ตอนที่ 39 : to reach you
To Reach You
แนะนำให้ฟังเพลง
Memory Control 기억 조작단 (Produce 48) - To Reach You (너에게 닿기를)
‘ ถ้าได้เดบิวต์แล้ว อย่าลืมพี่นะรู้ไหม ’ น้ำเสียงทุ้มที่ผมชอบฟังอยู่เสมอดังขึ้นอยู่ข้าง ๆ ใบหูขณะเรากอดกันท่ามกลางเหล่าเด็กฝึกที่ต่างเข้ามาแสดงความยินดีบริเวณหลังเวที เจ้าของร่างหนาเผลอหัวเราะเบา ๆ คงเป็นเพราะผมที่เผลอกระชับอ้อมกอดนั้นแน่นจนเกินไป
‘ ผมจะไปลืมพี่ได้ยังไง สัญญาเลยครับว่าจะไม่ลืม ’ ไม่พูดเปล่า แต่ผมกลับชูนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับอีกฝ่ายไว้ เหมือนเป็นสัญญาระหว่างเรา
พี่เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมก้าวมาอยู่จุดนี้ จากเด็กที่เต้นไม่ทัน ไม่มีความมั่นใจในวันนั้น ไม่กล้าพูดหรือสื่อสารใด ๆ จนถูกคนรอบข้างมองว่าเป็นคนเก็บตัว ตอนนั้นเองผมก็พบกับแสงสว่างเล็ก ๆ ท่ามกลางโลกอันมืดมิด พี่ดงโฮ เดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่นที่ช่างขัดกับลุคปกติของพี่เขา แถมโชคยังเข้าข้างให้เราทั้งคู่ได้ทำสเตจแรกในเพลงเดียวกัน ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพี่เขาเยอะ แม้เราจะถนัดกันคนละอย่างก็ตาม
‘ คิดถึงพี่ด้วยล่ะควานลิน ’ รอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปากหยักกับสัมผัสหนัก ๆ บนศีรษะเกิดขึ้นฉับพลัน พี่ดงโฮลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ตบไหล่เบา ๆ และทำท่าจะเดินจากไป เมื่อบทสนทนาระหว่างเราเริ่มไม่มีความเป็นส่วนตัว
ผมได้แต่ยิ้มและปล่อยให้พี่เขาเดินจากไป จดจำสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราเอาไว้เป็นความทรงจำดี ๆ เมื่อครั้งหนึ่งผมมองกลับมาผมจะยังมีความสุขและยิ้มได้เพราะมันเสมอ ..
‘ รอผมนะ ผมจะขึ้นไปยืนข้าง ๆ พี่ให้ได้เลย ! ’ ผมตะโกนให้กับเจ้าของร่างหนาที่เดินหันหลังไป พี่เขาหันมาส่งยิ้มพร้อมทำมือเป็นท่าโอเคให้กับผมพร้อมรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่จริงใจ รอยยิ้มที่แสนอบอุ่น
พี่ดงโฮทำแบบนั้นอยู่เสมอ จนมากระทั่งวันนี้
ผมคิดถึงมันทุกอย่าง คิดถึงคำพูดของเรา คำสัญญาของเรา คิดถึงจังครับ
ห้องพักแคบ ๆ สำหรับเด็กฝึกเงียบเหงาเมื่อคนในทีมพากันทยอยออกไปจนหมด เหลือเพียงเราสองคนที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง ผมเองก็ไม่ใช่คนตัวเล็ก ออกจากสูงเก้งก้างไปเสียด้วยซ้ำ และพี่ดงโฮเองก็ไม่ใช่คนตัวเล็กเหมือนกัน สูงน้อยกว่าแต่ออกไปทางกำยำมากกว่าผม เราเดินเฉียดกันไปหาเพราะหาสิ่งของไม่เจอ พี่ดูหัวเสียหน่อย ๆ เพราะเวลาซ้อมเร่งรัดขึ้นทุกที และสุดท้ายผมเองก็เป็นฝ่ายหามันจนเจอ
รอยยิ้มกว้างมาพร้อม ๆ กับมือหนาที่ส่งมาหยีหัว วินาทีนั้นที่เราได้สบตากันมันเกิดความรู้สึกประหลาดแล่นปราดไปทั่วร่างกาย รู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนอยู่ในตัว ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยได้สบตากัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ด้วยกันเพียงสองคน ช่องว่างระหว่างเราลดน้อยลงเรื่อย ๆ ใกล้เสียจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ผมสะดุ้งตัวโยนพร้อมกระถดตัวออกห่าง พี่เองก็สะดุ้งตามผมเช่นเดียวกัน
ใกล้มาก
‘ ไปซ้อมกันเถอะควานลิน ’ น้ำเสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยเรียกบรรยากาศระหว่างเรากลับมา และผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ขืนพี่ดงโฮไม่พูดอะไร เราคงได้อึดอัดแน่ ๆ เพราะผมก็ไม่ใช่พวกช่างพูดมากเท่าไรนัก
‘ ครับ ไปซ้อมกันนะพี่ ’
ผมยังเด็ก ผมอายุแค่ไม่เท่าไร ในขณะที่พี่เขาอายุห่างจากผมตั้งหกปี ผมไม่กล้าถามว่าอาการที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้มันเรียกว่าอะไร ก้อนเนื้อด้านซ้ายที่เรียกว่าหัวใจเต้นตึกตักอย่างประหลาด ใบหน้าร้อนวูบวาบแปลก ๆ ผมสะบัดศีรษะเบา ๆ เพื่อหวังว่ามันจะหาย และออกก้าวเดินตามหลังพี่เขาไป ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอื้อมมือมาจับที่ข้อแขนให้ไปเดินข้าง ๆ กัน
เขิน
จู่ ๆ คำนี้ก็ดังขึ้นมาในหัว ผมเรียกมันว่าอย่างนั้นได้ไหม หรือผมควรจะไปถามพี่เขาดี
แต่ก็เอาเถอะ
ผมยังคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นอยู่เสมอเลย
คิดถึง ... คัง ดงโฮ
วันแรกที่เราเจอกัน .. มันก็เป็นวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป วันคัดเกรดวันแรกของเรา ท่ามกลางเด็กฝึกมากมายผมเห็นแค่ คัง ดงโฮ คนเดียว ช่างเป็นคนที่เตะตา สูทสีดำที่ใส่มาดูดีมากเมื่ออยู่บนตัวพี่เขา แต่ยังไงก็คงดูดีไม่เท่าพี่เขาหรอก รู้สึกดีใจและขอบคุณที่อะไรหลาย ๆ อย่างเป็นใจให้เรามาอยู่ทีมเดียวกัน เพราะตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่มีสักครั้งที่ผมจะเสียใจที่ได้รู้สึกคนดี ๆ อย่างพี่ดงโฮ
‘ ไล ควานลินครับ ’
‘ คัง ดงโฮ ตามสบายเลย ’
ประเมินครั้งแรกผมได้ D มาเช่นเดียวกันกับพี่ แอบไม่เห็นด้วยนิด ๆ ครูฝึก แต่ก็ค้านอะไรไม่ได้ ผมทำได้เพียงค้านในใจก็เท่านั้น วันแรกที่เจอกัน ประเมินครั้งแรกได้อยู่เกรดเดียวกัน ทำมิชชั่นแรกด้วยกัน
สำหรับพี่เขา .. พี่เขาเป็นครั้งแรกของผมเสมอ
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดี และหวังว่าพี่ดงโฮก็คงคิดเหมือนกันกับผม
ผมเกลียดการจากลา
เกลียดการที่ต้องจากคนที่ผูกพันกันมาในระยะเวลาหลายเดือนมานี้ เหล่าเด็กฝึกต่างเก็บของลงกระเป๋า ตรวจเช็คความเรียบร้อยของห้อง เสียงหัวเราะผสมปนเปไปกับเสียงบอกลา บางคนร้องไห้ออกมา บางคนทำหน้าเศร้า บางคนนิ่งเงียบไม่พูดจา และมันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่วันประกาศอันดับมาถึง
เสียงประกาศจากลำโพงบอกเวลาว่าอีกหนึ่งชั่วโมงเหล่าเด็กฝึกต้องไปรวมตัวกันที่โถงใหญ่ ผมเองที่เก็บของรอมาหลายวันแล้วไม่ต้องรีบอะไรมาก ยังมีเวลาเหลือให้เตร็ดเตร่ไปเที่ยวห้องนู้นทีห้องนี้ทีได้ง่าย ๆ สบาย ๆ และเป้าหมายในครั้งนี้ก็คือ ห้องพักของคังดงโฮ
ผมยืนอยู่หน้าห้องด้วยความประหม่า ภายในห้องเหลือเพียงพี่ดงโฮอยู่คนเดียว แอบเห็นเพื่อน ๆ ในทีมของพี่ดงโฮเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง ผมใช้โอกาสนี้ผลักประตูเข้าไปโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต ใบหน้าหล่อเหลาดูแปลกใจที่เห็นผมเข้ามา แต่สุดท้ายก็ยกยิ้มให้กันอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะตบพื้นเบา ๆ เพื่อเรียกให้ผมไปนั่งพิงผนังห้องด้วยกัน
ผมไม่ปฏิเสธ ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาและนั่งลงเหยียดขาเช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่ ไม่มีคำพูดใด ๆ ระหว่างเรา มีเพียงความเงียบ ไหล่เราเฉียดกันทุกครั้งที่พี่เขาถอนหายใจ พื้นที่ว่างด้านซ้ายมือข้างตัวเหลืออยู่เยอะแยะ แต่เป็นเพราะผมเองที่ไม่ยอมขยับออกไป
อาจเป็นเพราะอยากอยู่ใกล้พี่ดงโฮ
หากผมหลุด หรือพี่ดงโฮหลุด โอกาสในการทำสเตจสุดท้ายของเราก็เหลือศูนย์
‘ ดูมีอะไรอยากจะพูดนะควานลิน ’ พี่ดงโฮเลือกหลับตาลงก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ พี่เขาเครียด ผมสัมผัสถึงมันได้ ผมทำใจกล้าเอื้อมมือตัวเองไปกุมกับมือสากข้างที่วางอยู่บนต้นขาด้านซ้าย และเป็นไปตามคาด พี่ดงโฮยอมเปิดเปลือกตาขึ้นมามองหน้ากัน
‘ อยากให้กำลังใจพี่เฉย ๆ ครับ ’
‘ ทำแบบนี้ .. อันตรายนะรู้ไหม ’ คัง ดงโฮ ถือโอกาสคว้ามือของผมที่เคยวางทาบหลังบนหลังมือไปกุมมือพร้อมสอดประสานนิ้วทั้งหมดเข้าหากัน
เรานั่งจับมือกันในห้องที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้ามาเห็นได้ มือคู่นี้มันอุ่นแสนอุ่น คลายความกังวลในจิตใจผมไปได้บ้าง เหมือนผู้ชายคนนี้มีพลังวิเศษยังไงยังงั้น หากผมทำได้บ้างล่ะ .. พี่เขาจะเลิกกังวลเหมือนผมไหม
‘ ไม่อันตรายหรอกครับ ’ ผมกระชับฝ่ามือที่จับอยู่ให้แน่นยิ่งกว่าเดิม บีบและคลายออกเป็นพัก ๆ เพื่อบอกให้อีกฝ่ายเลิกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเสียที
‘ เราน่ะไม่รู้อะไรเลย ’
‘ พี่หายเครียดหรือยัง ’
‘ หายแล้ว หายตั้งแต่ตอนที่เราจับมือนั่นแหละ ’
ประตูห้องไม่ถูกเปิดออกตั้งแต่ผมเข้ามา และในขณะเดียวกันก็ไม่มีคนเปิดเข้ามาเช่นกัน เรานั่งจับมือกันไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงประกาศทางลำโพงว่าเหลือเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น ไอกอดอุ่นจากทางด้านหลังรั้งตัวผมไม่ให้เดินออกไปไหน เจ้าของอ้อมกอดกดจูบลงบนแผ่นครั้งหนึ่งครั้ง แค่ครั้งเดียวก็สร้างความขวยเขินให้ผมจนแทบระเบิด คัง ดงโฮ คนบ้า
พี่จะยังจำวันนั้นได้อยู่หรือเปล่านะ
ผมเจอพี่อีกครั้งในวันที่เราสามารถยืนอยู่บนเวทีเดียวกันอย่างที่ผมปรารถนา บนเวทีประกาศรางวัล ผมเห็นพี่เขาแค่คนเดียว เฝ้ารอคอยช่วงเวลาที่จะได้ทักกันเสียที อยากได้ยินคำชมจากปากอีกฝ่ายว่า นายทำมันได้ดีมาก นายเก่งมากเลย ผมต้องการแค่นั้นจริง ๆ
หัวใจเต้นแรงหนักมากจนใบหน้าที่เคยเป็นสีขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด พี่ ๆ ในวงเริ่มทักกัน ผมได้แต่ตอบว่าไม่เป็นอะไร ใครจะกล้าบอกความจริงกันเล่าว่าเป็นเพราะ คัง ดงโฮ
‘ เก่งมากเลยควานลิน ’
‘ ไม่มีคำอื่นแล้วเหรอพี่ ’
‘ ไม่ชอบหรือไง ’
‘ พี่หมายถึงชอบอะไรล่ะ ’
‘ ก็ทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ ’
‘ ชอบครับ ชอบมากเลย ’
‘ เด็กน้อย ’
ต่อให้ผมไม่ได้พูดออกไปตรง ๆ ก็ได้แต่หวังว่ามือที่กุมกันอยู่ตอนนี้จะช่วยส่งความรู้สึกที่ผมมีทั้งหมดไปถึงพี่ แม้ว่าผมจะไม่ได้พูดคำนั้นออกมาก็ตาม พี่ตอบแทนผมด้วยการบีบมือตอบกลับมาเบา ๆ รอยยิ้มของพี่ตอกย้ำว่าการที่ได้พบพี่วันนี้เป็นเรื่องจริง ที่เรายืนอยู่ด้วยกันตรงนี้ไม่ใช่ฝันไป
เราไม่ได้อยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง เราห่างไกลกันพอสมควร เป้าหมายทุก ๆ วันของผมคือการให้เข้าใกล้พี่หนึ่งก้าว .. แค่หนึ่งก้าวก็ยังดี อย่างน้อยเราคงทำอะไรได้ง่ายขึ้น และวันนี้ผมคิดว่าผมทำมันสำเร็จ
วันนี้ผมเข้าใกล้พี่ขึ้นอีกหนึ่งก้าวแล้ว
ร้องไห้เพราะความคิดถึง มันเป็นแบบนี้เองสินะ
พี่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เดินเข้ามาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
ใครเขาให้เซอร์ไพร์สกแบบนี้กัน
ผมทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต กระโดดกอดพี่แน่นไม่ต่างอะไรจากลูกลิงที่เกาะอกแม่แน่น พี่หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มที่น่าฟังอย่างเคย พี่ไม่บ่นอะไรออกมาเลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่เสื้อสีเขียวตัวเก่งของพี่เปื้อนไปด้วยน้ำมูกและน้ำตา หนำซ้ำยังลูบหัวผมแบบที่เคยทำเช่นทุกทีอีก
“ เด็กขี้แย ” พี่ยังคงลูบหัวผมต่อไป และปล่อยให้ผมเกาะเป็นลูกลิงอยู่ต่อไปเช่นกัน
“ คิดถึงจะตายอยู่แล้ว ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ไม่รู้ว่าพี่เข้าใจไหม แต่พี่ก็ยังหัวเราะออกมา อาจเพราะขำใบหน้าตลก ๆ ของผม หรือขำที่ผมพูดไม่รู้เรื่อง
“ หนัก อ้วนขึ้นนะเรา ”
“ ไม่เจอกันตั้งนาน พี่กลับบอกว่าผมอ้วนเหรอคนบ้า ” ผมทุบแรง ๆ ที่หลังจนคนที่อุ้มผมร้องออกมา สมควรแล้ว คัง ดงโฮ จะทุบให้ตายไปเลย
“ กอดต่อแบบนี้อีกนะ ไหน ๆ ก็มาหาแล้ว ”
เราพูดคุยกันอยู่ในท่านั้นนานแสนนานจนพี่เริ่มบอกว่าไม่ไหว จนผมต้องยอมผละออกมาจากอ้อมกอด แต่พี่ก็ยังเหมือนเดิม .. กระชับมือไว้แน่นแม้เราจะไม่ได้กอดกันอยู่
มันดีจริง ๆ
“ ถ้าผมจะพูดอะไรสักอย่าง พี่จะฟังไหม ”
“ ไม่ต้องพูดหรอก ควานลินอา ”
“ รู้เหรอว่าจะพูดอะไร ”
“ เราคงจะพูดเหมือนที่พี่อยากพูด ”
“ ก็คงงั้นแหละครับ ” ผมเอนตัวพิงกับไหล่แกร่งพลางกระชับมือและบีบเบา ๆ เหมือนที่ทำอยู่บ่อย ๆ ที่ได้สัมผัสกัน
ที่ผ่านมาเราต่างไม่เคยพูดอะไร ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น แต่สำหรับผมมันก็ไม่เคยจางหายไปไหน ทุกความทรงจำ ทุกความรู้สึก ผมจดจำมันได้ทั้งนั้น และหวังว่า .. ต่อให้เราไม่ได้พูดอะไร ความรู้สึกที่ผมมีมันจะส่งไปถึงพี่ได้อย่างที่ต้องการ
“ เราไม่พูด พี่ก็รู้ ”
“ รู้จริงนะ ”
“ ขอบคุณนะควานลิน ”
“ ขอบคุณครับพี่ดงโฮ ”
ผมกอดพี่ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ภาพความทรงจำตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันไหลเวียนเข้ามาตลอด น้ำเสียง รอยยิ้ม การกระทำที่แสนดี ช่วงเวลาเก่า ๆ ยังอยู่ในหัวผมตลอด ช่วงเวลาเหล่านั้นผมยังจำมันได้เสมอ ต่อให้เราต้องห่างกันแค่ไหน ทุกครั้งที่กลับมาเจอกัน .. มันมักจะดีแบบนี้อยู่ไม่เปลี่ยน ขอบคุณจริง ๆ
“ จำสัญญาของเราได้ไหมครับ ”
“ ต้องถามนายแล้วล่ะ ว่าลืมพี่หรือยัง ”
“ ไม่ลืม นานแค่ไหนก็ไม่ลืมหรอก ”
หวังว่าความรักที่ผมมี .. จะส่งไปถึงคุณนะครับ
คัง ดงโฮ J
- END -
ขอนำเสนอมีมประจำวัน
ตื่นมาคาดหวังว่าจะมีโมเม้น ผลคือไม่มี 5555555555เรา55555555555โอ555555555เค55555555555555มาก5555555555555 สั้น ๆ กันชิปเปอร์โดดลงจากเรือ ดั้ยป่ดดด #อยู่กับโฮลิน นะคะ ฮือออ
อยากให้กำลังใจกันเชิญได้ที่คอมเม้น หรือ #crushโฮลิน กด 1 กด 2 ก็ได้ค่า ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ขอตัวไปร้องไห้ แงงงงงงงงงง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เราก็ยังคงเกาะเรือนี้ ถึงจะ...วันนี้นะ5555555 ไม่คาดหวังอะไรแล้วค่ะ ขอบคุณไรท์เตอร์ที่ยังคงช่วยเป็นลมให้เรือลำนี้ยังคงเดินเรือต่อไปได้ ถึงอยากบอกให้กัปตันมาช่วยก็เถอะ 555555
ยังคงชอบคุณไรท์เขียนเช่นเคย จะรอคอยสำหรับเรือลำนี้คู่นี้อยู่เสมอนะคะ ขอบคุณไรท์มากค่าาา >/|\<