คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : unfriend ; O3
O3
แขนยาวโอบรอบเอวบางของคนบนตัก
อีกฝ่ายซบหน้าลงบนไหล่ด้วยท่าทางเอียงอายเหมือนลูกแมวตัวน้อย
เจโน่ร้องฮื้อในลำคอตอนที่มาร์คกดจูบลงบนซอกคอแถมยังลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียนให้คนบนตักเขินจนตัวแดงไปหมด
เขาหัวเราะในยามที่เจโน่จิกนิ้วที่แผ่นหลังจนรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะเคยโดนทำแบบนั้นครั้งเดียวและมันก็สักสองเกือบสามเดือนแล้วด้วย
แต่ยอมรับตรงๆว่ามาร์คชอบเวลาที่ได้เห็นท่าทีเขินๆของเจโน่
ยิ่งตอนที่เขินจนปากชมพูนั่นยับยู่เขายิ่งอยากจะจับมาจูบแรงๆให้ช้ำ
“คุณมาร์คครับ—“ เสียงใสเอ่ยเรียกชื่อคนที่กำลังขบเม้มซอกคอตนเองอยู่ “จะ อื้อ…ทำหรอครับ”
ตอนนั้นแหละเลยได้สติผละออกจากซอกคอหอมๆ
มองหน้าเจโน่ที่ก้มหน้างุดแต่ไม่อาจหลบซ่อนความเขินอายไว้มิดชิด มาร์คยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“แล้วนายยอมหรอ
ครั้งแรกก็เจ็บจนร้องไห้เลยไม่ใช่หรือไง” พูดออกไปตรงๆยิ่งทำให้เจ้าลูกแมวบนตักก้มหน้ายิ่งกว่าเดิม
“ถ้าคุณมาร์คต้องการผมก็…อ๊ะ!”
ยังพูดไม่ทันจบประโยคเจโน่ก็โดนพลิกตัวลงบนเตียงนุ่ม
มาร์คยกมือเกลี่ยปอยผมบนหน้าผากเนียนออก
จ้องนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่สะท้อนใบหน้าของเขา ก่อนที่คนใต้ร่างจะเบนสายตาหนีไปทางอื่น
“เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาถามความต้องการของฉันคนเดียวหรอกนะเจโน่ลี”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม
ริมฝีปากหยักกดลงบนแก้มใสไล้ลงไปเรื่อยๆโดยไม่ลืมที่จะทิ้งร่องรอยไว้บนซอกคอขาว
มาร์คค่อยๆใช้มือปลดกระดุมชุดนอนของเจโน่ทีละเม็ดอย่างไม่เร่งรีบ
ในตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมาป่าที่กำลังจะกินลูกกระต่ายตัวน้อย
รสชาติของลูกกระตายที่หมาป่าเคยลิ้มรสทั้งหอมหวาน เนียนนุ่ม
แม้จะเป็นเพียงลูกกระต่ายตัวเล็กๆ
ส่วนเจ้าลูกกระต่ายตัวน้อยไม่รู้จะทำยังไงด้วยซ้ำกับเรื่องแบบนี้ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
ครั้งแรกก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะทำใจเลยสักนิด
ครั้งนี้ก็เช่นกัน…
พลั่ก!
“เฮ้ย!”
เสียงดังแทบจะตะโกนของจอห์นนี่ดังอยู่หน้าประตูที่ดันเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา
มาร์คแทบจะดึงผ้าห่มมาคลุมแมวตัวขาวใต้ร่างแทบไม่ทัน
ก่อนที่อีกสี่คนที่ตามมาทีหลังจะมายืนออกันอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้ากรุ่มกริ่ม
“กินแมวอยู่หรอวะ”
คำถามของจอห์นนี่รุ่นพี่ที่อายุห่างจากมาร์คหลายปีถามขึ้นมาดื้อๆแถมยังแอบมองไปยังคนที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม
“จะหิวอะไรตั้งแต่หัวค่ำวะมึง”
คราวนี้เป็นแฮชานที่พูดสมทบด้วยสีหน้าล้อเลียนจนมาร์คอดไม่ได้ที่จะชูนิ้วกลางใส่
“ออกไปก่อนไปมันเขินจนตัวแดงแล้ว”
มาร์คโบกมือไล่ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินตรงไปที่ประตูแล้วดันพวกที่ยืนยิ้มออกนอกห้องและปิดประตูใส่หน้าทุกคน
ถึงอย่างนั้นพวกข้างนอกก็ยังส่งเสียงโวยวายเข้ามา
“เฮ้ย
มึงจะกินแมวทั้งที่พวกกูอยู่ตรงนี้ไม่ได้นะไอ้มาร์คลี!”
เจ้าของชื่อหัวเราะหึเบาๆแต่ดวงตากลับจ้องแก้มใสที่แดงฉ่ากับสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ถ้าเขินก็อยู่ในนี้ไปก่อน
เดี๋ยวบอลเริ่มพวกมันก็หยุดล้อเอง”
พูดออกไปแบบนั้นทั้งที่รู้ดีกว่าใครว่าพวกนั้นจะไม่หยุดล้อหรอก
คงไม่เลิกล้อด้วยก็เป็นพวกชอบแหย่เป็นทุนเดิม
คราวนี้เจโน่ลีได้เขินจนแก้มแดงทุกครั้งที่เจอพวกนั้นแน่ๆ
“อื้อ คะ
คุณมาร์คไปอยู่กับเพื่อนเถอะ ฮื้ออ”
แล้วก็ซุกหน้าลงกับหมอนร้องฮื้อให้มาร์คนึกมันเขี้ยวอยากจะสานต่อจากเมื่อครู่
แต่ถ้าให้ทำทั้งที่มีพวกนั้นแอบฟังอยู่ข้างนอกคงทำไม่ได้
ไม่ใช่ว่าอาย
แต่เสียงหวานๆเขาก็อยากจะเก็บไว้ฟังคนเดียวสิ
ทุกคนที่กำลังนั่งกองกันอยู่หน้าทีวีเครื่องยักษ์ได้แต่มองมาที่มาร์คจนเขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
เพราะเอาแต่มองแล้วเงียบมาร์คเลยหันกลับไปมองหน้าจอที่กำลังฉายฟุตบอลคู่ที่เขาชอบและที่พวกนี้มาวันนี้ก็เพราะมาดูบอล
จะเป็นแบบนี้เสมอถ้ามันมีคู่ที่ชอบมาชิงกันหรือไม่ก็เป็นเบสบอล
“แฮ่ม!” แฮชานแกล้งกระแอ้มในลำคอเรียกความสนใจ
“ตีนติดคอ?” มาร์คหันกลับมาถาม “ถ้าใช่กูจะได้เอาออกให้”
“ดุจังนะมึงที่กูเห็นตอนจ้องเพื่อนสนิทไม่เห็นจะดุแบบนี้เลยใช่ป่ะพี่จอห์น”
แฮชานพูดแล้วก็ใช้แขนกระแซะพี่ชายคนสนิท
“นั่นดิ่ไหนตอนที่พาไปรู้จักบอกว่าเพื่อนสนิทที่โรงเรียนไง
แล้วที่กูเห็นมันอะไรวะ” จอห์นนี่เปิดประเด็น
เอาจริงๆทั้งจอห์นนี่
แจฮยอน วินวิน สงสัยตั้งแต่มาร์คลีพาใครก็ไม่รู้มาแนะนำ
นี่ยังไม่รวมยูตะกับแทยงที่ไม่ได้มาวันนี้
ทุกคนสงสัยกันหมดแต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้ดี คนอย่างมาร์คลีถ้าอยากจะอธิบายก็คงบอกเอง
ทั้งที่ก่อนกลับวันนั้นก็ถามย้ำไปแล้วว่าแค่เพื่อนจริงหรอ
เจ้าตัวก็ยืนยันกับจอห์นนี่ว่าลีเจโน่แค่เพื่อนสนิทที่โรงเรียนใหม่
เกือบจะเชื่ออยู่แล้ว
ถ้าไม่เห็นว่ามาร์คลีกำลังทำพิธีกินแมวอยู่กลางเตียงเต็มสองตา
ไม่ใช้แสตนอิน
ไม่ใช้ตัวแสดงแทน
“ก็เพื่อนสนิทอย่างที่พูดไปนั่นแหละ”
พูดออกไปแบบนั้นแล้วยักไหล่ทำเหมือนว่าที่ทุกคนเห็นเป็นเรื่องที่เพื่อนทั่วไปเขาทำกัน
ต่อให้สนิทกันก็เถอะ
มันไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนเขาเอากันหรอกเว้ย!
นั่นคือสิ่งที่จอห์นนี่คิด
“เพื่อนแบบไหนวะ
เพื่อนแบบ friend with benefits หรอวะ”
คำถามจากจอห์นนี่เป็นสิ่งที่มาร์คไม่เคยคิดที่จะหาคำตอบ
เจโน่ลีเป็นคนน่ารักและเป็นเพื่อนที่ดี
อย่างที่เคยบอกถึงจะจืดชืดมากแต่พออยู่ใกล้ๆกลับให้ความรู้สึกเย็นสบาย ไม่ได้แต่งแต้มด้วยสีสันฉูดฉาดเพราะไม่มีครั้งไหนที่อยู่ใกล้อีกฝ่ายแล้วเขารู้สึกอึดอัดใจหรือแม้กระทั่งทำให้ลำบากใจ
ส่วนหนึ่งคงมาจากการกระทำที่เจโน่แสดงออกกับเขา
มันฟังดูเห็นแก่ตัวแต่มาร์คชอบที่เพื่อนสนิทตัวขาวไม่แสดงความเป็นเจ้าของ
ไม่เรียกร้อง ไม่หึงหวง
“ไม่ถึงขั้นนั้นเคยทำกันแค่ครั้งเดียวคงไม่ถึงขั้น
friend
with benefits อะไรหรอก”
ตอบออกไปอย่างที่รู้สึกจนเพื่อนและพี่ในกลุ่มส่ายหน้า “แล้วจะมาอยากรู้อะไรกัน
ทำเหมือนว่าพี่เจย์กับพี่ยูตะไม่เคยทำแบบนี้ไปได้”
แล้วมาร์คลีก็บ่ายเบียงไปที่คนในกลุ่ม
โยนระเบิดไปให้แจฮยอนกับเจ้าของชื่อที่ไม่ได้มาวันนี้
จนพี่ชายหน้าหมีโยนกระป๋องเบียร์เปล่าใส่มาร์ค
“ไอ้เชี่ยมาร์คอย่ามาโยนขี้ให้กู”
แจฮยอนสถบด่า
“แล้วพี่จะเถียงรึไงว่าพี่กับพี่ยูตะไม่ใช่
friend
with benefits กัน”
มาร์คถามกลับ
แจฮยอนนิ่งไปสักพัก
“ก็เคยใช่แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
ทนไม่ได้หรอกเว้ยถ้าต้องเห็นมันเป็นของคนอื่นโดยที่เราไม่มีสิทธิ์ห้ามมัน”
“แมนวะ”
วินวินที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ต้นพูดขึ้นพร้อมทั้งชูนิ้วโป้งให้แจฮยอน
“เออ
แมนมากอ่ะพี่เจย์ แมนกว่าไอ้กากแถวนี้อีก
เอาแต่คิดถึงคนเก่าก็เลยให้คนใหม่เป็นได้แค่เพื่อน”
พูดจบแฮชานก็หงายหลังไปกับพื้นเพราะมาร์คยันฝ่าเท้าเข้าที่ท้องอีกฝ่ายเต็มแรง
ทุกคนในกลุ่มหัวเราะเมื่อคนเจ็บลุกขึ้นมาโวยวายเสียงดัง
“ก็พูดจริง
คอยดูเถอะมึงเดี๋ยวมีคนมาจีบเมีย เอ้ย!
เพื่อนสนิทมึงเมื่อไหร่กูจะรอดูน้ำหน้ามึงไอ้มาร์ค”
จากวันนั้นผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้วแต่พวกนั้นยังไม่ยอมหยุดพูดเรื่องเจโน่สักที
แถมยังกระจายเรื่องนี้ต่อให้คนอื่นๆในกลุ่มฟังจนมาร์ครำคาญกับคำถามเดิมๆ “ตกลงกับเจโน่ลีนี่เพื่อนจริงหรอ”
อธิบายเป็นร้อยๆรอบก็ยังไม่มีใครเข้าใจ
มันจะมากกว่าเพื่อนไปได้ยังไงกัน
“คุณมาร์ค”
เจโน่ที่เดินตามหลังเรียกเขาแล้วรีบสาวเท้าขึ้นมาเดินข้างๆเมื่อเขาลดความเร็วลงเพื่อให้อีกคนตามทัน
“ว่า”
คิ้วหนาเลิกขึ้น
“พวกคุณแฮชานยังล้อคุณมาร์คเรียกผมอยู่อีกไหม”
น้ำเสียงฟังดูจะอ่อนลงเมื่อพูดชื่อแฮชานแถมยังติดสั่นนิดๆ
“พวกนั้นก็ล้อแบบนี้แหละชินแล้ว”
ตอบออกไปก่อนจะเอื้อมไปจับมือนิ่มที่จับอยู่ที่ขอบกระเป๋ากางเกงมาจับเอาไว้
“ผมขอโทษนะ
เดี๋ยวผมจะบอกคุณแฮชานให้เลิกล้อคุณมาร์ค” เจโน่พูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
มาร์คหยุดกะทันหันก่อนจะหันไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
จับไหล่เล็กให้หันมาหาเขาแล้วเชยใบหน้าน่ารักที่ตอนนี้ดูยับยุ่งขึ้น
“จะไปบอกมันได้ยังไง
อาทิตย์ไม่ได้ว่างพาไปเจอกับพวกนั้น” มาร์คถาม
“ก็ผมมีเบอร์คุณแฮชานกับพี่ยูตะแล้วก็พี่จอห์นนี่ด้วย
ผมจะโทรไปขอร้องให้คุณแฮชานเลิกล้อคุณมาร์ค
ผมไม่อยากให้คุณมาร์คไม่สบายใจเพราะเรื่องของผม”
ตอนที่ได้ยินแทบอยากจะจับเจโน่ลีมาเขย่าแล้วถามให้รู้เรื่องว่าได้เบอร์พวกนั้นมายังไง
กับจอห์นนี่แล้วก็ยูตะยังไม่เท่าไหร่
แต่กับลีแฮชานน่ะไปแลกเบอร์กันมาตอนไหนเขาอยากจะรู้ในเมื่อพาไปหาพวกนั้นแค่สองสามครั้งถ้าจำไม่ผิด
“ใครสั่งให้ไปติดต่อกับไอ้แฮช”
พูดเสียงเข้มจนคนถูกถามหน้าเหลือสองนิ้ว ฟันขาวขบกัดปากล่างของตัวเองจนซีด
“กะ
ก็คุณแฮชานบอกว่าแลกเอาไว้เผื่อติดต่อคุณมาร์คตอนอยู่ที่โรงเรียนไม่ได้”
ตอแหล…
มาร์คอยากจะไปตบหัวไอ้เพื่อนบ้านั่นให้แรงๆสักที
มันไม่เคยคิดจะติดต่อเขาด้วยซ้ำ อย่างมากสุดก็โทรสายเดียวไม่รับก็ไม่เคยจะโทรซ้ำ
“ผมไม่ได้ตั้งใจก้าวก่ายเรื่องของคุณมาร์ค
ขอโทษนะครับ!”
“เดี๋ยว!
เจโน่ลีกลับมาเดี๋ยวนี้!”
เจ้าของชื่อวิ่งลงบันไดไปโดยไม่หันกลับมามองเขาสักนิด
วิ่งเร็วเหมือนจะไปชิงแชมป์โลกทั้งที่ปกติเดินเอื่อยเฉื่อยยังกับหอยทาก
มาร์คยกมือขึ้นขยี้กลุ่มผมสีสว่างของตัวเองจนยุ่ง
เจโน่คิดว่าเขาโกรธแต่เอาจริงๆก็โกรธนั่นแหละ
ใครใช้ให้ไปยุ่งกับพวกบ้าพวกนั้นกัน แต่ละคนไว้ใจไม่ได้สักคน
แล้วหน้าเหมือนแมวขนาดนั้นถ้าเผลอทำหล่นในดงเสือคงไม่ต้องพูดหรอก
อย่างน้อยๆลีแฮชานก็เคยชมว่าเจโน่น่ารัก ขนาดพี่จอห์นนี่ยังบอกเลยว่าเจโน่ลีมันลูกแมวดีๆนี่เอง
“ไอ้แฮชมึงนะมึง…”
พึมพำกับตัวเองแล้วส่งข้อความให้คนขับรถมารับโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความหาเพื่อนสนิทผิวเข้มที่เป็นตัวต้นเหตุของเรื่อง
Marklee:
กูจัดการแมวเสร็จเมื่อไหร่ เตรียมตัวตายเลยไอ้เพื่อนชั่ว
tbc.
#unfriendmarkno
ความคิดเห็น