ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (nct) unfriend - #markno

    ลำดับตอนที่ #1 : unfriend ; O1

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 62






     

     

    O1

     

     

     

    เสียงรองเท้ากระทบพื้นปูนซีเมนต์ดังก้องไปทั่วบริเวณ คนที่กำลังสะพายกระเป๋าเป้สีดำสนิทมีเพียงพวงกุญแจอันเล็กที่มีสีสันออกแรงวิ่งเมื่อใครอีกคนตรงหน้าเดินนำไปก่อนโดยไม่คิดที่จะรอเลยสักนิด เหงื่อไคลไหลท่วมตอนที่เอามือแตะบ่าอีกคนเบาๆพร้อมเสียงหอบหายใจแม้บนใบหน้าจะแต้มด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกที

     

    “แฮ่กๆไม่รอกันเลยนะครับคุณมาร์ค” เสียงใสเอ่ยบอกเจ้าของชื่อที่กำลังยกยิ้มมุมปาก

     

    “ก็นายช้านายยืนรอจนขาแข็งแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อตอบกลับก่อนจะยกแขนโอบไหล่อีกฝ่ายอย่างเคยชิน

     

    “ยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ แล้วนี่สูบบุหรี่อีกแล้วหรอครับไหนบอกว่าจะเพลาๆลงไง”

     

    มืออีกข้างที่กำลังคีบมวนบุหรี่ยกขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้งก่อนเขาจะทิ้งลงบนพื้นบดขยี้มันด้วยรองเท้ายี่ห้อดังราคาแพง

     

    “ก็นายช้าฉันก็เลยต้องสูบไง เอาน่าแค่มวนเดียวไม่ตายหรอก” ถึงจะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนข้างๆทำหน้าดีขึ้นจนมาร์คต้องยื่นมือไปดึงริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั่นแรงๆ

     

    “ผมเตือนก็เพราะเป็นห่วง”

     

    มาร์คไม่ตอบเพียงแค่หัวเราะในลำคอเบาๆก่อนทั้งคู่จะเดินไปตามทางเดิน ตอนนี้เกือบหกโมงเย็นนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติกลับกันไปตั้งแต่บ่ายสองบ่ายสาม แต่ที่ยังอยู่จนกระทั่งตอนนี้นั่นเป็นเพราะนักเรียนดีเด่นของสายชั้นที่ถูกเรียกไปพบกะทันหัน มันเป็นแบบนี้บ่อยๆจนคนที่ต้องเริ่มชินแม้ตอนแรกๆจะหัวเสียก็เถอะ

     

    “ขอโทษคุณมาร์คด้วยนะครับที่ต้องให้รอตลอด” สีหน้ากับน้ำเสียงรู้สึกผิดทำเอามาร์คอยากจะแกล้งอีกฝ่ายแต่นั่นแหละเขาทำมันไม่ลง

     

    “ฉันชินแล้วน่าเจโน่ลี” เจ้าของชื่อหัวเราะแห้งๆ

     

    “แล้ววันนี้คุณมาร์คต้องเข้าไปที่นั่นไหมครับ”

     

     

    ที่นั่นของเจโน่ที่มาร์คเข้าใจคือคลับเป็นคลับเล็กๆไม่มีชื่อที่ตั้งอยู่ใจกลางฮงแด เป็นที่รวมตัวของพวกแรปเปอร์หรือคนที่ชอบแรปไปโชว์ผลงานอะไรประมาณนั้น จริงๆตอนนี้มาร์คก็เพิ่งจะสิบแปดเขายังไม่บรรลุนิติภาวะแต่สนิทกับเจ้าของร้านทำให้เข้าไปที่นั่นได้ และที่สำคัญใครจะเข้าไปแรปที่คลับนั้นได้ก็ต้องมีของพอสมควร

     

     

    “วันนี้ฉันไม่มีคิวเลยกะว่าจะพานายไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาซะหน่อย” มาร์คพูด

     

    เจโน่ขมวดคิ้วยุ่งเพราะปกติถ้ามาร์คไม่ต้องที่นั่นก็ต้องไปทำอย่างอื่นแทนที่จะมารอเขากลับบ้าน จริงๆเขากับมาร์คไม่ควรจะเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยซ้ำเพราะหลายๆอย่างของมาร์คสวนทางกันกับหลายๆอย่างของเขา เจโน่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้สบายใจที่ได้อยู่ใกล้คนที่คนทั้งโรงเรียนบอกว่าอันตราย

     

    “ฟังดูแปลกๆนะครับ ปกติคุณมาร์คว่างแบบนี้ก็จะไปหาอะไรทำไม่ใช่หรอครับ” คำถามของเจโน่ทำเอามาร์คหลุดหัวเราะ

     

    “ก็กำลังไปหาอะไรทำอยู่นี่ไง แต่วันนี้อยากจะชวนนายไปหาอะไรทำด้วยกันหรือว่านายต้องรีบกลับบ้าน” คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นคำถาม

     

    เจโน่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ

     

    “ผมว่างครับ”

     

    “งั้นก็ดี นายจะต้องสนุกแน่เจโน่ลี”

     

     

     

    #

     

     

    เสียงดังอึกทึกครึกโครมของเพลงสากลที่เจโน่ไม่ค่อยคุ้นหูนัก โกดังร้างที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันมากมายหรือไม่ก็ตัวอักษรแนวๆบนผนังหรือตู้คอนเทนเนอร์เก่าๆ เจโน่แอบเห็นชื่อของมาร์คอยู่บนตู้นั่นด้วยก่อนจะเบนสายตากลับมามองมือใหญ่กว่าที่กำลังจับมือเขาอยู่

     

    ทุกสายตามองตรงมาที่มาร์คและไม่ลืมที่จะปรายตามองเขาด้วย ทำให้เจโน่เกร็งกว่าเดิมเพราะไม่ว่าจะเบนสายตาไปทางไหนก็จะต้องถูกมอง เพลงเบาลงจนแทบไม่ได้ยินเสียง

     

    “เฮ้ มาร์คพาหนุ่มน้อยที่ไหนมาวะนั่น” เสียงของใครสักคนเปิดประเด็นทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ เจโน่ขยับก้าวไปหลบอยู่ข้างหลังอย่างเคยชิน

     

    “ขี้อายซะด้วย ใครวะมาร์คปกติมึงไม่เคยพาใครมาเลยนะ”

     

    ประโยคที่ได้ยินทำเอาหัวใจเต้นแรงกว่าเก่า กลิ่นบุหรี่ที่ลอยคละคลุ้งทำให้เจโน่กดใบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้าง

     

    “เพื่อนสนิทที่โรงเรียนผมเอง พวกพี่อย่าไปล้อมันมากเจโน่มันขี้อาย” มาร์คตอบพลางยักไหล่ให้กลุ่มคนตรงหน้า

     

    “แปลกชะมัด มึงคบกับเพื่อนแบบนี้ด้วยหรอวะไอ้มาร์ค นึกว่าย้ายไปเรียนนานาชาติแล้วไม่มีคนคบซะอีกเห็นไม่เคยพูดถึง”

     

    “แล้วมันธุระอะไรที่จะต้องมานั่งเล่าให้มึงฟังไอ้แฮช” เจ้าของชื่อชูนิ้วกลางใส่ทันทีที่มาร์คตอบกลับ

     

    มาร์คจับข้อมือขาวก่อนจะลากคนที่หลบอยู่ข้างหลังมาอยู่ตรงหน้า จับไหล่ที่เล็กกว่าเขาก่อนจะพูดกับกลุ่มคนสนิท

     

    “เอาเป็นว่าทำความรู้จักกันไว้แล้วกัน เจ้านี่เจโน่ลีเพื่อนสนิทผมเอง”

     

    เจโน่เงยหน้ามองด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ายิ่งทำให้ทุกคนแปลกใจ เพราะไม่ว่าจะดูมุมไหนเจโน่ก็ไม่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทของมาร์คลีได้เลย

     

    “สะ สวัสดีครับ” เจโน่เอ่ยทักทายติดๆขัดๆ

     

     

    ใครจะไปเชื่อกันว่าคนที่เอ่ยทักทายด้วยประโยคแสนเชยคนนั้นกำลังนั่งคุยเล่นคุยหัวกับคนในกลุ่มเหมือนสนิทกันมาสิบชาติ มาร์คนั่งอยู่ที่โซฟาเก่าๆมองดูเพื่อนสนิทตัวขาวคุยกับรุ่นพี่ของเขาไม่วางตา แถมยังยิ้มเวลาที่เจโน่ขำมุกกากๆของจอห์นนี่จนตัวงอและท่าทางพวกนั้นก็อยู่ในสายตาของแฮชานทั้งหมด

     

    “แน่ใจนะว่าเพื่อนสนิทไม่ใช่เมียมึง” แฮชานนั่งลงข้างๆยิงคำถามที่ทำให้มาร์คผละจากภาพตรงหน้ามามองเพื่อนสนิทอีกคน

     

    “เมียห่าอะไรก็บอกอยู่ว่ามันเพื่อนกู”

     

    แฮชานหรี่ตาก่อนจะยกนิ้วชี้หน้ามาร์คอย่างจับผิด

             

    “ตอแหลแน่ๆมึงยิ้มปากจะฉีกถึงหูตอนมองมัน เพื่อนที่ไหนมันมองกันแบบนั้น”

     

    “ก็เพื่อนแบบที่มึงก็เป็นนี่แหละครับไอ้คุณแฮชาน”

     

     

    ทั้งคู่นั่งเงียบหลังจากที่มาร์คตอบเพราะแฮชานรู้ดีว่ามันต้องมากกว่านั้น ถึงไม่ใช่คนที่ชอบจับผิดแต่แฮชานเป็นคนค่อนข้างสังเกตคนอยู่พอสมควรติดเป็นนิสัยด้วยซ้ำ เพราะแบบนี้เลยไม่มีทางเชื่อว่าเจโน่จะเป็นแค่เพื่อนสนิทอย่างที่เขาเป็น คนอย่างมาร์คลีไม่ดูแลใครง่ายๆหรอกถ้าไม่สำคัญแล้วก็ไอ้ที่จับมือนั่นก็บ่งบอกข้อสันนิฐานของแฮชานได้เป็นอย่างดี

     

     

    “มึงได้มันแล้วใช่ไหม”

     

    ….

     

    “ไม่ตอบกูแสดงว่าจริง ก็ว่าอย่างมึงจะไปเป็นเพื่อนสนิทกับคนนิสัยแบบนั้นได้ไง ชุดเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดตีนดูยังไงก็แปลก ไหนมันจะเรียกมึงว่าคุณมาร์คอีก”

     

    “แสนรู้จริงๆนะมึงไอ้แฮช”

     

    “แล้วมันไม่ว่าอะไรมึงหรอ”

     

    มาร์คยักไหล่ “กูเมาแล้วมันดันขึ้นมาบนดาดฟ้าเจอกู จะว่าเหี้ยก็เหี้ยแต่พอกูรู้ว่ากูเอามันแล้ว กูเสือกมีความรู้สึกว่าทิ้งมันไมได้แต่กูก็ลืมเขาไม่ได้”

     

     

    แฮชานถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อได้ฟังความรู้สึกที่อีกฝ่ายไม่ค่อยจะแสดงออกมาให้ใครเห็น ก่อนหน้านี้มาร์คอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเขาแต่หลังจากเกิดเรื่องเมื่อปีก่อนก็เลยถูกย้ายไปเรียนที่อื่น แล้วต้นเหตุทำให้เพื่อนรักของเขาต้องย้ายออกไปก็เป็นต้นเหตุของความเศร้าเหมือนกัน

     

     

    “ไม่มีเพื่อนที่ไหนมันทำกันแบบนี้ กูเตือนมึงนะมาร์คถ้ามันเป็นแค่เพื่อนมึงจริงๆมึงก็ปล่อยมันไปเถอะ”

     

     

    “ถ้ากูคิดจะปล่อยมันกูคงไม่พามันมาที่นี่หรอกแฮช”

     

     





    tbc.

    tag on twitter  #unfriendmarkno

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×