียงสายเรียกเข้าที่ดังจากสมาร์ทโฟนก็ทำให้เขาย่นคิ้ว
ถอนหายใจเหนื่อยอ่อนหนึ่งที ก่อนกดปุ่มรับสายที่ไม่เคยคิดอยากได้ยินเสียง
“คิดถึงกันมั้ย”
เป็นคำทักทายแรกของปลายสายที่ดังเข้าหู
“ไม่เลย”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงละเหี่ย
“อะไรกัน
นี่ข้าคิดถึงเอ็งนะถึงได้โทร.มาหา” ปลายสายเอ่ยน้ำเสียงหยอกเย้าให้ดูน่าฟัง
ระพีพัฒน์กระตุกยิ้มที่มุมปาก
“จะหลอกใช้งานผมหรือเปล่าครับสารวัตร”
“ข้ามั่นใจว่างานนี้เอ็งต้องชอบ
ข้าจะส่งเนื้อหางานไปทางโทรศัพท์ ถ้าเอ็งรับก็ติดต่อกลับมาหาข้าอีกที”
ปลายสายหัวเราะ แล้วตัดสายทันที
“ก็หวังอย่างนั้น”
ระพีพัฒน์เปรยด้วยความหงุดหงิด
แต่ไม่ทันถึงนาทีดี เนื้อหางานก็เด้งเข้าสู่เครื่องรับโทรศัพท์
ปรากฏเป็นภาพหญิงสาวดวงตาหม่นเศร้า
“เธอชื่อเอื้อยนี่เอง” ปากหยักคลี่ยิ้ม เปรยชื่อของหญิงสาวในรูปถ่าย
แล้วกดหมายเลขของสารวัตรใหญ่โดยพลัน
ความคิดเห็น