ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ▲ A p p l i c a t i o n ▲

    ลำดับตอนที่ #3 : เมื่อผมกลายเป็นหนุ่มน้อยเวทมนตร์ ll VLADISLAV KYRIL

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 61


    A p p l i c a t i o n

    Magic boy




    " ผมเคยสัญญาอะไรแบบนั้นด้วยหรอ...?? "



    ชื่อ :: วลาดิสลาฟ คิริล // Vladislav Kyril
    เชื้อชาติ :: รัสเซีย
    อายุ :: 19 ปี
    เพศ :: ชาย (รับ) - สนใจ ชาย
    ส่วนสูง/น้ำหนัก :: 169 เซนติเมตร 53 กิโลกรัม
    อาชีพ :: นักเรียนมัธยมปลาย
    งานอดิเรก :: เลี้ยงแมว  ,เล่นหมากรุก , เล่นซูโดกุ 
    ความสามารถพิเศษ :: จับโกหกเก่ง
    ตำแหน่งของตราเวทมนตร์ :: บั่นเอวด้านหลังข้างซ้าย

    เวทมนตร์พิเศษ :: พันธนาการ ความสามารถของคิริวคือการพันธนาการเป้าหมาย จะวงเวทย์สีน้ำเงินใต้ร่างของเป้าหมายและพริบตาเดียวโซ่จำนวนนับไม่ถ้วนก็จะพุ่งขึ้นมาจากวงเวทย์เพื่อล็อคไว้ไม่ให้ขยับตัว ไม่มีใครรู้จำนวนที่แน่นอนของโซ่ทว่ามันจะหยุดก็ต่อเมื่อเป้าหมายไม่ขัดขืน
                     
                   ข้อดี :: สามารถพันธนาการเป้าหมายจำนวนเท่าใดก็ได้ตามที่ต้องการ ตราบใดที่ยังมีสติ

                      ข้อเสีย :: คิริลจะไม่สามารถขยับร่างกายจากจุดที่ยืนอยู่ได้ จึงง่ายต่อการตกเป็นเป้านิ่ง

    ลักษณะของชุด :: ชุดในเวลาปรกติของคิริลโดยส่วนใหญ่จะเขาจะสวมเชิ้ตแบบบัตทอนดาว์สีขาวสะอาดตาปล่อยสบาย อาจจะมีบ้างที่สวมเสื้อนอกอย่างพีโค้ทหรือดัฟเฟิลโค้ท กับยีนส์ขนานพอดีกับเรียวขาสีกรมท่าพร้อมกับรองเท้าแบบ Toe Cap บุคลิกของเขาจึงดูเหมือนคุณชายผู้สูงศักดิ์ เมื่อแปลงร่างเส้นผมสีดำขลับของเขาจะยาวขึ้นถึงบั่นเอวจากที่ยาวระต้นคอ ดวงตาของเขาจะเปลื่ยนเป็นสีม่วงเหมือนกับดอกวิสทีเรีย เสื้อของเขาจะเปลื่ยนเป็นเสื้อเชิ๊ตปกตั้งปิดคอแต่งด้วยริบบิ้นโบว์สีน้ำเงินแขนกุดสีขาวบริสุทธ์ บริเวณแถวกระดุมทั้งสองด้านตกแต่งด้วยระบายลูกไม้และส่วนชายเสื้อด้านหลังก็แยกออกเป็นสองฝั่งเป็นรูปสามเหลี่ยมกลับหัวยาวถึงน่องขา มาพร้อมกับกางเกงทรงฟักทองฟูฟ่องสีขาวโชว์ขาขาวเรียวยาวให้ดูเป็นหนุ่มน้อยเวทย์มนต์ยิ่งขึ้น(?) และสวมรองเท้าบูทส้นแบนสีดำยาวถึงน่องขา ปิดท้ายด้วยผ้าคลุมผืนใหญ่สีดำสนิทที่เจ้าตัวเอาไว้เพื่อปกปิดเกงดางที่น่าอายของตน 

    นิสัย :: หลังจากเหตุการ์ณในตอนนั้น คิริลก็มักจะนิ่งเงียบดูหยิ่งยโสอยู่เสมอ ทว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ เขาสามารถเข้ากับผู้อื่นได้ง่ายทว่าก็ไม่ได้สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ เพราะคิริลไม่ได้ต้องการเพื่อนเยอะแต่เขาต้องการแค่คนๆ เดียวที่เขาสามารถไว้วางใจพูดสิ่งที่คิดและแสดงตัวตนของเขาได้ หากได้เป็นคนๆ นั้นที่คิริลตามหา คนๆ นั้นก็จะได้รับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเป็นประจำ เพราะจริงๆ เขาเป็นคนอารมณ์ขันและยังชอบกวนเท้าเพื่อนตัวเองเป็นครั้งคราว คิริลเป็นคนหวงเนื้อหวงตัวไม่ชอบให้ใครแตะตัว.. แต่ต้องเรียกว่าไม่ชินและรู้สึกแปลกมากกว่า เพราะตั้งแต่เด็กการสัมผัสถูกตัวคนอื่นแทบจะนับครั้งได้จนส่งผลถึงปัจจุบัน เด็กหนุ่มเป็นคนเรียบง่าย ไม่มีความอิจฉาริษยาต่อผู้อื่น ไม่มีความโลภมาก และพอใจกับสิ่งที่ตนมี ถึงจะมีสิ่งที่ต้องการก็ล้วนแต่เป็นของธรรมดาๆ ที่หาได้ทั่วไป คิริลเป็นคนอ่อนโยน นึกถึงผู้อื่นตลอดเวลา อีกทั้งเขายังเป็นพวกรักสงบ ไม่มีเหตุจูงใจเขาก็ไม่คิดจะทำร้ายใครก่อน และถึงจะดูนิ่งเงียบทว่าว่าเขาไม่ได้ชอบที่ต้องอยู่คนเดียว จึงมักไปนั่งนิ่งอยู่ในกลุ่มซะมากกว่า และหากมีใครมาหาเรื่อง เขาก็จะหมางเมินคนๆ นั้นเหมือนไม่มีตัวตนในสายของเขาเช่นเดียวกับเวลาที่เขาโกธร คิริลเป็นคนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างอารมณ์และเหตุผล.. ทว่าก็ยังเอนทางอารมณ์อยู่ดี (?) แต่ถึงจะใช้อารมณ์แต่ก็ยังคงมั่นใจได้ว่าเขาก็พอจะมีเหตุผลและรับฟังอยู่บ้าง ส่วนจะทำตามที่บอกหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่อง คิริลเป็นคนพูดไม่คิด.. คำบางคำที่หลุดออกมาจึงอาจจะทำร้ายจิตใจคนอื่นโดยที่เขาไม่รู้ตัว 

                ทว่าคิริลกับไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่าแท้จริง เขาเป็นคนที่เอาความคิดของตนเป็นที่ตั้งแถมยังดื้อรั้น ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการดูแลเอาใจใส่ผู้อื่น แต่เป็นความคิดว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะเป็นผลดีต่ออีกคนโดยไม่ถามความเห็นหรือความสมัครใจ ด้วยภายนอกที่นิ่งเงียบทำให้อ่านออกได้ยากว่าคิดอะไรอยู่ และถึงจะรู้การจะเกลี้ยกล่อมให้เขาเลิกก็ยากเย็นแสนเข็น เพราะด้วยความเด็ดเดี่ยว เมื่อได้ตัดสินใจอะไรลงไปแล้วก็ยากจะตัดทิ้ง คิริลนั้นมีนิสัยเสียที่คนรอบกายหนักใจ เขานั้นไม่เคยเห็นความสำคัญของตนเองเลยสักครั้งเดียว ทำให้เขามักจะทำโดยไม่คิดถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตนเหมือนพร้อมจะทิ้งทุกอยางเพื่อเป้าหมาย และยังเป็นคนที่ดื้อรั้นไม่เข้าเรื่อง เพราะหลังจากที่ตื่นมาโดยไร้ตัวตนและความทรงจำเกี่ยวกับพ่อแม่.. เขาก็เอาตัวรอดและทำทุงอย่างตัวเองและเหตุการ์ณบูลลี่ในวัยเด็กยังฝังลึกในหัว จึงเป็นเหตุให้เขาไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใครอีกทั้งยังไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็นเพราะสำหรับคิริลการทำแบบนั้นมันน่าสมเพชและน่าอายสำหรับเขา และซ่อนความเศร้าไว้ภายใต้หน้ากากเรียบนิ่ง

    ประวัติ :: วลาดิสลาฟ คิริล เขาเป็นลูกชายคนเดียวภายในบ้าน เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง ดูเหมือนชีวิตของเขาจะส่องแสงแห่งความสุขทว่าพอมองย้อนกลับไปคิริลกลับจำเรื่องราวในวัยเด็กได้น้อยมาก สิ่งที่เขาจำได้มีเพียงพ่อและแม่ที่ยุ่งอยู่แทบจะตลอดเวลา จนไม่มีเวลากลับบ้าน คิริลเป็นเด็กฉลาด.. ทว่ามันทำให้เขากลายเป็นเด็กที่แสดงออกน้อยลงและยิ้มทุกครั้งที่ถูกถามว่าอยู่บ้านคนเดียวได้หรือไม่ ซึ่งเขาก็ต้องตอบว่า ได้ ทุกครั้งไป จุดเริ่มต้นของหายนะเริ่มขึ้นเมื่อเขาและแม่ต้องย้ายไปที่เมืองอื่นด้วยหน้าที่การงานของแม่ เขาและแม่อาศับอยู่ที่ต่างเมืองเป็นเวลาถึง 6 ปี ก่อนจะมีโอกาศได้ย้ายกลับมาเมืองเกิดก่อนกำหนด 3 ปี แต่แทนที่จะได้มีความสุขเพราะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ทว่าแม่ก็เริ่มได้ยิ่นข่าวลือเกี่ยวกับพ่อของตนที่ไปแอบมีบ้านเล็กบ้านน้อย.. แม่เป็นหญิงสาวที่มีศักดิ์ศรีและเมื่อมีอะไรสงสัยก็จะรีบหาคำตอบ จึงรีบไปคุยเรื่องข่าวลืมที่ได้ยินมาพร้อมกับหลังฐาน แทนที่จะจบลงด้วยดีแต่ทั้งคู่กับทะเลาะกันต่อหน้าคิริล.. แม้แม่ของเขาอยากจะหย่าจากผู้เป็นพ่อทว่าด้วยความที่เธอถูกตัดหน้าปล่อยวัดเนื่องจากหนีงานคู่หมั้นของเธอมาเพื่อมาแต่งกับพ่อ เมื่อหย่ากับเธอก็จะไม่เหลืออะไรเลยและไม่มีที่ให้กลับ.. แม่ของเขาจึงจำต้องทนต่อคำพูดว่าสามีของตนอยู่กับหญิงอื่นด้วยน้ำตาซึ่งตัวเด็กหนุ่มรู้ว่าเพื่อตัวเขาด้วย เนื่องจากในวัยเด็กไม่ค่อยได้สร้างความสัมพันธ์กับผู้เป็นพ่อ ในสายตาของคิริลในปัจจุบันชายคนนั้นจึงไม่ต่างจากคนแปลกหน้าที่ได้ชื่อว่าพ่อและติดผู้เป็นแม่มากกว่า และตัวคิริลในเวลานั้นที่ย้ายกลับมาก็ประสบปัญหา.. เขาถูกเพื่อนที่โรงเรียนบูลลี่กลั่นแกล้งอย่างรุนแรง.. เป็นเพราะสีตาที่แปลกประหลาดของเขา แทนที่จะเป็นสีฟ้าอย่างทุกคนกับเป็นสีน้ำเงินปยม่วงซึ่งทุกคนต่างพูดว่ามันน่าขยะแขยง

                           เพราะเห็นผู้เป็นแม่ของตนเครียดและเหนื่อย จึงไม่อยากทำให้แม่เหนื่อยอีกเขาจึงเก็บเงียบไว้ในใจ.. วันเวลาผ่านไป ... พวกเราทั้งสามก็ยังคงอยู่ร่วมกันทว่าไม่มองหน้าหรือพูดคุยกัน แม่ของเขาต้องการจะหย่าและออกไปมีชีวิตที่ดีกว่า เธอเขาไปคุยข้อร้องอ้อนวอนให้เขาหย่ากับเธอและมอบเงินจำนวนนึงให้เธอได้ไปตั้งหลักใหม่ ทว่าเขากลับยิ้มเยาะให้แก่แม่ของเธอและบอกว่าถ้าจะไปก็ไปแต่ตัว... จากนั้นก็ขับรถออกจากบ้านไปโดยไม่หันกลับมามอง.. แม่ของเขาร้องให้อย่างหนักเธอสิ้นหวังและกำลังขาดสติ เป็นช่วงเดวลาเดียวกลับที่คิริลเขาไปปลอบทว่าเธอกับสบัดมือของลูกชายออกและตะโกดคำพูดที่โหดร้าย ' ถ้าฉันไม่มีแก ฉันคงไม่ต้องมาทนอยู่แบบนี้หรอก! แกไม่น่าเกิดมาเลย!! ไปให้พ้น!!! ' คิริลชะงักค้าง.. ใบหน้าก้มต่ำก่อนจะค่อยๆ ก้าวออกจากห้องรับแขงและวิ่งออกบ้านไป คิริลเดินไปเรื่อยไร้จุดหมาย... ในหัวก็เอาแต่คิดถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับคำพูดของผู้เป็นแม่..ก่อนจะหยุดก้าวเดิน สายตาที่น้ำเงินปนม่วงที่น่าหลงใหลเลื่อนไปมองที่ถนน คิริลเป็นเด็กที่อ่อนโยน.. เขามังจะคิดถึงผู้อื่น ขนานจะต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองเขายังไม่กล้าทำ.. เพราตัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ.. หรือจริงๆ แล้วเขาแค่คนขี้ขลาด ใช่เขาขี้ขลาดในเมื่ออยู่ต่อก็มีแต่ทุกข์ สู้ตายไปได้อยู่อย่างสงบพร้อมกับการได้ปลดปล่อยแม่ของเขาคงจะดีกว่า.. เมื่อคิดได้ดังนั้นขาทั้งสองก็หันไปทางถนนเตรียมที่จะกระโจนใส่ให้รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสู้งเนื่องจากถนนโรงชน.. แต่ทว่า...ก่อนที่จะกระโจนออกไปนั้น ' ทำแบบนั้นผมก็ลำบากแย่สิ.. อยากจะเปลื่ยนแปล-- อืม.. ไม่สิแกน่ะต้องมีชีวิตที่น่าสมเพชต่อไปอย่างโดดเดี่ยว ' ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไปและตื่นขึ้นมาภายในห้องนอนของตน... พร้อมกับความทรงที่เกี่ยวกับพ่อและแม่ที่หายไปตลอดกาล

    โรคประจำตัว :: XX
    สิ่งที่ชอบ :: เครื่องดื่มบลูฮาวาย , ( ทาส )แมว , หนังสือประวัติศาสตร์ , เวลากลางคืน , อากาศชื้น
    สิ่งที่ไม่ชอบ :: เครื่องดื่มรสชาติขม , อาหารรสเผ็ด , ผักทุกชนิด , อากาศหนาว , อากาศร้อน(?) 
    กลัว :: สุนัข ( กลัวขึ้นสมอง ) ,หนอนแมลง การอยู่โดยไร้ไม่รู้เลยอะไร (ผมกระทบจากการใช้พลัง)
    มีอะไรอยากบอกไรท์ไหม :: " จัดหนักๆ  ไอ้อารมณ์ขันกับกวนเท้าน่ะเป็นเฉพาะกับเพื่อนสนิท  "  
     
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×