ตอนที่ 30 : น้องหวาน 5

เจ้าของร่างสมส่วนก้าวลงจากมอไซค์คู่ใจเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีพร้อมโจ๊กหนึ่งถุงขึ้นไปยังหอพัก เหตุผลที่ทำให้อารมณ์ดีผิดปกติคงหนีไม่พ้นเด็กหน้าหวานที่นอนรออยู่ในห้อง เมื่อคืนน้องน่ารักเป็นบ้า ขดตัวร้องฮืออยู่ในอ้อมกอดเขา เหมือนจะไม่ยอมให้กอดแต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรไปมากกว่าการส่งเสียงขู่ฟ่อเหมือนลูกแมว ก็คงจะเป็นลูกแมวที่น่ารักที่สุด
ใครจะว่าบุรินทร์คนนี้เป็นภัยสังคมยังไงเขาก็ยอม จริงอยู่เขาแอบใช้ความเมามาปล้นคำตอบของน้อง คำตอบของคำถามที่เขาเฝ้าหยอดเจ้าเด็กคนนี้อยู่เป็นเดือน ๆ ใครจะด่าว่ายังไงเขาก็ไม่สนใจแล้ว เพราะที่สนก็สนแค่คำตอบของน้องเท่านั้น
บุรินทร์ไม่ใช่คนตื่นเช้า เกลียดการตื่นเช้าเป็นชีวิตจิตใจ แต่ตั้งแต่มีเด็กคนนี้เข้ามาในชีวิต เขาเองก็มองการตื่นเช้าเปลี่ยนไป จากที่ไม่ชอบตื่นเช้าเขาก็ตื่นมามองหน้าเด็กที่หลับปุ๋ยน่าเอ็นดูอยู่บนเตียง เป็นภาพประจำที่มักจะเห็นอยู่ทุก ๆ เช้า เด็กตัวเล็กหน้าตาน่ารักที่ทำให้ทุก ๆ เช้าของบุรินทร์มีความหมาย
พูดไปก็จะหาว่าโอเวอร์
ประตูหอพักเก่า ๆ ถูกเปิดอย่างเบามือโดยเจ้าของห้องอีกคน ค่อย ๆ ดันประตูเข้ามาอย่างช้า ๆ เพราะกลัวจะทำเสียงดังจนปลุกเด็กบนเตียงที่หลับให้ตื่นจากฝันดี บุรินทร์เดินเข้าไปหาร่างบางบนเตียงด้วยรอยยิ้มอบอุ่น มือสากเกลี่ยแก้มใสที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนาไปมา บีบเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มนุ่มอย่างแผ่วเบา สูดดมกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของน้องหวานด้วยยิ้มปนสุข
หอมจริง ๆ เลยคนนี้
สุดท้ายแล้วเขาจำเป็นต้องละออกมาจากร่างบางก่อนที่โจ๊กในถุงที่ตั้งใจซื้อมาให้น้องจะเย็นเสียก่อน ชามและช้อนถูกหยิบออกจากชั้นวาง ก่อนจะจัดการเทโจ๊กใส่ชามและถือมันไปวางตั้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียงน้อง ควันร้อน ๆ จากถ้วยโจ๊กไหนจะกลิ่นหอมของโจ๊กปลุกคนที่หลับอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้นมา
“ อื้ออ หอม ” ทำจมูกฟุดฟิดแต่ก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาดู
“ มอนิ่งครับหวาน ” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างหู มองก้อนเยลลี่นุ่มนิ่มตรงหน้า สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวจนต้องก้มลงไปสัมผัสความนุ่มหยุ่นนั้นอีกรอบ
เรียวปากอิ่มถูกทาบทับด้วยริมฝีปากหยักทำให้เด็กหน้าหวานตื่นขึ้นเต็มตา อาการงัวเงียเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อถูกสัมผัส ปากหยักขบเม้มก้อนเยลลี่นุ่มนิ่มอยู่นานสองนาน ขบเม้มเบา ๆ ก่อนจะดูดดึงอย่างโหยหา จนเขาต้องทุบคนตรงหน้าไปหนึ่งที จนสุดท้ายแล้วร่างหนาก็ยอมละออกจากปากอิ่ม ใบหน้าคมเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป้าหมายไปซุกอยู่ที่บริเวณซอกคอขาว ถูไถไรหนวดแข็งลงกับต้นคอจนจั๊กจี้
“ พ..พอแล้ว ” อาการร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูกเมื่อถูกอีกฝ่ายสัมผัสต่างไปจากเดิม แค่จูบก็ร้อนมากพอแล้ว แต่มาซุกหน้าลงกับต้นคอเขาแบบนี้ บอกเลยว่าไม่ชิน
จะว่าเขินก็ใช่
“ ไม่พอได้เปล่าครับ ”
“ ไม่ชินเลยอ่ะ ฮื่ออออ ”
“ งั้นพี่จะทำบ่อย ๆ หวานจะได้ชินไงโอเคมั้ย ” แค่อยากทำให้น้องชิน ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นจริง ๆ
“ ฮื่อ ไม่เอานะพี่แบค ” ดวงหน้าหวานงอง้ำอย่างคนเอาแต่ใจ แหงล่ะ เขาเสียเปรียบนี่ จะยอมได้ยังไงล่ะ แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าตอนถูกสัมผัสก็แอบเคลิ้มนิดนึง
นิดเดียว!
“ เอา ”
“ ไม่ ! ”
“ โอ๊ย หวานอย่าหยิกพี่ ” ภัยสังคมอย่างบุรินทร์ร้องโอดโอยเสียงดังรั่นเมื่อมือเรียวยื่นมาหยิกเนื้อบริเวณเอว แสบนักนะเด็กคนนี้
“ หวานจะหยิกพี่ให้ตายเลยถ้าคิดลามกอีกอ่ะ ”
“ โอ๋ ๆ ไม่เกรี้ยวกราดครับ มา ๆ กินโจ๊กกัน พี่อุตส่าห์ไปต่อคิวซื้อมาให้ คิวแรกเลยนะรู้เปล่า ” ไม่พูดเปล่าแต่กลับยกถ้วยโจ๊กมาไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย ย้ายถ้วยโจ๊กไปมาจนคนบนเตียงมองตามตาละห้อย ถ้าเห็นไม่ผิดน้องแอบกลืนน้ำลายด้วย
โจ๊กคำแรกถูกตักมาจ่อปาก น้องดูไม่ยอมกินแต่สุดท้ายก็ต้องยอมกินเข้าไป แก้มใสที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อบ่งบอกได้ดีกว่าเจ้าตัวกำลังเขินอายมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นน้องก็ยอมกินจนโจ๊กในชามหมดไปครึ่งหนึ่ง เผลอได้ไม่เท่าไรถ้วยโจ๊กก็ถูกร่างบางบนเตียงคว้าไปถือไว้เสียแล้ว
“ อ้าว แย่งไปทำไม พี่จะป้อนหวานไง ”
“ พี่แบคไม่หิวเหรอ ” ร่างบางเขี่ยโจ๊กในชามไปมาเหมือนกำลังใช้ความคิด
“ หิวครับ แต่เดี๋ยวป้อนเราก่อนแล้วจะไปกินเหมือนกัน ”
“ เอ่อ .. ”
“ หือ ”
“ หวานป้อนมั้ย ”
ร่างบางบนเตียงนอนไม่พูดเปล่าแต่กลับยื่นช้อนมาจ่อไว้ที่ปากของเขา ก้อนเนื้อภายในอกของบุรินทร์กำลังเต้นแรงเหมือนทุก ๆ ที เพียงแต่ครั้งนี้มันแตกต่างจากครั้งก่อน อยากจะบันทึกภาพนี้เก็บไว้ในใจแล้วเอาไปขยายอวดไอ้พวกแก๊งเพื่อนเสียเหลือเกินว่าน้องหวานป้อนโจ๊กเขา
ดห่าสวดฟนสวๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ พี่แบคไม่อยากให้ป้อนเหรอ ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉย ควานลินถึงกับหน้าเสีย ช้อนที่ถูกยกค้างไว้ถูกนำเข้าปากตัวเองแก้เก้อด้วยความเขินอาย
“ ป้อนอีกแบบได้ไหม ”
“ แบบไหนอ่า ”
น้องหวานก็คือน้องหวาน น่ารัก ใสๆ ไม่มีพิษไม่มีภัย และที่สำคัญน้องถูกเขาล่อลวงง่ายเหลือเกิน น้องจะรู้ไหมว่า ป้อนอีกแบบ ที่เขาพูดถึงมันหมายถึงอะไร
ใจไม่ดีเลย
แต่เอาวะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว
“ แบบนี้ไงครับ ”
“ อ..อื้อ ”
ปากหยักทาบทับลงบนริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง ละเลียดชิมรสชาติโจ๊กที่ติดอยู่บนริมฝีปากอย่างแผ่วเบา เรียวลิ้นสากแลบเลียปากอิ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูดดึง ขบเม้มจนบวมแดงไปหมด เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มจูบตอบเบา ๆ จึงส่งเรียวลิ้นไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเล็กอย่างชอบใจ ดูดดึงราวกับว่ามันเป็นเยลลี่ชิ้นโปรดที่กินเท่าไรก็ไม่รู้จักเบื่อ โพรงปากอุ่นหอมหวานยิ่งกว่าอะไร ๆ ไหน ๆ ที่เคยได้สัมผัสมา หวาน หวานสมชื่อน้องหวานจริง ๆ เราจูบกันจนอีกฝ่ายแทบจะหมดลมหายใจ น้ำสีใสไหลย้อยมาจนถึงต้นคอถูกมือสากปาดออกเบา ๆ ละจากปากอิ่มกดจูบซับคราบน้ำสีใสจนขนอ่อนภายในกายของควานลินลุกซู่
“ พอได้แล้ว เยอะไปแล้วพี่แบค ”
“ โจ๊กอร่อยดีนะครับหวาน ”
“ ไม่รู้แล้วววว ”
โจ๊กเจ้าที่อร่อยที่สุดของมอ ยังอร่อยสู้ไม่ได้กับโจ๊กในปากน้องเลยให้ตาย เพราะมันทั้งนุ่ม ทั้งหวาน หวานเสียจนเขาไม่อยากจะละออกมาจากปากคู่นั้นเลยให้ตาย
ใช่ครับ บุรินทร์ภัยสังคมเอง
น้องหวาน
หงุดหงิด
หงุดหงิด
หงุดหงิดฉิบหาย
ทำไมน้องต้องไปใกล้ชิดไอ้อู๋ปีสองขนาดนั้นด้วย รอยยิ้มหวานของน้องที่มักจะยิ้มให้เขาก็ยิ้มให้กับไอ้อู๋เช่นเดียวกัน เห็นแล้วมันหงุดหงิด ความหวงตีรื้นขึ้นมาในอกเมื่อเห็นภาพสนิทสนมของน้องกับอีกคน มือเรียวที่เขาเคยจับบัดนี้กลับถูกไอ้อู๋จับอยู่ไม่ยอมปล่อย
ไอ้นั่นมันกล้าดียังไงมายุ่งกับเด็กของเขา
“ มึงใจเย็น โกรธหน้าแดงแล้วแบค ” ดินแดนเอ่ยปรามเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองกำลังยืนกำมือแน่น จังหวะหายใจที่ไม่ค่อยปกติดูแวบเดียวก็รู้ว่าเพื่อนเขากำลังหึงน้องอยู่
“ มึงดูมัน มันยุ่งกับน้อง ” ใจอยากจะเข้าไปกระชากให้รู้แล้วรู้รอดว่าอย่ามายุ่งกับคนของเขา แต่ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ ในเมื่อคำว่านักศึกษาคุมระเบียบมันค้ำคออยู่
“ กูรู้ แต่มึงสงบสติอารมณ์ก่อนเว้ย ”
“ แม่ง หงุดหงิดว่ะ ”
ไปคุมน้องแข่งกีฬาก็ต้องไป โมโหก็โมโห กลับห้องเมื่อไรมีเคลียร์แน่น้องหวาน
กลุ่มนักศึกษาคุมระเบียบจำนวนสองคน ประกอบไปด้วย บุรินทร์ และมินทร์ พานักศึกษากีฬาสันทนาการไปเชียร์กีฬาบาสเก็ตบอล และแน่นอนหนึ่งในนักศึกษาที่อยู่กีฬาสันทนาการคือน้องหวานของเขา ตอนแปรแถวเขาแอบเห็นน้องส่งยิ้มบางให้ แต่ด้วยความโกรธที่มีบวกกับความโมโหหึงทำให้เขามองข้ามรอยยิ้มที่น้องตั้งใจส่งมาให้ หันไปอีกทีก็เห็นน้องทำหน้าเศร้าเดินอยู่ข้าง ๆ เพื่อนตัวเองที่ชื่อโซ่แล้ว
นักศึกษาปีหนึ่งเดินเรียงแถวตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ควานลินทอดมองเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินเอา ๆ ไม่สนใจเขา เมินรอยยิ้มของเขาตั้งแต่ตอนที่อยู่ลานกิจกรรมแล้ว หัวใจดวงน้อยวูบไหวแปลก ๆ รับรู้ว่าตัวเองเศร้ามาก แต่โซ่กลับชวนคุยทำให้เขาไม่ต้องคิดเรื่องนั้นอยู่ซักระยะ .. แต่ถึงยังไงมันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี
ปีหนึ่งเดินถึงสนามแข่งบาสภายในเวลาสิบนาทีที่กำหนดไว้ไม่ขาดไม่เกิน สันทนาการคณะวิทย์ตั้งแถวเชียร์อยู่ข้างสันทนาการคณะมนุษย์ เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นอันเข้าใจว่าการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สัญญาณเชียร์ของสันทนาการก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน เมดเลย์เพลงแรงถูกร้องขึ้นพร้อมท่าเต้นเข้าจังหวะที่ดูยังไงก็ล่อแหลมและตลกสิ้นดี กลุ่มสันทนาการปีหนึ่งเต้นกันอย่างออกรสชาติประชันกับคณะข้าง ๆ อย่างไม่อายใคร ศักดิ์ศรีของพวกเราชาววิทยาจะต้องถูกจารึก จัม!
บุรินทร์มองภาพนั้นด้วยความตื้นตันใจ รุ่นน้องของพวกเขาเต็มที่กับการเชียร์กีฬามาก มากเกินไป สิ่งที่นักศึกษาคุมระเบียบอย่างพวกเขาต้องการเห็นก็คือความพร้อมเพรียงจากรุ่นน้อง และเหมือนวันนี้รุ่นน้องเหล่านี้ได้พิสูจน์ให้พวกเขาได้เห็นแล้วว่าน้องพร้อมที่จะอยู่ในคณะนี้จริง ๆ
คงเป็นความทรมานอย่างหนึ่งของนักศึกษาคุมระเบียบที่ต้องกลั้นยิ้มกลั้นขำ ท่าเต้นที่ว่าตลกแล้วยังตลกไม่เท่ากับตอนที่นักศึกษาของทั้งสองคณะเต้นประชันแย่งซีนกันอย่างดุเดือด บาสเก็ตบอลในสนามถูกลืมเลือนไปชั่วขณะเมื่อสันทนาการเปิดโชว์ไม่รู้จบ
เมดเลย์เพลงที่สองเริ่มขึ้นหลังจากเพลงแรกใช้เวลาเต้นยาวนานถึงสิบห้านาที บุรินทร์ทอดมองไปยังเด็กหนุ่มหน้าหวานผู้กุมหัวใจของเขา ริมฝีปากอิ่มที่เคยสัมผัสถูกเคลือบไปด้วยลิปสติกสีแดงจนเกินขอบปาก น้องกำลังเต้นอยู่ข้างสนุกสนาน ท่าเต้นน่าเกลียด ๆ ที่ถูกคิดขึ้นมาเมื่อน้องเต้นแล้วยังหาคำว่าน่าเกลียดไม่เจอเลยสักคำ น่ารัก ทำอะไรก็น่ารักไปหมด
น่ารักจนเขาลืมว่า เขากำลังเคืองร่างบางนี้อยู่
ตึง !
เสียงคนล้มทำให้แบคละสายตาจากกลุ่มเด็กปีหนึ่งที่กำลังยืนเต้นอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าน้องหวานล้มลงไปกองอยู่กับพื้นเพราะลูกบาสในสนามลอยมาชนหัวน้องจนน้องล้ม
สองเท้าเตรียมวิ่งเข้าไปหา แต่มือของเพื่อนสนิทอย่างมินทร์กลับแตะลงที่แขนเขาเบา ๆ เพื่อปรามว่าเขาไม่ควรทำ
ใช่ นักศึกษาคุมระเบียบไม่มีสิทธิ์แตะตัวปีหนึ่ง
หากน้องเป็นอะไรต้องรอฝ่ายพยาบาลเท่านั้น
เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดถ้าหากว่าฝ่ายพยาบาลไม่ใช่ไอ้อู๋ปีสอง คนที่เขาโมโหมันหนักหนาตอนมันมาจับมือคนของเขา
เมื่อก้าวเท้าไปหนึ่งก้าว คราวนี้เพื่อนสนิทยื้อแขนเขาไว้สุดแรง และวินาทีนั้นเขาเองก็รู้ได้ว่าบางทีการเป็นนักศึกษาคุมระเบียบมันทำให้เขาเข้าถึงตัวน้องได้ยากกว่าทุกคน อยากเข้าไปหา ไปถามว่าเป็นอะไรมากไหม อยากเข้าไปอุ้มน้องออกมาจากตรงนั้น อยากทำแผลให้ ภาพลักษณ์ของนักศึกษาคุมระเบียบมันก็เหมือนหัวโขนที่เขายังไม่สามารถถอดมันออกไปได้ เหมือนละครฉากหนึ่งที่เขาอยากให้มันจบ แต่ก็ไม่จบลงเสียที
อาการที่อยากทำแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่ต้องการ เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาหงุดหงิด หงุดหงิดไอ้อู๋ที่มันมายุ่งกับน้อง หนำซ้ำยังพาลไปหงุดหงิดน้องที่ไม่รู้เรื่องอะไรอีก
23.00 น.
หอพักชายที่ห้าเงียบสงัดจนได้ยินเสียงแมลงร้อง เสียงรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของบุรินทร์เคลื่อนตัวมาถึงลานจอดรถอย่างเชื่องช้า นี่คงเป็นวันแรกที่เขาไม่อยากกลับหอ ด้วยความที่อารมณ์ไม่ดีกลัวจะหงุดหงิดใส่น้อง แต่ถึงอย่างไรก็คงเลี่ยงไม่กลับหอไม่ได้
บัตรนักศึกษาถูกทาบสแกนบนเครื่องแตะบัตร เสียงปลดล็อคของประตูดังขึ้นเตือน ร่างหนาจึงผลักประตูเข้าหอพักไปอย่างเซ็ง ๆ สองเท้าก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้นพลางใช้ความคิดว่าถ้าหากเจอน้องในห้องเขาจะพูดว่าอย่างไร ไม่ได้โกรธแต่แค่หงุดหงิด หงุดหงิดที่อีกฝ่ายเข้าถึงตัวน้องได้มากกว่าเขา ทั้ง ๆ ที่เขาเป็น ...
ใช่ เขาไม่ได้เป็นแฟนกับน้อง
ร่างบางสะดุ้งขึ้นจากเตียงเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามา ดวงหน้าหวานจ้องเขาพร้อมกับถุงน้ำแข็งที่กำลังประคบอยู่ที่หัวทุย เขามองหน้าหวานของน้องสุดท้ายก็จำใจหันหลังให้เพราะความหงุดหงิดที่มี
ร่างบางไม่เข้าใจอาการที่อีกฝ่ายแสดงออกมาในวันนี้เลยสักนิด แค่วันเดียวเขาก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจเสียแล้ว พี่แบคเมินเขา ไม่เข้ามาวอแวเหมือนอย่างเคย ไม่ยิ้มให้ ไม่ทักทาย ไม่ทำอะไรกับเขาเลย .. ควานลินไม่ชอบอะไรที่มันค้างคา มือเรียววางถุงน้ำแข็งลงกับโต๊ะ หย่อนเท้าลงกับพื้นเพื่อทรงตัวขึ้นแม้ว่าจะค่อนข้างยากลำบากสำหรับเขา อาการมึนหัวเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ สองเท้าก้าวถึงตัวของอีกฝ่ายแต่ถึงอย่างนั้นพี่แบคก็ไม่เห็นมีท่าทีที่จะหันมาคุยกับเขาเลยสักนิด
ทำไมกัน ..
“ พี่แบค ” เสียงทุ้มติดหวานเรียกให้อีกฝ่ายหันมาสนใจตัวเอง แต่กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ร่างหนายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง สองมือยังคงวุ่นวายแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาเมื่อแกะสำเร็จก็โยนมันทิ้งไปต่อหน้าต่อตา
“ ... ”
“ เดี๋ยวซี่ ” ร่างบางคว้าแขนแข็งแรงเมื่ออีกฝ่ายเดินหมุนตัวพร้อมหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมออกจากห้อง และแน่นอนว่าควานลินไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น
“ หืม ”
“ พี่เป็นอะไร ”
“ เปล่า ” โกหก
“ พี่เมินหวานตั้งแต่ในห้องเชียร์แล้ว ที่สนามก็เมินกันอีก L ”
“ ปล่อยก่อนพี่จะอาบน้ำ ”
“ ไม่! ”
“ หวาน ! ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างตกใจเมื่อสองแขนเล็ก ๆ รั้งเขาไว้ในอ้อมกอด แผ่นหลังกว้างแนบชิดกับหน้าอกอีกฝ่ายเมื่อน้องเข้ามากอดจากทางด้านหลัง เขาแอบได้ยินเสียงสะอื้นเล็ก ๆ จากน้อง สัมผัสได้ถึงความชื้นจากแผ่นหลัง
ฉิบหายแล้วบุรินทร์ .. น้องกำลังร้องไห้
“ คนใจร้าย มาทำให้ชอบแล้วทำไมต้องเมินกันแบบนี้ ฮือ ”
เขารีบแกะสองแสนออกทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ หมุนตัวเข้าหาอีกคนดึงร่างบางให้เข้ามาใกล้ สำรวจใบหน้าหวานที่เคยสดใส แต่บัดนี้กลับอมทุกข์
“ หวานอย่าร้องไห้ โอ๋ๆ ”
“ เพราะตัวเองนั่นแหละ! ”
“ พี่แค่หึงหวาน ” ร่างหนาดึงน้องเข้ามากอดเอาไว้ ยอมสารภาพความอัดอั้นตลอดทั้งวันให้น้องได้ฟัง เหมือนความหงุดหงิดที่มีจะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้เห็นน้ำตาของน้อง
“ คนนิสัยไม่ดีปล่อยเลยนะ จะไม่ให้กอดแล้ว ” น้ำเสียงงอแงเหมือนเด็กพูดอู้อี้อยู่บริเวณต้นคอ สองมือเล็กโอบไว้ที่แผ่นหลังกว้าง จิกข่วนระบายอารมณ์ขุ่นหมองผ่านผิวเนื้อของอีกฝ่าย
มันเจ็บ แต่ถ้าน้องหายเศร้า บุรินทร์ก็ยอม
“ ไม่ปล่อยครับ พี่ทำเราร้องไห้ก็ต้องรับผิดชอบ ”
“ งั้นก็บอกว่าซี่ว่าหึงเรื่องอะไร L ทำไมต้องเมินกันขนาดนี้ด้วย ใจร้าย ! ”
วันนี้คงได้รอยแมวข่วนเป็นสิบ ๆ รอยเลย
สุดท้ายบุรินทร์จึงยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องฟัง ตั้งแต่เรื่องที่ไอ้อู๋นั่นมาจับมือน้อง ไอ้อู๋นั่นพยายามเข้าใกล้ชิดน้อง ร่างบางในอ้อมกอดหลุดขำออกมาเป็นระยะ แต่เมื่อถูกสายตาดุ ๆ ของเขาจ้องกลับไปก็ต้องยอมเงียบลง
“ คนขี้หึง ” เมื่อได้ฟังเรื่องราวจบมือเล็กเอื้อมไปหยิกปลายจมูกหนึ่งทีเป็นการลงโทษ ที่แท้ก็หึงเขากับพี่อู๋
“ ก็มันจับมือหวาน ”
“ พี่แบคคนบ้า ก็ร้องเพลงสามัคคีชุมนุมมันก็ต้องจับมือมั้ย! ” หึงอะไรไม่เข้าท่าเลยจริง ๆ เขารู้ว่าพี่อู๋ดูมีใจกับเขา แต่นี่สถานการณ์มันบังคับไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย
“ แหะ ๆ ก็หึงอ่ะ พี่หึงหวาน ”
“ ใช้ไม่ได้เลยยยยยยยยย ”
แล้วไง ถึงจะจับมือร้องเพลงกันแต่มันก็ถือว่าจับมือคนของเขาป่ะวะ ยิ้มร่าขนาดนั้นใคร ๆ ก็รู้ว่ามันชอบน้อง น่ารำคาญจริง เป็นฝ่ายพยาบาลแล้วมาสะเออะยุ่งกับน้อง
ก็หึงอะทำไม
แต่อยากจะหึงบ่อย ๆ อยู่นะ เมื่อกี้ตอนนี้หน้าอกน้องแบบชิดแผ่นหลังเขามันแบบว่าฟกาฟสหาดหดๆๆๆ
“ มานู่นแล้ววววว ไอ้คนขี้หึงเมื่อคืนเป็นไงบ้างครับเล่า ๆๆๆ ” ดินแดนเอ่ยทักด้วยเสียงล้อเลียน เมื่อวานเขาตลกจริงนั่นแหละ หัวร้อนง่ายมาก แค่เห็นคนมายุ่งกับน้องก็ไม่อยากจะทน
นั่นจึงเป็นเรื่องที่ทำให้ไอ้เพื่อนพวกนี้นั่งจับกลุ่มเม้าท์เขาอยู่หน้าห้องภาค
“ เคลียร์กันแล้ว แต่น้องร้องไห้ด้วยว่ะ ” เพื่อนพากันส่ายหน้าทันทีที่ได้ยิน พวกเขาพอจะรู้ว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนหัวร้อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะร้อนขนาดนี้ เมื่อวานมันเดินมาสารภาพกับพวกเขาว่าเมินน้องทำเอากุมขมับเลยทีเดียว
“ ไอ้ควายบุรินทร์เอ๊ยยย มึงมันคนกาก ”
ก็เหมือนเดิมเช่นทุก ๆ วัน ประเด็นในกลุ่มก็คงไม่พ้นเรื่องเขากับน้องที่ถูกหยิบมาพูดยาวระหว่างรอเข้าเรียน ตัวเขาเองก็ได้แต่ปล่อยให้พวกมันเม้าท์ไปเพราะเดี๋ยวก็เลิกไปเอง และก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ส่วนเขาน่ะเหรอ นั่งดูรูปน้องในมือถือเป็นกำลังใจก่อนเข้าเรียน
รูปแรก ..
เป็นรูปน้องนั่งอยู่ในห้องเชียร์ ห้อยป้ายชื่อสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำคณะ ตากลมโตใบหน้าเหลอหลาดูน่ารัก จริง ๆ อะไรที่อยู่บนตัวน้องก็น่ารักหมดแหละ ยิ่งปากนุ่มนิ่มนั่นมัน ดหากฟสวๆๆ
รูปสอง ..
เป็นรูปน้องนอนหลับซุกอยู่กับผ้าห่มผืนหน้าบนเตียงนอนภายในห้องหอ .. เอ่อ หอพัก ของเรา น้องนอนตะแคงขวาใบหน้าด้านหนึ่งซุกลงกับหมอนใบโต ดูแล้วน่าเข้าไปฟัดแบบเมื่อวันก่อน หสาเวหดสๆๆ
รูปสาม ..
เป็นรูปน้องวันที่เจอกันวันแรก ..
ใช่ เขาแอบถ่ายเก็บไว้
แม้จะเห็นเพียงด้านหลังแต่เขาก็จำได้ดีว่านั่นคือใคร รูปถ่ายรูปนี้ถูกตั้งเป็นวอลเปเปอร์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานับหลายเดือนแล้ว ..
“ ไปเว้ย เข้าเรียนได้แล้ว ”
“ ไปกันครับไอ้หมี ยิ้มอยู่ได้กับรูปน้องน่ะ อย่างอื่นอย่าให้กากสิวะ ” แหม ไอ้มินทร์ มึงนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว บุรินทร์แห่งภาควิชาฟิสิกส์ไม่กากแล้วนะครับ กอดก็กอดแล้ว หอมแก้มก็ทำมาแล้ว จูบก็จูบแล้ว
เหลือแค่ ..
เหลือแค่พาไปเจอแม่ คิดอะไร
“ กูไม่กากเหอะฟาย อย่าให้พูด ลุกได้ยัง ” แม้ใจอยากจะสาธยายสิ่งที่เขาทำกับน้องหวานให้เพื่อนฟังเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาไม่กาก แต่ก็ดูไม่เห็นควร ไม่งั้นคงถูกด่าว่ากินในที่ลับแล้วเอามาคายในที่แจ้ง และอีกอย่างเขาแค่ไม่อยากให้ใครมองน้องไม่ดี
สามชั่วโมงผ่านไป ..
เมื่อจบการบรรยายเนื้อหาทั้งหมดที่เรียนในวันนี้ นักศึกษาภาคฟิสิกส์ต่างเดินออกจากห้องเรียนด้วยความเหนื่อยล้า บางคนทำหน้าทำตาจะร้องไห้อยู่รอมร่อ บางคนบ่นหิว ควานลินมองนักศึกษารุ่นพี่ที่เดินออกจากห้องบรรยายของภาคฟิสิกส์ด้วยความเห็นใจ ที่ได้ยินว่าปีสามเรียนหนักเห็นจะจริง สองเท้ายืนเขี่ยพื้นหินอ่อนหน้าห้องไปมา ใบหน้าหวานชะเง้อมองคนข้างในที่เขาตั้งใจมายืนรอตั้งแต่สิบนาทีที่แล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววอีกฝ่ายสักทีจนนักศึกษาทยอยออกไปจนเหลือกลุ่มนักศึกษาเพียงกลุ่มเดียวในห้องบรรยาย
ใช่แน่ ๆ ..
ไม่นานเกินรอ เจ้าของใบหน้าดุดันแต่ใจดีเดินรั้งท้ายยิ้มร่าออกมากับกลุ่มเพื่อนนักศึกษาคุมระเบียบด้วยกัน พี่มินทร์ อิง เจตน์ และพี่รอน มองหน้าเขาแปลก ๆ ก่อนจะหลีกทางให้เห็นคนข้างหลังได้ชัดเจน มองหน้ากันพอเป็นพิธีก่อนจะจับกลุ่มเดินออกไปเหลือทิ้งไว้เพียงแค่เขากับพี่แบคสองคน ..
สองต่อสองสุด
“ มีอะไรกับผมเหรอครับนักศึกษาใหม่ ” ด้วยความที่ตระหนักถึงสถานที่ อาการคีพลุคนักศึกษาคุมระเบียบจึงต้องถูกนำมาใช้
“ อ่า .. พี่บุรินทร์พอจะมีเวลาว่างไหมครับ ”
“ ตอนนี้ก็ว่างครับ คุณมีอะไร ”
“ พอ .. พอดีว่าจะชวนไปทานข้าวน่ะครับ ” เจ้าของใบหน้าหวานเขินอายจนไม่รู้ว่าจะเอามือทั้งสองไปวางไว้ตรงไหน สุดท้ายก็ยกมันขึ้นมาเกาแก้มแดงด้วยท่าทีขัดเขิน
น่ารักโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย น่ารักน่ากินไปหมด
“ ไปดีมั้ยน้า ” ไม่คีพมันละ แม่งเอ๊ย
“ ฮื่อออ ตกลงเร็ว ”
“ จะยอมไปกินข้าวด้วยก็ได้ ”
น้องหวานแอบยิ้มดีใจ แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อได้ยินคำว่า ..
“ แต่ .. ”
“ ข้อแม้เยอะจัง แต่อะไร พูดเร็วๆซี่ หวานหิวข้าว ”
“ อยากเป็นแฟนแล้ว ตกลงมาก่อน ไม่งั้นพี่ไม่ไปกินข้าวด้วยนะ ”
เอาสิ ! ถ้าไม่ยอมเป็นแฟนกัน ก็ไม่ไปกินข้าว พูดจริง!
“ หิวววววววววววว ”
“ ว่าไงครับ ”
“ ฮื่อออ เรื่องเยอะอ่ะ เป็นก็ได้ ไปกินข้าวนะๆๆๆๆ ”
เสร็จโจรล่ะ
“ งั้นเป็นแฟนกันแล้วนะครับ ”
“ อื้อออ เป็นแฟนกัน ” น้องหมุนตัวหนียกมือทั้งสองมาปิดหน้าแดง ๆ ไว้ บุรินทริ์หลุดหัวเราะร่างบางในที่สุด มือหนาคว้ามือเรียวมากุมไว้ ก่อนจะกระตุกให้เดินตามเข้ามาในลิฟต์ของคณะ
ความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาส่งผ่านถึงร่างบางเพียงมือสัมผัสกัน ก้อนเนื้อในอกควานลินเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ พอ ๆ กับใบหน้าหวานที่เห่อร้อนไปหมด กระเป๋าสะพายข้างถูกอีกฝ่ายแย่งไปถือไว้โดยพลการ จะแย่งคืนมาก็ไม่ได้ ได้กลับมาเพียงรอยยิ้มกว้างกับตาหยีๆคู่นั้น ฮึ่ยย คนบ้า!
“ หวานถือเองได้ เอาคืนมานะพี่แบค ”
“ อยากถือให้ ”
“ อ่า .. ”
“ ถือของให้แฟน น่ารักดีป่ะล่ะ ” ไม่พูดเปล่าแต่กลับชะโงกหน้าไปกระซิบอยู่ข้าง ๆ ใบหูขาว
“ ฮื่อออออออออ ไม่รู้แล้วววววววววววว ”
ลิฟต์เปิดออกพร้อม ๆ กับควานลินที่ละลายกองอยู่กับพื้น
ไม่ได้อวยแฟนตัวเอง แต่จะบอกว่าน้องหวานน่ารักที่สุดในโลกกกกกกก
**แถม
เช้าวันเสาร์อากาศไม่ดีเช่นเมื่อวาน สายฝนผิดฤดูกระหน่ำตกลงมาไม่ขาดสายทำให้ไฟทั้งหอดับแต่เช้ามืด บุรินทร์นอนตะแคงอยู่บนเตียงสามฟุตครึ่งในอ้อมกอดมีเด็กหนุ่มหน้าหวานรุ่นน้องที่ตกลงคบเป็นแฟนเขาได้หนึ่งปี ผ่านไปหนึ่งปี น้องหวานก็คือน้องหวาน น่ารัก สดใสเหมือนเดิม เขาอยู่ปีสี่ น้องอยู่ปีสอง ความสัมพันธ์ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกต่อไป ไม่ต้องแคร์ว่าจะมีใครมาพูดถึงความไม่เหมาะสม
มือหนาเกลี่ยไรผมที่ตกลงมาปกปิดใบหน้าหวานที่เขาชอบหนักหนาออกไปให้พ้น ลูบศีรษะทุยอย่างเอ็นดู กระชับผ้าห่มผืนหนาพร้อมอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อป้องกันอากาศหนาวมารบกวนการนอนของร่างบางในอ้อมกอดอีกทั้งยังป้องกันไม่ให้ร่างบางเป็นไข้หนักกว่าเดิม ปากหยักกดจูบลงบนขมับอย่างอ่อนโยน กอดโยกน้องด้วยความรักใคร่
น้องเป็นของเขา
ใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่ง
บุรินทร์ไม่รู้ว่าเราทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันไปได้นานแค่ไหน แต่อย่างน้อยเราก็อยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีเต็ม หนึ่งปีที่เรียนรู้กันมา เขาก็คือเขา ต่อให้ต้องดุใส่ทุกคนบนโลก แล้วยิ้มให้น้องแค่คนเดียว เขาก็ยอมทำ เพราะน้องคือคนพิเศษของเขา ส่วนน้องหวานก็คือน้องหวาน ไม่ได้หวานแค่หน้า ไม่ได้หวานแค่ปาก แต่เมื่อคืนเขาพิสูจน์แล้วว่า น้องหวานไปทั้งตัว J
“ หวานอย่าไปเรียนเลย นอนพักก่อน ” มือหนาแตะลงบนหน้าผากมนเพื่อเช็คอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายที่ดูแล้วน่าเป็นห่วง แต่ร่างบางก็ดื้อดึงจะไปเรียนให้ได้เพราะไม่อยากจะขาดเรียน
แฟนเขานี่รักการเรียนจริง ๆ
“ หวานมีควิซ ไม่ไปไม่ได้จริง ๆ พี่แบค ” คนป่วย(เพราะเขา)พูดด้วยเสียงอ่อนแรง พยายามปรับการหายใจเข้าออกให้เป็นปกติ มือเรียวรับแก้วน้ำจากอีกฝ่ายมาก่อนจะกลืนยาแก้ไข้ลงไปหวังว่าให้มันช่วยลดอาการไข้และอาการปวดเมื่อยตามร่างกายที่กว่าจะหายน่าจะใช้เวลาอีกหลายวัน
“ พี่ขอโทษ ”
“ ฮื่อ ไม่ขอโทษนะ ไม่เป็นไรครับ ”
“ เดี๋ยวไปส่งที่ตึกเรียนนะครับ ”
“ อื้อ มารับด้วยนะครับ หวานไม่น่าจะกลับเองไหว ”
แค่เดินยังยากเลยเหอะ ไม่น่าใจอ่อนเล้ยย!
“ อ้าวเห้ยควานลิน ไม่ได้เจอกันนานเลยยย ” โซ่ เพื่อนต่างภาควิ่งมาทักเขาด้วยความดีใจ นึกได้ว่าไม่ได้เจอกันนานแล้วตั้งแต่หกเดือนก่อน ด้วยภาระการเรียนที่หนักอึ้ง และเรียนต่างสาขาวิชากันทำให้ต้องห่างหายจากการเจอหน้ากันไปพักใหญ่ แต่เขากับโซ่ก็ยังคุยแชทติดต่อกันตลอด
“ คิดถึงโซ่อ่ะ อ้วนขึ้นป่ะ ”
“ มะเหงกแหน่ะ ”
เราพูดคุยกันนานพอสมควรจนต้องหาโต๊ะแถวนั้นนั่งพูดคุยกัน โซ่ก็คือโซ่ ตาไวเสมอ มือเรียวเอื้อมไปเปิดคอเสื้อเพื่อนเมื่อเห็นรอยช้ำจ้ำแดงบริเวณต้นคอขาวของเพื่อน
“ เห้ย ไปโดนอะไรมาอ่ะ ”
“ เอ่อ .. ” เหมือนน้ำท่วมปาก พูดไม่ออกทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามจากอีกคน
“ รอยเหมือน ... ” เด็กหนุ่มจากภาควิชาชีวเคมีกระชับแว่นหนาเตอะ หรี่ตาลงเพื่อจับพิรุธของเพื่อนตรงหน้า แต่ทันใดนั้นเอง ..
“ หวาน พี่มารับแล้ว ”
เสียงทุ้มของชายหนุ่มรุ่นพี่ที่บัดนี้ยืนคร่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจอยู่ขัดจังหวะการพูดคุยของคนสองคน ควานลินปัดมือเพื่อนออกไป ลากกระเป๋าบนโต๊ะมาสะพายไว้ที่หลัง หันไปบอกลาเพื่อนก่อนจะเดินไปหาแฟนหนุ่มด้วยความเร่งรีบเหมือนกลัวโดนจับได้
แต่เหมือนร่างบางจะไม่รู้ว่าท่าทีรีบๆลนๆคือคำตอบของประโยคคำถาม
รอยช้ำที่ต้นคอ ท่าเดินขัด ๆ นั่น ... แหมมม ไม่รู้เลยเนาะว่าเป็นอะไร
“ พี่แบคคคคค ” โซ่ตะโกนเรียกแฟนเพื่อนด้วยน้ำเสียงอ้อนบาทา
“ ไรมึง ”
“ ไม่อ่อนโยนเหรอพี่ เพื่อนผมช้ำหมดแล้วอ่ะ ”
“ อ่อนโยนที่สุดแล้วโว้ยยยย โอ๊ย! หวานอย่าทุบพี่ ” ร่างหนาบนมอเตอร์ไซค์กระตุกยิ้มร้ายได้ไม่นานสุดท้ายก็เปลี่ยนมาร้องเสียงหลงเมื่อมือเล็ก ๆ ทุบเข้าที่หลังอย่างจัง
“ ขับรถดี ๆ ครับพี่ ”
“ เจอกันเว่ย ”
โซ่มองชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เขาปลื้มหนักหนากับเพื่อนตัวเล็กที่เอาแต่ซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างด้วยรอยยิ้ม แอบดีใจที่เพื่อนตัวเองได้รับความรักและได้รับการดูแลอย่างดี เขารับรู้มาตลอดตั้งแต่คนทั้งคู่เริ่มคบกัน รู้มาตลอดว่าทั้งคู่พยายามปิดเรื่องนี้เป็นความลับเพราะเกรงว่ามันจะกระทบต่อหน้าที่ของคนที่โตกว่า แต่พอมาเห็นวันนี้ .. วันนี้เพื่อนของเขากับรุ่นพี่ที่นับถือไม่ต้องปกปิดมันอีกต่อไป เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยินดีกับความรักของคนทั้งคู่
คอยดูนะตำนานรักพี่ว้ากกับน้องปีหนึ่งหน้าหวานของคณะวิทยาศาสตร์จะต้องเลื่องลือไปตราบนานเท่านานด้วยฝีมือของเขาเอง !
เปิดเวิร์ดแปบ
บุรินทร์ภาคฟิสิกส์ไม่กากแล้วนะครับ :P
THE END
------------------------------------------------------------------
#crushโฮลิน
จบอย่างที่ต้องการทุกอย่าง กี๊ด แม่ ๆ น้องหวานเชิญทุบพี่บุรินทร์ได้ / - \
จะบอกว่าซุ่มแต่งตอนใหม่ - Bloom อยู่ค่ะ (อินเพลงใหม่ทรอยมาก แต่งมาสิบกว่าวันแล้ว5555)
จะลงภายในไม่กี่วันนี้ ยังไงฝากติดตามด้วยนะต้ะ
ถ้าเอ็นดูกัน เชิญได้ที่ #crushโฮลิน หรือคอมเม้น เยยนะคั้บ เลิ้บ!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฮือออออพี่บุรินโคตรๆๆๆๆๆคนบ้าอะ มาจะจูบปลุกแบบนี้ได้ไง ลูกเค้ามีพ่อมีแม่เด้ออออ อิจๆๆ TT TT น้องหวานหอมมากมั้ยถามจึงงงงงงงงงงงงงงงงงง หมั่นไส้ละเกินพอได้แตะแล้แตะใหญ่เลย เขินฉากป้อนโจ๊กมากเวอร์ ชอบที่น้องหวานถามว่าหวานป้อนมั้ยยยแง้ๆ ทำไมฉันต้องมาเขินกับฉากยิบย่อยนัวๆแบบนี้ ป้าดดด พออ่านถึงฉากป้อนโจ๊กด้วยปากละแบบบบ ฮืออออออออออออออออออ จะเป็นบ้าอะ นั่งยิ้มคนเดียวตอนเกือบจะเที่ยงคืนนี่นะ บ้าไปละ อยากหลับกลางอากาศ ตอนพี่แบคงอนน้องคืออิตาบ้ามากกก อย่าทำน้องเสียใจดิ เธอเกือบจะกินลูกเราแล้วต้องดูแลหัวใจน้องด้วยมีไรคุยกัน ตอนน้องหวานง้อคือใจอ่อนมาก เหมือนดึงพระอาทิตย์มาใกล้หัวใจ ละลายหายไปหมดอะ
พี่แบคหึงน้องเพราะร้องเพลงสามัคคีชุมนุม ว้อยยย อิตาบ้าาา 5555555555555 ขี้หึงขนาดนี้ควรม้วนน้องเข้าปากแล้วกลืนเลยอะ คือบั่บบบบบบบบบ หนึ่งปีผ่านไปถึงได้กันน พี่แบคค ไหนบอกไม่กากกก แต่ของแบบนี้ต้องใช้เวลา ฮืออ ลูกแม้ เป็นของเขาแล้วสินะลูก ฮืออ เขิน ทำไมพี่แบคไม่อ่อนโยนอะะะ เพ่อนรู้เลยว่าถึงไหนกันแน้ววว แง้ เขินน คืนนี้จะนอนยังไง ตอนนี้อ่านแล้วอยากมีผัวอะ อยากมีคนปลุกตอนเช้า อยากมีคนซื้อโจ๊กมาให้กินน
น้องโซ่ ทำไมคะจะเปิดเด็กดี หรือพันทิพ555555