ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : คนๆนั้น
ทันทีที่ฟรานวิ่งมาถึงห้องของตนเอง ก็รีบปิดประตูแล้วยืนหอบก่อนที่เข่าจะค่อยๆทรุดลงไป
กลายเป็นนั่ง แล้วฟรานก็คิดทบทวนกับตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ปกติสำหรับผู้ชาย รวมทั้งตัวเองก็...
พอมานึกถึงเรื่องนั้นแล้ว ฟรานก็อยากจะเอามือทุบหัวตัวเองให้ปูดจนความจำเสื่อมไปเลย พอนึก
ได้อย่างนั้นฟรานก็รีบจัดแจงเสื้อผ้า แล้วเดินหาตู้เสื้อผ้าซึ่งคาดว่าน่าจะมีเสื้อผ้าพอให้เปลี่ยนอยู่ แล้วก็
เหลือบไปเห็นตู้เสื้อผ้าตู้หนึ่งที่ถูกแกะสลักเป็นลายไม้สวยงาม แต่ถูกคลุมด้วยผ้าสีหม่น และแทบจะ
ไม่มีฝุ่นเกาะอยู่เลย ฟรานเดินเข้าไปแล้วค่อยๆดึงผ้าคลุมมารวบกองไว้ที่พื้น แล้วเปิดตู้ออกมา
ข้างในตู้เต็มไปด้วยภาพถ่ายของเบลเฟกอลกับผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งดูท่าทางจะสนิทกันมาก เพียงแต่
ภาพถ่ายเหล่านั้นผู้ชายอีกคนที่ถ่ายด้วยกลับเอาหมวกคลุมใบหน้าไปครึ่งหนึ่งทุกใบ ทำให้ฟรานไม่สามารถ
เดาได้ว่าหน้าตาของเขาเป็นอย่างไร แล้วฟรานก็หันขึ้นไปมองก็พบอุปกรณ์มากมาย ทั้งกล่องกำมะหยี่
สีเขียว ชุดคลุมสีดำสองชุด เสื้อผ้าบางชุดถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย ไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิดเดียว
แล้วเสื้อผ้าเหล่านั้นก็มีขนาดพอดีกับขนาดตัวของฟราน ฟรานจึงหยิบเสื้อกล้ามสีดำกับเสื้อคอกว้าง
สีขาวสลับดำแนวนอนมาก่อนจะหยิบกางเกงขาสั้นอีกตัวหนึ่งมาก่อนหายเข้าห้องน้ำไป
เสียงจากฝักน้ำที่ถูกเปิดไหลผ่านร่างกายบางๆของเจ้าของผมสีเขียว-ฟ้าน้ำทะเล เส้นผมที่ถูกน้ำ
ค่อยๆลู่แนบหนังศรีษะกระแสน้ำค่อยๆไหลผ่านร่างกายพร้อมกับชำระสิ่งสกปรกบนตัว ในตอนนี้
ฟรานค่อยๆสงบสติอารมณ์ลงหน่อย ฟรานไม่ลืมที่จะเปิดน้ำอุ่นๆเอาไว้ในอ่าง แล้วค่อยๆเอาตัวลง
ไปแช่น้ำอุ่นๆ ซึ่งทำให้ฟรานรู้สึกเพลิดเพลินและผ่อนคลายจนลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เพียงไม่นานฟรานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แล้วออกมายืนให้ลมพัดเส้นผมที่ระเบียง แม้จะรู้สึกหนาว
แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบของปราสาทแห่งนี้มีสภาพสวยงาม สามารถมองเห็นแสงจันทร์ส่องสว่าง
เป็นภาพที่สวยที่สุดที่ฟรานเคยพบ ฟรานอดยิ้มไม่ได้ที่ถึงแม้ที่แห่งนี้จะเป็นที่ๆตนจำใจต้องมา แต่ในตอนนี้
ฟรานไม่คิดอย่างนั้น พลันสายลมก็พัดให้เส้นผมของฟรานปิดตาข้างหนึ่ง ทำให้ฟรานต้องหันหน้า
ไปตามที่เส้นผมพัด แล้วก็ไปเจอเบลเฟกอลยืนอยู่ที่ระเบียงข้างๆกัน แต่ฟรานกลับมองไม่เห็นแววตาของ
คนที่ยืนอยู่ที่ระเบียงถัดไปเลยว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร แต่ดูเหมือนแสงจันทร์จะเป็นใจให้ฟรานได้เห็นแววตานั้น
แววตาของเบลเฟกอลที่สั่นระริกด้วยความกลัวและความเสียใจ ในมือถือกล่องบางอย่างทีมีขนาดเล็ก
เท่าฝ่ามือ แต่ดูเหมือนว่าเบลเฟกอลจะรู้ตัวทันเลยเก็บกล่องนั้นอย่างรวดเร็วแล้วตวัดสายตาอาฆาต
ส่งให้ก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องตนเองไป...
" ว้า...เป็นอะไรของเขากันนะ อารมณ์เสียตลอดทุกครั้งที่เจอเราเลยแฮะ" ฟรานแอบบ่นด้วย
ความน้อยใจนิดๆ ที่เบลเฟกอลต้องทำเสียงหัวเราะแบบโรคจิตหรือไม่ก็ทำอารมณ์เสียใส่เขาทุกทีไป
ฟรานยืนตากลมที่ระเบียงต่ออีกสักพักก็เดินเข้าห้องไปหาหนังสือมาอ่านก่อนนอน แต่ว่าในห้องนี้
ไม่มีหนังสือสักเล่มเดียวทำให้ฟรานต้องเดินออกจากห้องไปหาหนังสืออ่าน ระหว่างนั้นก็ผ่านห้อง
บอสของวาเรียซึ่งก็คือซันซัสนั่นเอง มีเสียงร้องครางเบาๆดังออกมาจากห้องนั้น ฟรานเองก็อยากใส่ใจ
กับเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เลยมุ่งหน้าไปหาห้องหนังสือ ซึ่งไม่นานก็หาเจอ ภายในห้องหนังสือ
มีหนังสือหลายประเภททั้งหนังสือเกี่ยวกับความงามและการครัวเรือน ( ซึ่งเดาได้ว่าลุซซูเรียคง
อ่านหนังสือพวกนี้แน่นอน ) หนังสืออีกตู้หนึ่งถูกล็อกเอาไว้ซึ่งฟรานเดาได้ว่าคงเป็นหนังสือสำคัญ
หรือไม่ก็เป็นหนังสือที่เจ้าของหวงมาก ( แต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดนี้นะ ) ฟรานเดินหาหนังสือไปๆมาๆ
ก็ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งตกอยู่ที่พื้น หนังสือเล่มนั้นถูกใจฟรานมากแม้สีสันของมันจะไม่ค่อยสดใส
ออกหมองๆหน่อยๆแต่ก็ดูมีความลับดี ฟรานตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มนั้นเดินกลับห้องไปก่อน
โดดขึ้นที่นอนแล้วเปิดหนังสืออ่านดู ข้างในมีตัวอักษรที่เขียนด้วยมือและภาพที่แต่ละหน้าจะมีติดไว้
เป็นภาพของทุกๆคนในวาเรียถ่ายร่วมกับคนๆหนึ่งที่ฟรานไม่เคยพบมาก่อน ทุกคนดูมีความสุขมาก
โดยเฉพาะเบลเฟกอล ทุกๆหน้ามักจะมีภาพของเบลเฟกอลถ่ายคู่กับ ' คนๆนั้น ' แต่พอฟรานเปิดอ่าน
มาจนหน้าสุดท้ายมันกลับถูกฉีกออก ทำให้ฟรานไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อ แต่ภาพหลังๆนั้นรู้สึกว่า
เบลเฟกอลจะทำแววตาเหงาๆอยู่เกือบทุกภาพ ฟรานตัดสินใจปิดมันแล้ววางไว้ข้างตัวก่อนจะหลับ
ท่ามกลางราตรีที่มีแสงจันทร์สาดส่องกระทบแผ่นหน้าบางๆ...
" จิ๊บๆ...ฮ้าววว~ แง่มๆ งืมมม~.....หนาว~" เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น ฟรานก็ยังนอนอยู่บนเตียงอย่าง
สบายใจเฉิบ โดยไม่รู้ว่ามีใครมานั่งอยู่ข้างๆเตียงของตัวเองด้วย คนๆนั้นค่อยๆโน้มตัวลง
แล้วประทับริมฝีปากบนริมฝีปากของฟรานอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้เจ้าตัวตื่น สัมผัสอุ่นๆจากริมฝีปาก
ทำให้ฟรานลืมตาขึ้นดูนิดนึงก่อนหลับต่อและสะดุ้งสุดแรงเกิดจนหัวของทั้งสองชนกัน แล้วฟราน
ก็หันไปมองหน้าของคนที่อยู่ข้างๆอย่างชัดเจน
" เจ้าโรคจิต นายกล้าเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่มันห้องของผมนะ คุณเข้ามาจาก...ฟิ้วว~"
ไม่ทันที่ฟรานจะได้ถามจนจบประโยคก็เห็นประตูที่เปิดไปที่ระเบียงกำลังเปิดรับลมเย็นๆของยามเช้า
ให้ลมพัดเข้ามาในห้องและไม่ต้องสงสัยให้มากความ เพราะดูแล้วคงรู้ได้ทันทีว่าเบลเฟกอล
เข้ามาจากทางไหน
" ชิชิชิ~ นายตื่นสายเองนะ วันนี้มีภารกิจต้องทำ รีบๆแต่งตัวแล้วไปรวมตัวกันที่เดิมล่ะ...ส่วนจูบนี่
วันนี้เจ้าชายขอขโมยไปก่อนหนึ่งวันล่ะนะ ชิชิชิ~" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็เดินไปทางประตูก่อนจะ
เปิดออกแล้วเดินไปรอที่ห้องประชุม ส่วนฟรานก็สะบัดผ้าห่มทิ้งก่อนวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
พอฟรานอาบเสร็จดันลืมนึกว่าไม่ได้เอาเสื้อผ้าเข้ามาด้วย เลยมองหาผ้าขนหนู่สักผืนหรือ
อะไรมาคลุมตัวก่อน แล้วค่อยเหลียวมองซ้าย - ขวา แล้วเดินออกจาห้องน้ำก่อนย่องไปที่ตู้เสื้อผ้า
แล้วหยิบเอาเสื้อกล้ามสีดำมาก่อนที่จะปรากฏเงาคนตัวสูงมาทาบทับฟราน ทำให้ฟรานรู้สึก...
" ชิชิชิ~ แต่งตัวมาแบบนี้คิดจะยั่วเจ้าชายรึไง แต่ก็นะ...ผิวแบบนี้เจ้าชายเห็นแล้วรู้สึกอยากกิน
ขึ้นมาทันทีเลย คงรอให้เสร็จภารกิจก่อนคงไม่ไหวแล้วล่ะ ชิชิชิ~" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็
กระชากฟรานมาโยนลงบนเตียงพร้อมกับตรึงแขนและขาของฟรานไว้ด้วยมือและเข่าของตัวเอง
ก่อนที่จะซุกใบหน้าลงไปที่ลำคอ ทำให้เส้นผมของเบลเฟกอลถูลำคอของฟรานจนรู้สึกเสียว
ผ้าที่คลุมหลุดออกเผยให้เห็นผิวสีขาวอมชมพูแบบผู้หญิง ร่างกายดูบอบบางควรทนุถนอม
หน้าอกของงฟรานขยับขึ้น - ลงอย่างรวดเร็วทำให้เห็นว่าฟรานตกใจแค่ไหน
" ปล่อยผมนะ...ผมเจ็บนะ ปล่อยผม บอกให้ปล่อยไง อื้อ..." คำพูดของฟรานหยุดลงทันที
ริมฝีปากของเบลเฟกอลค่อยๆจูบด้วยความร้อนแรงและหนักหน่วง แทบไม่เปิดโอกาสให้
คนถูกกระทำไดหายใจเลยสักนิด จนฟรานค่อยๆอ่อนแรงลงและไม่สามารถต้านพละกำลังของ
คนที่กระทำได้เลย เบลเฟกอลจึงยอมเปิดโอกาสให้ฟรานได้หายใจสักครู่ และยอมปล่อยฟรานไป
ฟรานรีบกระชับผ้าคลุมตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ ก่อนเปิดน้ำจากฝักบัวราดตัวเองเพื่อคลายความรู้สึกกลัว
" หมอนั่นไม่ใช่...ไม่ใช่ ถึงจะเหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่ ฉันจะทำอะไรเกินเลยกว่านี้ไม่ได้ เขาไม่ใช่
' คนๆนั้น ' ..." เบลเฟกอลกระซิบคำพูดตอกย้ำความคิดกับตัวเอง ก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียง
แล้วมองเพดาน ก่อนค่อยๆหลับตาลงแล้วลืมความคิดของตัวเองก่อนจมดิ่งสู่ห้วงนิทราแห่งฝัน
" เฮ้ๆ...เบลเฟกอลนายจะทำอะไรน่ะ โอ๊ย...มันแสบตานะ เจ้าบ้านี่!" เสียงของเด็กผู้ชาย
คนหนึ่งซึ่งตัวเล็กบอบบางและผิวขาวอมชมพูเหมือนฟรานใส่เสื้อลายขวางแนวนอนสีเขียว - เหลือง
( เหมือนรถแท็กซี่บ้านเราจัง ) กำลังพูดกับเบลเฟกอลที่จู่ๆก็วักน้ำทะเลใส่หน้าของเขาแล้ว
มันกระเด็นไปโดนตาพอดีทำให้คนที่เล่นต้องหยุดชะงักแล้วเดินมาหาเพื่อดู แต่ก็ต้องเป็น
ฝ่ายโดนเสียเอง คนตัวเล็กยังแลบลิ้นแหย่อีกจึงทำให้เกิดสงครามการสาดน้ำทะเลระหว่าง
เบลเฟกอลกับเด็กผู้ชายคนนั้น เพียงไม่นานคนที่แกล้งก็ออกอาการเซเพราะเป็นลมแดด
ทำให้ต้องไปอยู่ในอ้อมกอดของเบลเฟกอลที่ยื่นออกมารับ แล้วเบลเฟกอลก็อุ้มคนๆนั้นขึ้นมา
บนชายหาดแล้วให้ลุซซูเรียดูอาการ ซึ่งลุซซูเรียบอกว่าแค่เป็นลมแดดให้พักสักหน่อยก็หาย
เบลเฟกอลอดที่จะเล่นแก้มของคนที่นอนสลบไม่ได้ เพราะแก้มที่ขาวระเรื่อนั้นดูเหมือนคนเขินอาย
แต่ขณะเดียวกันมันก็อดที่จะทำให้เบลเฟกอลก้มลงไปหอมไม่ได้ แค่เพียงประทับรอยแดงจางๆ
ที่แก้มของคนๆนั้นแล้วเบลเฟกอลก็หยุดไปก่อนลุกขึ้นไปนอนมองฟ้า...
กลายเป็นนั่ง แล้วฟรานก็คิดทบทวนกับตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ปกติสำหรับผู้ชาย รวมทั้งตัวเองก็...
พอมานึกถึงเรื่องนั้นแล้ว ฟรานก็อยากจะเอามือทุบหัวตัวเองให้ปูดจนความจำเสื่อมไปเลย พอนึก
ได้อย่างนั้นฟรานก็รีบจัดแจงเสื้อผ้า แล้วเดินหาตู้เสื้อผ้าซึ่งคาดว่าน่าจะมีเสื้อผ้าพอให้เปลี่ยนอยู่ แล้วก็
เหลือบไปเห็นตู้เสื้อผ้าตู้หนึ่งที่ถูกแกะสลักเป็นลายไม้สวยงาม แต่ถูกคลุมด้วยผ้าสีหม่น และแทบจะ
ไม่มีฝุ่นเกาะอยู่เลย ฟรานเดินเข้าไปแล้วค่อยๆดึงผ้าคลุมมารวบกองไว้ที่พื้น แล้วเปิดตู้ออกมา
ข้างในตู้เต็มไปด้วยภาพถ่ายของเบลเฟกอลกับผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งดูท่าทางจะสนิทกันมาก เพียงแต่
ภาพถ่ายเหล่านั้นผู้ชายอีกคนที่ถ่ายด้วยกลับเอาหมวกคลุมใบหน้าไปครึ่งหนึ่งทุกใบ ทำให้ฟรานไม่สามารถ
เดาได้ว่าหน้าตาของเขาเป็นอย่างไร แล้วฟรานก็หันขึ้นไปมองก็พบอุปกรณ์มากมาย ทั้งกล่องกำมะหยี่
สีเขียว ชุดคลุมสีดำสองชุด เสื้อผ้าบางชุดถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย ไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิดเดียว
แล้วเสื้อผ้าเหล่านั้นก็มีขนาดพอดีกับขนาดตัวของฟราน ฟรานจึงหยิบเสื้อกล้ามสีดำกับเสื้อคอกว้าง
สีขาวสลับดำแนวนอนมาก่อนจะหยิบกางเกงขาสั้นอีกตัวหนึ่งมาก่อนหายเข้าห้องน้ำไป
เสียงจากฝักน้ำที่ถูกเปิดไหลผ่านร่างกายบางๆของเจ้าของผมสีเขียว-ฟ้าน้ำทะเล เส้นผมที่ถูกน้ำ
ค่อยๆลู่แนบหนังศรีษะกระแสน้ำค่อยๆไหลผ่านร่างกายพร้อมกับชำระสิ่งสกปรกบนตัว ในตอนนี้
ฟรานค่อยๆสงบสติอารมณ์ลงหน่อย ฟรานไม่ลืมที่จะเปิดน้ำอุ่นๆเอาไว้ในอ่าง แล้วค่อยๆเอาตัวลง
ไปแช่น้ำอุ่นๆ ซึ่งทำให้ฟรานรู้สึกเพลิดเพลินและผ่อนคลายจนลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เพียงไม่นานฟรานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แล้วออกมายืนให้ลมพัดเส้นผมที่ระเบียง แม้จะรู้สึกหนาว
แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบของปราสาทแห่งนี้มีสภาพสวยงาม สามารถมองเห็นแสงจันทร์ส่องสว่าง
เป็นภาพที่สวยที่สุดที่ฟรานเคยพบ ฟรานอดยิ้มไม่ได้ที่ถึงแม้ที่แห่งนี้จะเป็นที่ๆตนจำใจต้องมา แต่ในตอนนี้
ฟรานไม่คิดอย่างนั้น พลันสายลมก็พัดให้เส้นผมของฟรานปิดตาข้างหนึ่ง ทำให้ฟรานต้องหันหน้า
ไปตามที่เส้นผมพัด แล้วก็ไปเจอเบลเฟกอลยืนอยู่ที่ระเบียงข้างๆกัน แต่ฟรานกลับมองไม่เห็นแววตาของ
คนที่ยืนอยู่ที่ระเบียงถัดไปเลยว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร แต่ดูเหมือนแสงจันทร์จะเป็นใจให้ฟรานได้เห็นแววตานั้น
แววตาของเบลเฟกอลที่สั่นระริกด้วยความกลัวและความเสียใจ ในมือถือกล่องบางอย่างทีมีขนาดเล็ก
เท่าฝ่ามือ แต่ดูเหมือนว่าเบลเฟกอลจะรู้ตัวทันเลยเก็บกล่องนั้นอย่างรวดเร็วแล้วตวัดสายตาอาฆาต
ส่งให้ก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องตนเองไป...
" ว้า...เป็นอะไรของเขากันนะ อารมณ์เสียตลอดทุกครั้งที่เจอเราเลยแฮะ" ฟรานแอบบ่นด้วย
ความน้อยใจนิดๆ ที่เบลเฟกอลต้องทำเสียงหัวเราะแบบโรคจิตหรือไม่ก็ทำอารมณ์เสียใส่เขาทุกทีไป
ฟรานยืนตากลมที่ระเบียงต่ออีกสักพักก็เดินเข้าห้องไปหาหนังสือมาอ่านก่อนนอน แต่ว่าในห้องนี้
ไม่มีหนังสือสักเล่มเดียวทำให้ฟรานต้องเดินออกจากห้องไปหาหนังสืออ่าน ระหว่างนั้นก็ผ่านห้อง
บอสของวาเรียซึ่งก็คือซันซัสนั่นเอง มีเสียงร้องครางเบาๆดังออกมาจากห้องนั้น ฟรานเองก็อยากใส่ใจ
กับเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เลยมุ่งหน้าไปหาห้องหนังสือ ซึ่งไม่นานก็หาเจอ ภายในห้องหนังสือ
มีหนังสือหลายประเภททั้งหนังสือเกี่ยวกับความงามและการครัวเรือน ( ซึ่งเดาได้ว่าลุซซูเรียคง
อ่านหนังสือพวกนี้แน่นอน ) หนังสืออีกตู้หนึ่งถูกล็อกเอาไว้ซึ่งฟรานเดาได้ว่าคงเป็นหนังสือสำคัญ
หรือไม่ก็เป็นหนังสือที่เจ้าของหวงมาก ( แต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดนี้นะ ) ฟรานเดินหาหนังสือไปๆมาๆ
ก็ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งตกอยู่ที่พื้น หนังสือเล่มนั้นถูกใจฟรานมากแม้สีสันของมันจะไม่ค่อยสดใส
ออกหมองๆหน่อยๆแต่ก็ดูมีความลับดี ฟรานตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มนั้นเดินกลับห้องไปก่อน
โดดขึ้นที่นอนแล้วเปิดหนังสืออ่านดู ข้างในมีตัวอักษรที่เขียนด้วยมือและภาพที่แต่ละหน้าจะมีติดไว้
เป็นภาพของทุกๆคนในวาเรียถ่ายร่วมกับคนๆหนึ่งที่ฟรานไม่เคยพบมาก่อน ทุกคนดูมีความสุขมาก
โดยเฉพาะเบลเฟกอล ทุกๆหน้ามักจะมีภาพของเบลเฟกอลถ่ายคู่กับ ' คนๆนั้น ' แต่พอฟรานเปิดอ่าน
มาจนหน้าสุดท้ายมันกลับถูกฉีกออก ทำให้ฟรานไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อ แต่ภาพหลังๆนั้นรู้สึกว่า
เบลเฟกอลจะทำแววตาเหงาๆอยู่เกือบทุกภาพ ฟรานตัดสินใจปิดมันแล้ววางไว้ข้างตัวก่อนจะหลับ
ท่ามกลางราตรีที่มีแสงจันทร์สาดส่องกระทบแผ่นหน้าบางๆ...
" จิ๊บๆ...ฮ้าววว~ แง่มๆ งืมมม~.....หนาว~" เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น ฟรานก็ยังนอนอยู่บนเตียงอย่าง
สบายใจเฉิบ โดยไม่รู้ว่ามีใครมานั่งอยู่ข้างๆเตียงของตัวเองด้วย คนๆนั้นค่อยๆโน้มตัวลง
แล้วประทับริมฝีปากบนริมฝีปากของฟรานอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้เจ้าตัวตื่น สัมผัสอุ่นๆจากริมฝีปาก
ทำให้ฟรานลืมตาขึ้นดูนิดนึงก่อนหลับต่อและสะดุ้งสุดแรงเกิดจนหัวของทั้งสองชนกัน แล้วฟราน
ก็หันไปมองหน้าของคนที่อยู่ข้างๆอย่างชัดเจน
" เจ้าโรคจิต นายกล้าเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่มันห้องของผมนะ คุณเข้ามาจาก...ฟิ้วว~"
ไม่ทันที่ฟรานจะได้ถามจนจบประโยคก็เห็นประตูที่เปิดไปที่ระเบียงกำลังเปิดรับลมเย็นๆของยามเช้า
ให้ลมพัดเข้ามาในห้องและไม่ต้องสงสัยให้มากความ เพราะดูแล้วคงรู้ได้ทันทีว่าเบลเฟกอล
เข้ามาจากทางไหน
" ชิชิชิ~ นายตื่นสายเองนะ วันนี้มีภารกิจต้องทำ รีบๆแต่งตัวแล้วไปรวมตัวกันที่เดิมล่ะ...ส่วนจูบนี่
วันนี้เจ้าชายขอขโมยไปก่อนหนึ่งวันล่ะนะ ชิชิชิ~" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็เดินไปทางประตูก่อนจะ
เปิดออกแล้วเดินไปรอที่ห้องประชุม ส่วนฟรานก็สะบัดผ้าห่มทิ้งก่อนวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
พอฟรานอาบเสร็จดันลืมนึกว่าไม่ได้เอาเสื้อผ้าเข้ามาด้วย เลยมองหาผ้าขนหนู่สักผืนหรือ
อะไรมาคลุมตัวก่อน แล้วค่อยเหลียวมองซ้าย - ขวา แล้วเดินออกจาห้องน้ำก่อนย่องไปที่ตู้เสื้อผ้า
แล้วหยิบเอาเสื้อกล้ามสีดำมาก่อนที่จะปรากฏเงาคนตัวสูงมาทาบทับฟราน ทำให้ฟรานรู้สึก...
" ชิชิชิ~ แต่งตัวมาแบบนี้คิดจะยั่วเจ้าชายรึไง แต่ก็นะ...ผิวแบบนี้เจ้าชายเห็นแล้วรู้สึกอยากกิน
ขึ้นมาทันทีเลย คงรอให้เสร็จภารกิจก่อนคงไม่ไหวแล้วล่ะ ชิชิชิ~" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็
กระชากฟรานมาโยนลงบนเตียงพร้อมกับตรึงแขนและขาของฟรานไว้ด้วยมือและเข่าของตัวเอง
ก่อนที่จะซุกใบหน้าลงไปที่ลำคอ ทำให้เส้นผมของเบลเฟกอลถูลำคอของฟรานจนรู้สึกเสียว
ผ้าที่คลุมหลุดออกเผยให้เห็นผิวสีขาวอมชมพูแบบผู้หญิง ร่างกายดูบอบบางควรทนุถนอม
หน้าอกของงฟรานขยับขึ้น - ลงอย่างรวดเร็วทำให้เห็นว่าฟรานตกใจแค่ไหน
" ปล่อยผมนะ...ผมเจ็บนะ ปล่อยผม บอกให้ปล่อยไง อื้อ..." คำพูดของฟรานหยุดลงทันที
ริมฝีปากของเบลเฟกอลค่อยๆจูบด้วยความร้อนแรงและหนักหน่วง แทบไม่เปิดโอกาสให้
คนถูกกระทำไดหายใจเลยสักนิด จนฟรานค่อยๆอ่อนแรงลงและไม่สามารถต้านพละกำลังของ
คนที่กระทำได้เลย เบลเฟกอลจึงยอมเปิดโอกาสให้ฟรานได้หายใจสักครู่ และยอมปล่อยฟรานไป
ฟรานรีบกระชับผ้าคลุมตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ ก่อนเปิดน้ำจากฝักบัวราดตัวเองเพื่อคลายความรู้สึกกลัว
" หมอนั่นไม่ใช่...ไม่ใช่ ถึงจะเหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่ ฉันจะทำอะไรเกินเลยกว่านี้ไม่ได้ เขาไม่ใช่
' คนๆนั้น ' ..." เบลเฟกอลกระซิบคำพูดตอกย้ำความคิดกับตัวเอง ก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียง
แล้วมองเพดาน ก่อนค่อยๆหลับตาลงแล้วลืมความคิดของตัวเองก่อนจมดิ่งสู่ห้วงนิทราแห่งฝัน
" เฮ้ๆ...เบลเฟกอลนายจะทำอะไรน่ะ โอ๊ย...มันแสบตานะ เจ้าบ้านี่!" เสียงของเด็กผู้ชาย
คนหนึ่งซึ่งตัวเล็กบอบบางและผิวขาวอมชมพูเหมือนฟรานใส่เสื้อลายขวางแนวนอนสีเขียว - เหลือง
( เหมือนรถแท็กซี่บ้านเราจัง ) กำลังพูดกับเบลเฟกอลที่จู่ๆก็วักน้ำทะเลใส่หน้าของเขาแล้ว
มันกระเด็นไปโดนตาพอดีทำให้คนที่เล่นต้องหยุดชะงักแล้วเดินมาหาเพื่อดู แต่ก็ต้องเป็น
ฝ่ายโดนเสียเอง คนตัวเล็กยังแลบลิ้นแหย่อีกจึงทำให้เกิดสงครามการสาดน้ำทะเลระหว่าง
เบลเฟกอลกับเด็กผู้ชายคนนั้น เพียงไม่นานคนที่แกล้งก็ออกอาการเซเพราะเป็นลมแดด
ทำให้ต้องไปอยู่ในอ้อมกอดของเบลเฟกอลที่ยื่นออกมารับ แล้วเบลเฟกอลก็อุ้มคนๆนั้นขึ้นมา
บนชายหาดแล้วให้ลุซซูเรียดูอาการ ซึ่งลุซซูเรียบอกว่าแค่เป็นลมแดดให้พักสักหน่อยก็หาย
เบลเฟกอลอดที่จะเล่นแก้มของคนที่นอนสลบไม่ได้ เพราะแก้มที่ขาวระเรื่อนั้นดูเหมือนคนเขินอาย
แต่ขณะเดียวกันมันก็อดที่จะทำให้เบลเฟกอลก้มลงไปหอมไม่ได้ แค่เพียงประทับรอยแดงจางๆ
ที่แก้มของคนๆนั้นแล้วเบลเฟกอลก็หยุดไปก่อนลุกขึ้นไปนอนมองฟ้า...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น