คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : -[Physics&Math]- ทำงาน? เที่ยว? เดท?
<Chapter4> ทำงาน? เที่ยว? เดท?
“ประกาศ!! 19-20 ตุลาคม 2556
จะมีการสอบปลายภาคของนักเรียนม.5”
เสียงโวยจากเด็กชั้น2 ดังลงมาถึงหัวบันไดชั้น1 จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมเดินขึ้นบันไดเพื่อไปหาสาเหตุเสียงโวยนั้น
ผมเดินตามเสียงโวยที่ดังขึ้นเรื่อยๆมาถึงชั้น2 เด็กม.ปลายเกือบร้อยคนยืนมุงกันหน้าประตูห้องพักครูเพื่อดูอะไรบางอย่าง
“เกิดอะไรขึ้น” ผมถามเด็ก 2คนที่เพิ่งเดินออกมาจากฝูงคนร้อยคนที่กำลังมุงดูอะไรสักอย่าง
“วันสอบน่ะค่ะพี่ฟิล์ม”
“แล้วสอบวันไหนกัน”
“19-20 นี้! แต่วันนี้วันที่17แล้วเพิ่งประกาศวันสอบ ใครจะเตรียมตัวทัน จะเอาเวลาจากไหนอ่านหนังสือ” เด็กทั้งสองคนเริ่มโวยวาย
“วันนี้ก็ไม่ต้องเรียนพิเศษตอนเย็น กลับบ้านไปอ่านหนังสือกันสิ”
“จะกลับยังไงล่ะคะ ออกยากแบบนี้”
โรงเรียนของผมมักจะมีกฎแปลกๆงอกเป็นดอกเห็นขึ้นทุกวัน อย่างเรื่องกลับบ้านตอนเย็นของเด็กม.ปลาย โดยมีกฎอยู่ว่า
นักเรียนชั้นม.4-6 ที่มีความประสงค์จะกลับบ้าน
กรุณามารับใบอนุญาตเขียนคำขอกลับบ้านพร้อมลายเซ็นคุณครูประจำชั้น
ดูกฎโรงเรียนผมสิ เขียนคำขออนุญาตกลับบ้านก็ว่าเยอะแล้ว นี่ต้องขอลายเซ็นครูประจำชั้นอีก จะเยอะแยะอะไรกันนักหนา
ผมเองก็ไม่เข้าใจทำไมต้องบังคับเด็กเรียนพิเศษตอนเย็น ถ้าเด็กอยากจะเรียนก็เรียนเองแหละครับ ถึงไม่ได้เรียนที่โรงเรียนแต่ก็เรียนข้างนอกได้เหมือนกัน ความรู้เหมือนกันถ้าเด็กรับความรู้ที่ไปเรียนนั้นมันก็ได้เองแหละครับ บังคับฝืนใจกันแบบนี้ ผมล่ะเอือมที่สุด
.....ห้องพักครู ชั้น2....
“เห้ย บาส” ผมเรียกหน้าอ่อนที่กำลังคุ้ยหาอะไรบางอย่างในกองหนังสือที่กระจัดกระจาย
“มีอะไรหรือเปล่าพี่” หน้าอ่อนถาม พร้อมกับทำหน้าตางงๆ
“สรุปวันเสาร์แกจะไปเยี่ยมบ้านเด็กกับฉันด้วยไหม”
“ไปสิครับ ถ้าผมไม่ไปผมจะได้ทริคเด็ดๆจากพี่ไหมล่ะครับ” ไอ้หน้าอ่อนนี่จะเอาทริคจากผมให้ได้เลยจริงๆ ผมไม่มีทริคอะไรให้มันเลยนะมันจะเอาอะไรจากผมกันเนี่ย -0-;;;
“เออๆ เดี๋ยวพี่ไปรับแกที่บ้าน”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปรับพี่เองก็ได้ครับ”
ห๊ะ!!!!!??? อะไรนะ 0[]0!!!!??? ไอ้หน้าอ่อนจะมารับผมที่บ้าน
จะมารับที่บ้าน!!
บ้าน!!!
บ้าน!!!!!
บ้านนน!!!!!!!!!!!!
ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงมาก เต้นเป็นจังหวะสกา เอ๊ะ? จังหวะอะไรก็ไม่รู้ ช่างมันเถอะ ผมรู้แค่ว่าหัวใจผมเบ่งบานมากเมื่อได้ยินว่าไอ้หน้าอ่อนตรงหน้าผมจะมารับที่บ้าน พรุ่งนี้!
9.00 AM
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดดดดดดดดดด!!!
“โว้ยยยยยยยยยย” ผมเอื้อมมือไปจับนาฬิกาปลุกตัวดีของผมที่ส่งเสียงดังน่ารำคาญทุกเช้าก่อนจะกดปิดเพื่อให้มันหยุดร้องเสียงดังและเงียบลง วันนี้เป็นวันเสาร์ที่อากาศแจ่มใสเหมาะกับการนอนมากที่สุด
ผมล่ะรักวันเสาร์มากที่สุด เป็นวันแรกของการพักผ่อนในสัปดาห์
ไม่ต้องตื่นเช้าไปทำงาน ไม่ต้องไปโรงเรียนที่แสนวุ่นวายและน่าเบื่อ..
ปี๊ดปี๊ด ปี๊ด ปี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!
“อะไรอีกเนี่ย” ผมสะดุ้งตื่นพร้อมกับเอามือปิดหูก่อนจะหันไปมองหาต้นเสียงที่น่ารำคาญนั่น
“ก็ปิดเสียงนาฬิกาแล้วปะวะ หรือจะเสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์” ผมลุกจากที่นอนไปที่โต๊ะทำงาน ที่ผมทำความสะอาดทุกวัน บนโต๊ะทำงานผมทุกอย่างถูกจัดเข้าที่เข้าทางตามล็อคของมัน ปากกาหลากหลายสีเรียงกันในกล่องอย่างสวยงาม หนังสือ สมุดจดก็ถูกวางแยกกันเพื่อความสะดวกในการใช้งาน เอกสารสำคัญต่างๆก็ถูกจัดให้อยู่ในแฟ้มอย่างเรียบร้อย อีกทั้งข้างๆโต๊ะทำงานก็ยังมีกีต้าร์ตัวโปรดที่ผมมักจะเกาเล่นเบาๆแก้เบื่อวางประดับอีกด้วย นี่แหละห้องผู้ชายของจริง(?)
“ก็ไม่ใช่เสียงนาฬิกาโทรศัพท์นี่หว่า เมื่อคืนไม่ได้ตั้งสักหน่อย”
“คุณครูฟิล์มค้าบบบบบบบบบบบบบบ” เสียงแมนๆของใครสักคนตะโกนมาจากข้างล่าง ผมรีบเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองหาต้นเสียง และผมก็พบกับไอ้หน้าอ่อนที่ยืนบีบแตรปี๊ดปี๊ดที่น่ารำคาญอยู่ข้างล่างนั่นเอง
ใบหน้าหวาน ขาว อมชมพู กำลังโดนแสงแดดยามเช้าส่องกระทบ เผยให้ดูมีออร่าออกมา ปากเล็กๆสีแดงระเรื่อกำลังพูดอย่างรวดเร็วจนคนฟังอย่างผมจับใจความไม่ได้ ดวงตากลมดวงเล็กกำลังมองมาที่ผมอย่างเอาเรื่อง
นี่ผู้ชายจริงๆเหรอ.... */////////////////////*
“ฟิล์ม!! มีคนมาหาลูกน่ะ เขามารอลูกนานแล้วนะ ตื่นหรือยัง” ผมสะดุ้งตัวเมื่อเสียงแม่ของผมตะโกนขึ้นมาจากด้านล่างของตัวบ้าน
“ครับแม่ ผมกำลังจะลงไปแล้วครับ” ผมละสายตาจากไอ้หน้าอ่อนที่ยืนพูดราวกับด่าผมอยู่ด้านล่าง ก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบๆแล้วลงไปด้านล่าง
“สวัสดีตอนเช้าครับแม่” ผมติดกระดุมเสื้ออย่างรีบๆจะติดผิดติดถูกก็ไม่รู้แล้ว เพราะตอนนี้ 10โมงกว่าแล้วผมยังไม่ได้ออกจากบ้านเลย แล้วจะมีเวลาเที่ยวหลังจากไปเยี่ยมบ้านเด็กๆไหมเนี่ย
“ไม่กินข้าวก่อนหรอ” แม่ถามผม ขณะที่มองผมใส่รองเท้าแบบลวกๆเพื่อจะได้ออกจากบ้านโดยเร็วที่สุด
“ไว้ไปกินตอนเที่ยงกับบาสเลยครับแม่ ผมไปล่ะครับ” ผมหอมแก้มแม่ทั้งสองข้างก่อนจะก้าวขาฉับๆเดินออกมาอย่างไว
หน้าอ่อนที่มารอผมก่อน 9โมงยืนขมวดคิ้วมองผมแถมยังจ้องหน้าแบบหาเรื่องอีกด้วย จะจ้องทำไมวะ
รู้แล้วว่าผิด ขอโทษเว้ยยยยยยยย!!!!
“มองอะไร ไปได้แล้ว” ผมลุกลี้ลุกลน สายตาไม่อยู่กับที่เพราะคนตรงหน้าเอาแต่จ้องเหมือนต้องการอะไรสักอย่าง
O_O!!!!!!!!!;;;;;;
มือเล็กๆขาวซีดกำลังปลดกระดุมบนของผมอย่างเบามือ เลื่อนลงมากระดุมที่สอง กระดุมที่สาม แล้ว.......
“เห้ยๆๆๆๆ จะทำอะไร นี่บ้านนะ” ผมรีบโวยวายแล้วถอยตัวออกห่างจากไอ้หน้าอ่อน
“ก็จะติดกระดุมให้ไง พี่ติดกระดุมเป็นปะ เอากระดุมสามติดกระดุมสอง เอากระดุมสองติดกระดุมแรก”
ผมนิ่งไปสักพัก ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่ว่าผมติดกระดุมผิด แต่อยู่ๆก็มาปลดกระดุมคนอื่นแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ จะไม่ให้คิดแบบนั้นได้ยังไง ไอ้หน้าอ่อนเอ้ย!!!!
“นี่พี่คิดอะไรของพี่อยู่ ผมก็แค่จะติดกระดุมให้ใหม่เองนะ”
นี่ถามออกมาได้ไง ว่าผมคิดอะไรอยู่ ซื่อเกินไปแล้ว -0-
“ก็บอกก่อนสิว่าจะทำอะไร ติดกระดุมใหม่ใช่ไหม ติดเองได้” ผมรีบติดกระดุมทั้งหมดใหม่อย่างไวก่อนจะเดินไปอีกฝั่งเพื่อขึ้นรถ ปล่อยให้ไอ้หน้าอ่อนยืนมองปฏิกิริยาของผมมอย่างงงๆ หน้าอ่อนก็เหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าผมเป็นอะไร
หน้าอ่อนเปิดประตูรถแล้วเข้ามานั่งในที่ฝั่งคนขับ ก่อนจะเอ่ยปากถามผม
“พี่จะไปบ้านเด็กคนไหนก่อนครับ” ทำเป็นพูดเพราะนะ ทีตอนยังไม่ลงมานี่ยืนด่าอยู่ล่ะสิ เหอะ -3-
“วันนี้ไปบ้านชีวรัตน์คนเดียวก่อน บ้านนี้ไกลสุด”
“โอเคครับ” หน้าอ่อนถอนเกียร์ก่อนจะเหยียบคั่นเร่งออกตัวไปอย่างเบามือ ที่ต่างกับผมออกตัวครั้งแรกทีไรเหยียบสุดแรงพร้อมแข่งได้ทุกเมื่อ ก็ผมชอบความเร็วนี่ครับ ฮ่าๆ ๆๆๆ
.
.
-บ้านชีวรัตน์-
อ่อด.. อ่อด.. อ่อด..
นี่ผมกดกริ่งสามสี่รอบแล้วนะ ทำไมยังไม่มีใครออกมาเลยสักคน หรือจะไม่อยู่กัน อะไรเนี่ย!!!!
อย่าบอกนะว่าผมมาเสียเที่ยวอ่ะ โห่วววววววววววววววววววววววววววววววววววว -0-
“เหมือนจะไม่มีคนอยู่นะครับ”
“รู้แล้วน่ะ”
“ทำไงต่อครับ”
“เที่ยวสิ”
“อะไรนะครับ -[]-”
“เที่ยวไง เที่ยว เข้าใจปะ มาที่ไกลๆทั้งทีก็ต้องเที่ยวสิ” ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก็ผมน่ะชอบเที่ยวที่สุด
แต่เดี๋ยวนะ......
เอ๊ะ? ไอ้หน้าอ่อนมาด้วยนิแล้วผมจะเที่ยวสนุกไหม หมดฟีลเลย -________-
-เขื่อน FBBF-
ผมเปิดประตูรถช้าๆ ก่อนจะก้าวขาข้างหนึ่งออกมาจากตัวรถที่ผมนั่งมาจนถึงตัวเขื่อน บรรยากาศที่นี่เงียบสงบสุดๆ อากาศก็กำลังเย็น สบาย มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่เยอะแยะเหมาะให้เป็นที่พัก น้ำจากแม่น้ำสิบสายไหลมารวมตัวกันที่เขื่อนนี้เพื่อให้ชาวบ้านในแถบนี้ได้มีน้ำใช้ดื่ม ทำนา ทำสวน ปลูกผักและอื่นๆ
ผมยกแขนขึ้นเหนือหัวจนสุดแขนก่อนจะบิดไปทางซ้ายที ขวาทีเพื่อปัดความอ่อนล้าจากการนั่งรถมาอย่างยาวนาน
“อื้ออออออ....... ><”
“พี่ทำเสียงอะไรของพี่น่ะ” ไอ้หน้าอ่อนถามผม ตั้งแต่ขึ้นรถมาผมคุยกับมันแค่ไม่กี่คำเอง แล้วก็ต่างฝ่ายต่างเงียบมาตลอด ที่เงียบน่ะเพราะผมหลับ ส่วนไอ้หน้าอ่อนก็มีหน้าที่ขับรถพาผมไปเที่ยว ต่างฝ่ายต่างยุ่งกับกิจกรรมของตัวเองก็เลยไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก
“อย่าทำลายบรรยากาศดิ”
“ก็ดูพี่ทำเสียงสิ น่าขนลุกที่สุด”
ไอ้บาสทำลายบรรยากาศอันสบายของผมพังพินาศ แค่พูดประโยคสองประโยคผมก็เสียอารมณ์แล้ว -3-
ผมล้มตัวลงนอนกับพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีเงาบดบังแสงแดดอันร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ให้ ผมหลับตาพริ้มแล้วปล่อยให้ลมพัดผ่านตัวไป ผมล่ะรู้สึกผ่อนคลายสุดๆเลยตอนนี้ ผมอยากจะนอนตรงนี้นานๆจัง ^_______________^
“นอนดิ ไอ้บาส”
“ไม่ล่ะครับ เดี๋ยวเสื้อผมเปื้อน”
ผมยกมือขึ้นสุดแขนก่อนจะกระชากข้อมือเล็กๆของคนที่กำลังยืนอยู่ให้ทรุดตัวนอนเหมือนกับผม ไม่งั้นคงได้ทำลายบรรยากาศอันเลอค่าของผมอีกรอบเป็นแน่
แต่คนที่ผมกระชากลงมานั้น ไม่ได้ลงมานอนน่ะสิ กลับล้มลงมาทับอยู่บนตัวผมแทน มือของผมยังจับข้อมือเล็กๆของคนที่นอนทับตัวผมอยู่อย่างแน่น เพราะก่อนหน้านี้ผมต้องใช้แรงอย่างมาก เพื่อที่จะดึงคนที่กำลังยืนให้ลงมานอนรับบรรยากาศเดียวกันกับผม
ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบปลายจมูกผม ริมฝีปากชมพูอ่อนที่น่าขบเม้มแตะเข้าที่ริมฝีปากบนผมอย่างแผ่วเบา ดวงตากลมเล็กๆสองดวงที่กำลังสั่นเพราะอาการตกใจที่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้ ผมมองทะลุเข้าไปในดวงกลมเล็กทั้งสองดวงนั้นแบบลึกซึ้ง ผมค่อยๆยื่นใบหน้าของผมเข้าไปใกล้กับคนข้างบนทีละนิด แต่แล้วคนข้างบนก็ผละออกจากตัวผมก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงของตัวเองพร้อมกับหันหน้าหนีไปอีกทางเหมือนแก้เขิน -///////-
“เอ่อ.. อากาศดีปะล่ะ บอกแล้วอากาศดี” ผมไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาพูดแก้เขินแล้วตอนนี้ ปกติผมเป็นคนพูดตรง พูดเก่ง พูดได้ทุกสถานการณ์ แต่เจอแบบนี้เข้าไป ผมเองพูดไม่ออกเลยครับ
“อื้อ” คนที่ยืนหันหลังให้ผมตอบแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่รู้เพราะอะไร
“งั้น.. กลับบ้านกันเถอะ” คนที่ยืนอยู่ก่อนแล้วนั้นได้ก้าวเท้าเดินออกไปก่อน ส่วนผมยังนั่งแช่อยู่กับพื้น ก้มหน้าก้มตามองหาแร่ธาตุในดินเพราะอาการเขินที่ไม่สามารถระงับยั้งได้สักที
ผมค่อยๆลุกพร้อมกับปัดเศษหญ้าที่เปื้อนกางเกงออกให้หมดก่อนจะเดินตามไอ้หน้าอ่อนไปอย่างช้าๆ
เมื่อมาถึงตัวรถ ไอ้บาสได้มาถึงก่อนแล้ว มันไม่ยอมมองหน้าผม ไม่ยอมสบสายตาผม เอาแต่ยืนหน้าบี้อยู่ที่ประตูรถฝั่งคนขับ เมื่อไอ้บาสรู้สึกได้ว่าผมมาถึงแล้วมันจึงกดรีโมตอัตโนมัติเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่ง ปล่อยให้ผมที่เดินตามมาทีหลังอ้อมไปนั่งอีกฝั่งเอง
-บ้าน-
ภายในตัวรถเงียบสงัด ไม่มีเสียงพูดเล็ดลอดมาจากปากใครเลยสักคน ตอนนี้ผมก็มาถึงหน้าบ้านของตัวเองแล้ว ผมก็ควรที่จะลงรถและเข้าบ้านไปแบบปกติไม่ใช่หรอ แต่ผมยังไม่อยากลงยังไงก็ไม่รู้
ผมอยากพูดอะไรสักอย่างกับไอ้บาส...
“ขอโทษ..” ผมพูดไปแล้ว ผมพูดแล้ว
“.......” ไม่มีเสียงหรือสัญญาณใดๆตอบรับกลับมา
“บาส พี่ขอโทษ”
“.........”
“พี่เข้าบ้านแล้วนะ” ผมหันไปมองหน้าคนที่ขับรถมาส่งผมที่บ้านอย่างมีความหวังว่าจะหันมามองกันบ้าง แต่แล้วก็ไม่หันมามองกันเลยสักนิด ผมจึงตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วก้าวขาลงจากรถอย่างช้าๆ ผมยังคงไม่ปิดประตูรถ ยังคงยืนมองคนที่เอาแต่นั่งนิ่งๆอยู่ในรถเผื่อคนนั้นมีอะไรจะพูดกับผม
ปัง!!!
เสียงประตูรถปิดอย่างแรก พร้อมกับการออกตัวเหมือนรถแข่งพุ่งออกไปอย่างเร็ว -0-
นี่ไอ้บาสขับรถเร็วขนาดนี้ได้ด้วยหรอ ?
ผมยืนอึ้งกับความเร็วของรถที่เพิ่งออกตัวไป และงงว่าคนที่ขับรถออกไปนั้นเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลย เอาแต่นั่งนิ่ง ตาเหม่อลอย อีกทั้งยังไม่รับฟังคำพูดอะไรเลย
นี่ไอ้บาสมันเป็นอะไรขงมัน ???
ความคิดเห็น