คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อ่านตัวอย่าง
บทนำ
“ได้ใบประกอบโรคศิลปะตั้งแต่อายุสิบเจ็ด”
เสียงทุ้มห้าวนั้นดังลอดเรียวปากได้รูปสวยราวสตรี หากคิ้วเข้ม ใบหน้าคมคาย นัยน์ตาสีฟ้าครามฉายแววครึ้มใจ มากกว่าจะจริงจัง
“น่าสนใจ ว่ามั้ย”
ผู้ถูกถามเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งติดจะแบบบาง ผิวขาวจัดแบบชาวเหนือ เครื่องหน้าโดยรวมมองดู ‘เข้ม’ ไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นผม ตา คิ้ว ล้วนดำสนิทตัดสีผิว แม้โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงยังส่งเพลงสากลผ่านหูฟังเข้าสู่โสตประสาทโดยตรง หากเขาก็เหลือบมองคนถามที่เปิดประตูคอกโคนมตรงมาหาอย่างสนใจ
“เก่งครับแต่ท่าจะคุมยาก”
คำตอบที่ได้รับส่งผลให้กวินท์หัวเราะชอบใจ
“ถูกของคุณ” ว่าพลางม้วนใบสมัครเคาะหลัง ‘แม่รจนา’ โคนมตรงหน้าอย่างแอบหมั่นไส้ ก่อนกอดอกพิงเสาคอก มองลูกน้องคนสนิทส่งฝักจามจุรีแก่สีดำให้เจ้าตัวโปรดกินเรื่อยๆ “รักเข้าไป วัวน่ะ เพิ่งรู้ว่าคิวซีที่นี่มีหน้าที่ป้อนขนมวัว!”
คนโดนเหน็บหัวเราะเสียงใส
“นอกเวลางานน่า เจ้านาย”
“แล้วจะรับมั้ยครับนาย เด็กอัจฉริยะน่ะ” ปกรณ์ถาม พลางพยายามดึงชายเสื้อยืดที่ถูกวัวตัวโปรดใช้ลิ้นรวบไปเคี้ยวเล่น ก่อนเดินมาหาเจ้านายที่กลับไปก้มหน้าก้มตาพิจารณาใบสมัครยับย่นในมืออยู่เป็นนานสองนาน
“ก็ว่าจะไม่...ฉลาดเกินไปกลัวมีปัญหา” ตอบปฏิเสธทั้งที่สีหน้าคิดหนัก “แต่ข้อมูลสุดท้ายน่าสน”
คิวซีหนุ่มเช็ดมือง่ายๆ กับกางเกงยีนสีซีด แล้วรับใบสมัครนั้นมาอ่านบ้าง หากเพียงไม่นานคิ้วหนาก็เลิกขึ้นอย่างแปลกใจ หันมองหน้าเจ้านายสลับกับใบสมัครในมือ
“ทำไม”
“เอ่อ...” ถ้อยคำอึกอักของปกรณ์ทำให้กวินท์เริ่มตวัดสายตามองอย่างคาดคั้น
“มีอะไร” เสียงเริ่มเข้มขึ้นตามวิสัยคนขี้โวยวาย
“คือ หาที่นายว่าไม่เจอครับ” จับใบสมัครพลิกซ้ายขวาก็แล้ว ยกขึ้นส่องแดดก็แล้ว ทั้งยังทำท่าจะยกไฟแช็คขึ้นจุดจนกวินท์โวยลั่น แย่งใบสมัครคืนฉับ
“จะทำอะไรของคุณ!”
“ก็คิดว่ามันเป็นตัวอักษรล่องหน ต้องใช้ไฟลน” เขาบอกหน้าตาย “ผมเคยอ่านเจอในการ์ตูน”
เจ้านายหนุ่มมุ่นคิ้วกับคำตอบ หากเพียงไม่นานก็หัวเราะชอบใจ
ด้วยทางฟาร์มกำลังขยายกิจการและเปิดรับสมัครบุคลากรจำนวนมาก กวินท์จึงเคร่งเครียดกับการคัดคนคุณภาพจนเหล่าพนักงานเข้าหน้ากันไม่ติดนัก แม้จะทราบกันเป็นอย่างดีว่าถึง ‘นายใหญ่’ จะขี้โวยวาย ดุไปบ้าง งี่เง่าไปนิด หากเวลาอารมณ์ดี หนุ่มลูกครึ่งอเมริกันสัญชาติไทยคนนี้ก็เป็นเพียงหนุ่มเซอร์ธรรมดาที่รักธรรมชาติรักต้นไม้ใบหญ้าเป็นชีวิตจิตใจ
‘กระดาษต้องใช้ให้ได้สามหน้า! ออฟฟิศจะติดแอร์ฯ ไปทำไม ผมให้ออกแบบจนรับลมได้ทุกด้านขนาดนี้แล้ว เปิดหน้าต่างสิ อากาศที่นี่บริสุทธิ์จะตาย’
เวลานี้อาจมีเพียงปกรณ์ ลูกน้องคนสนิทที่กล้าเข้าใกล้ ถึงแม้ว่าวัยจะห่างกันเกือบสิบปี แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะถูกคอเพราะคุยภาษาเดียวกัน แม้บางครั้งปกรณ์จะออกนอกลู่นอกทางชอบคุยกับวัวมากกว่าคนไปบ้าง แต่ใครจะสน
อย่างมากก็แค่งงนิดหน่อย แต่เห็นบ่อยก็ชินเอง
“ข้อมูลอยู่หน้าสอง” ว่าพลางส่งแผ่นกระดาษยับยู่ยี่ให้ลูกน้องคนสนิทอีกหน “แต่รู้สึกคุ้นหน้าเด็กนี่ยังไงไม่รู้” ปลายนิ้วหนาจิ้มรูปถ่ายสีสองนิ้วที่ติดมุมขวาบนใบสมัครของ ‘สพญ.ปณาลี ตรีทิพย์นิภา’ อย่างสงสัย หากปกรณ์ไม่ใส่ใจ เขาพลิกใบสมัครไปที่หน้าสอง ก่อนอ่านถ้อยความ ‘น่าสน’ ออกมาเสียงดังฟังชัด
‘ดิฉันรักต้นไม้...ต่อให้สัตวแพทย์เก่งแค่ไหนก็รักษาชีวิตสัตว์ไว้ได้แค่ไม่เท่าไหร่ แต่การรักษาป่าให้ได้สักป่า จะสามารถต่อลมหายใจให้พวกเขาได้นับแสน นับล้าน’
ที่แท้ก็น่าสนเพราะเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์...
ปกรณ์เลิกคิ้ว ขณะส่งใบสมัครคืนให้ นัยน์ตาไม่แสดงอารมณ์ใดยามเอ่ยถาม
“แล้วจะรับมั้ยครับ นาย?”
“คุณ
ลูกน้องหนุ่มไหวไหล่ “ไม่ทราบสิครับ เรื่องนี้อยู่นอกเหนือสายงานผม”
พูดจบก็หันไปหาเจ้าวัวตัวแสบที่ตามมาดึงชายเสื้อไปเคี้ยวอีกหน เพื่องัดปากใหญ่นั้นให้คายจากปลายเสื้อยืดที่บัดนี้เหนียวหนืดด้วยน้ำลาย
“เด็กอัจฉริยะ...”
ปกรณ์หันมองเจ้านายหนุ่ม เขาม้วนใบสมัครตีกับฝ่ามือ แววตามุ่งมั่นราวปรารถนาจะเอาชนะ!
“คุมยากแค่ไหน จะได้รู้กัน”
๑
ปโยชนม์ฟาร์มตั้งอยู่ในพื้นที่โล่งนับหมื่นไร่ติดถนนสายหลักและภูเขาของภาคเหนือ หากมองจากท้องถนนจะเห็นแผ่นดินสีเขียวสูงต่ำไล่ระดับไปตามทาง ที่โค้งประตูทางเข้าติดป้ายชื่อฟาร์มขนาดใหญ่เหนือศีรษะ ขนาบข้างด้วยอาคารไม้ชั้นเดียวสองหลัง และต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นประปรายตามธรรมชาติ
อาคารทั้งสองถูกออกแบบอย่างทันสมัย ทาสีเทา แต่แอบเก๋ด้วยสีน้ำเงินเข้มตามขอบประตูและหน้าต่าง แลโปร่งโล่ง ลมพัดผ่านสบาย และเป็นสัดส่วนลงตัวยิ่ง ฝั่งซ้ายคือสำนักงานขาย คนพื้นที่ต่างรู้ว่าต้องมาเวลาใดจึงจะได้นมสดพาสเจอไรซ์หอมกรุ่นกลับบ้านด้วยราคาย่อมเยา
ฝั่งขวาคือออฟฟิศนอก และขณะนี้นายใหญ่กำลังนั่งหน้าเครียดกับการสัมภาษณ์ผู้สมัครงานหลายตำแหน่ง
“คราวนี้รับคนเยอะ คงเพราะโปรเจคท์ใหม่” ดาริกา เลขาสาวใหญ่ยิ้มขณะเอ่ยบอกชายหนุ่มหน้าตี๋ที่นั่งรอการสัมภาษณ์อยู่ด้านนอกรวมกับผู้สมัครงานคนอื่น
“ถึงคิวคุณ
อาจเพราะวันนี้อากาศร้อน ลมพัดเบา หรือแม่บ้านทำอาหารเช้าไม่ถูกปาก นายใหญ่แห่งปโยชนม์ฟาร์มจึงหงุดหงิดนัก
ปึง!
เสียงเอกสารฟาดลงบนโต๊ะ
“แค่ชื่อฟาร์มยังอ่านผิด คุณกลับไปเรียนอนุบาลมาใหม่ดีกว่า!” เสียงนั้นดังก้องได้ยินทั่ว ทำเอาผู้รอสัมภาษณ์ด้านนอกรีบหยิบรายละเอียดการรับสมัครมาอ่านชื่อฟาร์มโดยพร้อมเพรียงกัน
อาจยกเว้นเพียงสาวน้อยหน้าใสที่ดูอย่างไรก็เป็นบัณฑิตเพิ่งจบใหม่ เธอไม่สนใจเปิดเอกสารใดๆ นอกจากเหลียวมองซ้ายขวาราวกับจะหาใครสักคน และเมื่อคนถูกไล่ให้กลับไปเรียนชั้นอนุบาลเดินคอตกออกมาจากโต๊ะนายใหญ่ เธอก็ถูกเรียกเข้าไปพอดี ยังไม่ทันไหว้ทักทายเสร็จเรียบร้อย กระดาษโน้ตแผ่นยับที่เขียนไว้ว่า ‘ปโยชนม์’ ก็เลื่อนมาตรงหน้า
“อ่านให้ผมฟังหน่อย”
“ป-โย-ชน ค่ะ”
เสียงใสติดจะห้าวเอ่ยออกมาฉะฉาน เธอเป็นหญิงสาวหน้าสวย ตาเรียวตวัดขึ้นเล็กน้อยฉายแววดื้อรั้นเอาแต่ใจ ผมหน้าม้าปรกคิ้วซอยสไลด์เก๋ไก๋ย้อมสีชาเข้มปนน้ำตาล คิ้วสีอ่อน ปากบางออกแดงตามธรรมชาติ ผิวขาวจัดราวหลุดออกมาจากขั้วโลกเหนือ
“ดี!” กวินท์ยิ้ม แววตาจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจ ก่อนละสายตามามองรายละเอียดการสมัคร ชื่อสายป่าน...เพิ่งเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองปีนี้ สมัครงานตำแหน่งคิวซี ดูมั่นใจในตัวเองดีแต่ท่าทางไม่อวดฉลาด...ผ่าน! “ติดต่อเลขาผม แล้วพรุ่งนี้มาทำงานได้” ว่าพลางก้มหน้าเปิดแฟ้มประวัติผู้เข้ารับการสัมภาษณ์คนต่อไป ทำเอาสาวน้อยหน้าใสถึงกับเหวอ
เธอเอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนลุกเดินฉับออกมา แต่ก็ยังกังขาไม่หาย
แค่อ่านชื่อฟาร์มถูกก็ได้งานทำ ง่ายเกินไปหน่อยไหม
“สงสัยเมื่อเช้า พายุนากรีสจะเข้า” คุณเลขากระซิบ พลางเหลือบมองเข้าไปยังห้องทำงานเจ้านาย ที่แม้เรียก ‘ห้อง’ แต่ก็มีเพียงฉากโปร่งกางกั้นตามคอนเซปท์ ‘ไม่เปิดแอร์ก็เย็นได้ มีห้องมากให้อบอ้าวทำไม’
“ไม่รู้โมโหอะไรเหมือนกันน้อง เนี่ย...เมื่อเช้าก็เดินเข้าเดินออก แอบมองคนมาสัมภาษณ์อยู่นั่น แล้วจู่ๆ ก็งานเข้าอย่างที่เห็นนี่แหละ”
“เรื่องง่ายๆ แค่ Exotic animal* คืออะไร คุณก็ไม่รู้เรอะ! จบสัตวบาลมาได้ยังไง” เสียงห้าวตะโกนก้องออกมาจาก ‘ห้อง’ อีกครั้ง...
คราวนี้ผู้รอสัมภาษณ์ด้านนอกหยิบหนังสือตำราเท่าที่ติดมือมาอ่านกันให้วุ่น
[*Exotic animal ศัพท์เฉพาะในวงการสัตวแพทย์ คือสัตว์พิเศษ หมายถึงสัตว์อื่นๆ ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงทั่วไปหรือปศุสัตว์]
สายป่านหันมองเข้าไปในห้อง เห็นคนให้สัมภาษณ์นั่งก้มหน้า ไหล่ตก ก็อดค่อนขอดอยู่ในใจไม่ได้ นายใหญ่ของที่นี่ท่าจะประสาท ศัพท์เฉพาะในวงการสัตวแพทย์จะให้สัตวบาลจบใหม่รู้จักทุกคนมันใช่เรื่องซะที่ไหน? หญิงสาวเบ้ปากนิดๆ ก่อนอดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองไปหน้าฟาร์ม ด้วยเพื่อนที่มาสมัครงานด้วยกันไม่ทราบว่าหายไปไหนตั้งแต่เช้าตรู่
...แล้วจะให้เพื่อนทำยังไงต่อละคะเนี่ย คุณปณาลี!
“คนต่อไป!” เสียงทุ้มดังหงุดหงิด หลังจากสวดส่งสัตวบาลดวงซวยจนเดินคอตกกลับไปอีกราย
สายป่านหันไปคุยกับคุณดาริกาฉะฉาน และสังเกตว่านอกจากหล่อนแล้ว ผู้มาเข้ารับการสัมภาษณ์ล้วนถูกจิก ถูกด่า จนหน้าม้านกลับออกมาทั้งนั้น ผู้หญิงบางคนถึงกับน้ำตาตก อีกทั้งคำถามที่คัดมา ล้วนบ่งบอกถึงสติปัญญาและความรอบรู้เจนจัดในวงการธุรกิจและสายงานด้านสัตวศาสตร์เป็นอย่างดี
ข่าวว่าจบโททางบริหาร แต่กลับรอบรู้สายงานสารพัด แถมรู้ลึกรู้จริงจนคนจบปริญญาตรีเกียรตินิยมสายสัตวบาลอย่างตาคนนั้นที่คุยฟุ้งกับเธอเมื่อครู่ ยังถึงกับอึ้ง
...ตาพายุนี่ ร้ายไม่ใช่เล่น!
“เดี๋ยวคุณไปกับผม พรุ่งนี้จะได้เข้าออฟฟิศถูก”
หญิงสาวเกือบสะดุ้ง เมื่อคิดเพลินจนไม่รู้ว่าคนถูกนินทาในใจเดินออกมาจากห้อง พลางพับแขนเสื้อง่ายๆ ท่าทางทะมัดทะแมง
“ค่ะ” เธอตอบสั้น หากเปี่ยมความมั่นใจ
“คุณ
...บทจะแรงก็แรงไม่เกรงใคร บทจะอารมณ์ดีก็ท่าจะดีใจหาย แต่ดูคนใน ‘ออฟฟิศนอก’ นี่จะเคยชินกับอารมณ์แบบนี้กันแล้ว
ร่างสูงใหญ่ก้าวเดินนำร่างเล็กบอบบางออกมาจากประตูออฟฟิศที่ออกแบบเก๋ไก๋ กินความกว้างกว่าครึ่งของตัวสำนักงาน ดูมีสไตล์ หากแท้จริงก็แค่เพราะนโยบาย ‘ไม่เปิดแอร์ก็เย็นได้ฯ’ ของนายใหญ่แห่งปโยชนม์
สายตาคมกริบกวาดมองลูกน้องสาวคนใหม่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอสวมชุดแส็คคอปกเข้ารูปแบบเรียบ สีขาวของชุดราวกับจะกลืนไปกับสีผิว แอบเก๋ด้วยเข็มขัดเส้นเล็กที่ดูจะเลือกแบบเรียบร้อยที่สุดท่าที่ตนมี ใบหน้าขาวเริ่มซับสีเพราะแรงแดด
สายป่านยืนเก้ๆ กังๆ สีหน้าแสดงให้เห็นว่าชัดว่าชักหงุดหงิดเพราะร้อนจัด เธอหยุดยืนใต้ป้ายไม้ใหญ่มองผ่านเข้าไปด้านในที่เป็นถนนลาดยางไกลลิบ ขนาบข้างด้วยรั้วไม้สีขาวตัดกับสีเขียวของทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา เมื่อกวินท์เป่านิ้วเป็นสัญญาณหวีดดัง ไม่นานนักม้าพันธุ์ดีรูปร่างพ่วงพีที่กำลังเล็มหญ้าก็กระโดดข้ามรั้ววิ่งเหยาะๆ มาหยุดตรงหน้าคนทั้งสอง
“เราจะขี่ม้าเข้าไป” เขาบอก พลางมองหญิงสาวศีรษะจรดปลายเท้าอีกหน “คุณสะดวกมั้ย?”
สายป่านมองม้า สลับกับรถปิกอัพราคาแพงลิบหลายคันที่หน้าออฟฟิศ
“นั่นไม่ใช่ของผม” เขาไหวไหล่ “พวกนี้เป็นรถส่วนกลางเอาไว้ใช้ยามจำเป็น คุณจะสร้างมลพิษเพิ่มให้โลกไปทำไม ถ้าเจ้านี่พาคุณเข้าออฟฟิศในได้?”
“แต่ฉันขี่ม้าไม่เป็น”
“ผมขี่เอง คุณนั่ง”
“แต่ฉันใส่กระโปรง ไม่ถนัด”
“เปลี่ยนสิ ไปขอเปลี่ยนชุดกับคุณดาก็ได้ บอกว่าผมสั่ง”
หญิงสาวเลิกคิ้ว พ่นลมหายใจ หากไม่ต่อปากต่อความ เธอหมุนตัวเดินกลับเข้าไปหาคุณเลขาด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วไม่ต่างจากยามเดินออกมา
กวินท์ขยับยิ้มมุมปาก ไม่รู้เป็นอะไรถึงถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้นัก อาจเพราะบุคลิกมาดมั่น แววตาแน่วแน่ คิดอะไรก็ออกมาทางสีหน้าหมด ดูจริงใจไม่ปิดบัง แต่ก็ท่าทางพยศไม่เบา หากสาวเจ้าเห็นปกรณ์คุยกับวัวครั้งแรกคงเหวอ...
น่าสนุกดีพิลึก!
หมวกปีกกว้างที่คุณเลขาดาริกาแถมให้ช่วยบังไอแดดยามสายได้เป็นอย่างดี นายใหญ่บังคับม้าย่างเหยาะไปเบื้องหน้าด้วยท่วงท่าสบายๆ บทจะใจเย็นก็ผิดกับคราวพายุเข้าเมื่อเช้าลิบ
สายป่านนั่งซ้อนหลัง มือหนึ่งเกาะชายเสื้อเชิ้ตของเจ้านายคนใหม่ยึดไว้กันตก อีกมือจับปีกหมวกพลางหันมองธรรมชาติโดยรอบอย่างตื่นตา สวยอย่างนี้นี่เล่า...ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติจึงไปได้สวยขนาดที่ต้องจองล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ เห็นว่ากำลังขยับขยายพัฒนาเพิ่มฟาร์มช้างเข้ามาเป็นไคลแมกซ์รูปแบบใหม่ โดยนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตและธรรมชาติของช้างโดยแท้ ไร้การปรุงแต่งใดๆ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองผืนฟ้าสีคราม ดูใหญ่กว้างที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น ‘ฟ้า’ มาตลอดทั้งชีวิต!
วันนี้ฟ้าใส อากาศโปร่งสบาย หากปกรณ์กลับรู้สึกหวิวๆ ในใจอย่างไรชอบกล
“เป็นพวกคุณนี่โชคดีจริง ได้อยู่คอกสะอาดเอี่ยมเพราะคิวซีที่นี่ขยันทำงาน” ย่อตัวลงหน้าโคนมที่กำลังเล็มหญ้าแห้งในรางพลางทำหน้าเคลิ้มฝัน ยิ่งคุยยิ่งดูจะพล่ามจนคนงานวัยกลางคนอดตะโกนแซวไม่ได้
“คอกสะอาดเพราะพวกผมเก็บกวาดหรอกครับ”
“ช่าย กลัวคุณกรีดนิ้วที่พื้นคอกทำท่าเหมือนเป็นแม่สามีวัวเหมือนตอนเข้างานมาใหม่ๆ อีก” พอมีคนช่วยเสริม เสียงฮาจากเหล่าคนงานก็ดังครืน
ปกรณ์หัวเราะชอบใจ
“โธ่ ก็ตอนนั้นผมยังไฟแรง” สีหน้านั้นดูสำนึกผิด หากเพียงไม่นานก็หันไปป้อนหญ้าโคแสนรัก พูดจาอี๋อ๋อตามประสา ปล่อยให้เหล่าคนงานส่ายหน้าแต่ก็ยิ้มไปด้วยอย่างเอ็นดู
สายป่านเดินกึ่งวิ่งตามนายใหญ่มาคอกแม่วัวตั้งท้องที่อยู่ไม่ไกลนัก หลังจากเข้าออฟฟิศในแล้วคิวซีสาวคนหนึ่งรีบบอกก่อนว่า ‘คิวซีพี่เลี้ยง’ ของเธอ ‘แวบ’ ออกไปคอกแม่วัว
“พี่เลี้ยงคุณนิสัยประหลาดหน่อย แต่ผมรับรองว่าไม่มีพิษภัย” นายใหญ่บอกเสียงใส หากสายป่านก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอพลิกข้อมือมองหน้าปัดนาฬิกา...ยังไม่เที่ยง แต่คิวซีคนนั้นกลับทิ้งงานในออฟฟิศออกไปข้างนอก ไหง ‘นายพายุ’ ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธ
หรือจะออกไปตรวจงานตามปรกติ
“ถ้าคุณคลอดเมื่อไหร่ให้ผมเป็นคนตั้งชื่อนะ โอเค้?”
‘มอ...’ คือเสียงของโคเพศเมียเกรดเอของฟาร์ม ขวัญใจอันดับหนึ่งของปกรณ์ ‘แม่รจนา’ ละปากจากหญ้าแห้งร้องออกมาด้วยอารมณ์ใดไม่มีใครทราบ หากคิวซีหนุ่มกลับทำตาโตรับ
“โห ตอนนี้เลยไม่ได้หรอก ยังไม่พร้อม ให้กลับไปนอนคิดซักคืนสองคืนก่อนสิ”
“เข้าตำราช้าๆ ได้พร้าจามหัวใช่มั้ย?” เสียงห้าวคุ้นหูแซวดังจากด้านหลัง ทำเอาคนยังอยู่ในเวลางานรีบลุกพรึ่บ ส่วนคนเพิ่งเดินเข้ามากระแอมเบาๆ เก๊กหน้าเข้ม ก่อนยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก ทำท่าครุ่นคิด
“คอกสะอาด ได้มาตรฐาน ทำดีมากเลยลุงชัย” ปกรณ์ไม่พูดเปล่า ยังตบบ่าเพื่อนร่วมงานสูงวัยกว่าอย่างชื่นชม ทั้งที่แผนกของตนไม่ได้รับผิดชอบเรื่องนี้ “อ้าว นาย มาเมื่อไหร่ครับ?”
แถมยังทำหน้าซื่อตาใส หันไปถามกวินท์ราวไม่ได้ยินเสียงทักเมื่อครู่เสียอย่างนั้น
“พาคิวซีคนใหม่มาให้ดูหน้า” เจ้านายหนุ่มตอบกลั้วหัวเราะ พลางหันไปหาหญิงสาวร่างระหงที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านหลัง สายป่านเบิกตาโต สีหน้าตื่นตะลึงสุดชีวิตจนกวินท์ยิ้มกว้าง
ว่าแล้วไง...ถ้ามาเห็นปกรณ์กำลังคุยกับวัวต้องมีอาการแบบนี้ คิดไว้ไม่ผิด!
“นี่คุณเป้ คิวซีพี่เลี้ยงที่จะสอนงานคุณ ส่วนนี่...คุณชื่ออะไรนะ ขอโทษที ผมยังไม่ทันจำ” ประโยคหลังนั้นหันไปถามลูกน้องสาวคนใหม่ หากยังไม่ทันได้รับคำตอบ ปกรณ์ก็ตะโกนก้อง ยกมือขึ้นชี้หน้าหญิงสาว หน้าซีดราวเห็นผี!
“ป่าน!”
สายป่านยิ้มเหี้ยมรับ
“พี่เป้!” เสียงนั้นแหลมปรี๊ดด้วยระงับอารมณ์ไม่ทัน กระทั่ง ‘นายพายุ’ ยังเป็นอันต้องอึ้งงัน เพราะปกรณ์กระโดดหลบเข้าไปในคอกแม่โค ตามด้วยหญิงสาวร่างบางอ้อนแอ้นที่ไม่น่าจะคล่องแคล่วขนาดกระโดดแผล็วตามชายหนุ่มไปได้ติดๆ เสียงโวยวายดังลั่น โหยหวน จนเหล่าคนงานหยุดมือจากทุกงานที่ทำ หันมาเชียร์ ‘คุณเป้’ ให้หนีรอดแทน
มือเรียวคว้าคอเสื้อด้านหลังชายหนุ่มไว้ได้ ร่างสูงโปร่งหมดหนทางหนี
ปกรณ์เหงื่อตก ค่อยๆ หันกลับไปยิ้มแหยให้สาวน้อยอ่อนวัยกว่า ก่อนรีบฉวยสายสมอลล์ทอล์คเสียบเข้าหู สีหน้ายอมรับชะตากรรม
“ไอ่ปี้ผีบ้า! อยู่ดีๆ ก่อออกบ้านบ่ะบอกไผ๋ แม่เกือบไปแจ้งความอยู่แล้ว ถ้าบ่ะติดว่าอ้ายเป็นลูกจายน่ะ ฮู้ก่อ! ถึงจะกึ๊ดว่าเอาตั๋วรอดได๊ บ่ะโดนไผฉุดไปข่มขืน แต่ป่านก่อกึ๊ดว่าอ้ายหนีตวยงัวไปแห๋มซ้ำ ล่ะอะหยั๋งหยั่งได มีก๋านมีงานย่ะ เอาก้าจ๊ะจ๋ากับงัวอยู่ฮั๊นนะ 'ย่ะก๋านหื้อกุ้มก้าซะตาง' น่ะ เกยได๊ยินก่อ! "
(ไอ้พี่บ้า! จู่ๆ ก็ออกจากบ้านไม่บอกใคร แม่เกือบไปแจ้งความอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าพี่เป็นลูกชายน่ะ รู้มั้ย! ถึงคิดว่าเอาตัวรอดได้ ไม่โดนใครฉุดไปข่มขืน แต่ป่านก็คิดว่าพี่หนีตามวัวไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วนี่อะไร มีงานมีการทำไมไม่ทำ เอาแต่จ๊ะจ๋ากับวัวอยู่ได้ ‘ทำงานให้คุ้มค่าเงิน’ น่ะ เคยได้ยินมั้ย!)”
เสียงปรบมือและเสียงเฮของคนงานดังลั่น
สายป่านอ้าปากเหวอค้าง กระพริบตาปริบๆ เมื่อสติสัมปชัญญะหวนกลับโดยสมบูรณ์ มือบางละจากคอเสื้อปกรณ์ไปกอดอก หอบหายใจแรงด้วยพยายามระงับอารมณ์เต็มกำลัง
“ขอโทษ” ชายหนุ่มก้มหน้าหงอย
สายป่านส่งสายตาจิกกัด ค้อนขวับอย่างเคืองใจ ก่อนหันหลังก้าวเดินฉับไปยังประตูคอก แต่แกะเชือกไม่ออกด้วยไม่คุ้นชิน
“พี่แกะให้” ร่างสูงยืนซ้อนทางด้านหลัง ก่อนปลดเชือกออกให้อย่างง่ายแสนง่าย เมื่อหญิงสาวหันกลับไปเห็นพี่ชายยิ้มแหยก็อดหมั่นไส้ไม่ไหว ได้ถองข้อศอกแถมไปอีกดอกก่อนก้าวฉับออกมายืนเท้าสะเอวหน้าคอก
“จะโทร. ไปฟ้องพ่อ พี่เสร็จแน่” ไม่ว่าเปล่า ยังล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ทำเอาคนตัวสูงทำตาโต ก่อนรีบก้าวยาวตามมาฉวยโทรศัพท์แย่งไปจากมือ แล้วรีบยกมือพนมเหนือหัวหลับตาปี๋ เพราะหญิงสาวกำหมัดยกสูง แยกเขี้ยว ตั้งท่าจะวีนก๊อกสอง
“ขอเถอะคุณน้อง อย่าเพิ่งฆ่า คุยกันก่อนนะคร้าบ...”
สายป่านค่อยลดมือลง หุบปาก จะหัวเราะขำก็กลัวเสียฟอร์มจึงแสร้งทำหน้าบูดใส่
“ถ้าเหตุผลไม่ดี” เธอทำท่าปาดคอตัวเอง
“พี่จะได้ตายสมใจ!”
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก
| ||
ISBN : 9789749935972 | ||
| ||
สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์อรุณ | ||
ประเภท : นวนิยาย | ||
เรื่องลุ้นของสองคู่รัก ระหว่างสาวหน้านิ่งกับหนุ่มจอมวีน และผู้หญิงขี้งอนกับผู้ชายขี้แกล้ง | ||
จาก ความตั้งใจแรกที่สัตวแพทย์หญิงปณาลี หรือที่ใครๆ ให้สมญาว่า “คุณหมอน้ำแข็ง” เพียงต้องการเอาชนะเจ้านายอารมณ์แปรปรวนอย่างกวินท์ หรือ “กะวีน” ของบรรดาลูกจ้าง การณ์กลับกลายเป็นว่าความอยากเอาชนะคะคานดันแปรเปลี่ยนเป็นความรักเสียนี่ แต่แทนที่จะลงเอยกันอย่างราบรื่น “ความลับ” ที่ปณาลีเก็บไว้ก็กลายเป็นอุปสรรค...ราวเส้นขอบฟ้าที่คั่นระหว่างผืนฟ้าและ ผืนน้ำให้แยกออกจากกัน มิวายที่สองเพื่อนรักอย่างปกรณ์และสายป่านต้องลุ้นจนตัวโก่ง! |
.
.
.
ฝากนิยายเรื่องที่สองของมารีอาด้วยนะคะ ^ ^
ความคิดเห็น