ตอนที่ 35 : white chocolate 2
WHITE CHOCOLATE
ร่างกายของเค้กหวานไปหมดทุกส่วน..เป็นเรื่องจริง ต่อให้เขากินมันอย่างตะกรุมตะกรามแค่ไหนเค้กก้อนนี้ก็ไม่มีวันหมด
หนักหน่วง แต่ทว่าสุขสม
ทุกจังหวะขยับกายเร่าร้อนเสียจนทนไม่ไหว ทุกสัมผัสที่แตะลงบนกายบางเร่งเร้าให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว แรงส่งจากด้านบนส่งให้ร่างบางไถลไปกับพื้นเตียงขึ้นลงอย่างน่าวงสาร อยากจะให้หยุด แต่ก็รู้สึกดีเกินกว่าจะพูดออกไป
สุดท้ายแล้วก็เชื่อสัญชาตญาณตัวเอง
ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ดงโฮไม่ใช่คนตะกรุมตะกราม แต่ไม่รู้ทำไมที่ได้ลิ้มรสชาติเป็นครั้งแรก เขากลับมูมมามนัก ตลกสิ้นดี หรือนี่เป็นครั้งแรกที่รับรู้ถึงรสชาติ
แต่ก็..ไม่นี่
ตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้กินมันเป็นครั้งแรก
เปลือกตาบางช้อนตามองคนที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือตัว ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ความรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วกายยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ดงโฮยังไม่หยุดเคลื่อนตัว เตียงหลังนี้คงไม่ต่างอะไรจากสมรภูมิรบเท่าไรนัก เสียงหัวเตียงกระทบกับกำแพงจนเกิดเสียงดังทุกครั้งที่ส่งแรงกระแทกกระทั้นเข้าไปหาร่างบาง
“ ฮึก..ฮื่อออ ”
ไม่เป็นภาษา
ควานลินร้องแทบไม่เป็นภาษา คำพูดที่สรรหามาจะพูดออกไปถูกกลืนหายลงในไปลำคอเมื่อความรู้สึกเสียวกระสันตีรวนไปทั่วร่างกาย กายบางบิดเร้ากับเตียงหลังใหญ่ แอ่นทั้งสะโพกเข้าหาอีกคนเพื่อรับสัมผัส เจ็บแสบไปหมด แต่ความต้องการมันเกินกว่าจะหยุดได้จริง ๆ
“ หอม หอมไปหมด หวานด้วย ”
“ เหนื่..อยแล้ว ฮือ ”
เปล่งเสียงออกได้เป็นคำเพียงไม่กี่คำก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงคราง ร่างกายของเค้กอย่างควานลินถูกโรมรันโดยไม่ให้หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว ฟอร์คหนุ่มตะกละเกินกว่าใคร ช่วงล่างขยับเข้าออกไม่ห่าง ริมฝีปากหยักกัดเข้าที่ต้นคอขาวละเลียดชิมทั้งเลือดทั้งเหงื่อ มือขวาลูบที่ศีรษะมนชื้นเหงื่อ ประคองใบหน้าหวานให้สบตา ร่างกายแนบชิดไปหมดทุกส่วน ปลายจมูกแตะกันเฉียดไปมา
ควานลินเลือกหลับตาลงขณะที่ปากเล็ก ๆ ส่งเสียงครางไม่หยุดหย่อนเช่นเดียวกับฟอร์คหนุ่มก็ปลดปล่อยอารมณ์ผ่านเสียงครางในลำคอเช่นกัน ดงโฮก้มมองเค้กชิ้นโปรดก่อนจะขยับถี่รัวเป็นครั้งสุดท้ายปลดปล่อยความต้องการจนเอ่อล้นเต็มช่องทาง
ผ้าห่มผืนหนาถูกเลิกขึ้นมาคลุมตัวควานลินโดยดงโฮ ปวดแสบช่องทางไปหมด ตั้งแต่ที่ร้านจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้พักเลย ดวงตาร้อนผ่าวคล้ายกับจะร้องไห้ แต่ด้วยเหนื่อยเกินไปจึงเลือกที่จะปิดเปลือกตาลงไม่มองหน้าอีกฝ่าย ก่อนที่สติของเขาจะค่อย ๆ ดับวูบไปในที่สุด
ดงโฮกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิมป้องกันความหนาวจากเครื่องปรับอากาศ จูบลงบนแก้มใส ขบกัดเบา ๆ หนึ่งทีก่อนจะปิดเปลือกตาลงเช่นกัน เพราะเขาเองก็เหนื่อยเต็มทีแล้ว ตั้งใจว่าเมื่อตื่นนอนค่อยพาร่างบางไปล้างตัวพร้อม ๆ กัน เผลอ ๆ อาจจะได้กินอีกสักครั้ง
ใช่ เขาตะกละ
แต่ควานลินน่ะหวานเกินไปแล้ว
ดงโฮตื่นขึ้นตอนตีห้าของอีกวัน พร้อม ๆ กับคนข้างกายที่หายไป ร่างหนาลุกพรวดรีบกระชากผ้าห่มออกไปทันที สิ่งเดียวที่คิดอยู่ในหัวมีเพียงไม่กี่อย่าง ควานลินหนีไป โดนเขากินซะขนาดนั้นยังจะมีแรงหนีไปอีกเหรอ จะไปได้ไกลสักแค่ไหนเชียว
ร่างหนาเก็บอาการครุกกรุ่นในใจแทบไม่อยู่ ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้ารวมทั้งกางเกงขึ้นมาสวม คว้ากุญแจรถเตรียมตัวจะออกจากห้อง พลันเหลือบสายตาไปมองบนเตียงกว้างก็ต้องตกใจพบว่าเตียงนอนของเขาเปรอะเปื้อนไปเสียหมด
ตุ้บ
เสียงเหมือนของหล่นในห้องน้ำทำให้ดงโฮต้องละสายตาไปจากเตียงหลังใหญ่ที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เพิ่งจะเป็นสมรภูมิรักของเขากับเค้กรสไวท์ช็อคมาหยก ๆ ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไปหาห้องน้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ ดังออกมาจากห้องน้ำ ดงโฮเปิดประตูเข้าไปเจอร่างบางเปลือยเปล่าพยายามลุกขึ้นยืนอยู่ใต้ฝักบัว มือเล็กปาดน้ำตาออกทิ้งไปอย่างไม่ใยดี เหลือบมามองเขาด้วยสายตาแค้นเคือง
หัวใจของดงโฮกระตุกวูบเมื่อเห็นภาพนั้น
“ พี่ช่วย ” ย่อตัวลงพร้อมช้อนร่างบางขึ้นมา ก่อนจะโดนปัดมือทิ้งแบบลวก ๆ
“ ไม่ต้องมาช่วยผม พี่มันฉวยโอกาส! ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเหมือนคนโกรธ ใช่แหละ ควานลินจะโกรธเขาก็ไม่แปลกนัก ครั้งแรก แถมยังเจอมาหนักแบบนั้น
“ ให้พี่ช่วย เราลุกไหวเหรอนั่น ”
“ ไหวไม่ไหวก็เรื่องของผม พี่มันฉวยโอกาส ทำแบบนี้ได้ยังไง เป็นฟอร์คก็ไม่บอก นี่จ้องจะกินกันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม แกล้งมาทำดีด้วยทำไม ไอ้คนฉวยโอกาส! ”
แขนเล็กทุบตีรัว ๆ ทั้งใบหน้า แขน หน้าอก โดนควานลินทำร้ายหมด ดงโฮได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายทุบตีจนพอใจเพราะเขาผิดจริง มือหนาเกลี่ยน้ำตาออกให้อีกคนอย่างเบามือเมื่อควานลินยอมสงบลงในอ้อมกอดอุ่น
“ ไม่ได้แกล้งทำดีด้วยเลย เอาอะไรมาพูด ”
“ มันไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้องเลย ”
“ ไม่ถูกยังไง ”
“ พี่กับผมไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่ควรเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ” ดวงตาคู่สวยฉายแววสับสน มันก็น่าสับสนอยู่ ตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกันยอมรับว่าเขาชอบร่างบางนี้พอสมควร พยายามเอาใจใส่เกินกว่าเจ้านายและลูกน้อง และมั่นใจว่าควานลินก็คงรู้ว่าเขารู้สึกยังไง
ไม่งั้นก็คงไม่หน้าแดงหูแดงทุกครั้งที่เขาทำดีด้วย
เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ค่อย ๆ ขยับความสัมพันธ์ทีละนิดต่างหาก
เขาตะกละเอง รีบชิงกินน้องทั้ง ๆ ที่ยังไม่เป็นอะไรกัน
“ แล้วต้องเป็นอะไรกันถึงจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ”
“ ผมเจ็บ ”
“ เปลี่ยนเรื่องเก่ง ตอนนี้ก็เป็นแล้วนี่ ”
“ เป็นอะไรของพี่ ”
“ ผัวเมีย ”
ร่างบางยืนค้อนคนโตกว่าไม่หยุดหย่อน ข่วนอีกฝ่ายทุกครั้งที่มีโอกาส สายน้ำเย็น ๆ ชะล้างเหงื่อไคลให้ไหลออกจากร่างกายหลังผ่านศึกมาตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงตอนนี้ คงไม่ถูกสุขอนามัยนักหากจะเข้าไปนอนต่อทั้ง ๆ ที่ยังไม่อาบน้ำ
สะโพกมนถูกอีกฝ่ายประคองให้นิ่งไว้ เมื่อจับลุกยืนขึ้นก็พบว่าควานลินแทบจะทรงตัวไม่อยู่ มือเล็กยันผนังห้องน้ำไว้ตามคำบอกของอีกฝ่าย ก้มหน้าน้อยใจในโชคชะตาตัวเองที่โดนเอาเปรียบแบบนี้ แม้ในใจลึก ๆ ก็รู้สึกดีไม่น้อยอยู่
“ ยกขึ้น ”
“ ฮื่ออ ”
. ความต้องการทั้งหมดถูกนิ้วเรียวกวาดต้อนออกจนหมดไป เนื้อตัวขาวบัดนี้แดงช้ำไปหมดเพราะฝีมือของดงโฮเอง ควานลินยืนอาบน้ำเงียบ ๆ โดยมีดงโฮยืนมองอยู่แบบนั้น ฟองสบู่ถูกน้ำชะล้างออกจนหมด ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ถูกนำมาคลุมทับร่างกายเปลือยเปล่าไม่นานหลังจากนั้นก็ออกแรงยกร่างบางจนลอยหวือในอากาศ จัดการวางลงบนเตียงเบา ๆ
“ อย่าหนีไปขอร้องล่ะ ”
“ ... ”
“ ที่พูดน่ะ ก็เพราะรู้อยู่ว่านายต้องหนีไป ”
เหมือนกับเข้ามานั่งในใจเขาเลย หลังจากวันนี้ควานลินลงเข้าหน้าอีกฝ่ายไม่ติดแล้ว แม้จะไม่ได้เป็นคนเริ่มแต่ตัวเองกลับยอมอีกฝ่าย ขัดขืนไม่มากพอ อายแสนอายหากให้ใครรู้ว่าเขาเองก็ต้องการมัน ถึงได้ขัดขืนพอเป็นพิธีไปแบบนั้น ปล่อยให้มันเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรจะเกิด
แค่รู้สึกดีกับนายจ้างตัวเองก็แย่มากพอแล้ว
เขาเกลียดที่ตัวเองเป็นเค้ก
เกลียดกลิ่นหอม เกลียดรสชาติของตัวเอง
“ ไวท์ช็อคอร่อยจะตาย นายจะเกลียดตัวเองทำไมกัน ”
หนียังไงให้พ้น ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าฟอร์คหนุ่มตรงหน้าเป็นคู่ของตัวเอง
ครบรอบสามเดือนตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ ควานลินต้องกลับไปเรียนเหมือนเดิม ส่วนร้านหนังสือกลับมาสู่โหมดเดิมอีกครั้ง เปลี่ยนพนักงานใหม่มาแทนร่างบางที่เลือกที่จะหายไปจากชีวิตเขา นับตั้งแต่วันนั้นเขาไม่ได้พบร่างบางอีกเลย โทรไปไม่รับ แชทไปไม่ตอบ ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ
แทร็กเพลงถูกเปลี่ยนวนซ้ำจนกลายมาเป็นเพลงเดิมทำให้ดงโฮหลุดออกจากภวังค์ มือหนากดเลื่อนแทร็กพร้อมเร่งเสียงให้ดังขึ้น เนื้อเพลงชวนให้คิดถึงเจ้าเค้กแสนหวานชิ้นนั้นที่หนีเขาไปอย่างไร้เยื่อใย ปล่อยทิ้งให้เขาเป็นบ้าอยู่คนเดียว
ท่าจะบ้าจริง ๆ
ขนาดวันก่อนนั่งกินข้าว ยังอดนึกถึงรสชาติละมุนของไวท์ช็อคไม่ได้ ทำได้แต่แค่นหัวเราะเบา ๆ ให้กับตัวเอง ตลกสิ้นดี ถ้าวันนั้นอดใจไหวสักนิด เขาคงไม่เลือกกินควานลินก่อนแบบนั้นหรอก กินแบบตะกรุมตะกรามจนอีกฝ่ายแทบจะรับไม่ไหว มันก็สมควรที่วันนี้ควานลินเลือกที่จะไม่ติดต่อกับเขา
“ เหม่ออะไรของมึง ”
เสียงกระดิ่งหน้าประตู พร้อม ๆ กับเสียงเพื่อนสนิทที่ดังขึ้น ดงโฮหันขวับไปมองก่อนจะแค่นยิ้มให้เพื่อนเบา ๆ พยักหน้าให้พนักงานมารับช่วงต่อแทนเขา ดันแผ่นหลังเพื่อนสนิทให้เดินตรงไปยังมุมโปรดที่เขากับควานลินมักจะใช้เวลาด้วยกันบ่อย ๆ ช่วงที่สอนงานให้ร่างบาง
“ สรุปก็คือมึงกินก่อนจีบว่านั้น ” น้ำเสียงทุ้มยกขึ้นเมื่อฟังสิ่งที่เพื่อนตัวหนาเล่า ส่ายหัวให้กับความโง่เง่าของเพื่อนตัวเองอย่างเหนื่อยใจ
“ แล้วเขาก็หนีกูไป ”
“ สมควรไอ้โง่ ”
“ นี่กูเครียดอยู่นะ ”
“ โง่ ๆ แบบมึงอ่ะเครียดไปเถอะ อยากคุยก็ไปหา เขาตัดการติดต่อมึงก็ต้องพยายาม ไม่ใช่มานั่งเป็นหมาหงอยอยู่แบบนี้ ไอ้โง่เอ๊ย ”
“ เริ่มจากที่ไหนดี ”
“ มหาลัยน้องเขาไงไอ้ฟายยยยยยยยย ”
รถสีดำเคลื่อนตัวเทียบฟุตบาทภายในมหาวิทยาลัยตามคำแนะนำของเพื่อน ลานนั่งโล่งไร้ผู้คนถ้าให้เดาคงเป็นเวลาเรียน หรือไม่ก็คงเช้าไป ดงโฮรู้ดีว่าที่ไหนที่ควานลินเลือกที่จะไป เด็กนั่นบอกเขาหมดทุกอย่างแหละว่าชอบทำอะไรอยู่ตรงไหน คณะที่เรียน แม้แต่ตารางเรียนควานลินเขาก็รู้ รู้เพราะเด็กนั่นเคยให้เขามา แล้วอะไรดลใจให้เด็กนั่นคิดว่าจะหนีเขาพ้นกัน
ควานลินอยู่ที่นั่น
ร่างบางนั่งคุดคู้ชันเข่าอยู่ที่ม้านั่งตัวริมสุดติดกำแพง อดระบายยิ้มเบา ๆ ไม่ได้ กลิ่นไวท์ช็อคโชยมาแต่ไกล รู้ตัวอีกทีเขาก็จัดการจอดรถจัดการล็อครถพร้อมก้าวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้ว
หนีก็หนี หนีได้หนีไป
เดี๋ยวจะตามกลับมาเอง
ควานลินนั่งชันเข่าพิงกับกำแพง ปิดเปลือกตาลงเบา ๆ เนื่องจากปวดหัว ไม่ได้สังเกตเลยว่าฟอร์คที่ตัวเองหนีมาตลอดหลายอาทิตย์กำลังหย่อนสะโพกลงที่ม้านั่งตัวตรงข้าม
“ ควานลินพี่เอง ”
แม้ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่ควานลินจำน้ำเสียงนั้นได้ดี
คัง ดงโฮ
เขาหนีพี่ดงโฮไม่พ้นเลยจริง ๆ
“ หลิน ๆ ร้านหนังสือที่หลินชอบติดประกาศรับสมัครพนักงานอ่ะ ” เสียงเพื่อนสนิทในกลุ่มเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังเดินเปลี่ยนตึก น้ำเสียงล้อเลียนบวกกับใบหน้าของเพื่อนทำให้รำคาญใจนิดหน่อย เพื่อนเขาน่ะมันรู้ดีเป็นที่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ล้อกันแบบนี้
ส่วนให้เรื่องรับสมัครพนักงานใหม่
เขารู้อยู่แล้ว!!
“ ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นหรอกหลิน หลินชอบร้านนั้นไม่ใช่เหรอ อ่ะ หรือว่าชอบเจ้าของร้านหุ่นหมีคนนั้นกันแน่ ”
“ เงียบนะ! ”
ใบหน้าร้อนฉ่าป่านนี้คงขึ้นสีแดงไปหมดแล้ว หูก็คงแดง เพื่อนสนิทล้อเลียนจิ้มแก้มเข้าไม่หยุด ไม่น่าบอกให้มัรู้เลยว่าเขาชอบ..ชอบร้านหนังสือร้านนั้น
“ ปากก็บอกว่าชอบร้านหนังสือ ที่ไปเพราะอยากคุณเจ้าของร้านไม่ใช่เหรอหลิน รู้นะว่าชอบ ”
รู้ดี
“ ชอบแล้วทำไมเล่า เลิกพูดได้แล้ว มันเขิน ”
ร้านหนังสือในตำนาน ไม่มีใครไม่รู้จักหรอก ควานลินรู้จักร้านหนังสือร้านนี้ผ่านรีวิวในอินเตอร์เน็ตเมื่อสองปีก่อน เขาหลงใหลมันมาก ถึงขนาดหาโลเคชั่นร้านเพื่อไปนั่งจริง ๆ มันเป็นร้านเล็ก ๆ บรรยากาศดี มีที่ให้อ่านหนังสือ และที่สำคัญไปกว่านั้น
คุณคนเจ้าของร้าน
ควานลินยังจำครั้งแรกที่เขาเห็นอีกฝ่ายได้ดี ร่างกายกำยำของอีกฝ่าย ใบหน้าหล่อเหลาเกินใครกว่าที่เคยพบเห็นมา คัง ดงโฮ ในวันนั้นอายุน้อยว่าวันนี้ หล่อเหมือนเดิม จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด
ทุกวันหลังเลิกเรียนเขามักจะหาเวลาสักสิบยี่สิบนาทีเพื่อผ่านไปร้านนั้น และมักจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาทุกที บางวันโชคดีหน่อยก็ได้เจอหน้า บางวันโชคร้ายก็ไม่ได้เจอ แต่ถึงยังไงก็ดีกว่าอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร
อย่างน้อยเขาก็ได้แอบมอง
ทุกการเคลื่อนไหว รอยยิ้มใจดีของอีกฝ่าย มันทำเขาตกหลุมรักจริง ๆ
พอได้เห็นประกาศรับสมัครพนักงานยิ่งแล้วใหญ่ ใจเต้นแรงจนแทบระเบิดเมื่อมองเห็นโอกาสได้ใกล้ชิดอีกคน สามเดือนที่ปิดเทอม ควานลินอยากได้โอกาสนั้น หากโชคไม่ดีพี่ดงโฮไม่รับเขาทำงาน .. แต่ก็ถือว่ายังได้คุยกัน แต่หากโชคดี..มันก็คุ้มเกินคุ้ม
ใครจะรู้ว่า คัง ดงโฮ เป็นฟอร์ค
ใครจะรู้ว่า คัง ดงโฮ จ้องจะงาบเค้กอย่างเขามาตั้งแต่ต้น
หรือบางทีที่ควานลินว่าคังดงโฮเป็นคนฉวยโอกาสจากร่างกายเขาจะผิดทั้งหมด
จริง ๆ แล้วอาจเป็นที่ควานลินต่างหากที่เป็นฝ่ายหาโอกาสก่อน
ใจน่ะมันชอบเขาอยู่แล้ว ถึงได้ขัดขืนพอเป็นพิธีนั่นไง แต่มันก็อดเสียใจไม่ได้ ที่อีกฝ่ายทำเหมือนกับเขาเป็นที่ระบายอารมณ์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาต้องร้องไห้ และปิดการติดต่อจากอีกฝ่าย
แต่หนียังไงก็หนีไม่พ้นจริง ๆ
ร่างบางพาตัวเองขึ้นมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถหลังจากโดนอ้อนกึ่งบังคับ เขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันที่อีกฝ่ายมาตามถึงที่ มันก็คงใจง่ายจริง ๆ นั่นแหละ
บรรยากาศในรถเงียบงัน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศดังเป็นระยะ ร่างหนาหันมามองเขาบางครั้ง ก่อนจะตัดสินใจโฟกัสกับถนนตรงหน้าต่อไป สองมือเล็กบีบเข้าหากันเพราะความเกร็ง ระหว่างเราไม่เคยเงียบขนาดนี้ ตอนทำงานอยู่ที่ร้านเรามักจะหาเรื่องมาคุยกันเสมอ ขนาดบนเตียง..ตอนที่ใกล้ชิดกันมาก ๆ ตอนนั้น มันยังไม่เงียบเลย
เสียงเพลงดังขึ้นเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มจะเงียบเกินไป ควานลินขยับตัวเล็กน้อยระบายความอึดอัดผ่านการถอนหายใจออกเบา ๆ เหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนขับแวบหนึ่งเหมือนมีอะไรจะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า กลืนคำพูดลงคอไปโดยไว
รถยนต์เคลื่อนตัวสู่ลานจอดรถ เครื่องยนต์ถูกดับพร้อมกับแขนแกร่งที่เอื้อมมาปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้ กลิ่นกายอีกฝ่ายที่คุ้นชินเผลอทำให้เค้กอย่างควานลินเห่อร้อนไปทั่วทั้งใบหน้า กลิ่นเหงื่อ กลิ่นน้ำหอม มันเหมือนกับคืนนั้น
มือหนาเอื้อมมาจับไว้ที่แขนเรียว ก่อนจะออกแรงฉุดให้เดินตามไปพร้อมกันเบา ๆ สัมผัสอุ่นบริเวณต้นแขนทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือก นานแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกัน ครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย .. อาการร้อนวูบวาบไม่ได้กินขึ้นแค่เฉพาะใบหน้า ตอนนี้มันกลับลามไปทั้งตัวเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ทำได้แค่เดินตามอีกฝ่ายขึ้นมายังห้องของพี่ดงโฮ ห้องที่เขาเคยมาครั้งหนึ่งตอนที่สติสัมปชัญญะไม่ครบร้อย เสียงประตูปิดลงพร้อม ๆ กับอีกคนที่ก้าวเข้ามาประชิดตัว รั้งร่างบางไว้ในอ้อมกอดเสียแน่นจนแทบจะขยับไม่ได้
“ พี่ทำไรน่ะ ”
“ กอดไง ไม่รู้จักกอดเหรอ ”
มาไม้ไหนอีก
“ ผมหมายถึงว่าพี่พาผมมาที่นี่ทำไมครับ ” น้ำเสียงจริงจังบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังไม่ชอบใจกับการเบี่ยงประเด็นของอีกฝ่ายมากนัก กายที่เคยอยู่นิ่งเริ่มบิดไปมาให้หลุดจากอ้อมกอด แต่ดงโฮแข็งแรงกว่านั้น
“ คิดถึง ”
มีใครบอก คัง ดงโฮ ไหมว่าไม่ควรพูดอะไรแบบนี้
“ ทำไมหนีไปแบบนั้น ลืมไม่ได้เลยรู้ไหม ”
“ ก็ลืม ๆ ไปซะสิ ฟอร์คแบบพี่หากินที่อื่นได้ตั้งเยอะแยะ ” ใช่ ฟอร์คเลือกที่จะกินใครก็ได้นี่ กินตามใจชอบแบบไม่ต้องมาแคร์อะไร ไม่ควรมาแคร์เค้กแบบเขาด้วยซ้ำไป พูดเองก็น้อยใจเสียเอง ดวงตาเริ่มร้อนผ่าวหลังตัดต่ออีกฝ่ายไป
“ ไม่ได้อยากกินเค้กรสอื่น อยากกินไวท์ช็อคน่ะเข้าใจไหม ”
“ ไวท์ช็อคชิ้นอื่นก็มี เยอะแยะออก พี่ไปกินที่อื่นเถอะ ” ไวท์ช็อคก็ไม่ได้มีอยู่ชิ้นเดียวบนโลก ไม่จำเป็นสักหน่อยที่ต้องมาวอแวกับเขา
“ ไม่ใช่ไวท์ช็อคชิ้นนี้ พี่ไม่กินหรอก ”
ร่างหนาย้ำหนักแน่นให้อีกคนเข้าใจสถานการณ์ระหว่างเราตอนนี้ ที่เป็นอยู่เขารู้ดีว่ามันคลุมเครือ ไม่เคยมีอะไรชัดเจนเลยสักอย่าง ขนาดตอนทำงานด้วยกันเราสองคนยังดูเหมือนเจ้านายกับลูกน้องธรรมดาทั่วไป แต่ถึงยังไงเขามั่นใจนี่แหละว่าต้องเป็นควานลินแน่ ๆ
ไวท์ช็อคไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียวบนโลก
แต่ควานลินมีแค่คนเดียวบนโลก
เขาอยากกินไวท์ช็อคที่ชื่อควานลิน ไม่ได้อยากกินไวท์ช็อคชิ้นอื่น
“ พี่คิดถึงควานลิน ”
สัมผัสร้อนเริ่มประทับบริเวณซอกคอ ขบเม้มเบา ๆ เพื่อละเอียดชิมรสชาติหอมหวานของเค้กตรงหน้าด้วยความอ่อนโยน อ่อนโยนกว่าครั้งแรกที่เราได้สัมผัสกัน
“ คิดถึง ”
ปากหยักประกบจูบลงบนก้อนเนื้อนิ่ม ดูดดึงเบา ๆ คล้ายกับจะแกล้งหยอกก่อนจะละออกมาอย่างช้า ๆ แล้วประทับจูบลงไปใหม่ อ่อนหวานจนเกินต้านทาน ร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่าง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกันภายในโพรงปาก รสชาติหอมละมุนยิ่งกว่าเดิมถูกซึมซับอย่างช้า ๆ กวาดต้อนความหวานทั้งหมดจากเค้กร่างบางไปเป็นของตัวเองจนหมดสิ้น
ทั้งหวานทั้งหอม
“ อื้อ คิดถึงเหมือนกัน ”
ร่างบางเปลือยเปล่าถูกดันชิดผนังห้อง ไร้อาภรณ์ปกคลุม ต่างจากครั้งแรกที่มีเพียงผ้ากันเปื้อนผืนเดียว ฟอร์คหนุ่มสำรวจเค้กชิ้นโปรดไปทั่วร่าง โลมเลียร่างบางผ่านสายตา มือหนาคอยปรนเปรอร่างบางให้พร้อม ตั้งใจว่าครั้งนี้จะอ่อนโยนให้มากที่สุด มากกว่าครั้งนั้น
ขาเรียวเกี่ยวกระหวัดไว้กับบั้นเอวกันตก รับรู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายยามถูกกดแทรกเข้ามา เสียงหวานดังกระเส่าข้างใบหูขาวผะแผ่ว เกร็งช่องทางถี่เพราะไม่เคยคิดกับสัมผัส แต่สุดท้ายดงโฮก็พาตัวเองแทรกลึกเข้าไปจนสุด สะกดกั้นอารมณ์ดิบเถื่อนของตัวเองไว้เพราะไม่อยากให้เค้กชิ้นโปรดต้องเสียน้ำตา
“ หวานมากเลย ”
เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นใบทั่วกรอบหน้า แต่ไม่นานก็ถูกปากหยักกดซับให้หายไป ถึงจะผุดขึ้นมาใหม่ดงโฮก็ยังคงทำหน้าดีได้ดี เพราะควานลินน่ะหวานละมุนลิ้นจริง ๆ ขณะที่ช่วงล่างยังคงแทรกกายเข้าหาอีกฝ่ายถี่รัวไม่หยุด
จังหวะรักระรัวแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน เร่งเร่าร่างบางให้รู้สึกมากกว่าเดิมด้วยฝ่ามือ ทั้งสองช่องทางของควานลินถูกปรนเปรอจนจวนเจียนจะระเบิด แผ่นหลังครูดกับผนังห้องยามอีกฝ่ายแทรกกายเข้ามาหา เร่าร้อนเสียจนทนไม่ไหว สูดปากกั้นเสียงร้องไว้แต่สุดท้ายก็ต้องปลดปล่อยมันออกมาเพราะความเสียวกระสันที่มีมากเกินไปผ่านจากการเร่งเร้าพร้อมกันทั้งสองทาง
ร่างกายขาวถูกลิ้นร้อนละเลงจูบไปทั่วทุกสัดส่วน ชิมความหวานจากผิวเนื้อของเค้กชิ้นโปรดไม่รู้เบื่อ เนื้อตัวควานลินเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและหยาดน้ำสีใส ดงโฮกวาดต้อนทุกอย่างมาไว้เป็นของตัวเองอย่างหื่นกระหาย แต่ก็ไม่หนักหน่วงเหมือนครั้งแรกที่ได้สัมผัส
เพราะครั้งนี้ตั้งใจให้ทุกอย่างมันอ่อนโยน
สำรวจร่างบางที่เคลื่อนตัวขึ้นลงอีกครั้ง ควานลินดูดีมากเมื่อไร้อาภรณ์ใด ๆ ปกปิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าตอนมีผ้ากันเปื้อนผืนเดียวคลุมอยู่นั่นก็เซ็กซี่ไปอีกแบบ
จะแบบไหนก็ดีไปหมด
จะแบบไหนก็ปกปิดความหวานละมุนไม่ให้เขาชิมไม่ได้
“ คราวที่แล้วมีผ้ากันเปื้อน คราวหน้าเอาเป็นอะไรดี หูกระต่ายไหม ”
“ อ..ไอ้บ้า ฮื่อ ”
ตั้งใจจะอ่อนโยน ดงโฮทำได้อย่างที่หวัง แต่เขาก็คือเขา ตะกละตะกลามไม่มีเคยพอนั่นคือนิสัยของฟอร์ค(แบบเขา) กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองกินแบบตะกรุมตะกรามมากแค่ไหนก็ตอนที่ควานลินกรีดร้องออกไปเสียงดังพร้อมๆกับความต้องการหนืดแฉะบนกล้ามท้อง
หวาน เค้กไวท์ช็อคก้อนนี้หวานมาก
คัง ดงโฮ ไม่เคยรับรสอะไรได้เลยตลอดยี่สิบห้าปีมานี้ ไม่เคยอร่อยกับอาหารที่กินอยู่
ไล ควานลิน เป็นเค้กที่ทำให้เขารับรู้รสชาติว่ามันละมุนและหวานมากแค่ไหน แม้จะไม่เคยลองชิมเค้กชิ้นอื่น รสอื่น แต่เขามั่นใจว่าควานลินเป็นเค้กที่หวานที่สุดในโลก
เขาว่ากันว่าร่างกายของเค้กหวานไปหมดทุกส่วน ฟอร์คเท่านั้นที่จะลิ้มรสความหวานนั้นได้ ทุกอย่างเป็นจริงดังคำเขาว่า
แต่ถ้าจะให้จริงไปมากกว่านั้น
เค้กไวท์ช็อคที่ชื่อว่าควานลินหวานละมุนมากกว่าเค้กก้อนอื่นบนโลกใบนี้เสียอีก
---------------------------------------------
#crushโฮลิน
เอาล่ะค่ะ เขียนเสร็จล่ะอยากจะกินไวท์ช็อคบ้าง พี่คะ ขอกินหน่อย!! //โดนตบ ปลาทับจัยกับฟีดแบคจ๊นน ต้องรีบปั่นตอนถัดมาเสร็จในวันเดียว เขินจัง ขอบคุณนะคะแง้ กำลังใจดี๊ดี <3 ถ้าเอ็นดูกันฝากส่งหนึ่งกำลังใจได้ที่ #crushโฮลิน หรือคอมเม้นกะด้ายย เลิ้บๆๆๆ.
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หนูรู้กกกก มะด้ายนะ !!!!
ยัยลูก แบบยอมเค้าตลอดดด ใจมันไม่ได้คิดจะห้ามอยู่แล้วนี่นะ
แงงงง รูกขัดขืดพอเป็นพิธี อรุมมมมม
/ตะกละตะกลามเเค่ไหนให้ดูจากหุ่น..... (บ้าหรอ พิเค้าไม่ได้อ้วน!!!)