ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SKOOL LUV YOUNGER | ผมไม่ได้ชอบเด็ก. [ChanYun]

    ลำดับตอนที่ #5 : 05

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 58


    05

     

     

    ตุ้บ !

     

    “โอ้ย”

     

                 เสียงกระแทกจากการชนประตูกระจกใสที่ปิดสนิท ผมเสียหลักล้มลงไปนั่งก้นทาบพื้น ยกมือขึ้นมากุมไว้ส่วนหน้าผาก ร้องโอดครวญเพราะชนเข้าอย่างแรง

     

    “เห้ยป้า เจ็บมั้ย”  ชานอูที่เดินตามผมมา แต่ผมเดินหนีจนเกิดเรื่องทำให้เจ็บตัว  ถามด้วยสีหน้าห่วงใย คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน สายตาสำรวจไปทั่วร่างของผม มือใหญ่จับเข้าที่ไหล่สองข้างพลิกซ้ายทีขวาทีให้แน่ใจว่าตัวผมไม่ได้รับบาดเจ็บ

                 

                    

                          ผมแอบมองท่าทางของชานอู จนเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย ใบหน้าของชานอูตอนนี้แสดงออกถึงความเป็นห่วงอย่างชัดเจน

     

     

    “แก่แล้วก็แบบเนี้ย เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ”

     

    ขอถอนคำที่บอกว่าเป็นห่วง นี่มันหลอกด่ากันชัดๆ


    “ยุ่ง”  ผมปัดมือใหญ่ออกจากไหล่ทั้งสองข้างของผม ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่ยังสูงแค่อกของชานอู เชิดหน้างอๆ ยู่ปากอย่างไม่พอใจให้กับคนตรงหน้า

     

     

    ชานอูกำลังยิ้ม

     

    ชานอูกำลังหัวเราะ

     

    บ้าปะเนี่ย หัวเราะอะไร

     

    “หัวเราะอะไร” ชานอูไม่ตอบ และหัวเราะมากไปกว่าเดิมจนตัวโยน
     

    พอค่อยๆหยุด ได้หันหน้ามามองทางผมอีกครั้ง พยายามกลั้นหัวเราะไม่ให้หลุดออกมา ก่อนจะพูดปนหัวเราะขึ้นว่า

     

    “หน้าผากป้าแดงเป็นตูดลิงเลย” พูดไป หัวเราะไป นิ้วมือก็ชี้ไปบนหน้าผาก จิ้มๆตรงรอยแดงอย่างสนุกสนาน คนแกล้งมันก็สนุกดีหรอก แต่คนถูกแกล้งมันเจ็บนะโว้ยย

     

    “โอ้ย” อีกครั้งที่ผมโอดครวญที่ชานอูจิ้มตรงรอยแดง ตอนที่ชนเข้ากับประตูกระจกต้องแรงมาก ตอนนี้ถึงยังไม่หายเจ็บ ยังไม่หายแดงอีกด้วย

     

     

             ชานอูที่สนุกและหัวเราะอยู่นั้นได้หยุดลง เปลี่ยนเป็นจริงจังกับอาการเจ็บของผม ยกมือใหญ่ขึ้นแทนที่มือเล็ก ลูบบริเวณรอยแดงอย่างเบามือ

     
     

    “พอแล้ว”   

               ผมพูดเบาๆพอได้ยิน ชานออูจึงหยุดการกระทำนั้น

     
     

              ผมไม่กล้าเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย ตอนนี้รู้สึกเหมือนใบหน้ากำลังร้อนระอุ ไอร้อนค่อยๆแพร่กระจายไปตามร่างกาย

     

     
     

     

    “ไปห้องพยาบาลมั้ย ผมทำแผลให้”

     

    อย่ามาพระเอก ..

     

     

    “ไม่”

     

    อย่ามานางเอก ..

     

     

     

    “แล้วแต่ป้า” เอ้า ไม่ถามอีกหรอ อาจไปก็ได้นะ หากให้เดินออกจากโรงเรียนสภาพแบบนี้ คนคงคิดว่าอีนี่หลุดมาจากโรงละครไหน


    แล้วชานอูก็ไม่ถามอีกครั้ง กลับเดินเข้าไปข้างในโรงยิม

    เชอะ

     

     





     


    ...สวนสาธารณะ...

     

    “อูย เจ็บชะมัด” รอยแดงยังคงไม่จางหาย อีกยังเหมือนจะบวมขึ้นนิดหน่อย นี่ถ้าไปห้องพยาบาลยอมให้ไอ่อ้วนนั่นทำแผลให้ คงหายไปนานละ

     

              ขณะเดินไปตามทางเข้าไปในสวนสาธารณะที่อยู่ข้างโรงเรียน ผมรู้สึกได้ว่ามีคนเดินตาม ไม่ใช่คนที่มาวิ่งออกกำลังกายเป็นแน่ หากมาวิ่งก็จะต้องวิ่งผ่านตัวผมไป แต่นี่เหมือนค่อยๆเดินตามผมห่างๆ ไม่อยากให้ผมนั้นรู้ตัว แต่โทษนะ รู้แล้วแหละ ..

     

    ผมหันขวับไปทางด้านหลัง แต่ก็ไม่พบใคร เอ้า หายไปไหนแล้ว หรือผมจะคิดไปเองกันนะ

     

                เมื่อไม่พบใครผมจึงเดินต่อไป เดินช้าๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแล้วจริงๆ แล้วผมก็รู้สึกได้อีกครั้งว่ามีคนตามมาแน่ๆ แต่คราวนี้ผมไม่หันไปมองหรอก ข้างหน้ามีม้านั่งตัวยาวสีเขียวอยู่ด้านซ้าย ผมจึงเดินไปเพื่อนั่ง หย่อนกายยืดขาออกไปจนสุด หางตาสังเกตได้ถึงเงาของคนตัวใหญ่กำลังเดินมาทางผม

     

    ครั้งนี้ไม่พลาดแน่

     

     

    “นี่!

     

    ชานอู..

     

                    ผมหลบสายตาลงต่ำ มองเพียงปลายเท้าของตัวเอง ไม่กล้าเงยขึ้นสบตาคนตัวใหญ่ แล้วผมจะหลบมันทำไมวะ

                    เมื่อคิดได้ ผมจึงเชิดหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่ คาดว่าเดินตามผมมาแต่แรก

     

    “เดินตามมาทำไม”

     “ใครเดินตามป้า ผมก็มาเดินเล่นของผมดิ” ชานอูตอบหน้าตาย นี่ยังไม่ยอมรับอีกหรอว่าเดินตามอ่ะ

     

    “งั้นก็ไปเดินเล่นดิ” ผมพูดพลางไล่ เชิดหน้าไปอีกทางให้คนตัวใหญ่เดินไป

     

                    

                     ชานอูไม่เดินไป ยังหย่อนกายนั่งลงอีกด้านของม้านั่งตัวเดียวกับผม เว้นไว้เพียงตรงกลางที่มีกระเป๋าถือนักเรียนของผมวางคั่นอยู่ ผมหันไปมองชานอูที่กำลังจับกระเป๋าผมวางลงข้างล่าง แล้วถูกแทนที่ด้วยกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก

     

                    เมื่อกล่องถูกเปิดออก ด้านในประกอบไปด้วยอุปกรณ์ทำแผล ชานอูค้นๆสิ่งที่อยู่ด้านล่าง ยกขึ้นมาปรากฎเป็นยาดมตราดอกเข็ม หมุนท้ายหลอดยาดมแต้มน้ำลงที่นิ้ว แล้วยกขึ้นมาแตะที่รอยแดงบนหน้าผากของผม ลูบวนเบาๆคล้ายนวดให้  

     

    รู้สึกดีจัง

     

    ทำดีก็ทำได้ แต่ทำไมถึงปากเสียชะมัด

     

    ปากกับการกระทำขัดแย้งกันเกิ๊น ..

     

     

                 ไม่รู้ว่าผมเคลิ้มไปตอนไหน ผมหลับตาไปกับการที่ชานอูทำแบบนี้ให้ผม จู่ๆก็รู้สึกได้ถึงลมอุ่นที่พุ่งเข้ามาบริเวณรอย ผมจึงลืมตาขึ้นมาเพื่อดูว่ามันคืออะไร จังหวะเดียวกับที่ชานอูค่อยๆถอยตัวกลับไปนั่งในท่าตัวตรงแบบเดิม เก็บยาดมใส่กล่องปิดฝาล็อคจนสนิท

     

    เมื่อกี้ชานอูทำอะไรผม

     

     

    “เดี๋ยวก็หายแล้ว” ปากพูด มือเก็บ แต่หน้านี่ไม่มองกันเลย

     

    “เมื่อกี้นายทำอะไร”  ชานอูไม่ตอบ แต่กระทำแบบเมื่อกี้นี้แทน

     

     

                คนตัวใหญ่เอนกายเข้ามาใกล้ผม ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น เป่าลมออกจากปากไปยังบริเวณรอยแดงบนหน้าผาก ผมเองก็ไม่ขัดขืนอะไร ยังหลับตารับลมอุ่นที่คนตัวใหญ่ทำให้

     

    ชานอูเป่าแผลให้ผม เหมือนเด็กกำลังโดนโอ๋เลย

    ฉันไม่ใช่เด็กนะ

     

                      เมื่อลืมตาขึ้น ก็พบกลับรอยยิ้มที่โชว์ลักยิ้มสองข้างของคนตรงหน้า เหมือนยิ้มที่สนามบาสเลย

     

     ชานอูยิ้มให้ผมหรอ ..

     

     

     

    “ยิ้มอะไร” ผมมองไปทางซ้าย สลับมองไปทางขวาอย่างอายๆกับรอยยิ้มของคนตรงหน้า ชานอูเองก็ยังยิ้มปนหัวเราะนิดส่งกลับมา ผมที่ไม่เข้าใจในความหมายเลยหันหน้าหนีไปอีกทาง

     

    จะกวนตี นไปถึงไหนนะ

     

    กวนใจยังไม่พออีกหรอ ..

     

     

     

    “ผมกลับแล้วนะป้า”

    “เออ กลับไปเหอะ”

     

    “ผมกลับจริงๆแล้วนะ”

    “เออ”

     

                    ผมเองที่ไม่รู้จะตอบอะไร ตอบเพียงเออแล้วพยักหน้าขึ้นลงสองสามที  

     

    เงียบ

    คงไปแล้วสินะ

     

     

                   เมื่อคิดว่าชานอูนั้นได้กลับไปแล้ว ผมจึงหันกลับไปทางที่คิดว่าชานอูน่าจะเดินไป แต่แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ จังหวะที่ผมหันกลับไป เจอเข้ากับใบหน้าของอีกคนอย่างใกล้ชิด ริมฝีปากของผมสัมผัสเข้ากับริมฝีปากหยักได้รูป ผมที่กำลังจะถอนตัวออกห่างให้เราได้ไกลกัน แต่คนตัวใหญ่เหมือนจะไม่ยอม เขยิบกายเข้ามาประชิดผม พร้อมประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากอวบอิ่มที่แดงระเรื่อจากลิปบาล์มรสเชอร์รี่ หลับตาพริ้มอย่างเคลิบเคลิ้มในรสหวานของริมฝีปากผม

     

                   ผมเองที่ไม่สามารถขัดขืนใดๆได้ ก็พาเคลิ้มไปกับรสจูบที่นุ่มนวลของอีกฝ่ายอย่างยินยอม

     

     

                     ชานอูค่อยๆถอนริมฝีปากออก เราทั้งคู่ต่างเขินกันและกัน ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่ายเลย

     

    “ผมกลับจริงๆแล้ว”

    “อืม..”

     

                   ชานอูที่ท่าทางเงอะงะ จะหยิบกล่องยาก็ไม่หยิบ จะลุกก็นั่งลงอีก สุดท้ายก็หยิบกล่องยาพร้อมรีบเดินออกไป ผมเองที่นั่งตัวแข็งทื่อค่อยๆเงยหน้าหันไปมองยังคนตัวใหญ่ที่เดินออกไปแล้ว

     

    อยู่ๆผมก็ยิ้มขึ้น อาการแบบนี้มาอีกแล้ว สิ่งมีชีวิตข้างในกำลังเต้นเร็วและแรง



    ..หัวใจ...



     

    -50-



     

    “ยุนฮยอง”

    “...”

     

    “ไอ่ยุน”

     

    “ไอ่เหี้-ยยุนโว้ยย!!!

     

                     เสียงตะโกนดังก้องเข้าไปในรูหู กระตุ้นให้เจ้าของชื่อได้รู้สึกตัว

                     ดงฮยอกเรียกผม หลังจากที่มันเรียกแล้วผมไม่หันไปตามเสียงเรียก จึงทำให้ไอ่ดงตะโกนเข้าไปภายในรูหูจนแก้วหูแทบแตก

     

    “จะตะโกนทำไมวะ”

    “กูเรียกมึงหลายรอบแล้ว ได้ยินปะวะ”

     

                     จะตอบว่าไม่ได้ยิน เดี๋ยวหาว่าผมไม่สนใจอีก ต้องแถหน่อยครับ

     

    “ได้ยินเว้ย”

    “หราาา”  ดงฮยอกลากเสียงยาวประชด จิ๊ปากให้หนึ่งทีแล้วหันไปสนใจเมนูอาหาร

     

                      ตอนนี้พวกเราอยู่ร้านข้าวแกงถอดเสื้อข้างโรงเรียนครับ ไม่ใช่พวกเราจะถอดเสื้อนะ มันเป็นชื่อร้านข้าวแกง -...-;

                      พวกเราชอบมากินข้าวที่ร้านนี้หลังเลิกเรียนบ่อยๆครับ มันใกล้ มันถูก สบายกายสบายใจ สบายกระเป๋าอีกด้วย

     

     
    เอาเหมือนเดิมครับ กระเพาไก่ไข่ดาว ขอเผ็ดๆนะครับ”

    “แด กแต่เดิมๆ ไม่เบื่อไงวะ” จุนฮเวถามหน้าเซ็ง ก็คนมันชอบมันก็ไม่เบื่อว่ะ

     

                         เอาตรงๆนะ กูก็ไม่รู้จะแด กไรแล้วว่ะ   พวกมึงก็มากินแต่ร้านเดิมๆ ไม่เบื่อกันไงวะ

     

     

    “ผมก็เหมือนเดิมครับ”

    “เอาด้วย” แล้วพวกมึงก็แด กแบบเดิมเหมือนกู

     

     

     

    “มึง กูได้ยินมาว่า...”

    “ว่า...” ผมกับจุนฮเวทำหน้าลุ้นไปกับประเด็นอันน่าสงสัยที่ดงฮยอกเอ่ยขึ้นมา ไอ่ดงนี่ก็เก่งเรื่องคนอื่นมากเลยเน๊อะ รู้ไปทุกเรื่อง รู้ตั้งแต่ใครเกิดจนใครตาย นี่แหละครับ เพื่อนโผ้มมม

     

    “ว่าเหี้ ยไรวะ” เยี่ยม ด่าแม่ งเลยไอ่จุนฮเว ลีลานักกว่าจะพูดได้ คนอยากรู้หูผึ่งกันหมดแล้วครับ จะเล่าก็รีบเล่าก่อนจะหมดอารมณ์ฟัง

     

    “เอาหูมา”

     

                    ดงฮยอกโน้มตัวมารวบหัวพวกผมเข้าไปรวมกันตรงกลางโต๊ะ พูดเบาๆให้เราสามคนได้ยิน ว่า

     

    “น้องชานอูเพื่อนพี่บ๊อบบี้ของกูอ่ะ จูบกับใครไม่รู้ที่สวนข้างโรงเรียนเว้ย”

     

    “ห๊ะ” 0[ ]0!!!

     

                      ผมร้องเสียงดังออกมาอย่างตกใจกับที่ไอ่ดงเล่านั้น ก่อนจะรู้สึกตัวว่า ผมทำให้พวกเราสามคนเป็นจุดสนใจในร้าน

     

     

    น้องชานอู..

    จูบ..

    กับใคร..

    ที่สวน..

     

     

                         ประโยคที่ได้ยินก่อนหน้านี้ยังคงวนเวียนอยู่ภายในหัวของผม เม็ดเหงื่อบนใบหน้าเริ่มผุดออกมาให้ได้เห็น ความกระวนกระวายเริ่มเกิดจนตัวผมเองนั่งไม่อยู่กับที่ ข้าวไม่ต้องกินแล้ว กูจะกลับบ้าน!!

                              

                          หยิบกระเป๋าถือนักเรียนที่วางอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างขึ้นแนบตัว หันหลังก้าวขาเตรียมเดินออกจากร้าน ทว่ามีมือหนึ่งมาดึงไว้ ผมไม่หันกลับไปไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมนั้นเป็นอะไร แต่มีหรอที่จะไม่มีใครรู้

     

    “มึงเป็นไรวะไอ่ยุน”

    “...”

     

    “มึงจะไปไหนวะ ข้าวก็ยังไม่ได้แด ก”

    “กู.. จะไปเข้าห้องน้ำว่ะ”

    “แล้วมึงเอากระเป๋าไปด้วยเนี่ยนะ”

    “เออ กูลืม งั้นกูฝากด้วย”

     

                    ผมรีบวางกระเป๋าถือไว้บนเก้าอี้ตัวเดิม สะบัดให้หลุดจากการดึงของไอ่ดงโดยไม่หันไปมองหน้า กลัวมีพิรุธครับ ก่อนก้าวเดินไปทางห้องน้ำ

     

                    เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องน้ำ ผมหยุดมองตัวเองในกระจกที่ติดอยู่บนอ่างล้างมือด้านหน้าห้องน้ำ

     

     

    “จะร้อนตัวทำไมวะ คนที่ไอ่อ้วนนั่นจูบอาจไม่ใช่กูก็ได้”

     

                       ผมพูดกับตัวเองในกระจก เรียกสติที่มีไม่ค่อยจะครบกลับคืนมา ปั้นหน้ายิ้ม ทำท่าทางให้มั่นใจเหมือนเดิม เดินออกไปด้านนอกเพื่อกินข้าวที่น่าจะถูกเสิร์ฟไว้บนโต๊ะแล้ว

     

     

    แต่แล้วความมั่นใจก็หายไป ..

     

     

    นั่นมันชานอู..

    นั่งอยู่กับจุนฮเว ดงฮยอก มาได้ไงวะ

     

    “...”

    “เอ้า ป้า” ชานอูที่สนทนากับสองคนอยู่นั้น คงรู้สึกตัวได้ว่ากำลังมีคนเดินมาทางด้านหลัง จึงหันมาเพื่อดูว่าใคร ผมไงครับที่เดินเข้ามา

                    ไอ่เด็กอ้วนหันมาทักผม ยิ้มหน้าแป้นแล้นจนเห็นลักยิ้มอีกแล้ว เขี้ยวน้อยๆสองข้างนั้นยิ่งกระตุกให้หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นไปอีก

     

    จะยิ้มทำไมวะ -///-

     

     

                       ผมค่อยๆหย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมที่นั่งก่อนหน้านี้ นั่งลงด้วยท่าทางที่แข็งทื่อ ตอนนี้เกร็งไปหมดแล้วครับ ทำตัวไม่ถูกแล้ว

     

    “บังเอิญจังเลยเน๊อะ” ยิ้มอีกแล้ว

    “เหรอ”

     

    “ใช่ งั้นเรากินข้าวกันดีกว่า ข้าวมานานละ เดี๋ยวกินไม่อร่อย” ชานอูยิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนหันไปจัดการกับอาหารตรงหน้าของตัวเอง

     

     

    นี่กินกระเพาไก่ไข่ดาวเหมือนกันด้วยหรอ  ชิ =3=

     

                        ผมตักข้าวทั้งหมดในจานเข้าปากอย่างรวดเร็ว บางคำที่ยัดเข้าไปนั้นยังไม่ทันเคี้ยวละเอียดดี ก็กลืนลงคอไปเสีย อยากให้ข้าวทั้งหมดตรงหน้าหมดจานไวๆ จะได้รีบกลับบ้าน

     

    “แค่กๆ”

    “เห้ยป้า เป็นไร” ชานอูหันมาถามผม หยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ด้านซ้ายมือของตัวเองส่งให้ผมดื่ม

     

    “ตีนติดคอไงวะ” ปากหมาแบบนี้ ไอ่จุนฮเวถามผมครับ

    “ตีนพ่องดิ กูสำลักข้าว”

    “แล้วมึงจะรีบกินทำไมวะ รีบไปไหน”

     

                     จุนฮเวส่งคำถามมายังผม ซึ่งตัวผมนั้นไร้คำตอบที่จะตอบกลับไป ผมเองยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเลย จะรีบกินทำไมวะ จะรีบไปไหน ข้าวติดคอตายทำไง ?

     

    “กู.. กลับบ้านก่อนนะ” ไม่พูดมากให้ถูกถาม ผมรีบหยิบกระเป๋าถือนักเรียน ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ไม่มีทางจะให้ไอ่ดงฉุดผมไว้ได้อีกแน่

    “เอ้า ไอ่ยุน”

    “ตังค่าข้าวหละวะ”

    “...".

                          ไม่วายทวงค่าข้าว ผมจึงต้องจำใจย้อนกลับมาวางเงินไว้บนโต๊ะ “จ่ายให้กูด้วย”

     

     

                      ผมเดินไปตามทางเข้าของสวนสาธารณะเช่นทุกครั้ง สวนข้างโรงเรียนนี้เป็นเส้นทางลัดให้ไปถึงบ้านของผมโดยเร็ว อีกทั้งยังเป็นสถานที่ไว้พักผ่อนเวลาผมนั้นมีเรื่องไม่สบายใจ จะมีม้านั่งตัวยาวสีเขียวสองข้างทางสลับห่างกันพอดี มีบ่อน้ำเล็กสองแห่ง กับบ่อใหญ่ด้านหน้าสวนอีกหนึ่งแห่ง ตอนกลางคืนจะมีการแสดงของน้ำพุตามเสียงเพลง สายน้ำหลายสายพุ่งขึ้นจากใต้น้ำสู่ด้านบน ประกอบกับแสง สีหลากหลายที่ถูกเปิดเพื่อความสวยงาม

     

                       ผู้คนมากมายต่างเลิกจากการทำงาน ต้องการที่พักผ่อนยามเย็น พากันออกมานั่งเล่นที่สวนแห่งนี้อย่างคับคั่งเป็นระจำทุกเย็น บางคนก็พากันออกมาวิ่งออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

     

     

    ถึงสวนแห่งนี้จะมีคนมากแค่ไหน ก็ยังเงียบสงบได้ .. เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนมาก

     

     

    “ป้า”    แต่ก็ยังมีบางคน ทำให้ไม่สงบ

     

    ไอ่อ้วน!

     

                        ผมไม่หันไปตามเสียงเรียก แม้เสียงนั้นจะเรียกชื่อของผมดังขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง ไม่ใช่ผมหยิ่งนะ แต่ไม่อยากจะเสวนาให้ทะเลาะกันเฉยๆ

     

                         หยิบหูฟังสีแดงออกจากกระเป๋ากางเกงนักเรียนสีดำ ใส่เข้าไว้ที่หูทั้งสองข้าง

    “ผมเดินด้วยดิ”

    “...”

     

                   ตอนนี้ชานอูเดินอยู่ข้างผม หน้ายิ้มแป้นอย่างกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง โชว์จังลักยิ้มกับเขี้ยวน้อยๆสองอันนั่น

     

    อ่อยหรอวะ ?

     

     

    “ทำไมป้าต้องเดินเข้ามาในสวนทุกวันด้วย” ชานอูละสายตาจากผม มองตรงไปตามทางเดินของสวนที่มีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกาย วิ่งผ่านพวกเราไป

     

    “...”

                    ผมไม่ตอบ ทำเหมือนไม่ได้ยินกับสิ่งที่ชานอูพูด ยกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เดินเตะฝุ่นไปเรื่อยๆ ตามองไปที่ปลายเท้าสลับกับมองไปด้านหน้า แหงนดูท้องฟ้าบ้าง ดูนก กระรอกที่อยู่บนต้นไม้บ้าง

     

     

    “อืม..”

    “...”

     

                      เราสองคนเดินมาถึงด้านหน้าของสวน ที่มีบ่อน้ำพุอยู่นั้น นี่ก็ใกล้เวลามีการแสดงแล้วด้วย ผมอยากดู แต่ติดตรงที่มีคนข้างๆอยู่ ทำให้หมดอารมณ์อยากไปทันที

                      ผมจึงตัดสินใจหันหลังให้กับการแสดงที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาที ก้าวเดินออกไปที่ประตูด้านหน้าเพื่อกลับบ้าน ไว้มาดูพรุ่งนี้ก็ได้ ยังไงก็แสดงทุกวัน

     

     

     

     

    “ผมชอบพี่นะครับ”

     

     

     

    ตึ่งงง! ! !

    ฟู่! ! !

               ♫ ~  ♪~    ~ ~    ♪ ♪ ~   ♪ ♪ ~ ~

     

     

                    สายน้ำพุ่งขึ้นสู่ด้านบนอย่างสวยงามจนเป็นน้ำพุ แสง สีหลากหลายถูกเปิดสลับกันเจ็ดสีของรุ้ง ละอองน้ำจากน้ำพุที่พุ่งขึ้นถูกสายลมอ่อนๆพัดมากระทบตามผิว  เสียงดนตรีบรรเลงคล้ายบรรยากาศในภัตตาคารหรู แต่ภายในตัวของผมนั้นกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต ก้อนเนื้อสีแดงกำลังเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งคล้ายเสียงกลองที่เล่นเป็นเพลงแนวร็อค จังหวะหนักๆ

     

                    บรรยากาศตอนนี้มันไม่ใช่แค่ไม่เงียบ มันกำลังเหมือนมีการฉลองอะไรสักอย่าง ทำไมถึงรู้สึกว่ารอบตัวได้คึกคักไปหมด โอ้ว มีใครจุดพลุด้วย

     

                     สองมือถอดหูฟังออกจากหูทั้งสองข้าง หันหลังกลับไปมองที่คนตัวใหญ่ด้านหลัง กับประโยคบอกรัก เอ้ย ประโยคบอกเล่าที่คนตัวใหญ่เอ่ยขึ้น สองคิ้วเรียวของผมขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย ชานอูเองก็คงสงสัยด้วยว่าทำไมผมถึงได้ยิน ทั้งที่ผมใส่หูฟัง ใส่หูฟังก็ไม่จำเป็นต้องฟังเพลงปะ

     

    “เอ่อ.. ป้าได้ยินด้วยหรอ” ชานอูกลิ้งลูกตาไปมาอย่างร้อนรน อ้ำอึ้งกับประโยคถัดไป

    “ได้ยินดิ”

     

     

    “คือ.. ผมชอบพี่นะ คบกับผมได้มั้ย เป็นแฟนกับผมนะครับพี่

     

                      ชานอูพูดเร็วกับประโยคที่ทำให้ผมต้องรู้สึกเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตอีกครั้ง ก้อนเนื้อสีแดงเต้นเร็วยิ่งกว่าเดิมล้านเท่า

     

     

    นี่กะจะให้หัวใจเต้นเร็วเกินจนตายเลยปะ

     

    ไอ่อ้วนบ้า!

     

     

     

     

     

    โทษนะ ฉันไม่ได้ชอบเด็ก








                     ประโยคตอบกลับของผม คงทำให้ก้อนเนื้อสีแดงของชานอูเต้นเร็วเหมือนกัน มันไม่ได้เป็นประโยคที่ทำร้ายแต่อย่างใด เพียงแค่ผมไม่อยากให้ความหวัง ที่ผมตอบไปนั้นคือความจริง ผมไม่ชอบคนเด็กกว่า ไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า ผมชอบคนโตกว่า เพราะหวังให้เขามาคอยดูแลผม

     

    ถึงผมจะชอบชานอูก็เถอะ

     

    หือ 0_0!


     

    -100-

    x x x x x


    อัพครบ 100เปอร์เซนต์แล้วจ้า ยังไงก็ฝากติดตามด้วยน้า
    โมเม้นน้อยแต่มีมาเรื่อยๆแน่นอน :)

    ให้ความรักน้องชานอูกับพี่ยุนฮยองกันเยอะๆน้า 




    #Chanyun #ผมไม่ได้ชอบเด็ก



     









     

     © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×