ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1: สถานะที่ได้รับ
หลังจากที่เบลเฟกอลเดินนำฟรานมาที่ห้องแห่งนี้ซึ่งถูกจัดไว้เป็นห้องสำหรับ
รับประทานอาหาร เบลจัดแจงให้ฟรานนั่งอยู่ใกล้ๆเขา ไม่นานนักก็มีคนทยอยเข้ามา ทุกคน
ไม่พูดคุยและไม่มองหน้ากันแม้แต่น้อย ทำเหมือนว่าไม่รู้จักกัน สักพักอาหารก็เริ่มทยอย
เข้ามาในห้องนี้ กลิ่นของอาหารและหน้าาตาของมัน เมื่อฟรานได้เห็นก็เกิดอาการหิวขึ้นมา
แม่บ้านลุซก็เลยเสิร์ฟอาหารทันทีอย่างรวดเร็วด้วยความคล่องตัว เสร็จแล้วก็จัดคู่จานและ
ช้อนส้อมให้แต่ละที่นั่ง เสร็จแล้วตัวเองก็ไปประจำที่ของตัวเองก่อนที่คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะจะ
สั่งให้ทานอาหารได้ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบ ต่างกับทุกวันที่เบลเฟกอลมักจะเห็น
หัวหน้าของเขาทะเลาะกับนักดาบที่ปากร้ายชวนหาเรื่องเป็นประจำ แต่สุดท้ายก็จบ
ด้วยการทำโทษประจำวันซึ่งนั่นทำให้นักดาบปากร้ายต้องสงบไปถึงสามวันด้วยอาการ
หมดแรงจากการทำโทษของหัวหน้าของเขา การรับประทานอาหารในวันนี้เป็นไปอย่าง
รวดเร็ว เมื่อทานเสร็จแม่บ้านลุซก็จัดการนำจานชามที่ตอนนี้แทบไม่เหลือเศษซากของ
อาหารไปล้าง สาเหตุก็มาจากผู้มาเยือนใหม่หรือฟรานนั่นเองที่หิวจนทานอาหารได้เยอะ
อย่างไม่มีหยุด แต่ก็ถือว่าดีเพราะว่าจะได้ไม่เสียเวลามากนักจะได้แนะนำตัวให้ทราบกันเลย
" กินกันเสร็จแล้วก็ตามไปเจอกันที่ห้องประชุมได้เลย อย่าชักช้าล่ะฉันขี้เกียจรอ" เมื่อ
คนที่อยู่ในห้องได้ยินก็รีบเดินตามผู้ที่กล่าวไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแม่บ้านลุซหรือ
ลุซซูเรียที่เก็บกวาดทำความสะอาดห้องอยู่และฟรานที่นั่งลูบท้องตัวเองหลังจากที่
ทานอาหารไปมากกว่าใคร
" นี่ รีบตามไปเร็วสิ บอสสั่งไม่ได้ยินรึไงเดี๋ยวจะเสียเวลาเอานะ ลุซไม่ช่วยด้วยนะขอบอก"
ลุซซูเรียรีบบอกเมื่อเห็นว่าฟรานยังไม่ไป
" ขอผมพักก่อนไม่ได้ เพิ่งทานอาหารไป อิ่มมากเลย" ฟรานพูดไปพลางลูบท้องที่แทบจะ
ไม่มีของตนเอง
" ก็แล้วแต่นะ ลุซไปก่อนนะ" ว่าแล้วลุซซูเรียก็เดินออกจากห้องไป ซึ่งตอนนี้ที่ห้องสำหรับ
รับประทานอาหารแห่งนี้ก็เหลือเพียงฟรานคนเดียวแล้ว
" เอ่อ...ว่าแต่ห้องประชุมที่ต้องไปทางไหนล่ะเนี่ย ไม่ใช่สิ...ทางออกของที่นี่อยู่ตรงไหน
ต่างหาก ต้องเดินหาทางออกเองแล้วสิ...เจ้าโรคจิตกับพวกไปกันหมดทางสะดวกล่ะ"
ฟรานพูดพลางเดินออกจากห้องแล้วเลี้ยวซ้ายไปตรงทางเดินแคบๆ เมื่อหลุดออกจาก
ทางเดินแคบๆนั้นก็พบว่ามีบันไดสีขาวทอดยาวลงไปด้านล่าง ฟรานเดินตามทางบันได
จนสุดก็พบว่าข้างล่างเป็นห้องเก่าๆที่ไม่มีคนใช้มานานมากแล้ว แต่แล้วก็มีของสิ่งหนึ่ง
สะท้อนแสงกระทบเข้าตาของฟรานพอดี ฟรานจึงเดินไปตามแสงที่สะท้อนในห้องเก่า
ที่มีแสงสลัว แล้วเขาก็หยิบสิ่งของที่สะท้อนแสงนั่นขึ้นมาแล้วก็พบว่ามันคือมีดสีเงิน
เล่มหนึ่งที่ไม่ได้มีลวดลายอะไร
" โธ่...ก็แค่มีดสั้นเล่มเดียว ไม่เห็นน่าสนใจอะไรเลย" ว่าแล้วฟรานก็ปามีดเล่มนั้นทิ้ง
แต่หารู้ไม่ว่าการปามีดทำให้เกิดแรงสั่นที่นิ้วของเบลเฟกอล นั่นทำให้เบลเฟกอลรู้
ทันทีว่ามีคนคิดหนีออกจากปราสาทแห่งนี้ เบลเฟกอลเลยวิ่งออกจากห้องประชุม
ตรงลงมาที่ห้องเก็บของ แต่ฟรานเองก็หูดีไม่แพ้กัน เลยหนีไปซ่อนในกล่องใบใหญ่
ที่ตั้งใกล้กล่องใบอื่นและของใช้ที่ไม่ได้ใช้หลายอย่าง หารู้ไม่ว่าเบลเฟกอลรู้ดีไม่ว่า
ฟรานจะซ่อนอยู่ไหน เพราะว่าสายเอ็นของเขามันพันนิ้วของฟรานเอาไว้เป็นที่
เรียบร้อยแล้ว เบลเฟกอลเดินห่างจากกล่องใบใหญ่ที่ฟรานซ่อนอยู่ก่อนกระตุก
นิ้วกลางดึงเส้นเอ็นและมีดขึ้นมาแล้วผ่าทุกอย่างที่อยู่ใกล้ๆเป็นเป็นสองส่วนก่อนที่
กล่องใบใหญ่ที่ฟรานซ่อนอยู่จะถูกผ่าออกเป็นสิ่งสุดท้าย
" ชิชิิชิ~ คิดจะหนีเหรอ ยังไงก็หาทางออกไม่เจอหรอกนะ เจ้าชายบอกแล้ว ถ้าจะออก
เจ้าชายคนนี้จะพาออกเอง ชิชิิชิ~" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็เดินเข้าไปแบกฟรานก่อนที่จะ
วิ่งตรงไปที่ห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
" เก็บกวาดให้สะอาดด้วย ไอ้สวะ" สควอโล่สั่งกับลุซซูเรียก่อนที่จะตามซันซัสไปที่
ห้องประชุม เมื่อทยอยไปกันหมด ลุซซูเรียก็รีบเก็บกวาดสิ่งของที่เบลเฟกอลเป็นคนสร้าง
ให้เรียบร้อย ระหว่างทำงานลุซซูเรียก็บ่นด้วยความน้อยใจไปด้วย
ณ ที่ห้องประชุม ขณะนี้มีเบลเฟกอลกับฟรานที่อยู่ในห้อง ทั้งสองต่างไม่มอง
หน้ากัน เพราะฟรานน้อยใจ ส่วนเบลเฟกอลก็เหนื่อยกับการแบกคนตัวเล็กที่น้ำหนักเยอะ
" ทำไมนายต้องคอยยุ่งกับชั้นด้วย ชั้นเกลียดนายที่สุดเลย ชีวิตของชั้นมันจะเป็นยังไง นายก็ไม่เห็น
ต้องยุ่งเลยสักนิด นายพาชั้นมาอยู่ที่นี่ กักขังไม่ให้ฉันได้ออกไปข้างนอก แล้วนายจะเอาอะไรอีก
ฮึก...ฮึก...ฮึ" ฟรานหันไปว่าบลเฟกอลด้วยความน้อยใจ แต่เจ้าตัวที่ถูกว่าไม่สนใจหันมามองหน้าเลยสักนิด
แต่สักพักร่างของฟรานก็หล่นตุ้บลงไปนั่งกับพื้นทันที เ้ก้าอี้ของฟรานถูกยกปากับฝาผนังห้องจนเป็นรอยร้าว
คนที่ถูกว่าหันหน้ากลับมามองด้วยความเจ็บปวด
" นายคิดเหรอว่าฉันอยากยุ่งกับนายนักน่ะ ที่่คนอย่างเจ้าชายต้องยุ่งก็เพราะว่านายมีความสำคัญกับทางเรา
ขอให้นายฟังบ้างสักนิดไม่ได้เหรอ ขอแค่นั้น...เท่านั้นไม่ได้เหรอ...โธ่เว้ย!" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็ชกกำแพง
จนมือเป็นแผลแล้วเดินออกไป สวนทางกับพวกสควอโล่ที่กำลังเดินจะเข้ามา แต่คราวนี้พวกสควอโล่
เปิดประเด็นทันทีที่นั่งลง และก็ไม่ลืมที่จะมัดฟรานให้นั่งติดกับเก้าอี้ด้วยเชือกที่ใช้ล่าสิงโต เจ้าตัวที่ถูกมัด
จึงต้องยอมนั่งฟังแต่โดยดี สควอโล่พูดถึงเรื่องที่ฟรานถูกจับตัวมาเพราะอะไร และได้เข้าเป็นส่วนหนึ่ง
ของวอริเออร์เป็นที่เรียบร้อย แล้วก็ส่งกล่องกำมะหยี่สีเขียวฟ้่าให้ฟราน แล้วแก้เชือกให้ฟรานก่อนที่ฟรานจะ
รับมาแล้วเดินกลับห้องไป ส่วนลุซซูเรียก็ถูกใช้ให้เก็บกวาดกำแพงที่ถูกเก้าอี้ของเบลเฟกอลปาเข้าใส่เช่นเดิม
และหลังจากออกจากห้องนั้นในใจของฟรานยังนึกเป็นห่วงเบลเฟกอลที่มีสีหน้าดูเจ็บปวดแบบนั้นกับมือที่ทุบ
กับกำแพงจนเป็นแผล จึงกลับมาที่ห้องซึ่งกว่าจะหาทางกลับมาได้ก็ 2 ชั่วโมงเต็ม แถมยังเดินไม่ดูทางจน
ชนกำแพงหัวปูดเป็นมะนาวสองลูกบนหน้าผาก แต่พอกลับไปถึงห้องก็รีบหายาทาแผลมาแล้วรีบหาห้องของ
เบลเฟกอลทันที แต่คราวนี้หาไม่นานก็เจอเพราะว่าฟรานได้เดินเล่นทั่วปราสาทนาน 2 ชั่วโมงเต็ม
เรียบร้อยแล้ว
" สะ...สวัสดีครับ มีใครอยู่มั๊ย เอิ่ม...หวังว่าผมคงไม่มารบ...อุ๊บ!...ตุ๊บ" ฟรานเปิดประตูแล้วค่อยๆเดินเข้าไป
พลางมองหาคนที่เป็นเจ้าของห้อง แต่เมื่อไม่เห็นการตอบรับจึงเดินเข้าไป แล้วก็ถูกคนที่ซ่อนอยู่หลังประตู
ปิดปากก่อนอุ้มไปโยนทิ้งบนเตียงนอนเตียงใหญ่ๆ ก่อนที่ฟรานจะหันไปมองเห็นว่าใครเป็นคนทำ ซึ่ง
ก็เป็นใครไม่ได้นอกจากคนที่ฟรานกำลังตามหา เพียงแต่ตอนนี้สิ่งที่ฟรานสังเกตเห็นคือ ผ้าพันแผลที่มือ
ถูกพันไว้อย่างลวกๆ รอยฟกช้ำยังคงปรากฏอยู่ให้เห็นบางส่วน ดูเหมือนจะไม่ได้พันปิดรอยไว้ ฟรานเห็น
ก็รู้สึกผิด จึงคลานเข้าไปหาพลางจับมือข้างนั้นขึ้นมาแล้วค่อยๆแก้ผ้าพันแผลออก จนเสร็จ แล้วเอามา
พันรอบมืออย่างประณีตใหม่
" ถึงจะดูว่าอดทนได้ก็เถอะครับ แต่หัดเข้าใจร่างกายของคุณบ้าง ว่ามันรู้สึกยังไง..." ฟรานพูดเพียงเท่านั้น
แล้วเบลเฟกอลก็ผลักให้ฟรานล้มลงไปบนเตียงอีกรอบก่อนจะรวบแขนทั้งสองข้างมามัดด้วยเส้นเอ็นจาก
ใบมีดที่ปาไปปักบนฝาผนังของห้อง เล่นเอาคนพูดแทบไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่คนเจ็บจะค่อยๆคลานบนเตียง
ตรงเข้าไปหาอย่างช้าๆแล้วจับคางของฟรานขึ้นมาเชิดดู
" ความรู้สึกของร่างกายน่ะ ใช่แบบนี้รึเปล่า?..." ว่าแล้วเบลเฟกอลก็ค่อยๆเอามือเข้าไปใต้เสื้อของฟราน
แล้วลูบไล้ผิวหนังของคนที่ถูกตรึงอย่างช้าๆ พลอยทำให้คนที่ถูกตรึงรู้สึกเสียวจนมีสีหน้าแดงระเรื่อ แล้ว
คนพูดก็เอามืออกจากใต้เสื้อนั้นอย่างช้าๆ พร้อมกับเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการถอดเข็มขัดที่รัดกางเกงออก
แทน แล้วค่อยๆดึงซิงให้รูดลงมา...
" อยะ...อย่าครับ อย่าทำแบบนี้ ผมขอโทษ...อย่าทำแบบนี้เลย..." คนถูกตรึงเริ่มไหวหวั่นและเกรงกลัว
จึงตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือน้ำตา พลางหันนห้าไปทางอื่น เพื่อหลบหน้าคนตรงหน้า
" เอาเถอะ วันนี้เจ้าชายเองก็จุกจนไม่อยากกินอะไรแล้ว งั้นปล่อยก็ได้ ไว้วันหลังจะเอาคืนให้สาสมยิ่งกว่านี้
ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ...ชิชิชิ~" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็ใช้มีดสั้นปาดไปตรงเส้นเอ็นที่ใช้ตรึงฟรานไว้ ก่อนจะเดิน
ไปเข้าห้องน้ำของตน แล้วฟรานจึงเดินก้มหน้าแล้วเร่งความเร็วของฝีเท้าวิ่งไปยังห้องของตนเองทันที...
รับประทานอาหาร เบลจัดแจงให้ฟรานนั่งอยู่ใกล้ๆเขา ไม่นานนักก็มีคนทยอยเข้ามา ทุกคน
ไม่พูดคุยและไม่มองหน้ากันแม้แต่น้อย ทำเหมือนว่าไม่รู้จักกัน สักพักอาหารก็เริ่มทยอย
เข้ามาในห้องนี้ กลิ่นของอาหารและหน้าาตาของมัน เมื่อฟรานได้เห็นก็เกิดอาการหิวขึ้นมา
แม่บ้านลุซก็เลยเสิร์ฟอาหารทันทีอย่างรวดเร็วด้วยความคล่องตัว เสร็จแล้วก็จัดคู่จานและ
ช้อนส้อมให้แต่ละที่นั่ง เสร็จแล้วตัวเองก็ไปประจำที่ของตัวเองก่อนที่คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะจะ
สั่งให้ทานอาหารได้ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบ ต่างกับทุกวันที่เบลเฟกอลมักจะเห็น
หัวหน้าของเขาทะเลาะกับนักดาบที่ปากร้ายชวนหาเรื่องเป็นประจำ แต่สุดท้ายก็จบ
ด้วยการทำโทษประจำวันซึ่งนั่นทำให้นักดาบปากร้ายต้องสงบไปถึงสามวันด้วยอาการ
หมดแรงจากการทำโทษของหัวหน้าของเขา การรับประทานอาหารในวันนี้เป็นไปอย่าง
รวดเร็ว เมื่อทานเสร็จแม่บ้านลุซก็จัดการนำจานชามที่ตอนนี้แทบไม่เหลือเศษซากของ
อาหารไปล้าง สาเหตุก็มาจากผู้มาเยือนใหม่หรือฟรานนั่นเองที่หิวจนทานอาหารได้เยอะ
อย่างไม่มีหยุด แต่ก็ถือว่าดีเพราะว่าจะได้ไม่เสียเวลามากนักจะได้แนะนำตัวให้ทราบกันเลย
" กินกันเสร็จแล้วก็ตามไปเจอกันที่ห้องประชุมได้เลย อย่าชักช้าล่ะฉันขี้เกียจรอ" เมื่อ
คนที่อยู่ในห้องได้ยินก็รีบเดินตามผู้ที่กล่าวไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแม่บ้านลุซหรือ
ลุซซูเรียที่เก็บกวาดทำความสะอาดห้องอยู่และฟรานที่นั่งลูบท้องตัวเองหลังจากที่
ทานอาหารไปมากกว่าใคร
" นี่ รีบตามไปเร็วสิ บอสสั่งไม่ได้ยินรึไงเดี๋ยวจะเสียเวลาเอานะ ลุซไม่ช่วยด้วยนะขอบอก"
ลุซซูเรียรีบบอกเมื่อเห็นว่าฟรานยังไม่ไป
" ขอผมพักก่อนไม่ได้ เพิ่งทานอาหารไป อิ่มมากเลย" ฟรานพูดไปพลางลูบท้องที่แทบจะ
ไม่มีของตนเอง
" ก็แล้วแต่นะ ลุซไปก่อนนะ" ว่าแล้วลุซซูเรียก็เดินออกจากห้องไป ซึ่งตอนนี้ที่ห้องสำหรับ
รับประทานอาหารแห่งนี้ก็เหลือเพียงฟรานคนเดียวแล้ว
" เอ่อ...ว่าแต่ห้องประชุมที่ต้องไปทางไหนล่ะเนี่ย ไม่ใช่สิ...ทางออกของที่นี่อยู่ตรงไหน
ต่างหาก ต้องเดินหาทางออกเองแล้วสิ...เจ้าโรคจิตกับพวกไปกันหมดทางสะดวกล่ะ"
ฟรานพูดพลางเดินออกจากห้องแล้วเลี้ยวซ้ายไปตรงทางเดินแคบๆ เมื่อหลุดออกจาก
ทางเดินแคบๆนั้นก็พบว่ามีบันไดสีขาวทอดยาวลงไปด้านล่าง ฟรานเดินตามทางบันได
จนสุดก็พบว่าข้างล่างเป็นห้องเก่าๆที่ไม่มีคนใช้มานานมากแล้ว แต่แล้วก็มีของสิ่งหนึ่ง
สะท้อนแสงกระทบเข้าตาของฟรานพอดี ฟรานจึงเดินไปตามแสงที่สะท้อนในห้องเก่า
ที่มีแสงสลัว แล้วเขาก็หยิบสิ่งของที่สะท้อนแสงนั่นขึ้นมาแล้วก็พบว่ามันคือมีดสีเงิน
เล่มหนึ่งที่ไม่ได้มีลวดลายอะไร
" โธ่...ก็แค่มีดสั้นเล่มเดียว ไม่เห็นน่าสนใจอะไรเลย" ว่าแล้วฟรานก็ปามีดเล่มนั้นทิ้ง
แต่หารู้ไม่ว่าการปามีดทำให้เกิดแรงสั่นที่นิ้วของเบลเฟกอล นั่นทำให้เบลเฟกอลรู้
ทันทีว่ามีคนคิดหนีออกจากปราสาทแห่งนี้ เบลเฟกอลเลยวิ่งออกจากห้องประชุม
ตรงลงมาที่ห้องเก็บของ แต่ฟรานเองก็หูดีไม่แพ้กัน เลยหนีไปซ่อนในกล่องใบใหญ่
ที่ตั้งใกล้กล่องใบอื่นและของใช้ที่ไม่ได้ใช้หลายอย่าง หารู้ไม่ว่าเบลเฟกอลรู้ดีไม่ว่า
ฟรานจะซ่อนอยู่ไหน เพราะว่าสายเอ็นของเขามันพันนิ้วของฟรานเอาไว้เป็นที่
เรียบร้อยแล้ว เบลเฟกอลเดินห่างจากกล่องใบใหญ่ที่ฟรานซ่อนอยู่ก่อนกระตุก
นิ้วกลางดึงเส้นเอ็นและมีดขึ้นมาแล้วผ่าทุกอย่างที่อยู่ใกล้ๆเป็นเป็นสองส่วนก่อนที่
กล่องใบใหญ่ที่ฟรานซ่อนอยู่จะถูกผ่าออกเป็นสิ่งสุดท้าย
" ชิชิิชิ~ คิดจะหนีเหรอ ยังไงก็หาทางออกไม่เจอหรอกนะ เจ้าชายบอกแล้ว ถ้าจะออก
เจ้าชายคนนี้จะพาออกเอง ชิชิิชิ~" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็เดินเข้าไปแบกฟรานก่อนที่จะ
วิ่งตรงไปที่ห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
" เก็บกวาดให้สะอาดด้วย ไอ้สวะ" สควอโล่สั่งกับลุซซูเรียก่อนที่จะตามซันซัสไปที่
ห้องประชุม เมื่อทยอยไปกันหมด ลุซซูเรียก็รีบเก็บกวาดสิ่งของที่เบลเฟกอลเป็นคนสร้าง
ให้เรียบร้อย ระหว่างทำงานลุซซูเรียก็บ่นด้วยความน้อยใจไปด้วย
ณ ที่ห้องประชุม ขณะนี้มีเบลเฟกอลกับฟรานที่อยู่ในห้อง ทั้งสองต่างไม่มอง
หน้ากัน เพราะฟรานน้อยใจ ส่วนเบลเฟกอลก็เหนื่อยกับการแบกคนตัวเล็กที่น้ำหนักเยอะ
" ทำไมนายต้องคอยยุ่งกับชั้นด้วย ชั้นเกลียดนายที่สุดเลย ชีวิตของชั้นมันจะเป็นยังไง นายก็ไม่เห็น
ต้องยุ่งเลยสักนิด นายพาชั้นมาอยู่ที่นี่ กักขังไม่ให้ฉันได้ออกไปข้างนอก แล้วนายจะเอาอะไรอีก
ฮึก...ฮึก...ฮึ" ฟรานหันไปว่าบลเฟกอลด้วยความน้อยใจ แต่เจ้าตัวที่ถูกว่าไม่สนใจหันมามองหน้าเลยสักนิด
แต่สักพักร่างของฟรานก็หล่นตุ้บลงไปนั่งกับพื้นทันที เ้ก้าอี้ของฟรานถูกยกปากับฝาผนังห้องจนเป็นรอยร้าว
คนที่ถูกว่าหันหน้ากลับมามองด้วยความเจ็บปวด
" นายคิดเหรอว่าฉันอยากยุ่งกับนายนักน่ะ ที่่คนอย่างเจ้าชายต้องยุ่งก็เพราะว่านายมีความสำคัญกับทางเรา
ขอให้นายฟังบ้างสักนิดไม่ได้เหรอ ขอแค่นั้น...เท่านั้นไม่ได้เหรอ...โธ่เว้ย!" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็ชกกำแพง
จนมือเป็นแผลแล้วเดินออกไป สวนทางกับพวกสควอโล่ที่กำลังเดินจะเข้ามา แต่คราวนี้พวกสควอโล่
เปิดประเด็นทันทีที่นั่งลง และก็ไม่ลืมที่จะมัดฟรานให้นั่งติดกับเก้าอี้ด้วยเชือกที่ใช้ล่าสิงโต เจ้าตัวที่ถูกมัด
จึงต้องยอมนั่งฟังแต่โดยดี สควอโล่พูดถึงเรื่องที่ฟรานถูกจับตัวมาเพราะอะไร และได้เข้าเป็นส่วนหนึ่ง
ของวอริเออร์เป็นที่เรียบร้อย แล้วก็ส่งกล่องกำมะหยี่สีเขียวฟ้่าให้ฟราน แล้วแก้เชือกให้ฟรานก่อนที่ฟรานจะ
รับมาแล้วเดินกลับห้องไป ส่วนลุซซูเรียก็ถูกใช้ให้เก็บกวาดกำแพงที่ถูกเก้าอี้ของเบลเฟกอลปาเข้าใส่เช่นเดิม
และหลังจากออกจากห้องนั้นในใจของฟรานยังนึกเป็นห่วงเบลเฟกอลที่มีสีหน้าดูเจ็บปวดแบบนั้นกับมือที่ทุบ
กับกำแพงจนเป็นแผล จึงกลับมาที่ห้องซึ่งกว่าจะหาทางกลับมาได้ก็ 2 ชั่วโมงเต็ม แถมยังเดินไม่ดูทางจน
ชนกำแพงหัวปูดเป็นมะนาวสองลูกบนหน้าผาก แต่พอกลับไปถึงห้องก็รีบหายาทาแผลมาแล้วรีบหาห้องของ
เบลเฟกอลทันที แต่คราวนี้หาไม่นานก็เจอเพราะว่าฟรานได้เดินเล่นทั่วปราสาทนาน 2 ชั่วโมงเต็ม
เรียบร้อยแล้ว
" สะ...สวัสดีครับ มีใครอยู่มั๊ย เอิ่ม...หวังว่าผมคงไม่มารบ...อุ๊บ!...ตุ๊บ" ฟรานเปิดประตูแล้วค่อยๆเดินเข้าไป
พลางมองหาคนที่เป็นเจ้าของห้อง แต่เมื่อไม่เห็นการตอบรับจึงเดินเข้าไป แล้วก็ถูกคนที่ซ่อนอยู่หลังประตู
ปิดปากก่อนอุ้มไปโยนทิ้งบนเตียงนอนเตียงใหญ่ๆ ก่อนที่ฟรานจะหันไปมองเห็นว่าใครเป็นคนทำ ซึ่ง
ก็เป็นใครไม่ได้นอกจากคนที่ฟรานกำลังตามหา เพียงแต่ตอนนี้สิ่งที่ฟรานสังเกตเห็นคือ ผ้าพันแผลที่มือ
ถูกพันไว้อย่างลวกๆ รอยฟกช้ำยังคงปรากฏอยู่ให้เห็นบางส่วน ดูเหมือนจะไม่ได้พันปิดรอยไว้ ฟรานเห็น
ก็รู้สึกผิด จึงคลานเข้าไปหาพลางจับมือข้างนั้นขึ้นมาแล้วค่อยๆแก้ผ้าพันแผลออก จนเสร็จ แล้วเอามา
พันรอบมืออย่างประณีตใหม่
" ถึงจะดูว่าอดทนได้ก็เถอะครับ แต่หัดเข้าใจร่างกายของคุณบ้าง ว่ามันรู้สึกยังไง..." ฟรานพูดเพียงเท่านั้น
แล้วเบลเฟกอลก็ผลักให้ฟรานล้มลงไปบนเตียงอีกรอบก่อนจะรวบแขนทั้งสองข้างมามัดด้วยเส้นเอ็นจาก
ใบมีดที่ปาไปปักบนฝาผนังของห้อง เล่นเอาคนพูดแทบไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่คนเจ็บจะค่อยๆคลานบนเตียง
ตรงเข้าไปหาอย่างช้าๆแล้วจับคางของฟรานขึ้นมาเชิดดู
" ความรู้สึกของร่างกายน่ะ ใช่แบบนี้รึเปล่า?..." ว่าแล้วเบลเฟกอลก็ค่อยๆเอามือเข้าไปใต้เสื้อของฟราน
แล้วลูบไล้ผิวหนังของคนที่ถูกตรึงอย่างช้าๆ พลอยทำให้คนที่ถูกตรึงรู้สึกเสียวจนมีสีหน้าแดงระเรื่อ แล้ว
คนพูดก็เอามืออกจากใต้เสื้อนั้นอย่างช้าๆ พร้อมกับเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการถอดเข็มขัดที่รัดกางเกงออก
แทน แล้วค่อยๆดึงซิงให้รูดลงมา...
" อยะ...อย่าครับ อย่าทำแบบนี้ ผมขอโทษ...อย่าทำแบบนี้เลย..." คนถูกตรึงเริ่มไหวหวั่นและเกรงกลัว
จึงตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือน้ำตา พลางหันนห้าไปทางอื่น เพื่อหลบหน้าคนตรงหน้า
" เอาเถอะ วันนี้เจ้าชายเองก็จุกจนไม่อยากกินอะไรแล้ว งั้นปล่อยก็ได้ ไว้วันหลังจะเอาคืนให้สาสมยิ่งกว่านี้
ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ...ชิชิชิ~" ว่าแล้วเบลเฟกอลก็ใช้มีดสั้นปาดไปตรงเส้นเอ็นที่ใช้ตรึงฟรานไว้ ก่อนจะเดิน
ไปเข้าห้องน้ำของตน แล้วฟรานจึงเดินก้มหน้าแล้วเร่งความเร็วของฝีเท้าวิ่งไปยังห้องของตนเองทันที...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น