คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Amor Fati
Amor Fati
Jaehyun x yuta
R: 15 เนื้อหาอาจมีฉากความรุนแรง
เสียงฟ้าร้องดังคะนองไปทั่ว
ชีวิตที่แสนตกต่ำของนากาโมโตะ ยูตะกำลังเริ่มขึ้นอีกวันวนลูปไปไม่มีวันจบสิ้น
เหมือนเพลงที่บรรเลงไปเรื่อยๆแม้จะจบก็จะเริ่มใหม่อยู่แบบนั้น ชีวิตน่าบัดซบที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะต้องมานั่งมองหยดฝนที่กำลังร่วงหล่นอยู่ข้างถังขยะใบเก่าแสนโสโครกแต่ยังพอเป็นที่กำบังในคืนที่หนาวเหน็บไปได้
อย่างน้อยถังขยะมันก็ยังไม่ไร้ค่าเท่าชีวิตของเขา
ดวงตากลมทอดมองน้ำที่กำลังรวมตัวกันเป็นแอ่งขังอยู่ในหลุมเล็กๆเพื่อนฆ่าเวลา
เขาอยากให้คืนนี้ผ่านพ้นไปไวๆ
อยากให้เป็นอีกคืนที่ไม่ต้องนึกถึงเรื่องเจ็บปวดในอดีต
ขนมปังหมดอายุที่ชายแก่ใจดีตรงร้านหัวมุมถนนให้มาเปียกชื้น
รสชาติของมันแย่เสียยิ่งกว่าอะไรแต่ยูตะก็ยังคงขย้อนมันลงไป เขาทั้งหิวและหนาว
สุดท้ายจึงได้แต่ก้มหน้าใช้แขนสองข้างกอดเข่าตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้นแข่งกับเสียงฝนตก
“ฮึก … ฮึก”
เนื้อตัวเปียกปอนจากน้ำที่สาดกระเซ็นจากพื้นถนน
ตรอกเล็กๆทั้งสกปรกและเกือบจะมืดสนิทถ้าไม่มีแสงไฟดวงเล็กจากด้านนอก
ไม่มีใครสนใจเสียงร้องไห้หรือจะบอกว่าไม่มีใครได้ยินเสียงร้องไห้ที่ดังก้องนี้สักคน
ไม่มีเลย
นากาโมโตะ ยูตะ ลูกชายคนเล็กของตระกูลนากาโมโตะ
มหาเศรษฐีที่ติดหนึ่งในสิบของตระกูลที่รวยที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดในญี่ปุ่น
ตระกูลนากาโมโตะทำธุรกิจเกี่ยวกับแบรนด์เสื้อผ้าส่งออกเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และมีสาขาในหลายๆประเทศ
รวมไปถึงเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่เยอะที่สุดในญี่ปุ่น รวมไปถึงประเทศใกล้เคียง
เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไทย
ชีวิตของทุกคนในตระกูลอยู่กันอย่างสุขสบายโดยเฉพาะยูตะที่เป็นลูกคนเล็ก
ถูกประคบประหงบราวกับไข่ในหิน
ไม่ว่าเด็กหนุ่มต้องการอะไรทุกคนในบ้านก็พร้อมที่จะเอามันมาประเคนให้ ถึงแม้ยูตะจะเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวและไม่ชอบสังคมแบบคนรวยสักเท่าไหร่แต่ก็เป็นคนที่เอาแต่ใจพอสมควร
และนั่นทำให้เขาถูกมองเหมือนคุณหนูผู้เอาแต่ใจและเย่อหยิ่งจากคนนอกเสมอ
ทุกอย่างควรจะเป็นไปด้วยดี ปีนี้ที่นากาโมโตะ
ยูตะอายุครบสิบเจ็ดปีควรจะเป็นเรื่องดีๆของตระกูลนากาโมโตะ
ตอนนี้เด็กหนุ่มควรนอนอยู่ในห้องนอนที่มีเตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์
มีฮีสเตอร์ไว้กันหนาวเมื่อข้างนอกฝนตก
ควรที่จะนอนกดมือถือส่งข้อความอยู่กับเพื่อนสนิทจากโรงเรียนเอกชนอันดับต้นๆของญี่ปุ่น
แต่มันคงไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว
ห้าเดือนก่อนยูตะได้รู้สิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนในชีวิตคือบิดาผู้เป็นที่รักหรือว่าพ่อแท้ๆเป็นหนี้จากการบริหารกิจการที่ล้มเหลว
ถูกถอดถอนออกจากการเป็นประธานบริษัท
และในวันนั้นหัวเรือใหญ่ของตระกูลก็ใช้ปืนยิงตัวตายต่อหน้าต่อตาในวันครบรอบวันเกิดครบสิบเจ็ดปีของเด็กหนุ่ม
ความโหดร้ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อทุกอย่างที่เคยเป็นของเขาไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว
แม่และพี่สาวพยายามอย่างหนักที่จะประคับประคองกิจการเล็กๆที่เหลืออยู่
แต่สุดท้ายความตายก็พรากทั้งคู่ไปจากยูตะ
พรากมันไปโดยที่เขาไม่มีวันได้บอกลาเฉกเช่นเดียวกับพ่อ
ญาติมิตรพากันหายหัวไปเหมือนไม่มีบุญคุณระหว่างกันและกัน
ยูตะในตอนนั้นอาศัยเงินเก็บเล็กๆน้อยๆที่เคยเก็บเอาไว้เมื่อก่อนประทังชีวิตอยู่ในห้องเช่าเท่ารูหนู
หางานทุกอย่างที่พอจะทำได้ทำแต่ก็ทำไม่ได้นาน
สุดท้ายชีวิตก็จมดิ่งลึกเกินกว่าจะเอื้อมมือไปไขว่คว้าแสงสว่างจากที่ไหน
กลายเป็นคนเร่ร่อนข้างถนน
น่าตลกสิ้นดี…
เปลือกตากำลังปิดลงเพราะวันนี้นอกจากเดินไปเดินมาเพื่อหางานทำแต่ไม่มีใครต้องการรับ
ทั้งเหนื่อยทั้งหิวจนไม่มีแรง ยูตะกระชับกอดให้แน่นขึ้นและภาวนาให้เสื้อคลุมตัวเก่านี้มันอบอุ่นขึ้นกว่านี้อีกสักนิด
อย่างน้อยพระเจ้าก็ช่วยเมตตาเขาบ้าง
เสียงฝีเท้าทำให้คนที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
เสียงปืนที่หลอกหลอนอยู่ในความทรงจำดังขึ้นครั้งแล้ว ครั้งเล่า
จนต้องยกมือขึ้นบิดหูเอาไว้ ขยับซุกตัวกับถุงขยะเพื่อหลบหนีความโกลาหลที่เกิดขึ้น
ยูตะตัวสั่นและหัวใจก็เต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา
ดวงตาสั่นระริกเมื่อมองผู้ชายในชุดสูทดูดีล้มลงกับพื้น
แสงไฟพอจะทำให้เห็นเลือดที่กระเด็นออกจากหน้าผากก่อนผู้ชายคนนั้นจะล้มลง
ยูตะพยายามซุกเข้ากองขยะจนเกือบจะจมหายไปเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังตรงดิ่งมา
ดวงตาเบิกกว้างเมื่อแสงจากไฟฉายส่องตรงมาที่หน้า
ทุกอย่างดูเหมือนฉากระทึกขวัญในหนังและมันแทบจะทำให้เด็กหนุ่มหยุดหายใจ
ปืนกระบอกดำจ่อมาที่หัวก่อนที่ใครสักคนจะหันไปพูดกับคนที่อยู่ไม่ไกล
“นายครับมีคนแอบอยู่ตรงนี้”
แขนถูกกระชากขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้นเฉอะแฉะที่แสนเกลียด
ยูตะค่อยๆเงยหน้ามองบุคคลตรงหน้า รูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทราคาแพง ดวงตาดุดัน
รอยยิ้มเล็กๆมุมปาก กับร่มในมือที่ยืนมาเผื่อแผ่เขาด้วย
“ใครมาทำลูกแมวตกเอาไว้”
เสียงนั้นไม่ได้ฟังดูน่ากลัวนั่นคือสิ่งที่ยูตะรับรู้แม้จะฟังไม่ออก
อีกคนย่อตัวลงมาใช้ผ้าเช็ดหน้าสีเข้มในกระเป๋ายื่นมันมาเช็ดคราบสกปรกมอมแมมบนใบหน้าของเขาอย่างไม่รังเกียจ
สัมผัสแผ่วเบาแต่ก็ทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน
“นายครับจะให้ผมฆ่าทิ้งไหมครับ”
และคำถามพร้อมกับปืนที่เล็งมาที่ยูตะ
ทำให้เขาต้องยกมือปัดผ้าเช็ดหน้ากับมือใหญ่นั่นอย่างตกใจ ถอยตัวออกจากร่มที่กำบังหยาดฝนเอาไว้
“ผะ ผม ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
ตอบออกไปเป็นภาษาบ้านเกิดแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะฟังออกหรือไม่
ผู้ชายตัวสูงก้าวเข้ามาใกล้ๆและยังคงย่อตัวลงมานั่งคุกเข่าที่พื้น
มือใหญ่ปัดปอยผมเปียกชื้นออกจากใบหน้ามอมแมม
“ฉันจะเชื่อนายได้ยังไง”
คำถามเป็นภาษาบ้านเกิดออกมาจากปากอิ่มสีซีด
ยูตะกลืนก้อนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบากเมื่อถูกถาม เขาไม่รู้จะตอบอะไรดี
“ผมพูดจริงๆนะ” ยูตะตอบเสียงสั่นๆ
“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร”
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ
ยูตะขมวดคิ้วยุ่งเพราะเขาไม่เข้าใจว่ามันมีอะไรที่น่าขัน
“แต่ฉันรู้ว่านายเป็นใคร นากาโมโตะ ยูตะ”
สุดท้ายก็ถูกหิ้วขึ้นรถมาด้วยทั้งที่ตัวเปียกมอมแมมและสกปรก
ใครอีกคนนั่งอยู่ข้างๆไม่ได้ทำเหมือนรังเกียจกันสักนิด
มิหนำซ้ำยังถอดเสื้อสูทราคาแพงมาห่มให้อีกต่างหาก
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นช่างรวดเร็วจนตามไม่ทัน
เมื่อไม่ถึงชั่วโมงเขายังคงนั่งซุกกองขยะกอดตัวเองท่ามกลางฝนตก
แต่ตอนนี้อยู่บนรถราคาหลักสิบล้านกับผู้ชายแปลกหน้าที่รู้จักเขา
บ้านสไตล์ญี่ปุ่นหลังขนาดกลางที่ยูตะประเมินคราวๆจากสายตาก็คงราคาสูงอยู่พอสมควร
นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้นอกจากตรอกแคบๆกับกำแพงของตึกร้าง
ความอบอุ่นในบ้านทำให้รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ยังไม่วางใจ
“เฮ้ย ไปเก็บมาจากไหนวะแจฮยอน”
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ชี้มาที่ยูตะแล้วก็เบิกตากว้างเมื่อคนตรงหน้าตอบออกมาแต่ยูตะฟังไม่รู้เรื่อง
ได้ยินแค่ชื่อของเขาเท่านั้น
“จำยูตะลูกชายคนเล็กประธานบริษัทNTไม่ได้หรอพี่ยองโฮ”
“นี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม
ฉันนึกว่าเขาตายไปแล้วซะอีก”
ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนที่แจฮยอนจะยักไหล่
“เด็กนี่ยังไม่ตาย
จริงๆเขาเคยเป็นหุ้นส่วนของเราผมไม่ได้สนใจหรอก แต่ที่เก็บมาเพราะคิดว่าเด็กนี่น่ารักดี”
ซอ
ยองโฮส่ายหัวไปมาสลับกับมอมใบหน้าน่ารักอย่างที่แจฮยอนพูด
แต่ทว่ามันดูมอมแมมสิ้นดีเหมือนลูกแมวโดนทิ้ง
“จะทำอะไรก็ทำ
แล้วเรื่องไอ้ยองมินจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ตอนนี้นรกคงมารับมันไปแล้ว”
คืนนั้นแจฮยอนพาแมวที่เก็บได้ไปอาบน้ำ แต่งตัว
หาข้าวให้กินเพราะได้ยินเสียงท้องร้องของยูตะตอนที่กำลังหาชุดนอนให้
นัยน์ตาสีเข้มมีแต่คำถามแต่แจฮยอนไม่ตอบอะไรมากไปกว่าการลูบกลุ่มผมสีดำสนิทเบาๆ
“ฉันชื่อแจฮยอน จากนี้ไปนายเป็นคนของฉันเข้าใจไหม”
ยูตะส่ายหน้าไปมาก่อนจะก้มลงกินข้าวในชามด้วยความหิวโหย
รสชาติของมันดีมากเสียจนเด็กหนุ่มเกือบลืมไปว่าครั้งหนึ่งในชีวิตก็เคยได้ลิ้มลองของพวกนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
แต่ไม่รู้ทำไมรสชาติของขนมปังเย็นชืดยังติดอยู่ในปากเหมือนความทรงจำเลวร้ายที่ยังฝังอยู่ในสมอง
ที่นอนนุ่มๆผ้าห่มหอมๆทำให้ยูตะคิดว่าตัวเองอาจจะแค่ฝันไป
แต่เพราะแรงหยิกที่ข้างแก้มของคนข้างๆทำให้รู้ว่านี่คือความจริง
“นายเชื่อในพระเจ้าไหม”
คำถามของแจฮยอนทำให้คนที่นอนมองเพดานเบนกลับมามองคนข้างๆ
“ผมไม่รู้” ยูตะตอบสั้นๆ
“ฉันเคยเชื่อนะ เคยคิดว่าถ้าเราดี เราสะอาด
พระเจ้าก็คงมอบของขวัญให้ฉัน”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนดวงตาสีเข้มจะจ้องมาที่เด็กหนุ่มตัวขาว
“แล้วตอนนี้ คุณไม่เชื่อแล้วหรอ”
“ฉันคงเป็นคนอื่นสำหรับพระเจ้าไปแล้วมั้ง”
ยูตะไม่ได้ถามต่อแต่กลับมาถามตัวเองอยู่ในใจ
พระเจ้าคืออะไรสำหรับเขาตอนนี้ก็คงตอบไม่ได้
เพราะตอนที่เจ็บปวดที่สุดก็ไม่มีใครช่วยเขาได้สักคน และที่ได้คำตอบคงเป็นความกลัว
ความเศร้า ความโกรธ นั่นคือที่นึกออก
ใครจะไปรู้ว่าเด็กหนุ่มผู้สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในวันนั้น
ตอนนี้กลับกลายเป็นคนสำคัญอีกคนของตระกูลจอง หลังจากถูกพามาที่บ้านแล้วก็ถูกแจฮยอนพามาที่เกาหลี
ยูตะบอกตัวเองว่าจะลืมทุกอย่างแต่ก็ทำไม่ได้
สุดท้ายสิ่งที่แจฮยอนบอกเขาคือจำมันเอาไว้แล้วใช้เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนให้ชีวิตเดินไปข้างหน้า
เสียงปืนเมื่อสามปีก่อนยังดังอยู่ในหัวทุกคืนที่หลับตาลง
รอยยิ้มของพี่สาวที่ยิ้มก่อนจะจากไปตลอดกาลยังตราตรึง ความอบอุ่นที่ได้รับจากอ้อมกอดของแม่ก็ยังคงฝังแน่น
มันวนลูปไปเรื่อยๆเหมือนม้วนหนังที่ไม่มีวันจบสิ้น
หรือไม่มันก็เล่นซ้ำๆโดยที่ตอนจบของมันก็ยังเหมือนเดิม
ทุกคนที่เขารักจากไปแล้วและจะไม่มีวันฝืนขึ้นมาอีก
ปัง!
นิ้วมือเหนี่ยวรั้งไกปืนค้างเอาไว้ จบชีวิตของคนสะอาดที่ข้างในแสนจะสกปรกได้อย่างง่ายดายและไม่รู้สึกอะไร
พ่อเขาต้องมาตายเพราะคนพวกนี้เพราะฉะนั้นคนพวกนี้ก็ไม่สมควรได้รับการเมตตาอะไรทั้งนั้น
ถ้าอยากได้ก็ไปร้องขอเอาจากพระเจ้าในนรก
รถยนต์คันหรูทะยานไปข้างหน้า
เสียงเพลงโปรดขับกล่อมให้ยูตะอารมณ์ดีแม้จะเพิ่งปลิดชีวิตคนมาหมาดๆ
ไม่นานนักมันก็จอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่
“ไปซนที่ไหนมาอีกยูตะ”
เสียงของแจฮยอนเรียกรอยยิ้มกว้างๆจากเจ้าของชื่อ
ขาเรียวเดินดุ่มๆเข้าไปกอดคนสูงกว่าอย่างออดอ้อน คลอเคลียเหมือนแมวน้อยตัวเล็กดั่งวันแรกๆที่แจฮยอนพบเจอ
“ก็แค่ไปเล่นสนุกมานิดๆหน่อยๆเองครับพี่แจฮยอน”
แจฮยอนยกยิ้มมุมปากพลางขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มจนมันฟูฟ่อง
เจ้าลูกแมวของเขาเติบโตขึ้นมาอย่างสง่า
เพียงแค่สามปีทำให้คนที่กลัวทุกอย่างกลายเป็นคนที่เข้มแข็งไม่ใช่แข็งกระด้าง
แจฮยอนลูบแก้มใสเบาๆด้วยความเอ็นดู
“วันหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ
รู้ไหมเราหายไปคนเดียวพี่ไม่สบายใจ”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วงทำให้ยูตะรู้สึกผิด
“ผมไม่ยอมให้ใครมาพรากผมไปจากพี่หรอก
ถึงเป็นพระเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์”
นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองคนโตกว่าก่อนทั้งคู่จะยิ้มขึ้นมาพร้อมกัน
เมื่อก่อนยูตะไม่เข้าแจฮยอน
ไม่เข้าสิ่งที่แจฮยอนทำสักนิด ทำไมต้องฆ่าคน? แล้วคนพวกนั้นผิดอะไรถึงต้องฆ่า
แจฮยอนไม่ตอบคำถามแต่ปล่อยให้เด็กหนุ่มเรียนรู้ด้วยตัวเอง
เข้าในโลกใบนี้อย่างที่มันเป็นไป
ความลับอีกอย่างของพ่อที่ซ่อนเอาไว้ก็ถูกเปิดเผย
ธุรกิจมืดที่พ่อทำนั่นแหละที่มันทำให้ทุกอย่างพังลง
ทุกคนที่ร่วมกันถอดชื่อพ่อออกจากการเป็นประธาน ทุกคนก็แค่ตะกละทนความหิวโซไม่ไหวน่าสมเพชสิ้นดี
ยูตะเค้นหัวเราะในวันที่อ่านเอกสารทั้งหมดพร้อมทั้งร้องไห้ในอ้อมกอดของแจฮยอน
คนพวกนั้นคิดว่าตัวเองสะอาดเลยทำอะไรกับครอบครัวเขาก็ได้ แล้วสิ่งที่พวกนั้นทำมันต่างจากพ่อเขาตรงไหนล่ะ
?
“พี่แจฮยอน”
คนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นเมื่อยูตะเรียกชื่อ
“พี่จำได้ไหมที่พี่เคยถามยูตะวันแรกที่พี่เก็บยูตะมา”
แจฮยอนพยายามนึกเพราะมันก็ผ่านมาสามปีและระหว่างนั้นก็มีความทรงจำมากมายระหว่างเขากับยูตะ
เยอะแยะจนจำแทบไม่หมด
“ก็ที่พี่ถามยูตะเรื่องพระเจ้าไง”
“อ่อ ที่พี่ถามว่าเราเชื่อในพระเจ้าไหม ใช่ไหม”
ยูตะพยักหน้าขึ้นลง
“ตอนนี้ถ้าผมจะตอบพี่
ผมเชื่อในตัวเองเพราะมันเป็นชีวิตของผม ผมเชื่อในความรักก็เพราะผมมีพี่
แต่ผมก็คงเป็นคนอื่นสำหรับพระเจ้าไปแล้วเหมือนพี่”
แจฮยอนกอดร่างเล็กกว่าเอาไว้
ใช้มือลูบแผ่นหลังยูตะเบาๆ
“เชื่อในตัวเองก็พอแล้วยูตะ”
ปัง!
ปืนกระบอกเดิมยิงเข้าที่หัวของจองแจฮยอนจนอีกฝ่ายล้มลงไปกับพื้น
ดวงตาเรียบนิ่งจ้องมาที่คนรัก ลมหายใจเฮือกสุดท้ายถูกมัจจุราชช่วงชิงไป ยูตะทั้งยิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
“พี่ก็หิวโซเหมือนคนพวกนั้น…พี่ก็ไม่ต่างจากพวกนั้นเหมือนผม”
แล้วปืนกระบอกนั้นก็จอที่หัวของยูตะก่อนเจ้าของจะลั่นไกปืน
ปัง!
พระเจ้าจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้บ้างไหม
พระเจ้ามีชะตาชีวิตเป็นของตัวเองบ้างหรือเปล่า
คงเป็นคำถามที่ต้องเอาไว้ถามตอนตายไปแล้ว.
The end.
แม้ยอมรับในชะตาชีวิต แต่จงอย่าสูญสิ้นในศรัทธา
ถึงมันยากมากที่จะทำให้ในเวลาที่เจ็บปวดที่สุด
มันคือสิ่งที่เราบอกตัวเองทุกครั้งที่จมดิ่ง
#bbgjaeyu
ความคิดเห็น