คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : unfriend ; O1
O1
เสียงรองเท้ากระทบพื้นปูนซีเมนต์ดังก้องไปทั่วบริเวณ
คนที่กำลังสะพายกระเป๋าเป้สีดำสนิทมีเพียงพวงกุญแจอันเล็กที่มีสีสันออกแรงวิ่งเมื่อใครอีกคนตรงหน้าเดินนำไปก่อนโดยไม่คิดที่จะรอเลยสักนิด
เหงื่อไคลไหลท่วมตอนที่เอามือแตะบ่าอีกคนเบาๆพร้อมเสียงหอบหายใจแม้บนใบหน้าจะแต้มด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกที
“แฮ่กๆ…ไม่รอกันเลยนะครับคุณมาร์ค”
เสียงใสเอ่ยบอกเจ้าของชื่อที่กำลังยกยิ้มมุมปาก
“ก็นายช้านายยืนรอจนขาแข็งแล้ว”
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อตอบกลับก่อนจะยกแขนโอบไหล่อีกฝ่ายอย่างเคยชิน
“ยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
แล้วนี่สูบบุหรี่อีกแล้วหรอครับไหนบอกว่าจะเพลาๆลงไง”
มืออีกข้างที่กำลังคีบมวนบุหรี่ยกขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้งก่อนเขาจะทิ้งลงบนพื้นบดขยี้มันด้วยรองเท้ายี่ห้อดังราคาแพง
“ก็นายช้าฉันก็เลยต้องสูบไง
เอาน่าแค่มวนเดียวไม่ตายหรอก”
ถึงจะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนข้างๆทำหน้าดีขึ้นจนมาร์คต้องยื่นมือไปดึงริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั่นแรงๆ
“ผมเตือนก็เพราะเป็นห่วง”
มาร์คไม่ตอบเพียงแค่หัวเราะในลำคอเบาๆก่อนทั้งคู่จะเดินไปตามทางเดิน
ตอนนี้เกือบหกโมงเย็นนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติกลับกันไปตั้งแต่บ่ายสองบ่ายสาม
แต่ที่ยังอยู่จนกระทั่งตอนนี้นั่นเป็นเพราะนักเรียนดีเด่นของสายชั้นที่ถูกเรียกไปพบกะทันหัน
มันเป็นแบบนี้บ่อยๆจนคนที่ต้องเริ่มชินแม้ตอนแรกๆจะหัวเสียก็เถอะ
“ขอโทษคุณมาร์คด้วยนะครับที่ต้องให้รอตลอด”
สีหน้ากับน้ำเสียงรู้สึกผิดทำเอามาร์คอยากจะแกล้งอีกฝ่ายแต่นั่นแหละเขาทำมันไม่ลง
“ฉันชินแล้วน่าเจโน่ลี”
เจ้าของชื่อหัวเราะแห้งๆ
“แล้ววันนี้คุณมาร์คต้องเข้าไปที่นั่นไหมครับ”
ที่นั่นของเจโน่ที่มาร์คเข้าใจคือคลับเป็นคลับเล็กๆไม่มีชื่อที่ตั้งอยู่ใจกลางฮงแด
เป็นที่รวมตัวของพวกแรปเปอร์หรือคนที่ชอบแรปไปโชว์ผลงานอะไรประมาณนั้น
จริงๆตอนนี้มาร์คก็เพิ่งจะสิบแปดเขายังไม่บรรลุนิติภาวะแต่สนิทกับเจ้าของร้านทำให้เข้าไปที่นั่นได้
และที่สำคัญใครจะเข้าไปแรปที่คลับนั้นได้ก็ต้องมีของพอสมควร
“วันนี้ฉันไม่มีคิวเลยกะว่าจะพานายไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาซะหน่อย”
มาร์คพูด
เจโน่ขมวดคิ้วยุ่งเพราะปกติถ้ามาร์คไม่ต้องที่นั่นก็ต้องไปทำอย่างอื่นแทนที่จะมารอเขากลับบ้าน
จริงๆเขากับมาร์คไม่ควรจะเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยซ้ำเพราะหลายๆอย่างของมาร์คสวนทางกันกับหลายๆอย่างของเขา
เจโน่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้สบายใจที่ได้อยู่ใกล้คนที่คนทั้งโรงเรียนบอกว่าอันตราย
“ฟังดูแปลกๆนะครับ
ปกติคุณมาร์คว่างแบบนี้ก็จะไปหาอะไรทำไม่ใช่หรอครับ”
คำถามของเจโน่ทำเอามาร์คหลุดหัวเราะ
“ก็กำลังไปหาอะไรทำอยู่นี่ไง
แต่วันนี้อยากจะชวนนายไปหาอะไรทำด้วยกันหรือว่านายต้องรีบกลับบ้าน”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นคำถาม
เจโน่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“ผมว่างครับ”
“งั้นก็ดี
นายจะต้องสนุกแน่เจโน่ลี”
#
เสียงดังอึกทึกครึกโครมของเพลงสากลที่เจโน่ไม่ค่อยคุ้นหูนัก
โกดังร้างที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันมากมายหรือไม่ก็ตัวอักษรแนวๆบนผนังหรือตู้คอนเทนเนอร์เก่าๆ
เจโน่แอบเห็นชื่อของมาร์คอยู่บนตู้นั่นด้วยก่อนจะเบนสายตากลับมามองมือใหญ่กว่าที่กำลังจับมือเขาอยู่
ทุกสายตามองตรงมาที่มาร์คและไม่ลืมที่จะปรายตามองเขาด้วย
ทำให้เจโน่เกร็งกว่าเดิมเพราะไม่ว่าจะเบนสายตาไปทางไหนก็จะต้องถูกมอง
เพลงเบาลงจนแทบไม่ได้ยินเสียง
“เฮ้ มาร์คพาหนุ่มน้อยที่ไหนมาวะนั่น”
เสียงของใครสักคนเปิดประเด็นทันทีที่เดินเข้าไปใกล้
เจโน่ขยับก้าวไปหลบอยู่ข้างหลังอย่างเคยชิน
“ขี้อายซะด้วย
ใครวะมาร์คปกติมึงไม่เคยพาใครมาเลยนะ”
ประโยคที่ได้ยินทำเอาหัวใจเต้นแรงกว่าเก่า
กลิ่นบุหรี่ที่ลอยคละคลุ้งทำให้เจโน่กดใบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้าง
“เพื่อนสนิทที่โรงเรียนผมเอง
พวกพี่อย่าไปล้อมันมากเจโน่มันขี้อาย” มาร์คตอบพลางยักไหล่ให้กลุ่มคนตรงหน้า
“แปลกชะมัด
มึงคบกับเพื่อนแบบนี้ด้วยหรอวะไอ้มาร์ค
นึกว่าย้ายไปเรียนนานาชาติแล้วไม่มีคนคบซะอีกเห็นไม่เคยพูดถึง”
“แล้วมันธุระอะไรที่จะต้องมานั่งเล่าให้มึงฟังไอ้แฮช”
เจ้าของชื่อชูนิ้วกลางใส่ทันทีที่มาร์คตอบกลับ
มาร์คจับข้อมือขาวก่อนจะลากคนที่หลบอยู่ข้างหลังมาอยู่ตรงหน้า
จับไหล่ที่เล็กกว่าเขาก่อนจะพูดกับกลุ่มคนสนิท
“เอาเป็นว่าทำความรู้จักกันไว้แล้วกัน
เจ้านี่เจโน่ลีเพื่อนสนิทผมเอง”
เจโน่เงยหน้ามองด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
ชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ายิ่งทำให้ทุกคนแปลกใจ
เพราะไม่ว่าจะดูมุมไหนเจโน่ก็ไม่น่าจะเป็นเพื่อนสนิทของมาร์คลีได้เลย
“สะ
สวัสดีครับ” เจโน่เอ่ยทักทายติดๆขัดๆ
ใครจะไปเชื่อกันว่าคนที่เอ่ยทักทายด้วยประโยคแสนเชยคนนั้นกำลังนั่งคุยเล่นคุยหัวกับคนในกลุ่มเหมือนสนิทกันมาสิบชาติ
มาร์คนั่งอยู่ที่โซฟาเก่าๆมองดูเพื่อนสนิทตัวขาวคุยกับรุ่นพี่ของเขาไม่วางตา
แถมยังยิ้มเวลาที่เจโน่ขำมุกกากๆของจอห์นนี่จนตัวงอและท่าทางพวกนั้นก็อยู่ในสายตาของแฮชานทั้งหมด
“แน่ใจนะว่าเพื่อนสนิทไม่ใช่เมียมึง”
แฮชานนั่งลงข้างๆยิงคำถามที่ทำให้มาร์คผละจากภาพตรงหน้ามามองเพื่อนสนิทอีกคน
“เมียห่าอะไรก็บอกอยู่ว่ามันเพื่อนกู”
แฮชานหรี่ตาก่อนจะยกนิ้วชี้หน้ามาร์คอย่างจับผิด
“ตอแหลแน่ๆมึงยิ้มปากจะฉีกถึงหูตอนมองมัน
เพื่อนที่ไหนมันมองกันแบบนั้น”
“ก็เพื่อนแบบที่มึงก็เป็นนี่แหละครับไอ้คุณแฮชาน”
ทั้งคู่นั่งเงียบหลังจากที่มาร์คตอบเพราะแฮชานรู้ดีว่ามันต้องมากกว่านั้น
ถึงไม่ใช่คนที่ชอบจับผิดแต่แฮชานเป็นคนค่อนข้างสังเกตคนอยู่พอสมควรติดเป็นนิสัยด้วยซ้ำ
เพราะแบบนี้เลยไม่มีทางเชื่อว่าเจโน่จะเป็นแค่เพื่อนสนิทอย่างที่เขาเป็น
คนอย่างมาร์คลีไม่ดูแลใครง่ายๆหรอกถ้าไม่สำคัญแล้วก็ไอ้ที่จับมือนั่นก็บ่งบอกข้อสันนิฐานของแฮชานได้เป็นอย่างดี
“มึงได้มันแล้วใช่ไหม”
“….”
“ไม่ตอบกูแสดงว่าจริง
ก็ว่าอย่างมึงจะไปเป็นเพื่อนสนิทกับคนนิสัยแบบนั้นได้ไง ชุดเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดตีนดูยังไงก็แปลก
ไหนมันจะเรียกมึงว่าคุณมาร์คอีก”
“แสนรู้จริงๆนะมึงไอ้แฮช”
“แล้วมันไม่ว่าอะไรมึงหรอ”
มาร์คยักไหล่
“กูเมาแล้วมันดันขึ้นมาบนดาดฟ้าเจอกู จะว่าเหี้ยก็เหี้ยแต่พอกูรู้ว่ากูเอามันแล้ว
กูเสือกมีความรู้สึกว่าทิ้งมันไมได้แต่กูก็ลืมเขาไม่ได้”
แฮชานถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อได้ฟังความรู้สึกที่อีกฝ่ายไม่ค่อยจะแสดงออกมาให้ใครเห็น
ก่อนหน้านี้มาร์คอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเขาแต่หลังจากเกิดเรื่องเมื่อปีก่อนก็เลยถูกย้ายไปเรียนที่อื่น
แล้วต้นเหตุทำให้เพื่อนรักของเขาต้องย้ายออกไปก็เป็นต้นเหตุของความเศร้าเหมือนกัน
“ไม่มีเพื่อนที่ไหนมันทำกันแบบนี้
กูเตือนมึงนะมาร์คถ้ามันเป็นแค่เพื่อนมึงจริงๆมึงก็ปล่อยมันไปเถอะ”
“ถ้ากูคิดจะปล่อยมันกูคงไม่พามันมาที่นี่หรอกแฮช”
tbc.
tag on twitter #unfriendmarkno
ความคิดเห็น