คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : unfriend ; O4
O4
ลีเจโน่พยายามหลบหน้าเขานั่นเป็นสิ่งที่มาร์คไม่ชอบใจสักนิด
แล้วไหนจะข่าวว่าโดนขังไว้ในห้องน้ำจนมืดค่ำในวันที่เขาไม่ได้ไปเรียนอีก
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนยุ่งเมื่อเจ้าของแผ่นหลังเล็กที่ตนเองกำลังจ้องอยู่ไม่คิดแม้แต่จะหันมาหาถึงจะห่างกันเพียงแค่เอื้อมมือ
แมวตัวนี้ใจร้ายเกินไปแล้ว
“คุณมาร์คผมเจ็บนะครับ”
เสียงใสบอกขณะที่ถูกลากไปตามทางเดิน
มาร์คไม่สนด้วยซ้ำว่าจะมีใครมองหรือเปล่าแต่ตอนนี้ต้องจัดการคนตัวขาวนี้ก่อน
สุดท้ายร่างของเจโน่ก็ถูกลากมาถึงห้องชมรมดนตรีที่ไม่มีใครอยู่สักคน
ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองร่างเล็กกกว่าที่กำลังก้มหน้างุดเหมือนหนีความผิด
ก็เป็นซะอย่างนี้ไง…
“ไหนขอเหตุผลที่หลบหน้ากันหน่อยลีเจโน่”
เสียงดุๆทำให้คนที่ช้อนตาขึ้นมามองก้มลงอย่างเดิมแทบไม่ทัน
“…”
“จะตอบดีๆหรือจะต้องให้จูบ”
เจโน่เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยิน
สองข้างแก้มเห่อร้อนเมื่อถูกต้อนจนชิดกำแพง
ใบหน้าหล่อเคลื่อนเข้ามาหาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย จมูกโด่งๆถูไถกับปลายจมูกของเจโน่
หัวใจเต้นตึกตักเมื่อถูกริมฝีปากหยักประทับลงบนอวัยวะเดียวกันแผ่วเบา
“บอกหน่อยได้ไหมไม่พอใจอะไรฉันหื้อ”
ถามออกไปก่อนจะยกมือลูบแก้มใสของคนตัวขาว
คนถูกถามส่ายหน้าจนผมสีดำเข้มสะบัดไปมา
“เปล่านะครับ…”
“รู้ตัวไหมว่าเป็นคนโกหกโคตรจะไม่เก่ง”
อย่างที่บอกเจโน่โกหกเป็นที่ไหน
ตาใสที่เสไปเสมานั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายกำลังเกร็ง
มาร์คถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยกมือขยี้กลุ่มผมนุ่มหอม
เขาก็ถามไปอย่างงั้นแหละทำไมจะไม่รู้กันล่ะว่าเจโน่หลบหน้าเขาทำไม
“ฉันไม่ได้โกรธแต่ฉันหวง
ไอ้แฮซมันร้ายจะตาย”
เจโน่ละล่ำละลักเมื่อมาร์คพูดจบ
มือเรียวดึงชายเสื้อของคนสูงกว่าเอาไว้ขยำมันจบยับยู่ยี่
“ตะ..แต่ ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณแฮชานนะครับ”
มาร์คส่ายหัวจับมือเรียวมากุมเอาไว้
“แต่มันคิด”
สุดท้ายก็ได้แต่ปรับความเข้าใจโดยการนั่งเงียบๆในห้องชมรม
หูฟังคนละข้างกับเพลงโปรดของมาร์คที่เจโน่เองก็ชอบเหมือนกัน
ศีรษะเล็กวางบนไหล่ของมาร์คปากอิ่มพึมพำตามเบาๆ
โดยทุกการกระทำอยู่ในสายตาของมาร์คทั้งหมด
วันนี้เจโน่ถูกลากกลับมาที่คอนโดของมาร์คโดยอีกฝ่ายให้เหตุผลว่าลงโทษที่หลบหน้ากันหลายวัน
ถึงอยากจะเถียงว่ามันไม่เกี่ยวแต่คนอย่างมาร์คลี
ไม่ใช่เป็นคนเอาแต่ใจแต่นั่นแหละถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้
โปรแกรมตอนเย็นคิดเอาไว้แค่นั่งกินพิซซ่า
ดูหนังที่ไปซื้อด้วยกันมาก่อนกลับบ้านวันนี้
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะถูกพับเก็บไม่ต่างจากพิซซ่าที่เย็นชืดบนโต๊ะกินข้าวในครัว
จู่ๆเมื่อตอนเย็นผู้ชายที่เจโน่ไม่รู้จักก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตู
มันคงไม่ทำให้เจโน่ร้อนใจได้หรอกถ้ามาร์คไม่แสดงอาการแปลกๆเมื่อพบหน้าอีกฝ่าย
จู่ๆผู้ชายคนนั้นก็โผเข้ากอดมาร์คร้องไห้สะอึกสะอื้นก่อนที่มาร์คจะหันหน้ามาบอกเขาว่าเดี๋ยวจะกลับมาแล้วดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามไป
เพราะแบบนั้นเลยไม่ทันสังเกตคนที่ยืนอยู่ที่เดิมตรงนี้
ลีเจโน่ที่พยายามเอื้อมมือไป…
แต่ไม่เคยถึงสักครั้งเลย
นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งสี่สิบสามนาทีไร้วี่แววของเจ้าของห้อง
แม้ตอนนี้เจโน่จะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและยังไม่ได้แตะพิซซ่าถาดใหญ่ที่ถูกเก็บเอาไว้ในตู้เย็นสักชิ้น
หยิบมือถือขึ้นมากดพิมพ์ข้อความถึงเจ้าของห้องแล้วก็ลบทิ้งอยู่แบบนั้น
ความน้อยใจตีวนอยู่ในหัวอย่างห้ามไม่ได้
ถึงแม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปคาดหวังอะไรที่มากกว่าเพื่อน
ถึงจะบอกตัวเองแบบนั้นซ้ำๆตอนนี้ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย
เขายอมถูกแกล้งต่อไปก็ได้
ยอมให้พวกจีฮุนเย้ยหยันยังไงก็ได้
เพราะที่พวกนั้นทำยังไม่เคยทำให้เจ็บปวดเท่ากับตอนนี้เลย
สุดท้ายก็นั่งอยู่แบบนั้นจนถึงเช้า
ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดเพราะฉะนั้นเจโน่ถึงได้พาตัวเองออกมาจากคอนโดหรูนั่นตั้งแต่หกโมงกว่า
มือถือไร้วี่แววของคนที่บอกว่าจะรีบกลับมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น
เพลงเศร้าในเพลย์ลิสต์ทำให้ดิ่งแต่ก็ทำให้เจียมตัวกว่าเดิม
นั่งฟังเพลงไปสักพักมือก็ดังขึ้นเรียกความสนใจ
หน้าจอปรากฏชื่อของคนที่เป็นต้นเหตุแห่งความเศร้า
เด็กหนุ่มกดรับได้ยินเสียงปลายสายทักอย่างร้อนรนก่อนมันจะถูกตัดไปเพราะแบตหมด
แต่ก็ดีเหมือนกันที่ยังไม่ต้องพูดกันตอนที่อารมณ์เขายังดิ่ง
ไม่อยากให้มาร์คต้องมารู้สึกไปด้วย
ยังไงเรื่องของเขาสองคนก็ต้องจบลงในสักวันไม่ว่าในรูปแบบไหนก็ตาม
เก้าเท้าไปตามทางเดินในตรอกเรื่อยๆอย่างไม่รีบนัก
ก่อนจะหยุดมองใครบางคนที่ยืนพิงรถอยู่หน้าประตูบ้านของตนเอง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายหันมาสบตากัน
“เจโน่!”
ร่างของเจโน่ลอยละลิ่วเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของมาร์ค
มือใหญ่ลูบแผ่นหลังแถมยังโยกไปโยกมาราวกับว่าคนในอ้อมกอดอายุสิบขวบ
“คุณมาร์คกอดผมแน่นเกินไปแล้ว”
เจโน่บอกเสียงอู้อี้
“ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“…”
“ก็เราเป็นเพื่อนกัน”
มาร์คผละตัวออกจับไหล่สองข้างของเจโน่เอาไว้
ตายิ้มถูกมอบให้แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลย
ถ้าไม่เปิดตู้เย็นเจอพิซซ่าที่ยังไม่ถูกแตะสักชิ้น
เครื่องนอนทุกอย่างก็เรียบร้อยเหมือนไม่ได้ถูกใช้งาน
เจโน่รอเขามันทำให้มาร์ครู้สึกผิดยิ่งตอนโทรไปแล้วถูกตัดสายโทรไปอีกครั้งก็ปิดเครื่องร้อนใจเสียจนต้องขับรถออกมารอทั้งที่มันผิด
ภาพของนาแจมินซ้อนทับ
รอยยิ้มที่สดใสเหมือนกันแต่เจโน่กับแจมินต่างกันตรงที่ เจโน่เป็นคนเงียบๆสบายๆ
แต่กับแจมินให้ความรู้สึกสดใสเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างจะพูดเก่ง
“คุณมาร์คกลับไปเถอะครับ
ผมไม่เป็นไรแล้วพอดีว่ามือถือแบตหมดน่ะครับ”
“ไม่…กลับด้วยกันนะ”
เจโน่ลังเลไม่รู้ว่าควรตอบรับคำขอหรือเข้าบ้านไปแล้วปล่อยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป
“นะลีเจโน่”
“ครับ”
มาร์คกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขนเล่าเกี่ยวกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นให้ฟัง
ดวงตาแข็งกร้าวตอนนี้ดูอ่อนแอเมื่อพูดถึง ‘อดีตคนรัก’
เจโน่ซุกหน้ากับอกอุ่นใช้มือลูบแผ่นหลังเจ้าของห้องอย่างปลอบประโลม
“ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
มาร์คพูดก่อนจะก้มลงมาหอมหน้าผากมน “เพราะมีนายอยู่ตรงนี้”
“แล้วทำไมถึงได้ย้ายโรงเรียนล่ะครับ”
คำถามไม่ได้ยากแต่มาร์คใช้เวลานานในการตอบ
เจโน่เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมองผ่านเขาออกไปที่ริมระเบียงก่อนจะเบนสายตากลับมามอง
“ทะเลาะวิวาทหลายครั้งก็เลยโดนย้ายให้มาอยู่ที่นี่
จริงๆไอ้แฮชมันเหลืออีกแค่ครั้งเดียวถ้าทำก็โดนเหมือนฉันนี่แหละ”
พูดแล้วก็หัวเราะแห้งๆ
“ทำไมถึงได้ชอบทะเลาะล่ะครับ”
“เพราะฉันขี้หวง
ใครมายุ่งกับแจมินก็หวงไปหมด
ครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกย้ายมาที่นี่เพราะแจมินบอกเลิกไปคบคนอื่นอย่างที่บอก
พอแจมินขอห่างฉันก็เลยหาเรื่องแฟนใหม่ของแจมินจนหมอนั่นเข้าโรงพยาบาล
ก็รู้สึกผิดที่ทำไปนะแต่ตอนนั้นมันไม่มีสติจริงๆ”
เจโน่พยักหน้าไม่ได้พูดปลอบอะไรแต่กลับดึงมือใหญ่มาลูบเบาๆแล้วแนบเข้ากับแก้มของตัวเอง
มาร์คยิ้มกับการกระทำแบบนั้น
ไม่จำเป็นต้องมีคำปลอบโยนอะไรสักนิด
แค่เจโน่อยู่ข้างๆ…ก็คงพอแล้ว
tbc.
#unfriendmarkno
ความคิดเห็น