คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 04
04
12.30 PM
ระเบียงชั้นสอง ตึกมอปลาย
‘กินข้าวยัง’
‘ยัง’
12.45 PM
‘น้องชานอูค้าบ’
‘คับ’
‘มากินข้าวด้วยกันนะค้าบ’
‘นะคับ’
‘ได้คับ’
‘ผมอยู่โรงอาหารแล้วคับ’
‘มองตรงมาเลยครับ พี่นั่งอยู่กับเพื่อนอีกสองคน’
ส่งจาก Messenger
“เชี้-ย/ป้า”
หลังจากผมกับชานอูตกใจกันและกัน ที่ใบหน้าของพวกเราใกล้กันนั้น ผมสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นนั่งบนโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว จะเอาหน้ามาใกล้ทำไมวะ ขนลุกเลย -..-;
“นั่งก่อนครับน้องชานอู” ดงฮยอกลุกออกจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม เดินมายังที่นั่งข้างผม ทำท่าปัดฝุ่นบนเก้าอี้ตัวยาวก่อนเชิญชานอูนั่งลง ทำไมต้องนั่งข้างกู ข้างจุนฮเวก็มีทำไมไม่เชิญนั่งหละครับเพื่อน
“ให้ไปนั่งข้างไอ่จุนฮเวดิ”
“ผมนั่งข้างพี่จุนฮเวก็ได้คับ” เออ รู้หน้าที่ดีนี่
“ไม่เป็นไร นั่งข้างไอ่ยุนนี่แหละ”
“งั้นผมนั่งเลยนะครับ” ผมยังไม่ทันอ้าปากห้ามนั่ง ชานอูยกขาสองข้างข้ามเก้าอี้ก่อนหย่อนตัวนั่งลงข้างผม ยังจะหันหน้ามายิ้มกวนประสาทให้ผมอีกครับ มันน่าเตะให้ล่วงเก้าอี้มั้ย หึ
ตั้งแต่มีบุคคลที่สี่มาร่วมวงกินข้าวและสนทนา ผมนี่แทบกินข้าวไม่ลงเลยครับ จะคุยก็คุยไปสิ จะกินก็กินไป จะทำอะไรก็ทำไปดิ จะมองกูแด กข้าวทำไมวะครับ กินไม่ลงเว้ย
ผมหยุดกินข้าว วางช้อนส้อมลงทั้งที่ยังจับคามืออยู่ หันมองด้านข้างด้วยหางตาเป็นนัยบอกให้คนข้างตัวรู้ว่าหยุดมองได้แล้ว คนจะกินข้าว แต่เหมือนคนข้างตัวผมจะไม่เข้าใจหรือไม่รู้เรื่องกับการกระทำของผม จนตอนนี้ยังไม่เลิกมองผม ต้องการอะไรวะ จะมองทำไมนักหนา
น่ามคาญ - -!
พึ่บ
ผมตัดสินใจเลิกกิน นี่ยังไม่อิ่มนะไว้ค่อยไปหาอย่างอื่นกินแทน ลุกขึ้นยืน ก้าวข้ามเก้าอี้ที่นั่งเมื่อสักครู่เดินออกมาจากตรงนั้น ทำให้สายตาทั้งสามคู่หันมามองกันในทางเดียวอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไอ้ยุน จะไปไหน” ดงฮยอกตะโกนถามตามหลังผมมา
“...” ไปหาไรแด กต่อเว้ย อยู่ตรงนี้แล้วกินไม่ลง ขอไปหาอะไรกินที่อื่นต่อแล้วกัน ผมพึมพำกับตัวเองระหว่างเดินออกมา โดยไม่ให้คนถามกับอีกสองคนได้ยิน
เจอกันที่ห้องนะ เพื่อน
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับพี่ดง พี่จุนฮเว บายครับ”
“ป้าครับ ส้มแก้วครับ”
“ได้แล้วจ้ะ”
“ตะ..”
“นี่ตังค่าน้ำส้มครับ” เห้ย แซงคิวได้ไงวะ มาก่อนนะเว้ยต้องได้ก่อนดิ
“อ่ะป้า น้ำส้ม”
“...”
“รับไปดิ ผมซื้อให้”
“...” ผมมองแก้วน้ำส้มราคาห้าบาทที่ถูกยื่นต่อหน้าผมสลับกับใบหน้าของคนแซงคิว ชานอูแซงคิวผม
มือที่มีนิ้วสั้นๆยกขึ้นไปรับแก้วน้ำส้มจากมือใหญ่ๆของอีกคนที่ยื่นน้ำส้มให้
ของฟรี จะไม่รับได้ไงหละครับ อิอิ
“...”
“ไม่ขอบใจกันเลยนะป้า” ชานอูเบะปาก ยกแขนสองข้างขึ้นมากอดไว้ที่อก พร้อมหันลำตัวไปอีกทาง
“เออ ขอบใจ” ผมเบี่ยงสายตามองไปอีกทาง พยายามไม่มองไปที่ใบหน้าของชานอู เพื่อเราจะได้ไม่สบตากัน ชานอูหันหน้ากลับมาทางผม ปล่อยแขนที่ยกขึ้นกอดอกนั้นไว้ข้างลำตัว ก่อนก้มตัวลงมาเพื่อยื่นหน้าพร้อมกับเอียงหูเข้ามาใกล้ใบหน้าผม จังหวะเดียวกันที่ผมหันกลับมาสนใจตรงหน้า ทำให้จมูกของผมนั้นเฉียดแก้มป่องที่ขาวจนเห็นเส้นเลือดจางๆ ผมสะดุ้งตัวให้ออกห่างจากรัศมีที่ใกล้กันมากขนาดนี้
ตึก...
ตึก...
“นี่..”
“เมื่อกี้ป้าพูดว่าอะไรนะ”
“เปล่า..”
“เอ้า นึกว่าพูดขอบใจผม” ชานอูทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้คำขอบใจจากผม ก็พูดแล้วไง ไม่ได้ยินเองจะมาให้คนอื่นพูดอีกเนี่ยนะ ไม่พูดแล้วเว้ย
ชานอูหน้าบึ้งหันหลังกลับไป ก้าวเท้าเดินออกห่างจากตัวผมไปยังทางออกของโรงอาหาร
“เออ! ขอบใจ!”
ผมตะโกนไล่หลังสุดเสียงมากกว่าที่เคยตะโกนมา ไม่ได้กลัวคนที่เดินไปนั้นงอนนะ ไม่ได้จะง้อด้วย ผมแค่ไม่อยากรู้สึกไม่ดี ชานอูคงไม่ได้ยินกับสิ่งที่ผมพูด เขาไม่หันกลับมาหรือแม้แต่จะหยุดเดิน แล้วแต่เขาเถอะ เราจะไปคิดมากทำไม
ขณะเดียวกัน
ยุนฮยองเองก็ไม่ได้เห็นสิ่งที่ชานอูทำ
ชานอูกำลังยิ้ม
J
-40-
เย็นนี้ ที่ ...บาร์นม...
“เฮ้อ เรื่องพี่บ๊อบบี้ของกูไม่คืบหน้าเลยว่ะ” ดงฮยอกถอนหายใจเสียงดังกับเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจ พลางใช้หลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วนมที่ตัวเองกินเกือบหมดแล้ว ปากหยักเบะเป็นสระอิ สายตานั้นได้เหม่อลอยมองผ่านกระจกใสออกไปด้านนอกร้าน จุนฮเวเองก็เอาแต่กดโทรศัพท์คุยกับพี่จินฮวานไม่ได้สนใจดงฮยอกเลยสักนิด
มีแฟนแล้วลืมเพื่อน
“ไม่คืบหน้าไงวะ กลางวันมึงก็คุยกับชานอูแล้วนิ” ขอถอนคำพูด จุนฮเวมันสนใจดงฮยอกครับ มันไม่ได้ลืมเพื่อน
หรา...
แต่สายตานี่ยังมองหน้าจอโทรศัพท์ นิ้วมือยังกดแป้นพิมพ์ เก่งเกินไปแล้วเพื่อนจุนฮเว ปากพูดอีกอย่างพร้อมกระทำอีกอย่าง
“มันก็คุย แต่ส่วนมากน้องเขาถามเรื่องไอ่ยุน”
“เรื่องของกู..” ผมยกนิ้วชี้ ชี้เข้าหาตัวเอง หันหน้าไปทางดงฮยอก เป็นเชิงถามว่าตัวเองนั้นได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ว่าแต่ถามทำไม
“ก็เอออ่ะดิ ชิ๊” ดงฮยอกจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจที่ชานอูถามเรื่องของผม แทนที่ไอ่ดงจะได้ถามเรื่องพี่บ๊อบบี้ของมันเอง
จากที่ดงฮยอกเล่านั้น ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาดูดชาเขียวนมในแก้วของผมจนแห้งเหลือเพียงน้ำแข็งสีขาวขุ่น หากผมร้อนรนอยากรู้ว่าชานอูมันถามเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวผม ไอ่ดงได้แซวผมแน่ ยิ่งถ้าไอ่จุนฮเวนะแซวยันลูกบวช
‘อยากรู้เรื่องไร’
‘เรื่องอะไร’
‘ก็ที่ถามไอ่ดงเรื่องฉันเมื่อกลางวันไง’
‘แค่ถาม’
‘ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ถามปะ ถามแสดงว่าอยากรู้’
‘อยากรู้ก็ได้’
อยากรู้อะไรของมันวะ
‘ ป้ามีแฟนยัง ’
………………
รับประทานจุดเป็นอาหารเย็นเลยครับ
ผมนั่งมองข้อความที่ชานอูส่งมาเพื่อถามผมนั้นอย่างตกใจ มือที่เตรียมจะกดลงบนแป้นพิมพ์เพื่อตอบกลับได้หยุดไว้ ผมเม้มปากเข้าหากันแน่น สายตาจดจ้องอยู่ตรงข้อความที่ถูกส่งมาล่าสุด พร้อมกับสิ่งที่ทำให้คนเรามีชีวิต อยู่ข้างในตรงอกด้านซ้าย ..หัวใจ.. กำลังเต้นเร็วและแรงจนผมรู้สึกได้
เกิดอะไรขึ้น
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
มันคืออะไร
หน้าจอโน้ตบุ้คถูกปิดลงเพราะตัวผมเองได้จับพับลงมาประกบกันกับแป้นพิมพ์ ก่อนลุกออกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังเตียงนอน ล้มตัวลงนอนแผ่กว้างบนเตียงใหญ่ริมหน้าต่าง บานกระจกได้ถูกเลื่อนให้เปิดออกตั้งแต่ยามพระอาทิตย์กำลังตกดิน จนตอนนี้ได้ลับขอบฟ้าไป ดวงจันทร์ที่ส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณเป็นวงกว้างปรากฎขึ้นแทนที่ ผมมองออกไปด้านนอกเพื่อสำรวจท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ ปกติแล้วดวงดาวมีไม่เยอะ เพราะอะไรวันนี้ทั้งดาวเล็กดาวน้อย ได้มีมากมายเต็มท้องฟ้าให้น่ามองได้ขนาดนี้กันนะ
หรือเพราะใคร
“พวกมึงครับ เย็นนี้ไปดูพี่บ๊อบบี้ของกูซ้อมบาสกัน” แต่เช้าเลยเพื่อนกู..
ดงฮยอกที่วันนี้มาเช้ากว่าปกติ เดินเข้าประตูหลังของห้องเรียนมาทางด้านหลังพวกผม ยกแขนสองข้างขึ้นพาดบ่าผมกับจุนฮเวที่นั่งลอกการบ้านอยู่ เมื่อคืนหลังจากที่ผมปิดโน้ตบุ้คแล้วล้มตัวลงนอนนั้นได้หลับสนิทชนิดที่ว่าไฟไหม้ก็ไม่มีทางตื่น หลับไปทั้งที่หัวใจยังเต้นเร็วและแรง
ลืมไปเสียสนิทว่ามีการบ้านร้อยข้อที่ต้องทำและส่งภายในตอนเช้าก่อน 8 นาฬิกา
ดงฮยอกยกแขนออกจากบ่าพวกผม เดินอ้อมไปที่โต๊ะเลคเชอร์ของมันที่อยู่ด้านหน้า ยกขาขึ้นคร่อมเก้าอี้นั่งหันหน้ามาทางผม วางแขนสองข้างซ้อนกันเพื่อเป็นฐานรองหนุน ชันคางลงบนแขนที่ทับซ้อนกัน ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มอ้อนมาทางผมสองคน
คิดว่าจะอ้อนได้หรา
“ไอ่เวร มึงอย่าเพิ่งเปลี่ยนหน้าดิ กูยังลอกไม่เสร็จ”
“มึงช้า เร็วดิวะ”
“เออเนี่ย กูเร็วอยู่”
“เร็วอีก จะแปดโมงแล้ว” จุนฮเวสั่นขาอย่างร้อนรน มือขวาจับแผ่นกระดาษยกค้างไว้เพื่อเตรียมเปลี่ยนหน้าถัดไป
“พวกมึง ฟังกูอยู่ปะเนี่ย”
“เปลี่ยนเลย กูลอกเสร็จละ” จุนฮเวปล่อยกระดาษที่จับอยู่นั้นพับลงไปอีกด้าน เพื่อเปลี่ยนเป็นหน้าถัดไป
พึ่บ !
“เชี้ยดง” สมุดการบ้านที่ผมกำลังลอกอยู่นั้นถูกดงฮยอกกระชากออกไป ถืออยู่ในมือชูเหนือหัว
“พวกมึงต้องไปดูพี่บ๊อบบี้ของกูซ้อมบาสเป็นเพื่อนกู”
“เกี่ยวไรกับพวกกูว้า” จุนฮเวประท้วง ซึ่งผมเองก็เห็นด้วย
พี่บ๊อบบี้ของมึง ไม่ใช่ของกู แล้วทำไมกูต้องไป เกิดชานอูอยู่ด้วยหละ ผมก็ต้องเจอมันอ่ะดิ สองคนนี้สนิทกันจะตายไป ตัวติดกันตลอด มีรุ่นน้องที่ไหนสนิทกับรุ่นพี่เหมือนเพื่อนอย่างนี้บ้าง
ไอ่อ้วนนี่จะแกร่งเกินไปแล้ว
“การบ้านของพวกมึงยังไม่เสร็จไม่ใช่หรอ ไม่ลอกแล้วหรอ”
“...”
“...”
“อืม.. นี่ก็ใกล้แปดโมงแล้วด้วยสิ” ดงฮยอกยกข้อมือซ้ายที่สวมใส่นาฬิกาแบรนด์ดัง แต่ก็อปมาอีกทีที่หาซื้อได้ตามตลาดนัด ทำท่าดูนาฬิกาที่กำลังหมุนไปเรื่อยๆ
“..”
“...”
ผมกับจุนฮเวมองหน้ากันอย่างยอมแพ้ เป็นอีกครั้งที่ผมยอมไอ่ดงกับเรื่องไร้สาระของมัน เพราะเดือดร้อนถึงตัวผม ใกล้จะแปดโมงแล้วด้วย ขืนไม่รีบลอกการบ้านให้เสร็จ ได้โดนครูโหดฟาดก้นลายอีกแน่ครับ
“คิดให้ดีนะ จะโดนฟาดก้นหรือจะไปเป็นเพื่อนกู”
ดงฮยอกเลิกมองนาฬิกาที่ข้อมือ เงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าผมตาเขม็ง หากมันเป็นพ่อมด ตัวผมเป็นมักเกิ้ลอาจโดนสาปให้แข็งเป็นหินก็ได้
“เออ ไปก็ได้วะ”
“มันต้องอย่างนี้สิวะเพื่อน”
เสียงสมุดกระทบลงบนโต๊ะ ดังปึก มาจากการที่ดงฮยอกวางสมุดแรงเพราะได้ยินคำตอบตกลงของผมว่าจะไปเป็นเพื่อนด้วย อีกทั้งยังยกขาขึ้นพาดบนเก้าอี้อีกตัวด้านข้าง กระดิกเท้ามองพวกผมอย่างสบายใจ
สบายเน๊อะ..
ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเสียประโยชน์ ผมกับจุนฮเวที่ได้สมุดคืนมานั้นรีบเปิดหาหน้าที่ลอกค้างไว้ กว่าจะเจอ เปิดหาจนสมุดแทบขาด
...สนามบาส...
“เจ็บตูดสัดอ่ะ เพราะมึงเลยไอ่ดง ทำพวกกูโดนฟฟาด” ผมว่าพลางใช้มือลูบที่ก้นบรรเทาอาการแสบคันที่เกิดจากการโดนฟาดด้วยไม้เรียวหนาพันด้วยเทปกาวแน่นเพื่อความแข็ง ฟาดหนึ่งครั้งอวัยวะภายในสะเทือนเลยครับ
ใช่ว่าผมจะโดนคนเดียว ไอ่จุนฮเวก็โดนด้วยครับ แต่แปลกที่ครั้งนี้ไม่บ่นเหมือนผม ปกตินะบ่นสามวันสามคืนยังไม่จบ
ที่ไม่บ่นเพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์ สนใจแต่โทรศัพท์
หรือ..
สนใจแต่คนในโทรศัพท์
ระหว่างที่พวกผมกำลังเดินเข้าไปด้านในโรงยิมของโรงเรียน ด้านในประกอบไปด้วยสนามบาสสองสนาม สนามวอลเล่ย์หนึ่งสนามใหญ่ และสนามเซปักตะกร้อขนาดเล็กอีกหนึ่งสนาม เดินตรงเข้าไปด้านในสุด ขวามือคือสนามที่พี่บ๊อบบี้กับเพื่อนในทีมใช้ซ้อมบาสทุกเย็นหลังเลิกเรียน
นั่นใครน่ะ ?
ทำไมตัวใหญ่กว่าคนอื่นเลย
“มึง พี่บ๊อบบี้ พี่บ๊อบบี้ของกู” ไอ่ดงตีเข้าที่ไหล่ของผมอย่างแรง มือขยำแขนเสื้อ กัดปากยกยิ้ม ซุกหน้าลงบนไหล่ผมสลับเงยขึ้นมามอง สายตาที่เป็นประกายได้ถูกส่งไปยังพี่บ๊อบบี้ที่แย่งลูกบาสอยู่ในสนาม
แต่แล้วก็มีคนตัวใหญ่กว่า วิ่งอย่างคล่องแคล่วขัดกับร่างกายใหญ่เทอะทะนั้น พุ่งเข้ามาแย่งลูกบาสจากมือพี่บ๊อบบี้อย่างรวดเร็ว ชู้ตจากจุดสามแต้มลงแป้นได้อย่างแม่นยำ
เก่งมากอ่ะ 0[]0
คุ้นๆแหะ ไอ่คนนั้นมันเหมือน..
ชานอู !
ไม่เหมือนแล้วแหละ มันใช่เลย คิดแล้วว่าต้องเจอมันที่นี่ สนิทกับพี่บ๊อบบี้จะไม่ให้อยู่กับพี่เขาได้ไงวะ ผมบ่นกับตัวเอง
แล้วทำไมถึงซ้อมในสนามกับพวกนักกีฬาหละ
ในสนามนั้นต้องเป็นนักกีฬาตัวจริงของโรงเรียนเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ซ้อมตามตารางได้ อย่างการซ้อมหลังเลิกเรียนทุกวันเป็นต้น
อีกอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่เด็กมอสี่จะได้เป็นตัวจริง แสดงว่าชานอูต้องเก่งมากสินะ
“มึง พี่บ๊อบบี้ของกูหล่อมากเลยอ่ะ เก่งมากด้วย ไอ่น้องชานอูไม่น่าเข้ามาแย่งเลย พี่บ๊อบบี้ของกูเกือบชู้ตสามแต้มได้แล้ว”
ชานอูจริงๆด้วย
“เห้ยพวกมึง กูกลับก่อนนะเว้ย” จุนฮเวที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่ามาด้วยกัน
“รีบกลับไปไหนวะ”
“กู.. กูต้องไปช่วยแม่ทำกับข้าวว่ะ” ถลอกมั้ยน่ะ ไอ่เวร มึงแถได้ห่วยมาก มึงเนี่ยนะทำกับข้าวเป็น จะช่วยทำหรือช่วยแด กกันแน่วะ
ไม่เนียนว่ะเพื่อน
“มึงนัดใครไว้”
คิดว่ากูรู้ไม่ทันหรอครับเพื่อน ตั้งแต่เลิกเรียนแล้วมึงก็เอาแต่สนใจโทรศัพท์ คุยกันจังกับคนในโทรศัพท์น่ะ
“เปล๊า...” จุนฮเวเบนสายตามองออกไปรอบ เพื่อหลบสายตาของผมที่มองอย่างจับผิด
เสียงสูงสะด้วย
“เออ กูกลับก่อนละกัน เจอกันพรุ่งนี้เว้ย” เห้ย กลับจริงหรอวะ ไอ่เวร มึงจะให้กูอยู่กับไอ่ดงแค่สองคนหรอวะ ทำไมทิ้งกูงี้
จุนฮเวกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากสนามตรงไปยังประตูทางออกด้านหน้าที่เดียวกับทางเข้าที่เราเข้ามานั้น รีบวิ่งแบบนี้ไปหาสาวแน่นอน เป็นสาวที่ไหนไม่ได้ด้วย นอกจากสาวจินฮวาน...
“เชี้ยเวร เห้ยย” แม้ผมจะตะโกนเรียกจุนฮเวด้วยเสียงที่ดังลั่นจนคนในสนามแทบทั้งหมดหันมามอง แต่ทำไมจุนฮเวถึงไม่ได้ยิน หูหนวกฉับพลันหรือไงวะ
ในเมื่อเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบรับใดกลับมา ผมจึงหันกลับมาหาดงฮยอกที่ยืนตาเป็นประกายมองไปที่พี่บ๊อบบี้ มันรู้หรือเปล่าว่าไอ่จุนฮเวได้หนีกลับบ้านไปแล้ว
ผมส่ายหัวเบาๆอย่างเอือมระอากับท่าทางเพ้อฝันไอ่ดง ก่อนเปลี่ยนจุดสนใจไปที่นักกีฬามากมายในสนามที่ตอนนี้กำลังแย่งลูกกลมๆสีส้มอย่างดุเดือด
ผมไล่มองไปตามโครงหน้า น้ำใสๆจากผมไหลออกมาตามใบหน้า เกาะค้างอยู่ปลายคาง บ้างก็หยดลงสู่พื้น ตลอดจนไหล่แกร่งมันวาวเพราะเหงื่อที่เกิดจากการออกแรงชู้ตลูกขึ้นด้านบน แขนแกร่งเกร็งจนเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจน ฝ่ามือพยายามจับลูกให้แน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสามารถแย่งได้
สามครั้งติดที่เด็กคนนั้นชู้ตจากจุดสามแต้มได้ไม่มีแรงตก หลบหลีกคู่แข่งด้วยความพลิ้วไหว รวดเร็ว และแม่นยำ ทั้งหมดเกิดจากการฝึกซ้อมเป็นประจำทุกวัน
“เฮ!!!”
เสียงเฮดังขึ้นในสนาม นักกีฬามากมายต่างวิ่งมารวมตัวกอดกันเป็นวงกลม บ้างก็ตบหัวคนตรงกลางเพราะดีใจที่เพื่อนในทีมทำคะแนนได้สามแต้ม
“เขาเฮอะไรกันวะ”
“น้องชานอูชู้ตจากจุดสามแต้มอีกแล้ว” ห๊ะ 0[]0!
มึงว่าไงนะ
ตาของผมกระพริบปริบๆ อ้าปากกว้างจนแมลงวันสามารถบินเข้าปากได้ สามครั้งติดก็ว่าสุดยอด ยังมีครั้งที่สี่อีก
เก่งเกินไปแล้ว
ขณะที่ผมทึ่งในความสามารถนั้น ชานอูยิ้มแป้นให้กับเพื่อนในทีมที่เข้ามาแสดงความดีใจกับเขา ก่อนหันมาทางผมพลางขยิบตาข้างซ้ายหนึ่งที ยิ้มที่เห็นลักยิ้มสองข้างยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเห็นเขี้ยวน้อยๆอีกสองข้าง
ผมหันซ้ายทีขวาทีแล้วกลับไปมองที่ชานอู มันยิ้มให้ใคร ผมหรอ.. รอบๆผมก็ไม่มีใครแล้วนะ นอกจากผมกับไอ่ดง
ไม่รู้ว่ายิ้มให้ใคร ก็ไม่รับละกัน
ผมเบะปากกับตัวเอง หลังจากที่ชานอูหันกลับไปสนใจเกมที่กำลังเริ่มต้นตามเดิม
“กลับเหอะมึง”
“เดี๋ยวดิ รอพี่บ๊อบบี้ของกูก่อน” นี่ยังไม่เลิกมองอีกหรอวะ ดงฮยอกที่ยังมองอยู่แต่พี่บ๊อบบี้ และไม่มีท่าทีจะเลิกมอง พูดขึ้นโดยไม่หันมามองทางผม สายตายังคงจับจ้องกับคนในสนาม
“งั้นกูกลับก่อนนะ”
เมื่อบอกดงฮยอกเสร็จ ผมหันหลังเดินออกจากสนามทันที ไม่สนเสียงร้องเรียกจากดงฮยอกอีก และเสียงเรียกนั้นก็หายไป
ตอนนี้ผมเดินออกมาจนเกือบถึงประตูทางเข้าที่เข้ามาแล้ว แต่ก็มีเสียงของใครบางคนที่ไม่ใช่ดงฮยอกเรียกไว้
“ป้า”
เรียกป้าแบบนี้มีคนเดียว
ชานอู !
ผมรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเดินไปที่ประตูทางออก เพื่อออกไปจากโรงยิมนี้ ออกไปจากสนามนี้
“เดี๋ยวดิป้า”
ตุ้บ!
"โอ้ย"
-100-
x x x x x talk x x x x x
ตอนนี้ลงยาวไปนิ๊ด เพราะอาจหายไปนานหน่อยแต่ไม่เกินสองอาทิตย์
จะรอเค้ามั้ยนะ?
เสาร์ที่7นี้ สอบแกทแพทรอบสองแล้ว ใครสอบก็ทำให้เต็มที่นะ สู้ๆ
ขอให้ทำได้ คะแนนออกมาก็เกินคาด ยื่นในคณะที่อยากจะเข้าได้
'จงเลือกคณะที่ใช่ มหาวิทยาลัยที่ชอบ'
ความคิดเห็น