ตอนที่ 9 : ก้าวต่อไป
8
ก้าวต่อไป
ภายในสตูดิโอถ่ายภาพของนิตยสาร S-F H ดูวุ่นวายไม่น้อย เพราะทีมงานหลายคนกำลังตระเตรียมสำหรับการถ่ายแบบที่กำลังจะเริ่มขึ้น ขณะนางแบบทั้งสิบคนก็กำลังแต่งหน้ากันอยู่ การถ่ายแฟชั่นวันนี้จะมีทั้งภาพเดี่ยวและภาพกลุ่มมากหรือน้อยวนเวียนกันไป ไม่ต่างจากภาพที่ถ่ายพรีเซ้นท์ตัวเองเมื่อคราวก่อน แต่ที่ต่างคือชุดที่สวมใส่นอกจากบิกินีแล้ว ยังมีชุดที่หวือหวามากกว่านั้น ซึ่งคือชุดชั้นในกับเสื้อผ้าน้อยชิ้น บางภาพต้องถ่ายเหมือนว่าไม่ได้สวมใส่อะไรเลย
อรชาแทบจะหันหลังหนีกลับบ้าน ดูเหมือนนีน่า ซึ่งเป็นคนพาบรรดานางแบบของเพอร์โมเดลลิ่งมาทำงานในวันนี้ คงจะมองท่าทีเธอออกจึงกระซิบเสียงดุใส่หูเธอ
“ถ้าเปลี่ยนใจ อ้อนต้องชดใช้ค่าเสียหายในงานวันนี้เป็นสามเท่านะจ๊ะ และเราก็เซ็นสัญญาถ่ายแบบกับเขาเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้วนะหนู”
อรชาจึงก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับแต่นี้ เพราะนี่มันไม่ใช่เวลาที่จะหันหลังให้กับสิ่งที่เธอเลือกเองตั้งแต่แรก
‘เพื่อร้านข้าวแกงของแม่กับพี่อัญ สู้ๆ’ อรชาบอกตัวเองในใจเพื่อเป้าหมายที่วางไว้แต่แรกก่อนก้าวเข้ามาบนเส้นทางนางแบบนู้ด
สตูดิโอถูกจัดเป็นฉากเหมือนอยู่ในบ้าน มีทั้งโซฟาสีแดงจัด เตียงนอนและบาร์เครื่องดื่ม ทีมงานนอกจากช่างแต่งหน้า ช่างทำผม สไตล์ลิสต์ล้วนเป็นสาวประเภทสองกับผู้ชายนะยะ จะมีผู้ชายแท้ๆ ก็คงเป็นทีมช่างภาพ คนจัดฉากจัดไฟ ส่วนอุปกรณ์ถ่ายแฟชั่น นอกจากกล้องตัวใหญ่ที่อยู่ในมือช่างภาพแล้วยังมีโน้ตบุ๊กที่มีสายเชื่อมต่อกับตัวกล้อง เพื่อให้ภาพที่ปรากฏในเลนส์ได้เห็นจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก
ครึ่งชั่วโมงต่อมาอรชากับเพื่อนๆ นางแบบก็อยู่ในชุดว่ายน้ำ ซึ่งเป็นบิกินีตัวจิ๋ว เว้าขาสูงและห่อทรวงอกแทบไม่มิด
มันก็คลายความเคอะเขินได้บ้างในยามที่ถ่ายกันเป็นกลุ่มๆ แต่พอถ่ายเดี่ยวก็แทบโพสท่าไม่ออกเหมือนกัน
“อ้อนอย่าเกร็งครับ” เสียงช่างภาพใหญ่ร้องบอกพร้อมส่งยิ้มให้กำลังใจ หญิงสาวจึงยิ้มขอบคุณตอบ อรชารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ทำตามที่ช่างภาพและสไตล์ลิสต์แนะนำอย่างตั้งใจ
เมทินีที่มองอยู่ห่างๆ ถึงกับเบ้ปาก นัยน์ตาคมมองไปยังร่างกลมกลึงที่ดูเหมือนจะโดดเด่นเกินหน้าคนอื่นๆ อย่างริษยา “ไฟในดวงตาของเธอลุกโชนแล้วเหรอ” เสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างตัว ทำให้เมทินีหันไปมองอย่างฉุนๆ
“ไปห่างๆ ฉันเลย” เมทินีเอ่ยลอดไรฟันให้อีกฝ่ายพอได้ยินกันสองคน
“ความริษยาเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์” กรแก้วว่า ก่อนขยับตัวออกห่างจากเมทินี
แต่ใบหน้าค่อนข้างกลมของกรแก้วยิ้มอย่างสะใจที่เห็นเมทินีออกอาการอิจฉาอรชาอย่างชัดเจน นั่นแสดงว่าเมทินียอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าอรชา ส่วนตัวเธอเองนั้นยอมรับตั้งแต่เห็นอรชาครั้งแรกแล้ว อรชามีความต่างจากนางแบบทั้งสิบเก้าคนอย่างเห็นได้ชัด นอกจากเป็นคนเดียวที่มีผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างกำลังพอดี ไม่สูงเพรียวบางเหมือนเมทินี ในขณะเดียวกันก็ไม่อวบอัดเหมือนเธอหรือเพื่อนนางแบบบางคน ที่สำคัญหน้าอกหน้าใจดูเกินรูปร่างมาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดจนทำให้ขาดความสมดุลกับรูปร่างของเจ้าตัว ตรงกันข้ามกลับทำให้อรชาดูเย้ายวนเต็มตึงดึงดูดสายตาอย่างมาก
อรชาเห็นชุดชั้นในที่จะสวมใส่เป็นชุดต่อไปแล้วแทบจะวิ่งออกจากสตูดิโอ แต่พอหันไปเจอสายตาเยาะๆ ของเมทินีเข้าก็ฮึดสู้ เพราะรู้ดีว่ามาถึงขั้นนี้คงถอยหลังไม่ได้แล้ว
“สู้ๆ นะอ้อน” กรแก้วกระซิบบอกพร้อมรอยยิ้มสดใส
“ขอบใจจ้ะ”
อรชาข่มความอายและความรู้สึกอื่นๆ ที่ประเดประดังเข้ามาซ้ำเติมตัวเองออกให้หมด จนกระทั่งการถ่ายแบบของเธอจบลง ทั้งที่ถ่ายรวมกลุ่มและภาพเดี่ยว แต่เพื่อนบางคนยังต้องถ่ายเดี่ยว หญิงสาวนึกประหลาดใจที่เพื่อนนางแบบต้องปลดบราเซียร์ออกแล้วใช้มือประคองสองเต้าปิดหัวนมตนเองไว้ เพราะเธอไม่ได้ถ่ายซ็อตนี้ ซึ่งมันก็ดี แต่แอบสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่ได้ถ่าย
รวมทั้งการโพสท่าของเธอกับเพื่อนๆ ก็ค่อนข้างต่างกัน คนอื่นจะถูกช่างภาพและสไตล์ลิสต์รวมทั้งบรรณาธิการแฟชั่นบอกให้ทำท่าที่เซ็กซี่ยั่วยวนค่อนข้างแรง เช่นท่านั่งบนโซฟาแล้วกางขาออกกว้าง ขณะที่มือก็แตะล้ำเข้าไปในขอบบิกินี หรือแม้ตอนสวมใส่ชุดนอนบางเบา เมทินีต้องนอนหงายเปิดกระโปรงบางเบามาถึงเอว มือก็ช้อนสองเต้าตนเองไว้ส่งสายตายั่วยวนใส่กล้อง หรืออีกนัยก็คือช่างภาพใหญ่ของ S-F H นั่นเอง ซึ่งเธอสังเกตเห็นว่าเมทินีมองไปยังกรกฎบ่อยครั้ง
กรแก้วกับเพื่อนที่เหลือก็เช่นกัน โดยเฉพาะภาพที่กรแก้วต้องเอาผ้าผืนบางมาคลุมกายทั้งที่สวมใส่เพียงจีสตริง เห็นทรวงอกขนาดมหึมาของเพื่อนสนิทค่อนข้างชัดเจน บางคนก็เปลือยทั้งหมดแล้วมีผ้าพันกายตะแคงตัวนอนให้เห็นความเปลือยเปล่าของสะโพกและทรวงอก ยังดีที่หัวนมไม่โผล่
การถ่ายแฟชั่นเริ่มต้นตั้งแต่ตอนสายและจบลงในเวลาบ่ายคล้อยทีมงานของนิตยสารจึงได้จัดเลี้ยงบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำนางแบบในร้านอาหารของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากบริษัทมิ่งอักษราพับลิชชิ่งมากนัก
“เป็นไงบ้างกับการถ่ายแบบครั้งแรก” ขณะที่อรชากำลังเลือกตักอาหารใส่จาน กรกฎก็เดินมาข้างๆ พร้อมกับจานเปล่าในมือ
“สนุกดีค่ะ แต่เขินๆ โพสท่าก็ไม่เก่งด้วยค่ะ”
“ที่ทำไปก็โอเคแล้วครับ”
“ขอบคุณนะคะ ที่ไม่ให้ฉันโพสท่าแบบ...เอ่อ...”
“ไม่หวือหวาเกินไป” ช่างภาพหนุ่มต่อประโยคของเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ค่ะ ทำนองนั้น”
“แทนคำขอบคุณ งั้นคืนนี้ให้ผมไปส่งนะครับ”
“คือ...” หญิงสาวคิดหาคำปฏิเสธ แม้กรกฎจะดูเป็นมิตร แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นคนแปลกหน้า และไม่แน่ใจด้วยว่าเขาอยากไปส่งเธอเพราะอะไร แสดงน้ำใจต่อนางแบบหน้าใหม่งั้นหรือ ถ้าเป็นแบบนั้นกรกฎก็ควรไปส่งเพื่อนๆ นางแบบของเธอด้วยสิ หรือว่าเขาคิดจะ...
“ไม่งั้นคราวหน้า คุณได้เจอท่าร้อนแรง หวือหวาสุดๆ” ช่างภาพหนุ่มทำหน้าเจ้าเล่ห์ แต่แววตากลับบ่งบอกว่าล้อเล่น
“นี่เป็นคำขู่เหรอคะ” อรชาถามกลับพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“ทำนองนั้น”
“แต่ไม่อยากรบกวนคุณหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้” หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ
“แต่ผมอยากไปส่ง อ้อนไม่ต้องกลัวผมนะ ผมไม่กล้าจีบหรือล่อลวงคุณไปทำมิดีมิร้ายหรอก” กรกฎรู้ว่าหญิงสาวกังวลเรื่องนี้ เขาอ่านได้จากดวงตาคมเฉี่ยวของเธอ
“แน่ใจนะคะ” เธอถามย้ำเหมือนต้องการความแน่ใจ กรกฎหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบเสียงหนักแน่น
“ด้วยเกียรติของช่างภาพครับ แต่ถ้าอ้อนจะจีบหรือล่อลวงผมก่อน ผมก็ยินดีนะครับ”
“ฉันก็ไม่กล้าทำแบบนั้นกับคุณเหมือนกันแหละค่ะ”
“งั้นโอเคนะครับให้ผมไปส่ง”
“ค่ะ”
ทั้งสองเลือกตักอาหารที่ต้องการ จากนั้นก็เดินกลับไปยังโต๊ะท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆ นางแบบ โดยเฉพาะเมทินีที่เธอหมายตากรกฎ เพราะรู้ว่าช่างภาพหนุ่มคนนี้จะทำให้เธอโด่งดังในถนนสายนางแบบนู้ดได้ นอกจากชายหนุ่มจะมีหน้าตาที่หล่อถูกใจเธอแล้ว เขายังเป็นน้องชายของประธานบริษัทมิ่งอักษราพับลิชชิ่ง สื่อยักษ์ใหญ่ของวงการหนังสือ ที่มีนิตยสารในเครืออยู่หลายหัวรวมทั้งหนังสือพิมพ์ชื่อดังด้วย
เมทินีได้ยินชื่อเสียงของกรกฎรวมทั้งพี่ชายของเขามาบ้าง เรื่องที่ทั้งสองเป็นป๋าดันให้กับนางแบบบางคน และเธอก็หวังที่จะเป็นหนึ่งในนั้น แต่ดูเหมือนอรชาจะชิ่งตัดหน้าเธอไปก่อนแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงเธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่
พอทานอิ่มต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับ บ้างไปเที่ยวต่อก็มี อรชาโบกมือลาทุกคน ก่อนหันไปบอกกรแก้ว
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ” กรแก้วกระซิบบอกเพราะรู้ว่ากรกฎอาสาจะไปส่งเพื่อนสาว ซึ่งอรชาบอกกับเธอตอนที่เข้าห้องน้ำด้วยกัน
“ฉันจะดูแลตัวเองอย่างดี”
จากนั้นอรชาก็เดินเคียงคู่กรกฎออกไปยังหน้าโรงแรม หญิงสาวแปลกใจอยู่บ้างเมื่อยนตกรรมยุโรปคันหรูมาจอดตรงหน้า ซึ่งไม่ใช่พนักงานของโรงแรมที่บริการให้ลูกค้า แต่กลับเป็นผู้ชายที่เข้ามาวนเวียนในหัวเธอบ่อยครั้ง
“เชิญครับ” กรกฎบอก พร้อมกับเปิดประตูด้านข้างคนขับให้เธอ
อรชายังยืนนิ่งทำหน้างง ไม่เข้าใจว่าทำไมรถที่จะพาเธอไปส่งบ้านต้องมีคนขับกิตติมศักดิ์เป็นชายหนุ่มที่กำลังมีข่าวว่าดูใจกับนางเอกชื่อดังของวงการอยู่ในตอนนี้ด้วย
“ขึ้นรถเถอะครับอ้อน รถคันหลังบีบแตรไล่แล้ว” กรกฎเร่ง
อรชาจึงก้าวขึ้นไปนั่งในรถด้วยความรู้สึกมึนงง แต่กระนั้นเธอก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่คนขับ เพื่อเป็นการทักทายตามมารยาทของคนที่มีอายุน้อยกว่าหลายปี
พิชยะรับไหว้ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เมื่อเห็นว่ากรกฎเข้าไปนั่งในเบาะหลังเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็เคลื่อนรถออกจากด้านหน้าโรงแรม
“อ้อนคงแปลกใจว่าทำไมพี่พีชมาขับรถให้ คือบังเอิญก่อนออกจากห้องอาหารผมโทร.หาพี่พีชแล้วรู้ว่าเขามาธุระที่โรงแรมนี้ เลยให้มารับเราด้วย พอดีผมจะไปธุระต่อกับพี่พีชนะครับ”
“ถ้ามีธุระกันก็ไม่น่าจะต้องไปส่งอ้อนนะคะ” อรชาเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ
“ธุระไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอก อ้อนอย่าเกรงใจสิ ผมอยากไปส่ง กลางคืนแบบนี้ไม่อยากให้อ้อนนั่งแท็กซี่กลับ”
“อ้อนนั่งรถเมล์ได้ค่ะ”
“นั่นยิ่งไม่อยากให้นั่ง วันนี้อ้อนทำงานทั้งวัน ไปเบียดเสียดคนในรถเมล์ให้เหนื่อยทำไม”
อรชาไม่โต้ตอบคำพูดของช่างภาพหนุ่ม มีแต่ความอึดอัดกังวลใจที่ต้องมานั่งเคียงคู่คนขับ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมกรกฎไม่มานั่งข้างๆ เพื่อนรุ่นพี่ของเขาเอง ให้เธอมานั่งทำไม
เสียงโทรศัพท์มือถือดังมาจากตอนหลังฉุดเธอจากห้วงคิด
“ฮัลโหล...เฮ้ยงั้นเลยเหรอ เออๆ เดี๋ยวพี่จะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ” ชายหนุ่มจบคำสนทนากับคนในโทรศัพท์แล้วเอ่ยกับคนในรถ
“อ้อน ขอโทษนะ ผมไปส่งอ้อนที่บ้านไม่ได้ พอดีฝ่ายศิลป์มีปัญหากับภาพแฟชั่นที่เพิ่งถ่ายไปวันนี้ ผมเลยจะต้องกลับเข้าออฟฟิซก่อน”
“คุณเก้าตามสบายเถอะค่ะ รบกวนคุณพิชยะจอดให้อ้อนลงป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยค่ะ”
“ให้พี่พีชไปส่งที่บ้านเถอะอ้อน ค่ำแล้วอย่ากลับคนเดียวเลย พี่พีชจอดตรงหน้าบริษัทด้วยครับ” กรกฎแย้งด้วยเหตุผลที่ทำให้อรชาจำต้องนิ่งเงียบ
ไม่กี่นาทีต่อมารถก็มาจอดหน้าบริษัทมิ่งอักษราพับลิชชิ่งจำกัด กรกฎก้าวลงจากรถและโบกมือให้อรชากับพิชยะ
“จอดป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยค่ะ” หญิงสาวหันไปพูดกับคนข้างๆ ที่ทำหน้าที่คนขับอย่างไม่พูดไม่จามาตลอดทาง
“ให้ผมไปส่งเถอะ” เขาเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งพอๆ กับสีหน้า
“ฉันไม่อยากรบกวน”
“แต่ผมอยากไปส่ง”
“แต่ฉันไม่อยากรบกวน” เธอยังพูดประโยคเดิม
“เพราะผมไม่ใช่เก้าเหรอ คุณถึงไม่อยากให้ไปส่ง!”
อรชาชะงักไปทันทีกับน้ำเสียงที่บ่งบอกอารมณ์คนพูด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องโกรธด้วย
“คงจะเป็นยังงั้นมั้งคะ!” ใช่ว่าแต่เขาที่โกรธเป็น เธอก็ไม่พอใจเช่นกันที่จู่ๆ ก็ต้องมานั่งอยู่ในรถของเขาแบบไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจแบบนี้ ที่สำคัญเธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา
“แต่เสียใจไม่ว่าคุณจะอยากให้ใครไปส่ง แต่ในเมื่อผมรับปากเก้าไว้แล้ว ผมก็จะไปส่งคุณถึงบ้าน!”
“จอดนะ ฉันไม่ต้องการให้คุณไปส่ง!” หญิงสาวกรีดเสียงขึ้นอย่างขัดใจ บอกไม่ถูกว่าโกรธเขาเพราะเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นด้วย ที่แน่ๆ ข่าวของเขากับจิดารัตน์รบกวนความคิดเธอมาหลายวันแล้ว ที่แย่ไปกว่านั้นคำพูดของชายหนุ่มคราวที่เต้นรำกับเธอที่ริมหาดวันนั้นมันยังดังก้องอยู่ในหู
ผู้ชายคนนี้ตั้งใจหว่านเสน่ห์ใส่เธอ ทั้งที่ตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว อรชาประเมินได้ระหว่างตัวเองกับจิดารัตน์ ผู้ชายที่ไหนก็ต้องเลือกนางเอกสาวคนดังที่ทั้งสวย ร่ำรวยและมีชาติตระกูลดีคนนั้น ส่วนเธอ...ลูกสาวชาวบ้านยากจนไร้สกุลรุนชาติก็คงเป็นได้แค่ของเล่นยามว่างของเศรษฐี แต่เสียใจถึงจน แต่เธอก็ไม่คิดจะเป็นของเล่นยามว่างของใครทั้งนั้น!
แปลกเหลือเกินที่รู้สึกเจ็บแปลบในอกเพราะความผิดหวังบางอย่าง ‘ก็แล้วเธอคาดหวังอะไรจากผู้ชายคนนี้ล่ะ’
“ทำไม รังเกียจผมมากนักเหรอ!” ชายหนุ่มถามเสียงดุ แต่ไม่ยอมจอดรถตามที่เธอต้องการ นอกจากแม่กับน้องสาวก็คงมีผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้เขามีอารมณ์คุกรุ่นได้อย่างง่ายดาย
“ใครจะไปกล้ารังเกียจคุณ แต่ฉันไม่ชอบไปไหนสองต่อสองกับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว กลัวคนอื่นเข้าใจผิด!” ในที่สุดเธอก็โพล่งออกไปอย่างเหลืออด
พิชยะเองก็ถึงกับนิ่งงันไปเช่นกัน ใบหน้าคมคายคลายความเข้มขรึมลงบ้าง รวมทั้งความเคืองขุ่นในอารมณ์ที่คิดว่าหญิงสาวต้องการให้กรกฎไปส่งมากกว่าจะเป็นเขา
“ถ้าคุณกังวลเรื่องนั้น สบายใจได้ครับ ผมยังไม่มีแฟน”
“ใครๆ ก็รู้กันทั้งเมืองว่าคุณมีแฟนแล้ว”
“ข่าวก็คือข่าว” เขาพูดสั้นๆ ด้วยรู้ว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้มากเกินไป ข่าวที่มีออกมาส่วนใหญ่จะเป็นเพราะคำสัมภาษณ์ของจิดารัตน์ทั้งนั้น จริงอยู่เขาไปไหนมาไหนกับนางเอกสาวเพื่อให้ได้ศึกษาดูใจจิดารัตน์ตามคำแนะนำของน้องสาว และตอนนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่านางเอกสาวไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เขาอยากจะคบหาเป็นคนรัก
แต่ที่ต้องพบเจอกันบ้างก็ตามแต่ความเจ้ากี้เจ้าการของน้องสาวเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งจิดารัตน์ก็เป็นคนโทร.มาชวนไปทานข้าว ก่อนหน้านั้นแม้เขาจะไม่ได้นึกรักจิดารัตน์อย่างที่น้องสาวต้องการ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะคบหาเป็นเพื่อนกับอีกฝ่าย หากนางเอกสาวไม่ได้ทำความเดือดร้อนหรือรำคาญใจอะไรกับเขา แต่พอเจออรชา พิชยะก็คิดว่าตอนนี้ควรจะถอยห่างจากจิดารัตน์โดยด่วน ยิ่งมาได้ยินคำพูดของอรชาตรงๆ แบบนี้ด้วยแล้วคงปล่อยให้เรื่องราวมันยืดเยื้อต่อไปไม่ได้
อรชาเองก็ถึงกับเงียบไปเช่นกัน ไม่เข้าใจว่าเขาจะปฏิเสธเรื่องเป็นแฟนกับจิดารัตน์ไปทำไม หรือหวังผลอะไรจากการโกหกเธอ ครู่ต่อมาหญิงสาวก็แค่นยิ้มเอ่ยเสียงขื่น
“คุณกับคุณเก้าวางแผนกันใช่ไหมคะ”
“คือ...” พิชยะถึงกับพูดไม่ออก ไม่คิดจริงๆ ว่าหญิงสาวจะประติดประต่อเรื่องราวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ นั่นแสดงว่าอรชาคงรู้ที่เขาพาตัวเองมาใกล้ชิดเธอนั้นเพื่อหวังสิ่งใด
“ถึงฉันจะเป็นนางแบบนู้ด แต่ฉันไม่ขายตัวหรืออยากเป็นของเล่นของใครหรอกนะคะ”
“อรชา!”
+++++
ขอบคุณสำหรับการติดตาม โหวต เม้นท์นะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แล้วก็อย่ารอช้า ตอนหน้ามาไวไวนะจ๊ะ