ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct) unfriend - #markno

    ลำดับตอนที่ #4 : unfriend ; O4

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 62






    O4

     

     

    ลีเจโน่พยายามหลบหน้าเขานั่นเป็นสิ่งที่มาร์คไม่ชอบใจสักนิด แล้วไหนจะข่าวว่าโดนขังไว้ในห้องน้ำจนมืดค่ำในวันที่เขาไม่ได้ไปเรียนอีก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนยุ่งเมื่อเจ้าของแผ่นหลังเล็กที่ตนเองกำลังจ้องอยู่ไม่คิดแม้แต่จะหันมาหาถึงจะห่างกันเพียงแค่เอื้อมมือ

     

    แมวตัวนี้ใจร้ายเกินไปแล้ว

     

    “คุณมาร์คผมเจ็บนะครับ”

     

    เสียงใสบอกขณะที่ถูกลากไปตามทางเดิน มาร์คไม่สนด้วยซ้ำว่าจะมีใครมองหรือเปล่าแต่ตอนนี้ต้องจัดการคนตัวขาวนี้ก่อน

     

    สุดท้ายร่างของเจโน่ก็ถูกลากมาถึงห้องชมรมดนตรีที่ไม่มีใครอยู่สักคน ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองร่างเล็กกกว่าที่กำลังก้มหน้างุดเหมือนหนีความผิด

     

    ก็เป็นซะอย่างนี้ไง

     

    “ไหนขอเหตุผลที่หลบหน้ากันหน่อยลีเจโน่” เสียงดุๆทำให้คนที่ช้อนตาขึ้นมามองก้มลงอย่างเดิมแทบไม่ทัน

     

     

    “จะตอบดีๆหรือจะต้องให้จูบ”

     

    เจโน่เงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยิน สองข้างแก้มเห่อร้อนเมื่อถูกต้อนจนชิดกำแพง ใบหน้าหล่อเคลื่อนเข้ามาหาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย จมูกโด่งๆถูไถกับปลายจมูกของเจโน่ หัวใจเต้นตึกตักเมื่อถูกริมฝีปากหยักประทับลงบนอวัยวะเดียวกันแผ่วเบา

     

    “บอกหน่อยได้ไหมไม่พอใจอะไรฉันหื้อ” ถามออกไปก่อนจะยกมือลูบแก้มใสของคนตัวขาว

     

    คนถูกถามส่ายหน้าจนผมสีดำเข้มสะบัดไปมา

     

    “เปล่านะครับ

     

    “รู้ตัวไหมว่าเป็นคนโกหกโคตรจะไม่เก่ง”

     

    อย่างที่บอกเจโน่โกหกเป็นที่ไหน ตาใสที่เสไปเสมานั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายกำลังเกร็ง มาร์คถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยกมือขยี้กลุ่มผมนุ่มหอม เขาก็ถามไปอย่างงั้นแหละทำไมจะไม่รู้กันล่ะว่าเจโน่หลบหน้าเขาทำไม

     

    “ฉันไม่ได้โกรธแต่ฉันหวง ไอ้แฮซมันร้ายจะตาย”

     

    เจโน่ละล่ำละลักเมื่อมาร์คพูดจบ มือเรียวดึงชายเสื้อของคนสูงกว่าเอาไว้ขยำมันจบยับยู่ยี่

     

    “ตะ..แต่ ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณแฮชานนะครับ”

     

    มาร์คส่ายหัวจับมือเรียวมากุมเอาไว้

     

    “แต่มันคิด”

     

    สุดท้ายก็ได้แต่ปรับความเข้าใจโดยการนั่งเงียบๆในห้องชมรม หูฟังคนละข้างกับเพลงโปรดของมาร์คที่เจโน่เองก็ชอบเหมือนกัน ศีรษะเล็กวางบนไหล่ของมาร์คปากอิ่มพึมพำตามเบาๆ โดยทุกการกระทำอยู่ในสายตาของมาร์คทั้งหมด

     

     

     

     

     

    วันนี้เจโน่ถูกลากกลับมาที่คอนโดของมาร์คโดยอีกฝ่ายให้เหตุผลว่าลงโทษที่หลบหน้ากันหลายวัน ถึงอยากจะเถียงว่ามันไม่เกี่ยวแต่คนอย่างมาร์คลี ไม่ใช่เป็นคนเอาแต่ใจแต่นั่นแหละถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้

     

    โปรแกรมตอนเย็นคิดเอาไว้แค่นั่งกินพิซซ่า ดูหนังที่ไปซื้อด้วยกันมาก่อนกลับบ้านวันนี้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะถูกพับเก็บไม่ต่างจากพิซซ่าที่เย็นชืดบนโต๊ะกินข้าวในครัว

     

    จู่ๆเมื่อตอนเย็นผู้ชายที่เจโน่ไม่รู้จักก็มาปรากฏตัวอยู่หน้าประตู มันคงไม่ทำให้เจโน่ร้อนใจได้หรอกถ้ามาร์คไม่แสดงอาการแปลกๆเมื่อพบหน้าอีกฝ่าย จู่ๆผู้ชายคนนั้นก็โผเข้ากอดมาร์คร้องไห้สะอึกสะอื้นก่อนที่มาร์คจะหันหน้ามาบอกเขาว่าเดี๋ยวจะกลับมาแล้วดึงมืออีกฝ่ายให้เดินตามไป

     

    เพราะแบบนั้นเลยไม่ทันสังเกตคนที่ยืนอยู่ที่เดิมตรงนี้

     

    ลีเจโน่ที่พยายามเอื้อมมือไป

     

    แต่ไม่เคยถึงสักครั้งเลย

     

     

    นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งสี่สิบสามนาทีไร้วี่แววของเจ้าของห้อง แม้ตอนนี้เจโน่จะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและยังไม่ได้แตะพิซซ่าถาดใหญ่ที่ถูกเก็บเอาไว้ในตู้เย็นสักชิ้น

     

    หยิบมือถือขึ้นมากดพิมพ์ข้อความถึงเจ้าของห้องแล้วก็ลบทิ้งอยู่แบบนั้น ความน้อยใจตีวนอยู่ในหัวอย่างห้ามไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปคาดหวังอะไรที่มากกว่าเพื่อน ถึงจะบอกตัวเองแบบนั้นซ้ำๆตอนนี้ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย

     

    เขายอมถูกแกล้งต่อไปก็ได้

     

    ยอมให้พวกจีฮุนเย้ยหยันยังไงก็ได้

     

    เพราะที่พวกนั้นทำยังไม่เคยทำให้เจ็บปวดเท่ากับตอนนี้เลย

     

     

    สุดท้ายก็นั่งอยู่แบบนั้นจนถึงเช้า ยังดีที่วันนี้เป็นวันหยุดเพราะฉะนั้นเจโน่ถึงได้พาตัวเองออกมาจากคอนโดหรูนั่นตั้งแต่หกโมงกว่า มือถือไร้วี่แววของคนที่บอกว่าจะรีบกลับมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น

     

    เพลงเศร้าในเพลย์ลิสต์ทำให้ดิ่งแต่ก็ทำให้เจียมตัวกว่าเดิม นั่งฟังเพลงไปสักพักมือก็ดังขึ้นเรียกความสนใจ หน้าจอปรากฏชื่อของคนที่เป็นต้นเหตุแห่งความเศร้า เด็กหนุ่มกดรับได้ยินเสียงปลายสายทักอย่างร้อนรนก่อนมันจะถูกตัดไปเพราะแบตหมด

     

    แต่ก็ดีเหมือนกันที่ยังไม่ต้องพูดกันตอนที่อารมณ์เขายังดิ่ง ไม่อยากให้มาร์คต้องมารู้สึกไปด้วย ยังไงเรื่องของเขาสองคนก็ต้องจบลงในสักวันไม่ว่าในรูปแบบไหนก็ตาม

     

    เก้าเท้าไปตามทางเดินในตรอกเรื่อยๆอย่างไม่รีบนัก ก่อนจะหยุดมองใครบางคนที่ยืนพิงรถอยู่หน้าประตูบ้านของตนเอง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายหันมาสบตากัน

     

    “เจโน่!

     

    ร่างของเจโน่ลอยละลิ่วเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของมาร์ค มือใหญ่ลูบแผ่นหลังแถมยังโยกไปโยกมาราวกับว่าคนในอ้อมกอดอายุสิบขวบ

     

    “คุณมาร์คกอดผมแน่นเกินไปแล้ว” เจโน่บอกเสียงอู้อี้

     

    “ขอโทษนะ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

     

     

    “ก็เราเป็นเพื่อนกัน”

     

    มาร์คผละตัวออกจับไหล่สองข้างของเจโน่เอาไว้ ตายิ้มถูกมอบให้แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลย ถ้าไม่เปิดตู้เย็นเจอพิซซ่าที่ยังไม่ถูกแตะสักชิ้น เครื่องนอนทุกอย่างก็เรียบร้อยเหมือนไม่ได้ถูกใช้งาน เจโน่รอเขามันทำให้มาร์ครู้สึกผิดยิ่งตอนโทรไปแล้วถูกตัดสายโทรไปอีกครั้งก็ปิดเครื่องร้อนใจเสียจนต้องขับรถออกมารอทั้งที่มันผิด

     

    ภาพของนาแจมินซ้อนทับ รอยยิ้มที่สดใสเหมือนกันแต่เจโน่กับแจมินต่างกันตรงที่ เจโน่เป็นคนเงียบๆสบายๆ แต่กับแจมินให้ความรู้สึกสดใสเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างจะพูดเก่ง

     

    “คุณมาร์คกลับไปเถอะครับ ผมไม่เป็นไรแล้วพอดีว่ามือถือแบตหมดน่ะครับ”

     

    “ไม่กลับด้วยกันนะ”

     

    เจโน่ลังเลไม่รู้ว่าควรตอบรับคำขอหรือเข้าบ้านไปแล้วปล่อยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป

     

    “นะลีเจโน่”

     

    “ครับ”

     

     

     

    มาร์คกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขนเล่าเกี่ยวกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นให้ฟัง ดวงตาแข็งกร้าวตอนนี้ดูอ่อนแอเมื่อพูดถึง อดีตคนรักเจโน่ซุกหน้ากับอกอุ่นใช้มือลูบแผ่นหลังเจ้าของห้องอย่างปลอบประโลม

     

    “ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ” มาร์คพูดก่อนจะก้มลงมาหอมหน้าผากมน “เพราะมีนายอยู่ตรงนี้”

     

    “แล้วทำไมถึงได้ย้ายโรงเรียนล่ะครับ”

     

    คำถามไม่ได้ยากแต่มาร์คใช้เวลานานในการตอบ เจโน่เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมองผ่านเขาออกไปที่ริมระเบียงก่อนจะเบนสายตากลับมามอง

     

    “ทะเลาะวิวาทหลายครั้งก็เลยโดนย้ายให้มาอยู่ที่นี่ จริงๆไอ้แฮชมันเหลืออีกแค่ครั้งเดียวถ้าทำก็โดนเหมือนฉันนี่แหละ” พูดแล้วก็หัวเราะแห้งๆ

     

    “ทำไมถึงได้ชอบทะเลาะล่ะครับ”

     

    “เพราะฉันขี้หวง ใครมายุ่งกับแจมินก็หวงไปหมด ครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกย้ายมาที่นี่เพราะแจมินบอกเลิกไปคบคนอื่นอย่างที่บอก พอแจมินขอห่างฉันก็เลยหาเรื่องแฟนใหม่ของแจมินจนหมอนั่นเข้าโรงพยาบาล ก็รู้สึกผิดที่ทำไปนะแต่ตอนนั้นมันไม่มีสติจริงๆ”

     

    เจโน่พยักหน้าไม่ได้พูดปลอบอะไรแต่กลับดึงมือใหญ่มาลูบเบาๆแล้วแนบเข้ากับแก้มของตัวเอง มาร์คยิ้มกับการกระทำแบบนั้น

     

    ไม่จำเป็นต้องมีคำปลอบโยนอะไรสักนิด

     

    แค่เจโน่อยู่ข้างๆก็คงพอแล้ว

     

     

     





    tbc.

     

    #unfriendmarkno



     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×