NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dragon story (fic game of thrones)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3:เริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 66




                               ตอนที่3:เริ่มต้น


         เวลาได้ล่วงเลยได้หลายปี ณ มหานครคิงส์แลนดิ้ง มือขวาของกษัตริย์ จอน แอรินได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ทำให้มีจดหมายไปถึงแดนเหนืออย่าง วินเทอร์เฟล 


     

         การมาของกษัตริย์ทำให้ทุกคนต่างวุ่นวายเตรียมตัวต้อนรับ  เมื่อขบวนของกษัตริย์โรเบิร์ต บาราเธียน แบรนดอน สตาร์คได้ลงจากหลังคาแล้วไปบอกแม่ของเขา


     

         เมื่อแม่ของแบรนดอนเห็นเขากำลังปีนกำแพง นางก็เรียกเขาด้วยเสียงเข้ม


     

         “แบรนดอน!!”


     

         “ข้าเห็นกษัตริย์แล้ว! ยกขบวนมาเป็นร้อยๆเลย”แบรนดอนไม่ได้เห็นสีหน้าของมารดาเขาพูดอย่างตื่นเต้น


     

          “แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าปีนเล่นน่ะ”แบรนดอนยังไม่สนใจสิ่งที่แม่พูด


     

          “เขากำลังจะมาแล้ว มาถึงถนนแล้วด้วย”เด็กชายยังคงพูดต่อ


     

          “แม่อยากให้ลูกสัญญากับแม่ ห้ามปีนอีกน่ะ!”แคทลิน สตาร์คเองก็ยื่นคำขาด


     

           “…ข้าสัญญา”แบรนดอนก้มหน้ามองเท้าของตน


     

           “ลูกรู้ไหม ลูกมักจะก้มไปที่เท้าเวลาโกหก”ท่านหญิงสตาร์คกล่าวของอย่างขบขำ


     

            “คิกๆ”เด็กชายเองก็หัวเราะเช่นกัน


     

            “เอาล่ะ! รีบไปบอกพ่อของเจ้าว่ากษัตริย์จวนจะถึงแล้ว”เมื่อกษัตริย์มาถึงเขาทักทายลอร์ดสตาร์คเสร็จ กษัตริย์ก็ขอให้พาเค้าไปที่สุสานของลีอานน่า สตาร์ค น้องสาวของลอร์ดสตาร์ค


     

           “บอกเรื่องจอน แอรินหน่อย”เน็ด สตาร์ค ถามกษัตริย์โรเบิร์ต


     

           “ก็ยังดีๆอยู่ จู่ๆตัวก็ตัวร้อนจัดไม่รู้ว่าเขาเป็นโรคอะไร”


     

           “เฮ้อ! ข้ารักเขามาก”


     

           “เราทั้งคู่ เขาไม่ต้องสอนอะไรเจ้ามาก แต่ข้าสิ จำตอนข้า16 ได้ไหม ใจข้าคิดแต่อยากจะทุบกระบาลคนและก็ฟันสาว เขาสอนให้รู้จักทุกอย่าง”


     

            เน็ด สตาร์คหันไปมองกษัตริย์ อย่างขำแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่เหมือนกษัตริย์จะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


     

            “อย่ามองข้าแบบนั้น เขาไม่ผิดแต่ข้าไม่ฟังเอง ข้าต้องการเจ้าที่คิงส์แลนดิ้ง อยู่ที่นี่เจ้าไม่มีเป็นโยชน์กับใครหรอกนะ”


     

           “ข้าไม่อาจรับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ได้”เน็ด สตาร์ค คุกเข่าลง


     

           “ข้าไม่ได้ให้เกียรติกับเจ้า ข้าให้เจ้าปกครองอาณาจักรต่างหาก ข้าขอดื่มกินเสพสุขดีกว่า โธ่เอ๋ยลุกขึ้นเถอะเน็ด เจ้าช่วยให้ข้าได้ครองบัลลังก์เหล็ก ตอนนี้มาช่วยให้ข้ารักษามันหน่อยเถอะ”


     

            “เราควรปกครองมันร่วมกัน ถ้าน้องเจ้ายังอยู่เราคงได้เป็นดองกันแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังไม่สาย เจ้ามีลูกสาวข้าของลูกชายเราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”พวกเขาเดินต่อไปจนถึงสุสาน


     

            “จำเป็นต้องฝังนางในที่แบบนี้ด้วยหรือลอร์ดสตาร์ค ข้าว่าที่จริงน่าจะไปฝังอยู่ที่เชิงเขา ที่ๆจะได้เจอแดดเจอลมบ้างมากกว่า”กษัตริย์น้ำตาคลอขณะพูด


     

            “นางเป็นน้องสาวข้า นางควรอยู่ที่นี่”เน็ดถอนหายใจ


     

           “นางควรอยู่กับข้า ข้าฝันว่าข้าได้ฆ่ามันทุกคืน”โรเบิร์ตยื่นมือไปจับที่ใบหน้าของรูปปั้น

     

           “พวกทาร์แกเรียนตายไปแล้ว”

     

           “แต่ยังตายไม่หมด ข้าได้ข่าวว่าเดม่อน ทาร์แกเรียนยังไม่ตาย แถมยังมีมังกรถึงสามตัว ลือกันว่าพวกมันตัวใหญ่และแข็งแรงกว่ามังกรของเอกอนเสียอีก ทั้งยังตีเมืองในทวีปเอสซอสเกือบหมดแล้วด้วย”


     

           “เรื่องจริงหรือ ข้าคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือเสียอีก มังกรสูญพันธุ์ไปนานแล้วนี่ เขาไปเอาพวกมันมาจากไหน”


     

          “ข้าก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แต่อีกไม่นานพวกมันคงกลับมาแน่ไม่นานมานี้ วิเซริส ทาร์แกเรียนก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว พวกมันติดต่อกับพวกโดรธากี”


     

           

           ณ เพนธอส ฝั่งตรงข้ามทะเลแนโร
     

         เจ้าหญิงวัย 16 ปี มองออกไปที่ทะเลอย่างเหม่อลอย ในขณะที่สาวใช้กำลังเตรียมน้ำร้อนสำหรับอาบน้ำ เธอเพิ่งได้รู้ข่าวของน้องชายฝาแฝดจากบรรดาสาวใช้ที่นินทากัน แต่พี่ชายของเธอกลับไม่เคยบอกอะไรกับเธอเลย

     

         “แดเนริส!!”เสียงของพี่ชายทำให้แดเนริสหลุดจากความคิดเขาเดินมาพร้อมชุดสวยบางเบา

     

         “แดเนริส! มาอยู่นี่เองสาวน้อย ดูนี่! ของขวัญจากเอเรียริโอ สัมผัสดูสิ”แดเนริสเดินเข้าไปหาวิเซริส นางมองพี่ชายที่ทะเยอทะยานของนางด้วยสายตาว่างเปล่า


     

         “ลองสิ ลองลูบไล้ดู เขาเป็นเจ้าบ้านที่เยี่ยมมาก”นางมองผ้าอย่างอดสงสัยไม่ได้


     

         “เราเป็นแขกของเขามาปีหนึ่งแล้ว แต่เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลย”แดเนริสถามวิเซริส


     

         วิเซริสทำเพียงยิ้มและมองไปที่น้องสาวแสนสวยของเขาอย่างมีเลศนัย


     

         “เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าข้าไม่เคยลืมบุญคุณใครยามที่ข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์”แดเนริสไม่ได้กล่าวอะไรออกไป


     

         “ยังยื่นห่อไหล่อยู่อีกหรือเนี่ย”วิเซริสเดินเข้าไปแล้วถอดเสื้อผ้าของแดเนริสออก อาจเพราะทาร์แกเรียนมักแต่งงานกันเองในหมู่พี่น้อง แดเนริสจึงไม่ได้ขัดขืนอะไร


     

         “แสดงให้พวกเขาเห็น ตอนนี้เจ้าโตเป็นสาวแล้วนะ เฮ้อ”วิเซริสหายใจแรง เขาลูบไล้ไปที่ยอดอกอวบอิ่ม”


     

        “วันนี้ข้าอยากให้เจ้าสมบูรณ์แบบ เจ้าทำเพื่อข้าได้ไหม”สองพี่น้องสบตากันแดเนริสไม่ได้กล่าวอะไร


     

         “เจ้าคงไม่อยากปลุกมังกรใช่ไหม”นางรู้ดีว่าวิเซริสไม่ได้หมายถึงมังกรจริงๆ เขาเปรียบตัวเองเป็นมังกร


     

         “…ไม่ แต่ข้ารู้มาว่ามีคนปลุกมังกรได้ มังกรถึงสามตัว หากท่านติดต่อเขา ท่านคงไม่ต้องขายข้า”ใช่นางรู้ว่าวิเซริสกำลังขายนางแรกกับกองทัพ ทั้งๆที่เราสามารถติดต่อกับเดม่อนได้ หากมีเขาเราอาจกลับบ้านได้เลยด้วยซ้ำ


     

         “ใครบอกเจ้า! เดม่อนไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ ข้าต่างหากที่คู่ควร มันมีมังกรแต่ก็แค่ตอนนี้พวกมันควรเป็นของข้า ข้าเลี้ยงเจ้ามาแดเนริส! เจ้าควรอยู่ข้างข้า”วิเซริสเดินออกไปแล้วหันกับมากล่าวว่า


     

         “เมื่อมีการเขียนประวัติศาสตร์การครองราชของข้า พวกเขาจะบอกว่ามันเริ่มจากวันนี้”


     

          แดเนริสเดินลงไปในอางน้ำร้อน เธอไม่สนใจเสียงร้องของสาวใช้ที่กำลังบอกว่าน้ำยังร้อนอยู่ นางไม่รู้สึกว่ามันร้อนเลยสักนิด นางได้แต่คิดว่าเหตุใดนางต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ด้วย


     

         นางรู้ว่าตัวเองอ่อนแอ นางไม่สามารถขัดคำสั่งของวิเซริสได้ ทั้งที่เขามีทางเลือก แต่เขากลับเลือกขายนาง นางแค่อยากกลับบ้าน


     

         ตอนนี้ทุกคนกำลังรอคาร์ลโดรโกแห่งเผ่าโดรธากีอยู่ แต่เหมือนเวลาได้ล่วงเลยมานานแล้ว จนวิเซริสอดหงุดหงิดไม่ได้


     

        “เขาอยู่ไหน”วิเซริสหันไปถามเอเรียริโอพ่อค้าแห่งเพนธอส


     

       “โดรธากีเสียตรงที่ชอบมาผิดเวลา”วิเซริสไม่ได้กล่าวอะไรอีก


     

        ไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียม้าหลายสิบตัว นั้นเป็นเสียงม้าของคาร์ลโดรโกและผู้ติดตาม


     

        เอเรียริโอกล่าวทักทายคาร์ลและแนะนำแดเนริสและวิเซนิสให้เขารู้จัก  แดเนริสกำลังเดินออกไปพบคู่ดูตัวของเธอแต่วิเซริสได้รั้งเธอไว้


     

        “เห็นไหมว่าเขาผมยาวแค่ไหน ทันทีที่โดรธากีพ่ายแพ้ในการศึกพวกเขาจะต้องถูกตัดเปีย เพื่อให้โลกเห็นความอับอายของเขา คาร์ลโดรโกไม่เคยแพ้เลยสักครั้งเดียว และแม้ว่าเขาจะเป็นคนเถื่อนแต่เป็นนักฆ่าที่ยอดเยี่ยมที่สุด เจ้าจะได้เป็นราชินีเขา”


     

         “มานี้สาวน้อย”แดเนริสค่อยๆเดินไปหาคาร์ลเธอมองเขาและเขาเองก็มองมาที่เธอ เขาไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ควบม้าออกไป”แดเนริสถอนหายใจอย่างโล่งอก ผิดกับวิเซริสที่เริ่มร้อนรน
     

         “เขาจะไปไหนน่ะ”วิเซริสวิ่งออกมาแล้วถามเอเรียริโอ
     

         “เสร็จพิธีแล้วขอรับ”

     

         “แต่เขายังไม่เห็นเขาพูดอะไรเลย เขาชอบนางไหม”

     


         “เชื่อสิฝ่าบาทถ้าเขาไม่ชอบนางเราคงเห็นแล้ว”เอเรียริโอกล่าวอย่างใจเย็น


     

         “อีกไม่นานหรอก เขาจะต้องข้ามทะเลแนโรไปทวงบัลลังก์ของท่านคืน ผู้คนมากมายแอบลอบดื่มอวยชัยให้ท่าน พวกเขาร่ำหากษัตริย์ที่แท้จริงของพวกเขา”


     

        “จัดงานแต่งเมื่อไหร่”วิเซริสถามเอเรียริโอ


     

        “ไม่นานหรอก โดรธากีอยู่ติดที่ได้ไม่ค่อยนาน”


     

        “จริงไหมที่พวกเขานอนกับม้าน่ะ”เอเรียริโอถอนหายใจ และแสดงท่าทางเอือมละอา
     

        “ข้าคงไม่กล้าถามเขาแน่ๆ”

     

        “เจ้าหาว่าข้าโง่ล่ะสิ”


     

        “ข้าคิดว่าท่านเป็นกษัตริย์ กษัตริย์มักไม่ระวังตนเหมือนสามัญชนทั่วไป ขออภัยที่พูดล่วงเกินท่านขอรับ”เอเรียริโอพูดพร้อมเปลี่ยนท่าที


     

        “ข้ารู้ว่าจะจัดการยังไงกับคาร์ลโดรโก ข้าให้ราชินีเขา เขาก็ให้กองทัพกับข้า”แดเนริสที่ทนฟังต่อไปไม่ไหวก็เอ่ยขัดพวกเขาสองคนขึ้นมา


     

         “ข้าไม่อยากเป็นราชินีของเขา”ทั้งสองคนมองมาที่นาง ทำให้นางเริ่มมีท่าทางไม่หมั้นใจ


     

         “ข้าอยากกลับบ้าน”แดเนริสกล่าวถึงความหวังของนาง


     

        “ข้าก็ด้วย ข้าอยากให้เราทั้งคู่ได้กลับบ้านนะ แต่พวกมันยึดบ้านเราไป เจ้าช่วยบอกข้าทีซิ เราจะกลับบ้านได้ยังไง”วิเซริสขยับเดินเข้าไปใกล้แดเนริส


     

         “บางทีหากเราไปหาเดม่อนอะ..”


     

         “อย่าเอ่ยถึงมัน มันไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ของข้า!”แดเนริสรีบหุบปากของนางทันที ทุกครั้งที่พูดถึงเดม่อนวิเซริสจะอารมณ์เสียใส่เธอทุกครั้ง


     

          “…ข้าไม่รู้”แดเนริสตัดสินใจเปลี่ยนคำตอบ


     

          “เราจะกลับพร้อมกองทัพ กลับพร้อมกองทัพของโดรโก ข้ายอมให้ทหารทั้งกองทัพเสพสุขกับเจ้า ทหารทั้งสี่หมื่นคนรวมทั้งตัวข้าด้วย ถ้ามันจำเป็นต้องทำ”วิเซริสจูบที่หน้าผากของนาง แม้นางจะไม่ชอบใจในคำพูดของเขา แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้


     

         เขาเป็นพี่ชายของนาง ครอบครัวเพียงไม่กี่คนที่นางเหลืออยู่  หากเขาอยากนอนกับนาง นางยังพอรับได้เพราะทาร์แกเรียนมักแต่งงานกันเองในหมู่พี่น้องอยู่แล้ว


     

         แต่วิเซริสต้องการขายนางให้ผู้อื่นเพื่อที่เขาจะได้บัลลังก์ นางแค่อยากกลับบ้าน ไม่อยากเร่ร่อนขออาศัยอยู่กับผู้อื่นราวขอทานแบบนี้อีก


     

         ทั้งๆที่เรามีทางออกกับเรื่องนี้ แต่พี่ชายข้ากลับคิดถึงแต่ตัวเอง เขาเรียกตัวเองว่ามังกร แต่กลับนขี้ขลาดไม่กล้าเจอน้องชายตัวเองด้วยซ้ำ


     

         ไม่นานก็มีการจัดงานแต่งขึ้น แดเนริสมองดูรอบงานเผ่าโดรธากีพากันเต้นรำ เหล่านักรบแย่งผู้หญิงกันมีการตายเกิดขึ้น แต่พวกเขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ คาร์ลโดรโกยังหัวเราะด้วยซ้ำ


     

         อาหารในงานแทบไม่ได้ปรุงเลย มันยังดิบอยู่เลย แดเนริสอดกลั้นไม่ให้อาเจียนเมื่อเห็นอาหารเหล่านั้น มีผู้คนมากมายที่มาแสดงความยินดีกับเธอ ของขวัญที่พวกเขานำมาให้มีแม้กระทั่งงูพิษ


     

        ที่เรียกความสนใจจากเธอได้คือเซอร์จอราห์ มอมอนต์ที่มาจาก 7 อาณาจักร และไข่มังกรสามฟองที่กลายเป็นหินของเอเรียริโอเท่านั้น

     

        เดม่อนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขารอจนพิธีเสร็จสิ้นแล้วจึงเดินทางกลับไปที่พัก ตลอดหลายวันมานี้เขาอยู่ในเพนธอส เขาย้อมผมเป็นสีดำ ด้วยพืชชนิดหนึ่ง 
     

     

        เพราะคาร์ลโดรโกกับเขาเป็นเพื่อนกัน เขาเลยขอให้คาร์ลเก็บเรื่องที่เขามางานแต่งเป็นความลับ เขาเห็นพี่น้องของตัวเองอย่างชัดเจน 


     

        แต่เขาไม่โง่พอที่จะล่มงานแต่งแน่ คาร์ลจะทำให้แดเนริสโตขึ้นและกล้าหาญมากกว่านี้  เพราะถ้าเธอยังหัวอ่อนแบบนี้เธอจะคุมมังกรไม่ได้


     

        จากประสบการณ์ที่เลี้ยงดูลูกมังกรสองตัวทำให้เดม่อนรู้ว่าไม่ง่ายเลยที่จะทำให้พวกมันทำตามคำสั่งโดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น บางทีการอยู่กับมังกรมากกว่าหนึ่งก็เหมือนการอยู่เป็นฝูงของหมาป่า
     

     

         หากจ่าฝูงไม่แข็งแกร่งพอลูกฝูงก็จะกระด้างกระเดื่องและพยายามแย่งอำนาจจากจ่าฝูง แต่มังกรไม่ใช่หมาป่าพวกมันมีสติปัญญาสูงกว่าหมาป่า
     

     

          ดังนั้นสำหรับฟีน่าจึงไม่เกิดการพยศขึ้นเพราะมันยอมติดตามเดม่อนเพราะเขาช่วยมันจากการถูกขังจนตาย มันจึงค่อยคุมสองมังกรวัยรุ่นให้เดม่อนเสมอ


     

          สำหรับเจ้าสองมังกรวัยรุ่นแล้วเขาคงเป็นเหมือนพ่อและจ่าฝูง บางครั้งพวกมันจึงพยายามแย่งอำนาจจากเขาตอนเข้าวัยรุ่นใหม่ๆ แต่เมื่อผ่านไปสักพักมันก็ยอมสยบให้เดม่อน เพราะคิดว่าเดม่อนที่ทำให้ฟีน่าที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันทำตามคำสั่งได้ต้องแข็งแกร่งกว่าแน่


     

           และเพราะสายเลือดของทาร์แกเรียนที่แข็งแกร่ง ทำให้เดม่อนสื่อจิตถึงเหล่ามังกรได้ เมื่อไรที่เขาเรียกหา พวกมันจะตามหาเขาได้เสมอ แม้บางครั้งจะอยู่ไกลกันก็ตาม


     

           นี้เป็นเหตุผลที่เดม่อนไม่เข้าไปแทรกแซงการเติบโตของแดเนริส พี่สาวของเขาคนนี้ควรเรียนรู้ที่จะปกป้องตนเองได้แล้ว นางยอมวิเซริสมากเกินไป


     

           เดม่อนตัดสินใจไปรอคาร์ลที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกโดรธากี แต่กว่าพวกเขาจะไปถึงก็คงอีกหลายเดือน เดม่อนจึงมุ่งตรงไปที่แดนเหนือของ 7 อาณาจักร ไปที่เดอะวอล


     

           เพื่อไปหาผู้อาวุโสคนสุดท้ายของตระกูลทาร์แกเรียน เมสเตอร์เอม่อน ที่อยู่หน่วยรักษาการ ในช่วงเวลาหลายปีนี้ ไม่ใช่ว่าเดม่อนไม่ได้ทำอะไรเลย เขาเองก็รวบรวมกำลังคนไว้หลายเมืองในเอสซอส 


     

          แต่ที่ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรก็เป็นเพราะว่ายังไม่ถึงเวลา และเอม่อนก็ยังอยู่ใน 7 อาณาจักร กษัตริย์โรเบิร์ตเองก็พอรู้การเคลื่อนไหวของเขาบ้างเหมือนกัน


     

           เมื่อมีมังกรสามตัวบินผ่านใน 7 อาณาจักรผู้คนต่างหวาดกลัว โดยเฉพาะคณะเดินทางของกษัตริย์โรเบิร์ต เขาเห็นมังกรกับตา 


     

           พวกตัวมันใหญ่กว่าบาราเลียน มังกรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เสียอีก มังกรทั้งสามบินลงมาตรงหน้าเขา บนหลังมังกรตัวใหญ่ที่สุดมีชายหนุ่มร่างกายใหญ่โต ผมของเขามีสีบรอนซ์เงิน มีดวงตาสีม่วงทรงอำนาจ


     

           เน็ด สตาร์คและเหล่าทหารต่างพากันชักดาษออกมาเตรียมตัว แต่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มังกรสูญพันธุ์ไปหลายร้อยปี พวกเขาต่างไม่เคยเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังนี้


     

          ฟีน่าและเหล่ามังกรเห็นพวกทหารคิดจะทำร้ายเดม่อนก็ขู่คำรามอย่างดุร้าย แต่เดม่อนที่ลงจากหลังของฟีน่าก็หยุดการกระทำของพวกมัน


     

          “ข้าไม่ได้มาหาเรื่องนะ แค่มาท่องเที่ยวเฉยๆ โรเบิร์ต บาราเธี่ยนขี้ขลาดขนาดนั้นเลยหรือ กลัวข้าหรือมังกรของข้ากันล่ะ”


     

          “ใครบอกว่าข้าขี้ขลาด!! แน่จริงอย่าใช้มังกรสิ แล้วข้าจะทำให้เห็นว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่ง”


     

          “หึๆ ท่านตัวอ้วนกลมกว่าหมูเสียอีกไม่รู้ยังยกอาวุธได้รึเปล่า ท่านเคยได้ยินว่าข้าใช่มังกรในการรวบรวมกำลังคนและตีเมืองไหมล่ะ”เดม่อนใช่ฝีมือในการรบรวบร่วมกำลังคนในทวีปเอสซอส ไม่ได้สั่งให้พวกฟีน่าเผาเมืองไหนเลย


     

          เดม่อนไม่ต่อปากต่อคำกับโรเบิร์ตอีก เขาหันไปมองเน็ดสตาร์ค 


     

          “เจ้าขโมยของๆทาร์แกเรียนไปแต่กลับไม่สนใจดูแลมัน งั้นข้าจะทวงมันกลับมา แต่วางใจเถอะอย่างไรท่านก็ดูแลมันในระหว่างที่ทาร์แกเรียนไม่สามารถทำได้ งั้นข้าจะให้สัญญาว่าจะไม่ยกทัพมาที่นี่ เมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่เน็ด สตาร์ค”


     

          เน็ดรู้ว่าเจ้าชายเดม่อนหมายถึงอะไร เขาไม่น่าจะรู้เรื่องของจอนได้นี่ ตอนนั้นเขาก็ยังเด็กอยู่ 


     

          “คำสัญญาของท่านข้าจะถือว่าเป็นจริงได้หรือไม่”เน็ดถามอย่างไม่แน่ใจนัก


     

          “ข้าไม่เคยผิดคำพูดของตัวเอง แต่อนาคตของท่านช่างมืดมนนัก ข้าจะเตือนอะไรบางอย่างก็แล้วกัน เมื่อสิ้นกษัตริย์อ้วนนั้นให้ท่านกลับแดนเหนือ ไม่อย่างนั้น..อย่าว่าแต่ชีวิตท่านเลย แม้แต่ตระกูลท่านก็คงแทบไม่เหลือ”


     

           “คำเตือนจากดราก้อนลอร์ด มักเป็นจริงหลายส่วนนะ ลอร์ด สตาร์ค”เดม่อนกล่าวจบแล้วก็กลับขึ้นไปบนหลังของฟีน่าแล้วตรงไปแดนเหนือ


     

            ฝั่งเด็กๆที่เห็นมังกรเป็นครั้งแรกก็ต่างตื่นเต้น โดยเฉพาะอาย่าและซานซ่า ซานซ่าเห็นเดม่อนที่ขี่มังกรอย่างสง่าก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจ


     

            ใช้เวลาไม่นานเดม่อนก็มาถึงหน่วยรักษาการเขาบินลงไม่สนความสับสนวุ่นวายของคนในหน่วยไนท์วอทช์เลยสักนิด


     

            “ข้าต้องการพบเมสเตอร์เอม่อน ทาร์แกเรียน”ทันทีที่เขาประกาศจุดประสงค์ ก็มีคนรีบไปแจ้งแก่เมสเตอร์เอม่อน


     

           “โอ!! เจ้าชายน้อย ท่านมาทำอะไรที่นี่เวสเทอรอสไม่ปลอดภัยสำหรับท่าน”เมสเตอร์เอมอนเดินตรงเข้ามาหาเดม่อน


     

           “โฮกกก!!!”ฟีน่าและเหล่ามังกรพากันคำรามใส่เอม่อนและผู้คนที่เข้ามาใกล้ตัวเดม่อน


     

           “หยุดนะ!! เขาเป็นคนในครอบครัวข้า อย่าเสียมารยาทกับเขา”สามมังกรทำตัวลีบเล็กเมื่อถูกดุ


     

           “ท่านทวด หลานมาเยี่ยมท่านขอรับ พร้อมกับมาบอกข่าวการแต่งงานของพี่สาวด้วย ท่านไม่ต้องห่วงเรื่องคงามปลอดภัยของข้ามีเด็กๆทั้งสามของข้าอยู่ ข้าย่อมปลอดภัย”เดม่อนเดินเข้าไปประคองแขนของเมสเตอร์เอม่อน


     

           “เราไปหาที่นั่งคุยที่เป็นส่วนตัวเถอะขอรับ ข้ามีเรื่องต้องบอกแกท่านหลายเรื่อง ทุกท่านโปรดวางใจเถอะ มังกรจะไม่ทำร้ายใคร แต่ทางที่ดีควรอยู่ให้ห่างมันไว้ พวกมันมักทำตัวเกเรเมื่อข้าไม่อยู่”


     

            “หลานข้าท่านบินข้ามทะเลมาคงไม่ได้มาเยี่ยมคนแก่ๆอย่างข้าอย่างเดียวหรอกกระมัง ท่านมีแผนที่จะทวงบัลลังก์เหล็กคืนหรือ”


     

           “เปล่าขอรับ สำหรับเรื่องนั้นยังเร็วเกินไป ข้าแค่เป็นเป็นห่วงความปลอดภัยของท่าน ก่อนจะมาถึงที่นี้จข้าพบกับโรเบิร์ต บาราเธี่ยนและขู่เขามานิดหน่อย แล้วก็เอ่ยปากไปแล้วด้วยว่าจะไม่ยกทัพมาจนกว่าเน็ด สตาร์คจะสิ้นชีพ”


     

           “เพราะเหตุใดท่านจึงทำเช่นนั้น”เอม่อนไม่คิดว่าเดม่อนจะไม่มีเหตุผลกับการกระทำที่เหมือนจะเอื้อประโยชน์ให้กับศัตรู


     

          “เพราะเน็ต สตาร์คเลี้ยงดูทายาทของเรการ์ ทาร์แกเรียนพี่ชายของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อน”


     

          “อะไรนะ!! เป็นไปได้หรือเจ้าชาย”หลังจากนั้นเดม่อนก็เล่าเรื่องราวของจอนให้เอม่อนฟัง เอม่อนดีใจมากที่ได้รู้ว่ามีคนในตระกูลเหลือรอดจากการฆ่าล้างของพวกบาราเธี่ยน


          “หลานรู้มาว่าเน็ด สตาร์คจะส่งเขามาที่นี้ เพื่อให้เขาอยู่ห่างจากการเมืองในเวสเทออรส”

     

         “หลานอยากขอให้ท่านช่วยดูแลเด็กคนนั้นในขณะที่เขาอยู่ที่นี่อย่าให้เขาตายก็พอ ควรให้เขาได้เรียนรู้ที่จะอยู่รอดด้วยตัวเองบ้าง”

     

         “ได้ๆ หลานชายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารับปาก”เอม่อนอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์เพื่อตระกูลบ้าง ตอนที่เกิดเรื่องเขาแก่และตาบอด ไม่อาจช่วยเหลือคนในตระกูลได้

     

         “ท่านทวด ทาร์แกเรียนของเราเหลืออยู่ไม่มากแล้วหากข้าหรือพวกพี่เป็นอะไรไปยังมีเด็กคนนั้นอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นทาร์แกเรียน ข้าไม่มีสิ่งใดจะให้ท่านมากไปกว่านี้”เดม่อนเอามือวางไว้ที่ตาของเอม่อน


     

          ทันใดนั้นดวงตาที่มืดบอดมาหลายปีก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง เอม่อนตกตะลึง การที่เดม่อนใช้พลังที่เหนือธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในทาร์แกเรียน

     

           “หลานข้า โปรดว่างใจเถอะ เรื่องเด็กคนนั้นข้าจะไม่ให้ใครรู้เรื่องของเขาเด็ดขาด เรื่องนี้อันตรายมากจริงๆ”

     

           “พี่ชายข้าวิเซริสมีความทะเยอทะยานอย่างมาก แต่เขาโง่เขลาและบ้าอำนาจ เกรงว่าด้วยนิสัยแบบนั้นอาจจะตายเร็วก็เป็นได้ ยิ่งเขาไปหวังเพิ่งพวกโดรธากีแล้วผลักไสน้องชายอย่างข้าด้วยแล้ว นั้นอาจนำภัยมาสู่ตัวเขาเอง”เดม่อนบ่นให้เมสเตอร์เอมอนฟัง เขาเหนื่อยใจกับวิเซริสมาดจริงๆ


     

          “เฮ้อ! มันมักเป็นเช่นนี้เสมอไม่ว่าใครก็อยากได้บัลลังก์เหล็กกันทั้งนั้น แล้วท่านล่ะ ท่านมีทั้งมังกรและกองทัพ ท่านไม่อยากเป็นเจ้าของบัลลังก์นั้นบ้างหรือ”สมกับเป็นเมสเตอร์เอม่อนเขาฉลาดจริงๆ เขารู้ว่าข้าไม่ได้อยากได้บัลลังก์ที่ชวนเสียวตูดนั้น


     

         “จากที่รู้มานะท่านทวดบรรพบุรุษเราที่เคยนั่งบนบัลลังก์เหล็กมีสองคนที่ถูกมันบาดหรือแทงจนตาย อีกหนึ่งถูกบาดทำให้บาดเจ็บ ทุกครั้งที่ข้านึกถึงมัน ข้ามักเสียวที่ก้นทุกครั้ง!!”เดม่อนเอ่ยความคิดของตัวเองอย่างไม่อายกับชายชราตรงหน้า

     

         “ฮ่าๆ ท่านนี้นะ ถึงอย่างไรข้าก็อยากจะเตือนท่านอย่างหนึ่ง พลังอันยิ่งใหญ่มักมาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง แม้ท่านจะไม่อยากนั่งบัลลังก์เหล็ก แต่ถ้าผู้คนเห็นว่าท่านเป็นกษัตริย์ที่ดีเพียงไร ข้าเชื่อว่าต้องมีใครซักคนผลักท่านให้นั่งในบัลลังก์แน่”ที่เอม่อนพูดมาไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เดม่อนถือว่าเป็นกษัตริย์หลายเมืองในเอสซอสและทุกเมืองที่เขาดูแลเจริญจนเมืองอื่นต่างอิจฉา

     

         เวสเทอรอสกับเอสซอสติดต่อทำการค้ากับมาตลอด ข่าวของเจ้าชายเดม่อนที่มีความสามารถเหมือนเจเฮริส และแข็งแกร่งเช่นเดียวกับเอกอนผู้พิชิต 
     

     

         เมืองที่นำเข้าเสบียงและผ้าไหม ทองคำให้เวสเทอรอสล้วนแล้วแต่เป็นเมืองของเจ้าชายเดม่อน กษัตริย์โรเบิร์ตไม่อาจปิดตายการค้าเหล่านี้ได้ 

     

         ต้องบอกว่าท้องพระคลังของเขาไม่เหมือนสมัยทาร์แกเรียนปกครอง ตอนนี้พวกเขาเป็นหนีทองคำกับธนาคารในทวีปเอสซอสหลายล้านเหรียญมังกรทอง ผู้คนอดยากกับจากการปกครองที่ล้มเหลวของเขา

     

         ชาวบ้านต่างเปรียบเทียบกษัตริย์น้อยเดม่อน กษัตริย์ที่ควรเป็นกษัตริย์ของพวกเขากับกษัตริย์ผู้ที่แย่งบัลลังก์มาจากพวกทาร์แกเรียนอย่างกษัตริย์โรเบิร์ต 

     

        เดม่อนเป็นกษัตริย์ของ 8 มหานครในเอสซอส อณาจักรของเขากินพื้นที่ 7ในสิบส่วนของทวีป ทุกเมืองของเดม่อนมีความเจริญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการค้าการเกษตร แม้แต่ศาสนาทุกศาสนาถูกเขาส่งเสริม ประชาชนของสิทธิ์เลือกศาสนาเองได้

     

        เหล่าทาสต่างสามารถไถตัวเองได้ และทุกปีใหม่ค่าตัวพวกทาสจะลดลงเรื่อยๆ นี้เป็นการยกเลิกระบบทาสที่ไม่หักดิบเกินไป แม้จะมีผู้คนต่อต้านบ้างแต่ไม่รุนแรงมากนัก
     

        เหล่าทาสและราษฎรเรียกเขาว่ากษัตริย์ผู้ทรงธรรม เขาไม่ได้ห้ามทำธุรกิจอย่างซ่อง แหล่งพนัน แต่ออกกฏระเบียบที่เข้มงวดแทน ตอนนี้หลายเมืองเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พวกพ่อค้าเรือสำเภาต่างแวะไปมากมาย 

     

        เหตุผลหลักที่คนในเอสซอสไม่ต่อต้านเขา เพราะยึดเมืองด้วยวิธียกทัพไม่ใช่ขี่มังกรไปเผาเมืองของพวกเขา อย่างที่บรรพบุรุษทาร์แกเรียนชอบทำ 

     

        แต่มังกรสามตัวก็เป็นที่หวั่นเกรงของพวกที่คิดจะตีเมืองของเดม่อนไม่น้อย เดม่อนบุกยึดเมืองหลายเมืองมาตลอดแปดปี แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อสองปีก่อน เดม่อนหยุดตีเมืองและมุ่งหน้าพัฒนาเมืองที่ยึดมาได้

     

        ในขณะที่เดม่อนอยู่ในแดนเหนือ แดเนนิสกับวิเซริสได้เดินทางไปกับพวกโดรธากี แดเนริสพยายามปรับตัว แต่การเดินทางลำบากเกินไปสำหรับเจ้าหญิง นางบาดเจ็บจากการนั่งบนหลังม้าติดต่อกันหลายวัน 


     

          “คาลิซี มือท่าน”เหล่าทาสหญิงรับใช้กล่าวเมื่อเห็นมือที่บวมแดงและมีเลือดไหลออกมา

     

         เมื่อเซอร์จอราห์ มอมอนต์เห็นวิเซริสเดินผ่านมา เขาก็ได้เอ่ยบางอย่างขึ้นมา 

     

        “เพนธอสอยู่หากไปไม่ไกล อิเรียริโอจะดูแลต้อนรับท่านอย่างดี”เซอร์เจอรา แนะนำเจ้าวิเซริส

     

       “ข้าไม่สนเรื่องการต้อนรับหรือความสบายหรอกนะ ข้าจะอยู่กับโดรโกจนกว่าข้าจะได้ครองบัลลังก์ตามที่เขาสัญญา”เขาพูดขณะถอนถุงมือออก

     

       “แล้วแต่พระประสงค์”จอราห์ถอนหายใจ


     

       “ถึงแม้ยากลำบากสักเพียงใด มันก็ดีกว่าถูกตัดหัวแหละ”


     

       “ทำไมสตาร์กตามจับเจ้า ซื้อทาสมางั้นหรอ?”

     

       “จับไปขายมากกว่า ข้าจับพวกบุกรุกเขตข้าไปขาย”ตระกูลมอมอนเจ้าลอร์ดใต้ปกครองของลอร์ดสตาร์ก

     

       “หึ..ในสมัยของข้า เจ้าจะไม่ถูกลงโทษในเรื่องไร้สาระนี้แน่ เจ้าวางใจได้”

     

       ในห้องทำงานที่ใหญ่โตในอาณาจักรมังกรสมุทร อาณาจักรของเดม่อน ที่เซอร์แดนเวอร์ผู้ภักดีกำลัง บ่นเจ้าชายตัวน้อยของเขาทุกเวลาที่เขาทำได้ 


     

        ตอนนี้เซอร์แดนเวอร์แต่งงานแล้วเขามีลูกชายสองคนที่อายุยังน้อย เขาเลยไม่ได้ติดตามเดม่อนไปทุกที่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกทั้งเจ้าสามมังกรมักทำเหมือนจะฆ่าเขาลับหลังเจ้าชายเสมอเพราะพวกมันไม่ชอบให้เขานั่งบนหลังของมัน


     

        ใช่แล้วพวกเจ้าไม่ได้อ่านผิดกันหรอก เจ้าชายเดม่อนหรือกษัตริย์เดม่อนนั้นชอบออกไปเที่ยวด้วยขี่มังกรออกไปผจญภัย แต่เขาเองก็จะต้องตามไปปกป้องเดม่อนทุกที่ จนต้องนั่งบนหลังของมังกรตามไป


     

       แต่มังกรไม่ใช่ม้า พวกมันไม่ยอมรับคนขี่ที่ไม่ใช่เจ้าของมัน ทุกครั้งที่เดม่อนบังคับให้พวกมันยอมให้แดนเวอร์ขี่ พวกมันแทบอยากจะกินเขาทุกครั้งที่เดม่อนไม่อยู่ ต้องขอบคุณสวรรค์ที่เขาหนีรอดมาได้ทุกครั้ง


     

       แต่เมื่อเดม่อนเห็นว่าเขามีลูกอ่อน เดม่อนก็ยกหน้าที่ดูแลเมืองต่างๆที่เขายึดมาให้เซอร์แดนเวอร์ดูแลคุมคุมเจ้าเมืองใหม่ที่เดม่อนแต่งตั้งอีกที ในทุกๆวันเขาแทบจมอยู่กับกองเอกสาร


     

       เดม่อนดูแลราษฎรของเขาได้ดีมาก อย่างนี้ตลอดชีวิตของ จอน แดนเวอร์ก็ไม่เคยเห็นกษัตริย์อย่างเขามาก่อน เขาเข้าใจวิถีชีวิตของทุกอาชีพ เขาพัฒนาชีวิตของคนเหล่านั้น


     

       พ่อร่ำรวยขึ้น โสเภณีไม่โดนดูถูกอีกต่อไป ทาสมีความเป็นอยู่ดีขึ้น และมีคนอีกไม่น้อยได้สิทธิ์ในการไถ่ตัวจากการเป็นทาส ชาวนาได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อทำตามแบบแผนที่เดม่อนบอก เหล่าชนชั้นสูงก็ได้ภาษีมากขึ้นด้วย ดังนั้นไม่แปลกที่คนเหล่านี้จะรักกษัตริย์ของพวกเขา

     

       ยังไม่รวมถึงเหล่าเด็กกำพร้าที่มีมากขึ้นจากสงคราม กษัตริย์เดม่อนก็รับพวกเขาไว้ สร้างสถานที่ให้พวกเขาได้ร่ำเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ให้พวกเขามีบ้าน มีความรู้ และหางานให้เมื่อเรียนจบ

     

      ตอนนี้สิ่งที่พวกเขากลัวมากที่สุดก็คือ กลัวเดม่อนจะกลับไปยังเวสเทอรอส และทิ้งพวกเขาไว้กับผู้ปกป้องที่เลวร้ายเหมือนในอดีต

     

       “เซอร์แดนเวอร์ ท่านบอกพวกเรามาตรงๆ กษัตริย์อยากกลับไปที่เวสเทอรอสใช่ไหม”ขุนนางคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

     

       “เวอสเทอรอสมีอะไรดีกัน 7 อาณาจักรทั้งยากจน และศาสนาของพวกเขาก็ใจแคบ พวกนั้นนับถือศาสนาเดียวใช่ไหม”

     

       “ใช่! ตอนนี้อาณาจักรของเราร่ำรวย พื้นที่มากมายทั้งยังอุดมสมบูรณ์มากกว่าที่นั่นตั้งเยอะ เหตุใดจึงยากได้ประเทศยากจนนั้นด้วย”เซอร์แดนเวอร์กุมขมับ เหตุการณ์มันเกิดจากข่าวลือจากพวกพ่อค้าว่าเห็นมังกรสามตัวในเวสเทอรอส และข่าวลือจากเหล่าชาวเมืองว่ากษัตริย์เดม่อนยากได้บัลลังก์เหล็กของครอบครัวเขาคืน

     

       “เอาล่ะๆ!! ใช่ว่าพวกท่านไม่รู้จักเขาเสียหน่อย กษัตริย์ของพวกท่านชอบท่องเที่ยวอย่างอิสระ เขามีสามมังกรไม่มีใครห้ามเขาได้เมื่อเขาอยากจะไปที่ใด เท่าที่ข้ารู้เขายังไม่มีความคิดที่จะบุกเวสเทอรอสในเร็วๆนี้”

     

       “ท่านแน่ใจ ใช่ไหมเซอร์แดนเวอร์!”มือขวากษัตริย์ถามย้ำ มาคัส ราเวเรีย มือขวาของเดม่อน ตอนเดม่อนเจอเขา เขาเป็นเพียงพ่อค้าที่ถูกเพื่อนโกงจนต้องขายตัวเองเป็นทาสเพื่อให้คนในครอบครัวที่เหลือได้มีเงินตั้งตัว


     

      หลังจากที่เขาติดตามเดม่อน เขาได้ความรู้บางอย่างจากกษัตริย์ตัวน้อย บวกกับว่าเขาเป็นคนมีความสามารถอยู่แล้ว ชีวิตของเขาก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ 


     

       เขาเองเป็นชาวเอสซอส เขาย่อมไม่อยากเสียกษัตริย์ผู้ประเสริฐเช่นนี้ให้กับชาวเวสเทอรอสที่เคยขับไล่กษัตริย์ของพวกเขาหรอก 


     

       “อย่าว่าอะไรพวกเราเลย เราแค่ห่วงว่ากษัตริย์ของเราจะถูกชาวเวสเทอรอสทำร้าย เราเคยรู้มาว่าในอดีตชาวเวสเทอรอสฆ่ามังกรของทาร์แกเรียนจนสูญพันธุ์ ความกลัวของคนน่ากลัวนักพวกข้ากลัวว่าฝ่าบาทจะไม่ปลอดภัย”


     

       “ไม่เป็นไร…ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านดี ความจริงข้าเองก็ไม่เห็นด้วยกับการไปเยือนครั้งนี้! แต่วางใจเถอะมังกรสามตัวนั้นใหญ่กว่ามังกรของพวกทาร์แกเรียนทุกตัว พวกมันแข็งแกร่งและฉลาดกว่ามาก”


     

       “ถ้าท่านยืนยันเช่นนี้ พวกเราก็วางใจ”ตามจริงพวกเขาคิดว่าถ้าเดม่อนยากได้เวสเทอรอส พวกเขาเองก็เต็มใจออกไปรบเพื่อกษัตริย์ของพวกเขา


     

       แต่ที่ผ่านมากษัตริย์หนุ่มของพวกเขาไม่มีทีท่าที่จะยกทัพไปเวสเทอรอสแม้แต่ครั้งเดียวแต่เขาก็ไม่ประมาท เขาส่งสายลับเข้าไปทุกเมืองในเทอรอส


     

       ทั้งยังส่งพ่อค้าไปค้าขายกับชาวเวสเทอรอสเป็นจำนวนมาก ค่อยๆแทรกแซงระบบการค้าของพวกนั้น เพราะแบบนี้เขาเองก็เริ่มมองออกว่าฝ่าบาทเองก็ยังไม่ปล่อยมือเวสเทอรอสอย่างที่คนอื่นๆคิดกัน มาคัสไม่เคยบอกใครถึงความคิดนี้ของเขาเลยได้แต่เก็บมันไว้ในใจ

     

       “ฝ่าบาทส่งข่าวมาว่า เขาแค่ไปเยี่ยมทวดของเขาที่เป็นเมสเตอร์อยู่ที่หน่วยพิทักษ์ราตรี และกำลังไปที่วาเอสโดแธรก เมืองของพวกโดรธากี เพื่อไปเยี่ยมพี่ชายและพี่สาวของท่าน แล้วก็จะกลับมาที่เมืองของเรา”

     

       “โอ้! เช่นนั้นก็ถือเป็นข่าวดียิ่งนัก ในที่สุดฝ่าบาทก็จะกลับมาแล้ว ข้าจะรีบเอาข่าวไปบอกกับชาวเมือง จะได้เตรียมตัวต้อนรับฝ่าบาทอย่างสมเกียรติ”


     

        “ตามใจท่านก็แล้วกัน!”เจ้าคนพวกนี้ถึงแม้จะงี่เง่าไปบ้างแต่พวกเขาก็รักเจ้านายของเขาจริงๆ แถมยังจงรักภักดีมากอีกด้วย   

     

          ตอนนี้เจ้าชายของเขาโตแล้วก็จริง แต่เซอร์แดนเวอร์ก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของเจ้าชายน้อยของเขาไม่ได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพี่ชายที่อย่างวิเซริส ในวัยเยาว์เดม่อนค่อนข้างจะโหยหาครอบครัวเสมอมา

     

          แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่เขาเริ่มที่จะเลิกพูดโน้มน้าวให้พาไปหาพี่ชายและพี่สาว ตั้งแต่มีพวกมังกรรึเปล่านะ เพราะเจ้าชายมักพูดเสมอว่ามังกรคือคนในครอบครัวของเขา 

     

         ในอีกด้านหนึ่งของเวสเทอรอส แบรนดอน สตาร์ค ถูกพวกแลนนิสเตอร์ผลักตกลงมาจากหอคอย และยังถูกนักฆ่าลอบสังหารดีที่ได้แม่และไดร์ วูฟของเขาช่วยไว้ ทำให้แคทลิน สตาร์ค เริ่มสงสัยว่าลูกชายของเธออาจไม่ได้ตกลงมาจากหอคอยเอง

     

         แต่ถูกใครบ้างคนผลักให้ตกลงมา เธอไปตรวจสอบบนหอคอยอีกครั้งเธอพบเส้นผมสีทอง เธอปรึกษากับลูกชายคนโตกับเมสเตอร์ประจำวินเทอร์เฟล

     

         ทางด้านเน็ต สตาร์คเองก็กำลังได้รับต้อนรับจากสภา ที่มีแต่หนี้สินที่กษัตริย์ก่อเอาไว้กว่า หกล้านเหรียญมังกร และรับมือกับเหล่าขุนนางในคิงส์แลนดิ้ง

     

         ทางฝั่งแดเนริส เองก็กำลังให้ความสนใจกับไข่มังกร รวมถึงวิธีการเอาใจคาร์ล โดรโกเธอเริ่มรู้จักที่ใช้ประโยชน์จากคนรอบข้างบ้างแล้ว

     

         และเดม่อน ทาร์แกเรียนกำลังมุ่งหน้าสู่วาเอสโดแธรก และแวะเที่ยวตามเมืองต่างๆในเอสซอส ผู้คนในเวสเทอร์รอสเองก็ต่างพูดถึงมังกรตัวใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และกษัตริย์หนุ่มผู้สง่างาม


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×