ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Teach Me Love สอนไว้...ให้รู้ว่ารัก [WONKYU]

    ลำดับตอนที่ #2 : ˋ _____unit 1; อาจารย์ชีวะ?

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 55





     


     

    © RealKim

     

     


     

    UNIT 1

    อาจารย์ชีวะ?





     











     

                 

     


     

     

                นี่คือ..ผมครับ…

    รูปนั้นผมถ่ายตอนไปทดลองเรียนฟรีดีเจฝึกหัดน่ะ หนวดแมวผมน่ารักดีเนอะ (หัวเราะ)

     

    คุณอาจจะยังไม่รู้จักผม ขอแนะนำครับ ผมชื่อ โจ คยูฮยอนนักเรียนม.ปลายปี 2 (เขิน) สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ผมใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แสงสีของกรุงโซลในรูปแบบมนุษย์ธรรมดาทั่วไป

     

    คุณเคยลองหันกลับมาถามตัวเองบ้างไหมว่าทำเราต้องเกิดมา ฝึกท่อง A B C เรียนจนหัวสมองแทบบวมแก๊ส แข่งกันสอบเข้ามหาลัย จากนั้นก็แย่งกันหางานทำแอบมีส่งเงินใต้โต๊ะบ้างเพื่อความก้าวหน้า แต่งงาน..มีลูก อยู่ไปจนแก่เฒ่า แล้วก็ตาย เป็นวัฏจักรที่น่าเบื่อใช่ไหมล่ะ? (ถอนหายใจ)

     

    ตอนเด็กผมคิดว่าโตมาผมจะได้ออกพจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์แบบในการ์ตูนเจ้าหญิงบาร์บี้ หรือมีพลังพิเศษแบบอุนตร้าแมน ไม่ผิดหรอกครับที่เด็กอย่างผมจะมีความฝันโดยเฉพาะเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่สุดท้ายความจริงก็มาถึงเมื่อโตขึ้น

     

                ผมคือ โจ คยูฮยอน มนุษย์ดาวโลกที่แสนจะธรรมดา...

     

               

     

     

     

                “น้องคยู...ลงมากินข้าวเร็วเข้า วันนี้เปิดเรียนวันแรกอย่าไปสายนะ”

     

                “ครับแม่” ผมขานรับความหวังดีจากมารดาผู้มีพระคุณยิ่งของผม สำรวจดูชุดนักเรียนเช็คความเรียบร้อยตั้งแต่หัวยันนิ้วทีนก่อนจะเดินออกจากห้องลงไปทานข้าวแล้วมุ่งทะยานสู่โรงเรียน เหมือนเช่นทุก ๆ ปี (ทำหน้าเบื่อโลก)

     

                ระหว่างที่ผมกำลังมุ่งทะยานสู่ความเว้งว้างกันไกลโพ้น (?) ผมจะขอเล่าเรื่องราวของผมอย่างคร่าว ๆ อย่างที่บอกไปว่าผมชื่อ โจ คยูฮยอน ผมมีพ่อ แม่ และพี่สาวคนพิเศษของผม...

     

                “คยูฮยอน~ ตั้งใจเรียนนะ ^^

     

    อ้อ...ผู้หญิงที่ยืนโปกมืออยู่หน้าบ้านคือพี่อารา พี่สาวของผมเอง เธอเป็นครูสอนดนตรีคลาสสิคที่มหาลัยคยองฮี ผมมักจะไปขอให้พี่อาราเล่นไวโอลีนให้ฟังเวลานอนไม่หลับ มันทำให้ผมมีความสุขมาก ๆ เลยล่ะครับ

     

    อย่างที่บอกไป ผมเป็นลูกชายคนเดียว ที่สำคัญยิ่งคือผมเป็นน้องเล็กของตระกูลโจ (ฟังดูยิ่งใหญ่ดีนะครับ) หน้าที่ของลูกผู้ชายคือเป็นผู้นำครอบครัวแต่สำหรับผมแล้วก็ยังเป็นได้แค่ผู้ตามหรือไม่ก็เป็นเพียงประชากรในครอบครัวที่มักจะถูกกระทำเหมือนเด็กอยู่เสมอถึงแม้อายุจะเลื่อนลำดับทุก ๆ ปีก็ตาม

     

                เช้าของวันเปิดเรียนวันแรกครึกครื้นเป็นพิเศษ ดูเหมือนช่วงนี้จะเป็นช่วงอินเลิฟฟีเวอร์ ผมมองไปทางไหนก็เจอแต่คู่รักจับมือกันเดินตั้งแต่นักเรียนยันคนทำงาน คิดแล้วมันก็เปรี่ยวยังไงไม่รู้นะครับ ในขณะที่คนอื่นเดินจับมือกับคนที่รักแต่ผมกลับต้องซุกมือเก็บไว้ในเสื้อโค้ต แต่จะทำไงได้ล่ะในเมื่อผมเป็นเพียงคน ๆ หนึ่งที่โคตรจะธรรมดา

     

    ถ้าจะถามถึงจุดเด่นล่ะก็มีเรื่องเรียนเท่านั้นเอง นอกจากนั้นหน้าตาและสรีระของผมมันบอดสนิท..

     

     

     

    จะมีใคร ใครสักคนที่เป็นของเรา จะมีใคร ใครสักคนนะที่รักเรา เท่านี้ที่ต้องการ ขอเกินไปตรงไหน...

     

    เปรี่ยวใจจังเลยครับ T_T

     

     

     

     

    “ร้องเพลงเรียกพี่หรอน้อง~” ผมหันไปมองตามต้นเสียงและก็ไม่ต้องเดาเลยว่าเสียงใคร มันมีคนเดียวในโลก!

     

    “เรียก Your dad ครับ” ผมตอบกลับด้วยวาจาสุภาพผนวกนอบน้อมแก่เพื่อเก่าเพื่อนแก่ ต้องทำผมหงุดหงิดตลอดเลยสิน่า ชิม ชางมิน

     

    “ล้อเล่นแค่นี้เล่นพ่อเลยนะ -.-

     

    ผมไม่ได้สนใจคำพูดของชางมินมากนั้นมุ่งทะยานสู่รั้วโรงเรียนที่แสนจะจำเจต่อไปโดยมีมันแพร่มตลอดทางเรื่องไร้สาระตามระเบียบ แต่ไอ้เรื่องที่จี้ใจสุด ๆ นี่คงไม่พ้นเรื่องคนเค้าเดินจับมือกัน ผมมองตามคู่รักคู่หนึ่งที่เดินผ่านหน้าไปดูเค้ารักกันจัง..

     

    ตะไมผมเปรี่ยวขนาดนี้นะ.. T_T

     

    “คยูฮยอน..”

     

    “อะไร?” ผมถามกลับเมื่อชางมินเหมือนจะเรียกผม

     

    “....อยากจับมือเราเดินไหม..?”

     

    หัวใจของผมเหมือนวูบไปนิดหน่อยกับคำถามที่ได้ยินจากชางมิน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินหรอกแต่ฟังกี่ครั้งก็รู้สึกไม่ชินอยู่ดี ถึงจะรู้ว่าชางมินแค่พูดเล่นก็เถอะ

     

    “อย่าพูดเล่นน่า รีบ ๆ เดินเดี๋ยวก็หนาวตายพอดี” ผมตัดบทสนทนาลงก่อนจะเดินตรงไปโรงเรียน เหตุจากไม่อยากยืนหนาวตายยู่กลางถนน

     

    ไม่นานนักทั้งผมและชางมินก็มาถึงที่หมาย ผมเดินผ่านประตูโรงเรียนแบบเฉิดฉายในฐานะนักเรียนดีเด่นถึง 2 ปีซ้อน แอบมองพวกนักเรียนถูกทำโทษเรื่องเครื่องแบบผิดระเบียบนิดหน่อย

     

    นี่ก็อีกเรื่องนึงที่ผมไม่เข้าใจรองจากเรื่องไข่กับไก่อะไรเกิดก่อนนั่นคือ ทำไมนักเรียนปลายแถวถึงชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เสมอ ย้อมสีผมบ้างล่ะ กระโปรงสั้นเกินบ้างล่ะ เสื้อไม่ใส่เข้ากางเงบ้างล่ะ แล้วก็ต้องมานั่งอายสายตาคนอื่น (คยูเหนื่อยใจแทน)

     

     

     

     

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++

     

     

     

     

     

     

                บรรยากาศแบบเดิมกลับมาอีกแล้วครับ เรียนแล้วก็เรียนแล้วก็เรียน ผมนั่งจดเล็คเชอร์ตามสไลค์บนจอโปรเจ็คเตอร์ หันไปมองข้าง ๆ ชางมินก็เอาแต่หลับ นี่ถ้าอาจารย์ปาร์คเห็น แกตายแน่ ชิม ชางมิน

     

    แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจริง ๆ เมื่ออาจารย์ปาร์คเริ่มทำหน้าเหมือนฮัคยอดมนุษย์ตัวเขียว (ที่จะแปลงร่างเวลาโกรธน่ะครับ)  เหตุเนื่องมาจากคนที่ฟุบหลับอยู่ข้าง ๆ ผมนี่แหละ ชางมินมันหลับตั้งแต่คาบก่อน นี่ก็ใกล้จะหมดชั่วโมงแล้วจะเห็นทำไมครับอาจารย์ T_T

     

     

     

                ปึ้ง!!

     

                “ชิม ชางมิน!!!

     

                “ไม่ใส่ถั่วงอกครับ!

     

                “.....................”

     

                “.....................”

     

                ทั้งห้องเงียบลง (จากที่เงียบอยู่แล้ว) มีเพียงเพียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ส่งเสียง สายตาจากนักเรียนในห้องจับจ้องมาเพียงแค่เพื่อนสนิทของผมคนเดียว จากสถานการณ์ในตอนนี้มันน่าอึดอัดมากครับ ผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในสงครามของพวกมนุษย์กลายพันธุ์แน่ะ..

     

                “พูดใหม่อีกทีซิ.. +_+” อาจารย์ปาร์คถือสมุดที่ม้วนอยู่ตบเข้าฝ่ามือตัวเองเป็นจังหวะแบบในหนังสยองขวัญ ทำเอาชางมินเหงื่อตกและหน้าซีด ฉันก็อยากช่วยแกนะชางมิน แต่ทำไมได้..

     

                “นี่ไม่ได้ฟังที่ครูพูดเลยชะ......!!!!!

     

     

     

                กล๊อก…..!

     

     

     

     

     

     

     

                “เฮ้ยยย!!!

     

                “อ๊ากกกกกก!!!

     

                ไม่ทันที่อาจารย์ปาร์คจะเดินเข้ามาหาชางมินก็ลื่นล้มเพราะมีผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งตกอยู่เป็นต้นตอที่ทำให้อาจารย์สอนชีวะที่รักของนักเรียนห้อง A ลงไปนอนเส้นเอ็นกระตุกอยู่บนพื้นห้อง ผมผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตกใจ และความโกลาหลในห้องเรียนก็บังเกิดขึ้น นักเรียนในห้องรีบกรูกันเข้าไปมุงดู

     

                “ชิบแล้วไง.. อาจารย์ครับ!

     

                “อาจารย์คะเป็นอะไรมากไหมคะ? อาจารย์!

     

                “ช่วยกันหามอาจารย์ไปห้องพยาบาลก่อน เร็ว!

     

                เพื่อนนักเรียนในห้องของผมรีบช่วยกันพาอาจารย์ปาร์คไปยังห้องพยาบาลอย่างเร่งด่วน เพราะกลัวว่าหากอาจารย์สุดเฮี้ยบเป็นอะไรไปลูกศิษย์จะเกิดอาการลั้นลาได้

     

    จริง ๆ แล้วผมพูดเล่นนะครับ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเชียวนะ ;_;

     

     

     

     

     

    +++++++++++++++++++++++++

     

     

     

     

     

                พอหมดคาบเรียนช่วงเช้าไปผมก็ได้รู้ข่าวร้ายนิด ๆ จากจงอุนหัวหน้าห้องว่า อาจารย์ปาร์คต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะคอกระแทกกับขอบโต๊ะและแขนก็ฟาดพื้นอย่างแรง ผมแทบไม่อยากคิดเลยว่าตอนตื่นมามันจะเจ็บมากแค่ไหน

     

                ในขณะที่ทุกคนดูจะเป็นห่วงอาจารย์แต่ตัวต้นเหตุกลับนั่งคีบราเมนอย่างสบายใจเฉิบ ไม่ทุกร้อนอะไรเลยหรือไง?

     

                “เพราะแกคนเดียวเลย อาจารย์ถึงต้องเข้าโรงพยาบาล” ชางมินเลิกสนใจอาหารชั่วคราวแล้ววางตะเกียบลง มองหน้าผมอย่างสำนึกผิด (นิดเดียว)

     

                “จะโทษฉันคนเดียวมันก็ไม่ถูกหรอก ถ้าอาจารย์ปาร์คไม่หันมามองฉันก็ไม่ต้องลื่นเข้าโรงพยาบาลหรอก” ชางมินพูดปัด ซึ่งมันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด

     

                ผมส่ายหน้าเบา ๆ แล้วหันไปคุยกับจงอุน

     

                “แล้วอาจารย์ต้องอยู่โรงพยาบาลนานไหม?”

     

                “เป็นเดือนเหมือนกัน” จงอุนค้างคำพูดแล้วครุ่นคิด “อืม...จากที่ได้ยินอาจารย์คนอื่นพูดกันก็น่าจะกลับมาสอนไม่ทันเทอมนี้”

     

                “แล้วอย่างนี้ใครจะมาสอนชีวะแทนล่ะ?” ชางมินถามขึ้นพร้อมกับเส้นราเมนที่คาอยู่ในปาก

     

                “นั่นสิ” ผมเห็นด้วยกับชางมินในเรื่องนี้

     

                “...ได้ข่าวว่า จะมีอาจารย์คนใหม่ย้ายมาจากมหาลัยคยองฮีมาประจำที่นี่ สอนม.ปลายปี 2 แต่ฉันไม่รู้นะว่าสอนวิชาอะไร”

     

               

                อืม...

    อาจารย์คนใหม่งั้นหรอ..?

     

     

                ผมอยากรู้จังว่าใครที่มาจากมหาลัยเดียวกับที่พี่อาราสอน บางทีอาจารย์คนนั้นอาจจะรู้จักกับพี่อาราก็ได้ เอ..แต่มหาลัยก็ใช่ว่าจะมีอาจารย์แค่สิบ ยี่สิบคนนี่

     

                ช่างเถอะ คิดไปก็เท่านั้น กินข้าวแล้วรีบขึ้นห้องดีกว่า

     

     

     

     

     

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++

     

     

     

     

     

     

                ไม่อยากเชื่อ... ไม่อยากเชื่อเลย!

     

                นี่แค่เปิดเทอมวันแรกทำไมการบ้านมันถึงได้สะมาละเฮ้ยขนาดนี้! เยอะไปไหมเนี่ย?! ทำไมถึงชอบรังแกนักเรียนที่บอบบางทั้งร่างกายและหัวใจถึงเพียงนี้...

     

                ผมนั่งทำฟิสิกส์มาตั้งแต่กลับบ้านตอนนี้ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้วยังทำเสร็จไม่หมดเลย แล้ววิชาอื่นอีก

     

    โอ้ย โอ้ย โอ้ย... (คร่ำครวญ)

     

                ผ่านไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงภารกิจก็ลุล่วงด้วยดี ผมยืนขึ้นปิดตัวให้คลายเมื่อยตัวหันกลับมายังเตียงนอนอันเป็นสวรรค์ที่พักพิง ในวินาทีที่ร่างกายนุ่มนิ่มของผมกำลังกระโจนขึ้นเตียง ดิ่งลงผืนผ้าห่มเบนเทนสีเขียวตัวโปรด เสียงของแม่ก็ดังขึ้น...

     

     

                “น้องคยู ไปเปิดประตูหน้าบ้านให้พี่อาราหน่อยลูก แม่ไม่ว่าง”

     

     

     

     

     

     

                แม่อ่ะ......... T___T

     

     

                ในฐานะของลูกที่ดีผมต้องทำตามที่แม่สั่งถึงแม้จะเหนื่อยล้าแค่ไหน หรือตัวจะลงเตียงแล้วก็ตามผมต้องเดินไปเปิดประตูให้พี่อาราที่กลับมาจากการทำงานที่แสนเหนื่อยล้ายิ่งกว่า.. (คร่ำครวญ!)

    ผมเดินออกมาถึงหน้าบ้าน เห็นพี่อารายืนโบกมือให้กับเจ้าของรถยนต์สีดำด้วยรอยยิ้ม จากนั้นรถก็แล่นออกไปจากบริเวณบ้าน ผมเปิดประตูรั้วเหล็กให้พี่อาราเข้ามาแล้วก็ปิดล็อคประตูให้แน่นหนา

     

                คนที่มาส่งพี่อาราใครกัน?

     

                “เปิดเทอมวันแรกเป็นไงบ้างตัวแสบ” พี่อาราขยี้หัวผมจนผมเผ้ากระเซิงไปคนละทาง ผมยู่ปากงอนแล้วยกมือจัดทรงผมตามเดิม

     

                “การบ้านมาเพียบเลยอ่ะ -3- ” ผมพูดไปแล้วดินตามพี่อาราเข้าบ้าน ปิดประตูลงกรอนเรียบร้อย

     

    “ก็แบบนี้แหละเด็กม.ปลาย ขยันเข้าไว้จะได้ทำงานดี ๆ มีเงินใช้เยอะ ๆ”

     

    ผมรู้น่า..”

     

    พี่อารายิ้มให้ผมอย่างให้กำลังใจ รอยยิ้มของพี่สาวผมเนี่ยน่ารักที่สุดเลย ผมเชื่อนะว่าผู้ชายคนไหนที่เห็นก็ต้องหลงรักรอยยิ้มที่บริสุทธิ์แบบนี้ของพี่สาวของผมอย่างแน่นอน

     

    ฮยอน ฟันฉั่บ!

     

     

     

     

                “กลับมาแล้วค่ะแม่” พี่อาราเดินไปเกาะหน้าประตูครัวแบบที่ชอบทำตั้งแต่เด็ก แล้วก็มักพูดแบบนี้ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน แม่ก็จะอยู่ในห้องครัวอุ่นอาหารเมื่อช่วงเย็นให้พี่อาราทานเสมอ หรือบางครั้งก็ทำเมนูใหม่ จนบางวันผมก็มานั่งกินมื้อดึกด้วย - w

     

                “จ้า รอเดี๋ยวนะแม่กำลังอุ่นแกงให้ อาราไปอาบน้ำก่อนไป กลับมาเหนื่อย ๆ”

     

                พอเห็นพี่อารากำลังจะเดินขึ้นห้องผมก็เดินตามหลังไปติด ๆ เพื่อที่จะถามข้อสงสัยว่าใครกันที่เป็นเจ้าของรถคันนั้น ช่วงจังหวะที่พี่อาราเปิดประตูห้องผมก็รีบวิ่งเข้าไปจองที่นั่งบนเตียงทันที

     

                “เร็วจริง ๆ เลยนะ ไหนบอกการบ้านเยอะไม่ใช่หรือไง? ดึกแล้วเดี๋ยวทำการบ้านไม่เสร็จจะอดนอนนะ”

     

                “ผมสงสัยนี่ ตอบคำถามผมมาก่อนเดี๋ยวจะรีบไปทำเลย~” ผมชูสามนิ้วขึ้นมาด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญ

     

                “อืม ว่ามา” พี่อาราลากเก้าอี้จากโต๊ะทำงานมานั่งตรงกับผมเพื่อรอฟังคำถาม

     

                “ใครมาส่งพี่อาราที่บ้าน แฟนใช่ไหม? แอบคบกันมานานแค่ไหนแล้ว? ชื่ออะไร? เป็นครูอยู่สอนอยู่ที่เดียวกันหรือเปล่า? บอกมาซะดี ๆ” ผมจ้องตาพี่อาราอย่างไม่วางตา แต่ตรงข้ามแทนที่พี่อาราจะลุกลี้ลุกลนแบบในหนัง

     

    แต่พี่อาราหัวเราะอ่ะ! T_T

     

     

                “ฮ่าาา ๆ ๆ ๆ ๆ!

     

                “ไม่เห็นจะน่าขำตรงไหนเลย -3-

     

                “ก็ดูทำหน้าเข้าสิ นี่ไม่ใช่หนังสืบสวนนะคยูฮยอน ฮ่า ๆ  ๆ นี่ถ้ามีโคมไฟจ่อหน้าพี่นี่ใช่เลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

     

                ดูเหมือนเรื่องซีเรียสของผมจะกลายเป็นเรื่องจี้ไปในพริบตา ดูพี่อาราขำดิ เง้ออออ

     

    หรือว่า...จะขำกลบเกลื่อน..?

     

                “บอกมา บอกมา อยากรู้ พี่อาราแอบมีแฟนแล้วใช่ไหมล่ะ พามาแนะนำกันบ้างดิ”

     

                “นั่นเพื่อนพี่ต่างหาก ไป ๆ ไปทำการบ้านต่อได้แล้ว พี่จะอาบน้ำ” พี่อาราดันหลังผมให้ออกจากห้องไป ผมเลยใช้มือเกาะไว้ที่ขอบประตู

     

                “เชื่อได้หร๊อ??”

     

                “ถ้ายังไม่รีบไปพี่จะฟ้องแม่นะ..”

     

     

                คิดหรอครับว่าคำขู่ของพี่สาวที่รักของผมจะทำให้ผมกลัวได้?

     

    ไม่มีทางเล้ยยย...

     

    ไม่มีทางเลยที่ผมจะขัดขืน (แป่ว) ผมรีบเดินออกมาจากห้องของพี่อาราแล้วเลี้ยวเข้าห้องนอนตัวเอง จริง ๆ แล้วผมไม่ได้กลัวเลยสักนิด ผมแค่คิดถึงใจเขาใจเราขึ้นมา พี่อาราเหนื่อยจากการทำงาน ดังนั้นผมก็ควรจะเป็นน้องที่ดีให้พี่สาวได้พักผ่อน..

     

     

     

    เอาล่ะเตียงจ๋า~ คยูมาแล้วววว~~~~~  > w <

     

     

     

     

     

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++

     

     

     

     

     

                “อะไรกัน ฉันตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย?! คยูฮยอนลอกการบ้านฉัน!

     

    ชางมินมองผมด้วยสายตาอย่างกับคนเจอผี จ้องผมไม่วางสายตา เมื่อคืนผมไม่น่าปล่อยตัวปล่อยใจให้ผ้าห่มเบนเทนเลย (?) พอตื่นมาก็เพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้ทำการบ้านอังกฤษเลยสักข้อ นี่ถ้าไม่ติดว่าส่งก่อนคาบแรกผมไม่ลอกใครหรอก (หน้าหงอย)

     

    สุดท้ายก็เสร็จอย่างสมบูรณ์ผมรีบเอาสมุดของชางมินและของผมไปวางส่งที่ห้องพักครูหมวดภาษาต่างประเทศ ซึ่งตึกที่ผมเรียนมันห่างกันคนละโยช เดินเมื่อยเลยครับ

     

    ติง ต่อง ~ ติง ต่อง ~~

     

    ผมล่ะเกลียดเสียงออดโรงเรียนนี้จริง ๆ เหมือนมันกำลังด่าผมยังไงก็ไม่รู้ ว่าแต่...นี่มันเสียงออดคาบแรกนี่!!

     

     

    ใส่เกียร์หมาเลยคยูฮยอน!

     

     

    ผมรีบวิ่งสุดชีวิตเพื่อไปให้ถึงห้องเรียนโดยเร็วที่สุด ถ้าไปไม่ทันเช็คชื่อล่ะก็งานเข้าของแท้แน่นอน ผมไม่อยากจะชมตัวเองเลย นอกจากจะเรียนเก่งแล้วทักษาการซอยเท้ายังเมพขนาดนี้ แค่โค้งหน้าก็จะถึงบันไดแล้ว *0*

     

     

     

    พลั่ก!!!

     

     

     

     

    ฮือออออ เจ็บตูด T____T

     

    “...ขอโทษครับผมวิ่งไม่ดูทางเอง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผมกล่าวขอโทษและถามผู้ชายคนร่างสูงที่เพิ่งชนกันเมื่อกี้ ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วบอกไม่เป็นไรแต่ผมลุกไม่ขึ้นเลย เจ็บก้นอ๊า!

     

    “ผมเองก็ต้องขอโทษครับ เอ่อ..ลุกไหวไหม?”

     

    ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นที่จ้องมองมายังผมด้วยความห่วงใย... หล่ออะไรขนาดนี้นะ..ใบหน้าเรียวยาว คิ้วคม เรียวตาเหมือนแมวดูมีเสน่ห์เหลือเกิน จมูกโด่งเป็นสัน..แล้วยังปากนั่นอีก

     

     

     

     

     

     

     

     

    อา.......หล่อเบย Tv T

     

     

     

     

     

     

     

    “คุณ..คุณ คุณครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่า? ให้ผมพาไปห้องพยาบาลไหม?” เสียงเรียกผู้ชายร่างสูงคนนั้นปลุกผมจากภวังค์ ผมตั้งสติสตางค์ของตัวเองแล้วลุกขึ้นโดยมีชายร่างสูงพยุงให้ลุกขึ้น ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่แล้วคงไม่ใช่นักเรียน

     

    “ผมต้องขอโทษจริง ๆ ครับ” ผมโค้งตัวขอโทษด้วยใจจริง

     

    “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณไม่เป็นไรแน่นะ?” เขาถามผมอีกครั้งด้วยแววตาอ่อนโยนและรอยยิ้มบาง ๆ ถ้าคุณได้มายืนตรงนี้คุณต้องรู้สึกเหมือนผมแน่ เขาหล่อมาก! (เน้นว่ามาก)

     

    “ครับผมไม่เป็นไร”

     

    “ถ้างั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”

     

    ชายคนนั้นโค้งตัวให้ผมเล็กน้อยตามความเคารพที่ผมควรได้จากผู้ใหญ่ ผมโค้งตัวอย่างนอบน้อมอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ขยับไปไหน ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นกำลังตามหาอะไรอยู่สักอย่าง ในมือก็ถือแผ่นกระดาษที่ดูเหมือนแผนที่ หรือผมจะเข้าไปช่วยดีนะ..

     

    “เอ่อ..ขอโทษนะครับ” ผมเดินตามหลังไปแล้วเอ่ยทักอีกครั้ง

     

    “ครับ?”

     

    “คุณกำลังจะเดินไปที่ไหนหรอครับ ผมพอจะช่วยคุณได้นะ”

     

    “เอ่อ คือ...”

     

    “นะครับ ถือเป็นการไถ่โทษที่ผมประมาทจนวิ่งชนคุณ”

     

    คุณสุดหล่อใช้เวลาคิดเพียงไม่นานก็ตอบรับคำช่วยเหลือจากผม ที่ที่เขาจะไปคือตึกของฝ่ายบริหารกิจการโรงเรียน จะว่าไปเขาก็เดินหลงมาไกลอยู่เหมือนกันถึงได้มาโผล่แถวตึกม.ปลายได้

     

    ระหว่างทางผมไม่ได้พูดคุยกับเขามากนัก ผมคิดผิดรึเปล่าที่อาสาจะช่วยเขา คือพอมาเดินข้างกันแล้วผมรู้สึกใจเต้นแรงเหมือนตอนออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อทุกวันพุธที่โรงเรียนจัดให้เลยอ่ะ (ยิ้ม)

     

    “ต้องขอบคุณมากนะครับที่ช่วยนำทางให้ ไม่อย่างนั้นผมคงหลงอยู่อย่างนั้นทั้งวันแน่” คุณสุดหล่อตัวสูงยิ้มขำ ผมมองหน้าเขาได้แวบเดียวก็ต้องหลบ เพราะอะไรคงไม่ต้องถามผมหรอก ก็เขาน่าปลื้มมากขนาดนั้น..

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองก็ต้องขอโทษคุณด้วย เอ่อ...ถึงแล้วครับ...” ผมชี้นิ้วไปยังหน้าห้องฝ่ายบริหาร ใบหน้าหล่อมองไปตามทิศทางที่ผมชี้แล้วแผ่รังสียิ้มออกมา

     

    “อ่า...ขอบคุณที่ช่วยนะครับ ว่าแต่คุณชื่อ...”

     

    “อ้าว! มาแล้วหรอครับ เชิญครับ ๆ เข้ามานั่งก่อนครับ”

     

    ท่านผอ.เดินออกมาจากห้องฝ่ายบริหารพอดี แล้วมันต้องมาพอดีกับที่คุณสุดหล่อจะถามชื่อของผมด้วยนะ!

     

    “ขอบคุณอีกครั้งครับ ผมต้องขอตัวก่อน ตั้งใจเรียนล่ะ ^^

     

    คุณสุดหล่อแตะที่ไหล่ผมเบา ๆ แล้วก็หายเข้าไปในห้องฝ่ายบริหาร โดยที่ผมยืนจิตหลุดอยู่ตรงนั้นอย่างคนบ้าเพราะคำพูดทิ้งทายนั่น...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตั้ง – ใจ – เรียน – ล่ะ

     

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฮืออออออออออ โคตรตรึงใจเบย \\(TTT v TTT)//

     

     

     

     

     

     

    ++++++++++++++++++++++

     

     

     

     

     

                หลังจากวันนั้นที่ผมได้เจอกับคุณสุดหล่อจนถึงตอนนี้หลายอาทิตย์แล้วผมก็ไม่มีโอกาสได้พบเขาอีกเลย ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรือชื่ออะไร ทว่าผมกลับคิดถึงเขาทุกครั้งที่เดินผ่านทางขึ้นบันได ที่ที่เจอกันครั้งแรก

     

    จะเรียกว่าชอบ..ก็คงไม่ใช่นะ เพียงแต่เขาเป็นผู้ชายที่ดูมีเสน่ห์จนน่าหลงใหล ถ้ามีโอกาสอีกสักครั้งก็อยากจะได้พูดคุยมากกว่านี้ หรือแค่นิดนึงก็ยังดี

     

    ผมนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องของคุณสุดหล่อจนไม่รู้เลยว่าอาจารย์จองซูเข้ามา จนชางมินที่นั่งข้างผมต้องสะกิดบอก ผมจึงหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองกลับมายังปัจจุบัน

     

    “นักเรียนเคารพ”

     

    “อรุณสวัสดิ์ รักกันปานปริงดูดเลือด สุขสันต์วันใหม่ครับ/ค่ะ”

     

     

    ไม่ต้องตกใจครับ มันเป็นคำกล่าวทักทายอาจารย์ของทุกคาบ มันเป็นบททักทายที่อาจารย์จองซูคิดขึ้นเองครับ ฟังแล้วขนลุกตรงปริงดูดเลือด ;_;

     

    “สวัสดีประชากรห้อง A นั่งลงได้...เอาล่ะวันนี้ครูจะแนะนำให้รู้จักกับอาจารย์สอนวิชาชีววิทยาที่เพิ่งย้ายมาประจำที่โรงเรียนของเรา...”

     

    ยังไม่ทันที่อาจารย์จองซูจะพูดจบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น ต่างคนต่างพูดแข่งกันเรื่องของอาจารย์คนใหม่

     

    “อ้าว ๆ เงียบก่อนฉันยังพูดไม่หมดสคริป” อาจารย์จองซูเปรยขึ้นเสียงเข้มจนในห้องเงียบกริบอีกครั้ง “ในระหว่างที่จากอาจารย์ปาร์คยูชอนเข้าโรงพยาบาลอาจารย์คนนี้เขาจะมาสอนแทนไปก่อน ยังไงก็ถนอมหน่อยล่ะ อ่า...เชิญอาจารย์ชเวครับ”

     

    อาจารย์จองซูผายมือออกไปทางประตูทางเข้า ผมมองไปตามมือนั้น ในใจก็นึกจินตนาการใบหน้าของอาจารย์ผู้สอนไปด้วย

     

    ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือเล่มหนาในมือ แค่วินาทีแรกที่ผมเห็นเขาลมหายใจมันก็ติดขัดขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ

     

    นั่นมัน !

     

     

     

     

     

    “สวัสดีครับ ผมชื่อชเว ซีวอน อาจารย์สอนชีววิทยา อา...ฝากตัวกับนักเรียนด้วยนะ ^^

     

    สิ้นเสียงทุ้มของอาจารย์คนใหม่เพื่อนนักเรียนในห้องผมก็แทบจะลงไปชักบนพื้น มีเสียงเอ่ยแซวนับไม่ถ้วน ดูแล้วทุกคนตื่นเต้นกับอาจารย์ชีวะเหลือเกิน ถ้าไม่ติดที่ว่าผมเคยพบกับเขามาก่อนผมคงจะนั่งเพ้อไปแล้ว ทว่าตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกเลย มันก้ำกึ่งระหว่าง

     

    ดีใจ กับ ช็อค..

     

    “เฮ้ย แกเป็นไรป่าววะ?” ชางมินสะกิดแขนถามไถ่ ผมเลยส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วมุ่งประเด็นไปที่คนหน้าห้อง จะเป็นไปได้ไหมนะ..ที่เขาจะจำผมได้...

     

     

     

     

     

    “อ๊ายแก ความหล่อแอทแท็คฉัน~

     

    “ทั้งหล่อ ทั้งขาว แถมเป็นครูอีกอ่า”

     

                อาจารย์ชเว (ผมคงต้องเรียกเขาแบบนี้) ยิ้มรับกับนักเรียนทั้งหญิงและชายรวมทั้งคำพูดแทะเล็มบ้าง ดูแล้วเหมือนจะเขินด้วยอ่ะ!

     

    “อาจารย์อายุเท่าไหร่แล้วคะ ทำไมหล่ออย่างนี้”

     

    24 แล้วครับ”

     

    “อาจารย์มีแฟนหรือยังคะ?”

     

    “...เอ่อ....” เขาเงียบไปสักพัก ซึ่งคำถามนั้นมันทำให้ทุกคนเงียบเพื่อหยุดฟัง ถ้าผมเหล่มองไม่ผิดอาจารย์จองซูก็ทำหน้าลุ้นไปด้วย

     

    ผมเองก็ลุ้น!

     

    “ครูยังไม่มีแฟนครับ” คำตอบนั้นเรียกเสียงฮือฮาจากในห้องเป็นอย่างมา อาการบางคนฟ้องอย่างเห็นได้ชัดว่าดีใจขนาดไหน และคำตอบนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างประหลาด

     

    ผมพยายามไม่มองเพ่งไปที่เขามากนัก แต่สายตัวเขาดันมาโป๊ะเชะกับผมครั้งหนึ่ง ผมเลยต้องทำเป็นไม่สนใจหันไปมองวิวนอกหน้าต่างแทน...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    พ่อจ๋าแม่จ๋า น้องคยูทำตัวไม่ถูกแล้ววววว T__T

     

     

     

     

     

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++






     

    ตอน 1 มาแล่วเด้อ~ คิมแอบเป็นห่วงฮยอนเล็กๆ กลัวจะหัวใจวาย กรั่กๆ XD

    ยังไงก็ขอขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่า (โค้ง) orz

     














    ? Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×