ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Reborn ] รักร้ายเจ้าชายโรคจิต BF

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 54


    � � คุณเคยบ้างไหมครับที่คิดว่าพอตัวเองได้เข้าไปทำงานในแบบสบายๆแล้วได้เงินดีแบบนั้นน่ะ?�

    � � � � � � � ถ้าหากคุณมาเห็นผมในสถานที่ทำงานของผมแล้วล่ะก็คุณแทบไม่ต้องคิดเลยว่าอยากทำงานอย่างนั้น

    อีกมั๊ย �ผมแน่ใจว่าคุณไม่อยากแน่!!! �เพราะว่าในแต่ละวันต้องคอยไปยุ่งกับตาแก่หนังเหี่ยว � ต้องคอยโดนลวนลาม

    ถึงแม้จะนิดหน่อยก็เถอะแต่ผมก็สะอิดสะเอียนมากทีเดียว �เขาบอกว่าถ้าผมยอมนอนกับเขา �เขาจะเพิ่มเงินให้ผม

    มากกว่าเงินเดือนที่ผมได้รับถึงร้อยเท่า �แต่ผมไม่ได้ต้องการแบบนั้นหรอกครับ � เลยปฏิเสธไปทุกครั้ง �บางราย

    ถึงกับจะฉุดผมไปแต่ผมก็เอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้งไป �แต่แล้ววันหนึ่งก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาในร้าน

    ผมของเขายาวลงมาปิดตา �ผมสงสัยจังว่าเขามองได้อย่างไร? � � �เส้นผมปิดตามิดซะขนาดนั้นน่ะ �แล้วผู้ชายคนนั้น

    ก็เดินตรงไปที่โต๊ะด้านในสุดผมก็เลยเดินไปจะจดรายการอาหารตามที่หน้าที่แต่ทันทีที่ไปถึง

    " นายน่ะ �สนใจจะไปทำงานกับพวกเรามั๊ย?" �ชายคนนั้นถาม

    " แล้วงานอะไรเหรอครับ" �ผมถามออกไปตามความคิด

    " ไม่บอกหรอก ชิชิชิ~~" �ผู้ชายคนนั้นหัวเราะ �แต่ไม่บอกคำตอบให้ผม

    " งั้นผมก็ไม่ไปหรอกครับ �บางทีงานนั่นอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ �แล้วจะสั่งอะไรมั๊ยครับ � ถ้าไม่ก็เชิญออกไป!" �ผม

    ตอบไปอย่างไม่ใยดี �เพราะว่าเขาไม่ยอมตอบผม �ผมลุกขึ้นกำลังจะเดินไปจากตรงนั้น �แต่ว่ามีอะไรบางอย่างเฉี่ยว

    ผ่านแขนผมไป �สักพักความรู้สึดเจ็บก็แล่นขึ้นมาตรงต้นแขนตรงนั้น �แล้วตาผมก็เริ่มพร่ามัวหลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้

    อะไรทั้งสิ้น �แต่ก่อนที่ผมจะสลบไปผมเห็นสีผมของเขาคนนั้น �เป็นฝีมือของเขาคนนั้นเหรอ? �เขาช่วยผมหรือ

    ทำร้ายผมกันแน่? �แต่ผมก็ไม่ลังเลใจอีกเมื่อเห็นว่ามีคนสวมชุดสูทสองถึงสามคนมาอุ้มตัวผมไป

    � � � � � � � � � � � ��
    � � � � � � � � � � � � � � � �1 �ชั่วโมงผ่านไป �ผมลืมตาขึ้นอย่างช้าๆพลางมองไปรอบตัวว่าที่นี่เป็นที่ไหน �สิ่งที่ผมเห็น

    ไม่ใช่ห้องนอนสีขาว �ห้องที่มีกลิ่นยาเหมือนที่โรงพยาบาลแต่เป็นห้องนอนสีเขียวออกฟ้า �ห้องของที่นี่กว้างกว่า

    ที่บ้านผมเยอะเลย �เตียงนอนก็มีผ้าม่านแต่ตอนนี้ถูกรวบเอาไว้ �สิ่งต่อมาที่ผมเห็นคือ...

    " เฮ้ย!...คุณมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?" �ผมตกใจทันทีเมื่อเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีคนมานั่งอยู่ตรงขอบเตียง

    ข้างๆผม �ผมจำได้ดีคนๆนี้เป็นเหตุให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ � �ผมกำลังจะยกแขนขึ้นเอามือชี้หน้าต่อว่าสักหน่อยแต่ว่า...

    " โอ๊ย! �แขนผม" �ผมเจ็บจนน้ำตาแทบไหล �แขนผมเป็นอะไรไปเนี่ย �พอมองดูดีๆแล้วก็เห็นผ้าสีขาวถูกพันไว้

    รอบๆแขนด้วยความประณีต � ผมสังเกตตัวผมดีแล้วนะ � �คือว่าเสื้อสีขาวแขนยาวอยู่ไหน...ทำไมผมเหลือแต่

    เสื้อกล้ามสีดำเท่านั้นล่ะ

    " ชิชิชิ~ อะไรกันท่าทางตกใจอย่างนั้นน่ะ � อย่ามาคิดว่าคนอย่างเจ้าชายจะเป็นอย่างนั้นนะ �ชิชิชิ~" �ผู้ชาย

    ที่สวมมงกุฎขนาดเล็กบนศีรษะ �และใส่เสื้อคลุมหนังสีดำที่มีขนสัตว์พูดด้วยเสียงที่ฟังยังไงก็โรคจิตชัดๆ

    " เสื้อผมอยู่ไหน? �ผมจะกลับบ้าน" �แม้ผมจะเสียดายห้องที่ใหญ่โตขนาดนี้ �และของประดับห้องที่ดูมีมูลค่า

    แต่ผมก็ไม่อยากที่จะอยู่กับคนพรรค์นี้หรอก

    " ชิชิชิ~ �ช่วยไม่ได้นะ...ที่นี่น่ะไม่มีทางออกหรอก � ถ้าจะออกไป...เจ้าชายจะพาออกไปเอง �เพราะเจ้าชาย

    เป็นคนที่พานายเข้ามาเอง �ชิชิชิ" �ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยความเย้ยหยัน �แถมยังไม่ลืมส่งเสียงโรคจิตมาข่มขวัญ

    ของผมอีก �เสร็จแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องของผม �ทิ้งให้ผมนั่งโมโหอยู่คนเดียว

    " ฮึ่ย...โอ๊ย! �เจ็บจังเลย �แค้ขยับแขนนิดเดียวก็เจ็บ �เจ้าบ้าผมทองนั่นทำอะไรกับเรากันแน่เนี่ย" �ฟรานพูดจบ

    ก็แกะผ้าพันแผลออกก็พบว่ามีรอยบาดที่เกิดจากของมีคมเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น � จึงไม่ได้ใส่ใจมาก �ฟราน

    เดินเข้าไปในที่ � ที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องน้ำเพื่อหาน้ำมาล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อยเพราะเห็นว่าไม่ได้อาบน้ำ

    ก่อนออกจากบ้านไปที่ทำงาน �แต่พอจะขยับแขนอีกข้างที่เป็นแผลก็รู้สึกเจ็บ � แต่แล้วประตูห้องน้ำก็เปิดออก

    พร้อมด้วยลุซซูเรีย ที่เดินเข้ามา

    " ต๊ายยย!~ �อย่าเพิ่งขยับแขนแรงนักสิ �แผลยังไม่สมานกันเลยนะ �มา...ถ้าจะอาบน้ำเดี๋ยวลุซจะถูหลังให้เอง

    นะฮ้า~" �ว่าแล้วลุซซูเรียก็ไม่อยู่เฉยตรงเข้ามาหวังจะถอดเสื้อกล้ามของฟรานเพื่ออาบน้ำให้ � �แต่ก็มีมีดสี่เล่ม

    ถูกปาผ่านหน้าไปอย่างฉิวเฉียด �นั่นเป็นฝีมือของเบลเฟกอลนั่นเอง

    " ชิชิชิ~ คนคนนี้เจ้าชายจองแล้วนะ �ใครก็ห้ามแตะทั้งสิ้น �ถ้ายังไม่อยากถูกเจ้าชายคนนี้ฆ่าก็ถอยไป ชิชิิชิ~"

    เบลเฟกอลพูดด้วยน้ำเสียงที่คนฟังแล้วรู้สึกสยองให้กับลุซซูเรีย �แล้วก็หันไปมองฟรานที่ตอนนี้ทำหน้าไม่

    พอใจใส่เขาอยู่ �แต่คนอย่างเจ้าชายไม่เคยเกรงกลัวอะไรก็เลยเดินตรงเข้าไปแล้วถีบให้ลุซซูเรียออกห่างจาก

    ห้องน้ำของตนเองก่อนที่จะล็อกประตูอยู่สองต่อสองกับฟราน �โดยปล่อยให้ลุซซูเรียนั่งบ่นว่าเบลเฟกอลอยู่

    ข้างนอกคนเดียว

    " ชิชิชิ~ เจ้าชายจะบอกไว้ให้รู้เลยนะว่านายน่ะอยู่ในสถานะอะไร �แล้วต่อไปนี้ก็ห้ามให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัว

    อีกล่ะ �ไม่งั้น...เจ้าชายจะลงโทษให้หนักเลย �ชิชิชิ~ จุ๊บ" �หลังจากที่เบลเฟกอลพูดจบ �หน้าของเขาก็เลื่อน

    ไปอยู่ตรงลำคอของฟรานแล้วประทับรอยจูบ �อาจจะเรียกว่าดูดมากกว่าเพราะมันทำให้เกิดรอยสีแดงบริเวณ

    ซอกคอของฟรานทันทีที่ถุกประทับรอย

    " นี่! ทั้งสองคนออกมาเลยนะ �เบลจังมาทำอย่างนี้ได้ยังไง �ลุซไม่ยอมด้วยจริงๆนะ �ออกมา!...ปัง!!! �ตึง!!!"

    สิ้นเสียงพูดของลุซซูเรียประตูห้องน้ำที่แสนจะแข็งแรงก็พังจนประตูไปแปะไว้กับฝาผนังอีกด้านของห้องน้ำ

    สภาพที่เห็นคือมีคนสองคนที่คนนึงเอามือวางทาบกับฝาผนัง �ใบหน้าอยู่ต่ำกว่าคางของอีกฝ่าย �ส่วนอีกคน

    ก็ถูกกันเอาไว้ไม่ให้หนีแถมมีรอยแดงอยู่ตรงซอกคอ �มีใบหน้าสีแดงระเรื่อด้วยความโกรธ � ส่วนลุซซูเรียก็

    ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่สนใจว่าแรงจากบานประตูที่ถูกพังจะทำให้ห้องน้ำมีรอยร้าวเป็นวง

    " ชิชิชิ~ นี่...แม่บ้านลุซเก็บกวาดห้องนี้ให้สะอาดด้วยล่ะ �อ้อ...เตรียมอาหารเย็นให้ด้วยนะ �เพิ่มเป็นหกที่

    ส่วนนายมานี่ �ชิชิิชิ~ เดี๋ยวเจ้าชายจะสอนให้รู้จักว่าสถานะของนายคืออะไรเอง �ชิชิชิ~" �พูดจบเบลเฟกอล

    ก็ดึงแขนข้างที่ไม่เจ็บของฟรานแล้ววิ่งออกจากห้องนั้นไป �โดยไม่ปล่อยให้ลุซซูเรียต่อว่าอะไรเขาได้อีก

    พอเบลเฟกอลฉุดแขนของฟรานวิ่งมาได้สักพัก �เจ้าของแขนก็รีบสะบัดแขนของตนจากการเกาะกุมของ

    อีกฝ่ายทันทีด้วยความรังเกียจ �ทำให้เบลเฟกอลต้องหยุดวิ่งทันที

    " ผมไม่ต้องการที่จะรู้ว่าผมมาอย๔ู่ในสถานะอะไร �ไม่ว่าผมจะเป็นยังไง � ผมก็เกลียดคุณที่สุด �ปล่อยผม

    ให้ผมไปเถอะ �ผมไม่มีค่าพอหรอกปล่อยผมไปเถอะ..." � � � �ฟรานพยายามที่จะกล่อมให้เบลเฟกอลปล่อยตัว

    เขาไป �แต่มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฟรานคิด�

    " ชิชิิชิ~ คนอย่างเจ้าชายรวยพอไม่ต้องการเงินของใครหรอก....แล้วก็อย่าคิดเลยว่าเจ้าชายจะปล่อยไป

    ง่ายๆ �อุตส่าห์เสียแรงไปจับมา �จะไม่ลองฟังข้อเสนอก่อนเหรอเผื่อว่านายอาจจะชอบก็ได้ไง ชิชิิชิ~"

    แล้วเบลเฟกอลก็เดินนำฟรานไปที่ห้องหนึ่งซึ่งตกแต่งสวยงาม �ตรงกลางห้องมีโต๊ะหินอ่อนรูปสี่เหลี่ยมยาว

    จนวางเก้าอี้ได้ถึงสิบสองตัวโดยมีเก้าอี้เบาะนุ่มที่ทำมาจากขนนกวางไว้ตรงหัวโต๊ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×