ตอนที่ 22 : may we meet again
May we meet again
เมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง
หวังว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง
J
ร่างบางบนเตียงพยาบาลเริ่มรู้สึกตัวทีละนิด ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างยากลำบาก สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องสีขาว กลิ่นอายของความเป็นโรงพยาบาลเริ่มเด่นชัดขึ้นทันทีที่สติสัมปชัญญะเริ่มกลับมา แม้จะไม่เต็มร้อยมากนักแต่เจ้าตัวเองคงรู้ดีว่าที่นี่คือที่ไหน ผ้าม่านสีครีมถูกปิดไว้เพื่อบดบังแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องป้องกันการรวบกวนร่างบางที่นอนป่วยอยู่บนเตียง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีแสงเล็ดลอดเข้ามาได้อยู่ดี
ไม่มีใครอยู่ในห้อง
ตอนนี้เหลือเพียงแต่เขาคนเดียวเท่านั้น
เพียงแค่ขยับกายก็ร้าวระบมไปทั้งตัว แม้จะต้องเผชิญกับอาการเหล่านี้สักกี่ครั้งควานลินเองก็ไม่อาจจะทำใจให้ชินได้ ทุกอย่างมันทรมานไปหมด ทั้งเจ็บ ทั้งปวด ใจหนึ่งก็คิดอยากลาโลกนี้ไปให้รู้แล้วรู้รอด อีกใจหนึ่งก็อดนึกเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างหลังไม่ได้ ถ้าหากเขาจากไป .. ป๊ากับม๊าจะอยู่ได้อย่างไร
แต่การรั้งเขาไว้ก็ดูเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวเช่นกัน เพราะควานลินยังไม่เห็นเหตุผลสักเหตุผลที่จะทำให้เขาอยู่ต่อไปสักนิด เหตุผลร้อยแปดที่ป๊ายกขึ้นมาพูดกับเขาก็ยังดูใช้ไม่ได้อยู่ดีเพราะสุดท้ายแล้วเหตุผลมากมายเหล่านั้นมันก็หมายความว่าป๊ากับม๊าต้องการให้เขาอยู่ต่อไป บางทีควานลินเองก็ไม่เข้าใจสักเท่าไร
ใครจะรู้...ว่ามันทรมานเหลือเกิน
การใช้ชีวิตในโรงพยาบาลไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก ไม่ได้พบเจอเพื่อน ไม่ได้พบเจอคนรู้จัก วัน ๆ เห็นแต่หน้าหมอและพยาบาล หลับไปพร้อมกับฤทธิ์ยา ตื่นมาเพราะความเจ็บปวด เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของป๊ากับม๊า แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย ... ไม่ได้เลยสักนิด
โรคที่ไม่มีวันรักษาหาย ... โรคที่ต่อให้ยื้อไว้เท่าใด วันหนึ่ง ไล ควานลิน ก็ต้องไปอยู่ดี ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพียงแค่ซื้อเวลาเท่านั้น ควานลินรู้ดีและพร้อมที่จะจากไปอย่างสงบ แต่มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับป๊าม๊าพอสมควร
“ ผมไปนั่งพักผ่อนที่สวนได้ไหมครับคุณหมอ ” เสียงทุ้มเอ่ยถามคุณหมอในชุดกาวน์สีขาวสะอาดที่เดินเข้ามาพร้อมพยาบาลเพื่อตรวจเช็คอาการของร่างบางหลังจากตื่นนอน คุณหมอวัยกลางคนยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นคำตอบว่าเขาสามารถไปได้ ควานลินยิ้มกว้างออกมาอย่างเปิดเผย หันไปทางป๊าม๊าเพื่อขออนุญาตแต่ที่ได้เห็นคือสีหน้าเป็นกังวลจากพวกท่าน
“ ให้ควานลินออกไปสูดอากาศบ้างเถอะครับ ผมรับรองว่าจะไม่เป็นอะไร ”
นานแล้วที่ไม่ได้ออกมาสูดอากาศ นานแค่ไหนควานลินเองก็จำไม่ได้ ชีวิตที่ต้องอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมเดิม ๆ เฟนิเจอร์เดิม ๆ ผ้าม่านสีเดิม ๆ รายการทีวีโง่ ๆ มันไม่ใช่ชีวิตที่ดีเท่าไรนัก อยู่ข้างนอกเขารู้สึกเป็นอิสระ ควานลินชอบสายลมเย็น ๆ แสงแดดอุ่น ๆ กลิ่นของอิสรภาพเป็นอย่างนี้นี่เอง
ใบหน้าหวานแหงนมองขึ้นบนท้องฟ้าสีเข้มที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ของวันเริ่มจะเลือนหายไป ลมเย็น ๆ ปะทะเข้ากับใบหน้าจนผมปลิวลู่ไปตามลม มองเห็นกลุ่มนกที่พากันบินกลับรังอย่างเป็นระเบียบ รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปากบางสีซีดเซียว
หากควานลินมีปีกแบบนั้น .. เขาจะสยายปีกให้กว้างเท่าที่ทำได้แล้วโบยบินออกไปตามใจนึก
ความสบายใจทำให้ร่างบางลืมอาการเจ็บปวดทางกายไปจนหมดสิ้น มือเรียวแตะกิ่งไม้ที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามแรงลม สวนหย่อมสำหรับผู้ป่วยตอนนี้มีเพียงสายลมเอื่อย ๆ โอบกอดร่างบางของควานลินเอาไว้ ไม่ได้รู้สึกเย็น แต่กลับรู้สึกอบอุ่น .. อบอุ่นเสียยิ่งกว่าตอนที่ห่มผ้าห่มผืนหนาเสียอีก
ตุ้บ !
เสียงอะไรบางอย่างเรียกความสนใจจากร่างบางให้ละสายตาไปจากใบไม้ที่กำลังปลิวไหวไปกับสายลม เสียงเหมือนอะไรสักอย่างร่วงลงกับพื้นทำให้ร่างบางพยายามเดินหาที่มาของเสียงนั้น
และสุดท้ายก็ได้พบว่า .. ไม่ได้มีแต่เขาเพียงเท่านั้นที่อยู่ภายในสวมหย่อมแห่งนี้
ชายร่างสมส่วนที่ล้มอยู่กับพื้นพร้อมเสาน้ำเกลือพยายามยันตัวเองขึ้นจากพื้น แต่ด้วยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อครู่พร้อมกับอาการป่วยที่ต้องเผชิญทำให้ไม่สามารถยันตัวขึ้นจากพื้นได้หากไม่มีคนช่วย เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าหวานก้าวเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง ลากเสาน้ำเกลือเดินตามไปด้วย ก่อนจะย่อตัวลงเพื่อประคองชายหนุ่มผู้ซุ่มซ่ามให้ลุกขึ้นจากพื้นด้วยสายตาเป็นห่วง
“ มาครับ ให้ผมช่วยคุณนะ ”
“ ขอบคุณครับ ”
ม้านั่งในสวนปรากฏเด็กหนุ่มร่างบางกับชายร่างใหญ่นั่งอยู่ด้วยกันพร้อมเสาน้ำเกลือ คงไม่ต้องถามว่าแต่ละคนเป็นอะไรถึงได้พาตัวเองมาอยู่โรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะสามในสี่ของผู้ป่วยโรงพยาบาลนี้คงมีแต่คนที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายเท่านั้นแหละ .. โรคที่ทำให้ชีวิตพวกเขาสั้นลง
“ ผม ไล ควานลินครับ ”
“ คัง ดงโฮครับ ”
นั่นคือครั้งแรกที่เขาทั้งคู่ได้พบกัน ..
โลกของควานลินสดใสขึ้นนับจากวันนั้น ทุก ๆ วัน ควานลินใช้ชีวิตเพื่อรอวันจันทร์ พุธ และศุกร์ วันที่เขาจะได้พบเจอกับอีกคน วันที่คุณหมออนุญาตให้เขาออกมาสูดอากาศข้างนอกได้ สามวันในหนึ่งสัปดาห์ที่มีความหมายสำหรับคนทั้งคู่ วันเวลาหมุนเลยผ่านจากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน จากเดือนเป็นสองเดือน จากสองเดือนเป็นสี่เดือน
.. ทั้งคู่รู้จักกันได้สี่เดือนแล้ว ..
“ คุณดงโฮครับ คุณไม่หนาวหรือ ” คนเด็กกว่าเอ่ยถามชายหนุ่มหน้าดุแต่ใจดีที่หยิบยื่นผ้าห่มผืนหนาให้กับเขาด้วยหน้าตาสงสัย อีกฝ่ายหย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่งตัวเดิมที่พวกเขาพบเจอกันในครั้งแรก
“ หนาวครับ ” ดงโฮส่งยิ้มบางให้กับควานลิน ขยับกายเข้ามาชิดร่างบางจนรับรู้ได้ถึงไออุ่นของอีกฝ่าย
“ แล้วผ้าห่มนี่ ? ” เหมือนควานลินจะยังไม่เข้าใจ
“ ผมก็จะห่มกับคุณไงครับคุณควานลิน ”
อากาศยามดึกเย็นกว่าตอนกลางวันจนเด็กหนุ่มเจ้าลงร่างบางห่อไหล่เพราะความหนาว ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกกางออกคลุมร่างทั้งคู่ไว้ ควานลินเอนศรีษะพิงกับไหล่แกร่งโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตอะไรใด ๆ เจ้าของไหล่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธเด็กหนุ่มมีเพียงรอยยิ้มบาง ๆ ที่ส่งมาให้ยามที่ควานลินช้อนตามองเพียงเท่านั้น
“ ผมกอดคุณได้ไหม ควานลิน ”
“ ก็กอดสิครับ ”
มือหนาทั้งสองข้างถูกนำมาโอบกอดร่างบางไว้ ส่งผ่านความอบอุ่นจากตนไปถึงอีกฝ่าย ดงโฮสูดกลิ่นกายหอมของควานลินเข้าเสียเต็มปอด กดจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มนิ่มกอดโยกไปมา
ทุกอย่างระหว่างดงโฮและควานลินเริ่มต้นขึ้นเมื่อสี่เดือนก่อน ควานลินเป็นคนน่ารัก ยิ้มเก่ง อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ส่วนดงโฮเองก็ดูมีอารมณ์ขันกว่าที่ควานลินคิดไว้ ดูเป็นผู้ใหญ่ และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน ทั้งคู่ตกลงกันไว้ว่าทุก ๆ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ต่างฝ่ายต่างต้องเล่าเรื่องของตัวเองให้อีกคนฟัง แม้เรื่องที่เล่ามันจะไม่ใช่เรื่องตลกอะไรเลย ออกจะเป็นเรื่องประหลาดๆ มุกฝืด แต่นั่นทำให้ทั้งคู่เริ่มรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น จากรู้จักเปลี่ยนเป็นชอบ จากชอบเปลี่ยนเป็นรัก
คนเราสามารถรักใครคนนึงภายในระยะเวลาสั้น ๆ นี่ได้จริงหรือ ? สำหรับคนที่มีเวลาเหลือทั้งชีวิตเช่นคนปกติคงจะตอบว่าไม่มีทาง แต่ไม่ใช่สำหรับดงโฮและควานลิน เวลาชีวิตเหลือน้อยลงทุกที ระยะเวลาสี่เดือนคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากต่างฝ่ายจะรู้สึกรักกันมาก
“ ผมอุ่นจัง ”
“ ผมก็อุ่น อยากกอดคุณไปนานๆเลย ควานลิน ”
“ คุณจะกอดผมนานเท่าไรก็ได้ นานเท่าที่คุณต้องการ ตลอดกาลยังได้เลยครับ ”
“ เราต่างรู้ว่ามั- ”
เสียงของดงโฮหายไปเมื่อปากหยักถูกทาบทับด้วยริมฝีปากอวบอิ่ม สัมผัสอุ่นร้อนบนริมฝีปากสร้างความรู้สึกวูบวาบให้กับทั้งคู่ ก่อนที่ควานลินจะผละออกไปอย่างเร็วดงโฮความหมับที่ต้นคอสวยกดริมฝีปากแนบลงไปอีกครั้งหยอกล้อกับกลีบปากแสนหวานอยู่นานจนพอใจและเป็นฝ่ายถอนจูบออกมาเอง
“ คุณมันขี้โกงดงโฮ ”
“ คุณเริ่มก่อนนะควานลินอา ”
ใบหน้าสีซีดถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดงถูกซุกลงบนไหล่ของเขา ดงโฮมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู โอบกอดร่างบางไว้ด้วยความรัก กระชับอ้อมกอดพร้อมผ้าห่มผืนหนาเพื่อกันอากาศเย็นเล็ดลอดเข้ามา
“ คุณเห็นดาวไหมควานลิน ” เอ่ยถามร่างบางพร้อมเงยหน้ามองข้างบนจนอีกคนเผลอมองตามอย่างอดไมได้
“ เห็นครับ เต็มไปหมดเลยคุณดงโฮ ”
“ คุณสวยกว่าดาวพวกนั้นอีกรู้ตัวไหม ” ไม่พูดเปล่าแต่กลับใช้มือชี้ไปชี้มาพร้อมจ้องลึกเข้ามาในตาของควานลินกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมส่งยิ้มอบอุ่นให้
“ คุณมันคนขี้โม้ ผมเป็นผู้ชาย ผมจะสวยได้ยังไง ”
“ ไม่รู้ล่ะ แต่คุณสวยจริง ๆ นะควานลิน ”
“ ฮื่อ พอแล้ว ผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะ ”
ดงโฮหัวเราะกับท่าทีขัดเขินของคนเด็กกว่า ควานลินเขินเขาเองรู้ดี เขาเองก็เขินเหมือนกันเพียงแต่ว่าเขาสามารถซ่อนอาการได้เก่งกว่าเท่านั้นเอง ควานลินคงไม่ได้สังเกตว่าหูเขาแดงมากแค่ไหน
“ รู้ไหม ผมน่ะ ... ”
“ รักคุณนะควานลิน ”
เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูอย่างอบอุ่นพร้อมอ้อมกอดที่ถูกกระชับแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม สายลมเย็น ๆ ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่รู้สึกหนาวอีกต่อไป ในมือต่างฝ่ายต่างมีอ้อมกอดของกันและกันเป็นเสมือนผ้าห่มกันหนาวชั้นดีเยี่ยม
“ ผมก็รักคุณนะครับ คุณดงโฮ ”
.. ความรู้สึกที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นสวนทางกับเวลาที่น้อยลงทุกที ..
น้ำตาของควานลินไม่ใช่สิ่งที่ดงโฮปรารถนา ควานลินบนเตียงพยาบาลนอนดิ้นไปมาเพราะความเจ็บปวด ข้อเท้าแล้ะข้อมือถูกยึดไว้กับเตียง ดงโฮมองภาพนั้นด้วยความสงสารจับใจ เขาเคยผ่านมันมาเมื่อเดือนก่อน เขารู้ดีว่ามันทรมานขนาดไหน ทำได้เพียงกุมมือบอบบางนั้นไว้ จูบลงบนกลุ่มผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ คราบน้ำตาบนใบหน้าหวานถูกซับออกด้วยปากหยัก
“ ผ่านไปด้วยกันนะควานลิน ”
คำพูดธรรมดา ๆ กลับทำให้ควานลินหายเจ็บปวดไปชั่วขณะ ความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกอุ่นซ่านแผ่ไปทั่วร่างกาย สัมผัสบนหน้าผากและแก้มช่วยคลายความเจ็บปวดได้อย่างดี คังดงโฮเปรียบเสมือนยารักษาโรคที่ดีที่สุดในเวลานี้
“ ฮึก อยู่กับผมนะ .. ผมรักคุณ ”
“ ผมจะอยู่กับคุณครับ รักคุณนะควานลิน ”
ควานลินหลับไปแล้ว มือเรียวยังกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป ดงโฮเฝ้าควานลินจนหลับไปก่อนจะถูกพาตัวกลับไปยังห้องพักดังเดิม
หากเลือกได้ดงโฮคงอยากให้ทุกอย่างที่พวกเขาเป็นอยู่ตอนนี้เป็นแค่ความฝัน เขาอยากใช้ชีวิตอยู่กับควานลินอย่างคนปกติทั่วไป อยากพาไปเที่ยว อยากกุมมือ อยากทำอะไรมากมายที่ยังไม่เคยได้ทำด้วยกัน
.. แต่เวลากำลังจะพรากดงโฮและควานลินออกจากกัน ..
มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
“ ดงโฮ .. คุณหน้าซีด ” ร่างหนาพิงศีรษะไว้ที่ไหล่ลาด หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน รับรู้ได้ด้วยร่างกายว่าอาการกำลังทรุดลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่อยากให้คนรักไม่สบายใจจึงทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ ปกติน่า คุณไม่ต้องห่วง ”
“ ไม่ ! กลับห้องกันนะดงโฮ ” สีหน้าของควานลินฉายแววกังวล คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะกอดร่างหนาที่โงนเงนไปมาราวกับคนที่ไม่ได้สติเอาไว้
“ แต่ผมอยากอยู่ที่นี่ .. กับคุณ ” เสียงทุ้มขาดหายไปขณะที่กำลังพูดประโยคสุดท้ายออกมา
“ ฮึก ไม่นะ !! ดงโฮอย่าหลับ ใครก็ได้ช่วยผมด้วย ”
เมื่อความตายเริ่มใกล้เข้ามาเรามักจะรู้สึกว่ามีหลายสิ่งที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำเยอะแยะไปหมด แต่สำหรับ ไล ควานลิน สิ่งเดียวที่เขาอยากทำตอนนี้คือการมีดงโฮอยู่ข้าง ๆ ด้วยกันนานเท่าที่จะนานได้ อย่างน้อยก็แค่ในตอนนี้ .. ในตอนที่พวกเขายังสามารถอยู่ด้วยกันได้
ร่างบางนอนบดเบียดอยู่บนเตียงเดียวกันกับชายคนรัก กอดอีกฝ่ายไว้แน่นจนดงโฮหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางลูบหัวไปมาด้วยความเอ็นดูปนรัก ทั้งอยู่ย้ายกลับมาอยู่บ้านตัดสินใจยุติการรักษาทั้งหมดลงเพียงเท่านี้เพราะต้องการใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายด้วยกันโดยที่ไม่ต้องเจ็บปวดอะไร
ไม่มีเข็มฉีดยา ไม่มีเสาน้ำเกลือ ไม่มีเตียงพยาบาล
มีเพียงเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน
“ การได้พบคุณมันเหมือนฝันเลยรู้ไหมครับควานลิน ”
“ ปากหวานเกินไปแล้วนะครับ ”
คำพูดของดงโฮแต่ละคำช่างดูหวานเลี่ยนเหมือนคนที่หลุดออกมาจากยุคสมัยเก่า แม้จะต่อว่าอีกฝ่ายเป็นประจำแต่ควานลินกลับชอบประโยคพวกนั้นมาก ถึงจะดูเก่าและโบราณแต่มันก็ช่วยให้จิตใจของเขาพองโตทุกครั้งที่ได้ยิน
“ ดีใจที่ได้เจอคุณนะควานลิน .. ที่รักของผม ”
“ ดีใจมากๆๆๆๆๆกว่าที่ได้เจอดงโฮนะ ”
จูบของเราเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านมาเนิ่นนาน รสชาติหอมหวานที่คุ้นเคยถูกมอบให้กันครั้งแล้วครั้งเล่า สัมผัสชื้นแฉะบนริมฝีปากสร้างความอุ่นวาบไปทั่วร่าง ใบหน้าร้อนผ่าวของควานลินเต็มไปด้วยความขัดเขิน แก้มนุ่มหยุ่นสองข้างถูกประคองโดยฝ่ามือหนา ปากหยักละจากกลีบปากบางก่อนจะไล่ขึ้นไปจูบเบา ๆ ที่เปลือกตา จมูกโด่ง แก้มทั้งสองข้าง คางสวย และมาหยุดอยู่ที่กลีบปากสีเชอร์รี่อีกครั้ง
“ ดงโฮ อื้อ ”
“ รู้แล้วครับคนดี ”
ครั้งแรกที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง ครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกันแบบนี้ แม้จะเต็มไปด้วยความทุลักทุเลมากมาย แต่มันจะเป็นครั้งแรกที่ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของทั้งควานลินและดงโฮว่าทั้งสองต่างรักกันมากแค่ไหน
“ ผมไม่ให้คุณไปไหนนะดงโฮ ”
“ ผมก็ไม่ให้คุณไปไหนเหมือนกันควานลิน ”
โอบกอดกันให้เหมือนว่าเป็นครั้งสุดท้าย ทุก ๆ วันนี้ที่อยู่ด้วยกันมันก็ดีมากอยู่แล้ว มีบางครั้งที่ครอบครัวต่างฝ่ายต่างแวะมาดูความเรียบร้อยพร้อมจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้ การได้เห็นหน้าครอบครัวที่รักพร้อมคนที่รักอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ช่วงชีวิตสุดท้ายของดงโฮและควานลินจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคนทั้งคู่
“ ผมเคยคิดว่าอยากไปซะให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนั้นน่ะผมไม่เจอเหตุผลที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่อีกต่อไปเลยสักนิด ”
“ แล้วตอนนี้คุณเจอเหตุผลนั้นยัง ”
“ เจอแล้ว คุณไงดงโฮ คุณคือเหตุผลที่อยากให้ผมอยู่ต่อ ”
“ … ”
“ ฮึก ตอนนี้ผมไม่อยากตายเลยสักนิด ผมรักคุณ ”
“ สักวันมันก็ต้องมาถึง ไม่คุณก็ผม แต่ผมขออย่าให้เป็นคุณเลย ผมรักคุณมาก ผมคงทำใจไม่ได้ ”
“ แล้วคุณคิดว่าถ้าคุณไปก่อนผมจะทำใจได้ไงล่ะคนบ้า ! ”
“ ไม่พูดเรื่องนี้กันแล้วนะ ผมรักคุณมากรู้ไหมควานลิน ”
“ อื้อ รู้ครับ ผมก็รักคุณมาก ๆ ”
อาการทั้งคู่ต่างเริ่มทรุดหนักลงเรื่อย ๆ ควานลินนอนขดตัวอยู่บนเตียงตั้งแต่เช้าไม่ลุกมากินข้าวกินน้ำ ดงโฮเองก็ไม่ไหวเช่นกันเมื่อเช้าตอนตื่นนอนเขากลับพบว่าเลือดจำนวนมากไหลออกมาจากจมูกยังไม่นับอาการอ่อนเพลียในตอนนี้ เขากำลังจะไม่ไหว .. คนรักของเขาก็ด้วย
ต่างคนต่างรู้ว่าช่วงเวลาสุดท้ายเริ่มเข้ามาถึงแล้ว
ไม่วันหรือสองวันนี้ ไม่ใครก็ใคร หรือไม่ก็อาจพร้อม ๆ กัน
แต่ทั้งคู่ได้แต่หวังให้เป็นอย่างหลังมากกว่า
“ ควานลินได้ยินผมไหม ” ร่างหนาซุกตัวลงบนผ้าห่มผืนเดียวกันกับคนรักพร้อมเรียกควานลินเผื่ออีกฝ่ายจะตื่นและได้ยินเขาอยู่
“ ได้ยินครับ ” น้ำเสียงแหบแห้งถูกเปล่งออกมาจากกลีบปากบางที่ดงโฮเคยสัมผัส หน้าซีดเซียวของควานลินทำดงโฮอดห่วงขึ้นมาไม่ได้
เขาไม่อยากให้ควานลินเป็นอะไรไป .. และเขาเองก็ไม่อยากตายเช่นเดียวกัน
“ ผมรักคุณจำไว้นะครับควานลิน ”
“ ฮึก ผมจะรักคุณไปตลอดเลยนะได้ยินไหมดงโฮ ”
“ นอนมั้ยครับ ผมว่าผมง่วง ผมจะนอนสักหน่อย สนใจจะกอดผมไหมคนดีของผม ”
“ อื้ออ กอดสิ อยากกอดคุณ ผมก็ง่วงเหมือนกัน ”
ควานลินขยับตัวมาซุกไว้ที่อกของคนรัก ดงโฮโอบกอดร่างบางไว้แน่น มีพบก็ต้องมีจาก เมื่อเวลาหมดลงเขาทั้งสองก็ต้องจากไปในที่สุด
และเหมือนเวลาของทั้งคู่ได้หมดลงแล้ว
“ จนกว่าจะพบกันใหม่นะควานลิน ”
“ จนกว่าจะพบกันใหม่ครับดงโฮ ”
“ ผมรักคุณมาก ”
“ ผมก็รักคุณมาก ”
ความทรงจำครั้งแรกตอนที่พบกัน ช่วงที่รู้จักกันใหม่ ๆ ผลัดกันเล่าเรื่องโง่ ๆ ที่ไม่น่าขำสักนิดให้กันและกันฟัง กอดกันครั้งแรก จูบกันครั้งแรก นั่งดูดาวด้วยกันซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่พร้อมอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น ช่วงเวลาที่แสนลำบากแต่ก็ผ่านมันมาได้ ครั้งแรกของกันและกัน ภาพทุกภาพฉายซ้ำขึ้นในหัว ก่อนทุกอย่างของทั้งคู่จะดับวูบไปพร้อมๆกัน
จนกว่าจะพบกันใหม่ : )
100 per
#crushโฮลิน
---------------------------------------------------------
TALK : ขอโทษค่ะ ฮื่อ 5555555555 เขียนฟิคตอนตัวเองกำลังดาวน์มันเลยออกมาได้ประมาณนี้ เขารักกันจริงๆนะคะ ได้อยู่ด้วยกันแล้วด้วย แหะๆ มันก็จบแฮปปี้อยู่น้า . - . (แฮปปี้บ้านแกหลอ) เดี๋ยวเรื่องหน้าไม่เศร้าค่ะไม่เศร้า ! ด้วยเกียรติของยุวกาชาดเลย เพราะโฮลินมีโมเม้น !!! กัปตันเรือเรานี่แน่จริงๆค่า มีฟามสุขที่สุดในโลก รีเควสๆจะเอาแบบใสๆน่ารักหรือใสๆวอดก้าคะ *-*
เจอกันเรื่องหน้า ฝาก #crushโฮลิน ด้วยนะคั้บ <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

T^T