ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct) os/sf bubblegum planet #markno

    ลำดับตอนที่ #1 : ♡ why?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.38K
      21
      22 ก.ย. 60








    w h y ?


    m a r k & j e n o

     

     



     

     

    มันไม่มีอะไรน่าแปลกใจในภาพที่เห็นกันจนชินตา ลีเจโน่คล้องแขนของหัวหน้าวงเอ็นซีทีดรีมเอาไว้แนบแน่นจนแทบไม่เห็นช่องว่างระหว่างกัน ไม่ว่ามาร์คจะไปไหนก็จะมีมนุษย์หน้าแมวตามไปด้วยทุกที่ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเริ่มโปรโมตอัลบั้มใหม่มาร์คและแฮชานถูกย้ายไปนอนที่หอดรีมชั่วคราวเพื่อความสะดวก

     

    ห้องว่างอีกห้องแทนที่จะเป็นมาร์คกับแฮชานกลายเป็นเหรินจวิ้นกับแฮชาน และอีกห้องคือมาร์คกับเจโน่ ถึงแม้ว่าตอนแรกเหรินจวิ้นจะโวยวายแทบตายเพราะไม่อยากนอนกับบุคคลที่พูดมากที่สุด แต่ก็นั่นแหละลีเจโน่เองก็อ้อนจนอีกฝ่ายใจอ่อน

     

    “ทำไมยังไม่นอน พรุ่งนี้ตื่นมาก็งัวเงียอีกนะเจโน่ลี” เสียงเอ่ยทักทำให้คนที่กำลังนอนคว่ำเอาคางเกยตุ๊กตาแมวและเล่นเกมในมือถือไปด้วยต้องพลิกตัวมามอง รอยยิ้มที่ดันจนแก้มนิ่มสองข้างนูนขึ้นถูกส่งให้ลีดเดอร์คนเก่ง “ฮยองดุอยู่นะครับ ทำไมยังมายิ้มมายิ้มอยู่อีก”

     

    “หงึก็ผมรอฮยองนอนพร้อมกันไงครับ” ปากสีชมพูอ่อนเบะออกเล็กน้อยยามที่ถูกสายตาปกติจะอ่อนโยนแต่ทว่าตอนนี้ดุซะยิ่งกว่าสิงโต!

     

    “ข้ออ้าง” พูดด้วยเสียงดุยามที่มองไปที่คนอายุน้อยกว่าบนเตียงนอน แม้จะเป็นเตียงคู่แต่ก็ถูกดันเข้ามาชิดกันจนติดกลายเป็นเหมือนเตียงเดี่ยว

     

    คนถูกดุหน้าบึ้งหันไปกดมือถือสักพักก่อนจะวางมันลงบนหัวเตียงส่งๆก่อนจะนอนคลุมโปงปิดหัวไม่สนใจคนที่ตนเองเอ่ยปากว่ารอนอนพร้อมกันสักนิด มาร์คได้ยินเสียงฮึดฮัดดังออกมาจากผ้าห่มสีขาวก่อนจะกลายเป็นเสียงร้องไห้

     

    ลีเจโน่ในโหมดโยเย

     

    มาร์คสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆดึงผ้าห่มที่คลุมเจ้าแมวตัวขาวออกแต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะขัดขืนอยู่หน่อยๆด้วยการดึงเอาไว้เหมือนกัน สุดท้ายเจโน่ก็ปล่อยผ้าและพลิกตัวไปอีกทางแถมยังเอาหน้าซุกตุ๊กตาแมวเอาไว้ไม่ยอมมองลีดเดอร์ที่ยืนอยู่ข้างเตียง

     

    “ไม่งอแงนะครับ ฮยองขอโทษนะเจโน่” นั่งลงข้างเตียงก่อนจะยื่นมือไปแตะแผ่นหลังของอีกฝ่ายเบาๆ แต่เจโน่ก็ยังไม่หยุดสะอื้นแถมยังไม่ยอมหันหน้ามามองกันอีกต่างหาก มาร์คคลานขึ้นไปบนที่นอนใช้มือลูบกลุ่มผมที่เคยนุ่มมือแต่ตอนนี้มันสากเพราะการทำสี “เงยหน้าขึ้นมามองฮยองหน่อยสิเจ้าแมวเหมียว มาให้ฮยองโอ๋มาเร็วครับ”

     

    เจ้าแมวเหมียวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมปลายจมูกแดงแจ๋ ดวงตาใสที่ปกติจะอัดแน่นไปด้วยความร่าเริงตอนนี้แอบช้ำนิดหน่อยแถมยังแดงอีกต่างหาก มาร์คนอนลงไปแล้วดึงเจ้าแมวขี้งอแงมากอดเอาไว้ อีกฝ่ายก็วาดมือมากอดเขาไว้เหมือนกัน

     

    “ห้ามดุแล้วด้วย ห้ามมาร์คฮยองดุผม ห้าม ห้าม ห้าม!” เงยหน้าขึ้นมาพูดทั้งที่น้ำตายังคลออยู่ที่หน่วยตาจนมาร์คอดไม่ได้ที่จะเช็ดให้

     

    เจ้าแมวเหมียวของเขาโยเยมากขึ้นทุกวันเลย

     

    “ครับๆไม่ดุแล้วครับ ฮยองแค่เป็นห่วงเราเลยอยากให้นอนเยอะๆ”

     

    เจโน่พูดตอบรับในลำคอแล้วก็ซุกอกของคนพี่อยู่แบบนั้น ส่วนมาร์คก็นอนลูบแผ่นหลังที่เล็กกว่านิดหน่อยไปเรื่อยๆ เจโน่ชอบให้ลูบหลังตอนนอนด้วยกันเสมอ สมัยที่ยังไม่ได้แยกหอกันอยู่เขาเองก็สนิทกับเจโน่ในระดับที่ว่าไม่ว่าจะไปไหนเจโน่ก็จะไปด้วย ทำอะไรก็ทำด้วยกัน ชอบอะไรคล้ายๆกัน จนโดนพี่ๆแซวอยู่บ่อยครั้งว่าเจโน่ถูกเขาล่อลวงจนไปไหนไม่ได้แล้ว

     

    เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าคนในอ้อมอกหลับไปแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มได้เลยทุกครั้งที่มองคนอายุน้อยกว่าหลับ แพขนตายาวกับใบหน้าน่ารักและดูดีชนิดว่าเป็นวิชวลของวงยังไงทำให้มาร์คนึกเอ็นดู

     

    ยังไงซะสำหรับมาร์คลีแล้วเจโน่ลีก็เหมือนแมวดีๆนี่แหละ

     

    หลังจากจัดท่าทางการนอนพร้อมทั้งห่มผ้าเพราะในห้องเริ่มจะหนาวแล้วก็ลุกขึ้นไปปิดไฟจนมืดสนิทไปทั้งห้อง เมื่อก่อนก็มีโคมไฟที่หัวเตียงแต่พอโตขึ้นมาหน่อยไอ้ความกลัวผีอะไรก็น้อยลงและความรำคาญก็มากขึ้นกลายเป็นนอนปิดไฟจนมืดทั้งห้องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มาร์คสอดตัวเองเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันและไม่ลืมที่จะบอกราตรีสวัสดิ์คนโยเยให้นอนหลับฝันดี

     

    goodnight

     

    กระซิบแผ่วเบาแล้วกดจมูกลงบนแก้มใสนุ่มนิ่มอย่างทุกที

     

    ทำแบบนี้มาตลอดและอยากจะทำแบบนี้ตลอดไป

     

     

     

     

     

     

     

    เจโน่มองข้อความที่คุยกันหลังจากที่ตอนนี้พวกพี่ๆNCT127 บินไปงานKCON และลีดเดอร์ของดรีมก็ไม่มีเวลาพักผ่อนเหมือนเคย ทุกครั้งที่เห็นตารางงานของอีกฝ่ายสิ่งที่ทำได้คือบอกให้มาร์คฮยองพักผ่อนบ้าง แต่อีกฝ่ายก็จะยิ้มจนตาหยีแล้วบอกว่าไม่เป็นไรฮยองโอเค แต่ภาพที่เจโน่เห็นในหลายๆครั้งที่สนามบินคือลี มินฮยองคนเก่งของทุกคนมีสีหน้าเหนื่อยล้า

     

    ถึงจะรู้ก็เถอะว่าทุกอย่างที่มาร์คทำคือการทำเพื่อวง แต่ถ้าป่วยขึ้นมาก็จะต้องพักแล้วถ้าต้องพักนานๆเจโน่ไม่อยากจะนึกถึงผลเสียของมัน เหมือนที่ตอนนี้แจมินป่วยและตารางงานทุกอย่างทุกยกเลิกรวมไปถึงไม่ได้โปรโมตครั้งนี้ด้วยกัน ทุกครั้งที่แฟนคลับถามหัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ต้องคิดว่าถ้าคนใดคนหนึ่งในวงต้องเจ็บป่วยแบบนี้อีก มันคงแย่ที่สุด

     

    และมันจะแย่มากที่สุดสำหรับเจโน่ถ้าคนนั้นคือมาร์คลี

     

    “ทำหน้าบูดอีกแล้วนะเจโน่”

     

    ประโยคเดียวของเหรินจวิ้นทำให้ทุกคนในวงที่กำลังนั่งดูหนังหันมามอง และเจโน่ก็ไม่อาจจะซ่อนใบหน้าที่ไม่น่ารักตอนนี้ได้เลย ถึงจีซองจะแบ่งเยลลี่ยี่ห้อโปรดมาให้ตอนนี้เจโน่ก็คงยิ้มไม่ออก และเขาก็ไม่อยากจะยิ้มด้วย

     

    “มาร์คฮยองไปแค่วันสองวันก็กลับไม่งอแงสิฮยอง” เฉินเล่อเดินมากอดคอทำท่าทางตลกๆแบบที่เจโน่มองก็มักจะหัวเราะแต่ตอนนี้ไม่เลย “เงียบแบบนี้น่ากลัวนะ”

     

    สุดท้ายก็ได้แต่บอกขอโทษสมาชิกที่เหลืออยู่แล้วกลับเข้าห้องไปสงบสติอารมณ์

     

    เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่ถ่ายทำเอ็มวีกันเจโน่ได้ยินเมเนเจอร์คุยกับทีมงาน มันจะไม่อะไรเลยถ้าไม่บังเอิญได้ยินว่านี่อาจจะเป็นการโปรโมตในฐานะNCT DREAMครั้งสุดท้ายของมาร์ค ยิ่งบริษัทออกมาพูดเรื่องยูนิตดรีมมีไว้สำหรับสมาชิกที่ยังเด็กแต่เขากับมาร์คฮยองห่างกันแค่ปีเดียว ถ้าต้องแยกกันอีกไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ทำงานด้วยกันแค่ทุกวันนี้กว่าจะกลับมาโปรโมตก็ห่างกันมากและมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยลง

     

    ไม่ได้บอกใครเรื่องนี้สักคนได้แต่เก็บคำถามเอาไว้แม้แต่เมเนเจอร์ก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวว่าคำตอบที่ได้รับอาจจะทำให้ความรู้สึกของเขาแย่ลง ที่ต้องทำตัวติดกับมาร์คฮยองตลอดก็เพราะว่าถ้าเป็นการโปรโมตครั้งสุดท้ายของมาร์คฮยองจริงๆมันก็ควรจะต้องอยู่ใกล้ให้เยอะๆเก็บเกี่ยวทุกอย่างเอาไว้ให้ได้มากที่สุด แม้ในอนาคตอาจจะได้ทำยูนิตใหม่ด้วยกันแต่มันก็คงจะคนละความรู้สึก

     

    ความรู้สึกที่ยังเป็นเหมือนสมัยก่อน ตอนที่ยังเด็กและมีมาร์คฮยองคอยปกป้องและดูแล อีกไม่กี่ปีนับจากนี้มันก็คงจะถูกความเป็นผู้ใหญ่กลืนกินไปจนหมด ถึงตอนนั้นอยากจะเอาหัววางบนไหล่หรือแม้แต่กอดจากข้างหลังก็อาจจะทำไม่ได้หรือมีกำแพงแห่งความเป็นผู้ใหญ่มาคั่น แค่คิดเฉยๆเจโน่ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาแล้ว

     

    เจโน่หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความทั้งๆที่ไม่ชอบที่จะทำมันแต่ถ้าเป็นมาร์คฮยอง ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือที่ไหนก็พร้อมจะส่งข้อความไปหาก่อนอยู่แล้ว

     

    Jenolee : แสดงให้เต็มที่นะครับ แล้วก็รีบกลับมานะเจโน่คิดถึง

     

     

     

     

     

     

     

    ได้รับข้อความตั้งแต่ลงเครื่องมาจนถึงที่พักก็พูดคุยกับสมาชิกในดรีมตลอด ข้อความดังไม่หยุดเพราะแต่ละข้อความที่ถูกส่งมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าแมวของเขาทั้งนั้น มาร์คไม่สบายใจแต่ข้อความที่ถูกส่งมาหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้พอจะทำให้เบาใจได้นิดหน่อย เจ้าแมวขี้อ้อนกว่าปกติแม้เจโน่จะตัวติดกับเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรก็เถอะ

     

    แต่หลังจากกลับมาโปรโมตครั้งนี้มันแปลกที่ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือที่ไหนเจโน่ก็อยู่ติดกับเขาตลอด บางทีมาร์คก็คิดเป็นเพราะแจมินคนที่เจโน่เองก็สนิทไม่อยู่ด้วยตอนนี้หรือเปล่า เจ้าแมวอาจจะเหงาและเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวติดกับเขามาก

     

    “พวกเด็กๆส่งข้อความมาหาฮยอง” โดยองแตะไหล่ของคนอายุน้อยกว่าที่นั่งมองมือถือสลับกับทำหน้าเครียดไปด้วย ทุกคนในวงเป็นห่วงตั้งแต่เจ้าสิงโตลงเครื่องมาแล้วทำหน้ายุ่งและเป็นเขาที่ถูกส่งให้มาคุยปัญหาพร้อมทั้งได้รับข้อความจากเจ้ามังเน่จีซองเรื่องเจโน่ด้วย “กลับไปแล้วไม่ได้คิดจะดุเจโน่หรอกใช่ไหม”

     

    คำถามของโดยองทำเอามาร์คหลุดหัวเราะเสียงหลง คนเป็นพี่นั่งลงข้างๆเลิกคิ้วเป็นเชิงรอคำตอบ มาร์คคิดในใจแล้วก็หัวเราะเมื่อทุกคนคิดว่าเขาดุเมื่อต้องเป็นลีดเดอร์แต่มันไม่ใช่เลย ยิ่งกับเจโน่ที่ปากบอกว่ากลัวเขาโกรธยิ่งแล้วใหญ่ ดื้อกว่าจีซองที่เป็นน้องเล็กด้วยซ้ำ

     

    “โถ่ โดยองฮยองคิดว่าแบบผมดุแล้วเจโน่ลีจะกลัวหรือไง เจ้าแมวนั่นได้โดดข่วนหน้าเอาน่ะสิครับ” ตอบติดตลกแต่พอคิดถึงตอนที่ไม่ว่าจะดุเจโน่กี่ครั้งต้องเป็นฝ่ายง้อตลอด มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังร้องไห้โยเยตาแดง จมูกแดง เป็นแบบนั้นทุกครั้งที่ถูกเขาดุจนตอนนี้ไม่กล้าทำอะไรแล้ว “แค่เจโน่ร้องไห้ผมก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว”

     

    คำตอบของมาร์คทำเอาโดยองตาโต เขาชอบคุยกับเจโน่และสนิทกันในระดับนึงมักจะคุยกันทุกครั้งที่เจอกัน แต่เจโน่เป็นคนประเภทไม่ชอบตอบข้อความเพราะฉะนั้นคุยกันน้อยมากยกเว้นจะส่งข้อความหรือโทรมาถามถึงเจ้าสิงโตตอนที่อยู่คนละหอพัก

     

    “ถ้าไม่อยากให้คนที่ตัวเองแคร์ต้องเป็นห่วงหรือว้าวุ่นก็ทำตัวให้มันน่าห่วงน้อยกว่านี้หน่อยสิมาร์ค อย่างน้อยๆเวลาเหนื่อยก็อย่าเงียบเก็บเอาไว้คนเดียว เจโน่ไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนวันแรกที่เจอแล้วนะ ตอนนี้ยังไงก็โตพอที่จะรับฟังได้แล้ว”

     

    อย่างที่โดยองพูดเขาเป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็จะเก็บทุกอย่างเอาไว้ราวกับทุกวันไม่มีเรื่องทุกข์ใจ ยิ้ม หัวเราะ ทำเหมือนเป็นคนเข้มแข็งยิ่งต่อหน้าน้องๆในดรีมมาร์คไม่เคยแม้แต่จะปริปากออกไปว่าเขาเหนื่อยเลยสักครั้ง การถูกยอมรับมันไม่ง่ายและการแข่งขันมันทำให้มาร์คอยากพยายามที่ทำให้ทุกอย่างในวงดีกว่านี้ เพราะแบบนั้นเลยไม่อยากจะแชร์ความรู้สึกเหนื่อยล้านี้กับใครเพราะทุกคนในวงก็เหนื่อยกับความฝันที่ต้องรับผิดชอบนี้อยู่แล้ว

     

    มันยากถ้าจะต้องพูดออกไปว่าบางครั้งเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะยิ้ม

     

    “นายอาจจะคิดว่าการเล่าปัญหาให้ใครสักคนฟังคือการเพิ่มภาระ แต่สำหรับคนที่รอให้เล่าให้ฟังมันมีความหมายเหมือนการได้เติบโตไปพร้อมๆกันนะ เข้าใจที่พูดใช่ไหม” มือเรียวยกขึ้นมาลูบผมสีน้ำตาลเข้มของมาร์คอย่างเอ็นดูพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง อบอุ่น อ่อนโยน และให้กำลังใจ

     

    “ขอบคุณครับโดยองฮยอง”

     

     

     

     

     

     

     

    ตอนนี้เหนื่อยจนแทบจะบ้าแต่สิ่งที่ทำได้คือนั่งอยู่บนรถภาวนาในรถรีบกลับถึงหอพักให้เร็วที่สุด เจโน่ส่งข้อความมาเหมือนเดิมคือขอให้เขากลับอย่างปลอดภัยแล้วก็ไม่ได้ส่งอะไรมาอีก แล้วตอนเย็นเขาก็มีตารางงานต่อแต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร

     

    หลังจากที่เมเนเจอร์แวะส่งที่หอพักดรีมทั้งเขาและแฮชานก็รีบขึ้นไปเตรียมตัว เป็นเฉินเล่อที่วิ่งเข้ามาขอของฝากซึ่งก็ไม่พ้นขนม พอทุกคนได้ยินเสียงเฉินเล่อคราวนี้ก็มะรุมมะตุ้มจนวุ่นวายไปหมด มาร์คส่งถุงขนมให้กับสมาชิกก่อนจะถามหาใครบางคนซึ่งทุกคนก็บอกว่าอาจจะยังหลับอยู่ในห้องแม้ว่าเจ้าตัวจะแต่งตัวเสร็จแล้วก็ตาม

     

    “ไปดูแมวฮยองเถอะ เกรี้ยวกราดไม่หยุดเลยตั้งแต่ฮยองไม่อยู่เนี่ย” จีซองบอกเขาด้วยท่าทางขำขันก่อนจะหยิบเยลลี่ที่เขาซื้อมาฝากเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มพอง

     

    ลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้องและเป็นไปตามที่จีซองบอกเจโน่หลับสนิท แมวตัวนี้นอกจากกินอีกอย่างที่เก่งก็คงจะเป็นการนอน มาร์ควางกระเป๋าส่งๆไม่แม้แต่จะรื้อของออกมาเก็บเขาแค่เดินไปนั่งข้างๆเตียงใช้นิ้วเกลี่ยปอยผมหน้าม้าของคนหลับ

     

    “เป็นแมวจริงๆสินะเนี่ย ขี้เซาจริงๆ” พึมพำแบบนั้นอยู่คนเดียวก่อนเสียงโทรศัพท์มือถือจะดังขึ้นมา เมเนเจอร์บอกให้เตรียมตัวไปถ่ายไลฟ์ต่อและบอกให้มาร์คดูแลความเรียบร้อย ซึ่งเสียงพูดคุยคงดังมากพอที่จะปลุกคนนอนหลับให้ตื่นจากนิทรา

     

    “มาร์คฮยองกลับมาแล้วหรอครับ ทำไมก่อนขึ้นเครื่องไม่ส่งข้อความมาบอกกันเลย” ปากอิ่มเอ่ยเอื้อนคำถามออกมา มือเรียวก็ยกขึ้นขยี้ตาจนต้องเอื้อมไปจับเอาไว้

     

    “ขยี้แบบนี้ตาแดงหมดแล้วนะ” แล้วจากนั้นก็จัดแจงทรงผมให้คนเพิ่งตื่น

     

    “ฮยองซื้อขนมมาให้ด้วย แต่ไว้ค่อยกลับมาดูนะครับเดี๋ยวเมเนเจอร์จะมารับออกไปแล้ว ฮยองขอเปลี่ยนชุดแป๊บนึงนะ”

     

    เจ้าแมวขี้เซาพยักหน้าหงึกแล้วเดินลากสลิปเปอร์ออกไปนอกห้องทั้งที่ยังหาววอดๆ เพราะเป็นซะอย่างงี้มาร์คเลยดุเวลาที่ดึกแล้วเจโน่ยังไม่ยอมนอน

     

    เพราะการไลฟ์แบบนี้ไม่ได้มีอะไรมาก ก่อนจะเริ่มมาร์คมองสมาชิกที่สุมหัวคุยกันในเรื่องเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่ดินฟ้า อากาศ ไปจนถึงเรื่องของกิน ก่อนจะมาหยุดสายตาไว้ที่เจ้าแมวแล้วก็เบนหนีเมื่ออีกฝ่ายมองมา ไม่นานนักทีมงานก็ให้เริ่มถ่ายกันก็เริ่มจากเลือกอาหารแล้วก็นั่งคุยกัน

     

    “มาร์คฮยองกับแฮชานเพิ่งกลับมาถึงไม่นานเองครับ” เจโน่หันไปพูดกับกล้องด้วยรอยยิ้ม กลายเป็นประเด็นให้เขานึกถึงเรื่องในห้อง

     

    “เจโน่เขาโกรธด้วยเพราะว่าเป็นห่วงผม แต่ก็ดูจะดีใจที่ได้เจอ”

     

    เจ้าของชื่อหันหน้าเข้ากล้องยิ้มตาหยีใส่แล้วก็หันไปมองลีดเดอร์ของวงที่ยิ้มมุมปาก สายตาทั้งคู่สบกันและมันก็คงแทนอะไรหลายๆอย่างได้เมื่อเจโน่ยิ้มให้มาร์ค

     

    กว่าจะกลับถึงหอก็เกือบสี่ทุ่มตอนนี้มาร์คหมดแรงจนอยากอาบน้ำแล้วทิ้งตัวนอนบนที่นอนนุ่มๆ แอร์เย็นๆ ผ้าห่มหอมๆ แล้วก็กอดแมวตัวขาวๆ เขาเดินลากสลิปเปอร์เข้าห้องทันทีที่ถึงหอพัก สมาชิกทุกคนยกเว้น แฮชานที่เหนื่อยเหมือนกันยังคงนั่งเล่นกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น มาร์คบอกลาทุกคนและกำชับไม่ให้จีซองนอนดึกมากนัก

     

    หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยมันก็ทำให้สดชื่นขึ้นมานิดหน่อย ในขณะที่เป่าผมก็คิดถึงแต่หมอนกับที่นอน ใช้เวลาไม่นานผมก็แห้งและเขาก็อยากจะนอนเสียทีถ้าไม่ติดว่าใครบางคนเดินเข้ามาในห้องบอกให้รอก่อนเพราะอยากนอนด้วย เขาพยักหน้าหยิบมือถือมาส่งข้อความหาพี่ๆคนอื่นในวงฆ่าเวลา โดยองทักแชทส่วนตัวมาถามถึงเจโน่เขาตอบว่ากำลังจะพูด อีกฝ่ายให้กำลังใจแล้วก็บอกลาไปนอน

     

    เจโน่อาบน้ำเสร็จแล้วตอนนี้เจ้าแมวนอนอยู่ข้างๆเขา มาร์คไม่ได้ง่วงมากเหมือนตอนแรกและเขากำลังนอนฟังเรื่องที่เจโน่เล่าให้ฟังอย่างตั้งใจตอนเขาไม่อยู่ ตั้งแต่เรื่องจีซองพูดไม่เพราะกับเจ้าตัวจนไปถึงเรื่องเหรินจวิ้นบ่นเรื่องที่เล่นเบสบอลกันในหอ

     

    ไม่มีเรื่องไหนที่มันมีสาระแต่มาร์คก็ชอบฟัง เขาชอบเวลาที่เจโน่พูดทุกอย่างที่เจอมาให้ฟังเพราะเมื่อก่อนตอนฝึกมาด้วยกันอีกฝ่ายก็พูดคุยกับเขาตลอด

     

    “แล้วมาร์คฮยองเหนื่อยไหม เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ต้องบินไปญี่ปุ่นอีก” น้ำเสียงดูจะเป็นห่วงจนมาร์คอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือดึงจมูกโด่งๆนั่นด้วยความเอ็นดู “ไม่อยากให้มาร์คฮยองเหนื่อย อยากช่วยอะไรได้บ้าง”

     

    เจโน่เปิดเผย เป็นแบบนี้มาตลอดไม่ว่ารู้สึกอะไรก็จะแสดงออกมาให้เขารับรู้ แม้แต่ตอนเขาจำไม่ได้ว่าจัดงานวันเกิดให้รึยังอีกฝ่ายก็แสดงออกมาโต้งๆด้วยสีหน้าน่ารักว่างอน

     

    “เหนื่อย ฮยองเหนื่อยแต่ก็มีความสุข” เขาพูดออกไปตรงๆแบบที่โดยองฮยองบอกให้ทำ แสดงความรู้สึกจริงๆให้เจโน่รู้บ้าง

     

    “รู้ใช่ไหมครับว่าร่างกายคนเรามีขีดจำกัด ฮยองอย่าใช้งานมันหนักเกินไปนะครับถ้าป่วยขึ้นมามันจะแย่”

     

    มาร์คไม่ได้ตอบออกไปในทันทีเขาทำเพียงแค่ยิ้มให้กับคนที่นอนอยู่ข้างๆ

     

    “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงฮยอง แค่นี้ฮยองก็มีพลังแล้วล่ะ”

     

    “ต่อไปฮยองก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว ถ้าฮยองออกจากดรีม” เจโน่พูดหลุบตาต่ำตอนที่โดนคนพี่จ้อง ปากอิ่มถูกฟันขาวของตัวเองขบกัดจนซีดในความเงียบงัน

     

    มาร์คยอมรับว่าบริษัทเรียกเขาไปคุยเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ เขาโตขึ้นในปีหน้าและตามที่บริษัทต้องการคือยูนิตดรีมเป็นยูนิตของสมาชิกเอ็นซีทีที่อายุน้อยและบริษัทคิดว่าเขาอาจจะโตเกินไป รวมถึงการพักผ่อนที่เขาควรจะได้รับ

     

    มันดีที่จะได้พักบ้างเพราะบางครั้งเหนื่อยล้าจนรู้สึกทำอะไรก็ไร้พลัง แต่มันแย่ตรงที่ถ้าต้องออกจากดรีมไป

     

    “ฮยองขอโทษนะครับ ทั้งที่ฮยองเองก็ชอบมากๆที่ได้เป็นลีดเดอร์ ชอบที่จะได้ทำเพลงสดใสและสนุกสนาน ฮยองมีความสุขที่ได้ร้องเพลงกับเรา” มาร์คลีรู้สึกถึงก้อนสะอึกที่คอในยามที่เขามองหน้าของคนอายุน้อยกว่าที่มองมาที่เขาผ่านม่านน้ำตา

     

    เจโน่ลีจอมโยเยกลับมาอีกครั้ง

     

    “ฮึก ฮยองจะขอโทษทำไมกัน” เจโน่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ฮยองเหนื่อยมาตลอด แต่บางทีความคิดที่เห็นแก่ตัวมันก็ผุดขึ้นมาในหัว ฮึก ผมกลัวว่าถ้าเรามีระยะห่างระหว่างกันมากกว่านี้ ถึงตอนนั้นผมก็ไม่สามารถแม้แต่จะร้องไห้ต่อหน้าฮยองได้อีก”

     

    ลี เจโน่เด็กน้อยในวันวานของเขากำลังโตขึ้นเหมือนที่เขาเองก็ต้องเติบโตเหมือนพี่ๆในวง ตอนนั้นที่ยังเด็กกว่าตอนนี้นอกจากเรื่องซ้อมเพื่อที่จะได้มายืนตรงนี้ ก็มีแต่ความสนุกสนานไม่ต้องคิดว่าจะไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกัน นอนด้วยกัน หรือแม้แต่บอกฝันดี

     

    มาร์คกอดเจโน่เอาไว้ปลอบอีกคนด้วยการลูบแผ่นหลังและเป็นครั้งแรกที่เขาเองก็ร้องไห้ไปพร้อมกับเจโน่

     

    “มาร์คฮยองอย่าร้องไห้สิ” คนในอ้อมกอดบอกด้วยเสียงอู้อี้ปนสะอื้นฮัก

     

    คืนนั้นมาร์คนอนกอดเจโน่เอาไว้แน่นกว่าคืนไหนๆหลับไปพร้อมทั้งน้ำตา บอกไม่ได้เลยว่าทำไมต้องร้องไห้ รู้เพียงแต่ว่าเขายอมเหนื่อยเหมือนตอนนี้ก็ได้ แลกกับอะไรก็ได้ขอแค่ได้อยู่กับอีกหกคนในยูนิตนี้ต่อไป เป็นลีดเดอร์ของน้องๆ ได้แต่งเพลงสนุกสนานและเล่นอะไรแบบเด็กๆ

     

    หลังจากวันนั้นเจโน่ทำตัวติดมากกว่าเดินและไม่มีใครพูดถึงเรื่องร้องไห้เหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น มาร์คไม่ได้บอกโดยองและไม่ได้บอกสมาชิกเรื่องที่คุยกับเจโน่ บริษัทไม่ได้ให้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และเมื่อไม่กี่วันเพิ่งจะครบรอบหนึ่งปีสำหรับยูนิตดรีมด้วย

     

    มาร์ครู้ว่าเหตุผลที่เจโน่กลายเป็นแฝดคนละฝากับเขา ไม่ว่าจะถ่ายรูปหมู่อะไรก็ตามเจโน่ก็จะตามมาอยู่ใกล้ๆแก้มนุ่มนิ่มจะวางอยู่บนไหล่ มือเรียวนั่นก็จะแตะอยู่ตรงไหนสักที่เสมอ

     

    มาร์คไม่ปฏิเสธว่าเขามีความสุขและเขาจะไม่นับถอยหลังถึงวันไหนที่จะมาถึงในอนาคตอีกแล้ว ตอนนี้เขามีเจโน่อยู่ตรงนี้ และยังคงเป็นลีดเดอร์ของดรีม มันสำคัญคือเขาจะทำให้ช่วงเวลานี้มีความสุขที่สุด

     

    “มาถ่ายรูปร่วมหน่อยเร็วเด็กๆ” เสียงเมเนเจอร์เรียกให้รวมกันหลังจากอัดเสร็จ มาร์คเรียกให้สมาชิกรีบลุกขึ้นไปถ่ายรูปหมู่เหมือนทุกที

     

    “ชูสองนิ้วนะ” เสียงจีซองบอกทุกคน

     

    แชะ!

     

    รูปที่ทุกคนชูสองนิ้วมีเพียงแค่เจโน่ที่แทรกเข้ามาระหว่างมาร์คกับเหรินจวิ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนตากล้องจะกดชัตเตอร์เจ้าแมวของเขาก็วางมือบนไหล่ของเขาใช้นิ้วจิ้มแก้ม และแขนอีกข้างเกาะไหล่เหรินจวิ้นเอาไว้

     

    รูปนั้นทำให้จีซองบ่นไปจนไปถึงหอ

     

    มีแค่เจโน่กับเขาที่รู้ดี

     

    “ผมจะไม่ให้เจโน่ฮยองถ่ายรูปข้างมาร์คฮยองแล้ว เกินเบอร์ไปทุกทีเลย”

     

     

    ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ

     
     

    แต่ว่ากันว่าแมวเป็นสัตว์ที่ดื้อมากนะปาร์ค จีซอง

     

     

     

     

     

     

    fin.





    talk; 

    มันยาวมากเลยเพราะเราอยากแต่งแบบยาวๆมีสตอรี่ 
    พอเห็นข่าวลือมาร์คอาจจะออกจากดรีมเพราะอายุในปีหน้า
    ก็เลยเผลอคิดขึ้นมาว่าที่เจโน่ลีทำตัววอแวเพราะอยากอยู่กับพี่เขาใช่ไหมลูก
    แต่ก็ยังไม่รู้อนาคตและนี่เป็นเพียงฟิคนะคะ ส่วนรูปชูสองนิ้วก็รูปหมู่ล่าสุดนั่นแหละค่ะ
    อ่านแล้วก็สามารถคอมเมนต์ได้ค่ะหรือจะแท็กก็ได้ #bbgmarkno

    :D thanks!

     

     

     

     

     

    T
    B

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×