คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ♡ love flavor
Love Flavor
mark / jeno
กระเป๋าเป้สีดำใบเก่าถูกสะพายขึ้นไหล่ ลีเจโน่ก้มมองนาฬิกาที่แม่ซื้อให้เป็นของขวัญเกิดเมื่อสองปีที่แล้วเพื่อดูเวลา เด็กหนุ่มสาวเท้าไปถามทางเดินทั้งที่ตอนนี้เขาควรจะอยู่โรงเรียนแล้วแท้ๆ แต่เมื่อคืนเพื่อนสนิทชาวจีนอย่างฮวงเหรินจวิ้นดันส่งคลิปของแรปเปอร์ใต้ดินคนโปรดมาให้ดูก่อนจะเข้านอน กลายเป็นเมื่อคืนทั้งคืนเจโน่ไล่ดูคลิปพวกนั้นจนเกือบตีสาม
เด็กหนุ่มยกมือปิดปากยามที่อ้าปากหาว ขับไล่ความง่วงนอนด้วยเพลงฺที่ถูกตั้งเป็นเพลย์ลิสต์โปรดในมือถือ
กลุ่มผมสีควันบุหรี่พัดลู่ตามลม เจโน่เพียงแค่ส่ายหัวไปมาเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปในอารมณ์ของเพลงจนไม่ทันได้มองข้างหน้าที่มีใครอีกคนเดินก้มหน้ากดมือถืออย่างไม่ใส่ใจ
ปั่ก!
“โอ้ย” นั่นเป็นเสียงร้องของเจโน่ที่ตอนนี้ลงไปนอนอยู่ที่พื้น
สเก็ตบอร์ดลายกราฟิกร่วงจากมือจากอย่างไม่ได้ตั้งใจ เจ้าของมันหันมามองผู้กระทำที่นั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้น คิ้วเรียวเลิกขึ้นพลางสำรวจมองเด็กหนุ่มผมสีสว่างที่เงยหน้าขึ้นมามองค้อนเขา ปากนั่นเบะเหมือนน้องชายข้างบ้านเวลาถูกขัดใจ
“โทษที” มาร์คลียักไหล่ก่อนจะยื่นมือไปเก็บสเก็ตบอร์ดแสนรักของตัวเองขึ้นมา
“ขอโทษแล้วมันหายเจ็บไหมล่ะ— ให้ตายสิซวยชะมัด” เหมือนประโยคหลังอีกคนจะพึมพำเบาๆกับตัวเองแต่มาร์คได้ยินเต็มสองรูหู
“วันหลังก็หัดเดินดูทางบ้างสิ” มาร์คพูด หันหลังเดินไปโดยไม่สนใจคนที่ลุกขึ้นมาปัดเสื้อผ้าของตัวเองสักนิด
อยากจะตะโกนด่าอยู่หรอกนะแต่ตอนนี้เจโน่ไม่คิดว่าตัวเองมีเวลาขนาดนั้น
“เวรเอ้ย! สายแล้วไง”
วันนี้คงเป็นวันที่โชคร้ายที่สุดในรอบเดือน เจโน่มาสายถูกมิสเด็บบี้ครูเวรประจำวันกักตัวเอาไว้แถมยังถูกลงโทษด้วยการอยู่ตอนเย็นเพิ่มอีกครึ่งชั่วโมง มันเลยเป็นเหตุผลที่ต้องมาติดฝนอยู่ตอนนี้ทั้งที่วันนี้ทั้งวันอากาศดีจนคิดว่าเย็นนี้อาจจะแวะไปเล่นบาสกับพวกทอมเพื่อนรุ่นพี่ ตอนเที่ยงเขายังเห็นกลุ่มเมฆสีขาวลอยอยู่ข้างบนฟ้า ไม่รู้ทำไมตอนนี้ฝนถึงได้ตกลงมาซะได้
สุดท้ายก็ได้แต่ปลอบตัวเอง เอาน่าไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่ต้องมาติดฝนอย่างน้อยตอนนี้ก็มีเกือบสิบคนที่ติดฝนอยู่ตรงนี้เหมือนกัน
“ไง”
เจโนได้แต่หวังว่านี่จะเป็นเรื่องสุดท้ายของวันคือไอ้ผู้ชายหัวทองทั้งหัวเจ้าของสเก็ตบอร์ดเมื่อเช้ากำลังยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่ได้พกปากมาด้วยหรอ”
“ฉันไม่คิดว่าจำเป็นต้องตอบคำถามของนาย”
“เฮ้ ไม่เอาน่าเมื่อเช้านายยังด่าฉันอยู่เลย—“
แล้วจู่ๆมาร์คลีก็เอื้อมมือไปจับมือที่เล็กกว่า อืมสักประมาณไม่ถึงสองเซ็น
“ฉันมาร์คยินดีที่รู้จัก”
#
เมื่อวานฝนตกเหมือนจะไม่ตกไปอีกตลอดปีนี้สุดท้ายเจโน่ถึงได้ตัดสินใจวิ่งฝ่าออกมา และไม่ใช่เขาแค่คนเดียวที่ทำแบบนั้น มาร์คไม่ใช่เพื่อนรุ่นเดียวกันและไม่ได้เรียนที่นี่แต่เป็นลูกชายของมิสซิสลี ครูสอนภาษาเกาหลี อีกฝ่ายเรียนมหาวิทยาลัยแล้วและไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่าการที่มาร์คคอดนตรีเดียวกันกับเขา
การได้รู้ว่ามีคนชอบแรปเปอร์ใต้ดินอย่างML เป็นเรื่องที่ดีมากๆ เจโน่ยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก วันนี้เขาตื่นตอนสิบโมงพลาดอาหารเช้าอย่างแพนเค้กของโปรดฝีมือแม่ แต่ก็วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะแวะไปกินพิซซ่าร้านโปรด ถือเสียว่าเผื่อท้องเอาไว้
เสียงแตรรถดังอยู่หน้าบ้าน เด็กหนุ่มถึงได้หยิบเป้สะพายหลังใบเดิมและหยิบหมวกสีน้ำเงินใบโปรดสวมหัวก่อนจะวิ่งลงบันได หอมแก้มแม่ที่ยืนดูดฝุ่นในห้องนั่งเล่นถึงจะถูกตีเข้าที่แขนพร้อมเสียงบ่น
“กลับดึกนะครับ”
มันบ้าดีที่ตอนนี้อยู่บนรถกับคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อวาน มาร์คดูดีกับผมสีใหม่ที่เจ้าตัวเพิ่งจะไปย้อมมาเมื่อคืน เหมือนคนเอเชียจนน่าตกใจ แต่อย่างว่าถ้าเขาย้อมผมดำอาจจะดูเอเชียซะยิ่งกว่าคนข้างๆเป็นร้อยเท่า แจ็คสันเพื่อนร่วมชั้นถึงได้ชอบล้อว่าบ่อยๆว่าเขาเป็นไอ้หน้าอ่อน
“ที่บอกว่าวันนี้จะพาไปที่ร้านนั้นจริงหรอ”
มันไม่เชิงเป็นร้านจากที่เสิร์ซหาในกูเกิลเป็นเหมือนผับเล็กๆ มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษห่วยแตกที่ไม่รู้เลยว่ารสนิยมเจ้าของร้านมันเป็นยังไง Neo ชื่อเหมือนอะไรสักอย่างฟังดูตลก ถึงแบบนั้นก็เถอะแต่แรปเปอร์ใต้ดินเจ๋งๆอยู่ที่นั่นเยอะรวมไปถึงคนที่เจโน่แทบจะเถิดทูนอย่างML ชื่อย่อที่ไม่มีคนรู้ว่าชื่อเต็มๆคืออะไร แต่ดันเป็นคนที่เจโน่ได้ฟังเพลงจังหวะฮิบฮอบครั้งแรกก็ตกหลุมรัก
“ได้บัตรมาแล้ว” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปในเกะล้วงบัตรสีขาวสองใบออกมา
“โคตรเจ๋ง”
“แล้วชอบมานานแค่ไหน”
“หมายถึงMLหรอ ก็หลายเดือนพอที่จะจำได้เกือบทุกเพลงของเขา”
“หมอนั่นคงดีใจตาย”
อย่างที่บอกเจโน่วางแผนไว้แล้วว่าจะมากินพิซซ่าแล้วอีกอย่างที่ได้รู้ในวันนี้ก็คือมันอยู่ใกล้กับNeo ผับในตรอกแคบๆที่อยู่เยื้องๆกัน ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเลยยังไม่มีคนมันดูเหมือนปกติสุดๆ แต่มาร์คบอกว่าถ้าถึงเวลาเปิดคนก็จะเยอะจนแทบหายใจไม่ออก
เหมือนเขาตอนนี้ ตื่นเต้นจนหายใจแทบไม่ออก
เจโน่คิดว่ามาร์คขี้โม้แต่เปล่าเลย ชายหนุ่มพูดเรื่องจริงตอนนี้เขาอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก กลิ่นบุหรี่ที่ไม่เคยชอบแม้จะเคยลองสูบก็เถอะ อบอวลจนแทบอาเจียน เหล้าในมือเกินกว่าจะบอกว่าอร่อยเพราะอย่างมากก็ดื่มแค่เบียร์ราคาไม่กี่ดอลล่าที่เหรินจวิ้นหิ้วมาจากบ้าน แต่น้ำสีอำพันในมือมันบาดคอจนต้องทำหน้าเหยเกตอนที่พยายามกระเดือกมันลงคอ
อยากอ้วกชะมัด
“เฮ้ ไหวไหมหน้านายแดงมากเลย”
มาร์คพยายามโบกมือต่อหน้าเด็กหนุ่มแต่อีกฝ่ายไม่มีการตอบรับมากกว่ายิ้มจนตาสองข้างนั่นยิ้มไปด้วย ให้ตายเถอะคิดว่าจะเจนโลกเสียอีก มาร์คหลุดหัวเราะก่อนจะหิ้วปีกเด็กหนุ่มผมสีสว่างออกมาจากร้าน
“กลับแล้วหรอวะมาร์ค วันนี้ไม่ขึ้นโชว์สักเพลง”
“ต้องขอบายว่ะเจย์ วันนี้พาคนมาด้วย” มาร์คชี้ไปในรถ “เพิ่งจะสิบแปดคงต้องพาไปส่งบ้าน”
เจย์ เพื่อนรุ่นพี่ชาวเกาหลีหัวเราะ โบกมือลาแล้วก็กลับเข้าไปพร้อมกับแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่มาร์คเพิ่งจะรู้เมื่อไม่กี่วันก่อน
จากที่บอกจะไปส่งบ้านสุดท้ายก็ไม่ถึงบ้าน เจโน่เมามากกว่าที่คิดเอาไว้ อาเจียนออกมาเลอะเสื้อตัวเก่งจนต้องเปลี่ยนใจหักพวงมาลัยไปทางบ้านของเขาแทน จริงๆมันห่างจากกันไม่มากแต่ตอนนี้เจโน่ลีไม่น่าจะไหวแล้ว
กว่าจะแบกร่างเด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้จักได้วันเดียวเข้ามาในห้องก็แทบตาย ไม่ได้หนักมากแต่คนเมาเวลาเมานี่โคตรจะทิ้งตัว
“แล้วจะทำไงดีวะ มัมก็ไม่อยู่” มาร์คพึมพำ
“หวังว่าคงจะไม่ว่ากันหรอกนะถ้าฉันจะเปลี่ยนชุดให้”
เกิดมาไม่เคยจะต้องมาเช็ดตัวให้ใครสักคน คิดแบบนั้นตอนที่หาชุดนอนตัวเล็กๆแต่อย่างมากที่สุดก็ใหญ่กว่าที่อีกคนใส่ประมาณสองไซส์ เจโน่ลีตัวเล็กกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก เอวคอดเหมือนผู้หญิงถึงจะมีกล้ามเนื้อนิดๆหน่อยๆก็เถอะ และที่แปลกกว่านั้นดันได้กลิ่นพายแอปเปิลหอมๆจากตัวเด็กสิบแปด
ก็เซ็กซี่ดี
มาร์คสะบัดหัวตัวเองอดจะขำไม่ได้กับความคิดตลกๆ สอดตัวเองลงในผ้าห่มผืนเดียวกับคนเมา เอื้อมมือไปปิดโคมไฟที่หัวเตียงก่อนจะปิดเปลือกตาลง
หวังว่าคนเมาคงจะฝันดี
ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งตอนนี้มันคงเป็นความสัมพันธ์พิลึกที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แค่สองเดือนแต่เหมือนรู้จักกันมาหลายปี เจโน่เข้าออกบ้านมาร์คเหมือนเป็นลูกชายอีกคนของมิสซิสลีที่เพิ่งจะรู้วันนี้ว่าจริงๆมิสซิสลีชื่อว่าดายอน เธอใจดีจนแทบจะลืมเวลาเธอสั่งการบ้านที่โรงเรียนไปเลย แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นเพราะที่เจโน่เอาแต่คิดไม่ตกคือความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมาร์ค
มาร์คบอกว่าเขายังเด็ก อ่า…เจโน่เกลียดคำว่า “เด็ก” เกินกว่าจะเข้าใจอะไรในแบบของผู้ใหญ่ เหมือนกับอเมริกาโน่รสขมปร่าที่เจโน่เกลียดแสนเกลียด นั่นแหละรสชาติความเป็นผู้ใหญ่ที่มาร์คลีกล่าวถึง แถมยังพูดถึงรสชาติพายแอปเปิลที่เขาชอบกินว่ามันเป็นรสชาติของเด็ก
เจโน่ไม่เข้าใจเพราะมาร์คเรียนเอกปรัชญาทุกอย่างที่พูดมันเข้าใจยากเกินกว่าที่จะตีความหมายให้เข้าใจง่ายๆ
แต่กับเรื่องนี้เจโน่คิดว่ามาร์คคงปฏิเสธกัน เขาเด็กเกินไปสำหรับมาร์คลี
ทั้งที่จูบแรกของเขาเพิ่งจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นไม่ถึงห้านาที
เจโน่ไม่ได้แวะไปที่บ้านมิสซิสลีในทุกวันหยุดเหมือนอย่างเคย ไม่มีอารมณ์ออกไปเล่นบาสด้วยซ้ำ อยากแค่หมกตัวอยู่ในห้องฟังเพลงของแรปเปอร์ใต้ดินคนโปรดที่รู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าMLมันหมายถึงอะไรและหมายถึงใคร ไม่ก็ดูหนังโง่ๆที่เหรินจวิ้นบอกว่าตลก
เหมือนความรู้สึกมันแตกสลายทั้งที่มันยังไม่เกิดขึ้น มันแตกสลายอยู่ในใจเงียบๆ
เย็นวันนั้นมารดากลับมาพร้อมพายแอปเปิลของโปรด เจโน่หยิบมันขึ้นมากินบนห้องรกๆที่ไม่ได้เก็บมาสักพัก รสชาติหวานอมเปรี้ยวทำให้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ทดแทนที่เขาพยายามดื่มอเมริกาโน่ขมๆนั่นตลอดหลายวันที่ผ่านมาได้มาก
รสชาติของเด็กก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเสียหน่อย มาร์คลีตัดสินไปเองว่าการเป็นเด็กมันไม่ดี
“มาร์คมาคอยอยู่หน้าบ้านนะเจโน่”
เสียงมารดาลอดผ่านประตูเข้ามา เจโน่หมุนเก้าอี้อย่างใช้ความคิด เขาเลือกที่จะไม่ตอบข้อความของอีกฝ่ายตั้งแต่วันนั้นรวมถึงพยายามหลบหน้าด้วย
เด็กหนุ่มลากสลิปเปอร์สีขาวออกมาจากห้อง ได้ยินเสียงของมารดาคุยอะไรสักอย่างพร้อมทั้งเสียงหัวเราะของมาร์ค ตอนนี้เจโน่ไม่รู้จะทำตัวแบบไหน เขาไม่ชอบอเมริกาโน่ของมาร์ค ไม่ชอบรสจูบที่มีกลิ่นนิโคตินนั่นด้วย ไม่ชอบอะไรเยอะแยะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ปรับตัวเข้าหาซะหน่อย พอถูกเทดื้อๆทำเอาไม่รู้จะต้องทำตัวแบบไหน
กลายเป็นต่างคนต่างนั่งนิ่งๆมาเกือบครึ่งชั่วโมงโดยมีเสียงของทีวีที่มารดาเปิดเอาไว้พอช่วยให้บรรยากาศมันไม่เงียบมาก เจโน่กัดปากปรายตามองคนอายุมากกว่าที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ทั้งที่เมื่อก่อนเจอหน้ากันต่างฝ่ายต่างพูดไม่หยุด แต่ดูตอนนี้สิ
“ทำไมไม่ตอบข้อความฉันเลย” เป็นมาร์คที่คงทนความอึดอัดนี้ไม่ไหว
“ผมไม่รู้จะตอบอะไร”
“โกรธหรอ”
“ไม่รู้”
แล้วบทสนทนาก็เงียบลงไปอีกครั้ง เจโน่รู้สึกเหมือนตอนนี้ตัวเองกำลังดื่มอเมริกาโน่รสขมปร่า
“แม่นายบอกว่านายเอาแต่ดื่มอเมริกาโน่ทุกวัน”
เจโน่ยิ้มเจื่อนเหมือนเด็กตัวเล็กที่ถูกจับได้ว่าดื่มกาแฟทั้งที่ไม่ควร เขาควรจะบอกมาร์คออกไปว่ายังไงดี เขาเกลียดมันหรอ ก็ไม่ใช่ ตอนนี้เจโน่เริ่มจะชินกับรสชาติขมๆนั่นได้แล้ว
“ก็แค่อยากลองเป็นผู้ใหญ่ดู”
คำตอบของเจโน่ฟังดูน่าขัน มาร์คกลั้นยิ้มตอนที่มองหน้าที่เริ่มจะคล้ายเจ้าแมวข้างบ้านที่เควินเพื่อนบ้านของเขาเลี้ยงเอาไว้ มันทั้งน่ารัก น่าทะนุถนอม เขาไม่อยากอ้างเหตุผลความเป็นเด็กเพราะเจโน่ลีอายุสิบแปดแล้ว โตพอที่จะทำทุกอย่างได้อย่างที่เด็กหนุ่มชอบพูดว่าโตพอแล้วนั่นแหละ
รสจูบที่มีกลิ่นของพายแอปเปิลยังอบอวลไปทั่วทั้งปาก มันไม่ใช่รสชาติของเด็กแต่มันเป็นรสชาติของเจโน่ลีโดยเฉพาะ เขาเคยจูบมาเยอะแต่อย่างที่บอกทุกคนให้ความรู้สึกต่างกันออกไป เจโน่เป็นรสชาติแปลกใหม่ เหมือนอาหารที่หน้าตาของมันก็เดิมๆแต่รสชาติพิเศษกว่าจานไหนๆ
“คุณว่าพายแอปเปิลมันจะเข้ากับอเมริกาโน่แล้วก็บุหรี่ไหม”
“ก็ลองดูสิว่ามันเข้ากันไหม”
กลิ่นนิโคตินกับรสขมปร่าของอเมริกาโน่ไม่ได้แย่ หรือไม่ก็เพราะพายแอปเปิลที่เขาเพิ่งกินเมื่อเมื่อกี้ มาร์คบดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างอ้อยอิง ใช้มือประคองใบหน้าหล่อปนน่ารักของเด็กหนุ่มเอาไว้แผ่วเบา
รสชาติของความรักหวานอมเปรี้ยว ขมปร่า และล่องลอย
“คบกันนะ”
คำตอบตกลงมาร์คจะคิดว่ามันคือจูบหวานๆของเจโน่ลี
end ?
คิดว่ามันคงจะมีอีกตอนค่ะ แต่ก็ดูเป็นฟิคที่ล่องลอยขะมัด
#bbgmarkno
ความคิดเห็น